<VSN><<<มาใหม่ สายเขาอ้อ อ.ชุม,อ.ปาล,อ.คง, สรุปรายการหน้า๑๐๓>>><NSV>

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย momotaro67, 25 ธันวาคม 2010.

  1. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    ม่ายมีเลยครับ ถ้าได้มาจรีบโพสลงให้ดูนะครับ
     
  2. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]


    หลวงพ่อพัฒน์ นารโท วัดใหม่พัฒนาราม สุราษฎร์ธานี

    วัดพัฒนารามเดิมชื่อวัดใหม่ เป็นวัดที่หลวงพ่อพัฒน์ นารทะ สร้างขึ้น ตั้งอยู่ที่ ๘๗/๑ ถนนพัฒนาราม ตำบลตลาดล่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๘๔๐๐๐

    [​IMG]

    ประวัติความเป็นมา
    หลวงพ่อพัฒน์อุปสมบทและจำพรรษาที่วัดพระโยคหลายพรรษา จนถึงปี ๒๔๓๙ หลังจากกลับจากธุดงค์กับพระอาจารย์สุข ก็สร้างวัดขึ้นใหม่ ชาวบ้านเรียก "วัดใหม่" หลวงพ่อสร้างวัดบริเวณที่ดินร้างด้านหลังป่าช้าวัดพระโยค ซึ่งยังเป็นป่ารกทึบ เป็นที่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด อาทิ เสือ ลิง ค่าง งูพิษ หนูป่า โดยท่านได้ชักชวนชาวบ้าน ญาติมิตร และผู้มีจิตศรัทธา ร่วมแรงร่วมใจกันตัดต้นไม้ ถางพงหญ้าขนดินขนทรามาสร้างเป็นบริเวณวัด อำนวย ศรีขจร "สัมภาษณ์, ๒ มีนาคม ๒๕๔๖) หลานชายหลวงพ่อกล่อม วัดโพธิ์ เล่าว่า "ผู้ใหญ่ทับ ม่วงทอง เกณฑ์คนจากสะบ้าย้อย คลองฉนาก มาขุดสระให้หลวงพ่อพัฒน์สร้างวัด ถมดิน ทำโบสถ์"ภิญโญ เพ็ญจันทร์ (สัมภาษณ์, ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕)
    อดีตรักษาการเจ้าอาวาสองค์ที่ ๓ วัดพัฒนาราม หรือ พระภิญโญ ฐิตฺตวณฺ บอกนางบงกช ทิพย์สุวรรณว่า "ที่วัดใหม่คล้ายมีดโต้ สันมีดอยู่โรงพยาบาลบ้านดอน คมมีดอยู่โรงเรียนอนุบาล ด้ามมีดอยู่ป่าช้า" ป่าช้าดังกล่าวคือที่ ที่หลวงพ่อพัฒน์ มาอยู่ในบั้นปลายชีวิตและนั่งสมาธิมรณภาพส่วนโรงเรียนอนุบาล เดิมชื่อโรงเรียนอนุบาลห้องเก่า ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น?มหาวิทยาลัยสงฆ์หลวงพ่อเจียว (สัมภาษณ์, ๒๑ มกราคม ๒๕๔๔) น้องชายหลวงพ่อพัฒน์ ถ่ายทอดให้สามเณรบุญเที่ยง กิ้มฉุ้น บุญยงค์ พัฒนพงศ์ เรื่องการสร้างวัดของหลวงพ่อพัฒน์ว่ามีชาวบ้านญาติพี่น้องมาช่วยลงแรงกันญาติๆ ก็มีแม่หีด แป๊ะแก้ว แป๊ะแดง แป๊ะเพชรนายโคน พระประสารศุภชา ส่งเงินมาช่วยจากบางกอก คนสนิทก็มีนายฉ้วน แซ่อ๋อง กับนายจ้วน แซ่เจ้ง เกลอของหลวงพ่อพัฒน์ นางเนี่ยว ชั้ววัลลี นางหนูถิ่น ถาวรสุข ช่วยถางหญ้า หาไม้มาสร้างศาลาชั่วคราว แม่ชีมาร่วมหลายคนมีแม่ชีโบ้ว แม่ชีนก แม่ชีดำชาวโพธิ์หวาย ผู้คนมากันหลายสาย จากสะบ้าย้อย โพธิ์หวาย บางโจร น้ำรอบ ท่าฉางบางขาม เกาะสมุย เกาะพะงัน ทั้งคนไทย คนจีน ช่วยแรง ช่วยปัจจัย ที่เป็นช่างก็ช่วยก่อสร้าง ทั้งคนทั้งช้างพร้อมเพรียงกันช่วยหลวงพ่อ ด้วยความศรัทธา" นายบุญยงค์ พัฒนพงศ์ ค่อยๆลำดับความถ่ายทอดให้ผู้วิจัยด้วยการรำลึกถึงอย่างแม่นยำรายงานพระสงฆ์จัดการศึกษามณฑลชุมพร ร.ศ.๑๑๘ บันทึกไว้ว่า "พระพัฒน์ เจ้าอธิการเป็นผู้สามารถ แลเป็นที่นิยมนับถือของราษฎรในเมืองนี้ซึ่งขณะนั้น ยังเป็นภิกษุหนุ่มก็สามารถสร้างวัดขึ้นใหม่ได้สำเร็จ รู้จักเรียกขานกันโดยทั่วไปว่า "วัดใหม่"แผ่นโลหะจารึกที่ฝาผนังมณฑปซึ่งประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อพัฒน์จารึกไว้ว่า "ปีวอก อัฐศกเดือน ๖ ท่านอธิการภัฒร์ นารทะ ได้ชักชวนผู้มีศรัทธาคิดก่อสร้างอารามนี้ เมื่อปีจอ สัมฤทธิศก เดือน ๖ ได้ยกอุโบสถจนสำเร็จ ครั้งถึงปีฉลู ตรีศก เดือน ๖ แรม ๑๔ ค่ำ พระพุทธศาสนาล่วงแล้วได้ ๒๔๔๔ ได้ผูกพัทธสีมาได้สำเร็จบริบูรณ์ แม่ศิลาพร้อมด้วยแม่แก้วลูกสะใภ้ ภรรยาพระยาวาจี (ขำ) ชาวเมืองชุมพร ได้ถวายช้างพลายควน ๑ เชือก เป็นพาหนะสำหรับอารามนี้ รวมการก่อสร้างอุโบสถนี้ คิดเป็นเงินตราหมื่นบาทเศษ ๑๐๐๐๐ เศษ ขอกุศลที่เกิดจากการก่อสร้างนี้ จงเป็นผลสำเร็จแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย และพระมหากษัตริย์ผู้ได้ทรงบำรุงพระพุทธศาสนาให้ถาวร และบิดามารดาและหมู่ญาติของข้าพเจ้าทั้งหลาย ผู้ละโลกนี้ไปแล้ว ทั้งประชุมชนพร้อมทั้งฝ่ายสมณะและคฤหัสถ์ผู้จะได้ปฏิสังขรณ์ และก่อสร้างขึ้นใหม่ต่อไป ณ ภายหลังขอเป็นอุปนิสัยปัจจัยแด่พระนิพพานในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญอนึ่ง จากหนังสืออนุสรณ์ งานพระราชทานเพลิงศพพระศรีปริยัตโยดม (จันทร์ เขมจารี ป.ธ.๙) เขียนไว้ว่า "ปีจอ สัมฤทธิศก ตรงกับ พ.ศ.