เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 30 มิถุนายน 2010.

  1. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    รออ่านอยู่ค่ะ ติดตามๆๆ:cool:
     
  2. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ต้องขออภัยสำหรับ นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอน ท่านมหาเทวีฯ เพราะหลังจากเขียนไปได้ 1 ตอน รู้สึกว่า กะทิเธอเขียนเร่งเร้าเกินไป จนทำให้รู้สึกว่า การจัดความเรียงในการเขียน น่าจะทำได้ดีกว่านี้


    สาเหตุเพราะช่วงนี้ งานที่ทำอยู่ งานเข้า เยอะ ทั้งมือทั้งสมอง ไม่สามารถ


    ดังนี้ก็เลยคิดว่า จะนำ นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอน เทพลิขิต นำมาเล่าไว้ก่อน ซึ่งจะเป็นการเสริมความเข้าใจให้กับผู้อ่าน ในเรื่องของการแบ่งกายทิพย์ของ ท่านมหาเทวีฯ และเหล่าบรรดาท่าน เทพ มาร และอสูร ได้พอสมควร


    ซึ่งหากนำนิทาน ตอน เทพลิขิต เรื่องนี้ขึ้นก่อน และต่อด้วย ท่านมหาเทวีฯ อาจจะดีกว่าก็ได้ ในความคิดของกะทิเธอ


    และเพราะ นิทาน ตอน เทพลิขิต ส่วนหนึ่ง กะทิเธอได้เขียนเรียบเรียงได้ค่อนข้างดีแล้วในระดับหนึ่ง จึงขออนุญาตนำมาเสนอก่อนละกันนะคะ และเดี๋ยวกะทิจะมาต่อ โจทย์ 2 ข้อ ที่คงค้างเอาไว้ในบัญชีกระทู้ให้สิ้นสุด อย่างแน่นอนค่ะ


    จบเหตุผล ขึ้นนิทาน


    ------------------------------------------------------------------------------



    นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอน เทพลิขิต


    นิทานตอนที่แล้ว กะทิเธอได้เกริ่นๆ ถึงเรื่องเทพลิขิตไปบ้างแล้วในกระทู้ก่อนหน้านี้นะคะ

    เทพนี้ลิขิตนี้คือท่านผู้ใดกันหนอ ตามความเข้าใจจากนิทานที่หมอสุวิเคยเล่าให้พวกเราเหล่ากรุ๊ปแก็งค์ของหมอฟังเมื่อปลายปี 2557 ที่ผ่านมา มีเนื้อหาประมาณนี้นะคะ


    เมื่อเริ่มแรกที่มีการสร้างโลกนั้น มีเหตุและผลอย่างแน่นอน เนื่องจากเพราะในมิติอื่นๆ นั้น การแสดงออกต่างๆ เช่น รัก โลภ โกรธ หลง ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ไม่สามารถมองออกได้อย่างเด่นชัด ทำให้การพัฒนาทางจิตไปสู่การหลุดพ้นยังห่างไกล จึงได้มีการคิดให้มีการสร้างสนามประลอง เพื่อให้เห็นอารมณ์ของสรรพสิ่งได้โดยง่าย


    เหล่าเทพจึงได้มีมติให้สร้างโลกขึ้นมาเป็นเวทีการแสดง ทั้งนี้มีผู้ที่ต้องการจะลงสนามแห่งโลกนี้ด้วย อันได้แก่ พวกเหล่ามาร และอสูร ซึ่งเหล่าเทพทั้งหลายก็อนุญาต


    และวิธีที่จะทำให้โลกแห่งนี้เป็นสนามที่จะมองเห็นการพัฒนาทางจิตของเหล่าสรรพสิ่งได้โดยง่าย ก็จำเป็นต้องมี "กายเนื้อ" หรือก็คือมีเลือดเนื้อ (หรือศัพท์เฉพาะทาง ก็คือ "ง้วนดิน" มีความหมายเดียวกัน) ซึ่งเป็นธาตุหนักมาถ่วงตนไว้นั่นเอง (อันได้แก่อาหารจากดิน น้ำและการสังเคราะห์จากแสงแดด หรือก็คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ และอากาศธาตุ) เกิดเป็นอาหารการกิน ต้นข้าว ต้นไม้ ผลไม้ ให้มนุษย์ วัว หมู ปลา ได้กินเป็นอาหาร หรือก็คือกินธาตุจากดิน ประมาณนี้นะคะ



    และวิธีที่จะดูว่าสรรพสิ่งต่างมีวิธีหาทางออกให้แก่ตนในการพัฒนาจิตให้หลุดพ้นจากความ รัก โลภ โกรธ หลง อยากได้ อยากมี อยากเป็น ได้อย่างไร?


    ก็จำเป็นต้องมีลิขิต เปรียบไปก็เหมือนกับการสร้างเหตุการณ์ต่างๆ ให้สรรพสิ่งที่ต้องการลงมาเล่นละครบนเวทีโลก ให้ได้ตัดสินใจ


    ซึ่งเปรียบไปก็เหมือนกับ "ชั้นเรียน" คือ หากพบเจอเหตุการณ์ สถานการณ์นั้น แล้วตอบคำถามถูก สามารถปรับตัวได้ถูกต้อง ก็เท่ากับสอบ

    หากคุณนั้นสอบผ่าน เหตุการณ์เหล่านั้นคุณจะไม่เจออีก หรือหากได้พบเจออีก คุณก็จะผ่านมันไปได้โดยไม่ลำบาก(แต่ส่วนใหญ่มักได้รับการเจาะเจอเหตุการณ์ทดลองใจซ้ำ ในลักษณะที่มีเหตุการณ์คล้าๆ กัน เพื่อทดสอบความใจแข็ง ตัวอย่างอาทิ ความกำหนัดในกาม ความฉ้อฉล(ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น (จากการเอาของผู้อื่นมาเป็นของต้น อาทิ การเลื่อยขาเก้าอี้ การดูแคลน ทับถมผู้อ่อนแอกว่า อันเป็นกลไกของสัตว์โลก ในการที่เราจะมีชีวิตรอด (ตัวที่แข็งแรงที่สุด จึงจะอยู่ได้ ซึ่งเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เป็นสเปิร์มตัวพ่อแล้ว เป็นต้น))

