ใครตอบไม่ได้คนนั้นไม่มีวันที่จะบรรลุธรรมได้ สติคืออะไร?

ดูจากคำพูดแล้วนั้นท่านยังไกลพระสัทธรรมจริงๆ แค่การให้ทานก็ไม่เข้าใจ

 

มันไม่ง่ายเหมือนอย่างคิดหรอกครับ มาดูพระศาสดาพูด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สภาพนี้ย่อมมีแก่สาวก ผู้มีศรัทธา ผู้หยั่งลงในคำสอนของ
พระศาสดาแล้วประพฤติด้วยตั้งใจว่า พระผู้มีพระภาคเป็นพระศาสดา เราเป็นสาวก พระผู้มี
พระภาคย่อมทรงรู้ เราไม่รู้. คำสอนของพระศาสดาย่อมงอกงามมีโอชาแก่สาวกผู้มีศรัทธา
ผู้หยั่งลงในคำสอนของพระศาสดาแล้วประพฤติ. สภาพนี้ ย่อมมีแก่สาวกผู้มีศรัทธาผู้หยั่งลงใน
คำสอนของพระศาสดาแล้วประพฤติ ด้วยตั้งใจว่า เนื้อและเลือดในสรีระของเราจงเหือดแห้ง
ไปจะเหลืออยู่แต่หนังเอ็นและกระดูกก็ตามที เมื่อเรายังไม่บรรลุถึงอิฐผลที่จะพึงบรรลุด้วยเรี่ยวแรงของบุรุษ ด้วยความเพียรของบุรุษ ด้วยความบากบั่นของบุรุษแล้ว จักคลายความเพียร
นั้นเสีย จักไม่มีเลย. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผลสองอย่างคือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อ
ขันธบัญจกที่กรรมกิเลสเข้าไปยึดถือเป็นส่วนเหลือยังมีอยู่ ความเป็นพระอนาคามีอย่างใดอย่าง
หนึ่ง อันสาวกผู้มีศรัทธา ผู้หยั่งลงในคำสอนของพระศาสดาแล้วประพฤติ พึงหวังได้.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว. ภิกษุเหล่านั้นยินดีชื่นชมพระภาษิตของ
พระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.

อยู่กับความจริงกันเถอะ ความคิดแบบนั้นมันแค่จิตนาการเอานะครับว่าใช่ทาง ที่จริงแล้วมันอีกไกล

 

"ดูจากคำพูด" ฮาๆๆ.....

 

คงไม่มีใครว่าเป็นเรื่องง่ายหรอกครับ
ผู้ปฏิบัติย่อมต้องผ่านความยากลำบาก ต้องเจอความทุกข์ทั้งส่วนกายและใจ
ความอดทนและความเพียรย่อมนำสู่หนทางแห่งการรู้ทุกข์ได้
ทีนี้ การจะไปเห็นการปฏิบัติของคนๆอื่น นั้นย่อมไม่ใช่ฐานะ
หากแค่สามารถน้อมธรรมเหล่านั้นมาปฏิบัติแล้วยืนยันกลับด้วยตนเองเท่านั้น
บางทีคำพูดที่เราคิดเอาว่า ผิดๆ ซื่อๆ ง่ายๆ โง่ๆ นั่นอาจจะเป็น ความจริงแท้ ของคนๆนั้นก็ได้

 

แล้วสิ่งที่ว่ามันอยู่แค่ปลายจมูกนั้น น่าสนใจหรือ

 

ทำไม newamazing ชอบ u-turn กลับหลัง?

newamazing ชอบพูดเรื่องปริยัติ พยายามพูดให้เหมือนผลการปฏิบัติชั้นสูง

แต่พอเจาะลึกลงไปๆ พอจะเริ่มพูดกันถึงผลแห่งสภาวะจริงๆ พูดถึงปฏิเวธ ซึ่งผมก็ยกเอาคำพูดของครูบาอาจารย์ที่เป็นพระธาตุแล้ว ยกมาแสดง เท่านั้นเอง

newamazing ก็พาดึงกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่ 0 คือ เริ่มใหม่ที่ทาน

กลัวอะไรกับการพูดถึงสภาวะผลของการปฏิบัติ? หรือไม่สามารถพูดได้ จึงต้องดึงกลับไปเป็นเรื่องอื่น?

newamazing มีวาระอะไรซ่อนเร้นอยู่? มีความกลัวอะไรแฝงอยู่ในจิต ทำไมจึงทำเช่นนี้?

 

คุณอินคุณไม่รู้ตัวเหรอว่าคุณเป็นคนไม่นารัก แม้แต่สภาวะที่คุณพยายามกล่าวหาผมว่าหลวงปู่ กับคำว่ารู้เฉยๆ เพราะคำว่ารู้เฉยๆนั้นหลวงปู่ท่านรู้ว่าท่านรู้อะไร แต่ท่านเองไม่รู้เรื่องเลยเพียงเจอคำก็ยกมาเพื่อจะเอนชนะผมเท่านั้น แล้วย้อนกลับมาว่าผมว่าหลวงปู่โง่ มันเป็นนิสัยของคุณที่ทำกับคนทุกคน และคุณมักจะปฎิเสธเรื่องทานเหมือนคุณอยู่เหนือสิ่งนี้แลว นั้นเป็นมิจฉาทิฎฐิอริยบุคคลนั้นมือชุ่มไปด้วยการให้เพราะละตัวตนได้มากจึงมีการสละ ผมอยากให้คุณลุกขึ้นมาสักปีหนึ่งก็พอลุกขึ้นมาทำยุญตักบาตรจะได้รู้ว่าความรู้สึกคุณเป็็นอย่างไร

 

ท่านจะแก้คำที่พระพุทธเจ้ากล่าวว่า อริยชนนั้นมือต้องชุ่มด้วยการให้อย่างไร

 

เอาละเว้ย มันเริ่มกล่าวหาแล้ว

newamazing รู้เหรอว่าผมทำทานบ่อยขนาดไหน?

