เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    เรื่องบุญส่งผล มีแน่นอนครับ เจ้ามือรายใหญ่ที่สุดครับ คือ บุญ และ กรรม
     
  2. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ผมไปเขียนวิจารณ์ไว้ในกระทู้ ผ้ายันต์ ก็อบมาให้อ่านกันน่ะครับ

    พึ่งเห็นลายเซ็นต์ชัดๆน่ะครับ...แหะๆ ตัวอักขระ ขอมเขียนด้วยตัวอักษร ชัดเจนน่ะครับ

    ลายเซ็นต์.jpg

    Name: ลายเซ็นต์.jpg
    Views: 0
    Size: 1176 KB
    ID: 2965876

    การเขียนเขียนแบบลายเซ็นต์น่ะครับ ไม่ใช่เขียนแบบประโยคชัดๆ เลยต้องมีการเดาบ้าง

    มาดูชัดๆ ไม่ใช่อักขระ อริยกะ ที่ประดิษฐ์ในรัชกาลที่ ๔ ตอนแรกนึกว่าใช่ เห็นไกลๆ ภาวนาว่าถ้าผ้่ายันต์ลึกขนาดนั้น น่าจะมีประวัติ เพราะในยุคนั้น รัชกาลที่ ๔ ทรงมีพระปรีชาด้านภาษาแบบมากๆ ทั้งบาลี สันกฤต ลาติน อังกฤษ ทรงให้พระราชบุตร ( รัชกาลที่ ๕ เป็นต้น ) และ พระราชธิดา เรียนภาษาอย่างเข้มข้น หลายภาษาเก่งขนาดเขียนนวนิยาย และ เป็นครูเขาได้ ท่านทรงหาครูมาสอน อันนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ รัชกาลที่ ๕ ท่านทรงมีพระปรีชาด้านภาษามาก คุยและ เข้าใจวัฒนธรรมฝรั่งได้ อย่างดีเยี่ยม ไม่ใช่แค่คุยได้ แต่เขียนและ เข้าใจรากภาษา ทรง เสด็จต่างประเทศหลายครั้ง และ เป็นเหตุทำให้เราไม่ต้องเป็นเมืองขึ้นของเขา ใครอย่าคิดว่าภาษาไม่สำคัญ กินบ้าน กินเมืองกันมาแล้วน่ะครับ เรื่องภาษา และ ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง เขาบุกมายึด

    การเป็นผู้ใหญ่ แต่พูดไม่ชัด พูด เขียน อ่าน ผิดๆ ถูกๆ จะเกิดความเสียหายได้ครับ ต้องฝึกให้เก่ง

    ดูแล้วน่าจะเป็น ตัวภาษาอังกฤษที่เขียนแบบ โรมัน หรือ ลาติน ที่นิยมใช้ในยุครัชกาลที่ ๖ และ หลังต่อมา ในยุครัชกาลที่ ๗ ในยุครัชกาลที่ ๖ ท่านทรงพระราชทาน นามสกุล หรือ ชื่อ เชียนเป็น ภาษาอังกฤษ แบบโบราณ ในลักษณะแบบนี้

    เนื่องจากเป็นลายเซ็นต์ ผมอ่านไม่ออก เพราะท่าน ตวัดหางตัว T แบบเล่นหาง ทำให้ดูเหมือนมีอักษรอีกตัวอยู่ตรงกลางระหว่าง T สองตัว แต่ไม่น่าใช่ จึงเป็นการเล่นหางแบบลายเซ็นต์มากกว่า ตัวอักษรน่าจะเขียนว่า ( เนื่องจากเป็นลายเซ็นต์ ต้องเดาเอา )

    T T M หรือ ท ท ม

    ผมเดาว่าเป็นชื่อ ของ ยศ คุณหลวง คุณพระ ถ้าผู้ที่เขียนยันต์นี้เป็น ฆราวาส
    หรือเป็น พระครู หรือ อาจจะใหญ่กว่านั่นน่ะครับ ถ้าเป็นพระ ไม่น่าจะใช่คนธรรมดา จบประถม ประชาบาลแน่นอน

    และ อาจจะเก่าไปถึงยุค รัชกาล ที่ ๖ หรือ ๗ น่าครับ ถ้า่ถึงยุค รัชกาลที่ ๖ ผ้ายันต์ น่าจะอายุ แปดสิบปีขึ้น ถ้ารัชกาลที่ ๗ หรือ ๘ ก็อ่อนลงมา

    รัชกาลที่ ๖ ท่านเคยทรงมีวังที่นครปฐม มีอนุสาวรีย์ ย่าเหล ไม่ทราบจะเกี่ยวกันต้นทางผ้ายันต์ได้ไหมครับที่บอกว่ามาจากนครปฐมได้ไหมครับ แบบว่าเป็นพระแถบนครปฐมที่มีความรู้ด้านภาษาแบบนั้น

    เดาให้แคบคงยาก แต่ดูเนื้อผ้าแล้ว ความเก่า สีของเส้นดินสอ ไม่น่าจะถึง แปดสิบปี หรือ ร้อยปี ยกเว้น เก็บได้ดีมาก

    ที่น่าำทำ

    ๑) ผ้ายันต์นี้แปลก แท้แน่นอน น่าจะมีประวัติ ลึก ควรเก็บไว้บูชา ให้ดี เปลี่ยนกรอบทองให้สวยงาม ตั้งบูชาในที่ที่สมควร

    ๒) ยันต์ เรือ สำเภาทอง ดีทางค้าขาย บูชาในร้านดีๆ น่าจะรุ่งเรือง เอามาปรับฮวงจุ้ยในบ้าน ในร้านก็ได้ ตั้งไว้ในที่ที่เรียกคน จุดธุป จุดเทียน ตามที่พระคณาจารย์ท่านสั่ง จะดีครับ

    ขอวิจารณ์เพียงแค่นี้ครับ
     
  3. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    [​IMG]
    [​IMG]

    เหรียญพระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระยาเต่าเรือน (ทองเหลือง)
    หลวงตาเล็ก วัดใหม่ฯ​
     
  4. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    quote=พี เสาวภา;8505721
    ของแถมทุกรายการ และ แจกสมาชิกแฟนพันธ์แท้ บ้านเหรียญบินที่แสดงตน

    พวกซุ่มๆ ไม่ทราบว่าใคร ถึงอยากแจกก็แจกไปไม่ถึงครับ

    เหรียญนี้เป็นเหรียญรุ่นแรก ของหลวงปู่เอี่ยม วัดหน้าต่างนอก ท่านเป็นสมภารก่อน หลวงพ่อจง นานมาก ขนาดหลวงพ่อจงไม่น่าจะชาตะทัน ท่านเคยรดน้ำมนต์ให้ หลวงพ่อ ปั้น ( อาจารย์หลวงพ่อจงอีกที ) สมัยยังหนุ่มๆ ไปเรียน กทม กลับมา ( เรียนทางพระ ) หลวงพ่อปั้นท่านไปเรียนหนักไปทางวิปัสสนา กลับมา ญาติโยมนึกว่าท่านฟั่นเฟือน เลยเอาลงเรือไปหาหลวงปู่เอี่ยม ให้รดน้ำมนต์แก้ฟั่นเฟือน

    หลวงปู่เอี่ยมทำน้ำมนต์ให้ ขณะทำ ท่านมองเห็นอะไรท่านจึงเอ่ยว่า

    เอาน้ำมนต์คนบ้าไปรดคนดี

    แต่ก็ทำน้ำมนต์ต่อและรดให้

    เหรียญนี้ปลุกเสก เจ็ดวัน เจ็ดคืน พร้อมกับเหรียญเศรษฐี หลวงพ่อ แม้น โดยมีพระอาจารย์หลักๆ เช่น หลวงพ่อ เพิ่ม วัดป้อมแก้ว ( ศิษย์หลวงพ่อ จง ) หลวงพ่อ เฉลิม วัดพระญาติ ( เก่งทางชาตรี ) หลวงพ่อ รวย หลวงพ่อ พูน อีกหลายท่าน ฯลฯ

    ปลุกเสกเสร็จ ผมถวายเหรียญท่านไป ๑๕๕๔ เหรียญให้พระอาจาร์แม้นแจกฟรี ท่านเอาไปแจกงานกฐินของท่าน ผมถวายเหรียญเงิน พระอาจารย์แม้นท่าน บอกชัดเจนว่าฉันจะเอาไปเลี่ยมติดตัว ( ขนาดพระอาจารย์น่ะครับ เพราะการปลุกเสกมีการเชิญ หลวงปู่เอี่ยม หลวงพ่อจงมาด้วย) ท่านบอกว่าเป็นเหรียญรุ่นแรกของหลวงปู่เอี่ยม

    นอกจากนั้น ผมนำมาให้ หลวงพี่วัดเงินทำพิธีไป จน ถึงวันไหว้ครู ลอยกระทง และที่สำคัญ

    ผมไปขออนุญาต หลวงปู่เล็กเอาไปร่วมพิธี ที่ วิชัยยุทธ ในวันที่ ๖ พ.ย. ๕๖ เอาเหรียญให้ท่านดู ท่านอนุญาต ให้เข้าร่วมพิธี

    เหรียญที่โชว์ เป็นเหรียญที่ผมถวายให้ท่านแจกฟรี ผมเลยของแจกมา ๑ เหรียญเอาฤกษ์ เอาชัย ฝ่ายครูบาอาจารย์

    เหรียญนี้ดีมากครับ ฟรีตั้งแต่คิดทำ จนเอามาแจกครับ ขลังไม่ขลัง ท่านต้องพิสูจน์เองส่วนผมน่ะเตรียมเอาไปเลี่ยมหลังจากวันลอยกระทงครับ เพราะผมนับถือหลวงปู่เอี่ยมมาก ตอนบวช ผมไปหัดกรรมฐานต่อหน้า รูปพระนอนของท่านในวิหาร ยุคนั้น เงียบสนิท เปลี่ยววังเวง ไม่มีคนเดิน มีแต่หลวงปู่เอี่ยมให้ความเมตตาครับ

    <a href="http://s1290.photobucket.com/user/nemoh75/media/RIMG0052_zps076f3e0d.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1290.photobucket.com/albums/b525/nemoh75/RIMG0052_zps076f3e0d.jpg" border="0" alt=" photo RIMG0052_zps076f3e0d.jpg"/></a>

    <a href="http://s1290.photobucket.com/user/nemoh75/media/RIMG0053_zps0237aa13.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1290.photobucket.com/albums/b525/nemoh75/RIMG0053_zps0237aa13.jpg" border="0" alt=" photo RIMG0053_zps0237aa13.jpg"/></a>

    ข้างหลังเป็นยันต์ จินดามณี พรหมสี่หน้า ปลาตะเพียน โภคทรัพย์ ตามที่ขอพระอาจารย์แม้น และ หลวงปู่เล็กน่ะครับ

    เหรียญนี้จะดำเนินตามนโยบาย หลวงตาเล็ก หลวงปู่เล็ก ของขลังต้องฟรี.....ครับ
    [/quote]

    *********************************************

    เหรียญ หลวงปู่เอี่ยม วัดหน้าต่างนอก คุณพี เสาวภา เขียนไว้ที่ห้องประมูลเพื่อการกุศล ขออนุญาตยกมาเรียนพี่น้องที่เหรียญบิน-แพโบสถ์น้ำนี้ค่ะ
     
  5. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ขออนุญาตพี่น้องช่วยรายการนี้ ๑๐,๐๐๐ บาทน่ะครับ

