ไม่รู้จักกัน

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย อนัตตา, 4 มกราคม 2019.

  1. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    6m3Wza.jpg
     
  2. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    โลกคือเงาของท้องฟ้า ท้องฟ้าคือเงาของโลก เมื่อใดเห็นเงาแล้วยึดเงาว่าเป็นเรา ของเรา เมื่อนั้นก็หลง เสียใจ ดีใจ พอใจ ไม่พอใจ กับเงา โลดแล่นไป

    มายาห่อหุ้มโลกไว้ โลกและจักรวาลเต็มไปด้วยมายา พ้นจากมายาจึงได้พบของจริง อำนาจที่ยิ่งใหญ่และลึกลับคงไม่ได้เห็นกันง่ายๆ มีเรื่องราวมากมายอยู่เบื้องหลังของอายตนะหก

    เราไม่ยึดแล้วใครจะยึดเล่า ถ้าไม่มีทั้งเขาและเรา ใครเล่าที่เป็นเหตุปัจจัย ใครเล่าที่เป็นทุกข์ แยบคายสิ่งใดไว้ในใจ ก็ส่งผลตามสิ่งนั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ฟ้าเบื้องซ้าย ฟ้าเบื้องขวา คนละฟิว:cool:
    แล้วยังจะหาความเท่าเทียมกับอะไร:rolleyes:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    "แม้แต่สังขารร่างกายของเรานี้ ถ้าเรามาพิจารณาให้ดีแล้ว อายุของเราเวลานี้มันมาถึงกี่ปี อยู่มาได้ ๔๐ ๕๐ นี้ก็เรียกว่าเป็นมหากุศลอย่างยิ่งที่เรายังไม่แตกดับ ทีนี้ในกาลข้างหน้านั้น เราคาดคะเนไม่ได้ เพราะพญามัจจุราชคอยจ้องที่จะจับอยู่เสมอ

    เพราะฉะนั้นเราต้องมาถามตนเองว่า คุณงามความดี คืออาวุธที่จะต่อสู้กับมฤตยูคือความตายนั้น มีพอแล้วหรือยัง ทีนี้อาวุธที่เราจะต่อสู้ก็คืออย่างที่พวกท่านทำอยู่เดี๋ยวนี้ มีทาน ศีล ภาวนา คืออบรมจิตใจอยู่เดี๋ยวนี้ ในขณะที่ขันธ์ทั้ง 5 เนี่ย คือ รูป เวทนา สัญญาณ สังขาร วิญญาณ มันจะแตกจะดับ ในขณะนั้นถ้าผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว ไม่สะทกสะท้านต่อเวทนาที่มันกลุ้มรุมร่างกายของเราอยู่ คือมีสติรู้อยู่ว่ามันจะแตกเมื่อไหร่ แต่ว่าจิตใจนั้นไม่ได้เป็นห่วงร่างกาย คือมันวางเสีย

    ทีนี้อย่างที่ท่านทั้งหลายก็คงได้เห็นบางท่าน เวลาจะตายนั้นไม่มีการดิ้นรน ท่านหลับตาไปแล้วก็หมดไปเอง นี่เรียกว่าท่านตั้งสติได้ ความจำก็ไม่ลืม ไม่กระวนกระวาย นี่ก็เนื่องมาจากท่านปฏิบัติจิตใจของท่าน อย่างท่านทั้งหลายที่ปฏิบัติอยู่เดี๋ยวนี้ ก็เพื่อหาอาวุธ เพื่อป้องกัน ต่อสู้กับพญามัจจุราช คือ ความตายที่จะมาในข้างหน้า"

    พระอุดมญาณโมลี
    (หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป)
    วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ถ้าเจ้าเรียนรู้ธรรมชาติอย่างละเอียดลึกซึ้งดีแล้ว เจ้าจะไม่รู้สึกต่างอะไรเลยกับความเป็นธรรมชาตินั้นๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
    คำสอนหลวงพ่อ เรื่อง "กฎเหล็ก ๓ ประการ"

