เพื่อการกุศล เปิดจองรุ่นของขวัญปีใหม่ ลพ.หนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกข์อธิฐานจิตสร้างโดยวัดป่าศรีสำราญน.ท้าย

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย rs83, 18 มิถุนายน 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ครึ่งชีวิต

    ครึ่งชีวิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,178
    ค่าพลัง:
    +15,103
    ได้รับมาครั้งแรกก็ขาวเหมือนเนื้อเงิน ไม่มีสีอื่นเลยครับ ตอนนี้เริ่มเปลียนสีแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. @ชาวบ้าน

    @ชาวบ้าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    384
    ค่าพลัง:
    +792
    สาธุๆๆ สุดยอด
     
  3. ปิงปิง00

    ปิงปิง00 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +200
    ผมขอร่วมบุญดังนี้ครับ
    -พระปิดตาเพชรกลับมหาสะท้อนลาภผลพูลทวี เนี้อโลหะผสมรวมมวลสาร(ชนวน)1องค์
    เนี้อขินตะกั่วโบราณ(ชนวน)1องค์
    เนื้อผงรวมมวลสารผสมแร่กายสิทธิ์ 2องค์
    รวมทั้งสิ้น 400+400+200+ค่าส่ง60 = 1,060 บาท
    จะรีบโอนให้ครับ
     
  4. ปิงปิง00

    ปิงปิง00 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +200

    โอนให้แล้วครับ โมทนาสาธุครับ :cool:
    แจ้งที่อยู่ทางPM ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 22.png
      22.png
      ขนาดไฟล์:
      7.1 KB
      เปิดดู:
      140
  5. BOBO9393

    BOBO9393 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +274
    ได้รับพระแล้ว สวยงามมากครับ ดิษย์ทรรศน์
     
  6. A'Ta

    A'Ta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2012
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +1,926
    สวัสดีค่ะ...คุณรุ่ง
    วันนี้(29กค57). โอนเงินงวดสุดท้ายเรียบร้อยแล้วค่ะ เวลาโอน 14.53 น.
    ยอดโอน 6,400.20 บาท
    โมทนา สาธุ สาธุ...ขอบพระคุณมากค่ะ
     
  7. ญานธรรม

    ญานธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,936
    ค่าพลัง:
    +14,705
    แจ้งพี่รุ่ง ครับ ลำดับที่29 แจ้งโอนเงินส่วนที่เหลือทั้งหมด เวลา 15:02น. วันนี้ครับ โมทนาบุญครับผม
     
  8. วิชชาชาญ

    วิชชาชาญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +527
    แจ้งการโอนเงินครับ
    ลำดับที่ 39 ได้โอนเงินส่วนที่เหลือทั้งหมดแล้ววันนี้ 29/07/57 เวลา 13:20:42 น.
    จำนวน 4,000 บาท( 3,900 + ค่าจัดส่ง 100 บาท) ครบทั้งหมดตามจำนวนแล้วครับ

    ที่อยู่ในการจัดส่ง
    นายวิชาญ วิเศษศรี
    58/290 หมู่ 13 ตะวันนาอพาร์ทเมนท์
    หมู่บ้านนครชัยมงคลวิลลา ซอย 3 ถ.พหลโยธิน
    ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120
     
  9. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ผู้ที่เข้ามาเล่าประสบการณ์วัตถุมงคลหลวงพ่อหนุน สุวิชชโย จะได้รับของดังนี้
    1.ลูกอมฟ้าฟื้นเข้าพิธีมีดฟ้าฟื้นหลวงพ่อหนุน
    2.ผ้ายันต์เกราะเพชรผืนใหญ่(สีแดง)เข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรหลายรอบหลายปีแล้ว
    3.สายสิญจน์ด้ายแดงพญายมราช
    4.ลูกแก้วจักรพรรดิ์เข้าพิธีวัดเขาวงปี2556-2557 เข้า 2 ปีซ้อน มี 50 ลูก ให้ได้ 50 ท่านแรกเท่านั้น
    หมายเหตุ ถ้าเรื่องไหนอ่านแล้วประทับใจผู้จัดทำ(มีให้พิเศษครับ)นอกเหนือรายการที่ลงบอกครับ
    :cool:
     
  10. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460

    ตอบ พกพาได้เลย ไม่ต้องเลี้ยงครับ หมูพระโพธิสัตว์ มีพุทธคุณเต็มเปี่ยมครบทุกด้าน ไม่มีโทษมีแต่คุณ:cool::cool::cool:
     
  11. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460

    หมูวราหาวตาล
    ปั้นจากครั่งพุทรากิ่งชี้ทิศตะวันออกผสมครั่งและชันโรงรวมมวลสารอุดมวลสารแร่ต่างๆในตะกลูเหล็กไหลหลายชนิด ฝัง เหล็กไหลตาน้ำและตะกรุดสามกษัตริย์
    ปางที่ 3 วราหาวตาร (อวตารเป็นหมูป่า) มีสองตำนานหลักๆคือ 1) เพื่อปราบอสูรนาม "หิรัณยากษะ" ซึ่งลักเอาแผ่นธรณีไปโดยการม้วนแล้วเหน็บไว้ที่ข้างกาย และ 2) เพื่อยุติการประลองพลังอำนาจกันระหว่าง พระศิวะ และ พระพรหม
    พุทธคุณปราบและความอุดมสมบูณ์
    เป็นเครื่องรางที่ยุดสมัยนี้ไม่ค่อยเห็นคนทำออกมาแล้วครับ
    ปล.ตรงหน้าผากจะฝังเหล็กไหลครับ
    :cool:
     
  12. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460

    รวมมวลสารมากมายบวกผงแร่รวมมวลสารทั้งของหลวงพ่อหนุนที่ท่านให้มาหลายชนิด รวมทั้งผงมวลสารต่างๆที่ได้จากหลวงพ่อหนุน ท่านได้ให้ไว้อีกมากครับ

