ไม่รู้จักกัน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก..

 

เมื่อวานเดินทางไปส่งของค่ะ

นานๆ เดินทางไกล เหนื่อย เพลีย แก่ ฮาๆๆ

 

ถ้ามีใครสักคนทักท้วงคุณแบบตรงไปตรงมา อาจจะทักเพราะความเข้าใจผิด หรืออาจจะทักเพราะความเข้าใจถูก คุณสามารถรับฟังคำทักท้วงนั้นได้อย่างสบายใจหรือไม่ หรือใจจะสั่นไหวดิ้นรนเพื่อปกป้องตน แม้จะผิดจริงหรือจะไม่ผิดจริงก็ตาม

หากคุณสามารถรับฟังได้ด้วยใจสบาย และรู้เลือกที่จะปฏิบัติต่อคำทักท้วงด้วยสติด้วยปัญญา นั่นแสดงว่า คุณมีธรรมะและกำลังปฏิบัติธรรม

น้อมกราบสาธุธรรมเจ้าค่ะ
ท่านพ่อเต้ย ( พระวิรัตน์สิทธิ์ทัศน์)
วัดป่าโคกเจริญธรรม สงบเย็น

 

เข้ามาห้องฝั่งจักรวาลคู่ขนาน..

เข้ามาห้องนี้ มีคนทักท้วงติง ไม่อยากให้เข้ามา

 

ดีจัง มีคนคอยห่วงใย

 

อีกหน่อยก็คงจะเลิกเล่นแล้วเหมือนกัน เพราะไม่มีความรู้อะไรจะให้ใคร มีแต่ความไม่รู้เต็มไปหมด

 

เมื่อรู้ว่าไม่รู้ นั่นยังมีทางแก้ไขตนเอง..

หาความรู้ด้วยการปฏิบัติ สมาธิจิตภาวนา สิ..

"ภาวนามยปัญญา" ความสงสัยจะได้คลาย ความไม่รู้จะได้เปลี่ยนเป็น "รู้"

เลิกเข้าเว็บก็ไม่ได้ช่วยให้รู้แจ้งขึ้นซะหน่อย..

 

ห่วใยที่ไหน เซ้าซี้ให้รำคาญมากกว่า..

คงคิดว่าเราจะเข้ามาคุยไปเชิงชู้สาวล่ะมั้ง..

บอกเลย ไม่มีในสมอง..

ที่ธุดงควัตร ห้องนั้นห้องนี้ ก็ ทำ งาน ทาง ธรรม ทำหน้าที่ ล้วนๆ..

 

เหตุปัจจะโย
สงฺขารา ปรมา ทุกฺขา สังขารนั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
อนิจจา วต สังขารา
กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา อัพยากตาธัมมา
พูดให้ได้อรรถ กับพูดแล้วถูกอัด น่าจะไม่เหมือนกัน
เป็นแค่เพียงกองรูป นาม
หลงไปยึดถือถูกผิดเอง ไม่มีใครชี้ให้สักหน่อย
การเกิดของหลง การเกิดของรู้
นามะรูปัง อนัตตา
ดิ้นรนไขว่คว้า เพื่อได้มาครอบครองซึ่งเงา
หลงระเริงโลดแล่นไปกับเงา
เงาทุกข์ เงาธรรม
เงาสะท้อน ตกกระทบ
ก่อเป็นวิบากเพราะใจยึดครอบครอง
ความมีเจ้าของ ความเป็นเจ้าของ จอมปลอมทั้งนั้น
ของจริงไม่มี ที่มีก็ไม่จริง

 

ก่อนที่ ครูบาบุญชุ่ม จะเข้าถ้ำ 1 ปีมาแล้ว ท่านบอกว่า ให้สวดคาถานี้ เพื่อป้องกันเชื้อโรค ท่านมองเห็นล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ วันที่ 9 เดือนกันยายน 2562

 

จิตพรากจากกรรมฐานเมื่อใด ความฟุ้งซ่านก็ครอบงำจิตเมื่อนั้น

 

(สเตตัสบนเฟสบุคของน้องท่านหนึ่ง) ความฝันเมื่อ 5 ปีก่อนเริ่มแดงแล้ว มีเครื่องร่อนบนฟ้ายิงแสงเลเซอร์แดงๆลงมาที่กลุ่มคน พลันนั้นคนหายวั้บไปหมด ไม่เหลือแม้ซาก

(คอมเม้นท์) รู้ล่วงหน้าก็ดีนะ จะได้เตรียมตัวตายค่ะ
(น้อง) ห้าปีแน่ะค่ะ
(คอมเม้นท์) ผู้ที่ตายแบบไม่รู้ตัว คิดว่าจิตเค้าจะไปไหน
(น้อง) ไปที่ไม่ชอบแน่นวลค่ะ สาธุ หนูนี่เผลอเรอมาห้าปี ดู๊ดู สำนึกละค่ะ
(คอมเม้นท์) ระลึกถึงความตายสบายนัก มันหักรักหักหลงในสงสาร....แล้วเราล่ะเตรียมพร้อมที่จะตายได้ทุกขณะหรือยัง?
(น้อง) พร้อมค่ะ
(คอมเม้นท์) แน่ใจรึ รู้หรือยังว่าตายแล้วไปไหน?
(น้อง) ก็ต้องฝึกตายก่อนตายจริงค่ะ
.....???....

