ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คุณสนุก, 4 พฤศจิกายน 2010.

  1. motana2008

    motana2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    4,929
    ค่าพลัง:
    +10,336
    พึ่งเคยเห็น... ขอบคุณครับ
    แปลกตาแปลกใจดีครับพี่
     
  2. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ผู้สร้างพระธาตุทั้ง 3 องค์

    วัดพระธาตุผาเงาที่อยู่บนยอดเขาดอยจันมีพระเจดีย์ รวม 3 องค์
    องค์แรกตั้งอยู่บนยอดหินชั่นลางสุด ชื่อพระธาตุผาเงา ซึ่งได้ใช้เป้นชื่อของวัดมาตั้งแต่แรกเริ่มการสร้างวัด ถัดจากบริเวณนั้นสูงขึ้นไปอีกพอประมาณเป็นที่ตั้งของเจดีย์อีกองค์หนึ่ง ชื่อว่าพระธาตุจอมจัน เหลือแต่ซากองค์พระเจดีย์สูงประมาณ 5 เมตร ในบริเวณพื้นที่นั้น ทางวัดได้สร้างอุโบสถขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2536 โดยท่านผู้หญิงอุศนา ปราโมช ณ อยุธยา ได้กรุณามาเป็นประธานวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2536 และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดฯสยามบรมราชกุมารี ได้ทรางเสด็จมาเป็นประธานเททองพระประธานในอุโบสถ เมื่อเดือนมกราคม 2538 และยกช่อฟ้าอุโบสถ เมื่อ 11 มกราคม 2542 ฯลฯ จากพระธาตุจอมจันขึ้นไปจนถึงบริเวณยอดเขา เป็นที่ตั้งของพระเจดีย์อีกองค์ ซึ่งเหลือแต่ซากฐานสูงประมาณ 5 เมตร ชื่อว่าพระธาตุเจ็ดยอด ต่อมาทางวัดได้สร้างพระบรมธาตุพุทธนิมิตรเจดีย์ขนาดใหญ่ครอบองค์พระธาตุเจ็ดยอดไว้ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นซากพระธาตุเจ็ดยอดไว้ ณ ภายในเจดีย์องค์ใหม่นี้ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชนีนาถ ได้ทรงเสด็จมาเป็นประธานยก ยอดฉ้ตรขององค์พระเจดีย์ที่สร้างขึ้นใหม่ เมื่อ 29 มกราคม 2536
     
  3. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ค่ะน้องโม...หากมีโอกาสเดินทางไปชมพระกรุที่วัดพระธาตุแม่เจดีย์ค่ะ
    มีของมงคลมากมายค่ะ
     
  4. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ค่ะช่วงนี้เหตุการณ์ที่ยะลา ปัตตานีไม่ค่อยน่าไว้วางใจค่ะ
    คุณครูไทยพุทธ โดนฆ่ารายวันค่ะ...และมีเหตุการณ์ทุกวัน...
     
  5. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    เล่าต่อค่ะ..

    ต่อมาโยนกนครได้ล่มสลายกลายเป็นหนองน้ำ ขุนลังได้ขึ้นครองเวียงเปิกสา ชวง พ.ศ.996-1007 ท่านได้ชักชวนไพร่บ้านชาวเมืองทั้งหลายขึ้นไปสร้างเจดีย์ไว้บนภูเขาดอยจัน 2 องค์ (หมายถึงพระธาตุจอมจันและพระธาตุเจ็ดยอด) เจดีย์ทั้ง 2 องค์นี้ถูกภัยธรรมชาติทำลาย (แดด-ฝน-ลม-แผ่นดินไหว) พัดทำลายมาหลายพันปี จนเหลือแต่ซากฐานไว้ประมาณ 5 เมตร ประกอบกับช่วงนั้นภาวะเศรษฐกิจอาจจะฝืดเคืองจนทำให้ชาวบ้านทอดทิ้งศาสนา ขาดการดูแลเอาใจใส่ และที่ฐานขององค์พระเจดีย์ทั้ง 2 ก็มีรอยขุดเจาะอาจเป็นฝีมือของพวกนักสะสมของเก่าและนักแสวงหาโบราณวัตถุก็เป็นได้

