<VSN><<<มาใหม่ สายเขาอ้อ อ.ชุม,อ.ปาล,อ.คง, สรุปรายการหน้า๑๐๓>>><NSV>

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย momotaro67, 25 ธันวาคม 2010.

  1. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    รับทราบการจองครับผม
     
  2. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    ปิดรายการนี้ให้คุณนิคม ครับผม

     
  3. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    ปิดรายการนี้ให้ลูกค้าขาประจำครับผม

     
  4. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    ปิดรายการนี้ให้สหายคับ

     
  5. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    <CENTER></CENTER>พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ ประวัติพิธีการสร้างและปลุกเสก ครั้งยิ่งใหญ่


    พระ เครื่องที่มีพิธีกรรมปลุกเสกครั้งยิ่งใหญ่ในเมืองไทย วงการพระจักต้องจารึกพระราชพิธีที่สำคัญยิ่งไว้ในครั้งนั้น ได้แก่ พิธีพุทธาภิเษก หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า 25 พุทธศตวรรษ ซึ่งพิธีนี้ปลุกเสกที่พระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานครนี่เอง และนับเป็นพิธีมหาพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นพระเครื่องที่ทางการได้จัดสร้างขึ้นเพื่อนำเงินรายได้จัดสร้างพุทธมณฑล ที่ตำบลศาลายา และบูรณปฏิสังขรณ์ปูชนียสถานที่สำคัญๆ ในทางพุทธศาสนาของเรา นับเป็นการสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และถูกต้องครบถ้วนตามพิธีทางศาสนา ทำการปลุกเสกโดยพระคณาจารย์ที่มีชื่อ 108 องค์ ซึ่งทางการได้คัดเลือกมาจาก ทั่วราชอาณาจักร เป็นพระเครื่องที่มีพุทธานุภาพและปาฏิหาริย์หลายอย่างแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง

    พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ มีด้วยกัน 3 ชนิด คือ

    1.พระเครื่องเนื้อทองคำแท้ สร้างเพียง 2,500 องค์
    2.พระเครื่องเนื้อชิน สร้างเพียง 2,421,250 องค์
    3.พระเครื่องเนื้อดิน สร้างเพียง 2,421,250 องค์
    4.พระเครื่องชนิดเหรียญนิกเกิล สร้างเพียง 2,000,000 เหรียญ

    อนึ่ง นอกจากนี้ก็มีพิมพ์พิเศษ ซึ่ง พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร หนึ่งในกรรมการดำเนินงานได้สร้างขึ้นเป็นพิมพ์สี่เหลี่ยม พระชุดนี้ พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร ได้นำเข้าพิธีพร้อมกับพระเนื้อชินและเนื้อดิน เมื่อเสร็จพิธีแล้วได้แจกให้กับกรรมการที่มีส่วนในการจัดงานให้ลุล่วงไปด้วย ดีคนละหนึ่งองค์ หากผู้ใดจะเช่าบูชานั้นจะสมนาคุณรายที่เช่าบูชาพระเนื้อดินหรือชินพร้อมกัน ครั้งละ 100 องค์

    สำหรับ พระเนื้อชินและเนื้อดินนั้นมีส่วนผสมที่น่าสนใจมาก คือ พระเนื้อชิน ที่ประกอบด้วยมวลสารของโลหะหลายอย่างเช่น พลวง, ดีบุก, ตะกั่วดำ และ แผ่นเงิน, ทองแดง ที่พระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณทั่วประเทศทำการลงอักขระยันต์มาแล้ว ยังมีชนวน หล่อพระในพิธีอื่นๆ พร้อมผงตะไบ “พระกริ่งนวโลหะ” ทั้งของ สมเด็จพระสังฆราชแพ และ ท่านเจ้าคุณศรี (สนธิ์) วัดสุทัศน์ มาเป็นชนวนในการสร้างที่มากถึง 2,421,250 องค์

    ส่วน พระเนื้อดินผสมผงเกสร ก็มีมวลสารที่ประกอบด้วยดินจาก ทะเลสาบสงขลาเกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา เป็นส่วนผสมหลัก เนื่องจากดินที่เกาะยอเนื้อละเอียดมีลายเป็นพรายน้ำในตัวและมีสีเหลืองนวล คล้าย พระซุ้มกอ, พระลีลาเม็ดขนุน โดยนำมาผสมกับผงเกสรดอกไม้ 108 ชนิด แล้วยังมีว่านต่างๆ พร้อมดินหน้าพระอุโบสถ, ดินหน้าพระอารามสำคัญของแต่ละจังหวัด และดินจากบริเวณที่ประดิษฐานพระประธานพุทธมณฑล รวมทั้งดินจากสังเวชนียสถาน 4 ตำบล (ประสูติ-ตรัสรู้-ปฐมเทศนา-ปรินิพพาน) จากประเทศอินเดีย โดยมีผงพุทธคุณจากพระคณาจารย์ 108 รูป ผงพระเครื่องที่ชำรุด เช่น พระสมเด็จวัดระฆัง, พระรอด, นางพญา, ผงสุพรรณ, ซุ้มกอ, กำแพงลีลาเม็ดขนุน, ขุนแผนบ้านกร่าง ฯลฯ รวมทั้ง ผงตะไบพระกริ่งนวโลหะ ของ สมเด็จพระสังฆราชแพ, เจ้าคุณศรี (สนธิ์) วัดสุทัศน์ ดังกล่าวข้างต้น

    เนื่อง จากการสร้างพระ 25 พุทธศตวรรษ เนื้อดินผสมผง ตั้งโรงงานสร้างขึ้นในบริเวณวัดสุทัศน์ พระเนื้อดินผสมผงก็สร้างด้วยจำนวนมากเท่ากับเนื้อชิน คือ 2,421,250 องค์ ซึ่งพอสร้างเสร็จและนำเข้าเตาเผาก็จะปรากฏเป็นสีที่แตกต่างกัน เช่น ดำ, น้ำตาลไหม้, เทา, เขียว, ขาวนวล, พิกุลแห้ง, หม้อใหม่, ครีม, ชมพู รวมทั้ง เนื้อสองสี (ที่เรียกว่า เนื้อผ่าน) และหากตั้งข้อสังเกตจะเห็นได้ว่าสีขององค์พระจะคล้ายกับพระที่สร้างในยุค โบราณ ทั้ง พระรอด, พระคง, พระเปิม และ พระบาง รวมทั้งพระเนื้อดินเผาสกุล นางกำแพง, ผงสุพรรณ และพระกรุของเมือง อยุธยา เป็นต้น

    ประธาน ฝ่ายสงฆ์ของพิธีกรรม คือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศมหาวิหาร ประธานฝ่ายฆราวาส จอมพล ป. พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรีสมัยนั้น พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ ประธานฝ่ายจัดสร้างพระพิมพ์ รองประธานฝ่ายจัดสร้างได้แก่ พลตำรวจตรี เนื่อง อาขุบุตร ท่านได้เป็นกรรมการจัดจำหน่ายให้สาธุชนและผู้มีเกียรติทั้งหลายเช่าบูชาไป สักการะ หรือนำติดตัวเพื่อป้องกันอุบัติเหตุร้ายได้อีกด้วย

    พิธีกรรม การทำพิธีพุทธาภิเษกปลุกเสกพระเครื่อง ได้นิมนต์พระคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมาทำพิธีถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกนำสิ่งของที่จะสร้างมาทำพิธีพุทธาภิเษกปลุกเสกเสียก่อนครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2500 ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์ มีพระคณาจารย์มาทำพิธีครบ 108 องค์ ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2500 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงพระกรุณาเททอง หล่อพระทองคำ แล้วทรงพิมพ์พระเนื้อดินและชนิดเนื้อชินเป็นปฐมฤกษ์ แต่วันนั้นได้สร้างในบริเวณวัดสุทัศน์เป็นเวลาถึง 3 เดือนเศษจึงแล้วเสร็จ ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2500 ได้ทำพระเครื่องทั้ง 3 ชนิดดังกล่าวแล้ว เข้าพิธีพุทธาภิเษกอีกครั้งเป็นระยะเวลา 3 วัน 3 คืน รวมเวลาทำพิธีพุทธาภิเษก 2 ครั้ง 6 วัน 6 คืน มีพระเกจิอาจารย์ที่ทางการ ร่วมอาราธนามาปลุกเสก 108 องค์

    ราย นามพระอาจารย์ปลุกเสกพระเครื่องในงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ ซึ่งได้สร้างเสร็จสิ้นแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดสุทัศนเทพวรารามมหาวิหาร เมื่อวันที่ 2-3 และ 4 พฤษภาคม 2500 รวม 3 วัน มีดังนี้คือ