    หากผู้ใดถูกทดลองใจด้วยเหตการณ์คล้ายๆ กันซ้ำๆ แต่ก็ยังคงหนักแน่นในการกระทำที่ถูกต้อง(ตามสัจจะ "ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย" ) จนสามารถตัดสินใจในเวลาอันรวดเร็วด้วยการยืนยันจุดเดิม ยกตัวอย่างเช่น จ่ายเงินค่ารถประจำทางทุกครั้ง แม้ว่าคนเก็บตัวจะมองไม่เห็นเรา ก็เรียกให้มาเก็บตังค์ โดยไม่อายคนอื่นว่าเห็นเราเรียกเสียงดังไปทั้งรถ ทำจุดเดิมยืนยันซ้ำๆ จนเป็นนิสัยที่เจ้าตัวคิดว่าเป็นเรื่องปรกติไปเลย


    แต่เหตุการณ์บางอย่างสำหรับบางคนมีมุมมองที่ชิลชิล ในขณะที่ในมุมมองของบางคน กลับเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เช่น สตาง๕ืหนึ่งบาทของเขามีค่ามากเกินกว่าจะขึ้นรถประจำทาง ดังนั้นหากคนเก็บตังค์มองไม่เห็นเขา เขาก็ถือว่าโชคดี มีสตางค์ไปทำอย่างอื่นที่จำเป็นกว่า ทั้งๆ ที่การกระทำเช่นนี้ ผิดศีลข้อลักขโมย ลักทรัพย์ จากกระเป๋ารถเมล์ ไม่ซื่อสัตย์กับตนเอง และผู้อื่น เป็นต้น


    ดังนั้น หากว่าคุณตอบคำถามนั้นผิด (ตัดสินใจต่อเหตุการณ์นั้นผิด ดังยกตัวอย่างความไม่ซื่อสัตย์) เมื่อพบเจอกับเหตุการณ์นั้น คุณไม่อาจทนต่อสิ่งเย้ายวน ล่อตาล่อใจได้ และคุณตัดสินใจที่จะยื้อแย่ง รับมันไว้ ด้วยการกระทำต่างๆ นานา เป็นต้น (เอาตังค์ของกระเป๋ารถเมล์มาเป็นของตนด้วยการไม่จ่ายเงินค่าโดยสาย)



    เหล่านี้คุณก็จะสอบไม่ผ่าน ผลก็คือ คุณก็จะต้องเวียนว่าย พบเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันนั้นใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าคุณจะทำใจเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงตนเอง และข้ามมหาสมุทร แห่งห้วงมหานพไปได้นั่นเอง (หากยังทำไม่ได้ในชาตินี้ ก็ต้องมาเกิดใหม่ และพบเจอเหตุการณ์เดิม หรือไม่ก็มีกรรมมาตัดรอน เบียดเบียนคุณ ด้วยการมีดหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น จนเป็นเหตุให้ทรัพย์ของคุณไปเป็นของผู้อื่น)



    ไม่เพียงแต่การกระทำที่เกิดขึ้นทางกาย และทางใจ อารมณ์และความรู้สึกก็ด้วยค่ะ เช่น คุณเป็นคนที่เจอปัญหาอะไร และมักจะเก็บเอามาซึมเศร้า อารมณ์เหล่านี้ คุณไม่หาทางทำจิตให้รู้จักปล่อยวาง เช่นนี้ จิตของคุณก็ยังคงติดอยู่กับสิ่งเหล่านี้


    และเมื่อเกิดใหม่ นิสัยเหล่านี้คุณไม่ได้พัฒนามัน มันก็จะติดข้ามมายังอีกภพชาติ เพื่อให้คุณสอบมันให้ผ่านให้ได้


    สรุปหรือก็คือ ไม่ต้องพูดถึงนิสัยทา "กาย" อาทิ ขี้ขโมย อยากได้ของของคนอื่น อันเป็นพฤติกรรมภายนอก ที่ตาของเราสามารถมองเห็นได้หรอกค่ะ แม้แต่เพียงอารมณ์ภายในจิต "ใจ" ดังกล่าวนี้ ก็เป็นข้อสอบที่เหล่า เทพ มาร และอสูร หรือรวมท่านสามคนรวมกันเรียนกว่า ท่านกรรรมลิขิต ได้วางไว้ให้กับตัวละครทุกสรรพสิ่งบนโลกนะคะ




    /ยังมีต่อนะคะ ตอนต่อจะเข้าถึงท่านเทพลิขิตค่ะ



    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจาก การเขียนข้อความให้ความรู้ ในการช่วยให้บุคคลผู้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นี้ทั้งหลาย ได้มีความรู้เพิ่มเติมเสริมตัว หรือมีพัฒนาการในการฝึกปฏิบัติสมาธิกับองค์สังฆราชราชา ซูเปอร์บาบา มีสมาธิ วิริยะในการฝึกสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ในพระพุทธศาสนา และบุญฤทธิ์ ที่ดีขึ้นไม่ว่าด้วยประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้สรรเสริญและบูชาแด่องค์พระปฐมในพระพุทธศาสนา แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าในพระพุทธศาสนา พระอริยะเจ้าและพระธรรมในพระพุทธศาสนาทุกๆ พระองค์ในทุกๆ จักรวาล และขอบุญที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ จงเป็นพลังบุญส่งเสริมให้ข้าพเจ้ามีชีวิตที่อยู่เย็นเป็นสุขในชีวิต อันประกอบด้วย กายธาตุ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด มโนธาตุ กายทิพย์ และดวงวิญญาณ และขอบุญนี้จงเป็นกุศลผลบุญคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนจากมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งปวงที่คิดและทำสิ่งใดที่ไม่ประสงค์ดีกับข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าพ้นภัยจากสิ่งเหล่านี้ตลอดสิ้นกาลนานเทอญ ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2015
  3. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอน เทพลิขิต (ตอนต่อ)

    เนื่องจากท่าน กรรมลิขิตนั้นประกอบด้วย 3 ท่าน อันได้แก่ เทพ มาร และอสูร (และในคราวต่อมา ได้รวมร่างสามคนในร่างเดียว ) ทำให้โจทย์ในการผ่านข้อสอบนั้นมักจะยากค่ะ