๒๔๔๑ หลักฐานของทางวัดใหม่บันทึกว่า หลวงพ่อพัฒน์ ได้เริ่มสร้างวัดใหม่ เมื่อเดือน ๖ ปีวอก อัฐศก ๒๔๓๙"จึงพอจะวิเคราะห์ได้ว่า วัดใหม่เริ่มสร้างเมื่อเดือน ๖ ปีวอก พ.ศ.๒๔๓๙ เริ่มก่อสร้างอุโบสถเดือน ๖ ปีจอ พ.ศ.๒๔๔๑ สร้างสำเร็จและผูกพัทธสีมาเมื่อเดือน ๖ ปีฉลูพ.ศ.๒๔๔๔ โดยในการสร้างวัดครั้งนี้มีผู้ถวายช้างมาช่วยในการก่อสร้างด้วยการที่นางศิลา นางแก้ว ลูกสะใภ้และภรรยาพระยาวาจีสัตยารักษ์ (ขำ ศรียาภัย)ถวายช้างให้ แสดงว่าหลวงพ่อเป็นที่ศรัทธานับถือเพราะสมัยนั้นวัฒนธรรมความเชื่อของคนไทยถือว่าช้างเป็นสัตว์ชั้นสูง เป็นสัญลักษณ์ของผู้มีบุญโดยเฉพาะถ้ามีช้างเผือกเกิดขึ้นในแผ่นดินใด?แสดงถึง?บุญญาธิการและพระบารมีสูงสุดของพระมหากษัตริย์พระองค์นั้นประจง เรืองณรงค์ (๒๕๔๕,๒๐) เล่าไว้ในหนังสือเรื่องเล่าจากแม่ว่า "ตาหลวงพัฒน์ ท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกที่สร้างวัดใหม่หรือวัดพัฒนารามตรงตลาดล่าง แม่ยังจำครั้งตาหลวงพัฒน์สร้างวัดได้ เช่น เห็นช้างชักลากไม้ซุงมาทำเสาและกระดานแผ่นโตๆ มีชาวบ้านมาช่วยกันสร้างจนเสร็จเรียบร้อย ช้างของตาหลวงพัฒน์นั้น แม่ยังจำได้ว่า ท่านตั้งชื่อว่า "พลายสมบุญ"สำหรับช้างพลายสมบุญนี้ จากหลักฐานเอกสาร และคำบอกเล่าของผู้รู้ รวมทั้งแผ่นจารึกในมณฑปหลวงพ่อพัฒน์ได้ข้อมูล ดังนี้แผ่นโลหะจารึกในมณฑปหลวงพ่อพัฒน์ บันทึกไว้ว่า "พระภัฒร์เจ้าอธิการฝากช้างไว้กับแม่หีด บุตรแม่หีด พระภิกษุเอาช้างทำการสงฆ์ ไม่ให้ขอศาลบังคับช้างทำการสงฆ์เสร็จฝากบุตรแม่หีดตามเดิม วินัย พัฒนพงศ์(สัมภาษณ์ ๔ มีนาคม ๒๕๔๖) หลานชายหลวงพ่อพัฒน์ "ตาหลวงพัฒน์สร้างวัดเสร็จ จนมีโบสถ์ หอระฆัง โรงครัวที่ทำเป็นโรงพยาบาล และกุฏิ แล้วจึงมอบช้างพลายสมบุญ ให้เตี่ยไปช่วยทำเหมืองที่พะโต๊ะ ชุมพร" เตี่ยที่นายวินัยกล่าวถึง คือ นายบุญให้ พัฒนพงศ์ บุตรชายนางหีด?พี่สาวของหลวงพ่อพัฒน์คำบอกเล่าของวินัยตรงกับแผ่นโลหะจารึกในมณฑปที่จารึกว่า "พระภัฒร์ เจ้าอธิการฝากช้างไว้กับแม่หีด บุตรแม่หีด"แม่ชีบุญลาภ พัฒนพงศ์ สัมภาษณ์ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๔) เล่าว่า "พลายสมบุญล้ม (ตาย) เนื่องจากถูกช้างป่า ทำร้ายตอนที่ควาญนำไปช่วยชาวบ้านลากซุงในป่า หลวงพ่อพัฒน์ได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลสวดศพช้าง และต้องใช้เวลาเผาศพถึง ๓ วัน ๓ คืนจึงไหม้หมดแล้วเอากระดูกพลายสมบุญที่เหลือฝังไว้ใต้ดินบริเวณที่เผาศพนั่นเองอนึ่ง เกี่ยวกับชื่อวัดนั้น หลวงพ่อพัฒน์ ได้ตั้งชื่อไว้ในแผ่นโลหะจารึกว่า "วัดภัฒร์เฉลิมไช" แต่ไม่มีผู้ใดเรียกขานชื่อนี้ ชาวบ้านเรียกชื่อ วัดใหม่ จนกระทั่งประมาณปี๒๔๗๙ นายบุญยงค์ พัฒนพงศ์ ด้ขอให้ท่านเจ้าคุณภัทรมุนี (มหาอิ๋น ป.ธ.๙) รองเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งชื่อวัดให้ใหม่จาก "วัดใหม่" เป็นวัด "พัฒนาราม" มาจากคำว่า พัฒนะ กับ อาราม แปลว่าวัดที่เจริญรุ่งเรืองพร้อมกันนี้ ท่านเจ้าคุณได้ตั้งชื่อสกุล เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อวัด จากสกุลเดิม "กิมฉุ้น" เป็น "พัฒนพงศ์"วัดพัฒนาราม นอกจากจะเป็นศูนย์รวมความเชื่อความศรัทธาของชาวสุราษฎร์ธานี และเป็นโรงพยาบาลแผนโบราณแห่งแรกแล้วยังเป็นที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ดังเอกสารที่ กวี รังสิวรารักษ์ ได้ค้นคว้ารวบรวมเขียนไว้ในหนังสือ ๓อภิญญา ศรีวิชัยว่า (กวี รังสิวรารักษ์ ๒๕๔๓, ๓๑๘)"วัดใหม่ เป็นวัดที่ทางราชการเลือกใช้เป็นที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาดังความในหนังสือที่๔๒๘๘ ร.ศ.๑๓๐ (พ.ศ.๒๔๕๔) ของพระศรีสมโพธิ์ เจ้าคณะมณฑลชุมพร ตอนหนึ่งว่า
    "ฉันเพลแล้ว เข้ากระบวนแห่พระบรมรูปทางบกมาวัดใหม่ (วัดที่ถือน้ำ) เชิญพระบรมรูปประดิษฐานไว้ในอุโบสถกับธรรมาสน์ที่พระราชทานหนังสือประวัติพ่อหลวงเจียว พัฒนพงศ์ เขียนไว้ว่า "นายเจียวเป็นครูคนแรกของโรงเรียนสุพรรณดิตถ์พิทยา แขวงบ้านดอน ซึ่งเป็นโรงเรียนแห่งแรกที่ตั้งอยู่ที่วัดพัฒนาราม (วัดใหม) เมืองสุราษฎร์ธานีราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๖ หน้า ๓๓๔ บันทึกว่า วัดใหม่ควรตั้งโรงเรียนหลวงได้ เพราะพระพัฒน์เจ้าอธิการ เป็นผู้สามารถ และเป็นที่นิยมนับถือของราษฎรในเมืองนี้ พระเจียวน้องของเจ้าอธิการได้เคยเข้ามาศึกษาวิชาหนังสือไทยในกรุงเทพฯ เธอได้คิดจัดตั้งการสอนมาได้ ๒ ปีแล้ว"จากเอกสารดังกล่าว ยืนยันว่า วัดใหม่เป็นที่ตั้งสถานศึกษาแห่งแรกของทางราชการที่เรียกว่า โรงเรียนหลวงด้วย