    จารย์ช้างช่วยโอนด้วยครับ ใบเสร็จถ้าเอาได้ ก็เอา มาเป็นหลักฐานให้พี่น้อง
    ถ้าไม่มีใบเสร็จ ก็ช่างมัน ผมยิ่งดูข่าว ใจอด หดหู่ ไม่ได้ น้ำตาจะพาลไหลตามเขา

    อีกหน่อย ปล้น ฆ่า กัน แย่งชิงอหาร และ ปัจจัยสี่ คอยดูน่ะครับ เพราะยากที่จะกู้กลับเขามาในเร็ววัน และ ชาวฟิลิบปินน์ มีชนหลายเผ่าครับ กระจายไปตามเกาะ

    พื้นที่ที่เป็นเกาะ ปกครองยากมาก ตำรวจ ทหารเข้าไป ปราบยากครับ สมัยสงครามโลก ญี่ปุ่นไปยึดครอง เป็นพันธมิตรกับ ชาวเกาะ เผ่า โมโร พอ อเมริกันบุก ปราบปรามยากมาก เป็นการเอาเข้าประจำการ ของ ปืน .45 ACP ให้เข้าประจำการ เพราะก่อนห้านั้น ทหารอเมริกัน ใช้ จุด สามแปดใน ภูมิภาคนั้น นึกว่ายิงคนตัวเล็กจะเอาอยู่

    อันนี้เป็นอาวุธสั้นประจำกายของนายทหารและ ผบ หมู่ น่ะครับ พวก พลทหารมีปืนเล็กยาว ปืนกลมือ หรือ ปืนกลหนักและ เบาอยู่แล้ว

    แต่อเมริกัน มาเจอญี่ปุ่นและ ชาวเกาะ โมโร ผู้กล้าหาญ ยิงจนหมดโม่ ยังไม่ตายครับ ปืนจุดสามแปดทะลุ เกราะไม้ไผ่ได้ แต่ไม่สามารถ หยุดยั้งได้ครับ

    มีอยู่รายเป็นนักโทษ หนี ทหารอเมริกัน ยิงเข้ากลางลำตัว สามนัด ถูก ปอดทุกนัด แต่ ไม่สามารถหยุดได้ คนถูกยิงยังวิ่งเข้ามาทำร้ายคนยิงได้ครับ

    อเมริกัน จึงเอา ปืน โค้ลท์ 1911 เข้าประจำการ ปืนนี้สร้างชื่อเสียงให่ทหารอเมริกัน เป็น man stopper ยิงโดน คือ อยู่ ถูกแขนแขนหัก ถูกขา ขาหัก ถูกลำตัวคือ หงาย

    ปืนโค้ทล์ นั้ออกแบบ โดย นาย จอห์น บราวนิ่ง ซึ่งคงตกนรก ตาม ผู้การ โค้ทล์ ผู้ประดิฐ ปืน โค้ทล์ .๔๕ ในยุค คาวบอย เพราะปืน ทั้ง โค้ทล์ . 45 และ ปืน โค้ลท์ 1911 .45 ACP ได้ฆ่าคนไปเป็นจำนวนมาก ทั้งสองสงครามโลก และ อีกทั่วโลก คงเกินหลักล้านคนครับ

    แต่ปืนนี้ยืนยง แม้หมดลิขสิทธิ์ไปแล้ว คนก็ก็อบเอามาทำขายเพียบ อายุ อาวุธชนิดนี้ เกิน ๑๐๐ ปี อยู่มาด้วยคุณภาพ ทางด้านวิศวกรรมจริๆงครับ

    ทหารไทยน่าจะ ก็อบเอามาประจำการบ้าง ดีกว่าไปซื้อเขาอย่างเดียวครับ
     
  6. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    หลวงพ่อพระราชพรหมยานเทศน์เรื่องอานิสงส์ของทาน

    การให้ทานนี้อย่าลืมนะว่า ถ้าใจยังไม่หนักแน่นพอ คนที่เรายังไม่ชอบใจอย่าเพิ่งให้ ให้แต่คนที่เรารักหรือคนที่เราไม่เกลียด ต่อไปถ้ากำลังใจสูงขึ้น จิตสบายมีอุเบกขาดี มีเมตตาบารมีสูง ก็ให้ไม่เลือก ให้เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ คือกิเลสของเรา กำลังใจในการให้ทานน่ะเป็นจาคานุสสติ ก่อนที่จะคิดให้เป็นจาคานุสสติ อันนี้อนุสสติอย่างใดอย่างหนึ่งถ้ามีประจำใจแล้วมันก็ตกนรกไม่ได้

    จะยกตัวอย่างมันก็ยาวเกินไป จะขอพูดถึงอานิสงส์การให้ทาน ที่สมเด็จพระพิชิตมารทรงตรัสว่า สมัยพระพุทธกัสสปท่านเทศน์อยางนี้ ท่านบอกว่า

    บุคคลใดให้ทานด้วยตนเอง แต่ไม่ชักชวนคนอื่น ตายจากชาตินี้ไปแล้วไปเกิดใหม่ จะมีทรัพย์สมบัติมาก จะเป็นคนร่ำรวย เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี แต่ว่าขาดเพื่อน ขาดคนเป็นที่รัก มันก็โดดเดี่ยวแย่เหมือนกัน

    บุคคลใดดีแต่ชักชวนบุคคลอื่น แต่ว่าตนเองไม่ให้ทาน ท่านบอกว่า ตายจากชาตินี้ไปแล้วไปเกิดชาติใหม่ มีพรรคพวกมากแต่ยากจน

    บุคคลใดให้ทานด้วยตนเอง แล้วก็ชักชวนบุคคลอื่นด้วย ตายจากชาตินี้ไปเกิดใหม่จะเป็นคนร่ำรวยมากด้วย แล้วก็จะมีเพื่อนมีบริวารมีมิตรสหายมาก นี่เรียกว่ามีความสุข

