เมื่อนักปฏิบัติ มี โอปะปาติกะ มาสอนในสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิษณุ12, 6 เมษายน 2012.

  1. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    อืม..ตามเข้ามาอ่านค่ะ น่าสนใจดี แต่จริงๆเรื่องนี้มันเป็นปัจจัตตัง ผู้ปฏิบัติพึงเห็นได้เฉพาะตน หากเราปฏิบัติตามที่ครูบาอาจารย์สอนอย่างจริงจังมีอิทธิบาทสี่ เราก็จะรู้ได้ด้วยตนเองค่ะ
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อันนี้ผมเข้าใจชัดครับ....

    ไม่ว่าที่ใหนก็ตาม คนพูดมันมีเยอะ คำทำมันมีน้อยอยู่แล้วหละครับ....

    นี่เขาบอกว่าที่ครูบาอาจารย์ท่านปฏิบัติเป็นแบบโลกียะ เป็นของชาวบ้าน เป็นของง่าย .....ถ้าของง่าย ตัวเองยังทำไม่ได้ ไปพูดอะไรกับของยากครับ....มันก็ฝันลมๆแล้งๆนั่นหละ....พูดเข้ากิเลสตนหมดหละนะ.....

    พวกนี้จริงๆพูดไปได้ก็เท่านั้นหละ....ไม่มีประโยชน์นะ....
     
  3. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    ท่านทั้งหลายในกระทู้นี้ เถียงกันเพราะความไม่รู้จริง จะนำพาให้พวกท่านทั้งหลาย ได้รับอานิสงค์ปิดกั้นมรรคผลและพระนิพพานกันก็เพราะความไม่รู้จริง
    ผู้อธิบายนี้เข้าถึงซึ่งความเป็นพุทธะในใจ เข้าถึง วิมุตติ คือธรรมของพระศาสนา จะขอแก้ต่างให้กับคำสอนของพุทธสาวกทั้ง 2 ฝ่ายที่ลูกศิษย์นำมาเถียงกันดังนี้

    หากสังเกตุคำสอนของ หลวงปู่พุธ ฐานิโย ให้ดีที่กล่าวว่า
    " ถ้าหากท่านยึดอยู่ที่ครูบาอาจารย์ผู้ล่วงลับไปแล้ว
    พอจิตสงบลงเป็นสมาธิ ระหว่าง อุปจาระสมาธิ สว่างขึ้นมา
    กระแสจิตส่งออกไปข้างนอก
    จิต ยึดมั่นอยู่ในสิ่งใด
    สิ่งนั้นจะปรากฎเป็นตัวขึ้นมาให้ท่านเห็น
    จงทำความเข้าใจว่านิมิตทั้งหลายแหล่ ที่ปรากฎนั้น
    มันเป็นเพียงมโนภาพที่จิตของท่านสร้างขึ้นมาเอง "


    หลวงปู่พุธ ฐานิโย ท่านเข้าถึงธรรม ที่เรียกได้ว่า สุขวิปัสสโก ธรรมที่ได้ยกมาในกระทู้นี้ แม้ไม่สมบูรณ์ เหมือนผู้เข้าถึงปฏิสัมภิทาญาณ แต่ก็มีความถูกต้องอยู่

    ในกระทู้นี้ชัดเจนว่า หลวงปู่พุธ ฐานิโย ท่านกล่าวถึง ผู้ที่ไม่ใช่พุทธะ และ พุทธสาวก คือ พระอรหันต์ ดังนั้น จะไปนำเอาพระอรหันต์มาเปรียบเทียบกับกระทู้นี้ไม่ได้
    ทำไหมจึงกล่าวเช่นนั้น ก็เพราะคำพูดที่ว่า "กระแสจิตส่งออกไปข้างนอกจิต" ล่ะ
    คำพูดดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดว่า กระทู้นี้หมายถึงผู้ที่ส่งกระแสจิตส่งออกไปข้างนอกจิต แต่ผู้เข้าถึงพุทธะอย่างผม อย่างพุทธะสาวกหรือพระอรหันต์ทั้งหลาย ไม่ใช่ผู้ส่งกระแสจิตออกนอกจิตเลย