    พิเศษเฉพาะช่วงสั่งจองเท่านั้นครับ ติดเพชรเข้าพิธีวัดเขาวงโดยมีลูกแก้วจักรพรรดิ์ของหลวงพ่อเป็นประธานด้วย อีกหนึ่งเม็ดครับสำหรับพระปิดตาเพชรกลับ มหาสะท้อน ลาภผลพูลทวี

    มาเล่าการสร้างวัตถุมงคลชุดที่ 2 คงเล่าพอเป็นสังเขปไม่มากสร้างพร้อมกันกับชุดแรกเข้าพิธีเดี่ยวกัน มวลสารก็มีมากมาย(ของดีราคาถูกมากครับ)
    1.พระปิดตาเพชรกลับ มหาสะท้อน(ลอยองค์)เนื้อผงรวมมวลสารผสมแร่กายสิทธิ์ ที่จริงจะทำเป็น 2 เนื้อคือเนื้อผงพุทธคุณรวมมวลสารและเนื้อผงแร่กายสิทธิ์ ทางช่างไม่รู้ฟังอีกท่าไหน เอามาผสมรวมกันทั้งหมดเลย ก็เลยเป็นโชคดีไปได้ทั้ง 2 เนื้อ ในองค์เดี่ยวกัน
    กว้าง 1.8 สูง 2.1 เซนครับน่าจะเป็นสุดยอดของรุ่น ในอัตราทำบุญที่ทุกท่านเอิ้อมถึง
    ต้องขอบคุณช่าง นะค่ะ ทำให้ได้ของดี(มวลสารมากมาย)ราคาถูก น่าเก็บคะ

    :cool:
     
  13. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460


    ผมขอคัดลอกเรื่องเกี่ยวกับพระอุปคุต ที่หลวงพ่อฤาษีฯ ท่านเล่าเอาไว้มาให้อ่านนะครับ

    พระยามาราธิราช (VS พระอุปคุต)

    วันที่ไปเยี่ยมจาตุมหาราชที่เล่ามาแล้วนั้น ก็เลยไปดาวดึงส์ ไปยามาแล้วก็ดุสิต ที่ชั้นดุสิตหลวงพ่อปานมารับ ก็กราบๆ ท่าน ท่านถามว่า เออ อยากพบพระศรีอาริย์ไหมล่ะ ตอบว่า อยากจะ เจอะ จะเจอะ ยังไงได้ล่ะ ท่านบอกว่า ไม่ต้องไปหรอก ท่านมาแล้ว สวย ดุสิตนี่สวยจริงๆ ยามาน่ะ เขาขาวพรึ่ดหมด ต้นไม้น่ะมีแค่ ดาวดึงส์แห่งเดียวนะ เทวดานักฟ้อนก็มีแต่ดาวดึงส์แห่งเดียวเพราะว่า เป็นเมืองหลวง ชั้นยามาสวดมนต์ ตะพึด ดุสิตสวยสดงดงาม ไปถึงชั้นนิมมานรดี เทวดาที่ทำหน้าที่นิรมิตต่างๆ เป็นชั้นที่ 5 ที่ว่า "ชั้น" น่ะไม่ใช่เป็นชั้นซ้อนๆ กันนะ เป็นพื้นเดียวอย่างโลกเรานี่แหละ แบ่งเป็นเขตเท่านั้นเองแต่เป็นทิพย์ ไปถึงแวะเยี่ยมท่านแก้วจินดาก่อน ท่านแก้วจินดา ท่านก็มาด๊งเด๊งๆ ตามมสภาพของท่าน องค์นี้เคยทะเลาะกันมาเรื่อย

    ท่านถามว่ามาไงล่ะ ตอบว่า มาเที่ยวซี

    ถามท่านว่า เออ วิมาน พระยามาราธิราช อยู่ไหน หัวเราะก้ากเลย บอกว่า พระโง่ยังงี้ก็มีด้วย

    ถามว่าทำไมล่ะ ตอบว่า ที่นี่เขาเรียก ท้าวมาลัย ครับ ที่นี่ไม่มีพระยามาราธิราชหรอก มีแต่สมัยพระพุทธเจ้า

    ชื่อแกจริงๆ ชื่อ ท้าวมาลัย เป็นหัวหน้าเทวดาชั้น ที่ 6 เป็นผู้ว่าการ ก็เลยไปหากัน ท่านก็ออกมารับแหม สวยแฉ่งเลย รัศมีกายผ่องใส มารับที่เขตวิมานเชียวนะ ที่ไปกันตอนนี้สมทบกันไปหลายชั้น จำนวนมันก็ หลายหมื่นซี ท่านเชิญเข้าไป ไอ้หน้ามุขมันนิดเดียวแหละถามท่านว่า ขึ้นหมดรึนี่ ท่านตอบว่า ไม่เป็นไร หรอก วิมานเทวดายืดได้ แน่ะ เก่งเสียด้วย ไม่เหมือนเมืองมนุษย์หรอก ตั้งแค่ไหนก็แค่นั้น มองดูกะว่า จุสัก 200 ก็แย่แล้ว แต่เราเข้าไป เป็นหมื่นยังเต็มไม่ถึงครึ่ง คุยไปคุยมา

    ถามท่านว่า ทำไมถึงไปลิดรอนพระพุทธเจ้า ตอบว่า ปัดโธ่ ท่านไม่รู้จักความโง่ของผม
    ถามว่า ทำไมล่ะ ตอบว่า ผมกลัวพระพุทธเจ้าจะเทศน์สอนเอาคนไปนิพพานเสียหมด พอเวลาผมเป็นพระพุทธเจ้าบ้างแล้ว ผมจะสอนใครล่ะ