    เรื่องความเลวของคนอื่น หากพูดถึง เอามาคุยกัน แม้แต่คำเดียว เป็นโทษร้ายแรงอันดับหนึ่ง

    ความดีของคนอื่น ที่ทำให้แตกตื่นข่าว ตื่นมงคลโกลาหล ทำให้ออกนอกทางพระกรรมฐาน เป็นความฟุ้งซ่าน เป็นโทษอันดับสอง ขึ้นชื่อว่าเรื่องของคนอื่น ไม่เอาทั้งดีและเลว ถ้าจะดูความเลว ให้ดูของตัวเอง ถ้าจะดูความดี ให้ดูของพระพุทธเจ้า

    ศีล หากละเมิดด้วย กายกรรม วจีกรรม ต้องโทษ มโนกรรมนั้น ถ้ายังไม่แจ้ง พออ่อนข้อให้เป็นที่ปล่อยอารมณ์ไปพลางๆ ก่อน แต่อย่าหลุดออกมาเป็นคำพูดหรือการกระทำ ต้องสารภาพ ..

    (หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    :)เคยเรียนนะ แต่ลืมหมดแล้ว:rolleyes::cool:
    ก๊อปมาจาก...ทรู ปลูกปัญญา

    เคยมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วสงสัยบ้างไหมว่า ท้องฟ้าของเราไปสุดที่ตรงไหน สูงแค่ไหน แล้วข้างบนจะมีนางฟ้า หรือเทวดาอยู่หรือไม่ มีอะไรอยู่ข้างบนบ้าง

    ในความเป็นจริง เมื่อเรามองขึ้นไปบนฟ้า เราจะเห็นก้อนเมฆ ดวงอาทิตย์ ท้องฟ้าสีฟ้า นก หรือวัตถุอื่น ๆ ที่อาจเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างเครื่องบิน ซึ่งสิ่งที่เราเห็นนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของชั้นบรรยากาศของโลกเท่านั้น

    บรรยากาศ คือ อากาศที่ห่อหุ้มโลกหรือบรรยากาศที่อยู่รอบตัวเราตั้งแต่พื้นโลกขึ้นไป แรงดึงดูดของโลกที่มีต่อบรรยากาศทำให้บรรยากาศมีการเคลื่อนตัวตามการหมุนของโลกไปพร้อมกับพื้นโลก บรรยากาศทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกมีชีวิตอยู่ได้ โดยเป็นแหล่งออกซิเจนสำหรับการหายใจของสิ่งมีชีวิต เป็นแหล่งคาร์บอนไดออกไซด์ให้พืชใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ช่วยป้องกันรังสี UV จากดวงอาทิตย์ไม่ให้มาถึงพื้นโลก และทำให้สะเก็ดดาวถูกเผาไหม้ก่อนที่จะตกลงสู่พื้นโลกและเป็นอันตรายแก่สิ่งมีชีวิต

    ประโยชน์ของบรรยากาศนั้นแตกต่างกันไปในตามแต่ชั้นบรรยากาศ โดยเราสามารถแบ่งชั้นบรรยากาศของโลกออกได้ ดังนี้

    1. โทรโพสเฟียร์ (Troposphere)
    เป็นชั้นบรรยากาศชั้นล่างสุด ห่างจากพื้นดินขึ้นไปประมาณ 10 กิโลเมตร หรือ 33,000 ฟุต เป็นชั้นที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ มีลักษณะเด่นคือ อุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลงตามความสูง โดยอุณหภูมิจะลดลงตามระดับความสูงที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ยิ่งสูงขึ้น อุณหภูมิจะยิ่งลดต่ำลงในอัตรา 6.5 ํC ต่อ 1 กิโลเมตร จนกระทั่งความสูงประมาณ 12 กิโลเมตร อุณหภูมิจะคงที่ประมาณ -60 ํC นอกจากนี้ชั้นโทรโพสเฟียร์ยังมีไอน้ำมาก ทำให้มีสภาพอากาศรุนแรงและแปรปรวน มีเมฆมาก เกิดพายุ และฝนบ่อยครั้ง