    เพราะแม้จะเป็นคำตอบให้เลือก ก. ข. ค. แต่ทว่า คำตอบที่ถูกต้องนั้นมีเพียงคำตอบเดียว แต่คำตอบที่ผิดมีถึง 2 ข้อ ก็คือๆ กันกับข้อสอบในห้องสอบที่เราเคยเรียนมาในห้องเรียนกว่า 20 ปี ของชีวิตวัยเรียนของเรานั่นเอง


    ดังนี้โจทย์ในการก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งชีวิตจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสาหัสและน่าเบื่อหน่ายในการใช้ชีวิตมิใช่น้อย เหตุเพราะในทุกๆ คำถาม ไม่ว่าจะตอบถูกหรือผิดก็ตามที่ อาจต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อ น้ำตา เลือด เนื้อ ทรัพย์สิน คนรัก หรือแม้แต่แลกมาด้วยชีวิตของคุณเอง ชิมิคะ? (เช่น แม่ที่ต้องบริจากตับให้ลูก (ชีวิตแลกชีวิต) เป็นต้น) จึงไม่มีอะไรได้มาโดยง่ายเลยในเวทีแห่งการแสดงนี้



    แต่คุณไม่ต้องเสียใจไปค่ะ เพราะหากเหล่าเทพ มาร และอสูร ต้องการเลื่อนระดับตำแหน่ง ฐานะของตนเอง แล้วล่ะก็ ต่างก็ต้องลงมาเล่นละครบนเวทีนี้นะคะ (ก็เป็นผู้ร่วมกันสร้าง ร่วมลงมติให้มีการสร้างโลก ก็ต้องรับผิดชอบผลัดกันมาละลายพฤติกรรมให้เห็นถนัดตากันล่ะค่ะ) และหรือไม่ก็ส่งตัวแทนลงมา หรือก็คือกายทิพย์ของเหล่าท่านนั่นเอง


    ซึ่งก็อย่างที่กะทิเคยเล่าให้ฟังแล้วนะคะว่า แม้เหล่าท่านจะแบ่งกายทิพย์ นำสิ่งไม่ดีมาใส่ไว้ กายทิพย์เหล่านี้จะมีชีวิต มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของคนเอง หากกายพิทย์ทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม ก็จะได้รับผลกันเป็นทอดๆ ไปจนถึงต้นตอกันเลยละคะ ไม่ใช่จะเลี่ยงได้นะคะ


    ดังนี้คำว่าเทวดาตกสวรรค์ จึงไม่ใช่เป็นคำแต่ชื่อละครที่เคยฉายในทีวี แต่เป็นจริงได้ที่แม้แต่เทวดาก็ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อพัฒนาจิตยกระดับตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ แม้แต่มาร และอสูร(วงศ์ยักษ์) ซึ่งกะทิเธอเคยเล่ากล่าวไว้แล้วนะคะว่า ก็เหมือนวงศ์มนุษย์ คือประกอบด้วยมนุษย์ที่ดี และไม่ดีแตกต่างกันไป ต่างก็ลงมาพัฒนาตนและละลายพฤติกรรมบนเวทีโลกด้วยกันทั้งสิ้น


    และจุดสูงสุดของการหลุดพ้นจากการพัฒนาตนสูงสุด ก็อย่างที่ท่านเหล่าพุทธศานิกชนทราบดี ก็คือการหลุดจากวงล้อแห่งการเวียนว่ายตายเกิดเป็นวงกลมนี้ ให้เหวี่ยงหลุดออกไปให้ได้ มาอยู่ในที่อีกที่หนึ่ง นั่นก็คือสถานที่ที่เรียกว่า นิพาน ไม่มีเกิด ดับ อีกต่อไปนั่นเองค่ะ


    /ยังมีต่อค่ะ

    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจาก การเขียนข้อความให้ความรู้ ในการช่วยให้บุคคลผู้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นี้ทั้งหลาย ได้มีความรู้เพิ่มเติมเสริมตัว หรือมีพัฒนาการในการฝึกปฏิบัติสมาธิกับองค์สังฆราชราชา ซูเปอร์บาบา มีสมาธิ วิริยะในการฝึกสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ในพระพุทธศาสนา และบุญฤทธิ์ ที่ดีขึ้นไม่ว่าด้วยประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้สรรเสริญและบูชาแด่องค์พระปฐมในพระพุทธศาสนา แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าในพระพุทธศาสนา พระอริยะเจ้าและพระธรรมในพระพุทธศาสนาทุกๆ พระองค์ในทุกๆ จักรวาล และขอบุญที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ จงเป็นพลังบุญส่งเสริมให้ข้าพเจ้ามีชีวิตที่อยู่เย็นเป็นสุขในชีวิต อันประกอบด้วย กายธาตุ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด มโนธาตุ กายทิพย์ และดวงวิญญาณ และขอบุญนี้จงเป็นกุศลผลบุญคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนจากมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งปวงที่คิดและทำสิ่งใดที่ไม่ประสงค์ดีกับข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าพ้นภัยจากสิ่งเหล่านี้ตลอดสิ้นกาลนานเทอญ ฯลฯ
     
  4. preuk

    preuk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +50
    ตามอ่านทันแล้ว ขอบคุณเรื่องราวดีๆมีแง่คิดจากทุกท่านครับ
     
  5. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอน เทพลิขิต (ตอนต่อ)


    กะทิเธอเขียนเอง ก็รู้สึกลำบากใจเองนะคะ เพราะว่าตนเองก็ตกอยู่ในวงล้อแห่งกรรม(กรรมประกอบด้วย 3 อย่าง กรรมดี/กรรมกลางๆ /กรรมชั่ว) เหมือนๆ กันกับทุกท่าน เพียงแต่ว่ากะทิเธอพอจะรู้ว่ามีแบคอัพที่ดีอยู่หลายท่านหนุนอยู่

    แต่ทว่า ท่านก็ได้แต่เพียงหนุน เพราะผู้ที่จะผจญ และว่ายข้ามบททดสอบเหล่านั้นก็มีเพียงตัวเรา ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น

    ดังนี้กะทิเธอจึงอยากให้กำลังในท่านผู้ท่านทุกท่าน ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้มาจากตระกูลไหน ใน 3 ตระกูลนี้ ก็ขอให้ท่านประสบความสำเร็จในการข้ามมหาสมุทรแห่งห้วงมหรรนพนี้ไปให้ได้นะคะ Fighting+++ ค่ะ


