ใครยังไม่ได้ฌานสนใจเชิญ

อนุโมทนาสาธุ ใน ทานที่ท่าน บริจาค ไป 50000 บาท ด้วยเหตุแล้วปัจจัย ท่าน ทำทาน มาก่อน ก็สะสมกันไป ลด กิเลส ตัณหา อุปาทาน

ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา


บุคคลใดที่ทำบุญหรือให้ทานด้วยจิตใจที่โสมนัสยินดี ทั้งประกอบด้วยปัญญา เชื่อกรรมและผลของ
กรรมครบทั้ง ๓ กาลแล้ว บุญของผู้นั้นย่อมมีผลมาก

เจตนาทั้ง ๓ กาลนี้ เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องดับไปเช่นเดียวกับสังขารธรรมอื่นๆ และเมื่อดับไป
แล้วสามารถจะส่งผลนำเกิดในสุคติภูมิเป็นมนุษย์และเทวดาได้ ใน พระไตรปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน
แสดงความบุพกรรม คือกรรมในชาติก่อนๆ ของผู้ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ที่เกี่ยวกับทานไว้มากมาย ตัวอย่าง
เช่น พระอรหันต์รูปหนึ่งในอดีตชาติได้ถวายผลมะกอกผลหนึ่งแก่พระพุทธเจ้าที่ประทับอยู่ในป่าใหญ่ รูปหนึ่ง
เคยถวายดอกบุนนาค รูปหนึ่งเคยถวายขนม รูปหนึ่งเคยถวายรองเท้า เป็นต้น นับแต่นั้นมาท่านเหล่านั้นไม่
เคยเกิดในทุคติภูมิเลย เกิดอยู่แต่ในสุคติภูมิ เป็นมนุษย์และเทวดาเท่านั้น ตราบจนในชาติสุดท้ายได้สำเร็จ
เป็นพระอรหันต์

http://www.84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html ที่มา

การให้ ทานนั้น ก็จะวนเวียน อยู่ ใน วัฏสงสาร 31 ภูมิ

 

หงะ เล่าปังงงงงงงงง อี นอน ฮ้อ

ปิกอยาตนะ เหลือแต่ จิก!!

อีหมวย ลื้อ อย่าเอา ไอเสียมารมหละ

ลมหายใจไม่รับรู้เหมียนกัล สลบ เหลือแต่ จิก!!

เข้าใจเหรอ

 

ทาน ศีล ภาวนา กับ ศีล สมาธิ ปัญญา ก็จะเป็น ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา เหรอ
สมมุติ ศีลข้อ1 ไม่เบียดเบียนสัตว์ ก็จะเป็น มี "เมตตา" ต่อสัตว์ ก็จะเป็นให้ทานสัตว์ ก็จะเป็น "ปีติคีตา" ที่เป็นนางฟ้ามาจาก "จาตุมหาราชิกา" ก็จะมาดีดพิณให้เราไปสวรรค์ชั้น "ยามา"

 

นี่ๆ พี่รู้มะ มีนัม รีเฟรช ตั้งหลายรอบ ก็ว่าทำไมไม่ตอบซักที ที่ไหนได้ ขึ้นหน้าใหม่ตั้งนานแล้วมั๊ง เดี๋ยวๆ แปลก่อน

" โธ่เอ๋ย เล่าปังเค้านอนในห้อง
ปิดอายตนะเหลือแต่จิต
นังหนู อย่าเอาไอเสียมาดมนะ
ลมหายใจไม่รับรู้เหมือนกัน สลบเหลือแต่จิต
เข้าใจมั๊ย(มั๊ง)"

 

แต่เอ....พี่ เวลาสลบมันจะเหลือแต่จิตได้ไงหละ
สลบก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ

 

บุญนะดีจะตาย ทำมาเป็น ชิๆๆ ชิส์...........++!!!!

 

ใครทำบุญแล้วไม่อยากได้บุญ อุทิศมาให้มีนัมนะ มีนัมจะเอาไปแจกเด็กๆ

 

ตอบให้เป็นข้อๆตามที่ถาม ดังนี้

1. ถาม : แสดงว่าที่ผมบอกว่ามีสภาพรู้อย่างเดียว นอกนั้นทุกอย่างดับหมดนั้นถูกต้องใช่มั้ยครับ
ตอบ : สภาพนี้เป็นสภาวะของฌาน4 ก็ได้ , เป็นสภาวะของวิปัสสนาญาณก็ได้ , และเป็นสภาวะของสัญญาเวทยิตนิโรธก็ได้ ต้องดูบริบทอื่นๆประกอบจึงจะรู้ว่าเป็นสภาวะของสิ่งใด

2. ถาม : แต่ที่ว่าขณะจิตเดียวนี่ประเด็นนี้ลองพูดคุยกันดูนะครับ ใครจะรับรูทันอะไรในสภาพรู้ว่าไม่มีอะไรไม่มีตัวตนเราเขา ไม่มีอะไรในนั้นเป็นสูญญตา ถ้าเป็นสภาพจิตเดียวจริงจริงใครจะรู้ได้ขนาดนั้นครับลองนึกดูดีๆนะครับ
ตอบ : คำถามนี้บ่งบอกให้รู้ว่าคุณนิวไม่ได้เข้าถึงสภาวะนิพพานจริง
เป็นบริบทให้กับคำถามข้อ 1 ว่าสภาวะที่คุณนิวเข้าถึงนั้นไม่ใช่สภาวะของวิปัสสนาญาณ ไม่ใช่สภาวะของสัญญาเวทยิตนิโรธ
คนที่เข้าถึงสภาวะนิพพานชั่วขณะจิตเดียวรู้ได้ทั่วโลกธาตุ คุณนิวเคยได้ยินหรือไม่ ลองหาศึกษาดูนะคะ

