เป็นไปได้ไหม ว่า นิพพาน ก็ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดแห่งการดับทุกข์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย วรกันต์, 14 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณฟ้าฯ คุณพยายามอธิบายอะไรของคุณครับ
    ผมอ่านแล้วงงงวยมากจริง!!!
    ตกลงคุณต้องการให้คนอ่านเข้าใจ
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
  3. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    คุณวรกันต์ครับ
    ผมเคยสนทนากับเพื่อนเรื่องนี้เมื่อนานมากแล้ว เพื่อนผมก้ให้นิยามแบบคุณนี่หล่ะ ว่า นิพพานอาจเป้นคล้ายๆที่ที่หนึ่งที่ สงบกว่าพรหม มีอายุมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จนผู้ที่เข้าไปแล้ว ไม่ออกมาอีกเลย ผู้ที่ไปถึงหรือผุ้ที่ไปบังเกิดในนั้น ไม่มีใครได้ลงมาเวียนว่ายตายเกิดอีกเลย ตั้งแต่รู้จักสภาวะนั้น
    ส่วนเรื่องการถ่ายเทของ วิญญาณจิตว่าถ้าวันหนึ่งสัตว์นิพพานกันหมดเเล้ว คงหมดสัตว์ที่บังเกิดขึ้นในโลกนี้อีก หรือในสวรรค์
    ท่านครับ วิญญาณมีจำจวนจากอนันต์จนถึงอนันต์(มันนับไม่ได้ดอกครับ เพราะเป้ฯจำนวนที่นับไม่ได้ เช่นเดียวกับสมการที่หารด้วยศูนย์ ) หากคิดดีๆคุณจะได้ธรรมะจากจำนวนท่เรียกว่าศูนย์นะครับ ทำไมศุนย์คูณจำนวนใดๆก็ได้ศูนย์ แต่ถ้าหารแล้วจะตอบไม่ได้นั่นหล่ะครับ คือ นิพพานในเชิงตัวเลข
    แต่ก็อย่างว่า กฎคือกฎ จะเอากฎของพีชคณิตมาอธิบาย กฎอื่นก็ไม่ได้สมมบูรณ์

    เรื่องนิพพานนั้น ก็อยากรู้อยู่นะ
    แต่ ไม่ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้นหรอกนะครับ ความอยากเกิดเพราะมีเหตุ ก็ดับไปเพราะเหตุ(เห้นไหมว่าความอยากดี ก็เป็นทุกข์ ทุกข์แบบคนดี555)
    เพราะว่าเริ่มอยากก็ทุกข์แล้ว ไม่ต้องรอให้สมหวังหรือผิดหวังหรอกนะครับ

    นิพพาน จะเป็นอะไรก็ช่างเถิด เพราะเป็นเพียงนิยาม หรือสมมติ ที่บัญญัติขึ้นเพื่อสื่อความหมายให้ตรงกัน ว่าเป็น สิ่งที่สัมผัสด้วยจิต สุข สงบ สว่าง ว่าง เย็น อันเกิดจากวิมุตติหรือความหลุดพ้น ไม่เร้าร้อนด้วยด้วยกิเลส หรือทุกข์ทั้งหลาย (เพราะไม่มีใครเคยบอกเลยว่า ร้อน หรือมีทุกข์)
    ณ บริเวณหรือจุดที่เรียกว่านิพพาน ก็คือ จุดที่ สูงสุด ในสังสารวัฎนี้ เพราะผู้บริสุทธิ์หลุดพ้น ผู้น่าสรรเสริญ ผู้เจริญทั้งหลายที่พ้นจากอสวะแล้วท่านอยู่ที่น่าน
    เราผู้เดินอยู่พลาง ร้องให้พลาง เสียใจพลาง มีความทุกข์ลากคอ มีกิเลสเคี่ยนหลังอยู่ มีความไม่รู้อันทำให้เข้าใจผิดไปอยู่ ผิดซ้ำๆ ซากๆ เสียใจ ซ้ำๆซากๆ ด้วยเรื่องเดิมๆ
    เวียนว่ายตายเกิด อยู่หาก ไม่ลองออกมาก็ไม่รู้ซักที หากยังเห็นว่าสุขบ้างทุกข์บ้างก็ยังทุกข์อยู่ดีเพราะขันธ์เป้นทุกข์โดยตัวของมัน แล้วทำไมต้องทุกข์ พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ก็เพราะเราไปยึดถือเอาเป็นของตัวเข้า นี่ สะใจทันที หึหึ
    ทำยังไงจะละความยึดถืออันนั้นได้

    สรุปว่านิพพาน ไม่ใช่ภพ ไม่ใช่เมือง เพราะถ้าเป้นเมืองเป็นภพก็จะ จะเป้นภพที่เหนือกว่าพรหมอย่างเช่นคุณพูดใช่ไหมครับ เมื่ออย่ในภพหนึ่งๆ วงจรของปฏิจสมุปบาทก็จะยังทำงานอยู่ เพราะมีกิเลส เมื่อ หมดกิเลส วงจรนั้นจะหยุดหมุน
    การเวียนว่ายตายเกิดคือสภาวะที่กงล้อเเห่งปฏิจสมุปบาทหมุนอยู่ ไม่ว่าท่านจะไปบังเกิดที่ใด อเวจีมหานรกหรือ พรหมโลกชั้นสูงสุดแห่งอรูปพรหม
    แต่นิพพานเป็นสภาวะที่กงล้อหยุดหมุน ครับ
     
  4. จีโอ14

    จีโอ14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +262
    เวรก๊าม...เวรกรรม