ข้อคิดของบทสนทนาด้านบน....คนส่วนใหญ่คิดพิจารณาจากภายนอก ลืมพิจารณาภายใน คือไม่พิจารณาที่กายจิตตน รู้ธรรมก็รู้แบบนกแก้ว จำๆ กันมา ยังตกอยู่ในความประมาทกันมาก

 

แสงและเงาทำให้เกิดภาพลวงตา เชื่ออายตนะไม่ได้เลย

นั่งดูพระพุทธรูปที่ลงสีแล้ว มองด้วยตามันเห็นสามมิติ มิติเกิดจากตากระทบรูป รูปที่มีหลายๆ รูปประกอบกัน ทำให้รูปจริงผิดเพี้ยนไป การเห็นน่ะเห็นจริง เห็นจริงจริ๊ง แต่ที่เห็นมันไม่จริง...คุณหลอกดาว

มนสิการลงไปด้วยใจว่างเปล่า สมน้ำหน้า โดนหลอกทั้งชีวิต โดนหลอกทุกชาติ

พระอรหันต์ท่านไม่หลอก อยากได้วิชชา ให้เวลาอยู่กับตัวเอง คำพูดของพระอรหันต์เรื่องเดียวกัน ท่านก็พูดสื่อสมมติต่างกันแต่มีนัยยะเดียวกัน ท่านสื่อตามจริตสันดานและวาสนาของผู้รับ ต้องดูว่าท่านพูดกับใคร อย่าไปเหมารวมเอามา ปัญญาไม่ถึงไปเอามาสังขาร กลายเป็นปรามาส เรื่องปัญญาไปรีบกันไม่ได้หรอก เป็นไปตามครรลอง ตามรอบการสั่งสมของเหตุปัจจัย

อยากได้มาก อยากมีมาก แต่ไม่ทำงานเก็บเงิน ไปหลอกลวง ไปปล้นเขาก็โดนจับติดคุก (อุปมาอุปมัยนะ)

มีแผนที่อย่างเดียวไม่พอ ต้องมีเข็มทิศด้วย

 

เกิดสมาธิ จนเป็นฌาน

 

นำมาฝากคนชอบอ่านค่ะ

สัจจธรรมแก้ความหลง

อาศัย "ดิน น้ำ ลม ไฟ" แล้วก็สมมุติว่าเป็นคน สมมุติว่าเป็นตัวเป็นตนของเรา เขา

เป็นอย่างไรเขาก็เป็นอย่างนั้น เขาเป็นดินก็ไปเป็นดิน .....เป็นดินเขาก็ไม่รู้ เป็นน้ำเขาก็ไม่รู้....ถึงสมมุติว่าเป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่เป็นอย่างที่สมมุติ เราๆ สมมุติว่าเป็นตัวเป็นตนมันก็ไม่เป็นอย่างที่สมมุติ เป็นของเราได้อย่างไร

ร่างกายสักแต่ว่าร่างกาย เขาจะรักษาความจริงไว้ตลอดกาล "ใจ" ของเราเข้าไป "สมมุติ" เกิด "เวทนา" เป็นเรื่องของ "ตัวสังขาร" มันบีบบังคับให้เชื่อที่มันหลอก ดินน้ำลม ไฟ เขาไม่รู้เรื่องอะไร มีแต่ "ใจ" ของเราเป็น "ผู้ลุ่มหลง" ไม่มีอะไรมาหลอกเราหรอก "ใจ" ของเรา "มันโง่มันหรอกเรา" กิเลสที่ไหนมาหลอกเรา "ใจของเรามันโง่" "มันไม่รู้ตามจริง" "มันไม่แจ่มแจ้ง" มันไม่ชัด