    ดังนั้นจะไปนำเอาการรู้เห็นของพระอรหันต์ ที่เป็นพุทธะสาวก หรือ การรู้เห็นที่เป็นพุทธะอย่างผมไปเปรียบเทียบกับกระทู้นี้ไม่ได้เช่นกัน

    ธรรมของผู้เข้าถึงพุทธะนั้น มีความละเอียด ยากต่อการที่ปุถุชนจะคาดเดาได้เลย
    แม้นำคำสอนของผู้เข้าถึงพุทธะในโลกนี้มารวมกันทั้งหมด ก็เทียบไม่ได้กับจิตของผู้เข้าถึงพุทธะ
    จิตของผู้เข้าถึงพุทธะนั้น ละเอียดกว่าคำสอนธรรมะที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด
    เพราะจิตของผู้เข้าถึงพุทธะ ก็คือ ธรรมะ ของพระพุทธศาสนา นั้นเอง
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ของเป็น โลกียะ เขาก็ต้องชี้ชัดลงไปว่าเป็นโลกียะ ไม่ใช่ เป็นโลกียะแล้ว
    พูดเลี่ยงไปให้ดูดี ดูว่าใช่ ดูว่าแน่ ดูว่าแท้ ของไม่แท้ มันก็ต้องไม่แท้

    แล้วการชี้ ก็ชี้เพื่อให้ปล่อยออก ไม่เกาะอยู่ ให้ตามเห็นความไม่เที่ยง
    เรียกว่า ดูการทรงอยู่ก็ได้ การทรงไม่ได้แปลว่าเที่ยง มันแค่ ทรงตัวอยู่
    มันผลิกไปผลิกมา

    คนที่เขาสอนถูกหนะมี

    มาดูกัน

     
  5. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    แล้วตอนนี้คุณเป็น โลกุตรแล้วเหรอ....

    ของที่คุณว่าเป็นของชาวบ้าน ของง่ายๆ ใครก็ทำได้....ตัวคุณเองยังทำไม่ได้.....ไปพูดอะไรกับโลกุตร....
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    จากคำสอนของพระเล็ก

    มาดูที่ คำถามของคุณภาณุเดช ที่ถามผมว่า ของบ้านๆ ทำได้หรือยัง!!

    สมมติว่า ไม่บ้านละ มโนยิทธิอะไรเนี่ยะ ไม่บ้านๆ แล้ว คุณภาณุเดชทำได้เป็นสามารถ

    แล้วไง

    ได้อะไรเหรอ

    พระเล็กก็คงตอบตามเนื้อความดังกล่าวว่า ได้แค่ โลกียฌาณเต็มๆ อยู่ ไม่ได้นิพพานเลย
    ไม่ใช่อริยะ ไม่ใช่โลกุตระ

    แล้วไง

    คุณ ภาณุเดช จะอมเอาไว้อีกนานแค่ไหน ไอ้ที่ปากกล้าเสียเหลือเกินว่า กูทำได้เนี่ยะ

    ได้อะไรครับ ได้โลกียฌาณเต็มๆ เนี่ยะ นะ

    แล้วจะเอาไปทำอะไร

    ถ้า ตอบผมว่า อ๋อ ได้มาแล้ว จะเอามาดู มันเสื่อมหายไปต่อหน้าต่อตา แม้ฝึกฝน
    ทุกวี่ทุกวันแค่ไหน มันก็ อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตา แสดงถึงความไม่เที่ยง
    ให้ประจักษ์

    เอ่อ แบบนี้ ก็ถือว่า เอามาหนุนให้เกิดปัญญา ก็เข้าข่าย เป็นสัมมาขึ้นมาได้กับเขาบ้าง