    บุคคลใดไม่ให้ทานด้วยตนเอง ไม่ชักชวนบุคคลอื่นด้วย ตายจากชาตินี้ไปเกิดใหม่ จะไม่มีทรัพย์สมบัติ เป็นคนยากจนเข็ญใจ เป็นยาจกขอทาน แล้วขอก็ไม่ค่อยจะได้ ไม่มีใครเขาอยากจะให้ มีแต่คนรังเกียจ

    การให้ทานที่ก่อนจะนิพพานน่ะ เราจะต้องมีความสุขในทรัพย์สมบัติก่อน จะไปคิดว่าการให้ทานเป็นการกำจัดโลภะความโลภ หรือมีผลอันน้อยแค่กามาวจรอันนี้ไม่ถูก ถ้าเราจะไปนิพพาน ถ้าเราลำบากมันไปยาก ใจไม่สบาย จะเล่านิทานสักเรื่องหนึ่งเอาไหม มันจะชักช้าก็ช้า จะจบเมื่อไรก็ช่าง ก็เล่าสู่กันฟัง

    ในสมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีพระชนม์อยู่ มีคนหนึ่งเขามาเกิด แต่คนคนนี้น่ะในชาติก่อน ๆ เวลาบำเพ็ญบารมี ตัดทานบารมีออกจากใจ แต่ความจริงเขาก็ไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของใคร เขามีจาคานุสสติกรรมฐานเป็นปกติ ได้จาคานุสสติกรรมฐาน ตัวนี้เขาไม่ได้ให้ แต่จิตเขาละความโลภ คือละความอยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่นที่ใครไม่ให้เขาโดยชอบธรรมน่ะ เขาไม่เอา เขาไม่อยากได้ แต่ว่าเขาไม่ให้ทาน ที่ว่า “ทานัง สัคคโส ปาณัง” ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “ทานเป็นบันไดให้ไปเกิดบนสวรรค์” เขาบอกว่ามันต่ำไป เอาบุญที่เป็นปรมัตถบารมีดีกว่า คือ

    1. มีศีลบริสุทธิ์

    2. สมาธิตั้งมั่นก็ระงับนิวรณ์

    3. มีปัญญาแจ่มใสเพื่อตัดกิเลส

    ก็เป็นการบังเอิญว่า ชาตินั้นเขายังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า ก็ต้องตายจากความเป็นคน ไปเกิดเป็นเทวดา ก็สงสัยอาจจะเป็นเทวดาคนจนก็ได้ ทิพยสมบัติอาจจะสู้ชาวบ้านเขาไม่ได้ ทีนี้ก็กลับมาเกิดใหม่ มาเกิดเป็นลูกหญิงแพศยา เป็นโสเภณี โสเภณีเวลานั้นถือว่าเป็นตระกูล เป็นอาชีพ ๆ หนึ่ง สังคมหรือสมาคมหนึ่ง แต่ว่าโสเภณีน่ะเขาต้องการเฉพาะลูกผู้หญิง เขาไม่เหยียดหยามเหมือนสมัยนี้ว่า โสเภณีเลว ไม่ใช่อย่างนั้น เขาถือว่าโสเภณีก็เป็นตระกูลหนึ่งที่มีศักดิ์ศรี พอออกมาเป็นลูกผู้ชายเขาไม่ต้องการ เขาก็เลยไปหมกป่าไว้ ทิ้งปล่อยให้ตาย ก็สืบตระกูลเป็นโสเภณีไม่ได้

    เวลานั้นโสเภณีผู้ชายยังไม่มี ถ้าบังเอิญมีโสเภณีผู้ชายอย่างสมัยนี้ บางประเทศก็จะหากินคล่องเหมือนกัน เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของบุคคลแต่ละคน ก็รวมความว่าเขาเกิดมาไม่มีความสุข ถูกปล่อยแต่เขาก็ไม่ตาย เขาไม่ตายเพราะอะไร เพราะว่ามีบุญรักษา เขาจะเป็นอรหันต์ในชาตินี้ เขาถูกหมกอยู่อย่างนั้นไม่ตาย ถูกแวดล้อมไปด้วยสัตว์รักษาไว้ จนกระทั่งเป็นหนุ่ม เดินไปเดินมา เดินเที่ยวไปก็ไม่มีอะไรกิน แต่บุญรักษาเติบโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องกินอาหาร

    ต่อมาวันหนึ่งเดินเข้าไปชายป่า เห็นคนเขาเอาอะไรมาฝังไว้ เป็นลูกเขาออกเอารกมาฝัง ก็แอบดู พอเขาไปแล้วก็ย่องเข้าไปขุด เห็นรกเด็กเลยนำรกมากิน ในชีวิตเขาได้กินเท่านั้นอย่างเดียว นี่การขาดทานบารมี หลังจากนั้นก็เดินไปเดินมา เห็นพระท่านมีความสุขเลยขอบวช พระอุปัชฌาย์ก็ให้บวช

    ในเมื่อบวชแล้ว เวลาบิณฑบาตรตอนเช้า พระใหม่ก็ต้องเดินข้างหลังตามระเบียบ เพราะเดินตามอาวุโส ชาวบ้านใส่บาตรจากหน้า พอจะถึงองค์หลังข้าวหมดพอดี นี่อานิสงส์ของการไม่ให้ทาน ท่านก็เดือดร้อนไม่ได้กินข้าว อุปัชฌาย์ต้องแบ่งให้ ถึงอุปัชฌาย์จะแบ่งให้ หาเองไม่ได้ ใจก็ไม่สบาย

    วันที่สอง ท่านอุปัชฌาย์บอกว่า “วานนี้เขาใส่หน้าไม่ถึงหลัง วันนี้คุณเดินข้างหน้า ทุกคนใส่จะต้องถึงคุณ” แต่ความจริงพระอุปัชฌาย์เป็นพระอรหันต์ อย่างต่ำก็ต้องเป็นวิชชาสามหรืออภิญญาหกแน่ เพราะรู้เรื่องในใจดี รู้กฎของกรรมดี ท่านต้องการพิสูจน์ผลว่าคนไม่ให้ทานนั้นมันมีผลเป็นอย่างไร

