+++Premium พระเครื่องราคาพิเศษ(ปิดกระทู้ชั่วคราว)

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย dekdelta2, 13 กันยายน 2009.

  1. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    แจ้งข่าวครูบาดวงดี วัดท่าจำปีได้ละสังขารแล้วครับ

    พระครูสุภัทรสีลคุณ (หลวงปู่ครูบาดวงดี สุภทโท)

    หลวงปู่ครูบาดวงดี สุภทโท ถือกำเนิดที่บ้านท่าจำปี ตำบลทุ่งสะโตก อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นคนพื้นเพบ้านท่าจำปีมาแต่กำเนิด บิดามารดา เป็นชาวไร่ชาวนา โยมบิดาชื่อ พ่ออูบ โยมมารดาชื่อ แม่จั๋นติ๊บ (สมัยนั้นยังไม่มีการใช้นามสกุล) หลวงปู่ถือกำเนิดในแผ่นดินรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ตรงกับสมัยพ่อเจ้าอินทวิชยานนท์ (เจ้ามหาชีวิต) เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 เดือนเมษายน พ.ศ. 2449 หลวงปู่มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 8 คน เป็นชาย 4 คน เป็นหญิง 4 คน หลวงปู่เป็นลำดับที่ 7 และมีน้องสุดท้องชื่อแม่นิน

    เมื่อหลวงปู่อายุได้ 11 ปี ได้ติดตามพ่อแม่ไปทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหารแด่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย ซึ่งขณะนั้นท่านครูบาถูกทางการจังหวัดลำพูน นำตัวมากักขังบริเวณที่วัดพระธาตุเจ้าหริภุญชัย (วัดหลวงลำพูน) ในข้อหาเป็นพระอุปัชฌาย์เถื่อนไม่มีหนังสืออนุญาตบวชพระ เมื่อท่านครูบาเจ้าฯได้เห็นเด็กชายดวงดี ท่านก็มีเมตตาอย่างสูงเรียกเข้าไปหาพร้อมกับบอกพ่อแม่ว่า "กลับไปให้เอาไปเข้าวัดเข้าวา ต่อไปภายหน้าจะได้พึ่งพาไหว้สามัน" นับเป็นพรอันประเสริฐ ยิ่งในการที่ท่านครูบาเจ้าฯได้พยากรณ์พร้อมกับประสาทพรให้หลวงปู่ตั้งแต่ยัง เด็ก

    หลังจากที่เดินทางกลับถึงบ้าน ไม่กี่วันต่อมา บิดาก็นำขันข้าวตอกดอกไม้ พร้อมกับนำตัวเด็กชายดวงดีไปถวายฝากตัวเป็นศิษย์(ขะโยม)ในท่านครูบาโปธิมา ซึ่งเป็นอธิการวัดท่าจำปี ใกล้ๆบ้านนั่นเอง ครูบาโปธิมาก็ได้พร่ำสอนหนังสือของทางการบ้านเมืองสมัยนั้น หลังจากสั่งสอนเด็กชายดวงดีจนพออ่านออกเขียนได้ ท่านครูบาโปธิมาก็ย้ายจากวัดท่าจำปีไปเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ห่างจากวัดท่าจำปีไปเล็กน้อย ท่าครูบาสิงหะ เจ้าอาวาสท่านต่อมาได้ให้เด็กชายดวงดีศึกษาเป็นขะโยม(เด็กในวัด) อยู่กับคณูบาสิงหะได้ไม่นาน ครูบาสิงหะก็มรณภาพ คงเหลือสามเณรสิงห์แก้วดูวัดท่าจำปีแทนและทำหน้าที่สั่งสอนลูกศิษย์ไปด้วย หลังจากทำบุญประชุมเพลิงครูบาสิงหะแล้วสามเณรสิงห์แก้วก็ลาสิกขาจึงทำให้วัด ท่าจำปีร้างรกไม่มีเจ้าอาวาสติดต่อกันถึง ๓ ปี ในขณะที่วัดร้างรานั้น หลวงปู่หรือเด็กชายดวงดีขณะนั้นก็ทำหน้าที่ดูแลวัดอย่างที่เคยปฏิบัติมา เช่น ปัดกวาดกุฏิวิหาร จัดขันดอกไม้บูชาพระ ตักน้ำคนโท(น้ำต้น)ถวายพระพุทธรูปตลอดเวลา

    ต่อมาคณะศรัทธาวัดท่าจำปี ได้อาราธนานิมนต์ท่านครูบาโสภามาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าจำปี เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่จึงได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลทุ่งสะโตกอีก ตำแหน่งด้วย ทำให้วัดท่าจำปีเกิดความสำคัญขึ้นมาอย่างยิ่ง เพราะนอกจากท่านครูบาโสภณจะเป็นเจ้าคณะตำบลแล้ว ท่านยังเป็นพระสหธรรมมิกที่มีอายุพรรษารุ่นราวคราวเดียวกันกับม่านคณุบา ศีลธรรมศรีวิชัย มีผู้คนเคารพนับถือมากมายถึงกับขนานนามท่านว่า "ตุ๊เจ้าตนบุญตนวิเศษแห่งล้านนา" จริงๆ เพราะท่านมีบุญญาอภินิหารปรากฏแก่สายตาคนทั้งหลาย ซึ่งเป็นที่ร่ำลือถึงเหตุการณ์ต่างๆอย่างไม่ลดละตราบจนทุกวันนี้

    ครั้นหลวงปู่ดวงดีบรรพชาเป็นสามเณรแล้วโดยมีท่านครูบาโสภาเป็นพระ อุปัชฌายะบรรพชา ได้ไม่กี่วันก็ส่งตัวเข้ามาในเมืองเชียงใหม่ อยู่จำพรรษาและช่วยเหลือท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย คอยปฏิบัติพัดวีตามอาจาริยวัตรที่ครูบาอาจารย์ในยุคสมัยนั้นสั่งสอน ไหว้พระสวดมนต์ นั่งกรรมฐาน บูชาขันดอกไม้ และช่วยเหลืองานก่อสร้างต่างๆ ซึ่งในขณะนั้นท่านครูบาเจ้าศริวิชัยต้องเดินทางไปทุกหนทุกแห่ง เพื่อสร้างสรรค์บูรณะปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุ วัดวาอารามต่างๆทุกจังหวัดในภาคเหนือ เมื่อหลวงปู่ดวงดีอายุครบ 21 ปี จึงได้กลับไปนมัสการพระอาจารย์ท่านครูบาโสภาที่วัดท่าจำปีเพื่อปรึกษาเรื่อง อุปสมบทเป็นพระภิกษุ จากนั้นท่านครูบาโสภาจึงได้เดินทางไปขออนุญาตกับครูบาเจ้าศรีวิชัย เรื่องส่งมาจำพรรษาอยู่กับท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยเหมือนเดิม

    ในขณะที่หลวงปู่อยู่จำพรรษากับท่าครูบาเจ้าศรีวิชัยนับตั้งแต่เป็นสามเณร ใหม่ ๆนั้นและเดินทางปฏิบัติเล่าเรียนอยู่กับท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยนั้น ท่านอายุได้ 28 ปี เป็นช่วงที่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยต้องอธิกรณ์ข้องกล่าวหาต่างๆนาๆ เช่นการบุกรุกป่าสงวน ซ่องสุมผู้คน ตั้งตนเป็นผีบุญ จนถึงกับถูกจับส่งตัวไปตัดสินความที่กรุงเทพฯ เนื่องจากถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่โต เมื่อคณะสงฆ์ในเขตปกครองแขวงบ้านแมง (อ.สันป่าตอง) ขอลาออกจากการปกครองเมืองเชียงใหม่ถึง 60 วัด ท่านครูบาโสภาวัดท่าจำปี ท่านครูบาปัญญา วัดท่ากิ่งแลหลวง ก็ถูกไต่สวนจนต้องนำคณะศิษย์หนีหนีไปแสวงบุญก่องสร้างวิหานพระพุทธบาทฮัง ฮุ้ง ในเขตประเทศพม่าจนไม่ยอมกลับมาอีกเลย บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่านครูบาศรีวิชัยต้องแยกย้ายกันไปแสวงบุญคนละทิศละ ทาง คงค้างแต่ท่านครูบาขาวปีทำหน้าที่ดูแลวัดสิงห็ และเป็นหัวแรงในการก่อสร้างวัดวาอารามที่ค้างไว้

    ลุ พ.ศ. 2480 - 2481 ท่านครูบาศรีวิชัยถูกชำระความพ้นผิดเดินทางกลับเมืองลำพูนอยู่ได้ไม่นาน ก็ถึงแก่มรณภาพที่วัดจามเทวี เมื่ออายุได้ 61 ปี 5 เดือน กับ 21 วัน ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่ดวงดีอายุได้ 32 ปี หลวงปู่ได้เดินทางไปก่อสร้างวัดวาอารามเจริญรอยตามท่านครูบาศรีวิชัยผู้เป็น พระอาจารย์ หลังจากนั้นก็ติดตามครูบาเจ้าอภิชัยผ้าขาวปีมาสร้างวิหารวัดท่าจำปี

    ลุ พ.ศ.2484 ขณะพลวงปู่อายุได้ 35 ปี หลังจากถวายพระเพลิงปลงศพท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยเสร็จแล้วนั้น ท่านครูบาเจ้าอภิชัยผ้าขาวได้เชิญอัฐิธาตุของท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยส่วนที่ เป็นกระโหลกเท่าหัวแม่มือส่วนหนึ่งหลวงปู่นำมาเก็บรักษาสักการะบูชาจนถึงทุก วันนี้ หลวงปู่ได้อยู่ช่วยครูบาอภิชัยผ้าขาว สร้างอนุสาวรีย์บรรจุอัฐิธาติของท่าครูบาเจ้าศรีวิชัยทั้งที่วัดสวนดอกและ วัดหมื่นสารแล้ว ก็รับขันดอกนิมนต์จากคณะศรัทธาป่าเมี้ยงป๋างมะกล้วย อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ไปสร้างวัดป่าเมี้ยงป๋างมะกล้วย เนื่องจากอารามอยู่ในป่าดง เหมาะที่จะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานซึ่งถูกกับจริตวิสัยของหลวงปู่เป็นอย่าง ยิ่ง หลวงปู่อยู่ปฏิบัติกรรมฐานที่วัดนี้นานถึง 7 ปี ท่านครูบาโสภาก็ขอให้หลวงปู่ลงมาก่อสร้างวัดท่าจำปีต่อจากท่าน เนื่องจากวัดท่าจำปีมีศรัทธาญาติโยมน้อยเพียง 20 หลังคาเรือนเท่านั้น

    หลวงปู่เดินทางกลับมาก่อสร้างวัดท่าจำปี ขณะนั้นอายุได้ 42 ปีได้รับตำแหน่งเจ้าคณะตำบลทุ่งสะโตกจากท่านครูบาโสภาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าหลวงปู่จะมีตำแหน่งหน้าที่ทางการคณะสงฆ์ก็ตาม ท่านก็มิได้ละเลยข้อวัตรปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งท่านมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ในระหว่างที่มาดำรงค์ตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อจากท่านครูบาโสภา หลวงปู่ก็มิได้สร้างแต่เฉพาะวัดท่าจำปีเท่านั้น ทุกวัดในละแวกเดียวกันหลวงปู่ก็ช่วยเหลือเป็นแรงสำคัญไม่ว่าถนนหนทาง อุโบสถ วิหาร เจดีย์ สะพาน หรือแม้แต่โรงเรียน โรงพยาบาล หลวงปู่ก็ให้ความอุปถัมภ์บำรุง แม้กระทั่งวัดในเขตอำเภอสันป่าตอง หรือต่างอำเภอ หรือต่างจังหวัด จนไม่สามารถนำมาบรรยายได้ทั้งหมด
    ขอร่วมใว้อาลัยด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. noppornl

    noppornl เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,607
    ค่าพลัง:
    +8,008
    มาเร็วไปเร็วจริงๆ :'(
     