    เราก็นึกในใจว่า โธ่ ไม่น่าโง่เลย จะขนไปยังไงหมด ถามท่านว่า เวลานี้ยังเป็น พระยามาร ไหม ท่านตอบ ไม่ๆๆๆ พวกท่านมีหลายคน แหม เขากลัวพระยามารกันจริงๆ ก็ไอ้มารอยู่ในตัวเองน่ะไม่ยักกลัว พระยามารนี้เวลานี้ช่วยชาวบ้าน พวกพุทธมามกะทุกคน พระยามารต้องบังคับให้ลูกน้องไปช่วยเหลือ คือ ที่ประคับประคอง พวกเรานี่แหละ จะเรียกว่า พระยามาร ไม่ได้แล้วนะ ต้องเรียกว่า ท้าวมาลัย

    ทีนี้ย้อนมาตอนต้น ตามตำนานที่พระพุทธเจ้าตรัส มีคนถามว่า ทำไม่ท่านไม่ทรมานพระยามาราธิราชล่ะ ท่านตอบว่า ไม่ใช่คู่ปรับกัน พระยามารนี่จองขัดคอ ให้ปั่นป่วนนิดหน่อย ไม่จองเวรแรงขนาดเทวทัต เมื่อสมัยนั้น ท่านเป็นคนเลี้ยงม้าด้วยกันทั้งคู่ จะม้าแข่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี ท่านไปเกี่ยวหญ้าม้ากัน เกี่ยวไปก็แยก งกันไปที ทีนี้ก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง เสด็จจาก ภูเขาคันธมาส กุฏิของท่าน มันไม่ค่อยดี ท่านต้องการ ต้นหญ้านี่ ไปผสมกับดินทาฝา เพราะพระจะเกี่ยวหญ้าเองก็ไม่ควร เมื่อเห็นสองคนนี้เกี่ยวหญ้า ท่านก็เหาะลงมายืนเฉย พระพุทธเจ้าของเรา ก็นึกในใจว่า เราเอาของเราถวายท่าน ก็เป็นการสมควร อยากจะเอาของเพื่อนถวายบ้างสักก้อนหนึ่ง แต่ถ้าเพื่อนกลับมาแล้วแสดงความไม่พอใจ ก็จะมีโทษมาก เพราะพระพุทธเจ้า เป็นพระที่มีบุญหนัก ก็เลยไม่ได้ถวายไป พอตอนเย็นกลับมารวมกัน ขนหญ้าขึ้นเกวียน ท่านก็เล่าเรื่องให้ฟัง เท่านั้นแหละแกโกรธหาว่า กลัวจะดีเท่าเทียม เอาละ ท่านไปไหนก็ตาม เราจะตามไปขัดคอ แต่ทุกชาติไม่ได้ขัด มาขัดเอาชาติสุดท้าย เมื่อ ระพุทธเจ้าตัดสินพระทัยออกมหาภิเนษกรมณ์ เห็นท่าไม่เป็นเรื่องแล้ว สิทธัตถะนี้ไปแน่ กูไม่ทันนี่หว่า แล้วก็มาขัดคอ ต่างๆ อย่างที่ทราบ กันดีอยู่แล้ว

    มาในระยะหลังๆที่พระเจ้าอโศกมหาราช จะฉลองพระศาสนา อีตอนนั้นซี พระอุปคุต ท่านไปคุดอยู่กลาง มหาสมุทร บรรดาพระทั้งหลายนั่งประชุมกันว่า พระเจ้าอโศกมหาราช จะฉลองพระศาสนา เจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน คราวนี้ ยังไงๆ พระยามารต้องเล่นงานแน่ แล้วเราจะมีใครป้องกันได้บ้าง พระอรหันต์ตั้งสองแสนองค์ ปฏิสัมภิทาญาณก็มีอภิญญาก็มี ไม่มีใครสู้พระยามารได้หรือ ? สู้ได้ ไม่ใช่สู้ไม่ได้ แต่ทุกองค์บอกว่า ไม่ใช่หน้าที่ของเรา

    ทีนี้ในการประชุมคราวนั้น พญานาค ขึ้นมาฟังด้วย พอดี พญาครุฑ บินมาในอากาศเห็นเข้าก็จะ ฉะพญานาคละซี ปฏิปักษ์กันนี่ โฉบลงมา พญานาควิ่งพรวดเข้าไปกลางวงพระ พระทั้งหลายตกตะลึง บอกว่าเณร ช่วยพญานาคเดี๋ยวนี้ เณรแกอายุ 7 ปีเท่านั้น เป็นพระอนาคามีได้อภิญญา พอท่านสั่ง เณรก็ยิ้ม เข้ามา วาโยกสิณ เอาลมหอบพยาครุฑไปเสียไกล พระได้ท่า บอกว่า เณรฉันบอกให้แกช่วยพญานาค แกยิ้มนั่นยิ้มเยาะพระ นี่ต้องลงทัณฑกรรม นั่น แน่ ไม่ใช่เล่น หาเรื่องคน เป็นที่หนึ่ง เณรก็ยอม แล้วแต่พระคุณเจ้าจะ ลงทัณฑ์ ท่านก็สั่งว่า ถ้าอย่างนั้นเธอจงลงไปตาม อุปคุต มานั่น ตอนแรกปรึกษากันว่า ใครจะเป็นคน ไปนิมนต์พระอุปคุต ที่จำพรรษาอยู่กลางทะเล พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า มีอุปคุตคนเดียวเท่านั้น ที่เป็นคู่ ปรับพระยามาธิราช ปราบให้แพ้น่ะได้ แต่คู่ปรับนี้ ต้องปราบ ให้แพ้ด้วย แล้วทำให้ เลื่อมใส กลับเป็นคนดีด้วย ความประสงค์เป็นอย่างนี้ พระพุทธเจ้า ท่านจะปราบก็ปราบได้ แต่ท่านไม่สามารถทำให้ พระยามาร เป็นคนดีได้ ตอนก่อนจะนิพพาน ท่านจึงบอกไว้ว่า พระยามาราธิราชนี้มีคู่ทรมานเป็นพระอรหันต์ เบื้องหลัง เมื่อเรานิพพานไปแล้ว 200 ปี มีนามว่า อุปคุต