"ความอยาก" มันเกิดขึ้นมาเพราะ "ใจมันโง่" "ใจมันไม่ฉลาด" "ใจมันไม่มีสติปัญญา" มันหาเรื่องมาโกหกหลอกลวงเจ้าของเอง มันมัวเมา ฯลฯ ใจมันโง่ ใจมันหลง เราจะมาหลงอะไร มันไม่มีโอกาส ตั้งอยู่เป็นตัวเป็นตนเลย ไม่มีแก่นสาร "คืนมันไป" "จิตก็สักแต่ว่ารู้อยู่" "หลงเงาเจ้าของ" "การปฏิบัติธรรม" เพื่อ "กำจัดความหลง" ของใจ "ทำความสงบให้มาก" แต่ "อย่าไปพอใจในความสงบ" เท่านั้น "สมถะวิปัสสนา" ต้องควบคู่กันไป "สมถะคือความสงบ" "วิปัสสนาคือเอาใจที่สงบนั้นพิจารณา" "ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย" "พิจารณากองทุกข์กองนี้ ใจเพลิดเพลินไปกับมัน อย่าให้ใจว่าง อย่าปล่อยใจ ไปทางไหนมีแต่กระดูก เป็น "อารมณ์ของใจ"

หลวงปู่ แบน ธนากโร

 

"ไตรสรณคมน์"

" .. ลักษณะของผู้มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่งแล้ว "ย่อมมีกายอ่อนน้อม มีวาจาอ่อนน้อม" ย่อมปรารภเสมอพร้อมทั้งนํ้าใจ ประกอบด้วยปัญญา พิจารณารู้เห็นความจริงของตนว่า "เราเกิดมานี้เพราะกรรม เราเป็นอยู่นี้เพราะกรรม เราตายไปนี้เพราะกรรม เราทำดีได้ดี เราทำชั่วได้ชั่ว" ดังนี้

ใคร ๆ จะช่วยความเป็นตายให้เราได้ "เมื่อมีความเชื่อมั่นหมั่นระลึกศึกษาภาวนาอยู่เป็นนิตย์แล้ว เท่ากับสาธยายมนต์ทิพย์อันประเสริฐ" นับเป็นหลักทางใจในทางพุทธศาสนาส่วนหนึ่ง .. "

"จิตตวิชา"

พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์
(ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน
อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

 

เล่าๆๆๆๆ อยากเล่า

น.-เจ้มะเช้าได้ยินปัญจรัตนะ แปลว่ามณี5อย่างเกี่ยวกับหยังบ่

จ.-เจ้ฝันอ่ะคืนก่อน มีเจ้าแม่กวนอิม 5 องค์

น.-เอ้าจริงดิ สวดมนต์อยู่ก็ได้ยิน

จ.-ป๊าดดดดด บ่ได้อ่านที่ข้อยโพสต์ติ

น.-เต้าหรือน้ำเต้านั่นติ โพสต์ไว้ไส

จ.-กินเต้าฮวยนมสดก่อนนอน
ฝันๆๆ ไปที่แห่งหนึ่ง มีเจ้าแม่กวนอิมอยู่ 5 องค์ แต่ละองค์มีชื่อต่างกัน องค์ที่ 5 เพิ่งอุบัติ มีพระนามเหมือนพระนามของพระแม่ทางฮินดู (จำไม่ได้) แล้วมีหญิงจีนมอบพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในผอบสีแดงสามชั้นให้ ว้าวๆ เลย คงจะได้สร้างพระอีก

น.-ข่อยหูหวีดอีกละมีหยังสิไห่เบิ่ง


จ.-ส่งมาแมะ

 

กระเบื้องเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยถอยจม

 

(หลวงพี่ท่านไลน์มาให้)
แบ่งปันจ้า
วิธีดูแลตัวเองให้ปลอดจากเชื้อไวรัส

ครู พท.โสภณภัคจ์ วัดพุทธญาณวงศ์ วท.บ.,พท.บ.,พท.ภ.,พท.ว. แพทย์เวชกรรมไทย/ทับลานคลินิกการแพทย์แผนไทย ผู้ค้นพบนวัตกรรม ทางการแพทย์ "วัฒนะกายอินทรีย์ แพทย์ศาสตร์ " ว่าด้วย..การสลายพังผืดเป็นพิษด้วยมือแทนมีดผ่าตัด

ชาวไทยไม่ต้องตื่นตระหนก ป้องกันไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ด้วยวิธีง่าย ๆ แบบภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย

1. อุปนิสัยของ ไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ ไวรัสโคโรน่า มี รูปร่างพิเศษ มี ลักษณะรอยหยักด้านบนคล้ายมงกุฎ สำหรับเป็นที่ยึดเหนี่ยวและเกาะติดกับ เซลล์ในร่างกายของมนุษย์หรือสัตว์ ในการเจริญเติบโตและแพร่ขยายพันธุ์