    การสร้างวัดใหม่

    ตอนแรกได้สันนิฐานว่าบริเวณเนินเขาเล็กๆ ลูกนี้ที่กำลังแผ้วถางอยู่จะต้องเป็นวัดเก่าแน่นอนเพระาได้พบเห็นซากโบราณวัตถุกลาดเกลื่อนไปทั่วบริเวณ ในเดือน กุมภาพันธ์ 2519 จึงได้ลงมือแผ้วถางป่่า แต่เดิมที่แห่งนี้เคยเป็นถ้ำเรียกว่าถ้ำผาเงา ซึ่งปากถ้ำถูกปืดไว้นานแล้ว ทำให้บริเวณแห่งนี้เป็นป่ารกชัฎเต็มไปด้วยซากโบราณวัตถุกระจัดกระจายอยู่กลาดเกลื่อนเต็มไปหมดมีชิ้นส่วนใหญ่อยู่ชิ้นหนึ่ง เป็นพระพุทธรูปครึ่งองค์ช่วงล่างหน้าตักกว้าง 4 วา เชื่อว่าเป็นพระประธานในวิหาร คณะศรัทธาจึงตั้งใจจะบูรณปฏิสังขรณ์ให้สมบูรณ์เหมือนเดิม ต่อมาวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2519 นายจันทา พรหมมา หนึ่งในคณะศรัทธาทั้งหมดที่เริ่มบุกเบิกแผ้วถางป่า ได้นอนหลับฝันในเวลากลางคืนว่า มีพระภิกษุรูปหนึ่งรูปร่างสูงดำมาบอกว่า "ก่อนที่จะยกชิ้นส่วนองค์พระประธานที่เหลือครึ่งองค์นั้นออก ให้ไปนิมนต์พระมา 8 รูปทำพิธีสวดถอนเสียก่อน แล้วจะได้พบสิ่งมหัศจรรย์ยิ่งกว่านี้"
    รุ่งขึ้น วันที่ 1 มีนาคม 2519 นายจันทา พรหมมา จึงได้นำเอาความฝันนั้นไปบอกให้ศรัทธาทั้งหมดฟัง และต่อจากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปตามขั้นตอนของความฝันทุกประการ เพื่อปรับพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยตอไม้รากไม้และก้อนหินน้อยใหญ่ งานปรับพื้นที่ได้ดำเนินไปด้วยความยากลำบากยิ่งนัก
     
  6. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    พบพระพุทธรูปหลวงพ่อผาเงา

    วันที่ 17 มีนาคม เวลา 14.00 น. เมื่อคณะศรัทธาได้ปรับพื้นที่ หมดเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มขุดและยกตอไม้ขนาดใหญ่ออก ทุกคนต่างตื่นเต้นและปิติยินดีเมื่อได้พบว่า ใต้ต่อไม้นั้น (หน้าฐานพระประธาน) มีอิฐโบราณก่อเรียงไว้ เมื่อยกอิฐออกก็พบหน้ากาก(แผ่นทึบ) ก่อกั้นไว้ พอยกหน้ากากออกจึงได้พบพระพุทธรูปองค์มีลักษณะสวยงาม ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณวัตถุได้วิเคราะห์ว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีอายุระหว่าง 700-1,300 ปี คณะศรัทธาทั้งหมดจึงได้พร้อมใจกันตั้งชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า "หลวงพ่อผาเงา" และเป็นชื่อวัดใหม่จากวัดสบคำ มาเป็นวัดพระธาตุผาเงา ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
    ในช่วงสมัยของอนาจักรโยนก วัดร้างแห่งนี้ กำลังอยู่ในช่วงที่เจริญรุ่งเรือง สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นวัดที่สำคัญและเป็นวัดประจำกรุงเก่าแห่งนี้ก็เป็นได้ว่าพระพุทธรูปหลวงพ่อผาเงาที่ขุดค้นพบได้ถูกสร้างและฝังอยู่ได้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ (พระประธาน) คงจะปิดบังซ่อนเร้น กลัวถูกโจรกรรมจากพวกนิยมสะสมของเก่า
    http://palungjit.org/attachments/a.2396262/
    [​IMG]
    [​IMG]