    (มีต่อ)
    พอพระอุปคุตมาถึง พระทั้งหลายก็ว่า นี่อุปคุตเป็นอรหันต์แล้ว หาความสุขแต่ผู้เดียว ไม่ช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ไปเข้านิโรธสมาบัติ อยู่กลางทะเลอย่างนี้ ต้องถูกลงทัณฑกรรม เอาอีกแล้ว ทัณฑกรรมเฟ้อจริงๆ พระอุปคุตก็ยอมรับว่า ไม่เป็นไรครับ เอาไงก็ว่ามาเถอะ เลยได้รับมอบหมายให้ต่อต้าน พระยามาราธิราช ในอีก 7 วันข้างหน้า พระอุปคุตก็ยอม แต่ขอกินข้าวให้อ้วนเสียก่อน ไม่อ้วนนี่ ท่าจะไม่เป็นเรื่อง เอา 7 วันก็พอ ตอนเช้าท่านก็เดินย่องแย่งเป็นขี้ยาเข้ามาในเมือง มีคนเขาบอกว่า นี่องค์นี้แหละที่เขาไป ตามมาต่อต้านพระยามาร พระเจ้าอโศกมหาราช ว่า โถ ! พระขี้ยาผอม เหลือแต่กระดูกยังงี้หรือ จะไปต่อต้านพระยามาราธิราช ไม่ได้ต้องลอง เลยเอาช้างพระที่นั่ง ตัวดุที่ตกมัน มายืนดักข้างทาง พอพระอุปคุต คล้อยหลังก็ไสช้างไล่แทงเลย พระอุปคุตได้ยินเสียงข้างหลัง เอ๊ะ อะไรกันแน่ เห็นช้างวิ่งเข้ามาใกล้ท่านก็ เอานิ้วจิ้มปั๊บ บอกว่า "หยุด" ช้างกันจ้ำเบ้าเลย นั่งเหมือนกะ หินอยู่ตรงนั้น จะขี้แตก ด้วยหรือเปล่าจำไม่ได้ พระเจ้าอโศกมหาราชเลยบอกว่า ไม่ต้องไปบิณฑบาตหรอก แล้วท่านก็เอามาเลี้ยงเสียอ้วนปี๋เลย

    ทีนี้พอวันเริ่มต้นงาน พระยามารก็แสดงเดช ทำมืดครึ้ม ไม่ให้เห็นแสงอาทิตย์เลย พระทั้งหลายก็เตือนว่า นั่นไง ท่านอุปคุต พระยามารแสดงแล้ว ท่านบอกว่า ไม่เป็นไรเรื่องเล็กพอแต่งตัวรัดประคดเรียบร้อย ก็ไปหาพระยามาร บอกว่า คลายฤทธิ์เดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่คลายเป็นพัง เราอุปคุต พระยามารได้ยินก็ชักขนลุกซู่ๆ รู้ฤทธิ์ รู้เดช ฉะกันมาหลายชาติแล้ว ตาเขาก็หนึ่ง ในตองอูเหมือนกัน เอ้า เก่งจริง ก็เชิญเลย นี่พระยามาราธิราชไม่เคยกลัวใคร แม้แต่ พระสมณโคดม ก็ยังไม่กลัว เลยสู้กัน ความจริง เอาเสียที่เดียว ก็ได้เหนือ ชั้นกว่ามาก ล่อกันไปล่อกันมา ท่านอุปคุต ท่านขี้เกียจขึ้นมา ก็จับเอามือไพล่หลัง อธิษฐาน ให้แก้ไม่ออก ไม่ใช่แต่เท่านั้น อธิษฐานเอาหมาเน่ามาผูกคอเสียอีกด้วย พระยามาราธิราชแกก็เทวดาองค์หนึ่งเทวดา นี่แต่กลิ่นคนเขาก็เหม็นเสียแล้ว โดนหมาเน่าเข้าวิ่งโร่ไปหาพระอินทร์เจ้านายใหญ่ พระอินทร์บอกว่า อ้าว ทำไมไปเล่นกับพระอุปคุตเล่า เขาจะทำบุญพระศาสนากันดันไปแกล้งเขา ใครจะไปมีฤทธิ์เท่าพระอรหันต์ ได้ไม่มี มีทางเดียวท่านไปขอขมาท่านอุปคุตเสีย แล้วสัญญาว่า จะไม่ทำพยศอีก พระอุปคุตก็จะอภัยแก่ เธอ ท่านก็จำเป็นจำยอมไปขอโทษขอโพย พระอุปคุตถามว่า ยังไง สิ้นฤทธิ์แล้วรึ ? แกบอกว่า ยอมๆ ยอม ทุกอย่าง ต่อไปไม่แกล้งอีกแล้ว พระอุปคุต ก็แก้หมาเน่า แก้มัดมือออก แต่ยังเอารัดประคต ผูกเข้าไว้ กับ เขาพระสุเมรุเสียอีกหลายเปลาะ ปล่อยพระยามารดิ้นด็อกแด็กอยู่ 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ดิ้นเสียเขาพระสุเมรุ หวั่นไหว ดาวดึงส์ สะเทือนไปหมด

    พอพระเจ้าอโศกมหาราช ฉลองศาสนาเสร็จ ไปถึง พระยามาร ก็บ่นว่า โธ่เอ๋ย พระสมณโคดม ท่านก็ใจดี นะ แต่สาวกนี่แหมใจร้ายเต็มที ท่านอุปคุตไปถึงก็ต่อว่า สาวกสมัยก่อน อย่างพระโมคคัลนา พระสารีบุตร พระบิณโฑลภารทวาชะ ใครๆ ก็มีฤทธิ์ มากกว่าท่านเสียอีก แต่ไม่ใจร้าย มีท่านคนเดียว ใจร้ายกับเรา ท่านอุปคุตก็โต้ว่า รู้แล้วไม่ใช่หรือ พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า ท่านกับเราเท่านั้น ที่เป็นคู่ปรับกัน ความจริงแล้ว ท่านผู้มีฤทธิ์ ทั้งหมดน่ะ ตัวท่านสู้ไม่ได้หรอก ไม่มีทางสู้ เวลานี้ แม้แต่เณร 7 ขวบ ที่ไปตามเรา ท่านก็สู้ไม่ได้ แต่ที่ท่านทั้งหลายไม่ทำ ก็เพราะไม่ใช่หน้าที่ของท่าน แต่เป็นหน้าที่ของเราผลที่สุดพระอุปคุตท่านก็ปล่อย แต่บอกว่า ก่อนปล่อย ต้องสัญญากับเราก่อนว่า จะไม่รบกวน บรรดาภิกษุ ภิกษุณี อุบาสิกา ผู้ปรารถนาในธรรม ถ้ารบกวนเมื่อไรโทษจะหนักกว่านี้หลายพันเท่า พระยามารก็บอกว่าไม่เอาแล้ว ไอ้ 7 ปี 7 เดือน 7 วัน นี่ก็พอแล้ว