    เพราะสวรรค์เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจค่ะ การเชิญพระพุทธเจ้ามายังโลกของเหล่าเทวดาจึงได้มีความสำคัญเช่นนี้ เพื่อเป็นตัวอย่าง หรือเป็นกำลังใจให้กับเหล่า เทพ มาร และอสูร ในรุ่นต่อๆ ไป ที่ต้องการยกระดับในการพัฒนาจิตของตนเอง ให้หลุดพ้น


    แม้แต่มารและอสูรก็มีการพัฒนาทางจิต ซึ่งหมอสุวิได้เคยเล่าไว้ให้กะทิฟังว่า ตระกูลวงศ์อสูรนั้น มีที่ยกระดับจิตเป็นพระชั้นสูงก็มีอยู่มากมาย และคุณๆ ทั้งหลายก็ได้กราบไหว้อยู่ เพียงแต่ไม่ทราบว่าท่านเป็นวงศ์เดิมตั้งต้นจากวงศ์ไหนอะนะคะ ทั้งนี้หมอยังเคยแยกแยะให้กะทิเธอฟังด้วยว่า เฉพาะแค่วงศ์อสูรวงศ์เดียว หมอสุวิก็ได้เล่ากล่าวถึงการแยกชั้นไว้มากมายเวลาคุยกันกับกะทิ จนน่าเวียนหัวหนะคะ

    แต่ท่านก็พยายามจะบอกกะทิง่ายๆ ให้เธอได้เข้าใจนะคะ กะทิขอยกมาให้ผู้อ่านทราบด้วยละกันค่ะ ดังนี้ค่ะ

    วงค์อสูรที่หมอสุวิพบเจอในโลกมนุษย์ และจักรวาลรอบๆนี่มีทั้งหมด ประมาณ ๗-๘ ตระกูลนะ

    ๑. พวกอสูรกลายพันธ์(ยักษ์)
    ๒. อสูร ๒
    ๓. อสูร ๓
    ๔. อสูรจักรพรรดิ์ (ชื่อตามสถานะ)
    ๕. อสูรวังหลวง (ชื่อสถานที่พบ)
    ๖. อสูร K1 (ชื่อตามสถานะ)
    ๗. อสูรวัดหอย (ชื่อสถานที่พบ)
    ๘. อสูรหน้าพระเมรุ (ชื่อสถานที่พบ)


    โดยหน้าตานั้น หน้าตาก็คล้ายๆ กัน เหมือน จีน ไทย อินเดีย บุโรป อเมริกา ฯลฯ บางตนก็มีเขี้ยวโง้ง นั่นแหละ


    (กะทิเธอก็มียักษ์ศรีอยู่ในดวงลูกแก้วของเธออยู่ 1 ตนนะคะ (ลูกแก้วของกะทิเธอมีหลายลูกค่ะ โดยลูกแก้วลูกที่ว่านี้ หมอสุวิได้ส่งมอบมาให้ทางมิติหนะค่ะ) เธอตัวอวบ นุ่งแดงทั้งชุด ผมหยิกเป็นลอน และมีเขี้ยวโง้งขาวยาวสวยค่ะ เธอชอบยิ้มน่ารัก ยิ้มไม่เห็นดวงตา (ตาของเธอเป็นเพรชเปลี่ยนสีได้ เป็นสีแดงบ้าง เป็นสีขาวบ้างในบางเวลา) ให้กับกะทินะคะ และมีนิสัยไฮเปอร์คล้ายกะทิด้วยค่ะ)



    /ยังมีต่อค่ะ


    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจาก การเขียนข้อความให้ความรู้ ในการช่วยให้บุคคลผู้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นี้ทั้งหลาย ได้มีความรู้เพิ่มเติมเสริมตัว หรือมีพัฒนาการในการฝึกปฏิบัติสมาธิกับองค์สังฆราชราชา ซูเปอร์บาบา มีสมาธิ วิริยะในการฝึกสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ในพระพุทธศาสนา และบุญฤทธิ์ ที่ดีขึ้นไม่ว่าด้วยประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้สรรเสริญและบูชาแด่องค์พระปฐมในพระพุทธศาสนา แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าในพระพุทธศาสนา พระอริยะเจ้าและพระธรรมในพระพุทธศาสนาทุกๆ พระองค์ในทุกๆ จักรวาล และขอบุญที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ จงเป็นพลังบุญส่งเสริมให้ข้าพเจ้ามีชีวิตที่อยู่เย็นเป็นสุขในชีวิต อันประกอบด้วย กายธาตุ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด มโนธาตุ กายทิพย์ และดวงวิญญาณ และขอบุญนี้จงเป็นกุศลผลบุญคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนจากมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งปวงที่คิดและทำสิ่งใดที่ไม่ประสงค์ดีกับข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าพ้นภัยจากสิ่งเหล่านี้ตลอดสิ้นกาลนานเทอญ ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2015
  6. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    เมื่อเช้า เจออาหารเช้า มื้อ พิเศษ สุดยอด

    มีคุณสมบัติ ป้องกันโรค ติดเชื้อได้ หลายชนิด ฯลฯ


    เช้าวันนี้ ก็กินอาหารที่บ้าน ตามปกติ
    แม่ครัว เค้า ก็ ทำอาหารเตรียมไว้ให้ มี ฝัดผัก อย่างหนึ่งละ หมูทอด
    แกงจึด สาหร่ายใส่ หมูสับ ก็ ของโปรดอีก

    พอลงมือกิน ฝัดฝักเพื่อสุขภาพ ตามด้วย หมูทอด กับข้าวร้อนๆ
    พอใกล้จะอิ่ม ก็ ซด น้ำแกง อีกหน่อย
    สาหร่ายหมูสับ พอ เข้าปาก เคี้ยว กุบกรอบ เหนียวนุ่ม กำลังดี

    ใจ ก็ คิด อะไร ขึ้นมา แว๊บ หนึ่ง.....................