    1. พระครูอาคมสุนทร วัดสุทัศน์ กทม.
    2. พระครูสุนทรสมาธิวัตร วัดสุทัศน์ กทม.
    3. พระครูญาณาภิรัต วัดสุทัศน์ กทม.
    4. พระครูพิบูลย์บรรณวัตร วัดสุทัศน์ กทม.
    5. พระครูสุนทรศีลาจารย์ วัดสุทัศน์ กทม.
    6. พระครูพิศาลสรกิจ วัดสุทัศน์ กทม.
    7. พระมหาสวน วัดสุทัศน์ กทม.
    8. พระมหาอำนวย วัดสุทัศน์ กทม.
    9. พระปลัดสุพจน์ วัดสุทัศน์ กทม.
    10. พระครูวิสิษฐ์วิหารการ วัดชนะสงคราม กทม.
    11. พระสุธรรมธีรคุณ (วงษ์) วัดสระเกศ กทม.
    12. พระอาจารย์สา วัดราชนัดดาราม กทม.
    13. พระปลัดแพง วัดมหาธาตุ กทม.
    15. พระวรเวทย์คุณาจารย์ วัดพระเชตุพน กทม.
    16. พระครูฐาปนกิจประสาท วัดพระเชตุพน กทม.
    17. พระอินทรสมาจารย์ วัดพระเชตุพน กทม.
    18. พระครูวินัยธร (เฟื่อง) วัดสัมพันธวงศ์ กทม.
    19. พระครูภักดิ์ วัดบึงทองหลาง กทม.
    20. พระครูกัลญาณวิสุทธิ วัดดอนหวาย กทม.
    21. พระอาจารย์มี วัดสวนพลู กทม.
    22. พระอาจารย์เหมือน วัดโรงหีบ กทม.
    23. พระหลวงวิจิตร วัดสะพานสูง กทม.
    24. พระอาจารย์หุ่น วัดบางขวด กทม.
    25. พระราชโมลี วัดระฆัง กทม.
    26. หลวงวิชิตชโสธร วัดสันติธรรมาราม กทม.
    27. พระครูโสภณกัลญานุวัตร (เส่ง) วัดกัลญาณมิตร กทม.
    28. พระครูภาวนาภิรัต (ผล) วัดหนัง กทม.
    29. พระครูทิวากรคุณ (กลีบ) วัดตลิ่งชัน กทม.
    30. พระครูไพโรจน์วุฒิคุณ (ไพฑูรย์) วัดโพธินิมิตร กทม.
    31. พระครูญาณสิทธิ์ วัดราชสิทธาราม กทม.
    32. พระอาจารย์มา วัดราชสิทธาราม กทม.
    33. พระอาจารย์หวน วัดพิกุล กทม.
    34. พระมหาธีรวัฒน์ วัดปากน้ำ กทม.
    35. พระอาจารย์จ้าย วัดปากน้ำ กทม.
    36. พระอาจารย์อินทร์ วัดปากน้ำ กทม.
    37. พระครูกิจจาภิรมย์ วัดอรุณราชวราราม กทม.
    38. พระครูวินัยสังวร วัดประยุรวงศาวาส กทม.
    39. พระสุขุมธรรมาจารย์ วัดหงษ์รัตนาราม กทม.
    40. พระครูพรหมวินิต วัดหงษ์รัตนาราม กทม.
    41. พระอาจารย์อิน วัดสุวรรณอุบาสิการ กทม.
    42. พระครูวิริยกิจ (โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี กทม.
    43. พระปรีชานนทมุนี (ช่วง) วัดโมลี นนทบุรี
    44. พระครูปลัดแฉ่ง (หลวงพ่อแฉ่ง) วัดศรีรัตนาราม นนทบุรี
    45. พระปลัดยัง (หลวงพ่อยัง) วัดบางจาก นนทบุรี
    46. พระอาจารย์สมจิต วัดป่ากะเหรี่ยง ราชบุรี
    47. พระอาจารย์แทน วัดธรรมเสน ราชบุรี,
    48. พระครูบิน วัดแก้ว ราชบุรี
    49. พระอินท์เขมาจารย์ วัดช่องลม ราชบุรี
    50. พระธรรมวาทีคณาจารย์ (เงิน) วัดดอนยายหอม นครปฐม
    51. พระครูสังฆวิชัย วัดพระปฐมเจดีย์ นครปฐม
    52. พระอาจารย์สำเนียง วัดเวฬุวัน นครปฐม
    53. พระอาจารย์เต๋ วัดสามง่าม นครปฐม
    54. พระอาจารย์แปลก วัดสระบัว ปทุมธานี
    55. พระครูปลัดทุ่ง วัดเทียนถวาย ปทุมธานี
    56. พระครูบวรธรรมกิจ (เทียน) วัดโบสถ์ ปทุมธานี
    57. พระครูโสภณสมาจารย์ (เหรียญ) วัดหนองบัว กาญจนบุรี
    58. พระครูวิสุทธิรังษี วัดเหนือ กาญจนบุรี
    59. พระมุจลินท์โมฬี (ดำ) วัดมุจลินท์ ปัตตานี
    60. พระครูรอด วัดประดู่ นครศรีธรรมราช
    61. พระครูวิศิษฐ์อรรถการ (คล้าย) วัดสวนขัน นครศรีธรรมราช
    62. พระครูสิทธิธรรมาจารย์ (พระอาจารย์ลี) วัดอโศการาม สมุทรปราการ
    63. พระอาจารย์บุตร วัดใหม่บางปลากด สมุทรปราการ
    64. พระอาจารย์แสวง วัดกลางสวน สมุทรปราการ
    65. พระครูศิริสรคุณ (แดง) วัดท้ายหาด สมุทรสงคราม
    66. พระครูสมุทรสุนทร วัดพวงมาลัย สมุทรสงคราม
    67. พระสุทธิสารวุฒาจารย์ (ใจ) วัดเสด็จ สมุทรสงคราม
    68. พระอาจารย์อ๊วง วัดบางคณที สมุทรสงคราม
    69. พระครูไพโรจน์วุฒาจารย์ (รุ่ง) วัดท่ากระบือ สมุทรสาคร
    70. พระครูวิเศษสมุทรคุณ (ฮะ) วัดดอนไก่ดี สมุทรสาคร
    71. พระครูลักขิตวันมุนี (ถิร) วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี
    72. พระอาจารย์แต้ม วัดพระลอย สุพรรณบุรี
    73. พระครูโฆษิตธรรมสาร (ครื้น) วัดสังโฆ สุพรรณบุรี
    74. พระครูวรกิจวินิจฉัย (พริ้ง) วัดวรจันทร์ สุพรรณบุรี
    75. พระครูสัมฤทธิ์ วัดอู่ทอง สุพรรณบุรี
    76. พระวรพจน์ปัญญาจารย์ (เฮี้ยง) วัดอรัญญิการาม ชลบุรี
    77. พระครูธรรมาวุฒิคุณ วัดเสม็ด ชลบุรี
    78. พระครูธรรมธร (หลาย) วัดราษฎร์บำรุง ชลบุรี
    79. พระอาจารย์บุญมี วัดโพธิ์สัมพันธ์ ชลบุรี
    80. พระพรหมนคราจารย์ วัดแจ้งพรหมนคร สิงห์บุรี
    81. พระครูศรีพรหมโศภิต (แพ) วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
    82. พระชัยนาทมุนี วัดบรมธาตุ ชัยนาท
    83. พระอาจารย์หอม (หลวงพ่อหอม) วัดชากหมาก ระยอง
    84. พระอาจารย์เมือง วัดท่าแพ ลำปาง
    85. พระครูอุทัยธรรมธารี วัดท้าวอู่ทอง ปราจีนบุรี
    86. พระครูวิมลศีลาจารย์ วัดศรีประจันตคาม ปราจีนบุรี
    87. พระครูสุนทรธรรมประกาศ วัดโพธิ์ปากพลี นครนายก
    88. พระครูบาวัง วัดบ้านเด่น ตาก
    89. พระครูสวรรควิริยกิจ วัดสวรรคนิเวศ แพร่
    90. พระครูจันทร์ (หลวงพ่อจันทร์) วัดคลองระนง นครสวรรค์
    91. พระครูศีลกิติคุณ (อั้น) วัดพระญาติการาม อยุธยา
    92. พระอาจารย์แจ่ม วัดวังแดงเหนือ อยุธยา
    93. พระครูเล็ก วัดบางนมโค อยุธยา
    94. พระอาจารย์มี วัดอินทราราม อยุธยา
    95. พระอาจารย์หวาน วัดดอกไม้ อยุธยา
    96. พระอาจารย์หน่าย วัดบ้านแจ้ง อยุธยา
    97. พระครูประสาทวิทยาคม (นอ) วัดกลางท่าเรือ อยุธยา
    98. พระอาจารย์จง (หลวงพ่อจง) วัดหน้าต่างนอก อยุธยา
    99. พระอธิการเจาะ วัดประตูโลกเชษฐ์ อยุธยา
    100. พระอาจารย์ศรี วัดสระแก อยุธยา
    101. พระสุวรรณมุนี วัดมหาธาตุ เพชรบุรี
    102. พระครูสุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี
    103. พระครูพิบูลย์ศีลาจารย์ วัดโพธิ์กรุ เพชรบุรี
    104. พระครูทม (หลวงพ่อทม) วัดสว่างอรุณ เพชรบูรณ์
    105. พระสวรรควรนายก วัดสวรรคาราม สุโขทัย
    106. พระโบราณวัตถาจารย์ วัดราชธานี สุโขทัย
    107. พระครูบี้ วัดกิ่งลานหอย สุโขทัย
    108. พระครูวิบูลย์สมุทรกิจ วัดเสด็จ สมุทรสงคราม

    [​IMG]



    อภินิหารพระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ ปืนเอ็ม16 กระหน่ำยิง ไม่ระคายผิว