    พระอุปคุตท่าน ก็ขอร้องให้พระยามาร แสดงเป็นรูปพระพุทธเจ้า สมัยยังทรงพระชนม์อยู่ให้ดู พระยามาร ตอบว่า ได้ๆๆ เรื่องเล็ก แต่สัญญากันก่อนนะ จะไหว้ผมไม่ได้ นะห้ามไหว้ โดยเฉพาะ พวกท่าน เป็นอรหันต์ เป็นพระอริยะ มาไหว้ผมละ ไม่เป็นเรื่องหรอก พระอุปคุต ก็ตกลง พระยามาราธิราช บอกว่า ผมจะ เดินไปทางหลังเขา ถ้าออกมา ห้ามไหว้เด็ดขาดนะ เพราะ บาปจะตกอยู่กับผม พอพระยามาร ไปหลังเขา พระอุปคุต ก็ให้สัญญาณ เรียกพระอรหันต์มาทั้ง 2 แสนรูป สักครู่หนึ่ง พระยามารก็ออก เป็นพระพุทธเจ้า มีฉัพพรรณรังสี รัศมี สว่างไสว สวยสดงดงามมาก มี พระโมคคัลลา พระสารีบุตร อยู่เบื้องซ้ายขวาครบเครื่องมาเลย พระทั้งหมด ลืมสัญญา ลุกขึ้นกราบพร้อมกัน กราบพระพุทธเจ้า พระยามารรีบคลายตัวทันที บอกว่า ท่านทำไมทำยังงี้ เป็นโทษกับผม ท่านอุปคุตก็บอกว่า ท่านไม่ต้องวิตก เพราะว่าการกราบนี้เขา ไม่ได้กราบท่าน เขากราบพระพุทธเจ้า โทษของท่านไม่มี พระยามาราธิราชก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้น ขอพระคุณเจ้าทั้งหมดงดโทษให้ผมด้วย พร้อมด้วยพระรัตนตรัย เพราะว่าผมเองก็ปรารถนาพุทธภูมิ แล้วท่านก็กลับไป เรื่องก็จบลงแต่เพียงนี้


    :cool:
     
  14. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460

    ปัจจุบันในบางกลุ่มชนยังมีความเชื่อว่าพระอุปคุตยังมีชีวิตอยุ่ และทุกวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ที่ตรงกับวันพุธ ชาวล้านนาจะเรียกว่า"วันเป็งปุ๊ด" พระอุปคุตจะออกมาบิณฑบาตรในร่างของสามเณรน้อย โดยจะออกมารับบาตรในเวลาเที่ยงคืน ทำให้เกิดเป็นประเพณีตักบาตรเวลากลางคืน ด้วยข้าวสารอาหารแห้ง ดอกไม้ธูปเทียน เชื่อว่าผู้ใดได้ใส่บาตรพระอุปคุตจะพ้นจาก ความยากจนเข็ญใจ หายเจ็บ หายไข้ มีโชคลาภเจริญรุ่งเรือง มีสติปัญญาเฉียบแหลม
    ............. ในงานพิธีกรรมต่างๆจะมีการตั้งบุชาพระอุปคุตไว้ เพื่อให้งานสำคัญราบรื่น ไม่มีอุปสรรคปัญหาใดๆ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
    โบราณจารย์มักจะสร้างพระอุปคุตในปางแตกต่างกันไปหลายรูปแบบ เช่นนั่งอยู่ในกุ้ง หอย ปู ปลา หรือเป็นพระบัวเข็ม อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญ เชื่อกันว่าพระอุปคุตมีอานุภาพในทางมหาอำนาจปราบศัตรูหมุ่มารทั้งหลาย ป้องกันภัยอันตราย โดยเฉพาะภัยทางน้ำ

    ตำนาน..
    เชื่อกันมาว่า พระอุปคุตมีอิทธิฤทธิ์ปราบท้าววสวัตตีมาร มีเรื่องเล่ามาว่าประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 2 หลังพุทธปรินิพพาน ณ นครปาตลีบุตราชธานี (ปัจจุบันคือเมืองปัตนะ ภาคใต้ของประเทศอินเดีย) พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ได้ฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ทั้งหมดที่พระองค์สร้างอย่างยิ่งใหญ่ ตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน แต่ถูกพญามารมาผจญ พระองค์จึงนิมนต์พระอุปคุตไปปราบพญามารจนยอมแพ้ จากนั้นพระอุปคุตก็มีชื่อเสียงในทางปราบมาร ท่านมีอีกชื่อว่า " พระปราบมาร "
    ปัจจุบันยังมีความเชื่อในหมู่ชาวไทยล้านนาว่า พระบัวเข็มหรือพระอุปคุตยังมีชีวิตอยู่ ในทุกวันขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ ชาวไทยล้านนาจะเรียกว่าเป็น "วันเป็งปุ๊ด" พระอุปคุตจะออกบิณฑบาตในร่างเณรน้อย และจะออกมาเวลาหลังเที่ยงคืน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดประเพณีตักบาตรกลางคืนขึ้น
    พระเครื่อง..
    พระอุปคุต หรือ พระบัวเข็ม ในทางพระเครื่องมีประวัติว่า "พระบัวเข็ม" เดิมเป็นพระพุทธรูปมอญ เข้ามาแพร่หลายในไทยช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 โดยพระรามัญได้นำมาถวายพระวชิรญาณภิกขุ (ต่อมาคือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4) โดยเชื่อในพุทธคุณว่าเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ ก่อให้เกิดลาภผล ความมั่งมี ขจัดภยันตราย และมีอิทธิฤทธิ์ในทางขอฝนอีกด้วย