    แต่ถ้า อมๆ อยู่ กูได้ มึงไม่ได้ แล้ว อวดกันอยู่แค่นี้ อวดความเป็น โลกียะเต็มๆ(พระ
    เล็กฯ) ก็เชิญอมใส่ปากแล้วพ่นใส่ชาวบ้านเขาต่อไป

    เป็นผม ผมเชื่อที่พระท่านสอนดีกว่า แล้ว คอยจังหวะพิจารณา ความไม่เที่ยง

    เห็นปั๊ป หนุนปัญญา

    เห็นปั๊ป หนุนปัญญา

    เห็นปั๊ป หนุนปัญญา

    ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะแจ้ง ยอมรับในสิ่งที่เห็น มันก็จะเกิด ปัญญาขึ้นมากับเขาเสียที
     
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    หลวงพ่อพุธไปหลวงพี่เล็กแล้ว....

    ตกลงนี่ยอมรับนะว่าที่พูดไปเองนี่ พูดเองทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับหลวงพ่อพุธ...
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456

    ฮึย คุณจะหลอกตัวเองไปทำไมครับ

    ถ้าจะหลอกตัวเอง ด้วยการ ยึด การเขียนอักขระ ตัวสะกด ไม่ได้เอาที่

    ความหมาย แล้วคิดว่า หากหลอกตัวเองแบบนี้ คนอ่านส่วนใหญ่
    เขาจะ ยึดตามตัวอักษร ไปกับคุณแบบ...เผยไต๋ว่า ไม่ใช่นักปฏิบัติ
    แต่เป็น นักตำราที่ยึดพยัญชนะ

    ก็นะ แล้วแต่ จะวาดฝันเป็นก้อน แล้ว กำมันไว้
     
  9. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อันนี้ก็อีกแบบหนึ่งแล้วไงนั่น เต็มปากเต็มคำเลยนะ....บอร์ดเรานี่มีหลายอย่างนะ....
     
  10. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    มุกเดิม ชอบด่าเฉไฉ ผมไม่เคยพูดเหรอครับ....ว่าวิธีนี้ใช้กับผมไม่ได้....

    ตกลงว่าที่คุณพูดไปช่วงแรก...พูดเองทั้งนั้นหละ.....
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    จากหลวงพ่อพุธ ถึง หลวงพี่เล็ก อันนี้ยกมาทำไม

    ก็ยกมาแสดงว่า พระท่านสอนเหมือนกันไง สอนเหมือนกันตรงที่ อย่าพอใจแค่สมาธิ
    ที่เกิดนิมิต อย่าพอใจแค่นั้น เพราะมันเป็น โลกียะเต็มๆ อยู่

    ให้พิจารณามากกว่านั้น ให้ทำสมาธิที่แนบแน่น และ ดีกว่านั้น มาทำต่อ ทำจนสัมผัส
    นิพพานได้ (ไม่ใช่เห็นด้วยนิมิตนะ ถ้าคิดว่าเห็นด้วยนิมิตอีก ก็จะวนไปให้ทำโลกียะ)
    พอสัมผัสนิพาพนได้ ก็ค่อยกล่าวได้ว่า เป็นโสดาปฏิมรรค ต่ำกว่านั้นไม่ใช่ สมาธิเห็น
    นิมิตโลกียะฌาณเต็มๆนั่น ยังไม่ใช่

    ทีนี้ เอาสมาธิมาหนุนปัญญา หนุนอย่างไร ไม่มีคนถามพระเล็ก แต่ หลวงพ่อพุธสอน
    ว่าให้มาพิจารณากาย พิจาณาความคิด เป็นต้น
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไอ้เรื่องประเด็นง่ายๆ ที่ว่า ผมพูดเอง หรือว่า หลวงพ่อพุธมาจับมือผมกดแป้นคีย์ บอร์ดเนี่ยะ ผมไม่ได้ตอบ