    ข้อมูลประวัติ
    ท่านเกิดเมื่อวันพุธ เดือน ๖ ปีจอ พ.ศ.๒๔๐๕ ร.ศ.๘๑ ในปีที่ ๑๒ แห่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ณ ตลาดบ้านดอน อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โยมบิดาของท่านชื่อ ฉุ้น โยมมารดา ชื่อ เนียม บิดาของท่านเป็นชาวบ้านดอน ส่วนโยมมารดาเป็นชาวเกาะพะงัน มีพี่น้องร่วมอุทร บิดา มารดาเดียวกัน ๗ คน หลวงพ่อเป็นคนที่ ๕ ครั้งมีพระราชบัญญัติขนานนามสกุล(ขณะท่านอยู่ในเพศบรรพชิตแล้ว) ญาติพี่น้องของท่านใช้ชื่อสกุลว่า "พัฒนพงศ์" เมื่อเยาว์วัย ได้ศึกษาอยู่กับพระอาจารย์ผ่อง แห่งวัดพระโยคศึกษาเล่าเรียน ตามเนื้อหาวิชาซึ่งเป็นที่นิยม ศึกษาสืบทอดกันอยู่ในยุคสมัยนั้นตามควรแก่วัยและตามภูมิพื้นความรู้ของผู้เป็นอาจารย์ท่านผู้สอน