    คาถาพระมหาอุปคุตผูกมาร
    (นะโม... 3 จบ)
    มหาอุปคุตโต มหาอุปคุตตัง กายะพันทะนัง อมยิสะ พุทธังทะเถโร ธัมมังทะเถโร สังฆังทะเถโร ปะอัยยะสุตัง อุปัจสะอิ อิมังกายะพันทะนัง อะทิถามิ ฯ
    คาถาพระมหาอุปคุตผูกมาร มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์มาก ใช้สวดอาราธนาคู่กับพระเครื่องในรูปของพระอุปคุต (โดยเฉพาะพระอุปคุตปางปราบมาร) สำหรับคุ้มครองให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ หรือเสกด้ายสายสิญจน์ทำเป็นมงคลสวมคอ หากปลุกเสกครบ 108 ครั้งสามารถป้องกันภูตผีปีศาจทั้งปวง และป้องกันอุปัทวอันตรายต่างๆ ถ้าเสก 3 - 7 คาบ ผูกคอหรือคล้องคอคนถูกผีเจ้าเข้าสิง จะเจ็บปวดร้องครวญครางโหยหวยอย่างน่าเวทนา ถ้าจะให้ผีที่สิงอยู่ออกไป ให้ถอดหรือแก้ด้ายผูกคอออก แล้วเอาด้ายนี้ตีปัดตามตัวคนที่ถูกผีสิงอยู่ ผีจะอยู่ไม่ได้จะรีบเผ่นออก และไม่กล้ากลับมารบกวนอีก และยังมีการปลุกเสกในทางพิชิตโรคาพาธได้วิเศษยิ่งนัก


    คำบูชาขอลาภพระอุปคุต
    มหาอุปคุตโต จะมหาลาโภ พุทโธลาภัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ราชาปุริโส อิถีโยมานัง นะโมโจรา เมตตาจิตตัง เอหิจิตติจิตตัง ปิยังมะมะ สะเทวะกัง สะพรหมมะกัง มะนุสสานัง สัพพะลาภัง ภะวันตุเม ฯ
    เอหิจิตติ จิตตังพันธะนัง อุปะคุตะ จะมหาเถโร พุทธะสาวะกะ อานุภาเวนะ มาระวิชะยะ นิระภะยะ เตชะปุญณะตา จะเทวะตานัมปิ มะนุสสานันปิ เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ อิมังกายะ พันธะนัง อะทิถามิ ปะอัยยิสสุตัง อุปัจสะอิ ฯ

    วิธีสวดขอลาภ
    ให้จุดธูปเทียนบูชา พร้อมกับดอกไม้หอม เครื่องหอมน้ำหอมต่างๆ เทหยดใส่ในขันน้ำมนต์ ณ ที่บูชาพระในร้านค้าขาย หรืออาคารสำนักงาน แล้วอธิษฐานขอให้กลิ่นควันธูปเทียน ลมพัดไปทางไหน ของให้ดลใจผู้คนเข้ามาอุดหนุนตลอด ขอให้ดำเนินกิจการด้วยความราบรื่น มีความสำเร็จสมปรารถนาทุกประการ เมื่ออธิษฐานจุดธูปเทียนบูชาแล้ว ให้สวด นะโม... 3 จบ และสวดคำบูชาขอลาภพระอุปคุต 1 จบ แล้วทำน้ำมนต์สวดด้วย คำบูชาขอลาภพระมหาอุปคุต อีก 1 จบ เสร็จแล้ว เอาน้ำมนต์ประพรมร้านค้า และสินค้าในร้านค้า หรือทำธุรกิจ ก็ให้เอาน้ำมนต์ประพรมภายในสำนักงานและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำธุรกิจนั้นทั้งหมด ก็จะเป็นศิริมงคล และสัมฤทธิ์ผลในกิจการงานนั้นๆ

    การตั้งบูชา
    นิยมการตั้งบูชาบนฐานรองรับ อยู่กลางภาชนะใส่น้ำ เป็นการจำลองคล้ายกับท่านจำพรรษาอยู่ในมหาสมุทรสะดือทะเล แล้วใช้ดอกมะลิหรือดอกบัว ลอยในน้ำบูชาสักการะ ถวายน้ำผึ้งและน้ำเปล่า วันละ ๑ แก้ว ถวายข้าว กล้วย ผลไม้ ขนมทุกเช้าหรือทุกวันพระ ห้ามถวายประเภทสิ่งมีชีวิต ใช้ธูปหอมบูชา ๓ ดอก หากมีการจัดงานพิธีใดๆ ให้จัดโต๊ะพิเศษ อัญเชิญพระอุปคุตมหาเถระมาตั้งไว้ พร้อมบูชาเครื่องสักการะตลอดงาน อย่าให้ไฟดับ

    อานิสงส์การบูชาพระอุปคุตมหาเถระ
    ผู้ที่บูชาสักการะ จะมีความเป็นสิริมงคลชุ่มเย็น ป้องกันภัยพิบัติและแคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆและอุบัติเหตุทั้งหลาย เป็นผู้ชนะมารและศัตรูที่จะมาปองร้ายเราทั้ง ๑๐ ทิศ เป็นผู้มีอำนาจวาสนาดี ไม่มีใครข่มเหงรังแก เป็นที่เคารพนับถือและเกรงกลัวของคนทั้งหลาย เป็นผู้กินไม่หมด มีโชคลาภอยู่ตลอดเหมือนพระอุปคุตมหาเถระปางจกบาตร