    เมื่อกราบองค์หลวงพ่อผาเงาแล้ว คณะของเราก็ได้ลงมาใส่บาตรพระช่วงเช้าค่ะ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1160603.jpg
      P1160603.jpg
      ขนาดไฟล์:
      123.6 KB
      เปิดดู:
      58
    • P1160606.jpg
      P1160606.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121 KB
      เปิดดู:
      146
    • P1160609.jpg
      P1160609.jpg
      ขนาดไฟล์:
      127.5 KB
      เปิดดู:
      156
    • P1160612.jpg
      P1160612.jpg
      ขนาดไฟล์:
      129.1 KB
      เปิดดู:
      28
    • P1160626.jpg
      P1160626.jpg
      ขนาดไฟล์:
      120.4 KB
      เปิดดู:
      41
    • P1160627.jpg
      P1160627.jpg
      ขนาดไฟล์:
      118.1 KB
      เปิดดู:
      21
    • P1160628.jpg
      P1160628.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82 KB
      เปิดดู:
      23
    • P1160599.jpg
      P1160599.jpg
      ขนาดไฟล์:
      106.5 KB
      เปิดดู:
      70
    • P1160592.jpg
      P1160592.jpg
      ขนาดไฟล์:
      126.6 KB
      เปิดดู:
      39
    • P1160596.jpg
      P1160596.jpg
      ขนาดไฟล์:
      110.3 KB
      เปิดดู:
      22
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 ธันวาคม 2012
  7. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    เป็นพระคุณอย่างสูงครับพี่นวล ผมกะว่าเค้าโตขึ้นสักหน่อยผมจะเลี่ยมให้เค้าบูชาหลวงปู่ทวดทั้งหมดเลย รวมทั้งแฟนผมด้วย ส่วนตัวผมนั้นแขวนเดี่ยวหลวงปู่ทวดพ่อท่านเนียร วัดต้นเลียบอยู่แล้วครับ ...นอกเรื่องนิดนึงครับพี่นวลจากที่ผมดูข่าวช่วงเช้าช่อง7ทุกวันผมเจอข่าวเรื่องยิงครูแถวปัตตานีบ่อยมากดูแล้วสลดใจมากเลยครับน่าสงสารครูแถวนั้นเหลือเกินครับ และส่วนมากเป็นครูชาวไทยพุทธเสียด้วยเหตุการณแถวนั้นมันรุนแรงมากเหรอครับพี่นวลทำไมเค้าถึงฆ่ากันแบบเลือดเย็นเหลือเกิน...
     
  8. อั๋นวัดสาม

    อั๋นวัดสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    4,259
    ค่าพลัง:
    +9,022
    ข่าววันนี้เห็นแล้วเศร้าใจครับ เมื่อไหร่จะจัดการกันจริงๆจังๆเสียทีจะได้สงบสุข
     
  9. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    สวัสดีค่ะน้องอั่น เหตุการณ์ในพื้นที่ รุนแรงกว่าที่คิดค่ะตอนนี้ครูไทยพุทธเป็นเป้าหมายค่ะ....รายที่ 147 แล้ว...
    ขอส่งกำลังใจ...ให้ทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
    มีขวัญและกำลังใจ ขอบารมีหลวงปู่ทวดและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองทุกท่านให้แคล้วคลาดปลอดภัยและเกิดสันติสุขในเร็ววันค่ะ....
     
  10. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    จากหนังสือตำนานวัดพระธาตุผาเงา