    อุปสมบท

    กล่าวกันว่า เมื่อเติบโตเป็นหนุ่ม ท่านก็ได้ทำการสมรสกับนางละม่อมอยู่กินกัน
    หลายปี แล้วมีเหตุบางประการ ทำให้ท่านต้องบรรพชาอุปสมบท ในระหว่างที่หลวงพ่อบวชอยู่นั้น นางละม่อม ภรรยาซึ่งตั้งครรภ์อยู่ได้คลอดบุตรออกมาเป็นหญิง แต่ถึงแก่กรรมภายหลังคลอดได้ไม่นานนัก ทำให้ท่านตัดสินใจไม่ยอมลาสิกขา คงครองเพศสมณะอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์เรื่อยมา สำหรับสาเหตุที่ท่านได้อุปสมบท ขณะภรรยากำลังตั้งครรภ์นั้น บ้างว่าเพราะความตระหนักรู้เลื่อมใสในหนทางอริยมรรคเกิดความเบื่อหน่ายในฆราวาสวิสัย แต่
    บ้างก็ว่าเพราะเหตุผลทางประเพณีหรือความเชื่อ เช่น การบวชหน้าไฟ(ในงานศพบุพการี) หรือการบนบวช เป็นต้น ครั้นเกิดเหตุบุตรที่เพิ่งคลอดเสียชีวิต ประกอบกับการได้หยั่งถึงสัมผัสรับรู้ในความสงบเย็น สว่าง และสะอาดของร่มกาสาวพัสตร์อันมีความเป็นสัปปายะเปี่ยมเหตุปัจจัยที่ เอื้ออำนวยเกื้อกูลสนับสนุนโอกาสแห่งความก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปในทางธรรมจึงทำให้ท่านไม่คิดลาสิกขา คงอยู่ในเพศบรรพชิตต่อไปโดยไม่มีกำหนดหลังจากล่วงเลยเวลาที่ควรลาสิกขาไปนานเข้า นางละม่อมผู้ภรรยาก็ได้ปรารภ กับหลวงพ่อ ขอให้ท่านสละเพศบรรพชิต ออกไปครองเรือนใช้ชีวิตครอบครัวดังเดิม แต่หลวงพ่อได้ปฏิเสธ พร้อมกับแจ้งให้ทราบถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จักอยู่ในสมณเพศต่อไปแบบไม่มีกำหนดหลายปีต่อมา นางละม่อม ก็ได้แต่งงานใหม่ โดยความอนุโมทนาอันดีของหลวงพ่อเพราะเป็นการช่วยปลดเปลื้องห่วงผูกพันให้แก่ท่านอย่างสิ้นเชิงในการอุปสมบทของหลวงพ่อพัฒน์นั้น ท่านอุปสมบทเมื่ออายุได้ ๒๕ ปี ในพ.ศ.๒๔๓๐ ณ อุโบสถวัดพระโยค โดยมีพระครูสุวรรณรังษี(มี)เจ้าคณะเมืองกาญจนดิษฐ์ เจ้าอธิการวัดโพธิ์ ตำบลบ้านตลาดบน (ยึดถือตามรายงานมณฑลชุมพร ร.ศ.๑๑๙)เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อกล่อม วัดโพธิ์ (ภายหลังเป็นที่พระครูวิธูรธรรมสาส์น) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อขำ วัดบางใบไม้ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "นารโท" บวชแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดพระโยค เป็นเวลาหลายพรรษา

    สร้างวัด

    เมื่อมีอายุพรรษามากขึ้นหลวงพ่อพัฒน์ก็ได้บุกเบิกสร้างวัดขึ้นมาใหม่อีกแห่งหนึ่งกล่าวกันว่า ที่ดินที่หลวงพ่อพัฒน์ใช้เป็นสถานที่สร้างวัดนั้น แต่เดิมเป็นเขตป่าช้าของวัดพระโยคด้วยพรรษากาลที่ไม่ถึงสิบพรรษาและด้วยปัจจัยที่ท่านมีอยู่เพียง ๖บาท เมื่อครั้งแรกเริ่มสร้างวัด แต่ด้วยบารมี ผลานิสงฆ์อันท่านได้เคยสร้างสมมาประกอบกับความเป็นผู้มุ่งมั่น มีปณิธาน และเป็นที่นิยมนับถือของราษฎร ดังที่ "รายงานพระสงฆ์จัดการศึกษามณฑลชุมพร ร.ศ.๑๑๘" กล่าวว่า "พระพัฒน์เจ้าอธิการเปนผู้สามารถแลเปนทีนิยมนับถือของราษฎรในเมืองนี้" (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๖ แผ่นที่ ๒๕ วันที่ ๒๗ กันยายน ร.ศ.๑๑๘ หน้า ๓๓๔) หลวงพ่อพัฒน์ ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นภิกษุหนุ่ม ก็สามารถสร้างวัดขึ้นใหม่ได้สำเร็จ รู้จักเรียกขานกันโดยทั่วไปว่า "วัดใหม่" (ชื่อวัดว่า "วัดใหม่" นี้คงใช้อยู่ตลอดสมัยของหลวงพ่อพัฒน์ภายหลังจากท่านมรณภาพแล้วได้มีการเปลี่ยนชื่อวัดเพื่อเป็นที่ระลึกถึงท่านผู้สร้างว่า "วัดพัฒนาราม") ปีที่หลวงพ่อพัฒน์ นารโท เริ่มต้นสร้างวัดประมาณได้ว่า ไม่หลังจากพ.ศ.๒๔๔๐(ร.ศ.๑๑๖) อย่างแน่นอน ทั้งน่าเชื่อว่าอาจจะเริ่มก่อสร้างเสนาสนะก่อตั้งวัดก่อนหน้า ร.ศ.๑๑๖ หรือ พ.ศ.๒๔๔๐ อีกด้วย เนื่องจากปี ร.ศ.๑๑๖ (พ.ศ.๒๔๔๐) นั้นเป็นปีที่หลวงพ่อพัฒน์ได้เริ่มสร้างอุโบสถจนกระทั่งแล้วเสร็จโดยสมบูรณ์ครบถ้วนในปี ร.ศ.๑๒๓ (พ.ศ.๒๔๔๗) ดังมีรายละเอียดอยู่ในหนังสือสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยที่๑๔๖๓/๘๓๘๗ ลงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ร.ศ.๑๒๓ รหัสไมโครฟิลม์ ม ร ๕ ศ/๓๐ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ)แต่หลักฐานของทางวัดใหม่ (วัดพัฒนาราม) ระบุว่า "เมื่อปีจอสำเร็จธิศก เดือน ๖ ได้ยกอุโบสถจนสำเร็จ" (ปีจอ สัมฤทธิศกตรงกับ พ.ศ.๒๔๔๑) ทั้งยังกล่าวว่าหลวงพ่อพัฒน์ได้เริ่มสร้างวัดใหม่เมื่อเดือน ๖ ปีวอก อัฐศก พ.ศ.๒๔๓๙