    เพราะ ไม่รู้ว่าคุณจะเสียสติขนาดนั้น

    ส่วนเรื่อง ความหมาย "เป็นของชาวบ้าน" กับคำว่า "เป็นโลกียยะ" มันเท่ากัน
    หรือไม่ อันนี้ ผมยกให้เป็น วิจารณญาณของผู้อ่าน ซึ่งเชื่อว่า ไม่น่ายากเกิน
    ไป ความพยายามของคุณที่จะเบี่ยงไปเรื่อง กรรมเวร หรือ เรื่องอะไร ผมว่า
    มันก็ ตลกไปอีกแบบ
     
  13. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ถ้าคนอ่านตั้งแต่ต้นนั้นจะทราบ ที่ผมถามคุณนั้นคือ เดิมทีคุณบอกว่าพลวงพ่อพุธท่านพูด ผมก็ไม่เคยได้ยินหลวงพ่อท่านพูด ผมก็แย้งไปว่าคุณพูดหนะไม่ถูก ก็คือจะบอกเผื่อว่าคุณหนะพูดเอง...เออเองทั้งหมด บอกว่าพระพูดท่านไม่ได้พูด ครั้งก่อนก็บอกว่าพระพุทธเจ้าท่านพูด ผมก็ถามว่าท่านพูดที่ใหน ผมหาหลักฐานมาได้ คุณก็เฉไฉไป ถูกไม อันนี้หนะ มันนิสัยคุณ ที่จะทำให้คนอื่นเขาเห็นผิดว่า พระท่านพูดไว้...ก่อเกิดเป็นปรามาสท่านได้ในอนาคต แม้ทำคนให้คนเชื่อถือในคำพูดคุณว่าสิ่งที่คุณพูดมันถูก.....

    สิ่งที่ผมติดใจที่ถามคุณไปก่อนหน้า คือผมถามถึงตัวคุณโดยเฉพาะที่ว่า

    ไอ่ที่ว่าชาวบ้าน พ่วงด้วยกับคำว่า ใครทำก็ได้ เป็นเรื่องง่ายๆ ก่อนหน้านั้นคุณยังใช้คำว่าอ่อนหัดด้วยซ้ำ....แค่อ่านก็รู้แล้วว่าคุณเห็นว่าการปฏิบัติแบบที่ครูบาอาจารย์ท่านพูดในความคิดเห็นของคุณคือ มีค่าน้อย หรืออาจไร้ค่า....ผมก็เลยถามว่าคุณทำได้ไม....แล้วคุณก็พล่ามมาถูกปะ....ข้อนี้ผมถามถึงตัวคุณ....เรื่องนี้ขนาดท่าน <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->patchara2<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5967209", true); </SCRIPT> ยังเข้าใจในความหมายผมเลย...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2012
  14. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    มองดูแล้ว สุขวิปัสโกก็ไม่ใช่



    สุขวิปัสโก ไม่รู้ ไม่เห็นอะรทั้งนั้น ผู้ที่่ปฏิบัติสายนี้

    แต่ก็จะไม่ค้านพวกท่ีปฏิบัติวิชาสาม

    แต่ท่านนี้แปลกๆ ค้านเรื่องการู้การเห็น

    แถมดูถูกสะอีก แปลกๆ

    ไม่รู้อยู่สายไหน

    พระพุทธเจ้าตรัสไว้

    กราเดินสยบรรลุความเป็นอรหันต์มี4จำพวก
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็พิจารณาเอาเนาะ

    ถาม : บุคคลที่ได้ มโนยิทธิ จิตเกาะพระนิพพานได้ เป็นโลกุตรฌานไหมครับ ?

    ตอบ : ไม่ใช่..ยังเป็นโลกียฌานเต็มๆ อยู่


    พิจารณาแล้วได้อะไร เข้าใจเจตนาพระท่านหรือเปล่า พระท่านให้ทำมโนยิทธิต่อไปหรือไง ?