    เล่าบอกเรื่องราวตำนานเมืองสุวรรณโคมคำ

    สภาพบริเวณเมืองสุวรรณโคมคำระยะแรกเริ่ม

    กาลครั้งหนึ่ง ก่อนพุทธกาล ดินแดนแห่งสุวรรณภูมิบนฝั่งแม่น้ำโขงอันเป็นที่ตั้งของเมืองโพธิสารหลวง และเมืองสุวรรณโคมคำ
    ซึ่งเป็นเมืองของชนชาติขอมยังเจิ่งนองท่วมทันไปด้วยน้ำที่ไหลมาจากแว่นแคว้นมิถิลาดินแดนแห่งผืนแผ่นดินใหญ่ มีพญานาค 3 ตัว คือ พันธุนาคราช ศรีสตตนาคราช และนหุตนาคราช ได้ช่วยกันขุดควักช่องน้ำเป็นลำคลองให้น้ำไหลลงสู่มหาสมุทรห้วงน้ำใหญ่ที่ว่านี้มาจากหนอุดรมีนามว่า หนองกระแสหลวงและหนองกระแสน้อย และยังได้แตกแยกเป็น น้ำแม่แตกหลวง น้ำแม่แตกน้อย มีขรนทีเป็นสายหลัก (น้ำโขง) ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ยังมีสายน้ำจากน้ำสายน้ำรวก น้ำคำ และน้ำกก ซึ่งไหลมาจากหนอุดรบ้าง พายัพบ้าง ปัจจฉิมบ้างต่างหลั่งไหลลงสู่ขรนทีและปลายทางที่มหาสมุทร ภายหลังน้ำได้แห้งลดน้อยลงไป จึงเกิดเป็นพื้นที่ราบ ที่เนิน ที่ดอยและแอ่งน้ำต่างๆ เป็นที่อยู่ของเหล่ามิลัคขุทั้งหลาย มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมานับพันๆ ปีว่านอกจากเมืองโพธิสารหลวงแล้ว ยังมีเมืองที่เกิดขึ้นในยุคต่อๆ มาอีกคือ เมืองสุวรรณโคมคำ ที่ฝั่งตะวันตกของขรนที ปากน้ำกกและเมืองอุโมงคเสลานครที่ต้นน้ำกกห่างจากสุวรรณโคมคำระยะ 3 คืนเดินทางซึ่งเมืองนี้เป็นที่เนินยาว มีถ้ำผาอยู่หนอุดร มีถ้ำผาตูบอยู่หนปัจฉิม เป็นถ้ำใหญ่โตรโหฐาน ซึ่งพาหิรพราหมณ์พาครอบครัวและบริวารล้วนแต่เป็นขอมทั้งสิ้นมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ ภายหลังเมืองสุวรรณโคมคำก็ถูกพญานาคทั้งหลายผู้รักษาลำน้ำแห่งนี้ลงโทษโดยการขุดควักพื้นบาดารและฝั่งโขงตลอดถึงห้วงใต้ปฐพีของเมืองสุวรรณโคมคำ จนทำให้เมืองสุวรรณโคมคำพังทลายลงในกระแสน้ำอันเชียวกรากยามฤดูน้ำหลากจนหมดสิ้น คงมีแต่ตำนานเหลือไว้ให้ศึกษาเท่านั้น
    สำหรับอาณาเขตของเมืองสุวรรณโคมคำ ซึ่งอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขง มีเขตแดนดังนี้
    แดนหนอุดร จรด ปากทางหนองกระแส
    แดนหนทักษิณ จรด ฝายนาค (คือลีผี)
    แดนหนบูรพา จรด น้ำแตก (น้ำแท้)
    แดนหนประจิม จรด น้ำตู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 ธันวาคม 2012
  11. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    เมืองโพธิสารหลวง

    จากพงศาวดดารโยนกของไทย โดยพระยาประชากิจกรจักร และตำนานลี่ผีของลาว โดยเจ้าคำหมั้น วงกดรัตนะ ต่างให้ข้อมูลที่ใกล้เคียงกันวา เมืองโพธิสารหลวง (หลวงพระบาง) ปกครองโดยกษัตริย์พระนามว่า "เจ้าสิริวงษา" พระองค์มีโอรส 2 องค์ องค์โตชื่อ "อินทรวงษา" องค์น้อง ชื่อ "ไอยะกุมาร"
    อยู่ต่อมากษัตริย์เจ้าสิริวงษา ได้ถึงแก่พิราลัย พระโอรสองค์โตที่ชื่อว่าอินทรวงษา จึงขึ้นสืบราชสมบัติแทนบิดา ส่วนองค์น้องเป็นมหาอุปราช พระยาอินทรวงษา
    มีพระโอรส 1 องค์ ชื่อ อินทรปฐม ส่วนพระยามหาอุปราช "ไอยะกุมาร" มีพระธิดา 1 องค์ชื่อว่า พระนางอุรสา ภายหลังบรรดาญาติวงศาจึงจัดอภิเษกสมรสระหว่าง อินทรปฐม กับ อุรสา ใ ห้เป็นสามีภรรยากัน ต่อมาไม่นาน พระยาอินทรวงษา ก็ถึงแก่พิราลัยอีก พระยาอินทรปฐม พระราชบุตร จึงขึ้นสืบต่อราชสมบัติแทนพระบิดาและยกฐานะ พระนางอุรสาเป็นมเหสี
     
  12. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ชนชาติขอมในเมืองโพธิสารหลวง
    ครั้งฝ่ายไอยะอุปราชนั้น เมื่อพระยาอินทรปฐมขึ้นเสวยราชสมบัติครองเมืองโพธิสารหลวงปล้วจึงลาออกจากพระอุปราชทันที และได้พาบริวารลงเรือขึ้นมาทางทิศประจิม เป็นระยะเวลา 3 เดือน ก็ถึงเกาะเนินทรายที่มีรูปคล้ายเรือสำเภาหงาย หลังเกาะเป็นป่ารุกชาติรื่นรมณ์ราบเรียบเรียงงามเป็นรมณียสถาน พอใจแห่งไอยะอุปราชฯ จึงหยุดพักตั้งบ้านแบ่งเมืองอยู่บนเกาะนี้รวม 3 พันครอบครัว ทางด้านเมืองโพธิสารหลวงนั้น เมื่อตำแหน่งมหาอุปราชว่างลง พระยาอินทรปฐม จึงตั้งพาหิรพราหมณ์ปฏิบัติหน้าที่แทน อันพาหิรพราหมณ์นั้น เป็นชาวขอมดังเดิมไม่มีเชื้อสายทางกษัตริย์มาก่อน พร้อมทั้งได้รับมอบหมาย ให้เป็นราชครูและเสนาบดีแห่งเมืองโพธิสารหลวง
     