    พระ เครื่องราคาสูงหลัก “แสน” หรือหลัก “ล้าน” ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะ “เข้มขลังตามมูลค่า” ขณะที่ราคาพระเครื่องหลัก “ร้อย” หรือหลัก “พัน” อาจมีพุทธานุภาพสูงส่งก็ได้เพราะไม่มีอะไรเป็นเครื่องวัดได้ ซึ่งผิดกับความร้อน-หนาวที่วัดได้ด้วย “เทอร์โมมิเตอร์” แต่สิ่งเดียวที่พอจะวัดได้ก็คือ “ประสบการณ์” เพราะเป็น “ปรากฏการณ์” ให้พบเห็นทั้งในอดีตและปัจจุบันอยู่เสมอ “เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน” ฉบับนี้จึงขอนำท่านผู้ อ่าน “อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์” ย้อนกลับไปพบกับข่าวหนึ่งบนหน้าหนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” ที่ได้บันทึกเหตุการณ์เป็นข่าวที่สุดตื่นเต้นเป็นการพิสูจน์ถึงอภินิหารของ “พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ” ที่ปัจจุบันยังมีให้บูชาในราคาไม่สูงเกินไปนัก
    โดย หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์ ฉบับที่ ๙,๔๗๐ ประจำวันศุกร์ที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๘” ได้เสนอข่าวถึงเรื่องราวปาฏิหาริย์ของ “พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ” ที่มีรายงานข่าวจาก จังหวัดพัทลุง ว่าเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๑๘ เวลา ๐๔.๓๐ น. นายสืบศักดิ์ แกล้วทนง อายุ ๒๓ ปี บ้านอยู่หมู่ที่ ๒ ต.ป่าพยอม อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากดูโขนสดและภาพยนตร์ที่ วัดป่าพยอม เพื่อกลับบ้าน ขณะขับขี่ไปถึง ตลาดป่าพยอม เกิดไปเฉี่ยวเอาราษฎรหน่วยปฏิบัติการพิเศษ “ชุดล่าสังหาร” ผู้หนึ่งที่ทาง “ทหาร ผส.๕ ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่” มาจัดตั้งหน่วยขึ้นที่ ต.ป่าพยอม อ.ควนขนุน
    เพื่อทำ หน้าที่ปราบปรามผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งกำลังเดินกลับ เข้าค่าย จำนวน ๔ คน ราษฎรหน่วยปฏิบัติการพิเศษ “ชุดล่าสังหาร” ผู้ที่ถูก “นายสืบศักดิ์” ขับรถเฉี่ยวจึงตะโกนบอกให้ “นายสืบศักดิ์” หยุดรถแต่ “นายสืบศักดิ์” เป็น “คนหูหนวก” จึงไม่ได้ยินเลยไม่หยุดรถ “หน่วยล่าสังหาร” ผู้นั้นจึงรัว “ปืนเอ็ม ๑๖” เข้าใส่ “นายสืบศักดิ์” ที่ยังขับรถทั้งหมด ๓๐ นัด กระสุนปืนพุ่งเข้าหา “นายสืบศักดิ์” เต็มแผ่นหลังจนตกลงจากรถจักรยานยนต์ หน่วยล่าสังหารทั้ง ๔ นายจึงกรูเข้าไปดูกลับเห็น “นายสืบศักดิ์” ปราศจากบาดแผลเนื่องจาก “กระสุนปืนเอ็ม ๑๖” ที่ยิงใส่นายสืบศักดิ์ไม่ระคายผิวเลย “หน่วยล่าสังหาร” ทั้ง ๔ นายจึงช่วยกันหักคอ “นายสืบศักดิ์” จนตายคามือแล้วพากันหลบหนีไป

    ต่อ มาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการชันสูตรศพ จึงพบว่าแผ่นหลังของ “นายสืบศักดิ์” ถูกกระสุนปืนเอ็ม ๑๖ หลายนัดแต่กระสุนไม่ทะลุ มีเพียง “รอยไหม้เกรียม” ที่เกิดจากพิษกระสุนปรากฏเป็นจุด ๆ เท่านั้น ส่วนเหตุที่เสียชีวิตก็เพราะกระดูกบริเวณแผ่นหลังและที่ลำคอของ “นายสืบศักดิ์” หักหลายชิ้นเจ้าหน้าที่ค้นในตัวศพจึงพบว่าหนุ่มใบ้ผู้เสียชีวิตมีเพียง “พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ ๑ องค์” เท่านั้นซึ่งเป็นพระเครื่องที่จัดสร้างขึ้นเมื่อคราวมีงานฉลอง “๒๕ พุทธศตวรรษ” ในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ซึ่งครั้งนั้นรัฐบาลได้จัดตั้งกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อดำเนินงานเกี่ยวกับการสร้างพระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ สำหรับเป็นที่ระลึกและแจกจ่ายสมนาคุณให้แก่ประชาชน ผู้ที่มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนในการสร้าง “พุทธมณฑล” โดย “พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ” ที่จัดสร้างขึ้นในครั้งนั้นมีรายการและรายละเอียดดังนี้

    ๑. เนื้อชิน พุทธลักษณะเป็นรูปองค์พระปฏิมากรแบบนูน เป็นพระที่สร้างขึ้นด้วยเครื่องปั๊มขนาดความกว้าง ๑.๘ ซม. สูง ๔.๗ ซม. หนา ๒ มม. วัสดุที่สร้างมีส่วนผสมต่าง ๆ ดังนี้ “พลวง, ดีบุก, ตะกั่วดำ, เนื้อนวโลหะ” และ “แผ่นทองแดง, แผ่นตะกั่ว, แผ่นเงิน” ที่พระอาจารย์ต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักรทำการลงอักขระเลขยันต์ และคาถาต่าง ๆ แล้วนำมาผสมหล่อหลอมเข้าด้วยกันโดยมีจำนวนสร้าง ๒,๔๒๑,๒๕๐ องค์

    ๒. เนื้อดิน พุทธลักษณะเป็นรูปองค์พระปฏิมากรแบบนูน สร้างขึ้นด้วยเครื่องปั๊มมีด้วยกัน ๒ พิมพ์คือ “พิมพ์เขื่อง” มีขนาดกว้าง ๑.๖ ซม. สูง ๔.๒ ซม. หนา ๖ มม. “พิมพ์ย่อม” มีขนาดกว้าง ๑.๔ ซม. สูง ๓.๙ ซม. หนา ๔ มม. วัสดุที่ใช้สร้างเป็น “เนื้อดิน” ทั้ง ๒ พิมพ์โดยนำดินที่ขุดจาก ทะเลสาบจังหวัดสงขลา ผสมกับ เกสรดอกไม้ ๑๐๘ ชนิด ตลอดทั้งว่านและใบไม้ต่าง ๆ พร้อม ดินจากหน้าพระอุโบสถ ที่มีความสำคัญจากจังหวัดต่าง ๆ อีกทั้งดินที่นำมาจากสังเวชนียสถาน ๔ แห่ง ใน ประเทศอินเดีย นอกจากนี้ยังใช้ผงวิเศษจากพระอาจารย์ต่าง ๆ และพระเครื่องโบราณที่ชำรุดเช่น “พระสมเด็จฯ, พระขุนแผน, พระนางพญา, พระรอด” มาผสมเข้าด้วยกัน จำนวนที่สร้าง ๒,๔๒๑,๒๕๐ องค์ เช่นกันกับเนื้อชินโดยพระเครื่องเนื้อดินเผามีด้วยกันหลายสี อาทิ สีดำ, สีเทา, สีขาวนวล, สีพิกุลแห้ง, สีหม้อใหม่, สีครีม, สีชมพู, สีน้ำตาลไหม้ ฯลฯ เป็นต้น

    ๓. เนื้อทองคำ พุทธลักษณะเป็นรูปองค์พระพุทธปฏิมากรแบบนูน สร้างด้วยเครื่องปั๊มมีขนาดกว้าง ๑.๘ ซม. สูง ๔.๗ ซม. หนา ๒ มม. ด้านหน้าและด้านหลังพุทธลักษณะโดยทั่วไปเป็นแบบเดียวกันกับพระ “เนื้อชิน” และจำนวนสร้างเท่ากับ พ.ศ. ที่สร้างคือ ๒,๕๐๐ องค์ โดยน้ำหนักทองคำองค์ละ ๖ สลึง ทางด้านพิธีกรรมการ ปลุกเสกครั้งแรกทำการปลุกเสกสรรพวัตถุและมวลสารต่าง ๆ ก่อนที่จะได้นำมาสร้างเป็นพระโดยประกอบพิธีปลุกเสก ณ พระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืนด้วยกัน โดยในวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๐ เวลา ๑๖.๓๐ น. ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นประธานพิธี สมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตฺติโสภโณ) สังฆนายก วัดเบญจมบพิตรฯ จุดเทียนชัยและมีพระเกจิอาจารย์ ๑๐๘ รูป นั่งปรกปลุกเสก บรรจุพุทธาคมลงในสรรพวัตถุและมวลสารต่าง ๆ จนตลอดคืน จากนั้นวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๐ เวลา ๑๖.๓๐ น. พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ประธานคณะกรรมการฯเป็นประธานพิธี และพระราชาคณะ ๒๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์ พระเกจิอาจารย์ ๑๐๘ รูปนั่งปรกปลุกเสกบรรจุ พุทธาคมลงในสรรพวัตถุ และมวลสารต่าง ๆ ตลอดคืน

    วัน ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๐ เวลา ๑๖.๓๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมายังพระวิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหา วิหาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชา พระศรีศากยมุนีเสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังมณฑลพิธีหน้าพระอุโบสถ ทรงเททองหล่อ “พระพุทธรูปทองคำ” จำนวน ๔ องค์ และทรงกดพิมพ์พระเครื่องฯ “๒๕ พุทธศตวรรษ” เนื้อดินจำนวน ๓๐ องค์ เป็นปฐมฤกษ์แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับเข้าสู่พระอุโบสถ สมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะ ถวายอดิเรกจบแล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ ส่วนพระเกจิอาจารย์ในจำนวน ๑๐๘ รูป เข้าสู่มณฑลพิธีนั่งปรกปลุกบรรจุพุทธาคมลงในสรรพวัตถุและมวลสารต่อไปจนตลอด คืน