    วันที่สอง ชาวบ้านบอกว่า “วานนี้เราใส่หน้าไม่ถึงหลัง วันนี้รวมกันใส่จากหลังมาหาหน้า” พอจะถึงองค์หน้าข้าวหมดพอดี แต่ความจริงเขาตั้งใจจะให้ถึง แต่กฎของกรรมมันบันดาลให้ตักข้าวหมด

    วันที่สาม พระอุปัชฌาย์บอกว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณยืนกลางเขาจะใส่ทางไหนมันพอทั้งนั้น” เป็นอันว่าท่านยืนกลาง

    วันที่สาม ชาวบ้านบอกว่า “วันต้นใส่หน้าไม่ถึงหลัง วันที่สองใส่หลังไม่ถึงหน้า วันนี้เราแบ่งเป็นสองพวก ใส่จากข้างหน้ามาหนึ่งพวก ใส่จากข้างหลังมาหนึ่งพวก” เขาก็ทำตามนั้น ปรากฎว่าทั้งสองพวกพอจะถึงองค์กลางข้าวหมดพอดี

    วันที่สี่ พระอุปัชฌาย์บอกว่า “ยืนรองฉัน มันใส่แบบไหนถึงทั้งนั้น” ในวันต่อมา เขาใส่บาตรพระตามระเบียบ ใส่บาตรที่ 1 เขาไม่เห็นบาตรที่ 2 ไปใส่บาตรที่ 3 พอวันต่อมาพระอุปัชฌาย์บอกว่า “คุณยืนรองฉัน” ท่านเอามือจับบาตรไว้ เขาจึงเห็นบาตรของท่าน

    นี่การให้ทานถ้าบารมีไม่เต็มจริง ๆ ถ้าไปโดนเข้าแบบนี้ เราจะถูกความหิวทรมานขนาดไหน แต่นั่นบังเอิญเป็นบารมีของท่านเต็มจะได้เป็นพระอรหันต์ ยังต้องถูกทรมานจิตใจแบบนั้น เห็นโทษเห็นทุกข์แห่งการเกิด พระอุปัชฌาย์แนะนำไม่นานนักท่านก็เป็นพระอรหันต์ เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วชาวบ้านก็เห็นบาตร เพราะเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว

    นี่การให้ทานน่ะมีความสำคัญอย่างนี้นะ จงอย่าคิดว่าเราต้องการเฉพาะพระนิพพาน เราไม่ให้ทาน เราเอาเฉพาะศีลภาวนา อันนี้ไม่ได้ ท้องไม่อิ่มนี่มันภาวนาไม่ไหว มันจะตายเอา ดีไม่ดีมันเป็นโจร

    การให้ทานของบรรดาท่านพุทธบริษัท เราจะต้องให้ ถ้าบุญบารมีของเรายังไม่เต็มเพียงใด เราก็เอาละ เราจะต้องใช้ต้องกิน แต่ถ้าบุญบารมีเต็ม เราก็จะมีความอุดมสมบูรณ์ อย่างตัวอย่างท่านพระสิวลี

    ท่านพระสิวลีนี้ ชาติหนึ่งเป็นชาวป่า วันนั้นเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสมัมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระพุทธกัสสป เทศน์บอกว่า

    คนใดให้ทานด้วยตนเอง เมื่อตายไปชาติหน้า จะมีโภคสมบัติมากแต่ไม่มีบริวารสมบัติ (ตามที่เล่ามาแล้ว)
    บุคคลใดชักชวนบุคคลอื่น แต่ไม่ให้ทานเอง จะมีพวกมากแต่ว่ายากจน
    ให้ทานเองด้วย ชวนบุคคลอื่นด้วย เกิดไปชาติหน้าเป็นคนรวยด้วย มีพวกมากด้วย
    แล้วก็ ไม่ให้ทานด้วยตนเองด้วย ไม่ชักชวนชาวบ้านด้วย เกิดเป็นคนยากจนไม่มีคนคบหาสมาคม ขอทานก็ยาก

    ชาวบ้านจึงตั้งใจถวายทานกันอย่างหนัก มีทุกอย่าง แต่มันขาดน้ำผึ้งสด หาเท่าไรก็ไม่ได้ ตั้งคนไว้ที่ประตูเมือง 4 ประตู ให้เงินไว้ 1,000 กหาปณะ (เท่ากับ 4,000 บาทสมัยนี้) บอกว่า “ถ้าใครเอาน้ำผึ้งสดมา นำรวงผึ้งสดมาจะซื้อ จาก 1 กหาปณะ ไปจนถึง 1,000 กหาปณะ”

    พอดีท่านสิวลีเป็นชาวป่า ท่านจะมาหาเพื่อนในเมือง ไม่มีอะไรติดมือมาก็เลยเอาผึ้งมารวมงหนึ่ง พอพวกนั้นเห็นเข้าก็ขอซื้อตั้งแต่ 1 กหาปณะ ถึง 1,000 กหาปณะ

    ท่านบอกว่า “ฉันจะเอาไปให้เพื่อน” ก็สงสัยว่า ผึ้งรวงนี้จริง ๆ ราคาไม่ถึง 1 กหาปณะ แต่เจ้าคนนี้ให้มาก ๆ คงจะสติไม่ดีหรืออาจจะมีเหตุใดเหตุหนึ่งเกิดขึ้น มีความจำเป็น จึงถามว่า

    “ทำไมพวกท่นสติไม่ดีรึ ไอ้ผึ้งรวงหนึ่งราคาตั้ง 1,000 กหาปณะ ใครเขาซื้อขายกัน ราคามันไม่ถึง 1 กหาปณะ”