  13. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    องค์เทวินทร์บวร

    พระยาอินทรปฐม กับ พระนางอุรสา ได้อยู่กินฉันสามีภรรยามานานก่อนที่จะได้ครองเมืองโพธิสารหลวงพ มีพระโอรสรวม 6 องค์ องค์ที่ 6 ทรงมีนามว่า "เทวินทร์บวร" ส่วนองค์ที่ 1-5 ไม่ปรากฎนามตามตำนาน ภายหลังที่พระนางได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นมเหสีแห่งเจ้าเมืองโพธิสารหลวงแล้ว พระนางจึงได้ทรงพระครรภ์ครั้งที่ 7 เมื่อพระครรภ์ครบถ้วนทศมาสแล้ว ถึงวันพฤหัสบดี เพ็ญเดือน 5 ยามแตร่รุ่งอุทธังราชาโชค พระนางก็ประสูติราชกุมารทางมุขทวาร คือออกทางปาก ร่วงลงในถาดทองคำ ยามนั้นก็บังเกิดมหัศจรรยืกึกก้องโกลาหลต่างๆ มีฟ้าร้องแผ่นดินไหว เป็นต้น นอกจากนั้นก็มีอภินิหาริย์แห่งราชกุมารแรกประสูตินั้น โดยอเนกปริยาย เช่น พูดได้ เดินได้ รู้รักษาศีลบำเพ็ญทาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 ธันวาคม 2012
  14. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    องค์สุวรรณมุขทวาร

    โดยเหตุที่องค์กุมารได้ประสูติออกทางพระโอษฐ์ ลงในถาดทองคำ พระราชบิดาอินทรปฐมจึงขนานนามกุมารน้อยว่า "องค์สุวรรณมุขทวาร" พอกุมารน้อยมีพระชนมายุได้ 7 เดือน ก็ยิ่งมีอภินิหาริย์แรงกล้า ขึ้น เป็นที่อัศจรรย์หวั่นไหวแก่พระราชบิดายิ่งนัก
    ชาวเมืองเกิดวิปริวิตกไปต่างๆ นานา พาหิรวาพราหมณ์ผู้ทำหน้าที่เป็นเสนาบดีและราชครูสำนักพระราชวัง จึงเข้าไปกราบทูลพระยาอินทรปฐมผู้เป็นพระราชบิดาว่า....กุมารน้อยนี้
    เป็นอุบาทว์อาจจะทำลายพระนครและประชาราษฎ์ ให้ถึงซึ่งพินาศอันตราย จะละไว้มิได้
    ขอให้ลอยแพเสียแต่บัดนี้ พระยาอินทรปฐมได้ฟังแล้วก็สะดุ้งตกใจและยอมเชื่อ จึงขออนุญาตให้พาหิรพราหมณ์นำพระมเหสีและกุมารน้อยไปลอยแพที่น้ำทั้งที่ใจยังรักและห่วงอาลัยหากุมารน้อย
     
  15. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    การตั้งเมืองสุวรรณโคมคำ