    พิธีปลุกเสก ครั้งที่สองได้ทำพิธี ณ วัดสุทัศนเทพวรารามฯ หลังจากพระเครื่องทั้งหมดได้สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว เมื่อวันที่ ๒, ๓, ๔ พฤษภาคม ๒๕๐๐ เป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน ประกอบด้วยเกจิอาจารย์ชั้นนำในยุคนั้นอีก ๑๐๘ องค์ เช่น “หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน หลวงพ่อเทียน วัดโบสถ์ หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ หลวงพ่อนาค วัดระฆัง หลวงพ่อดี วัดเหนือ หลวงพ่อใจ วัดเสด็จ หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง หลวงพ่อแทน วัดธรรมเสน หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม” เป็นต้น

    ด้วย เหตุนี้ “พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ” จึงจัดเป็นพระเครื่องที่ดีเยี่ยมแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันยังพอแสวงหาได้ในราคาไม่สูงมากนัก เป็นสิริมงคลล้ำค่าที่จะอาราธนาขึ้นแขวนคอได้อย่างสบายใจ (ขอบคุณข้อมูลรายนามเกจิอาจารย์จากนิตยสารลานโพธิ์).


    เหรียญพระพุทธแบบพุทธลีลา 25 พุทธศตวรรษ เนื้อชิน แบบนิยม มีเข็ม ฐานจุด สวยๆ

    มวลสารสำคัญที่นำมาใช้เป็นส่วนผสมในครั้งนี้ ได้แก่ พลวง ดีบุก ตะกั่วดำผสมด้วยนวะโลหะ คือ ชินหนัก 1 บาท เจ้าน้ำเงินหนัก 2 บาท เหล็กละลายตัวหนัก 3 บาท เหล็กบริสุทธิ์หนัก 4 บาท ปรอทหนัก 5 บาท สังกะสี หนัก 6 บาท ทองแดง หนัก 7 บาท เงิน หนัก 8 บาท ทองคำ หนัก 9 บาท ตลอดจนแผ่นทองแดง ตะกั่ว เงิน ที่พระคณาจารย์ต่างๆ เกือบทั้งทั่วราชอาณาจักรได้ลงเลขยันต์คาถาส่งมาให้และเศษชนวนหล่อพระในพิธีแห่งอื่นๆรวมหล่อผสมลงไปในรอบนี้ด้วย

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]



    [FONT=&quot]ให้บูชา 1,750บ. ครับ[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2013
  6. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]
    พระเถราจารย์ของชาวคลองด่าน

    หลวงพ่อปาน เป็นพระภิกษุที่ปฏิบัติธรรมวินัยเคร่งครัด กิจของสงฆ์หลวงพ่อปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน อีกประการหนึ่งคือนำ พระสงฆ์ออกบิณฑบาตทุก ๆ เช้า นอกจากเจ็บป่วยไป ไม่แล้วท่านปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน อีกประการหนึ่ง คือนำพระสงฆ์สวดมนต์เช้าเย็นที่หอสวดมนต์เป็นประจำทุกวัน และสวดมนต์เป็นคัมภีร์หรือผูกเป็นเล่มเป็นวัน ๆ ไป กระทั่งสวดปาฏิโมกข์ เหตุดังนี้ในสมัยนั้น พระลูกวัดของท่านจึงสวดมนต์เก่งมาก

    ด้านสาธารณประโยชน์ หลวงพ่อเป็นผู้นำในการสร้างถนนจากคลองด่านไปบางเพรียง ถนนจากวัดมงคลโคธาวาสไปวัดสว่างอารมณ์ ถนนจากวัดมงคลโคธาวาสจรดคลองนางหงษ์ ถนนแต่ละสายปัจจุบันได้พัฒนาเป็นถนนถาวรและใช้สัญจร ไปมาจนถึงทุกวันนี้

    ด้านความศักดิ์สิทธิ์อภินิหารของหลวงพ่อนั้น เป็นที่เลื่องลือกันทั่วไป เป็นพระอาจารย์ ที่มีญาณแก่กล้าชื่อเสียงโด่งดังในสมัยรัชกาลที่ ๕ เครื่องรางของขลัง ของท่านเป็นที่เลื่อมใสศรัทธามากและสืบ เสาะหากันจนทุกวันนี้ ท่านคร่ำเคร่งทางวิปัสสนามากและ ธุดงค์อยู่เสมอ ด้วยคุณความดีและคุณธรรมอันสูงส่งของหลวงพ่อที่ได้ประกอบขึ้นไว้ แต่ครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ ราษฎรในตำบลใกล้เคียง กระทั่งต่างอำเภอและต่างจังหวัดพากันเคารพนับถือและรำลึก ถึงหลวงพ่ออย่างไม่ เสื่อมคลาย

    ก่อนที่หลวงพ่อปานจะมรณภาพนั้น ประชาชนที่มีความเคารพบูชาหลวงพ่อ ได้พร้อมใจกันหล่อรูปท่านขึ้นมาองค์หนึ่ง ขนาดเท่าองค์จริง เพื่อไว้เป็นที่เคารพบูชา เพราะหลวงพ่อไม่ค่อยได้อยู่วัด ท่านมักจะเดินธุดงค์ไปในที่ต่างๆ เป็นประจำ จะได้กราบรูปหล่อแทนตัวท่าน แต่เมื่อหล่อรูปแล้วท่านก็ไม่ค่อยจะเข้าวัด ท่านมักจะปลีกตัวไปจำวัดที่พระปฐมเป็นประจำ การที่ท่านไม่อยากเข้าวัดของท่านนั้น อาจเป็นเพราะท่านรู้ล่วงหน้าว่าถึงคราวจะหมดอายุขัยแล้ว ท่านจึงต้องการความสงบในการพิจารณาธรรม แต่ท่านก็ไม่ได้บอกกับใครๆ เมื่อญาติโยมอ้อนวอนมากๆ เข้า ท่านก็บ่ายเบี่ยงไปว่า “เข้าไปไม่ได้ อ้ายดำมันอยู่ ขืนเข้าไปอ้ายดำมันจะเอาตาย” คำว่า “อ้ายดำ” หมายถึงรูปหล่อของท่านนั่นเอง ปัจจุบันนี้รูปหล่อของท่านก็ยังประดิษฐานอยู่ที่วัดมงคลโคธาวาส (วัดคลองด่าน หรือวัดบางเหี้ย) คืออยู่ที่กุฏิของหลวงพ่อซึ่งได้จัดสร้างขึ้นใหม่ และปรากฏความศักดิ์สิทธิ์มากมาย น้ำมนต์ที่หน้ารูปหล่อของท่านก็มีคนนำไปดื่ม และทองคำเปลวที่รูปหล่อก็มีคนนำไปปิดที่หน้าผาก เพื่อรักษาโรคได้ผลมาแล้วมากมาย

    ด้านสมณศักดิ์ หลวงพ่อปาน ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ"

    ท่านมรณภาพเมื่อ วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๔๕๓ เวลา ๔ ทุ่ม ๔๕ นาที พระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๔



    รูปหล่อกริ่ง หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย สมุทรปราการ

    เนื้อหาสวยสะใจ กระแสโลหะเก่าถึงยุค ไม่ทราบว่าออกที่วัดไหน แต่แท้แน่นอน ที่ก้นองค์พระมีโค๊ท "ยันต์ดวง" ครับ พระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวงพ่อปาน พุทธคุณโดดเด่นทางด้าน มหาอำนาจ มหาอุต นำหน้าเลยครับผม

    [​IMG]
    [​IMG]


    [FONT=&quot]ให้บูชา 650บ. ครับ[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC02013-horz.jpg
      DSC02013-horz.jpg
      ขนาดไฟล์:
      450.8 KB
      เปิดดู:
      10,565
    • DSC02009-horz.jpg
      DSC02009-horz.jpg
      ขนาดไฟล์:
      192.4 KB
      เปิดดู:
      6,111
    • d.jpg
      d.jpg
      ขนาดไฟล์:
      188.9 KB
      เปิดดู:
      11,639
  7. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    พระพุทธปางสมาธิ ลอยองค์ หินหยกในแม่น้ำโขง เขตอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย แกะมีพญานาครักษา หลวงปู่ฟัก สนฺติธมฺโม วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อย สามผาน) อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี พิมพ์นี้หายากมาก สร้างน้อยครับผม พร้อมเลี่ยมกันน้ำบูชาได้เลยครับผม

    หลวงปู่เคยกล่าวให้ลูกศิทษ์ฟังเกี่ยวกับพุทธคุณ พระเครื่องหินหยก บนกุฎิว่า " พระนี้เด่นเรื่องแคล้วคลาด เมตตา รักษาโรค เอาไปแล้วต้องใส่นะ สวดมนต์ที่เราให้ก่อนใส่ " หลวงปู่พูดพร้อมทั้งแสดงท่าทางวิธีการเอาพระหยกทำน้ำมนต์และเอามาวางไว้ตามจุดที่เกิดโรคตามร่างกาย หลวงปู่ว่ามีพญานาครักษา และท่านเองจะเรียกว่าพระหยกบ้าง พระหินบ้างจริงๆ แล้วถ้าทิ้งหินเขียวชนิดนี้ต่อไปอีกนานแสนนาน หินชนิดนี้จะเป็นหินหยกเป็นตระกูลเดียวกันแต่อายุยังไม่ถึงปาฏิหาริย์ที่ได้ยินมามีเยอะครับส่วนใหญ่เป็นเรื่องโภคทรัพย์แทบทั้งสิ้น