    2. สตราโทสเฟียร์ (Stratosphere)
    เป็นชั้นถัดจากโทรโพสเฟียร์ มีความสูงประมาณ 50 กิโลเมตร จากพื้นดิน มีอากาศเบาบาง ไม่มีเมฆและพายุ มีเพียงความชื้นและผงฝุ่น มีปริมาณความเข้มข้นของโอโซนมาก โอโซนจะช่วยดูดกลืนรังสี UV จากดวงอาทิตย์ ไม่ให้ส่องมายังพื้นผิวโลกมากเกินไป นอกจากนี้เครื่องบินเจ็ตยังนิยมบินช่วงรอยต่อระหว่างชั้นโทรโพสเฟียร์และสตราโทสเฟียร์ เนื่องจากสภาพอากาศนิ่งสงบ

    3. มีโซสเฟียร์ (Mesosphere)
    อยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 85 กิโลเมตร อุกกาบาตที่พุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกส่วนใหญ่จะถูกเผาไหม้ในชั้นนี้ ขณะที่อุณหภูมิจะลดลงตามความสูง ยิ่งสูงขึ้นจะยิ่งหนาว และหนาวที่สุดประมาณ -90 ํC โดยพบบริเวณช่วงบนของบรรยากาศชั้นนี้ นอกจากนั้นยังมีอากาศที่เบาบางมากอีกด้วย

    4. เทอร์โมสเฟียร์ (Thermosphere)
    อยู่ถัดจากชั้นมีโซสเฟียร์ขึ้นไป มีความสูงจากพื้นดินประมาณ 85-500 กิโลเมตร อุณหภูมิในชั้นนี้จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนถึงระดับ 100 กิโลเมตร เนื่องจากอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่า 3 ชั้นแรก และจากนั้นอัตราการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิจะลดลง โดยอุณหภูมิในชั้นบนของเทอร์โมสเฟียร์ (Upper Thermosphere) จะอยู่ที่ 500-2,000 ํC อากาศในชั้นนี้มีแก๊สชนิดต่าง ๆ ที่เป็นประจุไฟฟ้า เรียกว่า ไอออน ซึ่งสามารถสะท้อนคลื่นวิทยุบางชนิด มีประโยชน์ในการสื่อสาร และกรองรังสีต่าง ๆ ที่มาจากนอกโลกได้ เช่น รังสีเอกซ์ รังสี UV นอกจากนี้ดาวเทียมจำนวนมากยังโคจรรอบโลกอยู่ในชั้นนี้ด้วย

    5. เอกโซสเฟียร์ (Exosphere)
    เป็นชั้นบรรยากาศที่อยู่สูงจากผิวโลกตั้งแต่ 500 กิโลเมตรขึ้นไป ไม่มีขอบเขตชัดเจนระหว่างบรรยากาศและอวกาศ องค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นแก๊สไฮโดรเจนและฮีเลียม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
    szdUVN.jpg
     
  9. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    เราชอบอ่านนะ อ่านคำสอนของครูบาอาจารย์ผู้มีคุณ ผู้สำเร็จแล้ว อ่านแล้วก็น้อมเข้ามาดูตน ถึงไหน อะไร ยังไง แค่นั้นแหละ อ่านจบก็ลืม ไม่มีการทรงจำ มันลืมเอง...

    นำมาฝากค่ะ:D
     
  10. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    (หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต) ที่พักสงฆ์สวนทิพย์
    ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

    ..."มีสติ ฝึกภาวนา เป็นอริยทรัพย์ ติดตัวไปได้หลายหมื่นชาติ ส่วนทรัพย์สมบัติทางโลก ชาติเดียวยังเอาไปไม่ได้"

    #พุทธสติ

    ...... เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา พระธรรมจักร ท่านทรงแสดงอริยมรรคก่อน แล้วจึงทรงแสดง อริยสัจธรรม ๔ นี่คือที่สำคัญที่สุด ถูกต้องตามธรรม (ดา) คือ เมื่อรู้จักหนทางถูกเดินหนทางถูกแล้ว จึงถึง ที่ ถูกต้อง