    วิสุงคามสีมา
    หลวงพ่อพัฒน์ได้ก่อตั้งและสร้างวัดใหม่สำเร็จถูกต้อง ตามหลักเกณฑ์ที่ได้รับพระ
    บรมราชานุญาตให้จัดการคณะส่วนปกครองของสงฆ์ ร.ศ.๑๑๘ (ภายหลังปรับเปลี่ยนเป็นพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ.๑๒๑) ที่จำแนกวัดเป็น ๒ แผนก คือ วัด ที่มีวิสุงคามสีมา เป็นวัดแท้ไม่มีวิสุงคามสีมา เป็นแต่วัดพำนัก(โดยวัดแท้ มีหัวหน้าปกครองเป็นเจ้าอธิการ วัดพำนักเป็นหัววัด) ตั้งแต่ปี ร.ศ.๑๑๙ (พ.ศ.๒๔๔๓) เพราะว่าวัดที่หลวงพ่อพัฒน์สร้างใหม่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ทำให้มีสถานภาพเป็นวัดแท้ หรือเป็นวัดโดยสมบูรณ์ตามหลักเกณฑ์ของคณะสงฆ์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ร.ศ.๑๑๙ โดยเขตวิสุงคามสีมา มีความกว้าง ๘ วา ๓ ศอก ยาว ๑๒ วา ๓ ศอก ตามประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๘ แผ่นที่ ๑๑ วันที่ ๑๖ มิถุนายน ร.ศ.๑๒๐ (พ.ศ.๒๔๔๔) หน้า ๑๔๐ อนึ่ง หลักฐานของทางวัดพัฒนารามระบุว่าได้ผูกพัทธสีมาสำเร็จบริบูรณ์ เมื่อปีฉลู ตรีศก เดือน ๖ แรม ๑๔ ค่ำ ใน วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๔๔ นอกจากนี้ หลวงพ่อพัฒน์ยังได้ดำเนินการให้มีการก่อสร้างเสนาสนะสิ่งก่อสร้าง ต่างๆ อีกหลายอย่างแต่ขอกล่าว พอเป็นสังเขป คือ
    ศาลา
    ได้มีการสร้างศาลา กว้าง ๖ วา ยาว ๖ วา ๖ เหลี่ยม (เสมือนหนึ่งรหัสนัยบางประการ) ที่บริเวณหน้าอุโบสถวัดใหม่ ในปี ร.ศ.๑๒๗ (พ.ศ.๒๔๕๑) สิ้นค่าก่อสร้างรวมทั้งสิ้นประมาณ ๑,๖๗๑ บาท ซึ่งปรากฎรายละเอียดอยู่ในหนังสือมรรคนายกวัดใหม่ ที่๓๕๔๖ ลงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ร.ศ.๑๒๘
    หอระฆัง
    ในปี ร.ศ.๑๒๙ (พ.ศ.๒๔๕๓)วัดใหม่ได้จัดสร้างหอระฆังขึ้น ฐานกว้างด้านละ ๑ วา ๓ ศอก ๔ เหลี่ยม ๒ ชั้น สูง ๒ วา ๒ ศอก ใช้เงินในการก่อสร้างประมาณ ๑,๕๗๐ บาท โดยจีนเก้าเสี้ยน เป็นผู้บริจาคทั้งหมดปรากฏรายละเอียดในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๒๘ ภาคที่ ๑ วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๑๓๐ (พ.ศ.๒๔๕๔) หน้า ๗๖๔
    ที่ถือน้ำ
    ในสมัยราชาธิปไตย บรรดาข้าราชการตามภูมิภาคหรือหัวเมืองและแขวงต่างๆ ต้องกระทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา (น้ำที่ดื่มในเวลาถวายสัตย์ต่อพระเจ้าแผ่นดิน) กันทุกปี โดยมักกระทำพิธีถือน้ำกันในวัดที่เห็นสมควรแม้วัดใหม่ของหลวงพ่อพัฒน์ จะเป็นวัดที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่เมื่อประมาณไม่นานหลังจาก พ.ศ.๒๔๔๐ แต่ก็เป็นวัดที่ทางราชการในพื้นที่นั้นเลือกใช้เป็นที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาด้วย ดังความในหนังสือ ที่ ๔๒๘๘ ร.ศ.๑๓๐ (พ.ศ.๒๔๕๔)ของพระศรีสมโพธิ์ เจ้าคณะมณฑลชุมพรตอนหนึ่งว่า
    "ฉันเพลแล้ว เข้ากระบวนแห่พระบรมรูปทางบกมาวัดใหม่ (วัดที่ถือน้ำ) เชิญพระบรมรูปประดิษฐานไว้ในอุโบสถกับธรรมาศน์ที่พระราชทาน"

    วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม
    วัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงของท่าน คือ พระกสิณ รุ่นแรกสร้างขึ้นปี 2472 มีทั้งเนื้อผง และเหรียญปั๊ม ภายหลังท่านยังสร้างติดต่อกันมาจนกระทั่งมรณภาพ ปี2505 ท่านได้สร้างวัตถุมงคลครั้งใหญ่ที่สุด มีด้วยกันหลายพิมพ์ ปลุกเสกโดยพระคณาจารย์ชื่อดังทางใต้หลายองค์

    พุ
    ทธคุณที่เล่าสืบทอดกันมา

    พุทธคุณในเหรียญรุ่นนี้เด่นทาง เมตตามหานิยม

    เหรียญพระกสิณ วัดใหม่ จ.สุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2527 พิธีปลุกเศกใหญ่ กะไหล่เดิมแห้ง ผิวหิ้ง ราคาเบาๆ พุทธคุณครบเครื่องครับ