  3. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ขอไว้อาลัยกับหลวงปู่ รู้สึกใจหายมาก ....
    เมื่อวานไม่รู้เป็นไงยังว่าจะเอากุมารของหลวงปู่มาลง มองตั้งนาน แล้วก็เปลี่ยนใจดื้อๆ
     
  4. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    รายการที่ 132 ปลัดขิกปุ้มปุ้ยเล็ก หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก

    ปลัดขิกหลวงพ่อยิด
    [​IMG]



    "ปลัดขิก" หรือ "ขุนเพ็ด" เป็นเครื่องรางของขลังที่โบราณาจารย์นิยมจัดสร้างขึ้น มีลักษณะรูปร่างแปลกตาไปจากวัตถุมงคลประเภทอื่น กล่าวคือ จะมีสัณฐานเป็นรูป "ลึงค์" หรืออวัยวะเพศชาย
    จะทำจากไม้มงคล กัลปังหา เขาสัตว์ หรืองา นิยมแขวนไว้ระดับเอวโดยจัดสร้างขึ้นมามากมายหลายขนาด ตั้งแต่เล็กจิ๋วกว่าปลายนิ้วก้อย ไปจนถึงขนาดเท่าของจริง และขนาดใหญ่โตมโหฬาร สูงท่วมหัว
    ด้วยความนิยมใช้ปลัดขิก ถึงขนาดที่ว่ามีการท่องไล่เรียง "ของดี" หรือของสุดยอดของเครื่องราง ที่คู่ควรสะสมไว้ว่า "ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ เสือหลวงพ่อป่าน หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัวปั้นหุ่นวัดศีรษะทอง เบี้ยแก้กันวัดนายโรง ตะกรุดหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง"

    ในสมัยโบราณปลัดขิกถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของเพศชาย ทั้งนี้จะผูกปลัดขิกดอกน้อยๆ ไว้ที่สะเอวของเด็กเพศชาย ซึ่งนอกจากความเชื่อในด้านป้องกันอันตรายแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่บ่งชี้ในเรื่องเพศอย่างเด่นชัด ต่อมาเมื่อกิตติศัพท์ทางแคล้วคลาดรอดพ้นจากโรคภัยและอันตรายต่างๆ ขจรขจายออกไป ก็เกิดความนิยมในการเสาะแสวงหา บรรดาพระเกจิอาจารย์ต่างๆ ก็รวบรวมเอาความรู้ต่างๆ ดำเนินการปลุกเสก และจัดสร้าง มีการเลือกไม้หรือวัสดุอันเป็นมงคลตลอด จนจดจารพระคาถา เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นใจให้ผู้คนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นอานุภาพของปลัดขิกจึงมิได้จำกัดอยู่เพียงการรักษาป้องกันโรคแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ได้กลายสภาพเป็นเครื่องรางของขลัง (Charm and Talismans) โดยมีความเชื่อว่ามีอานุภาพทางด้านป้องกันอันตราย มีเสน่ห์เมตตามหานิยม โชคลาภ การทำมาค้าขาย หรืออื่นๆ อีกด้วย
    อย่างไรก็ตาม ถ้านึกถึงปลัดขิกของพระคณาจารย์รุ่นหลังๆ ทุกคนก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงปลัดขิกของ พระครูนิยุตธรรมสุนทร หรือ หลวงพ่อยิด แห่ง วัดหนองจอก อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยเกียรติคุณด้านประสบการณ์นั้นเหลือคณานับ พุทธคุณอันเลื่องลือปลัดขิกที่ผ่านการปลุกเสกจากหลวงพ่อยิดเป็นที่กล่าวขานตั้งแต่เมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงปัจจุบัน คือ

    พุทธคุณปลัดขิกหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก
    ๑.การค้าขาย ใช้เอาไปทิ่มกับของที่ขาย ไม่นานจะเห็นผลและจะค้าขายดีอย่างเทน้ำเทท่า โดยมีเรื่องเล่าว่า มีพ่อค้าคนจีนทำอัญมณีส่งต่างประเทศ เมื่อส่งของไปแล้วถูกส่งกลับคืนมาอ้างว่าของไม่มีคุณภาพ พ่อค้าท่านนี้กลุ้มใจมาก มีคนนำไปหาหลวงพ่อยิดท่านจึงมอบปลัดขิกและบอกให้นำไปทิ่มที่ของซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่ถูกส่งกลับคืน แล้วส่งไปอีกครั้ง ปรากฏว่าต่างประเทศชมมาว่าของชุดนี้ถูกใจมาก
    ๒.เรื่องแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น ตะขาบ แตน ต่อ แมงป่อง เอาไปวนบริเวณที่ถูกกัดต่อยจะหายเป็นปลิดทิ้ง รวมทั้งงูมีพิษจะอ้าปากไม่ขึ้นถ้าเราเหยียบ หรือนอนทับงูจะตาย ทั้งนี้มีเรื่องเล่าว่า พ.อ.อ.ศักดิ์ชัย ทรงโกมล สังกัดกองบิน ๕๓ ประจวบคีรีขันธ์ เล่าว่าลูกชายของเขาตอนอายุประมาณ ๑๑ ขวบ ถูกต่อหัวเสือ ๓ ตัว ต่อยศีรษะร้องด้วยความเจ็บปวด นึกถึงหลวงพ่อยิด จึงนำปลัดขิกหลวงพ่อยิดขึ้นมาอาราธนาแล้วจิ้มลงไปที่บริเวณโดนต่อย ปรากฏว่าลูกชายหายปวดและหยุดร้องได้