    ดังนั้น

    ผมก็ไม่จำเป็นต้องย้ำ ต้องชี้นำอะไร มากไปกว่า มันต้องมีการฝึกฝนต่อแน่ๆ ไม่ใช่
    ย่ำอยู่กับที่

    ดังนั้น เจตนาของหลวงพ่อพุธ และ เจตนาของหลวงพี่เล็ก ที่สอนในเรื่องนี้ ผมก็ถือว่า
    ผมได้ถือเอาเจตนาที่จะให้ คนนั้นเลือกพิจารณาเดินไปข้างหน้า กล่าวเป็นคำที่ดัดแปลง
    ไป ผู้อ่านที่มีวิจารณาญาณก็ย่อมแปลความหมายได้

    ผมไม่มายหรอกว่า ผมจะดัดแปลงคำพูดอย่างไร หากเจตนาของพระท่านคงเดิม ผมจะ
    ต้องไปสะดุ้งอะไรหละครับ
     
  16. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    นี่นะ ชัดเจน ผมไม่ไปปลักปลำ คุณนะ คุณพูดจริงๆ....

    ถามที่เถอะ หลวงพ่อพุธ ท่านหมายถึงแบบนี้เหรอ....
     
  17. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    แน่ใจหรือว่าคุณดำรงค์ เจตนาของพระท่าน ไม่ใช่ของคุณเอง...

    เรื่องสดุ้งนี่ผมรู้ชัดว่าคุณไม่มีวันสดุ้งหลอก....เพราะว่ามันหนา....มันหนาจนไม่มีคำว่าละอาย....
     
  18. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" โปฎฐปาทะ เมื่อภิกษุนั้นมองเห็นนิวรณ์ ทั้งห้าเหล่านี้ที่ตนละได้แล้ว แลอยู่ ปราโมทย์ย่อมเกิด เมื่อปราโมทย์เกิดปิติ ย่อมเกิด กายของผู้มีใจปิติย่อมสงบรำงับ ผู้มีกายสงบรำงับ ย่อมเสวย สุข จิตของผู้มีสุข ย่อมตั้งมั่น...ภิกษุนั้น เพราะสงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุฌานที่หนึ่ง อันมีวิตกวิจาร มีปิติและสุขอันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่ สัญญาในกามอันมีในกาลก่อนของเธอนั้น ย่อมดับไปในใสัจสัญญาอันละเอียดในปิติและสุขอันเกิดจากวิเวก ในสมัยนั้น เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้น สัญญาอย่างหนึ่งย่อมดับไป แม้นี้ก็เป้นการศึกษา.............................โปฎฐปาทะ ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุ เพราะสงบวิตก วิจารเสียได้ จึงบรรลุฌานที่สอง อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียวไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปิติและสุขอันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่ สัจสัญญาอันละเอียดในปิติและสุขอันเกิดจากวิเวก ที่มีในกาลก่อน ของเธอนั้นย่อมดับไป สัจสัญญาอันละเอียดในปิติและสุขที่เกิดจากสมาธิ ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น เธอย่อมเป็นผู้มี สัจจสัญญาอันละเอียดในปิติและสุขที่เกิดจากสมาธิในสมัยนั้น เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้น สัญญาอย่างหนึ่งย่อมดับไป แม้นี้ก็เป็นการศึกษา..........................โปฎฐปาทะ ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุเพราะความจางคลายไปแห่งปิติเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย จึงบรรลุฌานที่สาม อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า ผู้ได้บรรลุฌานนี้ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข ดังนี้แล้วแลอยู่ สัจจสัญญาอันละเอียดในปิติและสุขอันเกิดจากสมาธิ ที่มีในกาลก่อนของเธอนั้นย่อมดับไป สัจจสัญญาอันละเอียดในอุเปกขาสุข ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียดในอุเปกขาสุข ในสมัยนั้น เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้น สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไป แม้นี้ก็เป็นการศึกษา............................โปฎฐปาทะ ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุ เพราะละสุขและละทุกขืเสียได้ เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน จึงบรรลุฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์ไม่สุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขาแล้วแลอยู่ สัจจสัญญาในอุเบกขาสุข ที่มีในกาลก่อน ของเธอนั้นย่อมดับไป สัจสัญญาใน อทุกขมสุข ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น เธอย่อมเป็นผู้มี สัจจสัญญาอันละเอียดในอทุกขมสุข ในสมัยนั้น เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้น สัญญาอย่างหนึ่งย่อมดับไป แม้นี้ก็เป็นการศึกษา(ในกรณีแห่ง อากาสานัญจายตนะ วิญญาณันจายตนะ และ อากิญจัญญายตนะก็มีข้อความตรัสไว้ทำนองเดียวกัน)----สี.ที.9/226-227/279-282..:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2012
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คุณรู้ได้ไง ว่าใคร สุขๆ ปัดๆ โกๆ