    เฮ้ย...... มัน สาหร่าย ปลอม หรือเปล่าา........ วะ

    รีบคาย ออกจากปาก แทบ ไม่ทัน

    ว่าแล้ว ก็ ตักสาหร่าย ในชาม เอามาใส่ในน้ำ แล้ว ใช้มือ คลี่ออกดู

    ได้การ ละ

    ลองดู ภาพ ประกอบ กัน นะ ครับ


    [​IMG]
    ภาพนี้ เป็นสาหร่ายปลอม สภาพ เดิมๆ ก่อน ปรุงเป็นอาหาร

    [​IMG]
    ภาพ นี้ เป็นสาหร่ายปลอม หลังจาก นำไปทอดน้ำมันแล้ว


    [​IMG]

    สาหร่ายปลอม เมื่อนำไปแช่น้ำ แล้ว


    [​IMG]

    สาหร่ายปลอม หลังจากแช่น้ำ แล้ว นำมาคลี่ออก เป็นแผ่น ได้ ดู คุ้น ๆ .....

    สาหร่ายปลอม นี้ เค้าทำให้ ดี กว่าของแท้ เสียอีก
    คือ
    เนื้อหนา ทำอาหาร แม้นนำไปต้ม ก็ ไม่ เปรี่อยยุ่ย เนียว กุบกรอบ อร่อย น่ากินมาก
    อร่อยกว่า ของจริง เสียอีก

    แม้น นำไป ทอดน้ำมัน ก็ กรอบ อร่อย หอม น่ากิน ด้วยแหละ

    อะไร อะไร ก็ ดู เหมือน จะดี แต่ พอ ตรวจสอบดู ว่า มัน ทำจากอะไร นะ....

    พอ ส่องกล้องขยาย ดู ...... อาหาร เช้า ที่ เพิ่งจะกิน ไป ได้ นิดหน่อย แทบจะออกมา หมด

    สาหร่ายปลอม นี้ เค้าทำมา จาก ถุงยางอนามัย ครับ ผม

    ................ เฮอ.................. มัน ช่างทำ กัน ได้ นะ


    ระวัง กันหน่อย นะครับ เวลา ซื้ออาหาร แม้น ซื้อมา ทำกินเอง ที่บ้าน ก็ ตาม

    จะไปโทษ แม่บ้าน ก็ ไม่ได้ เค้า ก็ คงไม่รู้ เหมือนกัน

    ยังดี ที่ ผม ตื่นเช้า กิน อาหารเช้า ก่อนคนอื่น ไม่งั้น คงได้ กิน ถุงยางอนามัย เป็นอาหารเช้า กัน ทั้งบ้าน แล้ว ละมั้ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    เหมือนสาหร่ายจริงๆ มากเลยค่ะ

    ถ้าคนไม่เคยกินสาหร่ายจริงๆ หรือนานๆ กินที อาจแยกไม่ออก

    สงสัยว่าตัวเองน่าจะเคยหม่ำ ไปหลายครั้งแล้วเหมือนกัน
    เพราะละลายน้ำแล้วดูเหมือนสาหร่ายจริงมากเลย

    ไม่ทราบว่ากลิ่นของสาหร่ายปลอมที่ทาน กลิ่นเป็นอย่างไรคะ
    เหมือนกลิ่นเนื้อหรือเปล่า แล้วรสชาติเป็นรสอูมามิไหม (รสแบบน้ำซุปของเนื้อหรือปลา) ?


    เหมือนจริงซะขนาดนี้ เพื่อสวัสดิภาพของตัวเองและคนรอบข้าง
    สงสัยต้องหยุดบริโภคสาหร่ายเป็นการถาวรซะแล้ววววว
     
  8. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    สาหร่ายปลอม นี่ ผม ว่า น่าจะมี มา นานเป็นสิบปี แล้ว ละมั้ง ตั้งแต่ยุค สินค้าจีนแดง ระบาดเข้ามา ก็ น่าจะมี มาแล้ว

    สาหร่ายแท้ๆ มันจะเป้นแผ่น บางๆ แบนๆ ของปลอม เนื้อหนา ฟู ดู ดี

    พอแช่น้ำแล้ว ของแท้ จะ ยุ่ย เป็นชิ้นเล็กๆ
    ของปลอม จะเป็น เส้น ยาว สวย เมื่อ นำมาคลี่ดู ก็ คลี่ออกได้ เป็นแผ่น ใหญ่ สวยงาม

    ของแท้ ได้แก่ สาหร่าย ที่เค้าเอามาทำ ซูชิ นั่นแหละ เป็นแผ่นบางๆ กรอบ หักได้ ป่นได้ ง่าย
    หรือ สาหร่าย เถ้าแก่น้อย ก็ โอเค

    เถ้าแก่น้อย เค้าขายสาหร่ายแท้ มาโดยตลอด สมควร แล้ว ที่ รวย ตั้งแต่ยัง เด็กๆ

    อาหาร ที่ เราซื้อมากิน ยังมี อีกหลายอย่าง ที่ รู้ แล้ว จะหนาว หนาวใจ ครับ

    เช่น เหยื่อไผ่ ที่ เอามาทำแกงจือ หรือ เป็นอาหาร ขึ้นโต๊ะ ในภัตตาคาร
    เป็น เหยื่อ หน้าตาเหมือนตาข่าย สีขาวๆ นำมาทำซุป หรือแกงจือ อร่อยมาก

    ขอบอก ตามจริง ว่า เจ้าเหยื่อไผ่ นี่ มีทั้งสารฟอกขาว และ ไซยาไนท์ เป็นสารอันตราย ครับ
    ที่ผ่าน อ.ย. มาได้ ก็ ไม่รู้ ว่า เค้า ทำยางไง .... ไม่กล้า พูด.....55
     
  9. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    "หร่ายแท้ๆ มันจะเป้นแผ่น บางๆ แบนๆ ของปลอม เนื้อหนา ฟู ดู ดี

    พอแช่น้ำแล้ว ของแท้ จะ ยุ่ย เป็นชิ้นเล็กๆ
    ของปลอม จะเป็น เส้น ยาว สวย เมื่อ นำมาคลี่ดู ก็ คลี่ออกได้ เป็นแผ่น ใหญ่ สวยงาม"



    เอิ๊กกกก.....ถ้างั้น ที่ผ่านมาก็หม่ำแกงจืดสาหร่ายถุงยางมาตลอดนะซิ T T
    อย. บ้านนี้เมืองนี้ มีไม่มีก็เหมือนกัน
    เอาไว้ปลอบใจชาวบ้าน ว่าบ้านเราก็มี อย. เหมือนบ้านอื่นเมืองอื่นเค้า
     
  10. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,664
    ผมยังมีของจริงอีกถุง ของแท้ขนานเดิม ใช้ทำซูชิ
    มิน่าคนสมัยนี้ร่างกายแย่ และก็เป็นโรตต่างๆอีก กินแต่พวกเคมี....
     