    ขณะเดียวกันก็มีเรื่องเล่าของชาวบ้านในแถบทุ่งน้อยและเขาแดงว่า หลวงพ่อยิดเสกน้ำทะเลจืดได้ จากปากคำของคุณวิเชียร อ่วมอ้อ เล่าว่า เมื่อครั้งหลวงพ่อยิดเป็นฆราวาส คุณวิเชียรยังมีอายุ ๑๗ ปี ตามหลวงพ่อยิดไปออกทะเลจับปลา จึงเตรียมน้ำจืดไปไว้ดื่มแต่ไม่เห็นหลวงพ่อยิดเตรียมน้ำไปด้วย ขณะพักกินข้าวกลางวันเห็นหลวงพ่อยิดเอามือกอบน้ำทะเลดื่ม จึงลองดื่มบ้างปรากฏว่าเค็มบ้วนทิ้งแทบไม่ทัน หลวงพ่อยิดมองแล้วอมยิ้ม จากนั้นท่านจึงเอามือวนในน้ำทะเลเป็นวงกลมแล้วให้คุณวิเชียรเอามือกอบน้ำในวงกลมดื่ม ปรากฏว่าน้ำนั้นไม่เค็มเหมือนน้ำทะเลแต่จืดเหมือนน้ำบ่อ
    นอกจากนี้แล้วความแตกต่างของหลวงพ่อยิดที่ไม่เหมือนเกจิอาจารย์รูปใด คือท่านสรงน้ำปีละครั้ง ซึ่งสืบเนื่องจากหลวงพ่อยิดเรียนคาถาเลขยันต์จากอาจารย์ของท่าน อาจารย์บอกว่าจะต้องรับสัจจะว่าจะอาบน้ำ (สมัยฆราวาส) ปีละครั้ง ท่านก็รับปากอาจารย์จึงสอนวิชาให้ เมื่อท่านเรียนวิชาจบแล้ว ท่านก็อาบน้ำจนกระทั่งบวชเป็นพระท่านก็สรงน้ำปีละครั้งตลอดมาในเดือน ๔ วันอาทิตย์แรกของข้างแรม หลวงพ่อยิดสรงน้ำปีละครั้งลูกศิษย์และผู้ที่เคารพศรัทธาจะเอาแปรงทองเหลืองขัดตัวท่าน ท่านจะยิ้มเพราะไม่เจ็บไม่ระคายผิวหนังท่านเลย
    [​IMG]
    หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก
    "ยิด สีดอกบวบ" เป็นชื่อและสกุลเดิมของหลวงพ่อยิด เกิดที่บ้านดอนหัวกรวด ต.นาพันสาม อ.เมือง จ.เพชรบุรี แม้ว่าในใบสุทธิระบุว่าท่านกำเนิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๗ ปีชวด ตรงกับวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๗ แต่จากปากคำของท่านเล่าว่า ท่านเกิดวันจันทร์ ปีชวด พ.ศ.๒๔๖๐ โยมบิดาชื่อ แก้ว โยมมารดาชื่อ พร้อย มีพี่น้องรวม ๗ คน ท่านเป็นบุตรชายคนที่ ๔

    ในวัยเยาว์ โยมบิดา-มารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือกับ หลวงพ่อหวล วัดนาพรม ที่มีศักดิ์เป็นน้าของท่าน จนอายุ ๙ ขวบ จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดนาพรม โดยมีหลวงพ่อหวล เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาอักขระสมัย อักขระขอม เลขยันต์ และแพทย์แผนโบราณ ภายหลังหลวงพ่อหวลได้พาไปฝากศึกษาต่อกับ หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง เพื่อศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐาน
    พออายุได้ ๑๔ ปี ท่านได้ลาสิกขาบทออกมาช่วยโยมบิดา-มารดาประกอบอาชีพ เพราะครอบครัวย้ายไปประกอบอาชีพที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะนั้นครอบครัวของท่านมีความลำบากยากจน ท่านจึงต้องช่วยครอบครัวประกอบอาชีพ และเมื่ออายุได้ ๒๐ ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดนาพรม โดยมี หลวงพ่ออินทร์ วัดยาง (เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีในขณะนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อหวล วัดนาพรม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์พ่วง วัดสำมะโรง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา จนฺทสุวณฺโณ แปลว่า ผู้มีวรรณะดุจพระจันทร์
    วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๘ หลวงพ่อยิดเกิดอาพาธปัจจุบันทันด่วนด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก และเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู โรงพยาบาลตำรวจ และมรณภาพลงด้วยอาการสงบในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๘ เวลา ๐๓.๕๐ น. คณะศิษย์นำสังขารของท่านบรรจุไว้ในโลงแก้ว และได้รับพระราชทานเพลิงศพในวันอาทิตย์ที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๐ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ เมรุวัดหนองจอก

    อย่างไรก็ตาม สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ คุณสมศักดิ์ ศกุนตนาฏ บรรณาธิการอำนวยการ สำนักพิมพ์คเณศ์พร ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลและภาพจากหนังสือ "อมตวัตถุมคลหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ "
    ขวัญทอง สอนศิริ ที่มา... [​IMG]



    ปลัดขิกปุ้มป้ยเล็ก ออกปี 2533
    ถือเป็นยุคต้นๆ ให้บูชา 420 บาท เท่านั้น ถูกที่สุดในเว็บแล้ว
    มี 3 ตัว เลือกได้ 2 ตัว ให้ผมใช้เองตัวนึงนะ <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1590357468802909";/* 300x250, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 10/31/08 */google_ad_slot = "6005317840";google_ad_width = 300;google_ad_height = 250;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><IFRAME name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?format=undefinedxundefined&output=html&lmt=1265515067&ea=0&flash=9.0.124.0&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Feditpost.php%3Fdo%3Dupdatepost%26postid%3D2942819&dt=1265515067656&correlator=1265515067671&frm=0&ga_vid=256239195.1217248064&ga_sid=1265514371&ga_hid=615896085&ga_fc=1&u_tz=420&u_his=6&u_java=1&u_h=768&u_w=1024&u_ah=734&u_aw=1024&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=984&bih=550&ifk=1159600371&fu=0&ifi=1&dtd=62" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00540.JPG
      DSC00540.JPG
      ขนาดไฟล์:
      254 KB
      เปิดดู:
      203
    • DSC00541.JPG
      DSC00541.JPG
      ขนาดไฟล์:
      362.6 KB
      เปิดดู:
      201
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2010
  5. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    มาร์คไว้ก่อน สนใจๆ
     
  6. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    มาร์คไม่ทันแล้วครับ คิวที่ 5 แล้วครับ
    เดี๋ยวผมหาให้อีก ถ้าได้กลับเชียงใหม่ ไปสืบมาแล้ว มีคนที่เหมาเป็นร้อยเหรียญ
    เหรียเลยหมดเร็วสุดๆไง
     
  7. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    งามๆๆๆ......
     