ไม่มีความสามารถจะรู้ได้ แล้วคาดเดาจากอะไร? คิดเหรอว่าตัวเองประเสริฐที่สุด ทำทานบ่อยๆ อยู่คนเดียว

ไม่คิดบ้างเหรอว่า คนที่อยู่ใน webboard อภิญญา สมาธิ นี่ เขาไล่กันมา ตั้งแต่ ทาน ศีล จนมาถึงภาวนา มีสภาวะสติ และ สมาธิสูงกว่า newamazing แต่เขาไม่โฆษณาตัวเอง?

พอผมถามจี้เข้าไปแค่นั้นแหละ ว่าสภาวะเป็นเช่นไร คุณก็แถไปเรื่องอื่นทันที โดยการโบ้ยว่า ผมนั้นเป็นคนไม่ดี เป็นคนต่ำช้ากว่าคุณ

สรุปแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน? พอคุณตอบคำถามสภาวะธรรมไม่ได้ คุณเลยจะเอาดีเข้าตัว เอาชั่วเข้าคนอื่น ให้คุณดูสูงกว่าคนอื่นเหรอ?

 

เขาก็ชุ่มด้วยการให้กันทุกคนอยู่แล้ว แต่เขาไม่โฆษณาตัวเองไง เพราะไม่เห็นเป็นสาระสำคัญ

อันนี้อุปมา นะ
ก็เหมือนกับเด็กจบปริญญาตรีใหม่ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้น ว่าตนเองได้ทำอะไรที่มันให้ค่ากับชีวิตแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นมันก็ตื่นเต้นดีหรอกนะ

แต่ถามหน่อยว่า พวกที่จบปริญญาโท ปริญญาเอกแล้ว เขาเอามาคุยไหมหละ ว่าตอนจบปริญญาตรีเป็นยังไง? หรือเขาดูที่ผลที่ได้รับในชีวิตมากกว่า?

 

คุณจะทำมากทำน้อยผมไม่รู้ทำอยู่แล้วก็ดี แต่ถ้ายังก็ตื่นขึ้นมาเตือนเฉยๆ ส่วนสภาวะมีส่วนไหนที่ผมตอบไม่ได้ มีแต่คุณที่ผมถามได้แต่ไปเอาสภาวะคนอื่นมาคุณจะรู้ได้ไงว่าเป็นอย่างไร เห็นบอกว่านั่งสมาธิได้นานนั่งหลับเหรอที่ถามถึงไม่ตอบ

 

คุณเป็นคนบอกว่าคุณเป็นปุถุชนคุณจะรู้เรื่องเหรอชอบปฎิเสธเรื่องทาน ผมก็บอกให้คุณสมบัติของอริยะเป็นอย่างไร ส่วนที่ว่าอวด ขอให้คิดใหม่ยังมีโอกาสอีกนะครับ++++++

 

..ใครหยุดก่อนเป็นอริยะ..

 

ท่าน new..การ"รู้..เฉย.." นั้น สภาวะเป็นแบบนี้
จิตที่มีกำลังสมาธิ ดูจิตอยู่.. เห็นกิเลสโคจรมายังจิต จิตเขารู้ มันปรุงแต่งเพราะสังขารช่วยปรุง จิตเขาไม่กระโดดเข้าไปผสม เพื่อ คิด-ปรุงแต่งร่วมกับกิเลสนั้นบนจิตขณะนั้นๆ..จิต เขาจะดู-รู้แต่เฉย..รู้แต่เฉย..ไม่ถูกต้มอีกต่อไป
(หากตามดูความคิด-กิเลส-ความคิดจะถูกลาก-ร่วมปรุงแต่งจนเลยเถิดทันที)
เพราะจิตเขามีกำลัง จึงหยุดดู..แต่ไม่เข้าร่วมจึงไม่ถูกสังขาร กิเลส-ความคิด -เจตสิก ที่โคจรเข้ามาที่จิตดึง..ดึง..เข้าไปร่วมพิจราณาด้วย..สติมากหน่อย จะเห็น เกิด-ดับ ชัดเจน..เกิด-ดับ-เกิด-ดับ..
:'(.."เข้าใจสภาวะ..นี้รึยัง ถึงมาคุยเลยเถิดไปถึง..อริยะสมบัติ"

 

555555++++++++++++++++++++ไม่เอาน่าสนทนาแ้ก้เกี้ยวกันครับ

 

ท่านสับสนผมไปไกลสังขารทั้งหลายดับไปแล้ว เข้ากระแสไปแล้ว!

 

ปู่เล่าให้ฟังบ้างสิครับ หายไปฝึกยังไงมา
ยังไงก็อนุโมทนา สาธุครับปู่ ^_^