    หลวงปู่ท่านมักจะบอกว่าพระหยกนี้ เป็นของค้ำคูณรักษาให้ดี
    ของค้ำคูณคือของที่ช่วยค้ำชูอุดหนุนดวงชะตาครับ ประสบการณ์จากลูกศิทษ์ มีนับไม่ถ้วนจริงๆครับ

    [​IMG]



    ให้บูชา 2,550บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ffv1-horz.jpg
      ffv1-horz.jpg
      ขนาดไฟล์:
      224.2 KB
      เปิดดู:
      5,914
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2014
  8. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    พระพุทธพิมพ์สมเด็จ หินหยกในแม่น้ำโขง เขตอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย แกะมีพญานาครักษา หลวงปู่ฟัก สนฺติธมฺโม วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อย สามผาน) อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี

    หลวงปู่เคยกล่าวให้ลูกศิทษ์ฟังเกี่ยวกับพุทธคุณ พระเครื่องหินหยก บนกุฎิว่า " พระนี้เด่นเรื่องแคล้วคลาด เมตตา รักษาโรค เอาไปแล้วต้องใส่นะ สวดมนต์ที่เราให้ก่อนใส่ " หลวงปู่พูดพร้อมทั้งแสดงท่าทางวิธีการเอาพระหยกทำน้ำมนต์และเอามาวางไว้ตามจุดที่เกิดโรคตามร่างกาย หลวงปู่ว่ามีพญานาครักษา และท่านเองจะเรียกว่าพระหยกบ้าง พระหินบ้างจริงๆ แล้วถ้าทิ้งหินเขียวชนิดนี้ต่อไปอีกนานแสนนาน หินชนิดนี้จะเป็นหินหยกเป็นตระกูลเดียวกันแต่อายุยังไม่ถึงปาฏิหาริย์ที่ได้ยินมามีเยอะครับส่วนใหญ่เป็นเรื่องโภคทรัพย์แทบทั้งสิ้น

    หลวงปู่ท่านมักจะบอกว่าพระหยกนี้ เป็นของค้ำคูณรักษาให้ดี
    ของค้ำคูณคือของที่ช่วยค้ำชูอุดหนุนดวงชะตาครับ ประสบการณ์จากลูกศิทษ์ มีนับไม่ถ้วนจริงๆครับ

    [​IMG]



    ให้บูชา 2,050บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ffv6-horz.jpg
      ffv6-horz.jpg
      ขนาดไฟล์:
      428.2 KB
      เปิดดู:
      5,192
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2014
  9. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]
    ชุดคู่สุดคุ้ม พระผงเกษาหอมหลวงพ่อจรัญ พิมพ์รูปเหมือน+พิมพ์สังกัจจายน์ เห็นเส้นเกษาด้านหน้า รวมมวลสารชั้นเยี่ยม ใต้ฐานอุดผงพุทธคุณ สร้างปี 2543 มีมาให้บูชา 4ชุดครับผม สำหรับลูกศิษท์ท่าน น่าบูชาเป็นมงคลอย่างยิ่งเลยครับ
    (ปกติพระผงพิมพ์รูปเหมือนที่เว็ปอื่น องค์เดียวก็ให้บูชาสองพันกว่าบาทแล้วครับ)

    [​IMG]
    [​IMG]



    มีมาให้บูชา 4ชุด ให้บูชาชุดละ 2,250บ.ครับผม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2014
  10. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]

    พระปิดตาหลวงพ่อดี วัดพระรูป รุ่นเจริญดี เนื้อเมฆสิทธิ์ พิธีพุทธาภิเษก ปี34 สวยเดิม พร้อมเลี่ยมกันน้ำครับผม

    พระปิดตาหลวงพ่อดี วัดพระรูป รุ่นเจริญดี เนื้อเมฆสิทธิ์ พิธีพุทธาภิเษก ปี34 สวยเดิม เนื้อเมฆสิทธิ์ เป็นผลจากการผสมโลหะเล่นแร่แปรธาตุแบบหนึ่ง โลหะที่ได้จะมีลักษณะแข็งแกร่ง แต่ไม่เหนียว เมื่อปอกผิวใหม่ ๆ จะออกวรรณะขาวอมม่วงหรือฟ้า หากแช่น้ำหรือปล่อยให้สัมผัสอากาศจะค่อยเปลี่ยนสีผิวเป็นเขียว เมฆสิทธิ์มีหลายวรรณะแต่ที่นับถือว่าเลิศคือ สีเขียวอมทอง แต่ไม่ค่อยรู้จักนัก สรรพคุณของเมฆสิทธิ์นับถือว่าดีเด่นทางด้านค้ำหนุนดวงชะตา เช่นโลหะแปรธาตุชนิดอื่น ๆ แต่สามารถนิมิตบอกอาเพทได้ หากสีวรรณะสดใสหมายถึงความเจริญรุ่งเรือง หากวรรณะหม่นหมองมีคราบ ก็บอกอาเพทว่ามีเคราะห์ให้เร่งระวังและนำเครื่องรางเมฆสิทธิ์นั้นมาทำความ สะอาดด้วยน้ำฝน หรือน้ำสะอาด จากนั้นแช่เนื้อเมฆสิทธิ์ไว้อธิษฐานขอน้ำมนต์แก้อวมงคล ต่าง ๆ ได้ดีเรียกว่า “น้ำมนต์กลับดวง” ดั่งเมฆสิทธิ์ที่แปรสีฉันนั้นแล

    พระปิดตาเนื้อเมฆสิทธิ์ รุ่นเจริญดี องค์นี้สวยมากครับเป็นพระขนาดเล็กแต่พุทธคุณนั้นไม่ต้องพูดถึงคนสุพรรณและ จังหวัดใกล้เคียงเขารู้กันดี พระปิดตาเนื้อเมฆสิทธิ์ รุ่นเจริญดี พระเครื่อง หลวงพ่อดี วัดพระรูป นี้ ท่านที่บูชาแล้วดีในด้านมหาอุด แคล้วคลาด มีโชคลาภ และเมตตามหานิยมครับ บูชาพร้อมเลี่ยมกันน้ำ สวย พิธีดี คุ้มค่าน่าบูชามากครับ

    พระปิดตายันต์ยุ่งเมฆสิทธิ์ สุดยอดแห่งตำนานพระปิดตาองค์หนึ่งในเมืองไทย
    พระของหลวงปู่ท่าน มีอานุภาพคุ้มครองตัว แคล้วคลาด และหยุดกระสุนปืนสูง
    เห็นท่านเงียบๆ ในสมัยที่ท่านยังอยู่
    แต่ที่ไหนได้ ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเนียมวัดน้อยองค์หนึ่งด้วยครับ
    ดังนั้น คุณธรรม และพุทธเวทของท่าน จึงไม่ต้องสงสัยเลย
    ว่าหลวงปู่ดี วัดพระรูปองค์นี้จะแน่นอนขนาดไหน
    ดีไม่ดี หลวงพ่อเจริญ วัดธัญญาวารี และหลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทองก็ยกย่องบ่อยๆครับ

    เนื้อเมฆสิทธิ์ -เป็นการผสมโลหะเล่นแร่แปรธาตุแบบหนึ่ง
    โลหะที่ได้จะมีลักษณะแข็งแกร่ง แต่ไม่เหนียว
    เมื่อปอกผิวใหม่ ๆ จะออกวรรณะขาวอมม่วงหรือฟ้า
    หากแช่น้ำหรือปล่อยให้สัมผัสอากาศ
    จะค่อยเปลี่ยนสีผิวเป็นเขียวเมฆสิทธิ์มี
    หลายวรรณะแต่ที่นับถือว่าเลิศคือสีเขียวอมทอง
    แต่ไม่ค่อยรู้จักนัก และยังมี วรรณะขาว เขียวปีกแมลงทับ

    สรรพคุณของเมฆสิทธิ์นับถือว่าดีเด่นทางด้านค้ำหนุนดวงชะตา
    เช่นโลหะแปรธาตุชนิดอื่น ๆ

    แต่สามารถนิมิตบอกอาเพทได้
    หากสีวรรณะสดใสหมายถึงความเจริญรุ่งเรือง
    หากวรรณะหม่นหมองมีคราบ
    ก็บอกอาเพทว่ามีเคราะห์ให้เร่งระวัง
    และนำเครื่องรางเมฆสิทธิ์นั้นมาทำความ สะอาดด้วยน้ำฝน หรือน้ำสะอาด
    จากนั้นแช่เนื้อเมฆสิทธิ์ไว้อธิษฐานขอน้ำมนต์แก้อวมงคลต่าง ๆ
    ได้ดีเรียกว่า “น้ำมนต์กลับดวง”
    ดั่งเมฆสิทธิ์ที่แปรสีฉันนั้นแล

    อาราธนาวิธีหรือการบูชาแม่พระธรณี
    ให้ตั้งนะโม ๓ จบ ว่าพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ

    แล้วว่า “อิติปิโสภะคะวาสะวาอะระหัง สุคะโตสวาหะ” ๓ จบ
    หลังจากนั้นสวดด้วย “ตัสสาเกษีสะโต ยะถาคงคา
    โสตังปะวัตตันติ มาระเสนา ปฏิฐาตุง อาสักโภนโต
    ปะลายิงสุปาริมานานุภาเวนะมาระ เสนาปะราชิตา
    ทิโส ทิสัง ปะลายันติ วิทังเสนติอะเสสะโต”
    อย่างน้อย ๓ จบ แต่ถ้าจะให้ดี ๒๑ จบ
    (เพราะกำลังของแม่พระธรณีคือ ๒๑)

    คาถาทั้งสองบทนี้ใช้ได้ตามอธิษฐานทำน้ำมนต์แก้คุณเสนียดได้ผลดียิ่ง
    หากมีศัตรูให้เขียนชื่อนำแม่ธรณีทับไว้อธิษฐานให้อภัยต่อกัน
    สวดคาถานี้ทำครบ ๗ วันฝ่ายตรงข้ามจะแพ้ภัยตัวเองไป
    แต่อย่าจองเวรเขาเลยจึงจะมีผล
    เวลาเดินทางให้อธิษฐานพระนางธรณีไปจะพ้นภัยทั้งปวง
    เวลามีเหตุให้นึกถึงแม่พระธรณีแล้วภาวนาว่า “สะนะมะอุ” ไปเรื่อย ๆ
    จะทรงอานุภาพผ่านพ้นภยันตรายนั้นไปได้เป็นอัศจรรย์

    การหล่อพระตามตำราโบราณนั้นต้องใช้ทั้ง 4 ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
    พิธีตามตำราโบราณ อาทิ
    หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ นครปฐม
    หลวงปู่นาคกับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
    มีความสนิทสนมกัน เป็นสหธรรมิกรุ่นน้อง
    (หลวงปู่นาค มีอายุมากกว่าหลวงปู่บุญ 35 ปี)
    หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว(เนื้อเมฆพัด)
    หลวงปู่เอียม วัดหนัง เนื้อสำริด(สัมฤทธิ์)
    แต่ท่านดัง เนื้อผงคลุกรัก
    หลวงพ่อทับ วัดอนงคาราม ( เนื้อเมฆสิทธิ์)
    หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า(เนื้อเมฆสิทธิ์)
    หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา (เนื้อเมฆพัด)
    และหลวงพ่อดี วัดพระรูป (เนื้อเมฆพัดและเนื้อเมฆสิทธิ์)เนื้อหล่อทองโบราณสำริด(สัมฤทธิ์)
    หลวงพ่อดีวัดพระรูป เป็นหลวงพ่อพระเกจิองค์เดียว
    ที่ท่านหล่อตามวิธีโบราณหลัง พระเกจิรุ่นหลังพ.ศ 2500**

    (องค์นี้รับประกันความแท้ตลอดชีพ พระแท้นั้นต้องแท้ตลอดกาลครับ)

    [​IMG][​IMG]
    [​IMG]



    *ปิดรายการนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dee1.jpg
      dee1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.1 KB
      เปิดดู:
      12,217
    • dee2.jpg
      dee2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.2 KB
      เปิดดู:
      11,191
    • dee3.jpg
      dee3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.9 KB
      เปิดดู:
      10,483
    • 54get_auc3_img.jpg
      54get_auc3_img.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.1 KB
      เปิดดู:
      16,232
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2014
  11. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]
    เบี้ยแก้ หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ เลี่ยมเงินโบราณ มีตอกโค๊ตจบง่ายกว่าเยอะ สนิมเงินดูง่ายๆครับ

    ในสมัยที่หลวงพ่อคำยังมีชีวิตอยู่นั้นท่านได้สร้างพระเครื่องวัตถุมงคลไว้หลายอย่างด้วยกัน เช่น สมเด็จหู เหรียญทำบุญอายุครบ 60 ปี สมเด็จปรกโพธิ์เก้าชั้น พระเนื้อว่านหลายพิมพ์ ผ้ายันต์ ตะกรุด รูปถ่าย และเบี้ยแก้ แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็เห็นจะเป็นเบี้ยแก้นี่แหละครับ

    เบี้ยแก้ในยุคแรกๆ หลวงพ่อท่านจะซื้อตัวหอยเบี้ยมาจากร้านขายยา แต่หลังจากปี พ.ศ. 2493 เบี้ยแก้ของท่านเป็นที่นิยมกันมาก ต้องไปหาซื้อมาจากจังหวัดชายทะเล ส่วนชันโรงได้มาจากจอมปลวกในป่า ในตอนหลังๆ มีไม่พอใช้ท่านจึงเปลี่ยนมาใช้ชันยาเรือแทน เบี้ยแก้ของหลวงพ่อคำนับว่าแปลกจากเบี้ยแก้อื่นๆ คือท่านจะเคี่ยวตะกั่วในกระทะให้ละลายแล้วนำตะกั่วที่หลอมละลายมาเทลงไปในกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งตัดเป็นท่อนๆ แบบกระบอกข้าวหลาม จากนั้นจึงนำผ้ามาปิดปากกระบอกแล้วเขย่าโดยเร็ว ให้ตะกั่วแตกตัวเป็นเม็ดกลมๆ เล็กๆ เพื่อนำไปเลี้ยงเป็นอาหารของปรอท จึงทำให้เป็นลักษณะพิเศษของเสียงปรอท เวลาเขย่าจะมีดังแซ็กๆ คล้ายเสียงของเม็ดทราย แต่ไม่ใช่ทรายอย่างที่หลายคนเข้าใจ หลังจากนั้นหลวงพ่อจะใช้วิธีเรียกปรอทบรรจุลงในตัวเบี้ยด้วยการบริกรรมคาถา โดยนำเบี้ยวางลงบนถาดแล้วเอาหญ้าคาพาดปรอทจากนั้นจึงบริกรรมคาถาไปเรื่อยๆ จนปรอทวิ่งเข้าไปในตัวเบี้ยทั้งหมด เคยมีลูกศิษย์ของท่านได้แอบดูตอนปรอทวิ่งเข้าตัวเบี้ย จะเห็นมีแสงสว่างเหมือนแสงนีออน หลังจากนั้นจึงอุดใต้ท้องเบี้ยด้วยชันโรง และปิดแผ่นทองแดงที่จารอักขระปิดทับลงไป เบี้ยของหลวงพ่อคำจะมีแผ่นทองแดงให้เห็นทุกตัว จากนั้นหลวงพ่อจึงนำเบี้ยไปปลุกเสกในกุฏิด้วยตัวท่านเองทุกครั้ง ชันที่ปิดใต้ท้องเบี้ยมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ คือ ชันโรงยุคแรก ชันยาเรือ และชันยาเรือผสมผงอิทธิเจ ซึ่งอย่างหลังนี้พบน้อยมาก

    พระครูวิตถารสมณกิจ (คำ ปัญญาสาโร) วัดโพธิ์ปล้ำ อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ท่านเกิดในปี พ.ศ. 2432 นับว่าท่านอาวุโสน้อยที่สุดในพระเกจิอาจารย์ที่สร้างเบี้ยแก้ หลวงพ่อคำท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2503 สิริอายุได้ 72 ปี พรรษาที่ 52

    คนที่ได้รับเบี้ยไปแล้วมักจะนำไปเลี่ยมจับขอบที่ร้านทองในตลาดวิเศษฯ ส่วนจะเลี่ยมเงินเลี่ยมทอง หรือเลี่ยมนาก นั้นก็แล้วแต่ฐานะ และความต้องการของแต่ละบุคคล ร้านเลี่ยมทองแต่ละร้านจะตอกสัญลักษณ์ของร้านตนเอง เช่น คำว่า "หมง" "ดำ" หรือ "เฮง" ซึ่งเป็นนามของช่างที่ทำการเลี่ยมในสมัยนั้น ปัจจุบันร้านหมงยังทำการเลี่ยมอยู่และก็ตอกคำว่า "หมง" อยู่เช่นเดิม เบี้ยของหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ เบี้ยของหลวงพ่อคำนั้นมีประสบการณ์ต่างๆ มามากมาย ชาวอ่างทองรู้กันดี

    ***การดูเบี้ยแก้เลี่ยมเงินโบราณเบื้องต้น***
    "เงินเลี่ยม" ความเก่าของเงินที่เลี่ยมต้องได้อายุ ใช้เงินเปอร์เซ็นต์สูงเลี่ยม กรอบด้านหลังไม่มีรอยงัดแงะ (ระวังเจอเบี้ยยำ)
    "เบี้ย" สีเบี้ยต้องหม่นแบบเป็นธรรมชาติ สึกเพียงส่วนหลังที่นูนที่สุด...
    "ปรอท" ต้องหนักหน่วงมือ ไม่มีรั่ว
    "ธรรมชาติความเก่า" พิจารณาจากธรรมชาติความเป็นไปได้ของจุดสึกหรอของเบี้ยได้ก็จบครับ..


    [​IMG][​IMG]



    *ปิดรายการนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • bk1.jpg
      bk1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.2 KB
      เปิดดู:
      7,482
    • bk2.jpg
      bk2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.8 KB
      เปิดดู:
      6,953
    • com.jpg
      com.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.8 KB
      เปิดดู:
      8,665
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2016
  12. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    แมงภู่ งาแกะ เครื่องรางสายเหนือครับ สวยงาม มีกริ่ง เก่า น่าใช้ครับ ขนาดความยาว 2.5 ซม. กว้าง 1.5 ซม.