  8. kajit

    kajit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,656
    ค่าพลัง:
    +3,351
    จองด้วยครับ
    รายการที่ 128 จันทร์ลอยกรุคู้สลอด หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค<!-- google_ad_section_end -->
     
  9. ไวยวัฒน์

    ไวยวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +887
    ของดีเพียบเลยนะครับเพิ่งจะเข้ามาดูเนี่ยเอง
     
  10. akachiro

    akachiro เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    519
    ค่าพลัง:
    +1,327
    จอง ลูกขนาดเล็ก เลี่ยมเดิมจากวัด ครับผม


    จอง ลูกขนาดเล็ก เลี่ยมเดิมจากวัด ครับผม
    ทันมั้ยครับพี่
     
  11. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714
    สรุปรายการลูกอมหลวงพ่อสงวน


    ลูกใหญ่ 3 ลูก จองเต็มแล้ว พี่ pei พี่amar dekdelta2
    ลูกอมเลี่ยมเดิมทางวัด มี 3 ลูก เหลือ 2 ลูก พี่สุเมต ลดราคาไปเลยเหลือ 1120 บาท
    ลูกอมลูกเล็ก 4 ลูก จองเต็มแล้ว จองโดย พี่ong พี่amar พี่krit_eng99 คุณ lonkop


    ผมเอาลูกอมไปใส่กรอบให้ทุกลูกแล้วนะครับ ใครจะให้ส่งให้เลย รบกวนโอนเงินเลยนะครับ<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>


    เพื่อนฝาก จอง 1 ลูก ครับ
    ลูกอมเลี่ยมเดิมทางวัด มี 3 ลูก เหลือ 2 ลูก พี่สุเมต ลดราคาไปเลยเหลือ 1120 บาท
     
  12. หัสดา

    หัสดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +658
    ขอจองลูกอมที่เหลือ1ลูกครับ
     
  13. pasit_99

    pasit_99 การเวียนว่ายตายเกิดนั้นน่ากลัว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,669
    ค่าพลัง:
    +3,460
    รายการที่ 126 สมเด็จรุ่นแรกหลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพ ปี 2500 ผงโสฬสมหาพรหม

    จององค์ที่ 3 ยังมีมั้ยครับ
     
  14. ki2518

    ki2518 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +760
    ผมโอนรายการลูกอมผงเมตตา(ผสมผงเก่าหลวงพ่อจง)หลวงพ่อแสวง วัดสว่างภพ (4ลูก) เรียบร้อยแล้วครับ

    จัดส่งตามที่อยู่ที่แนบมาครับ ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • m.jpg
      m.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.3 KB
      เปิดดู:
      99
    • Clip.jpg
      Clip.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.5 KB
      เปิดดู:
      64
  15. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ลูกอมหลวงพ่อสงวนนะครับ
    คุณ akachiro
    คุณ ransang
    คุณ Wat.R

    เพราะฉะนั้นจองเต็มทั้งหมดแล้วนะครับ

    คิวสำรอง ยังมีคนสนใจอีกมั๊ยครับ ผมยังจะไปสอยมาอีกจนหมดกรุเลยครับ คงเป็นครั้งสุดท้ายของลูกอมหลวงพ่อสงวนในราคานี้แล้วนะครับ เพราะถ้าดังมากๆผมคงไม่กล้าจับอีกเพราะของเก๊คงระบาดหนักครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2010
  16. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ผมยังมีสมเด็จเหลอติดอยู่บ้าง แต่ติดตามกระทู้นะครับ
    รุ่นสองเห็นสายตรงกรรมฐานเค้าขายกันตั้ง 800 แพงกว่ารุ่นหนึ่งที่ผมลงอีกครับ
     
  17. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    แจกฟรี:: สมเด็จหลังนั่งพาน หลวงปู่แร่ วัดเซิดสำราญ

    <DIV class=postbody>ผู้ถือครองวิชามหาอุด
    พระครูบรรหาญศีลคุณ (แร่ จันทสโร) วัดเซิดสำราญ ต.บ้านเซิด อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
    โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์


    วัดเนินตามาก...
    ผมถามหลวงปู่ม่น ธัมมจิณโณ ที่นั่งมองหน้าผมอยู่ว่า “หลวงปู่แร่ วัดเซิดสำราญ เก่งไหมครับ หลวงปู่”

    ท่านนิ่งอยู่อึดใจก่อนจะตอบเรียบ ๆ “ฉันจะไปรู้เรอะ”

    ครั้นเห็นศิษย์หน้าม่อย ท่านก็พึมพำ

    “เก่ง”

    วัดเซิดสำราญ...
    ผมถามหลวงปู่แร่ จันทสโร ที่นั่งมองหน้าผมอยู่ว่า “หลวงปู่เวลาเข้าพิธีปลุกเสกพุทธาภิเษกเนี่ย เราจะรู้ได้ไหมครับว่าใครเก่ง ใครไม่เก่ง หรือใครมานั่งหลับเฉย ๆ”

    “รู้ได้” ท่านว่า

    “แล้วหลวงปู่เคยเสกพระร่วมกับหลวงปู่ม่นไหมครับ”

    “กับอาจารย์ม่น เคยหลายครั้ง” ท่านตอบ

    เข้าเป้าพอดีจึงถามตรง ๆ “หลวงปู่ม่น เก่งไหมครับ” ถามแล้วก็กลั้นใจรอคำเฉลย

    ท่านพูดหนักแน่น

    “เก่ง...อาจารย์ม่น เก่งมาก”

    เท่านั้นแหละพอแล้ว

    สำหรับผม แท้จริงผมให้ความเคารพเลื่อมใสในความเป็นพระดี พระเก่งของทั้งสองหลวงปู่นี้มานานหนักหนา การถามเช่นนี้ก็เพียงเพื่อให้สนองความอยากรู้ของตัวเอง เพื่อตอกย้ำหมุดแห่งความศรัทธาให้แน่นเข้า