    ทางฝ่ายไอยะอุปราช พระเจ้าตาของกุมารน้อยพอได้ข่าวว่าพระธิดาประสติพระกุมารก็ดีพระทัย รีบเดินทางออกจากนิวาสสถานบนเกาะกลางลำโขงล่องลงไปยังเมืองโพธิสารหลวง เพื่อเยื่อมและชมพระธิดาและพระนัดดา ครั้นถึงแล้วจึงทราบว่าพระราชธิดาและพระนัดดาน้อยถูกจับลอยแพขนานล่องลงน้ำโขงสู่มหาสมุทร พระไอยะอุปราชจึงรีบกลับไปยังเกาะที่อยู่แห่งตนเพื่อทำการบวงศรวงพญานาคทั้งหลายในลำน้ำโขง โดยการจุดประทีปโคมทองบูชาทุกท่าน้ำ เพื่อขอพญานาคทั้งหลายได้ช่วยเหลือพระราชธิดาและพระนัดดา ในยามนั้นบรรดาพญานาคทั้งหลายอัญมีศรีสัตตนาคราช เป็นต้น จึงรีบมุดน้ำโขงล่องลงไปทิศทักษิณแห่งโพธิสารหลวงช่วยกันขนศิลาปิดกั้นปลายน้ำขรนทีไว้ ทำให้น้ำเอ่อท้นมูลขึ้นเต็มฝั่งโขง จากนั้นพญานาคผู้เป็นใหญ่แห่งลำน้ำโขงได้บันดาลหมาวาตะพายุพัดพาแพขนานของพระนางอุรสารและกุมารน้อยลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปตามลำน้ำโขง ก็ลุถึงท่าโคมคำในวันจันทร์ เพ็ญเดือน 8 เวลาเช้า ไอยะอุปราชก็ได้พบพระราชธิดาและนัดดาแห่งตนสมประสงค์ จึงมีความชื่นชมยินดีให้มีการสมโภชทำขวัญ 7 ทิวาราตรีแล้วรับพระราชธิดาไว้ในที่นั้น ภายหลังจึงได้สร้างนครและขนานนามว่า "เมืองสุวรรณโคมคำ" การจุดประทีปโคมทองในลำโขงจึงกายเป็นประเพณีไหลเรือไฟของลาวทุกวันนี้(จัดตรงหนองคาย) ส่วนเมืองโพธิสารหลังเนรเทศพระมเหสีและพระกุมารน้อยก็บังเกิดโรคันตรายและทุพภิขันตรายระบาดต่าง ๆ นานา ฝนฟ้ามิตกตามฤดูกาลไพล่พลเมืองก็แตกฉาณอพยพหลวบหนีไปอยู่ตามเมืองต่างๆ บ้างก็หนีไปพึ่งเมืองสุวรรณโคมคำ เมืองสุวรรณโคมคำก็เจริญมั่งคั่งสมบูรณ์ขึ้น ใน 3 ปีแรกมีพลเมืองนับแสน
     
  16. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    กราบหลวงปู่ทวดของลูกหลาน
    สวัสดียามเช้าหนาวหนาวครับพี่น้อง:cool:
     
  17. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    สวัสดียามเช้าค่ะลูกหลานหลวงพ่อทวด
    สวัสดีค่ะน้องพลศิริ....

    ฟัง...เรื่องในตำนานพระธาตุผาเงา อีกสักตอนค่ะ ก่อนจะทัวร์แอ๋วเหนือกันต่อ....

    องค์สุวรรณมุขทวารของเมืองสุวรรณโคมคำในหนังสือเล่าว่า ......

    ร้อนถึงสมเด็จจอมรินทราธิราชเจ้า ปราถนาจะให้พระราชาแห่งเมืองโพธิสารหลวงให้มีโอกาสพบปะกับพระมเสีและพระราชกุมาร จึงบันดาลปล่อยม้าอัศดรไปยังเมืองโพธิสารหลวง ไม่มีผู้ใดจะจับม้านั้นได้ นอกจาก "เทวินทร์บวร" กุมารเท่านั้น ครั้นองเทวินทร์บวรขึ้นทรงนั่งเหนือหลังม้าแล้ว จึงบังคับม้านั้นให้มุ่งหน้าไปทางเมืองสุวรรณโคมคำ ครั้งถึงแล้วเทวินทร์บวรก็ได้พบพระเจ้าตา พระชนนี และพระอนุชา จนครบทุกพระองค์ด้วยความโสมนัสยิ่ง จึงขึ้นม้ากลับมาเมืองโพธิสารหลวงเพื่อถวายรายงานให้พระยาอินทรปฐม พระราชบิดาให้ทรงทราบ ฝ่ายพระยาอินทรปฐมเมื่อรับทราบว่าพระมเหสีและพระโอรสยังสุขสบายและมีชีวิตอยู่ก็ดีพระทัย ซึ่งพาบริวารเสด็จขึ้นไปยังเมืองสุวรรณโคมคำเพื่อรับพระมเหสีและพระโอรสกลับโพธิสารหลวง แต่พระนางอุรสาไม่ยอมกลัลและไม่ยอมให้พระโอรสไปอยู่เมืองโพธิสารหลวง พระยาอินทรปฐมพร้อมด้วยพระนางอุรสาและพระไอยะอุปราช จึงพร้อมใจกันกระทำพิธีราชาภิเษก เจ้าสุวรรณมุขทวารให้ขึ้นครองเมืองสุวรรณโคมคำ จากนั้นพระยาอินทรปฐมก็เสด็จกลับคืนเมืองโพธิสารหลวงอยู่ต่อมาไม่นานนัก พระยาอินทรปฐมก็ทรงพระประชวรและตรอมใจคิดถึงพระมเหสีและพระโอรสองค์เล็กจนถึงแก่พราลัยไปในที่สุด องค์เทวินทร์บวรราชโอรสได้สืบราชสมบัติครองเมืองโพธิสารหลวงแทนพระราชบิดา เมื่อพระราชโอรสได้ครองเมืองโพธิสารหลวงแล้ว จึงมีคำสั่งให้ขับพาหิรพราหมณ์ผู้เป็นเสนาบดี ออกจากเมืองโทษฐานที่ทำให้พระชนนีและพระอนุชาเดือดร้อน