    การที่สรรพสัตว์ เทวดาพรหมณ์ มนุษย์ (นอกพุทธ ไม่สามารถได้รู้หนทางถูกต้องได้... ไม่สามารถพ้นทุกข์ได้นั้น ยกไว้เสีย) แม้พุทธบริษัท ที่ไม่ใช่ผู้บรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลแต่โสดาบันขึ้นไป

    เมื่อไม่ปฏิบัติให้อริยมรรคบังเกิดขึ้น จะโดยได้ฟังพุทธธรรม โดยตรงจากพระพุทธองค์ หรือโดยได้ศึกษา พระพุทธวจนะ มีพระสูตร พระปริยัตติธรรมทั้งหลายเป็นต้น

    แล้วลงมือปฏิบัติตามหลักศรัทธาที่ถูกต้อง คือ ศีล ภาวนา หรือตามธรรมสี่ประการ ที่จะให้บรรลุพุทธธรรม คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ ปัญญา จนบรรลุผล ก็ไม่พ้นทุกข์เหมือนกัน

    อย่างดีที่สุดก็เพียงมีโอกาสได้ไปสู่ สุคติบ่อย ๆ มากกว่า และได้สร้างบุญบารมี สิบ ปัจจัยสำคัญ ที่จะให้ถึงการเข้าศึกษาพุทธได้สำเร็จ พุทธสติ มหาสติปัฏฐาน เป็นที่รวมอริยมรรค ในการปฏิบัติภาวนา เป็นเอกายมรรค นอกจากนี้ ไม่มีหนทาง
     
  11. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นจริง ๆ ในสมัยพุทธกาลในเรื่องนี้ก็มี เช่น

    ๑. มหาอำมาตย์ คนหนึ่งมีเรื่องทุกข์ร้อนมาก วิ่งไปวัดเพื่อขอให้พระพุทธองค์ช่วย เมื่อเขาไปถึงวัด อันเป็นที่ประชุมชน พร้อมทั้งพุทธบริษัท มีพระพุทธองค์เป็นองค์ประธาน และพระพุทธองค์ก็ได้ประกาศล่วงหน้าแต่เช้าวันนั้นว่า เขาจะได้เป็นพระอรหันต์ในวันนั้น

    ก่อนที่เขาจะเปิดปากพูด พระพุทธองค์ทรงตรัสเสียก่อนว่า มหาอำมาตย์ กังวลอะไรของเธอในอดีต วาง... กังวลอะไรของเธอในอนาคต วาง กังวล อะไรของเธอในปัจจุบัน วางเขาได้สำเร็จอรหันต์ทันที

    ทราบในทันทีว่า พระพุทธองค์ได้ทรงประกาศทายไว้แล้ว พุทธบริษัทประชาชนทั้งหลาย ยกเว้นพระอรหันต์ ยังไม่เชื่อเป็นผลร้ายต่อพวกเขา โดยเมตตาธรรม ท่านผู้เป็นพระอรหันต์ ผู้พ้นโลก ไม่ใช่ปุถุชนมหาอำมาตย์ต่อไปล้ว จึงเหาะขึ้นสู่อากาศ สูงหลายชั่วลำตาล ๓ ครั้ง

    ชนทั้งหลายจึงเชื่อว่า พุทธทำนายในตอนเช้าวันนั้น เป็นจริง พระพุทธองค์ทรงแนะให้ท่านแสดงอดีตชาติว่าได้ทำบุญอะไรมา ท่านได้แสดงว่าได้ทำบุญไว้มากมาย โดยเฉพาะ นำชนมาสู่พุทธธรรมและได้มีอภิญญารู้ว่า อายุขัย ของท่านหมดแล้ว