    บัดนี้ฝั่งลึก

    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->
    <!--คำอธิบาย: หลวงปู่แร่ จันทสโร ขณะนั่งปรกในพิธีเททองพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ &quot;สุคโต&quot; ณ วัดเนินตามาก อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
    -->หลวงปู่แร่ จันทสโร ขณะนั่งปรกในพิธีเททองพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ "สุคโต" ณ วัดเนินตามาก อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
    [​IMG]
    <!-- 01-1.jpg [ 78.47 KiB | เปิดดู 1244 ครั้ง ] -->



    หลวงปู่แร่ จันทสโร เป็นพระที่ดังเงียบในท้องถิ่นมานานเน ละแวกบ้านเซิดเป็นชาวลาวแท้ ๆที่อพยพมาจากเมืองเวียงจันทร์ ก่อนจะแบ่งออกอีกหนึ่งสายรอนแรมไปสร้างบ้านหัวถนนลึกเข้าไปในอำเภอพนัสนิคม ผมไม่อาจทราบได้ว่าหลวงปู่แร่เป็นชาวลาวกับเขาด้วยหรือไม่ เพราะเมื่อพูดถึงประวัติท่านทีไร คำตอบก็คือ

    “ฉันเขียนไว้แล้ว อยู่ในไดอารี่จะเอามาทำหนังสือก็ได้ แต่ต้องรอให้ฉันตายก่อน”

    ผมไม่คิดขออีกเลย ขี้เกียจรอ เพราะจะมารอครูบาอาจารย์ละสังขารเพื่อเอาประวัติมันก็กระไรอยู่

    แต่ที่ทราบชัดคือ คนแถวนั้นคาดตะกรุดโทนของหลวงปู่กันแทบทุกคน ถามเขาก็ตอบแค่เยี่ยมที่สุด ผมเคยได้ยินมาว่า ชาวลาวพวนเหล่านี้คิดลองวิชาทางไสยศาสตร์กับท่านหลายครั้ง นัยเพื่อทดสอบความ “เจ๋ง” ของท่าน ผลที่ได้คือท่าน “เจ๋ง” จริง “หมอธรรม” เหล่านี้เลยยกธงขาว แล้วหันมาคาดตะกรุดของหลวงปู่กันเป็นแถว

    ปัจจุบัน หลวงปู่แร่มีอายุราว 95 ปี แต่ท่านก็ยังแข็งแรงกระฉับกระเฉงเมื่อเปรียบกับผู้เฒ่าในวัยเดียวกัน เป็นพระที่ไม่ดังเปรี้ยงปร้างองค์เดียวที่ได้ขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 6 พระภาวนาจารย์ในพิธีสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย คือการสวดเสริมดวงเมือง เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา โดยมีสมเด็จพระสังฆราชฯ เป็นประธานพิธี

    สมควรแล้วที่เลือกท่าน เพราะโดยปกติหลวงปู่จะมีความชำนาญในการพิจารณาชะตาราศีของผู้ที่มาหาว่าดีร้ายประการใด ถ้าเข้าตาเสียท่านก็ให้ทำพิธีที่เรียกว่า “สะเดาะเคราะห์” ส่วนจะ “สะเดาะ” ออกหรือไม่นั้น ผมไม่รู้หรอกเพราะไม่เคยทำ สัมภาษณ์คนที่เคยเห็นเขาก็ว่าดี ก็ O.K.

    สะเดาะคนมามากแล้ว ลองสะเดาะประเทศชาติบ้างก็เข้าที

    ความเก่งของท่านไม่ใช่มีเพียงนี้ ในพ.ศ. 2528 เป็นปีที่ผมกำลังคึกคะนองสุด ๆ เรื่องยิงพระเครื่องนั้นบอกเถิด รณธรรมยอมอดข้าวเอาเงินซื้อลูกปืน.38 เข้าป้อมยิงพระกับเพื่อนคู่ใจทั้ง 7 คนมาแล้ว เก็บปลอกกระสุนไว้ดูเป็นที่ระลึกได้เกือบ 100 ลูก

    พระองค์ไหนที่ว่าแน่ จอดไม่ต้องแจวจนผมใจเสีย เพื่อน ๆ และไทยมุงก็โห่ฮาหาว่างมงายเชื่อเข้าไปได้ ผมน้อยใจซะไม่มีที่พระดัง ๆ (อย่าให้เอ่ยเลย) ไม่รู้จักกี่องค์ ซึ่งคุยว่าแน่ ๆ แพ้ลูกตะกั่วโม้ด... เจ็บใจนัก เลยหันไปคว้าเหรียญพระโนเนมมาอัดซะให้หายแค้น ลูกปืนเหลือแค่ 6 นัด เอ้า ! ยิงกันให้ระเบิดเถิดเทิงไปเลย

    คนยิงก็อุตส่าห์ชวนพี่ตุ๊นักแม่นปืนเหรียญทองชลบุรีมายิง เหรียญโนเนมถูกวางกับพื้นทรายพิงกะลามะพร้าว คนเหรียญทองเอาปืนจ่อยิงพระห่างกันไม่ถึงคืบ สับนกลงอย่างมั่นใจ

    แชะ !

    ประดุจเสียงสวรรค์คำพรที่จุดประกายความหวังให้ลุกโชน ทุกลูกตาเพ่งมองหน้าคนยิงสลับกับปืนว่าเล่นพิเรนทร์อะไรหรือเปล่า พี่ตุ๊ไม่ยอมว่อกแว่ก รวบรวมสมาธิกระทุ้งไกปืนลงซ้ำ

    แชะ !

    เสียงที่สองทำไทยมุงรวมทั้งผมเผลอตัวก้าวถอยหลังอย่างไม่ตั้งใจ ด้วยปรากฏควันขาวเป็นละอองบาง ๆ ลอยออกจากลูกโม่ ผมร้องเตือนพี่ตุ๊ให้ระวัง เพราะใจที่ยังเหลือเชื้อแห่งศรัทธาว่าปืนจะแตกยังมีอยู่

    พี่ตุ๊กำปืนมือชุ่มเหงื่อเหนียวหนับ พึมพำบนบานออกมาว่า ถ้า 2 นัดแรกเป็นเพราะหลวงปู่หยุดไว้จริง ไม่ใช่ฟลุก นัดนี้ขอให้ยิงออกไม่อย่างนั้นปืนต้องร้าวเสียหายอย่างแน่นอน พูดจบก็สับนกลงทันที

    เปรี้ยง !