  11. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    สาหร่ายปลอม



    เรื่องสาหร่ายปลอม นี่ แค่เป็นตัวอย่าง ที่ คนอย่างเราๆ คิดไม่ถึง
    หรือคิดว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้นได้ยินได้ฟังมาบ้าง พอนานวัน ก็ผ่านไป ไม่ได้ใส่ใจ

    ผมเอง ก็ เคยได้ยินมา ตั้งนานแล้ว เคยมีข่าวออกมาว่า สาหร่ายปลอม ทำจากถุงพลาสติก มาเป็นปี ปี แล้ว
    ได้ยิน ก็ เฉยๆ

    จนได้มาพบ กับตัวเอง นี่แหละ ทีนี้ รู้ ชัดๆ ว่า มันไม่ได้ทำจากถุงพลาสติก หรือ ถุง ก๊อบแก๊บ อย่างที่ เค้าว่ากัน

    " มันทำจาก ถุงยางอนามัย "

    ที่เอาไว้ ใส่ป้องกัน การตั้งครรภ์ หรือ ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    เอามากิน นี่ มันผิดวัตถุประสงค์....

    .........................................

    ทำให้ นึกถึง สมัยเรียนยูเรอัส ระดับสาม
    ที่อาจารย์ เคยสอนให้ ตรวจอาหาร ก่อนกิน
    ทำการ ล้างสารพิษ เสียก่อน


    งวดนี้ นึกออก เห็นชัด ว่า อาจารย์ ท่านสอนไว้ทำไม...

    ทำให้ ผม ไม่ต้องกิน ถุงยางอนามัย เป็นอาหารเช้า........55

     
  12. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    มีข้อสงสัยนิดหน่อยเกี่ยวกับสาหร่ายถุงยางอนามัย

    คือผลิตจากพลาสติกชนิดเดียวกับที่ใช้ทำถุงยาง หรือใช้ถุงยางอนามัยเก่ามาผลิตเป็นสาหร่ายปลอม

    ถ้าเป็นแบบที่สอง

    แล้วคุณดาวทะเลทรายรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสาหร่ายปลอมที่ผลิตจากถุงยางอนามัย
    ไม่ได้ผลิตจากพลาสติกอย่างอื่น

    คือเคยได้ยินว่า มีการนำพลาสติกมาผลิตสาหร่ายปลอม
    ก็เข้าใจว่า เป็นพลาสติกจากขยะอย่างอื่นก็ได้
     
  13. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เมื่อไหร่คุณหมอสุวิ จะมาเล่านิทานต่อคะ
    หรือติดภารกิจใหญ่หลวง รอ ร้อ รอ
     
  14. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    ติดราชการ สงครามจ้า
    เทพ อสูร มาร เขายังรบกันไม่เลิกเลย
    ตอนนี้ เขามาชวนมนุษย์ ไปร่วมรบด้วย

    งงนะเนี่ย ตรูไปเกี่ยวกะเขาตอนไหนหว่า
     
  15. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอน เทพลิขิต (จบ)


    ขอย้อนกลับเข้าเรื่องนะคะ ดังนี้เรื่องของกำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งเหล่าเทพต่างๆ จึงได้ส่งตัวแทนของผู้ส่งสารจากสวรรค์มายังทุกมุมโลกเป็นระยะๆ ตลอดเวลา ในรูปของตัวแทน


    หรือแม้แต่ในรูปของพลังงาน แสง และเสียง


    (หลายๆ คนในประเทศไทยมีสิ่งนี้ และในประเทศอื่นก็มีคนแบบนี้อยู่ทุกมุมโลกที่รู้เรื่องเช่นนี้ และสัมผัสเรื่องราวเหล่านี้ได้เช่นกัน และได้รับหน้าที่แตกต่างกันไป ไม่ต่างกับยอดมนุษย์แปลงร่างเลย)

    ดังที่ท่านผู้อ่านทราบนะคะ

    และมีการบันทึก หรือบอกกล่าวปากต่อปาก และมีการนำมาตีความถูกบ้าง ผิดบ้าง โดยเฉพาะในบันทึกคัมภีร์เก่าๆ นั่นเอง


    ขอกะทิเป็นหนึ่งกำลังใจของผู้อ่านทุกคน(ที่ทั้งรู้ตัว และไม่รู้ตัวว่าคนเองสืบหนหลังจากต้นฉบับ (กายทิพย์) มาแต่หน ตำบลใดใน 3 กลุ่มนี้ ) และขอให้ทุกท่านก็โปรดเป็นกำลังใจให้กับกะทิเธอด้วยนะคะ “พระเจ้าสถิตย์กับท่านค่ะ”


    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจาก การเขียนข้อความให้ความรู้ ในการช่วยให้บุคคลผู้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นี้ทั้งหลาย ได้มีความรู้เพิ่มเติมเสริมตัว หรือมีพัฒนาการในการฝึกปฏิบัติสมาธิกับองค์สังฆราชราชา ซูเปอร์บาบา มีสมาธิ วิริยะในการฝึกสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ในพระพุทธศาสนา และบุญฤทธิ์ ที่ดีขึ้นไม่ว่าด้วยประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้สรรเสริญและบูชาแด่องค์พระปฐมในพระพุทธศาสนา แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าในพระพุทธศาสนา พระอริยะเจ้าและพระธรรมในพระพุทธศาสนาทุกๆ พระองค์ในทุกๆ จักรวาล และขอบุญที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ จงเป็นพลังบุญส่งเสริมให้ข้าพเจ้ามีชีวิตที่อยู่เย็นเป็นสุขในชีวิต อันประกอบด้วย กายธาตุ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด มโนธาตุ กายทิพย์ และดวงวิญญาณ และขอบุญนี้จงเป็นกุศลผลบุญคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนจากมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งปวงที่คิดและทำสิ่งใดที่ไม่ประสงค์ดีกับข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าพ้นภัยจากสิ่งเหล่านี้ตลอดสิ้นกาลนานเทอญ ฯลฯ
     
  16. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    อ้อ...จำได้แล้ว
    เมื่อหลายๆปีก่อน ตอนนั้นยังละอ่อนอยู่
    ฝึกหัดรักษาคนบ้าง รักษาพวกจิตวิญญานบ้าง