    เมืองอุโมงคเสลานคร
    เมืองพาหิรพราหมณ์ผู้ต้องเนรเทศ ไม่รู้จะไปอยู่แห่งหนตำบลใด จึงได้ขึ้นไปขออาศัยอยู่กับแว่นแค้วนแห่งเจ้าสุวรรณมุขทวารที่เมืองสุวรรณโคมคำ เจ้าสุวรรณมุขทวารจึงให้พาหิรพราหมณ์ไปอยู่เชิงเขาที่ต้นน้ำนั้นจึงได้ชื่อว่า เมืองอุโมงคเสลานคร ภายหลังเชื้อวงศ์พาหิราหราหมณ์แห่งเมืองอุโมงคเสลานครได้ขึ้นเป็นใหญ่ ครองเมืองสุวรรณโคมคำอีก ทำให้พวกขอมเข้ามามีบทบาทอำนาจมากขึ้น ปล่อยให้พวกขอมกดขี่ข่มเหงไพรบ้านพลเมืองจนได้รับความเดือนร้อนไปทุกแห่งหน เป็นผู้ปกครองไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม บ้านเมืองจึงหาความสงบสุขไม่ได้...

    บทบาท 3 ธิดาสาวลูกพญานาค
    ครั้งหนึ่งมีมานพผู้เข็ญใจทำนาอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงระหว่างเมืองสุวรรณโคมคำกับเมืองโพธิสารหลวง บริเวณนั้นมีหาดทรายสวยงามอยู่กลางลำน้ำโขง ข้างฝั่งเป็นวัผามีน้ำลึกไหลวนอยู่ตลอดทั้งปี ธิดาสาว 3 คน ของพญาศรีสัตตนาคราช ชอบออกมาเล่นน้ำและหาดทรายอยู่เป็นประจำ วันหนึ่งหลังจากธิดาทั้งสามเล่นน้ำแล้วจึงรู้สึกอ่อนเพลียและหิว ธิดาทั้งสามจึงไปเก็บกินรวงข้างของมานพเข็ญใจผู้นั้นแล้วก็กลับไปสู่ที่อยู่ของตนและเล่าให้พญาศรีสัตตนาคราชฟัง พญานาคได้ฟังเช่นนั้นจึงรู้สึกโกรธที่ธิดาทั้งสามของตนไปเก็บรวงข้าวในของมานพผู้เข็ญใจ โดยไม่ได้ขออนุญาต ถือเป็นการผิดศีลข้อ 2 พญานาคจึงสาปลูกสาวของเองเป็นมนุษย์นารีไปคอยรับใช้มานพผู้นั้น ถือเป็นการใช้หนี้กรรมที่ได้ขโมยข้าวเขากิน ธิดาทั้งสามต่างก็ไปบริการรับใช้มานพผู้เข็ญใจผู้นั้นทุกวัน ธิดาทั้งสามได้แนะนำให้มานพผู้น้นทำการค้าขายโดยเนรมิตเรือและสินค้า ต่างๆ ให้จนครบถ้วน เมื่อได้เรือและสินค้าแล้วมานพก็ขึ้นไปค้าขายที่เมืองสุวรรณโคมคำ โดยมี 3 ธิดานั่งไปช่วยขายของด้วย และไปพักอยู่ที่ท่านาค (เพราะเหตุนาคไปอยู่ที่ท่านั้น)