    มะพร้าวแตกกระจายเหมือนโยนเล่น พอตั้งสติได้ผมก็คิดเสียดายเหรียญขึ้นมาทันที ทะยานถึงจุดตกกระทบก่อนใคร ขุดคุ้ยลงทรายเพื่องัดเหรียญขึ้นมาดูให้ถนัด ปรากฏว่าพบแต่ลูกปืน ลูกปืนที่ไม่มีรอยการขูดขีดหรือบุบเพราะกระทบโลหะแต่อย่างใด

    เหรียญไปไหน ?

    ตอนนี้เพื่อนผมและไทยมุงเริ่มก้มหากันบ้างแล้ว ผมใจไม่ดี เหรียญจะไปไหนได้ มันจะมีอภินิหารอะไรขนาดนั้น ขณะที่ผมนั่งคิด พี่ตุ๊ยังคงนั่งชันเข่าอยู่ที่จุดยิงไม่ได้ขยับเขยื้อนไปทางไหน ผมจึงลุกเข้าไปหา แกนึกอย่างไรไม่ทราบกลับหมุนตัวหันหลังให้ผมทั้งที่ยังนั่งชันเข่าอยู่

    เหรียญอยู่ตรงหน้าแกพอดี

    ไปวางอยู่ตรงจุดที่เป็นส้นรองเท้าในตอนแรกที่แกเล็งยิงเหรียญนี้ จะเรียกว่าอัศจรรย์ก็เข้าท่านะ พอเจอเหรียญใครก็ต่างฮือเข้ามาขอ ผมเหรอจะให้ คนยิงขอผมยังไม่ให้เลย งกทั้งที่ไม่รู้จักว่าใคร รีบเผ่นกลับบ้านหยิบเหรียญขึ้นมาอ่าน

    พระครูบรรหาญศีลคุณ วัดเซิดสำราญ พนัสนิคม ชลบุรี

    ด้านหลังเป็นตัว “เฑาะว์มหาอุด” ตัวเดียวไม่มีอื่นใด นับว่าผู้เป็นเจ้าของเหรียญมั่นใจในวิชาของตนถึงขีดสุด จึงใช้อักขระตัวเดียวพอ

    ก็พอจริง ๆ

    ผมเดินทางออกสืบหาวัดเซิดสำราญจนเจอ เมื่อเข้าไปกราบท่านผู้เป็นเจ้าของเหรียญก็พบว่าท่านมีความเป็นอยู่ที่สมถะยิ่ง กุฏิเก่าโบราณไม่มีอะไรที่จะอำนวยความสะดวกแบบโลก ๆ ได้เลย ผู้เป็นเจ้าของเองก็ไม่มีมาด ไม่มีโอ่ นั่งรับแขกกับเสื่อเก่า ๆ อย่างสงบ คุยน้ำเสียงเรียบ ๆ เบา ๆ ปราศจากความทะนงตนทั้งที่เป็น...

    เจ้าคณะตำบล

    เมื่อผมรวบรวมกำลังใจก็ออกปากสารภาพผิดที่ไปยิงเหรียญท่านเข้า โดยเล่ารายละเอียดให้ฟังทุกขั้นตอนไม่ปิดบัง เล่าไปก็เสียวไปไม่รู้ว่ากระโถนใบใหญ่ตรงหน้าท่านจะลอยมาเมื่อไร แต่ก็เปล่า...ตลอดเวลาที่เล่า ผมเฝ้าสังเกตท่านไปด้วย ไม่มีอาการตื่นเต้น ไม่มีท่าทีของคนผู้สำคัญตนว่าวิเศษ ไม่มีสีหน้าหรือแววตาพออกพอใจกับความเก่งของตน และไม่มีความโกรธขึ้งไม่พึงพอใจที่มาลบหลู่ตนเลย

    แม้สักน้อยหนึ่ง

    ท่านคงมวนใบจากกับยาเส้นช้า ๆ สูบไปฟังไปตลอดเวลาที่ผมน้ำลายฟุ้ง หมดมวนท่านก็ต่อใหม่ จนผมเล่าจบ ผมก็เงียบ

    ท่านก็เงียบ

    เมื่อต่างคนต่างเงียบ บรรยากาศ “มาคุ” ก็เกิด ผมไม่รู้จะคุยอะไรอีกดี เลยออกปากขอเหรียญรุ่นนี้เอาดื้อ ๆ

    ท่านเอ่ยเบา ๆ ”หมดไปนานแล้ว เพราะเป็นเหรียญรุ่นแรก”

    หือ ! นี่รณธรรมยิงเหรียญรุ่นแรกเจียวหรือ

    ผมเริ่มคิดสะระตะว่าจะขออะไรดี กำลังนึกอยู่ ท่านก็พูดขึ้นว่า

    “มีอยู่แต่พระสมเด็จรุ่นสอง จะเอาหรือเปล่า”

    หา! รุ่นสอง ถามด้าย...ใครจะปฏิเสธ พอผมว่าเอาครับ ท่านก็ลุกเดินขึ้นไป “ปีน” กระไดที่แสนชันขึ้นชั้นสอง ก่อนที่จะไต่กลับลงมาพร้อมพระสมเด็จ 3 องค์ เมื่อส่งให้แล้วก็นั่งสูบใบจากต่อ ผมจึงเรียนว่า “องค์ละเท่าไรครับ”

    “ไม่ได้ขาย” นั่นคือคำตอบ

    ผมสว่างแว่บรีบถาม “อยากถวายค่าน้ำ ค่าไฟ กับหลวงปู่จะทำยังไงดีครับ” ท่านชี้ไปที่ตู้รับบริจาคนอกกุฏิท่าน ผมเลยไปหยอดองค์ละ 50 บาท

    แต่นั้นมาผมก็เป็นขาประจำวัดเซิดสำราญ ขี่มอเตอร์ไซด์ไปหาหลวงปู่ม่นก็แวะคุยกับหลวงปู่แร่ก่อน เพราะเป็นทางผ่าน กราบหลวงปู่ม่นแล้วขากลับก็แวะคุยอีกรอบ ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง

    ท่านเก่งจริง ๆ

    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">-->
    <!--คำอธิบาย: พระสมเด็จพิมพ์เจ็ดชั้นรุ่นแรก หลวงปู่แร่ดำเนินการสร้างเอง
    -->พระสมเด็จพิมพ์เจ็ดชั้นรุ่นแรก หลวงปู่แร่ดำเนินการสร้างเอง
    [​IMG]
    <!-- .jpg [ 37.81 KiB | เปิดดู 1240 ครั้ง ] -->


    พระสมเด็จรุ่นแรกท่านทำเองกับมือ ท่านเคยบอกว่าทำในปี พ.ศ. 2478 แต่พระอุปัฏฐากใกล้ชิดแย้งว่าท่านจำผิด ที่จริงปี พ.ศ. 2500 เศษ จึงยังหาข้อยุติไม่ได้ แต่คนเสกเป็นอันว่าแน่นอนคือ

    1. หลวงพ่อโด่ ไชยเสมอ วัดนามะตูม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
    2. หลวงปู่เหมือน อินทโชโต วัดกำแพง อ.เมือง จ.ชลบุรี
    3. หลวงปู่ทรัพย์ วัดบ้านงิ้ว อ.พานทอง จ.ชลบุรี
    4. หลวงปู่แร่ จันทสโร วัดเซิดสำราญ ต.บ้านเซิด อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี

    ส่วนพระสมเด็จรุ่นสองใช้ผงเก่าที่ตกค้างจากรุ่น 1 มาทำในปี พ.ศ. 2511
    <!--แนบไฟล์:
    -->
    <!--คำอธิบาย: รูปเล็กห้อยคอชนิดขาวดำ ที่ฮือฮาเรื่องสยบปืนถึง 3 กระบอก
    ด้านหลัง “เทาะว์มหาอุด” อักขระตัวเดียวที่หลวงปู่ใช้อยู่เสมอ
    -->รูปเล็กห้อยคอชนิดขาวดำ ที่ฮือฮาเรื่องสยบปืนถึง 3 กระบอก
    ด้านหลัง “เทาะว์มหาอุด” อักขระตัวเดียวที่หลวงปู่ใช้อยู่เสมอ
    [​IMG]
    <!-- .jpg [ 41.75 KiB | เปิดดู 1245 ครั้ง ] -->


    ปัจจุบันนี้มีคณะศรัทธาสร้างวัตถุมงคลถวายหลวงปู่มากมายหลายรุ่น แต่ที่แน่นอนคือ ผ้ายันต์ธง อันเป็นสุดยอดวิชาอีกแขนงหนึ่งของท่าน ซึ่งหลวงปู่จะลงอักขระเองด้วยมือท่านทุกผืน ผ้าขาวที่นำมาทำก็จะเป็นผ้าที่ดาดเพดานเวลาเผาศพ ผมเคยคิดอยากได้ แต่พอท่านบอกให้ไปหาผ้าดาดผีมา ผมก็หมดอยาก

    ทว่าตอนนี้มีแล้ว ไม่รู้ใครไปแย่งของผีมา กรรมการให้บูชาผืนละ 500 บาท แต่พุทธคุณนั้นเกิน 500 จริง ๆ คนบูชาเป็นเจ้าสัวมาหลายคนแล้วนะจะบอกให้

    ส่วนเหรียญรุ่นแรกที่ผมยิงไม่ออกนั้น มีนักดิ่งพสุธามาโดดในงานทำบุญหลวงปู่ ปรากฏว่าร่มไม่กาง ตกแอ้กมาบนทุ่งนา คนไปมุงกันเพียบที่คิดจะไปดู “คนย่น” แกก็ไม่ย่น หมอเอาเปลสนามมารับไปตรวจอาการที่เต็นท์ ซึ่งตั้งทำการอยู่ในวัดเซิดสำราญ แกไม่เป็นอะไรเลยจริง ๆ สักพักก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปกราบขอบพระคุณหลวงปู่ที่กุฏิ เพราะตนเองแขวนเหรียญรุ่นแรกท่านอยู่เหรียญเดียว

    ถ้าได้มาแถว ๆ วัดเซิดฯ ถามชาวบ้านดูก็ได้นะจ๊ะว่ารณธรรมโม้หรือเปล่า

    ที่น่าแปลกคือ พอทหารนายนั้นตกตุ้บหายไปจากสายตาคนดูในบริเวณวัด เสียงฮือฮาก็ดังสนั่นจนหลวงปู่เดินออกมาถามที่หน้ากุฏิว่าเกิดอะไรขึ้น ศิษย์รายงานว่าคนโดดร่มแล้วไม่กาง ตอนนี้ชาวบ้านกำลังวิ่งไปดูศพ หลวงปู่เพ่งมองไปข้างหน้า ซึ่งไม่มีอะไรนอกจากต้นไม้เต็มไปหมด ก่อนจะบอก

    “ไม่ตายหรอก”

    จากนั้นก็เดินเข้ากุฏิไป

    ผมว่าพระเก่งจริงอย่างนี้หายากนะครับ ใครว่างก็รีบ ๆ มากราบท่านเสียเถิด ท่านย้ายที่อยู่เมื่อไรจะเสียใจ

    แล้วเจอกันที่วัดนะครับ

    บทความนี้ได้ตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 1 มีนาคม 2541


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    แจก 3 องค์ กติกาคือ เป็นลูกค้าเก่าที่ยังฝากของไว้อยู่ครับ และให้ส่งพร้อมกันไปการส่งครั้งหน้า และลงชื่อรับในกระทู้นี้ สามท่านครับ
     
  18. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,971
    ค่าพลัง:
    +5,386
    ขอลงชื่อรับครับ
     
  19. มะขามป้อม

    มะขามป้อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +1,547
    ขอรับด้วยครับ
     
  20. พุทธนิรันดร์

    พุทธนิรันดร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,641
    ค่าพลัง:
    +5,039
    ลงชื่อขอรับด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...