    แมลงภู่"หรือที่ชาวล้านนาและชาวไทยใหญ่เรียกขานกันว่า"แมลงบู๊"มีถิ่นกำเนิดมาจากทางพม่าและทางไทยใหญ่และเข้ามาสู่ดินแดนล้านนา

    แมลงภู่ เป็นเครื่องรางที่เรืองอิทธิฤทธิ์ กษัตริย์พม่า คหบดี จนถึงสามัญชน มีติดตัวกันแทบทุกคน!!!


    การสร้างแมลงภู่นั้นจะมีการสร้างจากไม้และงา (ไม้สำหรับทหาร และ สามัญชน ทั่วไป ส่วนเนื้องาสร้างน้อย สำหรับชั้นแม่ทัพ นายกอง คหบดีขึ้นไป ) ไม้จะดุมล้อเกวียน,ไม้แดง,ไม้งิ้วดำ ถ้าเป็นเนื้องาจะใช้งากำจัด(งาช้างตกมันหักคาต้นไม้มาแกะเพื่อเพิ่มผลทางมหาเสนห์ ถ้าเป็นเนื้องานั้นจะต้องแช่ด้วยน้ำว่านก่อน 1.เพื่อเพิ่มฤทธีทางด้านมหาเสน่ห์ 2.เพื่อให้งานั้นอ่อนตัวแกะได้ง่าย ไม่แตกหัก)มาทำการแกะสลักแมลงภู่อย่างวิจิตรงดงามประดุจดั่งแมลงมีชีวิตจริง โดยแมลงภู่จะมีการแกะตั้งแต่ขนาดตัวเล็ก(ตัวลูก)ไปจนถึงตัวใหญ่(ตัวจ่าฝูง )หรือตัวครู
    อานุภาพของแมลงภู่มีดังนี้

    1.เด่นทางมหานิยมคนรักคนหลง

    2.อยู่ดีมีโชค ซื้อง่ายขายคล่อง

    3.ป้องกันภยันตรายทั้งปวง

    4.ดับอวิชาการทำร้ายด้วยคุณไสย

    5.กันโจรภัยได้

    6.ปกป้องคุ้มครองภัยที่จะกระทำต่อเด็กเล็ก

    7.เดินทางใกล้ไกล กันภูติผีและคนร้าย เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

    จะเห็นได้ว่า"แมลงภู่"นี้มีอานุภาพเพียงใดและนี้จึงเป็นเหตุผลให้"แมลงภู่"ถูกจัดเป็นหนึ่งในสุดยอดเครื่องรางล้านนา

    [​IMG][​IMG]
    [​IMG]



    *ปิดรายการนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • puu1.jpg
      puu1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.1 KB
      เปิดดู:
      5,780
    • puu2.jpg
      puu2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.8 KB
      เปิดดู:
      5,016
    • puu3.jpg
      puu3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.9 KB
      เปิดดู:
      5,095
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2013
  13. The Shadow

    The Shadow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +1,732
    ขอยืมแมงภู่ใช้สักตัวดิคับท่าน ใครเสกอ่ะ มัยแพงจัง
     
  14. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    เป็นเครื่องรางของขลังยุคเก่าครับ เกจิโบราณสายล้านนา สร้างไว้ครับ สร้างหลายเกจิ หลายยุคครับ ดูที่ศิลปะ และความเก่า ครับ จะบอกถึงยุค การสร้างครับท่าน

    ส่วนเรื่องถูกแพง เป็นเรื่องนานาจิตตังครับ ถ้าท่านเป็นคนเชื้อสายล้านนาได้รับการบอกกล่าวจากรุ่นสู่รุ่นถึงพุทธคุณ จากคนแก่คนเฒ่าในท้องถิ่นภูมิฐาน จะเกิดความผูกผันครับ มันจะมีค่ามากกว่าเครื่องรางธรรมดา แต่เป็นการถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาจากอดีตสู่ปัจจุบันครับ บุเรงนองก็ยังพกเครื่องรางแมงภู่นี้ครับผม แล้วงากำจัด(งาช้างตกมันหักคาต้นไม้) ของจริงๆในยุคนี้จะหาได้จากที่ไหนครับ แล้วช่างที่แกะงานี้นะเป็นศิลปินนะ ศิลปินก็มีรุ่นเก่ารุ่นใหม่ดังไม่ดังช่างที่ยังไม่ดังก็คงแกะไม้ ส่วนช่างที่แกะงานี้ต้องเป็นช่างชั้นครูเพราะธรรมชาติวัสดุที่นำมาแกะคืองากำกัดที่หายากและมูลค่าสูง

    เนี้ยครับยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆอีกเยอะนะครับ พอเริ่มรู้ และศึกษาจะพบว่าราคาแค่เนื้ยยังถูกกว่าพระเครื่องเครื่องรางยุคใหม่ที่สร้างกันที่โรงงานในสมัยนี้บางอาจารย์ด้วยซ้ำนะครับผม
     
  15. The Shadow

    The Shadow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +1,732
    จองแมงภู่คับ โอนแล้วโทรบอก
     
  16. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457

    รับทราบครับท่าน จัดไปครับผม
     
  17. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    ปิดรายการนี้ให้ท่านf12345 ครับ

     
  18. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]

    พระปิดตาเนื้อเมฆสิทธิ์ หลวงปู่ดี วัดพระรูป พิมพ์เขียด (หายาก) พระขนาดเล็ก กว้าง 1 ซม. สูง 1.5 ซม. ปี๒๕๓๒ สวยเดิม

    บางคนมีก็เก็บสะสมหรือบูชากันหมด ไม่ค่อยเจอหมุ่นเวียนเปลี่ยนเจ้าของบ่อยนักเพราะเป็นพิมพ์ที่แปลกและไม่ค่อยทำขึ้นมาบ่อยมากนัก

    เนื้อเมฆสิทธิ์ เป็นผลจากการผสมโลหะเล่นแร่แปรธาตุแบบหนึ่ง โลหะที่ได้จะมีลักษณะแข็งแกร่ง แต่ไม่เหนียว เมื่อปอกผิวใหม่ ๆ จะออกวรรณะขาวอมม่วงหรือฟ้า หากแช่น้ำหรือปล่อยให้สัมผัสอากาศจะค่อยเปลี่ยนสีผิวเป็นเขียว เมฆสิทธิ์มีหลายวรรณะแต่ที่นับถือว่าเลิศคือ สีเขียวอมทอง แต่ไม่ค่อยรู้จักนัก สรรพคุณของเมฆสิทธิ์นับถือว่าดีเด่นทางด้านค้ำหนุนดวงชะตา เช่นโลหะแปรธาตุชนิดอื่น ๆ แต่สามารถนิมิตบอกอาเพทได้ หากสีวรรณะสดใสหมายถึงความเจริญรุ่งเรือง หากวรรณะหม่นหมองมีคราบ ก็บอกอาเพทว่ามีเคราะห์ให้เร่งระวังและนำเครื่องรางเมฆสิทธิ์นั้นมาทำความ สะอาดด้วยน้ำฝน หรือน้ำสะอาด จากนั้นแช่เนื้อเมฆสิทธิ์ไว้อธิษฐานขอน้ำมนต์แก้อวมงคล ต่าง ๆ ได้ดีเรียกว่า “น้ำมนต์กลับดวง” ดั่งเมฆสิทธิ์ที่แปรสีฉันนั้นแล

    พระปิดตายันต์ยุ่งเมฆสิทธิ์ สุดยอดแห่งตำนานพระปิดตาองค์หนึ่งในเมืองไทย
    พระของหลวงปู่ท่าน มีอานุภาพคุ้มครองตัว แคล้วคลาด และหยุดกระสุนปืนสูง
    เห็นท่านเงียบๆ ในสมัยที่ท่านยังอยู่
    แต่ที่ไหนได้ ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเนียมวัดน้อยองค์หนึ่งด้วยครับ
    ดังนั้น คุณธรรม และพุทธเวทของท่าน จึงไม่ต้องสงสัยเลย
    ว่าหลวงปู่ดี วัดพระรูปองค์นี้จะแน่นอนขนาดไหน
    ดีไม่ดี หลวงพ่อเจริญ วัดธัญญาวารี และหลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทองก็ยกย่องบ่อยๆครับ

    เนื้อเมฆสิทธิ์ -เป็นการผสมโลหะเล่นแร่แปรธาตุแบบหนึ่ง
    โลหะที่ได้จะมีลักษณะแข็งแกร่ง แต่ไม่เหนียว
    เมื่อปอกผิวใหม่ ๆ จะออกวรรณะขาวอมม่วงหรือฟ้า
    หากแช่น้ำหรือปล่อยให้สัมผัสอากาศ
    จะค่อยเปลี่ยนสีผิวเป็นเขียวเมฆสิทธิ์มี
    หลายวรรณะแต่ที่นับถือว่าเลิศคือสีเขียวอมทอง
    แต่ไม่ค่อยรู้จักนัก และยังมี วรรณะขาว เขียวปีกแมลงทับ

    สรรพคุณของเมฆสิทธิ์นับถือว่าดีเด่นทางด้านค้ำหนุนดวงชะตา
    เช่นโลหะแปรธาตุชนิดอื่น ๆ