    เขาก็บอกว่า “พวกเราจะทำบุญ แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีหมด มันขาดอยู่น้ำผึ้งสดอย่างเดียว เราต้องการมีทุกอย่าง”

    ท่านก็บอกว่า “ถ้าซื้อไม่ขาย แต่จะเอาไปให้เพื่อน แต่ว่าท่านจะให้ฉันร่วมบุญด้วย ฉันให้”

    ท่านสิวลีก็ให้เป็นการปิดรายการครบถ้วนพอดี เขาขาดอย่างนั้น ท่านปิดพอดี มันก็ปิดให้เต็ม

    หลังจากชาตินั้นมาแล้ว ท่านมาพบองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว เกิดในชาตินี้มาเกิดในชาติหลังนี่เขาบอกว่า ท่านพระสิวลีนี่ไม่เคยมีโรคเลย โรคภัยไข้เจ็บไม่เคยมี เป็นพระที่มีลาภจริง ๆ จะไปไหนก็ตาม คนก็ดี เทวดาก็ดี ปรารภพระสิวลี ถ้าพระสิวลีไปด้วย ไม่มีคำว่าอด จะมีความอุดมสมบูรณ์ แม้แต่เดินเข้าไปในป่าที่ไม่มีบ้าน

    ในสมัยที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารจะเข้าไปเยี่ยมพระเรวัติในป่าสะแก ที่ว่าเป็นน้องพระสารีบุตร อายุ 7 ปี เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เวลาเดินเข้าไป ตอนจะไปเจอะถึงทางสองแพร่ง พระพุทธเจ้าจึงได้ถามพระอานนท์ว่า “อานนท์ ทางไปหาพระ
    เรวัตไปทางไหน” ความจริงท่านทราบ พระอานนท์บอกว่า “ถ้าไปทางอ้อมทางนี้เดินทาง 60 โยชน์ มีบ้านบิณฑบาตรตลอด ทางนี้เป็นทางตรง เดินไป 30 โยชน์ ไม่มีบ้านใส่บาตร”

    สมเด็จพระบรมโลกนาถจึงตรัสถามว่า “สิวลีมาหรือเปล่า” แต่ความจริงท่านก็รู้ว่ามา แต่ต้องการจะประกาศความดี

    พระอานนท์ก็กราบทูลว่า “มาพระพุทธเจ้าข้า”

    พอพระพุทธเจ้าตัดสินใจว่าจะไปทางตรงบรรดารุกขเทวดาและอากาศเทวดาทั้งหลาย ต่างคนต่างปรารภว่าเวลานี้หลวงพ่อสิวลีของเรามา ความจริงพระโมคคัลลาน์พระสารีบุตรก็ไป พระพุทธเจ้าเสด็จด้วย แต่เทวดาไม่ได้ปรารภถึงเลย ปรารภเฉพาะท่านพระสิวลี จึงเนรมิตเรือนแก้ว กุฏิเป็นที่พัก วัดเป็นที่พัก สำหรับพระ 500 รูป เป็นเรือนแก้วไว้แต่ละโยชน์ ๆ 1 โยชน์มี 1 วัด สร้าง 30 วัด เป็น 30 โยชน์

    เมื่อพระพุทธเจ้าไปถึงวัดต่าง ๆ เขาก็แสดงตนเป็นคนธรรมดา พระพุทธเจ้าท่านรู้ นิมนต์พักวัดท่านก็พัก ตอนเช้าท่านนำอาหารการบริโภคเนรมิตจากจิตใจของเทวดา ไม่ต้องหุง ถวายพระอิ่มหนำสำราญ แต่การที่เขาถวายน่ะเขาปรารภพระสิวลีว่า “เราจะนำอาหารไปถวายหลวงพ่อสิวลีของเรา” เป็นอย่างนี้จนกระทั่งถึงสำนักของพระเรวัต

    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณร และญาติโยมพุทธบริษัท ท่านพระสิวลีให้ทานด้วยรวงผึ้งรังเดียวปิดรายการแต่ชาติหลัง ท่านมีความอุดมสมบูรณ์ คนที่มีความอุดมสมบูรณ์จะปฏิบัติธรรมมันก็ดี ทำอะไรก็ดีทุกอย่าง มีการคล่องตัว รวมความว่า มีความปรารถนาสมหวัง แม้แต่จิตใจคนบางประเภทก็ซื้อได้ แต่บางประเภทเราก็ซื้อใจเขาไม่ได้นะเงินน่ะ แต่บางประเภทเวลานี้ฟุ่มเฟือยมาก การซื้อก็ซื้อด้วยเงินสะดวก อันนี้มีประโยชน์มาก ฉะนั้น ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทหรือเพื่อนภิกษุสามเณร จงสนใจในการให้ทานให้มาก เพราะว่าการให้ทานนี่ไม่ใช่จะหวังเฉพาะการร่ำรวยอย่างเดียว การให้ทานเป็นปัจจัยของความสุข ทั้งโลกนี้และโลกหน้า