    เป็นกรรมของสัตว์โลกโดยแท้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2009
  5. ท้องฟ้าและแผ่นดิน

    ท้องฟ้าและแผ่นดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +127
    ขอขอบคุณ คุณธรรมะสวนัง กัย คุณธรรมภูติ มากครับ ^^
    การคุยกับคุณทั้งสองสนุกมากนะ
    ทำให้ต้องคอยเฝ้าดูจิตตัวเองในดินแดนแห่งอนายตนะ
    การกระทบของตาเห็นรูป(ตัวหนังสือ)
    สมองแปลความหมาย
    วิญญานมันรับมาแล้วจะคอยปรุงแต่งเป็นอะไรบ้าง
    ชอบหรือไม่ชอบ
    โกรธหรือไม่โกรธ
    แล้วมานะ และทิฎฐิของตัวเองแสดงฤทธิ์ แสดงเดชอะไรบ้าง
    จิตนี้ที่มีอวิชชาครอบคลุมอยู่
    จะเห็นว่าตัวเองเป็นใหญ่แค่ไหน
    เราจะยึดมั่นถือมั่นความรู้ที่มีอยู่จะหรือเปล่า
    การได้เฝ้าดูใจ ได้เห็นความจริงบางสิ่งบางอย่าง
    ผมชอบครับ

    จิงจิงแล้วจะใครจะเห็นว่าความเห็นของผมผิดก็ไม่เป็นไรหรอกครับ
    เพราะผมผิดมาตั้งแต่ผมเกิดแล้วครับ
    ผิดที่เกิด

    จะว่าผมเป็นควายก็ได้ครับ^^
    ถ้าการยกตัวอย่างของผมไม่ถูกใจใคร
    เพราะผมกับควายก็ไม่ได้แตกต่างกันตรงไหน
    ต่างก็เกิดด้วยอวิชชาเหมือนกัน
    แถมผมยังมีตัณหาอุปาทานอีกมากมายกว่าหลายเข่ง

    นานแล้วที่ไม่ได้เข้าเวปพลังจิต
    เนื่องเพราะมีปัญหาส่วนตัวบางอย่าง
    และความจำผมก็ไม่ค่อยดี ลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขี้น
    ได้เข้าในนี้ เจอการตอบปัญหาแบบนี้
    เลยคุ้นๆ ว่าใช่แน่ เราเคยโดนตอบแบบนี้
    แถมเจอคำตอบของผมด้วย
    เลยมาขอบคุณครับ thank you very much

    ที่ผมอยากแบ่งปันให้ทุกคนคือความรู้สึกดีดีครับ
    มาเป็นกำลังใจให้ทุกคนในเวปที่กำลังฝ่าพันอุปสรรค
    สรรสร้างความดี
    มิใช่มาเพื่อสร้าง เพื่อสะสมมานะและทิฎฐิตนเองให้ใหญ่โต
    หวังว่าเมื่อทุกคนอ่านและแสดงความคิดเห็นทึ่แตกต่างกัน
    สิ่งที่เหลืออยู่ในใจของทุกคนคือ ความรักและปัญญาที่สว่างไสว

    เราเป็นเพื่อนกันครับ
    เพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย

    ทุกสิ่งที่เรากำลังกระทำ กำลังแสดงทั้งหมดทั้งสิ้น
    เป็นเพียงเรือที่จะนำพาเจ้าของไปสู่ฝั่งเท่านั้น
    เรือบางคนอาจจะดีกว่า ใหญ่กว่า แล่นเร็วกว่า

    แต่สุดท้ายหน้าที่ของเรือคือการข้ามฝั่งเป็นผลสำเร็จครับ
    ไม่เกิดดีกว่าเนาะ ^^







     
  6. chunhapong

    chunhapong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +731
    ง่ายๆ เลยนะ ไม่ต้องคิดมาก.....ก็เชื้อแห่งการเกิดก็คือ กิเลส ตัณหา หรือ โลภ โกรธ หลง ตัวที่พาให้เวียนเกิดเวียนตาย ทั้ง 3 ภพ เมื่อหมดกิเลส ก็ไม่มีเชื้อที่จะพาให้เวียนเกิด เวียนตายอีกต่อไป คือดับเหตุแล้ว...หมดเชื้อแห่งการเกิดแล้ว จะเอาอะไรมานำพาให้เกิดอีกเล่า...ง่ายๆ หลุดวงโคจรของวัฏจักร วัฏวนไปแล้ว
    สิ้นทุกข์.....ถึงบรมสุข.....นิพพาน

    ทำไป..ปฎิบัติไป...ข้ามสังโยชน์ไปทีละข้อ..จะหมดสงสัยเอง.
     
  7. khatesi

    khatesi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +53
    อาจเป็นไปได้ครับเป็นตรรกะง่ายๆ
    ครั้งนึง มนุษย์เคยเชื่อว่าดวงอาทิตย์เป็นดาวที่ใหญ่ที่สุด แต่กาลเวลาผ่านไป
    ก็พบว่ามีดาวที่ใหญ่กว่า และก้พบดาวที่ใหญ่กว่าขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
    จนใหญ่กว่าดวงอาทิตย์นับแสนเท่า ล้านเท่าก็ยังมี
    ความคิดนี้เป็นความคิดที่เกินมนุษย์ เกินวิสัยมนุษย์บุคคลที่คิดได้
    ไม่แน่ว่า ในจักรวาลอื่น อาจพบวิธี ดับจิตถาวร อันตรธานหายไปเลย
    ไม่ต้องมีกายทิพย์ กายพรหม กายธรรม อีกต่อไป หมดสิ้นทุกอย่างไปเลย ก็เป็นได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...