    จึงไม่กลับมาสู่พื้นดิน นิพพานในอากาศ โดยเตโชธาตุลุกขึ้นเอง เมื่อจิตบริสุทธิ์แล้ว ธรรมทั้งหลาย กายใจก็บริสุทธิ์ แม้มหาภูตรูป (matter) ดินน้ำลมไฟที่ประกอบ รูปกาย ก็กลายเป็นพระธาตุล่วงลงมาดังดอกมะลิ พระพุทธองค์ให้ชนทั้งหลายเอาผ้าปูรับไว้แล้วพระเจดีย์บรรจุไว้ที่ทางสี่แพร่ง
     
  12. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ลองทดลองทำดูซิ ในราว ๒๐ - ๓๐ ปี คงได้ผล ไม่มากก็น้อย โดยปริยัตติ ก็คือว่าวางกังวล ก็คือ วางกังวล (เลิกเกี่ยวข้องเลิกยึดมั่น) ขันธ์ห้า (ภาระหนัก) นั่นเอง ลองเจริญสติอันนี้ดูเถอะ นี่คือสติปัฏฐานด้านปฏิบัติ วางได้ ก็เรียบร้อยเท่านั้น

    จิต พ้นยึดมั่น ขันธ์ห้า (สังขาร) ก็เป็นจิตบริสุทธิ์ วิมุตติจิต หลุดพ้นหลงภพโลกเราเขา สังขารธรรมทั้งหลายไปได้ กุศลาธรรมา อกุศลาธรรมา อพยากตาธรรม สุขทุกข์ไม่สุขไม่ทุกข์ อดีตอนาคตปัจจุบัน สัญญา (โลกอวิชชา)
     
  13. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ๒. ปริพาชกนักบวชตนหนึ่ง ไปขอฟังเทศน์พระพุทธองค์ที่ข้างถนน ระหว่างที่พระพุทธองค์และหมู่สงฆ์ออกบิณฑบาตตอนเช้าถึง ๓ ครั้ง อ้างว่ารอไม่ได้ เพราะไม่รู้อนาคต พระพุทธองค์ จึงทรงตรัสว่า

    ถ้าเช่นนั้น เธอพึงตั้งใจฟังให้ดี เมื่อเธอเห็นรูป รูปนั้นสักแต่เห็น เขาสำเร็จ อนาคาธรรมทันที ไม่กลับมาสู่ภพอีกแล้ว แต่ยังอยากบวช พอเขาถอยออกมา ก็พอดีโคกระทิงคู่เวรเก่า วิ่งมาทางนั้น ชนเขาตายทันที

    หมู่ภิกษุสงฆ์ซุบซิบถามกันว่า เขาจะไปเกิดที่ไหนหนอ พระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า 'เขาเป็นผู้ไม่ทำให้ตถาคตลำบากเปล่า' (เหมือนพวกเราทั้งหลาย)

    เอ้า ลองทำดู ๒๐ - ๓๐ ปี อาจรู้เรื่อง
     
  14. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ๓. ปฏิบัติทางสั้นที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ก็คือ "ภิกษุเองจะพึงวางกังวลในขันธ์ห้า เสีย" นี่คือ หัวใจสติ หัวใจอริยมรรค ถ้าวางกังวลได้ในขันธ์ห้า

    จิตพ้นเกี่ยวข้องขันธ์ห้า ก็พ้นทิฏฐิทั้งสิ้น เพราะพ้นสังขารทั้งสิ้น ถึงจิตวิสังขาร คือ จิตแท้ ไม่ใช่สังขาร ไม่มีสังขาร ไม่ใช่ภพโลกคนเทวดา สัตว์โลกทุกชนิด หรือที่พระนักปฏิบัติ เรียก จิตเป็นกลาง

    อมตจิต ที่บริสุทธิ์แล้วก็หยั่งลงสู่ อมตสัจธรรมบริสุทธิ์ พระวิสังขารธรรม คือ นิพพานธรรม อกาลิโก ไม่มีเรื่องกาลเวลาของโลกอวิชชาหลง เป็นอมตสัจธรรม ไม่ใช่ มตธรรม หลงความผิดว่า 'เรา' ego, self เกิด ตาย จะเกิดจะตาย