    การให้ทานนี่ขอพูดถึงอานิสงส์ของการให้ทานสักนิดหนึ่ง คืออานิสงส์ของทานในชาติปัจจุบัน เราจะเห็นได้ชัด ๆ จริง ๆ นั่นก็คือว่า ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของบุคคลผู้รับ คือว่าคนผู้ให้มีโอกาสชื่นใจว่า เราได้ให้ทาน แต่ว่าบางคนน่ะ บางพวก จอมอกตัญญูไม่รู้คุณคนนี่เยอะเหมือนกันนะ อย่าลืมว่าผมโดนมาแล้ว โดนมาตลอดชีวิต ให้แล้วมันก็กัด แต่ผมก็ไม่ได้ผูกใจเจ็บ ผมถือว่าเป็นความชั่วของเขา ผมไม่ยอมชั่วด้วย ไอ้ผมนั้นก็เลวอยู่แล้ว ถ้าจะไปโกรธเขาเข้ามันจะเลวมากขึ้น มันจะแบกไม่ไหว เอาแค่ความเลวที่มีอยู่ มันก็เดินตุปัดตุเป๋ไปแล้ว เวลานี้ผมเดินตุปัดตุเป๋ไม่ตรงทาง หนักความชั่ว ความชั่วมีเยอะมหาศาล แต่ว่าพวกนั้นเขากลั่นเขาแกล้ง เขากินอิ่มเข้าไปแล้วเขาคิดจะฆ่าผม คิดจะไล่ผม เขาชุมนุมกันเยอะแยะ เวลาที่พูดอยู่นี่ก็ยังมีร้องเรียนไปที่ไหน ๆ ไปลงหนังสือพิมพ์ด่าบ้าง ฟ้องไปทุกระดับ จนกระทั่งสำนักนายก เขาหาว่าคนของผมโหดร้าย แต่ผมไม่เคยแตะต้องอะไรเขาเลย แต่พวกนี้เป็นอย่างไร ได้ประโยชน์มากเลย คิดว่าถ้าผมไปเสียแล้วเขาจะได้ประโยชน์จากผม หมายความว่าคนจะมาหาเขา เขาจะร่ำรวยเขานึกว่าผมรวย ก่อสร้างต่างๆ
    นา ๆ ญาติโยมท่านให้สร้าง ญาติโยมท่านให้เก็บ แต่จริง ๆ การก่อสร้างนี่เหน็ดเหนื่อยหนักใจหนักกาย แต่เพื่อความดีของญาติโยม ผมไม่เหนื่อย ไม่หนัก ผมปลื้มใจ เพราะญาติโยมทำความดี ทุกคนเขาจะพ้นทุกข์กัน ฉะนั้น เราจะกักให้เขาอยู่ในแดนความทุกข์ยังไง ต้องสนองสนับสนุนตามที่พระพุทธเจ้าสนับสนุนแบบไหน เราทำกันแบบนั้น

    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทุกท่าน ต้องจำไว้ว่า การให้ทานน่ะมันก็มีการสะดุดแบบนี้ แต่เราจงอย่าคิด คิดอย่างเดียวว่าจิตใจของเราเป็นสุข สุขเพราะการเกื้อกูลแก่เพื่อน ในเมื่อเราให้เขา ถ้ามีคนรัก ไอ้คนรักเรามาก ๆ ก็มี ไม่ใช่เลว คนเลวมันน้อยกว่าคนดี ให้ทานแก่บุคคลที่รู้คุณคนนี่มี แต่เราอย่าไปคิด คิดอย่างเดียวให้ทานเพื่อเป็นการสงเคราะห์ เรามีน้อยเราให้น้อย เรามีมากเราให้มาก ให้พอควรอย่าให้เกินพอดี อย่าให้เบียดเบียนตนเอง อย่าให้ถึงกับตัวมีทุกข์ ผลแห่งการให้ทานจริง ๆ มันก็มีประโยชน์ใหญ่ ไปที่ไหนมีแต่คนรู้จัก ความจริงเราไม่รู้จัก จำเขาไม่ได้หรอก จำเขาไม่ได้จริง ๆ อย่างพวกท่านก็เคยไปกับผม ไปถึงญาติโยมก็มาหากัน ไปถึงก็หลวงพ่อ หลวงปู่ หลวงน้า ผมมองหน้าผมจำไม่ได้ แต่ว่าท่านมาด้วยความดี ผมปลื้มใจ ผมก็ดีใจ บางคราวท่านมากันมากในที่บางแห่ง จนกระทั่งผมฉันข้าวไม่ได้ ฉันข้าวไม่ได้ไม่ใช่ญาติโยมจะมากวนใจผมหรอก ผมปลื้มใจในความดีของญาติโยม

    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลาย การให้ทานน่ะ ชาติปัจจุบันเราก็มีความสุขมาก ทั้งนี้เพราะอะไร มีคนเขาสนใจเรามาก ประคับประคองเรามาก ป้องกันอันตรายให้ แต่อันตรายถ้ามันจะเกิดจากกฎของกรรม ก็อย่าไปโทษว่าทานไม่ช่วยนะ คิดไว้เสมอว่า กรรมที่เราทำไว้ในชาติก่อนมันตามมาเล่นงานเรายังไงก็ช่างมัน ชาตินี้ทำหนีมันไปให้ได้ อันดับแรกเอาทานบารมีเข้าชนกับมันก่อน เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้เราพอมีความสุข คนที่เขาดีมีความกตัญญูรู้คุณ เขาก็ให้การประคบประหงมเรา ให้ความสนิทสนมกับเรา เป็นที่รักของเรา เราก็ชื่นใจในความสุข เว้นไว้แต่คนจังไรที่มีความอกตัญญูไม่รู้คุณ เขามีความทุกข์ปล่อยให้เขาทุกข์ไปฝ่ายเดียว เราอย่าทุกข์กับเขา ถ้ากำลังใจของเราอย่างนี้ก็ถือว่าเป็นทานที่มีกำลังยิ่งใหญ่ ชาตินี้มีความสุข ชาติหน้าจะยิ่งสุขยิ่งไปกว่านี้ ถ้าบังเอิญบารมีของเรายังไม่ถึงที่สุดในชาตินี้ ก็อาจจะไปตกในชาติหน้าอย่างท่านเมณฑกเศรษฐี กับคณะก็ได้




    (คัดลอกมาจากหนังสือธัมมวิโมกข์ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ฉบับที่ 52 เรื่องบารมี 10)

    (จากหนังสือรวมคำสอนพระสุปฏิปันโน เล่ม 1)
     
  7. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    [​IMG]

    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง ค่ะ​
     
  8. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    [​IMG]

    เหรียญเศรษฐีใหม่ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน




    คุณพี เสาวภา : สร้างถวายฯ
     
  9. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    [​IMG]