    เมืองสุวรรณโคมคำล่มสลายจมลงฝั่งโขง
    ครั้งนั้นพวกขอมชาวเมืองสุวรรณโคมคำล้วนใจบาปหยาบช้ากักขฬะ ต่างๆ ก็ทำอุบายใส่ความใส่โทษ ปรับริบเอาสินค้าของมานพนั้นเสีย หลายครั้งหลายคราว ครั้งหลังสุดเจ้าเมืองสุวรรณโคมคำก็แต่งอุบายมาล่อลวงพนันขันต่อต่างๆ เพื่อจะริบเอาสินค้าของมานพนั้นอีก ครั้งนี้นางนาคที่ได้บันดาลให้พญาขอมแพ้แก่พนัน มานพก็ริบเอาสมบัติของพญาขอมบ้างตามที่ได้พนันกันไว้ พญาขอมไม่ยอมให้ริบกลับพาลหาเหตุต่างๆ ไล่มานพน้นเสียจากเมือง ฝ่ายนางนาคธิดาทั้ง 3 เห็นเช่นนั้นก็โกรธพญาขอมว่า หาความสัจมิได้เลย จึงกลับไปทูลบอกพญานาคราชผู้เป็นบิดา ๆ จึงให้พลโยธานาคทั้งหลายมาขุดควักฝั่งแม่น้ำขรนทีตลอดถึงใต้พสุธาแห่งสุวรรณโคมคำ ทำให้เมืองสุวรรณโคมคำล่มสลายจมลงไปในกระแสน้ำลึกและเชี่ยวกราก พญาขอมและชาวขอมทั้งหลายในเมืองสุวรรณโคมคำ พากันถึงกาลกิริยาตายไปตาม ๆ กันในห้วงน้ำลึกดุจอเวจีในราตรีกาลนั้น นับเป็นการสิ้นสุดของเมืองสุวรรณโคมค่ำ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา/เอวังนิฏฐิตัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 ธันวาคม 2012
  18. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    07.00 น.ออกจากวัดพระธาตุผาเงา รถแวะจอด เริ่มจะซื้อของกันแล้วล่ะคะ

    ป้าป้าขนส้ม ขนมะม่วง กันเป็นลังๆ...เริ่มจะไม่มีที่วางของ... และแวะทานต้มเลือดหมู ข้าวหมูกรอบร้านอาหารขึ้นชื่อ...
    บ้างท่านติดใจกะจะสมัครเป็นพนักงานร้านนี้ ....แล้วคณะทัวร์บุญหลวงพ่อทวดก็เดินทางไปกราบองค์พระธาตุช่อแฮค่ะ.....ที่แห่งนี้มีคนนำเสือมาถวายด้วย...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1160641.jpg
      P1160641.jpg
      ขนาดไฟล์:
      113.6 KB
      เปิดดู:
      23
    • P1160647.jpg
      P1160647.jpg
      ขนาดไฟล์:
      115.3 KB
      เปิดดู:
      26
    • P1160651.jpg
      P1160651.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76 KB
      เปิดดู:
      27
    • P1160652.jpg
      P1160652.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.9 KB
      เปิดดู:
      23
    • P1160656.jpg
      P1160656.jpg
      ขนาดไฟล์:
      102.8 KB
      เปิดดู:
      24
    • P1160659.jpg
      P1160659.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.7 KB
      เปิดดู:
      29
  19. anusart34

    anusart34 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2011
    โพสต์:
    509
    ค่าพลัง:
    +868
    สวัสดีตอนเช้า นะครับ พี่นวล พี่จงอาง พี่ล้างใจ พี่ดินสอ พี่พล พี่ภัทร คุณหมอ และพี่ๆๆทุกคน
     
  20. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ถึงวัดพระธาตุช่อแฮ ประมาณบ่ายสองกว่าๆ ได้กราบสักการะบูชาองค์พระธาตุ
    เพื่อความเป็นสิริมงคล...ที่พระธาตุช่อแฮดูจากซุ้มประตู ลักษณะซุ้มลวดลายคล้ายกับพระธาตุจอมกิตติ...มีลายพญานาคประดับบนซุ้ม ซึ่งมองแล้วงดงามมาก และขณะนี้องค์พระธาตุกำลังบูรณะซ่อมแซมอยู่ค่ะ... ได้มีโอกาสซื้อของที่ระลึกบ้าง ที่นี่ของฝากที่ระลึกราคาถูกค่ะ...
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1160662.jpg
      P1160662.jpg
      ขนาดไฟล์:
      112.8 KB
      เปิดดู:
      174
    • P1160663.jpg
      P1160663.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.4 KB
      เปิดดู:
      31
    • P1160670.jpg
      P1160670.jpg
      ขนาดไฟล์:
      108 KB
      เปิดดู:
      174
    • P1160664.jpg
      P1160664.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.2 KB
      เปิดดู:
      34
    • P1160666.jpg
      P1160666.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114.7 KB
      เปิดดู:
      25
    • P1160667.jpg
      P1160667.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.9 KB
      เปิดดู:
      29
    • P1160671.jpg
      P1160671.jpg
      ขนาดไฟล์:
      138.2 KB
      เปิดดู:
      24
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 ธันวาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...