    แม้โสดาบันก็เห็นอมตธรรม พระนิพพานเท่านั้นจริง ไม่ใช่มตธรรมโลกหลง เป็นเรา เขา, แก่ เจ็บ ตาย เมื่อจิตพ้นโลกหลง เป็นโลกุตตรจิต โลกุตตรสุข วิมุตติสุข แล้วโลกธรรมแปดหมดอำนาจ (สุขทุกข์ ได้ลาภ เสื่อมลาภ ฯลฯ)

    อ้าว ลองทำดู สัก ๒๐ - ๓๐ ปี คงได้ผลไม่มากก็น้อย
     
  15. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ๔. ปฏิบัติทางไม่สั้นไม่ยาว วางกังวล เลิกเกี่ยวข้องขันธ์ห้าไปเลย เมื่อวางกังวลขันธ์ห้าได้ จิตทิ้งสังขาร เข้าถึงวิสังขาร พระนิพพาน อย่างท่านอาจารย์มั่นว่า รู้จริง ทิ้งสังขาร

    เกิด ดับ (ได้ยิน, ูรู้, ฟัง) (วิญญาณ) ไม่เหลียวไม่แล ไม่แลไม่เหลียว (สักแต่) คราวนี้ ใจ (จิต) เป็นใหญ่ (จิตแท้) ไม่หมายพึ่งสัญญา (ไม่มีสังขารหลง) ไม่มีหลงตนหลงภพหลงโลก รู้พ้นอยู่ต้นจิต ไม่คิดอ่าน (ภิกษุณีอรหันต์องค์หนึ่งกล่าวว่า เราถอน ตัณหา ได้แล้ว

    จิตตั้งมั่นอยู่ภายใน เมื่อจิตถึง วิสังขาร ก็เป็น จิตวิสังขาร (จิตพ้นอวิชชาปัจจยาสังขารา) หยั่งลงสู่ ธรรมวิสังขาร นิพพานเหมือนน้ำใสไหลจากห้วยสู่ น้ำใสในมหาสมุทร อันหาขอบเขตมิได้ ไม่ได้สูญหายไปไหน จะว่าหายโง่ หายจากโลกโง่ ภพโง่ ก็ได้ ไม่หายไปไหน อยู่ที่ อมตมหานิพพาน ก็ได้
     
  16. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ๕. ปฏิบัติระยะยาว

    อันนี้ก็เริ่มที่ 'รู้สักแต่รู้' หนะแหละ ผู้มีบารมีมาก แจ่มแจ้งนิพพานทันที ผู้มีบารมียังไม่มากพอ ก็ต้องฝึกจิตในสติ รู้สักแต่รู้ ได้ยินสักแต่ได้ยิน ฯลฯ จนกว่าจะเกิดเป็น โลกุตตรสติธรรม ให้ผลทันที สิ้น อยาก สิ้น ยึด สิ้น กรรม ภพหลง โลกหลง ตนหลง (ในขันธ์ห้า)

    แค่นี้ก็พอ "รู้" เป็นวิญญาณธรรมดา "รู้สักแต่รู้" เป็นวิญญาณสติ ทรงไว้ซึ่งพุทธธรรมเหนือโลก วิญญาณสติ เจริญขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็น จิตสติ ปรากฏขึ้น (เป็น โลกุตตรจิต ถึงโลกุตตรธรรม คือ พุทธสติ) เป็นจิตสมบูรณ์ ไม่มีบกพร่อง ไม่เดือดร้อนขาดเหลือ(perfect)

    ย่อมเข้าถึง ธรรมสมบูรณ์ สัจธรรม อมต นิพพาน) เป็นจิตธาตุ (จิตเดิมแท้) ไม่ใช่สังขาร โลกภพตนหลง เป็นจิตวิสังขาร (ถึง วิสังขารสัจธรรม อมต นิพพาน) หยั่งหลงสู่ วิสังขารธรรม (วิสังขารคตังจิตตัง)
     