    [​IMG]


    *ปิดรายการนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ks1-horz.jpg
      ks1-horz.jpg
      ขนาดไฟล์:
      485 KB
      เปิดดู:
      7,184
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2011
  3. kao_army

    kao_army สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +10
    ใน คลิป ของ อ.ชุม ไชยคีรี ที่เขาลองให้ดูอ่ะครับ เป็น พระอะไรเหรอครับ หุหุ เหนี๊ยวเหนียว
     
  4. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    อาจารย์ชุม ฆราวาสผู้แตกฉานท่านนี้ เมื่อต้องการให้เป็นทางคงกระพัน ท่านก็สามารถกำหนดจิตได้ทันที ขนาดทดสอบเชือดเนื้อ เถือหนัง พิสูจน์กันเห็นๆ ครั้นจะแสดงทางมหาอุด ก็สั่งศิษย์ลงนั่ง ให้ผู้มีอาวุธปืนทุกชนิด ทดลองยิงข้ามศีรษะได้เลยไม่ออกสักกระบอกเดียว ซึ่งเป็นการกำหนดจิตของท่านเท่านั้น ไม่ต้องห่วงเลยสำหรับวัตถุมงคลที่ผู้แตกฉานอย่างท่านทำไว้จะมีพุทธคุณครบถ้วน สุดยอดขนาดไหน
    :cool:
     
  5. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก กริ่งเหล็กไหล หลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ ปี 2528 นครศรีธรรมราช

    หลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ จ.นครศรีธรรมราช ปี2528 ปลุกเสกฯนานถึง 3 ไตรมาศ เนื้อทองแดงรมดำเดิมๆ
    หลวง ปู่จันทร์ ท่านเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาและเป็นที่เคารพรักแก่ลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั้งไกล้และไกลพระเครื่องของท่านแต่ละรุ่นล้วนมีประสพการณ์ รุ่นนี้พิเศษที่ข้างในบรรจุกริ่งเหล็กไหล พุทธคุณไม่ต้องพูดถึง มหาอุตม์ คงกระพัน นักเลงเมืองคอนต่างรู้ดีครับ



    [​IMG]




    องค์ที่5*ปิดรายการนี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2011
  6. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก กริ่งเหล็กไหล หลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ ปี 2528 นครศรีธรรมราช

    หลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ จ.นครศรีธรรมราช ปี2528 ปลุกเสกฯนานถึง 3 ไตรมาศ เนื้อทองแดงรมดำเดิมๆ
    หลวง ปู่จันทร์ ท่านเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาและเป็นที่เคารพรักแก่ลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั้งไกล้และไกลพระเครื่องของท่านแต่ละรุ่นล้วนมีประสพการณ์ รุ่นนี้พิเศษที่ข้างในบรรจุกริ่งเหล็กไหล พุทธคุณไม่ต้องพูดถึง มหาอุตม์ คงกระพัน นักเลงเมืองคอนต่างรู้ดีครับ



    [​IMG]




    องค์ที่6*ปิดรายการนี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2011
  7. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    [​IMG]
    รูปพ่อท่านจันทร์ สุเมโธ วัดทุ่งเฟื้อ
    พ่อท่านจันทร์ สุเมโธ วัดทุ่งเฟื้อ ตามประวัติ หลวงพ่อจันทร์ ท่านเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า เครื่องราง ควายธนู พ่อท่านจันทร์ ถือเป็นควายธนูหนึ่งเดียวของเมืองใต้

    ประวัติหลวงพ่อจันทร์ สุเมโธ
    เกิดวันพฤหัสบดี ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2453 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน6ปีชวด ณ บ้านหลาแก้ว อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช บิดาชื่อนายเขียว มารดาชื่อนางพุดแก้ว นามสกุล ทองแก้ว หลวงพ่อจันทร์ ท่านเป็นบุตรชายคนโต มีพี่น้อง4คน มีอาชีพทำสวนทำไร่ ตอนเยาว์วัยได้ศึกษาในสำนักของ พระครูสังฆรักษ์ วัดหลาแก้ว ได้ศึกษาอักขระสมัยและวิชาอาคมต่างๆ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นก็ศึกษาพุทธาเวทจากตำราต่างๆ มีวิชาอาคมพอตัวเลยทีเดียว นักเลงหัวไม้ต่างกลัวท่าน เนื่องจากท่านหนังเหนียวยิ่งนัก เมื่ออายุครบ 20ปี ก็ได้อุปสมบทที่วัดศาลาแก้ว มีพระครูพนังศรีวิสุทธิพุทธิภักดี เป็นพระอุปัชฌาย์ อาจารย์เห้ง วัดศาลามีแก้ว เป็นพระกรรมาวาจารย์ หลวงพ่อจันทร์ ได้ฉายาว่า "สุเมโธ"

    อักขระปรากฏแก่ พ่อท่านจันทร์
    คราว หนึ่ง พ่อท่านจันทร์ สุเมโธ ท่านเดินทางธุดงค์อยู่ในป่าช้าจังหวัดพัทลุงขณะที่ท่านเข้าพักแขวนกลดไว้กับ กิ่งไม้ในป่าช้าวัดแห่งหนึ่งบริเวณใกล้ริมคลองป่าเรียบร้อยแล้ว “หลวงพ่อจันทร์”ท่านก็เดินจงกลมคลายความเหน็ดเหนื่อยพอสมควรแล้ว ท่านก็นั่งสมาธิภาวนาในกลด เพราะเป็นช่วงพลบค่ำพอดี