    แต่สามารถนิมิตบอกอาเพทได้
    หากสีวรรณะสดใสหมายถึงความเจริญรุ่งเรือง
    หากวรรณะหม่นหมองมีคราบ
    ก็บอกอาเพทว่ามีเคราะห์ให้เร่งระวัง
    และนำเครื่องรางเมฆสิทธิ์นั้นมาทำความ สะอาดด้วยน้ำฝน หรือน้ำสะอาด
    จากนั้นแช่เนื้อเมฆสิทธิ์ไว้อธิษฐานขอน้ำมนต์แก้อวมงคลต่าง ๆ
    ได้ดีเรียกว่า “น้ำมนต์กลับดวง”
    ดั่งเมฆสิทธิ์ที่แปรสีฉันนั้นแล

    อาราธนาวิธีหรือการบูชาแม่พระธรณี
    ให้ตั้งนะโม ๓ จบ ว่าพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ

    แล้วว่า “อิติปิโสภะคะวาสะวาอะระหัง สุคะโตสวาหะ” ๓ จบ
    หลังจากนั้นสวดด้วย “ตัสสาเกษีสะโต ยะถาคงคา
    โสตังปะวัตตันติ มาระเสนา ปฏิฐาตุง อาสักโภนโต
    ปะลายิงสุปาริมานานุภาเวนะมาระ เสนาปะราชิตา
    ทิโส ทิสัง ปะลายันติ วิทังเสนติอะเสสะโต”
    อย่างน้อย ๓ จบ แต่ถ้าจะให้ดี ๒๑ จบ
    (เพราะกำลังของแม่พระธรณีคือ ๒๑)

    คาถาทั้งสองบทนี้ใช้ได้ตามอธิษฐานทำน้ำมนต์แก้คุณเสนียดได้ผลดียิ่ง
    หากมีศัตรูให้เขียนชื่อนำแม่ธรณีทับไว้อธิษฐานให้อภัยต่อกัน
    สวดคาถานี้ทำครบ ๗ วันฝ่ายตรงข้ามจะแพ้ภัยตัวเองไป
    แต่อย่าจองเวรเขาเลยจึงจะมีผล
    เวลาเดินทางให้อธิษฐานพระนางธรณีไปจะพ้นภัยทั้งปวง
    เวลามีเหตุให้นึกถึงแม่พระธรณีแล้วภาวนาว่า “สะนะมะอุ” ไปเรื่อย ๆ
    จะทรงอานุภาพผ่านพ้นภยันตรายนั้นไปได้เป็นอัศจรรย์

    การหล่อพระตามตำราโบราณนั้นต้องใช้ทั้ง 4 ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
    พิธีตามตำราโบราณ อาทิ
    หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ นครปฐม
    หลวงปู่นาคกับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
    มีความสนิทสนมกัน เป็นสหธรรมิกรุ่นน้อง
    (หลวงปู่นาค มีอายุมากกว่าหลวงปู่บุญ 35 ปี)
    หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว(เนื้อเมฆพัด)
    หลวงปู่เอียม วัดหนัง เนื้อสำริด(สัมฤทธิ์)
    แต่ท่านดัง เนื้อผงคลุกรัก
    หลวงพ่อทับ วัดอนงคาราม ( เนื้อเมฆสิทธิ์)
    หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า(เนื้อเมฆสิทธิ์)
    หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา (เนื้อเมฆพัด)
    และหลวงพ่อดี วัดพระรูป (เนื้อเมฆพัดและเนื้อเมฆสิทธิ์)เนื้อหล่อทองโบราณสำริด(สัมฤทธิ์)
    หลวงพ่อดีวัดพระรูป เป็นหลวงพ่อพระเกจิองค์เดียว
    ที่ท่านหล่อตามวิธีโบราณหลัง พระเกจิรุ่นหลังพ.ศ 2500**

    (องค์นี้รับประกันความแท้ตลอดชีพ พระแท้นั้นต้องแท้ตลอดกาลครับ)

    [​IMG]



    ให้บูชา 1,250บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dee2.jpg
      dee2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.6 KB
      เปิดดู:
      4,595
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2014
  19. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]

    พระปิดตามหาลาภ หลวงพ่อดี วัดพระรูป เนื้อเมฆพัด พิธีพุทธาภิเษก ปี34 สวยเดิม พร้อมเลี่ยมกันน้ำครับผม

    พระปิดตามหาลาภ หลวงพ่อดี วัดพระรูป เนื้อเมฆพัด พิธีพุทธาภิเษก ปี34 สวยเดิม

    เมฆพัด โลหะที่ได้จากการเล่นแร่แปรธาตุตามตำราของไทยโบราณ เชื่อว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์มีฤทธานุภาพในตัวเอง เมฆพัดเป็นส่วนผสมของตะกั่วและทองแดง มีกรรมวิธีการสร้างที่ซับซ้อน ในระหว่างหลอมต้องผสมตัวยาหลายชนิดมีกำมะถัน ปรอท และว่านยาได้แก่ ไพลดำ ต้นหิงหาย ไม้โมกผา ขิงดำ กระชายดำ สบู่แดง สบู่เลือด เป็นต้น ซัดเข้าไปในเบ้าหลอม พอสำเร็จจะได้โลหะสีดำเป็นมันเงาเลื่อมพราย แต่เปราะและแตกง่าย พระคณาจารย์แต่โบราณนิยมหลอมเมฆพัดมาทำเป็นพระเครื่อง อาทิ พระครูปัจฉิมทิศบริหาร (นาค โชติโก) วัดห้วยจระเข้ นครปฐม และพระอาจารย์ทับ วัดอนงคาราม

    สรรพคุณของเมฆพัดนับถือว่าดีเด่นทางด้านค้ำหนุนดวงชะตา เช่นโลหะแปรธาตุชนิดอื่น ๆ

    อาราธนาวิธีหรือการบูชาแม่พระธรณี
    ให้ตั้งนะโม ๓ จบ ว่าพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ

    แล้วว่า “อิติปิโสภะคะวาสะวาอะระหัง สุคะโตสวาหะ” ๓ จบ
    หลังจากนั้นสวดด้วย “ตัสสาเกษีสะโต ยะถาคงคา
    โสตังปะวัตตันติ มาระเสนา ปฏิฐาตุง อาสักโภนโต
    ปะลายิงสุปาริมานานุภาเวนะมาระ เสนาปะราชิตา
    ทิโส ทิสัง ปะลายันติ วิทังเสนติอะเสสะโต”
    อย่างน้อย ๓ จบ แต่ถ้าจะให้ดี ๒๑ จบ
    (เพราะกำลังของแม่พระธรณีคือ ๒๑)

    คาถาทั้งสองบทนี้ใช้ได้ตามอธิษฐานทำน้ำมนต์แก้คุณเสนียดได้ผลดียิ่ง
    หากมีศัตรูให้เขียนชื่อนำแม่ธรณีทับไว้อธิษฐานให้อภัยต่อกัน
    สวดคาถานี้ทำครบ ๗ วันฝ่ายตรงข้ามจะแพ้ภัยตัวเองไป
    แต่อย่าจองเวรเขาเลยจึงจะมีผล
    เวลาเดินทางให้อธิษฐานพระนางธรณีไปจะพ้นภัยทั้งปวง
    เวลามีเหตุให้นึกถึงแม่พระธรณีแล้วภาวนาว่า “สะนะมะอุ” ไปเรื่อย ๆ
    จะทรงอานุภาพผ่านพ้นภยันตรายนั้นไปได้เป็นอัศจรรย์


    [​IMG]



    ให้บูชา 950ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dee3-horz.jpg
      dee3-horz.jpg
      ขนาดไฟล์:
      362.8 KB
      เปิดดู:
      5,156
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2013
  20. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]

    พระปิดตามหาลาภ หลวงพ่อดี วัดพระรูป เนื้อทองผสม พิธีพุทธาภิเษก ปี34 สวยเดิม ครับผม

    อาราธนาวิธีหรือการบูชาแม่พระธรณี
    ให้ตั้งนะโม ๓ จบ ว่าพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ

    แล้วว่า “อิติปิโสภะคะวาสะวาอะระหัง สุคะโตสวาหะ” ๓ จบ
    หลังจากนั้นสวดด้วย “ตัสสาเกษีสะโต ยะถาคงคา
    โสตังปะวัตตันติ มาระเสนา ปฏิฐาตุง อาสักโภนโต
    ปะลายิงสุปาริมานานุภาเวนะมาระ เสนาปะราชิตา
    ทิโส ทิสัง ปะลายันติ วิทังเสนติอะเสสะโต”
    อย่างน้อย ๓ จบ แต่ถ้าจะให้ดี ๒๑ จบ
    (เพราะกำลังของแม่พระธรณีคือ ๒๑)

    คาถาทั้งสองบทนี้ใช้ได้ตามอธิษฐานทำน้ำมนต์แก้คุณเสนียดได้ผลดียิ่ง
    หากมีศัตรูให้เขียนชื่อนำแม่ธรณีทับไว้อธิษฐานให้อภัยต่อกัน
    สวดคาถานี้ทำครบ ๗ วันฝ่ายตรงข้ามจะแพ้ภัยตัวเองไป
    แต่อย่าจองเวรเขาเลยจึงจะมีผล
    เวลาเดินทางให้อธิษฐานพระนางธรณีไปจะพ้นภัยทั้งปวง
    เวลามีเหตุให้นึกถึงแม่พระธรณีแล้วภาวนาว่า “สะนะมะอุ” ไปเรื่อย ๆ
    จะทรงอานุภาพผ่านพ้นภยันตรายนั้นไปได้เป็นอัศจรรย์


    [​IMG]



    ให้บูชา 750ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dee5-horz.jpg
      dee5-horz.jpg
      ขนาดไฟล์:
      263.4 KB
      เปิดดู:
      6,582
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...