  17. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    จิตตถาคต (บริสุทธิ์) หยั่งหลงสู่วิสังขารธรรม (ไม่มีหลงเสียแล้ว) ในตอนนี้ ถ้า วิราคะจิต ขั้นโลกุตตรจิตเกิดถึง โลกุตตรธรรม คือ วิราคะธรรม (พระนิพพาน) ได้ ถ้าเป็นจิตคลายกำหนัดในกาม เกิดขึ้น สังโยชน์ เครื่องผูกจิตละได้ยาก ก็ขาดไปเด็ดขาด (ไม่ใช่ชั่วคราว เช่น เข้าฌานสมาธิ)

    ทั้งสังโยชน์ที่มาด้วยกัน คือ โทสะ ปฏิฆะ ขัดเคืองใจ พยาบาท ก็ถูกตัดขาดจากจิตพร้อมกันเด็ดขาด รวมทั้งวิหิงสา ความคิดเบียดเบียนสัตวโลก กามภพดับไปจากจิต ถ้าจิตวิราคะในรูปฌานอรูปฌาน เกิดต่อไป สังโยชน์เบื้องสูง คือ รูปราคะ อรูปราคะ ก็ถูกต้องออกไปเด็ดขาด

    พร้อมสังโยชน์ที่เหลือ มีมานะ เป็นต้น เป็นอัน ภพสาม กาม, รูป, อรูดับ หรือ ลูกตุ้มนาฬิกา (pendulum) ที่แกว่งไปสุดทางหนึ่ง (คือ กาม) แล้วก็แกว่งกลับไปจนสุดอีกทางหนึ่ง คือ สมาธิ แกว่งไปมาไม่รู้จักสิ้นสุด (หรือโคจรของจิตอวิชชา) เป็นอันหยุดนิ่ง

    ตอนนี้สิ้นวัฏฏสงสาร ตัวทุกข์แท้ หรือ อุปาทานขันธ์ห้า อริยสัจทุกข์ ไม่ใช่แบบความคิดปุถุชน เสียโน่น เสียนี่ แต่เป็นทุกข์เพราะโง่ เพราะหลงตน ego concept สักกายทิฏฐิ ยึดขันธ์ห้าเป็นต้น
     
  18. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ๖) สรุปแนวปฏิบัติสติ

    ธรรมทั้งหลายไม่พึงถือมั่น เป็นยอด พุทธสติ นั่นก็คือ รู้ สักแต่รู้ (hearing, hearing only-no doing - end, the world หรือ ธรรมเป็นธรรม (Dhamma be Dhamma) นโสเหตวัง วิวาโท ปรากฏ (สุดสมมุติภาษาไม่มีถามตอบ) น ตลัง กา สลัง โลกุตตรสันต์ เป็น สันติสุขเหนือโลก

    เท่านี้แหละโยม ทั้งหมด

    นอกจาก พุทโธ ธัมโม สังโฆ นิพานํปรมํสุขํ เป็นสุขยอดเยี่ยม หรือ นอกจากสัจธรรม คือ นวโลกุตตรธรรม มรรคสี่ผลสี่นิพพานหนึ่ง แล้วก็ไปไม่รอด โดยเฉพาะ เมื่อ สติคั่น วิราคะจิต เกิด กาย วาจา ใจ เป็น วิราคะทั้งหมด จิตถึงสัจธรรม
     
  19. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    อตังที่ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ อันบรมนิวาส กล่าวว่า เห็นตนเป็นธรรม เห็นธรรมเป็นตน (คือเห็นอริยสัจธรรม ขั้นใดขั้นหนึ่ง ในกายวาจาจิต) พอใช้ได้ จิต วิรัชชติ ไม่ติดในสรรพสิ่ง จึงเกิดขึ้น

    จิตวิมุติ หลุดพ้น ถึง วิมุติธรรม (พ้นสมมุติ) พระนิพพาน เป็นโลกุตตรสุข วิมุติสุข จึงจะพ้นอำนาจโลกได้เด็ดขาด ต่อให้โลกระเบิดก็ทำอะไรไม่ได้เลย....

    (เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้)
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
    :D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D:D
     
  20. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    งามหนอ...งามหลาย
    อยู่ที่วัดเทพนรินทร์ จังหวัดอุดรธานี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...