    วันนั้น กำลังนอนเพลินๆเชียว ได้ยินเสียงอะไรหว่า หล่นตุ้บลงมาจากฟ้า เสียงหนักแน่นเชียว ของคงใหญ่น่าดู
    อีกเดียวก็ได้ยินเหมืนคนตีกันนะ เหมือนๆนักเรียนตีกัน มีโห่ร้อง
    อีกสักพัก ก็มีคนหามกันมาทุลักทุเลพอควร เลือดอาบเลย(แต่เอ เลือดสีไม่แดงแฮะ มันออกขาวๆนะ

    หามกันผ่านหน้าไป มีคนหนึ่งหันมาถามเราว่า แถวนี้มีหมอไหม เห็นเขาเล่าลือกันว่า แถวนี้มีหมอเก่งอยู่คนหนึ่ง
    เราก็ว่า ไม่รู้ซิ แต่ชั้นก็เป็นหมอนะ มีครุฑคุ้มหัวด้วย
    เขาก็เลยหยุด หันกลับมา เอาคนเจ็บมาให้ดู แล้วถามว่า รักษาได้ไหม
    เราดูอยู่ครู่หนึ่ง ใจบอกว่าหวานหมู ใช้มณีจินดา+บุญอีกนิดหน่อย ใส่ลงไปก็หายแล้ว
    ก็เลยอธิษฐาน โบกมือผ่านไอ้คนเจ็บ (มีหลายคนนะ) มันก็ลุกขึ้นแล้วบอกหายแล้ว (ง่ายดีวุ้ย)
    อ้อมีบางคน มือไม้แขนขาขาด ก็เอามณีจินดา+น้ำอมฤตของอสุทินทราหู ใส่ลงไป มือไม้แขนขาที่ขาดหายก็งอกออกมานะ หาย ทันทีเหมือนกัน

    ทีนี้พวกก็ขอบอกขอบใจเราใหญ่เลย แล้วก็ลาจากไป

    อีกหลายๆวันต่อมา ก็มีหิ้วกันร่องแร่งมาอีก มีพวกเลือดสีฟ้า เลือดสีเหลือง มาให้รักษา (เขามากันคนละวันนะ) ก็รักษาให้เขาไป ไม่คิดอะไร

    อยู่ๆเขาก็มาชวนไปเที่ยว(ก็ไปตีกันนะ)แล้วให้คอยรักษาผู้บาดเจ็บ
    แรกๆก็ไม่รู้อิโหน่อีเหน่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็ไปกะเขา
    ตอนนั้น SW2 ยังอยู่มันก็บอกให้ไปเปิดหูเปิดตา เปิดโลกทัศน์ จะได้รู้เห็นกว้างขวาง
    ก็ไปกะเขา
    ตองหลังจึงรู้ว่า เป็นเทพ มารและอสูร เขารบกัน (เทพเลือดจะออกขาว มารเลือดจะออกเหลือง ส่วนอสูรเลือดจะสีฟ้าน้ำเงิน)

    บางวันเราก็ไปกับพวกเทพ บางทีก็ไปกับมาร บางทีก็ไปกับอสูร
    ปัจจุบันนี้ ทั้งสามพวกว่า หมอไม่น่าคบ เพราะแทงกั๊ก

    แต่พอมีคนป่วยมันก็หามมาหาหมอมั่ง มาหิ้วหมอไปรักษามั่ง (ที่ต้องหิ้วไป เพราะหมอไม่ยอมไปนะ เขาเลยต้องหิ้วมั่งอุ้มมั่งเอาตัวไป)
    บางครั้งก็ถูกขู่เข็ญนะ มึงไม่รักษามืงเจ็บนะ

    ตอนหลังๆนี่่ หมอชักมีน้ำโหนะ(ก็เรียนวิชาจักรรพรรดิจบไปแล้วหลายเล่มนะ) เลยปล่อยเกี้ยมซุบใส่พวกมาร อสูรและเทพ บ้าง
    ทำเอามันอ้าปากเหวอ ไอ้นี่มันไม่เคยสู้ แต่คราวนี้มันสูนะ แล้วตีเสมอได้ซะด้วย

    เลยขู่พวกมันไปว่า หากขูเข็ญให้รักษาอีกจะไม่รักษาให้เลย
    ข้าเป็นหมอ ใครเจ็บใครป่วยล้วนรักษาให้หมดนะ
    ห้ามมาบังคับว่า พวกนี้รักษาได้ พวกนั้นห้ามรักษา

    ตอนนี้ก็เพลาๆไปแยะเลย
    และกลายเป็นสภากาชาดรับรักษาหมดทุกเผ่าพันธ์ ในสนามรบ
     
  17. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เกี๊ยมซุปนี่ จักรกับพระขรรค์หรือเปล่าคะ

    แล้วเผ่าไหนเลือดสีเขียวคะ

    น่าสงสารพวกอสูรนะคะ พอหัวหน้าไปเป็นเทพบุตร
    เลยขาดผู้นำ พวกเทพกับยักษ์เลยกำเริบกันใหญ่

    แบบนี้ืั้เค้าเรียก มันไม่สมดุล เฮ้อ

    ป.ล.นึกว่าหมอโดนอุ้มไปรับตำแหน่งแทนเทพอสุรินทร์ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2015
  18. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    พวกเกี้ยมซุบนี่ มีหลายอย่างนะ ปกติก็เป็นพวกแสงสีเสียงนะ
    ปล่อยออกไปเป็นลำแสงมั่ง เป็นฟ้าแลบฟ้าร้องฟ้าผ่ามั่ง เป็นลูกบอลแสง เป็น ฯลฯ
    ต้องไปดูในดีสโกเทคนะ จะคล้ายกันเลย
    จักรและพระขรรค์ นี่จิ้มๆชี้ๆออกไปมันก็เป็นแสงเหมือนกันนะ
    ช่างมันเถอะอย่าไปสนมากนัก ไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไร

    พวกเลือดสีเขียวนะ รักษาผ่านมือน้อยมากเลย นานๆเจอที
    ไอ้พวกนี้เป็นเชื้อชาติ ยักษ์ นะ เป็นพวกผ่าเหล่าข้ามสายพันธ์ ระหว่างเทพและอสูร
    เท่าที่หมอรู้นะ พวกนี้พ่อจะเป็นอสูร แม่จะเป็นพวกเทพ นะ ลูกเป็นยักษ์