3. ถาม : การรับรู้อาจจะทำกิจตั้งแต่ขณะจิตแรกนั้นก็ถูกแต่สภาวะที่สืบเนื่องของนิพพานไม่ดับไปชั่วขณะจิตแน่นอนครับ เพราะนิพพานเป็นธาตุดับกิเลสก็ต้องทำหน้าที่ดับกิเลสเท่าที่กำลังของนิพพานของแต่ละคนที่เข้าถึงหรือกำลังของมรรคจิตนั้นๆ
ตอบ : ถ้าคุณนิวเข้าถึงสภาวะนิพพานจริง คำถามนี้จะไม่เกิดขึ้น จะรู้ได้ด้วยตนเอง

 

ผมอุทิศให้ทุกเช้้าอยู่แล้ว

 

​

ออกชื่อ "โกมีนัม" ด้วย สัญญาละนะ ตามนี้ ^_^

 

สัญญาเวทยิตนิโรธนั้นตัดทิ้งเลย เป็นเรื่องของพระอนาคามีขึ้นไปแล้วต้องได้สมาบัติแปดถึงจะเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธได้
ที่นี้เหลือฌานสี่กับนิพาน ผมถามคุณอย่างนี้ว่าคุณอ่านและศึกษามาตามที่คุณรู้มาว่าขณะจิตเดียวรู้ทั้งโลกธาตุนั้นเป็นจริงดังนั้นเพราะการรู้อะไรก็รู้ที่ละขณะจิตเดียวนั้นแหล่ะครับที่ได้ศึกษามา ไม่ต้องนิพพานทุกอย่างก็รู้ได้ทีละขณะจิตเดียวนี่คือการศึกษา แต่ในสภาวะความเป็นจริงใครตอบได้ว่าการรู้ขณะจิตเดียวนั้นเป้นอย่างไรในการบรรลุนิพพาน จะอธิบายอย่างไรกับการรู้นั้น เพราะผมก็อธิบายไปตามที่ประจักษ์ นั้นก็เป็นสภาวะจิตเดียวที่รู้ เพราะรู้เรื่องเดียวไม่รู้เรื่องอื่น ถ้าสภาวะนิพพานนั้นยังคงอยู่ก็รู้ต่อสืบเนื่องต่อๆไป ช่วงเวลาที่มรรคจิตดวงต่อไปที่จะเกิดก็ได้ เอาล่ะที่นี้มาดูฌานสี่ตอนครั้งแรกที่ปรากฎสภาวะนั้นฌาน1ผมยังไม่เคยได้เลย จะมีความสงบบ้างก็เล็กน้อย จู่ๆผมจะข้ามมาฌานสี่เลยย่อมเป็นไปไม่ได้

 

โกมีนัมเป็นสรรพสัตว์หรือเปล่า ผมกล่าวว่าขอสรรพสัตว์ทั้งหลาย

 

ตาบอดเหรอครับ newamazing?

 

เอ อั๊วะ ก็พูกว่า จิก นี่ งง ตรงไหน

 

บอกว่าสรรพสัตว์ทังหลายก็ได้เหมือนกันหมดนี่ครับ

 

ผมเก่งเนาะได้ฌานสี่ก่อนฌาน1 2 3 ห้าๆๆๆ

 

อ่อ newamazing นี่เก่งนะครับ ได้นิพพานก่อนฌาน 4 3 2 1

(ก่อนพิมพ์ออกมานี่ไม่ได้คิดเลยสินะ ว่าคนอื่นเขาจะแย้งเอาแบบนี้ได้)

 

..เออ..เห็นด้วย หลานรักนิวรณ์ หลานหอกข้างแคร่ ปู่เอาด้วยวะ อิอิ

 

ทำแบบศรัทธางมงายไง..ยึดติดตัวอาจารย์ ที่พร่ำด้วยกลอุบาย การขอ..จะตั้งมูลนิธิ กลัวจะอดตาย จะพิมพ์หนังสือตำราทั้งที่ตัวเองยังไม่พ้นตำรา จะสร้างโน่น นี่ ..ทั้งที่ตัวเองยังไม่ไปไหน บวชมาขอ..นั่นอาชีพของเขา เขาถนัดนัก มืออาชีพ..!
..สาวก พระพุทธองค์ ท่านก็ขอ บิณฑบาต ขอเพียง อาหารเพื่อ ประทังชีวิต ในการปฏิบัติธรรม ไม่สะสม ก่อสร้าง ตั้งมูลนิธิด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์เหมือนครูอาจารย์สมัยที่ขาดแคลน ทรัพยากร
.. ..ท่านมุ่งเอาตัวเองหลุดพ้น ไม่มีภาระ ต้องมาคอยรักษา ระวัง ห่วง..เข้าใจไหม .
..ของจริงคือให้น้อยๆแต่บ่อยๆ..ด้วยเจตนาให้ผู้รับ เบาบางจากทุกข์ฯล นั่นกุศลธรรมแรง(k)
..จะล้างจานแบบหมู่บ้านพลัมแล้วตั้งวงดนตรี หรือนั่งสมาธิแบบโกเองจ้า..บริจาคมาไม่งั้นเข้าไม่ได้ เขาเลือกกี่ที่นั่งที่จะฝึก..ก็ทำไป แต่ให้รู้เท่าทันและดูเจตนาเขาให้ออก..ว่าเขาทำแค่ไหนเพื่ออะไร เพื่อความหลุดพ้นหรือยึดถือ อาเมน อีดี้ อามิน .