    ความอัศจรรย์เกิดขึ้นแก่จิต
    ขณะที่นั่งสมาธิจนจิตค่อยสงบลงแล้วสติสัมปชัญญะสมบูรณ์แจ่มใสมาก “หลวงพ่อจันทร์”ท่านได้เล่าให้บรรดาศิษย์ฟังภายหลังว่าจิตสงบดีแล้วเหตุการณ์การอันอัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น ทำให้เห็นอักขระแบบภาษาขอมลอยขึ้นเด่นชัด จากริมแม่น้ำลำป่า ไปอยู่ในท่ามกลางอากาศก็ได้กำหนดอักขระเหล่านั้นมาพิจารณา แล้วทำอุบายเพ่งเป็นกสิณ โดยอาศัยอักขระโบราณที่ปรากฏมาเป็นนิมิตรหมายแห่งการบำเพ็ญเพ่งเป็นองค์กสิณยิ่งนานวัน ความสงบยิ่งแนบแน่นตามลำดับ

    พยัคฆามาเยี่ยม
    เมื่อความมืดมาปกคลุมไปทั่วลุ่มน้ำลำป่า จังหวัดพัทลุง บริเวณภายนอกกลดอากาศเย็นเป็นพิเศษ ขณะ"พ่อท่านจันทร์"และหมู่คณะของท่านนั่งกำหนดจิตอยู่ ทันใดนั้นความเงียบก็ถูกทำลายด้วยอำนาจเสือโคร่งตัวโต เสียงร้องของมันขู่ข่มขวัญ ทุกคนที่ได้ยิน มันเดินไปวนมาข้างๆกลดเพราะได้กลิ่นมนุษย์ พระธุดงค์ดังกล่าวได้ปฏิบัติตามคำเตือนให้อยู่ในความสงบ นั่งปฏิบัติกันโดยปกติ เสือเหมือนมาทดสอบจิตใจเมื่อพระธุดงค์ทุดท่านมีมานะอดทนที่แน่วแน่ พร้อมทั้งแผ่เมตตาไปยังเสือตัวนั้นในที่สุดเสือโคร่งก็สิ้นความพยายามผละหายกลับไปในป่าลึก

    หลวงพ่อจันทร์ พบดินแดนสงบ
    จากการเดินธุดงค์ไปทั่วทั้ง 14จังหวัดภาคใต้ ต่อมาในปี พ.ศ.2491 พ่อท่านจันทร์ สุเมโธ ท่านได้จำพรรษาที่ วัดทุ่งเฟื้อ เพราะเล็งเห็นว่าเหมาะแก่การเจริญวิปัสสนาสมาธิเป็นอย่างยิ่ง จากอดีต วัดทุ่งเฟื้อ ที่เคยมีสภาพทรุดโทรม ก็ได้รับการพัฒนาเปิดป่า เปลี่ยนเป็นศาลาโรงธรรม หอระฆัง พระอุโบสถและกุฏิสงฆ์ขึ้นมาตามลำดับ ต่อมา พ่อท่านจันทร์ ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดทุ่งเฟื้อ อย่างสมบูรณ์ พระสงฆ์ต่างจังหวัดและชาวบ้านต่างมาฝากตัวเป็นศิษย์ท่านเป็นจำนวนมาก เพื่อศึกษาตำราพิชัยสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องวิชาคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด แต่งคนเลิศดีนักแลฯ ถือเป็นวิชาสุดยอดทั้งนั้นและ หลวงพ่อจันทร์ ก็เคยเดินทางไปศึกษาวิชากับ อาจารย์เอียดดำ วัดในเขียว อีกด้วย

    [​IMG]
    [​IMG]
    ข้อมูลจากคุณศิวเวทย์ (๏..ตรังนิสิงเห...๚ะ๛)
    พุทธคุณพระเครื่อง “พ่อท่านจันทร์”
    ในเรื่องอิทธิมงคลวัตถุของพ่อท่านจันทร์ นั้นมีอานุภาพดีเด่นในทางพุทธคุณสูง อานุภาพสูงส่งจากประสบการณ์ผู้นำติดตัวไปใช้ก็มีมากมาย จึงเป็นที่หวงแหนของผู้ที่ครอบครองไว้ สำหรับความรู้สึกของศิษยานุศิษย์ที่ได้เรียนวิชาคงกระพัน วิชาชาตรี วิชาแคล้วคลาด วิชามหาอุด วิชาแต่งคน และรับมอบอิทธิวัตถุมงคลของหลวงพ่อจันทร์ พูดได้ว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว

    หลวงพ่อจันทร์ มรณภาพตามกำหนด
    กฎแห่งไตรลักษณ์มีอย่างไรความจริงก็ย่อมปรากฏเช่นนั้น หลวงพ่อจันทร์ ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติจนเกิดฌานจนแก่กล้า สามารถรู้เหตุการณ์ต่างๆแม้แต่วันตาย ดังบันทึกของคณะศิษย์วัดทุ่งเฟื้อ ทุกๆสาย คืนวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2532 ท่านเข้าสมาธิภาวนาตั้งแต่หัวค่ำด้วยอิริยาบถอันสงบ แม้อาการป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอดท่านก็ไม่ ทอดธุระเรื่องภาวนา ตลอดคืนจนได้เวลา 05.00น. อันเป็น เวลาใกล้สว่าง หลวงพ่อจันทร์ ท่านได้ให้บรรดาศิษย์ช่วยกันพยุงกายท่านให้ลุกขึ้น เพราะท่านนั่งสมาธิมาตั้งแต่หัวค่ำ เรี่ยวแรงก็น้อยลง เมื่อพระสมุห์พิงค์ ขึ้นแล้ว ท่านได้เปลี่ยน สบง จีวร สังฆาฏิ ใหม่หมดเสร็จแล้วท่านได้บอกให้ลูกศิษย์ประคองให้นั่งลงทำสมาธิต่อไปหลังจากฉันอาหารเช้าแล้ว หลวงพ่อจันทร์ท่านก็หลับตาลง และได้สั่งให้พระสมุห์พิงค์ ผู้เป็นศิษย์จุดเทียนไว้เบื้องหน้าหนึ่งเล่ม พร้อมทั้งไม่ให้ใครมาส่งเสียงบริเวณนั้นจะทำสมาธิครั้งสุดท้ายหลังจากกล่าวแก่ศิษย์ทุกคนแล้ว หลวงพ่อจันทร์ ท่านก็หลับตาลงเป็นครั้งสุดท้ายกำหนดจิตเข้าสู่สมาธิ เป็นลำดับเวลา 08.30น.บรรดาลูกศิษย์ ที่เฝ้าดูอาการของ พ่อท่านจันทร์ เห็นผิดสังเกต เพราะศีรษะของท่านโน้นเอียงลงมาเล็กน้อย ซึ่งปกติท่านจะนั่งตัวตรงไม่ไหวติง ศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดท่านย่อมรู้ดี จึงทราบว่า พ่อท่านจันทร์ สุเมโธ วัดทุ่งเฟื้อ ท่านได้มรณภาพแล้ว วันที่ 10 พฤศจิกายน 2532