    คาถาขอลาภพระกีสนาคอุปคุตมหาเถระ พระอรหันต์ผู้สถิตย์ยังสะดือทะเล พระผู้อุดมด้วยเมตตาบารมี โชคลาภ คุ้มกันภัยพิบัติ ขจัดอุปสรรคภยันตรายทั้งปวง

    ชาวพม่ารามัญนับถือพระอุปคุตมหาเถระกันเป็นจำนวนมาก จึงมีการสร้างรูปบูชาของท่านขึ้นมา เห็นได้จากพระบูชาพระอุปคุตมหาเถระที่มีศิลปะแบบพม่าอยู่มากมาย ทั้งแบบปางบัวเข็ม และแบบปางจกบาตร คติความเชื่อเกี่ยวกับพุทธคุณของผู้ที่บูชา พระอุปคุตมหาเถระ เชื่อว่ามีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตาบารมี โชคลาภ คุ้มกันภัยพิบัติขจัดอุปสรรคภยันตรายทั้งปวง

    การบูชาพระอุปคุตมหาเถระนี้มีความหมายเป็น ๒ นัย คือ ๑.พระอุปคุตมหาเถระท่านเป็นพระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ปราบมาร จึงช่วยปกป้องคุ้มครองให้ผู้ที่บูชาห่างไกลจากภัยอันตรายต่างๆ ส่วนนัยที่ ๒ คือ ท่านจำศีลอยู่ในน้ำ จึงช่วยให้ผู้บูชาอยู่เย็นเป็นสุข ไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ บรรดาผู้ที่นับถือศรัทธาหลวงพ่ออุตตมะที่ทราบในข้อนี้ จึงนิยมที่จะหาพระอุปคุตมหาเถระปางต่างๆ มาไว้บูชาติดบ้านเพื่อความสงบร่มเย็น


    :cool:
     
  15. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460

    แนะนำครับ

    ตะกรุด พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ การทำหลายขั้นตอนครับ มีการอุดปรอทของเบี้ยแก้บรรจุไว้ข้างในด้วย พอกด้วยผงมวลสารที่หายากปั้มยันต์ประจำตัวของหลวงพ่อหนุน ได้ไม่มากแค่ 108 ดอก (ทุกครั้งที่เปิดกล่องได้จับตะกรุดนี้ที่ไร จะสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่ออกมาจากตะกรุดนี้ทุกทีเลย ประสบการณส่วนตัว ถ้าใครชอบแนะนำเลยครับ)
    ตอบ สำหรับผมนะ สุดยอด เมตตานำเลยครับทุกอย่างครบสูตร
    มวลสาร1.แผ่นชนวนตะกั่วเข้าพิธีหลายเลยครับ
    2.ปรอทรวมมวลสารมีดังนี้
    ชนวนมวลสารเบี้ยแก้......................
    มวลสารทางคุณชัยวิทย์ที่ ในส่วนของปรอทมี
    1.ปรอทดำ
    2.ปรอทแดง
    3.ปรอททะเล
    4.ปรอทยวง
    5.ปรอทตาวัว
    6.ปรอทน้ำเน่า
    7.ปรอทเสกโดยหลวงปู่ยาท่านสวน
    8.ปรอทที่แกะจากเบี้ยแก้หลวงปู่ญาท่านสวน
    9.ปรอทสายหลวงปู่ศุข
    10.ปรอทวิท

    ของพรอาจารย์สมบูรณ์ที่ได้รับมามี
    11.ปรอททอง คุณสมบัติ แข็งแรง
    12.ปรอทเหล็ก คุณสมบัติเหนียว
    13.ปรอทเงิน คุณสมบัติวาสนา
    14.ปรอทดิน คุณสมบัติเย็น
    15.ปรอทไฟ คุณสมบัติเป็นพญาปรอทหายากมากเป็นปรอทของพระฤาษี
    16.ปรอทไม้ คุณสมบัติยั่งยืน
    17.ปรอทลม คุณสมบัติเป็นอาวุธของคนธรรพ์
    18.ปรอทนาค คุณสมบัติรวดเร็ว
    19.ปรอทแก้ว คุณสมบัติเป็นปรอทพิเศษคุณดั่งแก้วสารพัดนึก


    3.ชันโรงผสมครั่งรวมมวลสารมีดังนี้
    ชันโรงเกือบทุกสายพันธุ์มี
    1.ชันโรงเพียงดิน
    2.ชันโรงใต้ดิน
    3.ชันโรงกลางหาว
    4.ชันโรงใต้น้ำ
    5.ชันโรงบนน้ำ
    6.ขี้ผึ้งร้างรังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
    7.ขี้ผึ้งเทียนชัยพิธีสำคัญๆเช่นของหลวงปู่ญาท่านสวน
    8.รวมถึงของอาถรรพ์ต่างๆอีกมาก

    4.สายสิญจน์พิธีสมโภชสมเด็จองค์ปฐม
    5.ผงมหากันหลวงรวมผงว่านมหามงคลและมวลสารต่างๆ
    ผงมหากันหลวง เป็นผงที่ทำตามตำราโบราณสายสมเด็จลุ่น เป็นผงที่ทำได้ยากยิ่งเพราะต้องหาตามที่ตำราบอกไว้ซึ่งต้องไปเอา ตามเขา ตามป่า ตามทะเล ตามจุดที่ได้ระบุไว้ เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ใช้ทั้งทุน ใช้ทั้งแรง อาจใช้ทั้งชีวิตเลยก็ได้ เพราะของส่วนมากทั้งสือสารกับพวกที่เฝ้ารักษาเทพ พวกผี อานุภาพจึงสูง ได้ใช้ผสมรวมกับชันโรง