    นี่ๆ รู้อะไรไหม ตอนผมชักหญ้าออกจากปล้องตรงสนามหญ้าเล่นอยู่
    พระท่านหนึ่งชื่อไม่ใหญ่ไม่โตอะไรนักเนี่ยะแหละ ท่านดำเนินเข้ามา
    สอนให้ผมเล่นลูกแก้ว สร้างลูกแก้วแล้วน้อมเคลื่อนไปมาเล่น แล้ว
    ให้น้อมเข้ามาที่กาย ผมก็เรียนตามนั้น พอหมดเวลาเล่นชักหญ้าออก
    จากปล้องกลางสนามหญ้า ผมก็มานั่งเล่นขายของตามเว็บนี่แหละ พูด
    ง่ายๆ ไม่ได้มานั่งเล่นขายของในเว็บนี้ด้วยความบังเอิญ

    แต่เพราะไม่มีอะไรเล่นไง ชักหญ้าออกจากปล้องเล่นแล้วไม่มีอะไรเล่น
    ไปเล่นชิงช้าสวรรคิ์มันก็เดิมๆ ไปมุดถังมุดถ้ำมืดๆมันก็เดิมๆ ก็เลยมีคนมา
    ชวนเล่นกลางสนามหญ้า พอเล่นเสร็จจะอะไรได้หละ ก็ต้องเล่นขายของ

    ของบ้านๆ เล่นการละเล่นพื้นบ้าน สู้เจริญสมาธิในขั้นต่อมาไม่ได้

    ที่ไม่อายเนี่ยะ เพราะ มีครูเหมือนกัน ไง เลยมั่นใจได้ว่า ใครสอนอะไร
     
  20. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    คุณนะให้คุณเข้าใจไว้นะครับ....สำหรับคนคนนี้ ผมมองเขามาหลายปี เพราะว่าเขามีความสามารถพิเศษ ดัดแปลงคำพูดครูบาอาจารย์และของพระพุทธเจ้าเป็นที่หนึ่ง...ก่อเกิดสัทธรรมปฏิรูปมากมาย.....ธรรมที่เขายึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติของชีวิตเขาคือ ความไม่แน่นอน ซึ่งเขาปฏิบัติและยึดถือได้ดีมาก.....เขาไม่มีความแน่นอนในธรรมที่เขาแสดงเลยนะ....ช่างไม่มีแบบแผนแม้แต่แบบแผนของพระพุทธเจ้าเขาก็ไม่มี....สิ่งที่มองได้ชัดเจนถึงคุณธรรมความไม่แน่นอนของเขาเล็กน้อยคือรูปแทนตัวเขาและ ชื่อสารพัดชื่อที่เขาใช้ อันนี้หละครับ....ถือว่าเขายึดถือคุณธรรมของเขาไว้ได้ดีมาก ดุจเกลือรักษาความเค็มเลยที่เดียว.....

    คนที่อยู่ในนี้เขารู้กัน....คุณมองไปนานๆนะ....หรือคุณจะถามท่านอื่น เช่น คุณสับสน คุณขันธ์ เป็นต้น สองท่านนี้ก็อยู่นาน....เขาก็รูชัดครับ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...