    เอ....แถวๆนี้มีพวกเลือดเขียวแฮะ
    ใครเลือดเขียวยกมือขึ้น

    ส่วนพวกนาคนะ
    ปกตินี่นาคจะเป็นพวกที่ถูกสาป
    เทพ อสูร มารและยักษ์ที่ทำความผิด จะถูกสาปให้ลงมาเกิดเป็นนาคกัน
    เลือดของนาคนี่ ก็จะมีสีเป็นไปตามเผ่าพันธ์ดั่งเดิมของตน

    พวกอสูรหรือน่าสงสาร
    พวกนี้ รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง
    พอได้จังหวะ ก็ออกมาอัด พวกมารและเทพ
    ปกติ อสูรและยักษ์เขาพี่น้องกัน นานๆจึงจะรบกันเองสักครั้ง

    อสูรเทพราหู ก็ยังนั่งบันลังก์ ในวิมาณลอยฟ้าอยู่ ไม่ได้หนีไปไหน
    เทพราหู เป็นต้นธาตุของอสุทินทราหูจ้า
    หรือจะเรียกว่า อสุทินทราหูเป็นร่างอวตาลของ เทพราหูก็ได้นะ
     
  19. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พวกเกี้ยมซุบนี่ มีหลายอย่างนะ ปกติก็เป็นพวกแสงสีเสียงนะ
    ปล่อยออกไปเป็นลำแสงมั่ง เป็นฟ้าแลบฟ้าร้องฟ้าผ่ามั่ง เป็นลูกบอลแสง เป็น ฯลฯ
    ต้องไปดูในดีสโกเทคนะ จะคล้ายกันเลย
    จักรและพระขรรค์ นี่จิ้มๆชี้ๆออกไปมันก็เป็นแสงเหมือนกันนะ
    ช่างมันเถอะอย่าไปสนมากนัก ไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไร
    เหมือนจะเคยฝันเห็นค่ะ

    พวกเลือดสีเขียวนะ รักษาผ่านมือน้อยมากเลย นานๆเจอที
    ไอ้พวกนี้เป็นเชื้อชาติ ยักษ์ นะ เป็นพวกผ่าเหล่าข้ามสายพันธ์ ระหว่างเทพและอสูร
    เท่าที่หมอรู้นะ พวกนี้พ่อจะเป็นอสูร แม่จะเป็นพวกเทพ นะ ลูกเป็นยักษ์

    เอ....แถวๆนี้มีพวกเลือดเขียวแฮะ
    ใครเลือดเขียวยกมือขึ้น
    ใครคะหมอ ท่าจะฤทธิ์เยอะ กระซิบบอกบ้าง จะได้หลบทัน

    ส่วนพวกนาคนะ
    ปกตินี่นาคจะเป็นพวกที่ถูกสาป
    เทพ อสูร มารและยักษ์ที่ทำความผิด จะถูกสาปให้ลงมาเกิดเป็นนาคกัน
    เลือดของนาคนี่ ก็จะมีสีเป็นไปตามเผ่าพันธ์ดั่งเดิมของตน

    พวกอสูรหรือน่าสงสาร
    พวกนี้ รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง
    พอได้จังหวะ ก็ออกมาอัด พวกมารและเทพ
    ปกติ อสูรและยักษ์เขาพี่น้องกัน นานๆจึงจะรบกันเองสักครั้ง
    เค้าเรียกพวกอสูรว่าฉลาดเป็นกรด มีกลยุทธ์ ยุให้ตีกันเอง
    ใช่มั้ยคะหมอ แสดงว่าหมอเคยโดนอุบายอสูร

    อสูรเทพราหู ก็ยังนั่งบันลังก์ ในวิมาณลอยฟ้าอยู่ ไม่ได้หนีไปไหน
    เทพราหู เป็นต้นธาตุของอสุทินทราหูจ้า
    หรือจะเรียกว่า อสุทินทราหูเป็นร่างอวตาลของ เทพราหูก็ได้นะ
    มิน่าล่ะคะ แบ่งร่างสร้างบารมีให้เท่าเทพ ตอนแรกก็ยังตกใจ
    เห็นหมอบอกว่าอสูรวุ่นวายตามหาหัวหน้าเลยงงเลย
     
  20. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สงสัยอ่านกระทู้นี้มากไป เลยเก็บไปฝัน
    ฝันว่า ไปอยู่กลางอากาศ มีภูเขา หิน ประหลาดๆ เหมือนหินงอก เต็มไปหมด
    หินสีดำ แล้วก็มีพวกอสูรกำลังรบกัน ขณะกำลังหลบอยู่หลังหิน มองเค้าเหาะสู้กัน
    มีีคนมาจับมือ พอหันไป เป็นหนุ่มหล่อ ผมดำขลับ ทำปากจุ๊ๆ
    เราก็ตกใจเลยยืนขึ้น พวกอสูรเห็น (มีตัวสีม่วงอ่อน กับสีเขียว)
    ในฝัน หัวเราดันเรืองแสง (คล้ายๆ จะกลายเป็นหิงห้อยหรือกระสือ 555)
    แสงสีขาวๆนวลๆ แล้วก็มีเปลวสีเหลืองอ่อน อสูรตัวใหญ่
    สงสัยเป็นหัวหน้า ถือตะบองหนาม(ตะบองหนามฝังเพชร เลิศ)
    จับนาง แล้วพวกอสูร ก็เหาะมา ผู้ชายที่จับมือเรา เก่งมาก
    ส่งทั้ง ลูกไฟสีขาว สีเขียว สีน้ำเงิน สีส้มแดง
    แต่ส่วนมากเป็นสีขาว ยิงใส่อสูร พวกอสูรเห็นท่าไม่ดี
    ส่งสายฟ้าฟาดมา ผช คนนั้นเอาตัวบังเรา แต่ไม่ตาย มีเกราะเป็นแสงสีขาวบัง
    เค้าหันมาแล้วบอกว่า ไม่ต้องกลัวเราจะปกป้องเธอเอง
    แต่สู้ทั้งคืน ทั้งสู้ทั้งหนี พวกอสูร เลิกรบ ยกกองทัพมาตามเราสองคน
    เหนื่อย ตื่นมาเหนื่อยมาก

    เรื่องเล่าตื่นนอนตอนสายๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...