    [​IMG]
    ชาวบ้านที่ศรัทธา หลวงพ่อจันทร์
    ร่างกายไม่เน่าเปื่อย
    การนั่งมรณภาพของ หลวงพ่อจันทร์ เมื่อวันที่10 พฤศจิกายน 2532 ได้ลือกระฉ่อนไปทั่วสารทิศเมืองนครศรีธรรมราช สังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย สังขารของท่านแข็งดุจหินแม้เวลาล่วงเลยมาหลายปี

    ข้อมูลจาก...นิตยสารศูนย์พระเครื่อง ปี 2535
     
  8. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    <CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER>๏..น้อมเศียรเกล้า อาราธนา บารมีพระตรัยรัตน์
    </CENTER>หลวงปู่จันทร์ อันพิพัฒน์ ฤทธิผล
    สิ่งศักดิ์สิทธ์ ทั่วโลกหล้า แลสากล
    บันดาลดล ให้ทุกคน จงปลอดภัย
    จงเจริญ ด้วยพรชัย จตุพิธ
    พ้นวิกฤติ วิบัติภัย นิรัติผล
    จงร่ำรวย เป็นเศรษฐี พ้นอับจน
    ขอทุกคน จงเป็นสุข ทุกเมื่อเทอญ...๚ะ๛


    <CENTER></CENTER>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1369-13.jpg
      1369-13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.2 KB
      เปิดดู:
      487
    • 1369-18.jpg
      1369-18.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91 KB
      เปิดดู:
      210
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2011
  9. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
  10. พุทธนิรันดร์

    พุทธนิรันดร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,641
    ค่าพลัง:
    +5,039
    รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก กริ่งเหล็กไหล หลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ ปี 2528 นครศรีธรรมราช

    หลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ จ.นครศรีธรรมราช ปี2528 ปลุกเสกฯนานถึง 3 ไตรมาศ เนื้อทองแดงรมดำเดิมๆ
    หลวงปู่จันทร์ ท่านเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาและเป็นที่เคารพรักแก่ลูกศิษย์ลูกหามากมายทั้งไกล้และไกลพระเครื่องของท่านแต่ละรุ่นล้วนมีประสพการณ์ รุ่นนี้พิเศษที่ข้างในบรรจุกริ่งเหล็กไหล พุทธคุณไม่ต้องพูดถึง มหาอุตม์ คงกระพัน นักเลงเมืองคอนต่างรู้ดีครับ

    [​IMG][​IMG]


    [​IMG]

    องค์ที่2ให้บูชา 950 บาทครับ คุณพุทธนิรันดร์จอง<!-- google_ad_section_end -->



    [​IMG]
    องค์ที่4ให้บูชา 950 บาทครับ คุณพุทธนิรันดร์จอง<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->


    วันนี้(26 ก.ค.54)ผมโอนเงินให้แล้วครับ 1950 บาท ที่อยู่แจ้งใน pm ครับ
     
  11. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457

    รับทราบ ได้รับแล้วครับ พรุ่งนี้จะรีบจัดส่งให้ครับ
     
  12. THANAT BOON

    THANAT BOON Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2011
    โพสต์:
    488
    ค่าพลัง:
    +48


    [​IMG]

    องค์ที่5ให้บูชา 950 บาทครับ<!-- google_ad_section_end --> ​


    Mo...ครับ มีองค์ใหม่แล้วทำไมไม่เปลี่ยนให้พี่ล่ะ พี่เปลี่ยนเอาองค์นี้แทนนะจ๊ะๆๆๆๆๆ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2011
  13. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    อะ....ได้พี่จัดให้ครับ ตกลง เป็น 2องค์เลยนะครับ ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2011
  14. พุทธนิรันดร์

    พุทธนิรันดร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,641
    ค่าพลัง:
    +5,039
    เหลือองค์สุดท้าย ก็ขอปิดองค์นี้เลยนะครับ ขอโอนปลายสิงหาคมนะครับ เดือนนี้กรอบแย้ว อิอิ
     
  15. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    โอ้จองขัามเดือนเลยนะท่าน เอ้าได้ครับ แหมลูกค้าประจำให้สิทธิ์ครับ
     
  16. พุทธนิรันดร์

    พุทธนิรันดร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,641
    ค่าพลัง:
    +5,039
    องค์นี้ขอจ้องครับ อิอิ
     
  17. La-Z-BoY

    La-Z-BoY สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +7
    ถ้าเจอ พระพุทธชินราชท่าเรือ ปี97 สภาพดี ราคาเบาๆ กระซิบบอกทางPMบ้างนะครับพี่ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
     
  18. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    ทราบอย่างเดียว แต่ไม่รับนะครับ 555
     
  19. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    ได้เลยครับ...............
     
  20. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,026
    ค่าพลัง:
    +5,457
    รายการใหม่จัดส่งให้แล้วนะครับเช้านี้ 27/7/54

    THANAT BOON: EH862867398TH<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_end -->

    พุทธนิรันดร์: EH862867407TH<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...