    มากราบสมเ็ด็จองค์ปฐม เอาฤกษ์ เอาชัย กราบ กราบ กราบ
     
  10. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    RIMG0072.JPG

    ครูวิมส่งพระมาให้หลายสิบองค์ ไม่มีข้อมูลอะไรมาน่ะครับ ผมแจกฟรีอย่างเดียว
     
  11. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    ช่วยเก็บเอาไว้สัก 10 องค์ รับปากกับเจ้าของพลอยเมืองจันทรบุรี คุณธนัย โพธิมณี ว่าจะเก็บเอาไว้ให้เป็นที่ระลึก ทุกวัด ทุกแห่งที่ได้นำำพลอยไปถวาย และนำมาสร้างเป็นพระ หรือท่านอาจารย์วิม จะช่วยเป็นธุระ จัดส่งไปให้โดยตรง ก็จักเป็นพระคุณอย่างสูง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2013
  12. อาณัติ

    อาณัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2006
    โพสต์:
    6,078
    ค่าพลัง:
    +22,263
    ในภาวะเร่งด่วน ฉุกเฉิน

    โมทนาบุญร่วมกันครับ
     
  13. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ให้หมดเลยครับ เอาไปแจกเอาเองครับ เอาไปทำบุญตามวัดก็ดีครับ
     
  14. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    [​IMG]

    งานนี้ คณะบ้านเหรียญบิน-แพโบสถ์น้ำ ได้ร่วมทำบุญทาสีองค์พระ จำนวน 1,000 บาท โมทนา สาธุการ ร่วมกัน
     
  15. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ
     
  16. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    ขอโมทนาสาธุครับ ชาวฟิลิปปินส์โดนหนักหนาเหลือเกินครับ
     
  17. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    เล่าต่อจะเล่า เรื่องฟิลิบปินน์ดันไปเรื่องปืน

    ฟิลิบปินน์ มี เกาะถึง ๗๐๐๐ กว่าเกาะน่ะครับ ในบางเกาะ บางเขต รัฐบาลกลางเอื้อมไปไม่ถึงครับ มีพวกมุสลิมอยู่

    ลักษณะเดียวกับ อินโดนิเซียที่แยกประเทศ ออกไป อินโดนีเซียมีเกาะมากกว่าฟิลิบปินน์ ประมาณ ๑ เท่าน่ะครับ คือ ประมาณ เกือบ ๑๔,๐๐๐ เกาะ

    การที่เป็นเกาะ ทำให้ปกครองยาก จะช่วยก็ยาก เพราะอยู่กันกระจัดกระจาย มีหลายเผ่า ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม คุยกันไม่รู้เรื่องครับ แม้จะ เป็นประเทศ เดียวกัน แบบอินโดนีเซีย ที่ตรึงไว้ด้วยกันได้ คือ ศาสนา ส่วนใหญ่ คือ ถือ คาทอลิก น่ะครับ และ เป็นคาทอลิค ที่เคร่งครัดซ่ะด้วยครับ นอกนั้นคือ นิกาย โปรเทสแต้นท์ พุทธ ฮินดู มุสลิม และ นับถือผี ครับ

    เมื่อส่วนใหญ๋เป็นคาทอลิค เลยพอคุยกันรู้เรื่อง แต่ก็มี สงครามภายใน มาตลอด กับชาวเผ่าอื่นต่างศาสนา และ มุสลิม ครับ

    พวกผู้ร้าย มุสลิม ตัวเอ้ ๆ ก็เชื่อว่าหลบอยู่ตามหมู่เกาะ ใน อินโดนีเซียและ ฟิลิบปินน์นี่เองครับ ตามจับยาก ตามไปเห็น ง่าย หนีง่าย ดีๆไม่ดี คนตามไปจับ ตายซ่ะเอง หาศพไม่เจอครับ

    โอกาศ การ จลาจล แย่งชิงอาหาร ยา น้ำดื่ม น้ำมัน มีความเป็นไปได้สูง เพราะรัฐบาลยื่นมือเข้าไปไม่ถึงครับ

    น่ากลัวมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2013
  18. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    [​IMG]

    คณะบ้านเหรียญบิน -แพโบสถ์น้ำ ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสร้างบันได ขึ้นนมัสการ รอยพระพุทธบาทบนยอดเขา
    ณ. วัดลำจังหัน(วัดป่ารัตนเจดีย์) บ.ลำจังหัน ต.สามแยก อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ โมทนา สาธุการ ร่วมกัน
     
  19. กราวใน

    กราวใน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +6,266
    ครับพี่พี ส่งฝากเผื่อพี่ช้างและพี่พี แจก เมื่อครั้งนั้นพี่ช้างบอกว่าส่งมาที่พี่พีได้เลย พลอยยังไม่หมดนะครับ ยังเหลืออีกส่วนหนึ่งแต่ช่วงนี้ติดแข่งดนตรีไทยยาว เลยไม่ได้พาลูกศิษย์กดพระน่ะครับ เดี่ยวว่างเว้นจากการซ้อมการแข่ง ผมก็จะกดพระกันต่อให้หมดพลอยแล้วส่งให้พี่พี พี่ช้างแจก ชุดนี้ หลวงพ่อสมบูรณ์ วัดหงษ์รัตนาราม และ หลวงพี่ วัดเงิน เมตตาอธิฐานปลุกเสกให้ครับ เปรียบเทียบระหว่าง ชุดที่ไม่ได้ฝังพลอย กับชุดฝังพลอย หลวงพี่ วัดเงิน ท่านบอกทันทีเมื่อหยิบถุงที่ฝังพลอยว่า อันนี้ขึ้นองค์พระแล้วนี่ ไปเสกที่ไหนมา ... คิดว่าเพราะพลอยที่ฝังด้วยครับ โมทนาสาธุ ครับ
     
  20. กราวใน

    กราวใน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +6,266
    ได้ครับ พี่ช้าง ขอที่อยู่ทาง pm ก็ได้ครับ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...