ดังนั้นมัน จึงชื่นชอบในระบบทางเดินหายใจที่แห้ง ไม่ชุ่มชื้น ของสารเมือกที่ฉาบตามผนังของระบบทางเดินหายใจ ตั้งแต่จมูก คอหลอดลมไปจนถึงปอด หากมนุษย์หรือสัตว์ปล่อยให้ผนังของระบบทางเดินหายใจแห้ง

เมื่อหายใจเอาเชื้อ ไวรัสโคโรน่า เข้าไป จะเกาะติดได้ง่ายและจะฟักตัวขยายพันธุ์ แทรกตัว เข้าไปในระดับเซลล์อย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นพิษของไวรัส ในกระแสเลือดของร่างกาย และเชื้อแบคทีเรียถือโอกาสโจมตีซ้ำ จะแสดงอาการเริ่มเจ็บป่วยจนถึงตายเฉียบพลัน

2. ป้องกัน ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ด้วยวิธีง่าย ๆ หลักการ คือ สร้างความชุ่มชื้นของผนัง ทางเดินหายใจชุ่มชื้น อยู่ตลอดเวลา ด้วยสารเมือก ไม่ปล่อยให้ลำคอแห้ง

ภูมิองค์ความรู้ เภสัชกรรมไทย : รสเค็ม สรรพคุณ ซึมซาบไปตามผิวหนังรักษาเนื้อไม่ให้เน่า รักษาบาดแผล

ดังนั้นจึงใช้วิธีง่ายๆเพื่อป้องกันไวรัสโคโรนา เข้าสู่ร่างกาย คือ..
1. ใช้เกลือแกลง(NaCl) 1 ช้อนชาละลายน้ำสะอาด แล้วอมกลั้วคอ สัก 1-2 นาที วันละ 3 เวลาหลังอาหาร โดยเฉพาะก่อนนอน หลังแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว

ด้วยสรรพคุณ เภสัชสมุนไพรธาตุวัตถุ เกลือแกง สามารถฆ่าเชื้อโรคทั้งไวรัสและแบคทีเรีย อีกทั้งกระตุ้น ต่อมให้หลั่งสารเมือกสร้างความชุ่มชื้นให้ผนังระบบทางเดินหายใจ และรักษาแผลในระบบทางเดินหายใจด้วย

2. ใช้น้ำมันสกัดเย็นสมุนไพร เครื่องเทศไทยที่มีรสร้อน และมีส่วนผสมของการบูร พิมเสนทาถูบริเวณจมูกและบริเวณคอ เพื่อกระตุ้นให้เลือด มาเลี้ยงบริเวณโพรงจมูกและบริเวณคอให้มากเป็นพิเศษ เพื่อสร้างความชุ่มชื้น และคอยดักจับเชื้อโรค ก่อนเข้าสู่ร่างกาย

และด้วยสรรพคุณเภสัชสมุนไพรของการบูรและพิมเสน ขับเสมหะ กระจายลม ขับน้ำเหลืองในระบบทางเดินหายใจ จะส่งเสริมให้ร่างกาย มีความ ต้านทานเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้เป็นอย่างดี

3. ดื่มน้ำอุ่น งดน้ำเย็น หากเป็นไปได้ให้ดื่มกาแฟสดไทยแบบอเมริกาโน่ (ไม่ใส่เครื่องปรุง) บาง ๆ ด้วยสรรพคุณเภสัชสมุนไพรกาแฟสดไทย ที่มีรสขมจะกระตุ้นให้ต่อมน้ำลายสร้างความชุ่มชื้นตั้งแต่ปากตลอดลำคอ อีกทั้งยังให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเป่าอีกด้วย

4. งดอาหารทอด และรสจัด ชั่วคราว เพราะจะไปทำความระคายเคืองเยื่อบุหลอดลม และหลอดอาหารเป็นจุดอ่อนให้เชื้อไวรัสเข้าโจมตีได้ง่าย

5. เข้านอนเวลา 22.00 น . พักผ่อนนอนหลับให้เต็มที่เพื่อให้ร่างกาย ได้สร้างระบบภูมิคุ้มกัน

6. พยายามรักษาระดับอุณหภูมิร่างกาย ให้คงที่ ด้วยการไม่ให้ กระทบร้อน หรือ เย็น จะส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันตกต่ำ

" ปฏิบัติง่ายๆ ค่าใช้จ่าย แสนถูกเพียงเท่านี้ชาวไทยทุกคนจะปลอดภัย ตลอดช่วงระยะเวลาของการระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่"

ขอส่งความปรารถนาดี มายังชาวไทยอันเป็นที่รักทุกคน และปลอดภัยจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่

ปล. อย่าลืมล้างมือบ่อยๆ ด้วยนะจ๊ะ

 

อวดพระที่ยังปั้นไม่เสร็จ