    ใช้แช่ทำน้ำมนต์ก็ได้นะครับตะกรุดรุ่นนี้ เมตตานำป้องภัยอย่างดีเยี่ยมเลยครับ

    พระยันต์ในตะกรุดพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์นี้ เป็นยันต์ที่ไม่ใช่สูตรทางไสยศาสตร์ แต่เป็นปริศนาธรรมทางพุทธศาสตร์ ยันต์นี้เริ่มตั้งแต่โลกุตระธาตุทั้ง 5 ขึ้น โดยใช้ "นะ" แทนรูป "โม" แทนเวทนา "พุทธ" แทนสัญญา "ธา" แทนสังขาร "ยะ" แทนวิญญาณ แล้วยกระดับจิตขึ้นสูงภูมิวิปัสสนาญาณ พิจารณาขันธ์ ๕ ให้เป็นไตรลักษณ์สิ้นสุดที่อนัตตาว่างเปล่า แล้วแทนด้วยคุณแห่ง พระกุกกุสันโธ พระโกนาคมน์ พระพุทธกัสสปะ พระสมณโคดม พระศรีอาริยะเมตตรัย ตามลำดับ กำหนดนิมิตเข้าสู่แผ่นชนวนที่ได้ลงอักขระรองรับ อีกทั้งหนุนด้วยบารมีโพธิสัตว์จนครบ ๕ พุทธภูมิ .........ตะกรุดพระพุทธเจ้า 5 พระองค์นี้ เปรียบเหมือนการรวบรวมพระพุทธคุณของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ให้มาปกปักรักษา ผู้ที่บูชา............. ........."ตะกรุดพระพุทธเจ้า 5 พระองค์" ดีทั้งนอกและในอันเป็นเชิงพุทธะเพื่อเกื้อกูลธรรม แนะนำ พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์หรือที่คนไทยรู้จักในนาม พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ พระคาถา นะโม พุท ธา ยะเป็นอักขระวิเศษ เป็นหัวใจพระคาถาสำคัญ สวดเป็นสวัสดิมงคลแก่ชีวิตได้จริง… หลวงพ่อโสธรพระศักดิ์สิทธิ์ เมืองแปดริ้ว และพระธาตุเชิงชุมอันศักดิ์สิทธิ์ตลอดจนพระมหาเจดีย์ชเวดากองพระเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ของโลกล้วนมีความเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์… ยันต์พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์เป็นยันต์ที่โด่งดังมากมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันถือเป็นมหายันต์สูงสุดกว่ายันต์ทั้งปวง อุปเทห์ใช้ได้ สารพัดประโยชน์ เมตตามหานิยมโชคลาภ เป็นมหาเสน่ห์

    พระยันต์อันสุดยอดของมหายันต์ต่างๆ คือพระยันต์และพระคาถา พระเจ้า 5 พระองค์
    พระเกจิอาจารย์ผู้ที่แก่กล้าวิชาอาคมตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ มาจนถึงปัจจุบัน นิยมอัญเชิญ พระคาถาพระเจ้า 5 พระองค์
    ลงในผ้ายันต์ และโลหะ เช่นแผ่นทองคำ แผ่นเงิน แผ่นนาค และโลหะต่างๆ เพือนำไปติดบูชาที่บ้าน ทางเข้าออกประตู หรือ หน้าต่าง
    หัวนอน ป้องกันเสนียดจัญไร ภูตผีปีศาจ และสิ่งที่เป็นอัปมงคล จากน้ำมือมนุษย์ก็ดี หรือผู้ที่ไม่ปรารถนาดี โบราณท่านบอกไว้ว่า
    " ป้องกันได้ดีนักแล " ส่วนโลหะลงอักขระหัวใจ พระเจ้า 5 พระองค์ แล้วนำไปม้วนทำเป็นตะกรุดถักเชือก ลงรัก มอบให้กับศิษย์ และคนใกล้ชิด ปัองกันศาสตราวุธของแหลมคม อาวุธปืน แคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยอันตราย ทางอากาศก็ดี ทางน้ำก็ดี ทางบกก็ดี ใช้อธิฐาน แช่น้ำทำเป็นน้ำพระพุทธมนต์อาบดื่มกินป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ สุขภาพแข็งแรง ปะพรมบัานเรือนของที่จะขาย
    ให้ขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง เพิ่มพูนเมตตามหานิยม ให้อธิฐานตั้งนะโม 3 จบ ทำจิตใจให้สงบ ให้สมาธิเกิดแล้วก็ภาวนา
    " นะ โม พุท ธา ยะ " ความศักดิ์สิทธิ์ก็จะบังเกิดขึ้นทันที

    คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ หรือเรียกว่า 'แม่ธาตุใหญ่' ซึ่งมีพุทธคุณเหนือยันต์ทั้งปวง รวมทั้งความเชื่อสืบต่อกันว่า 'ผู้ใดที่ท่องหรือบริกรรมพระคาถาบทนี้ ด้วยจิตอันสงบและมั่นคงแล้ว จะมีพุทธคุณคุ้มครองครอบจักรวาล'

    หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ 'มีพุทธคุณครบทุกด้าน เช่น เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย

    ส่วนที่มาของ พระคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ เป็นการเขียนโดยใช้ ตัวย่อนามพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ คือ

    นะ หมายถึง พระกุกกุสันโธ ใช้เขียนแทน ธาตุน้ำ ซึ่งเรียกว่า อาโปธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๑๒

    โม หมายถึง พระโกนาคม ใช้เขียนแทน ธาตุดิน ซึ่งเรียกว่า ปฐวีธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๒๑

    พุท หมายถึง พระกัสสป ใช้เขียนแทน ธาตุไฟ ซึ่งเรียกว่า เดโชธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๖

    ธา หมายถึง พระสมณะโคดม (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ใช้เขียนแทน ธาตุลม ซึ่งเรียกว่า วาโยธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๗

    ยะ หมายถึง พระศรีอารยเมตไตรย (พระพุทธเจ้าองค์ถัดไป หลัง พ.ศ.๕๐๐๐) ใช้เขียนแทน อากาศธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๑๐


    มีพุทธศาสนิกชนจำนวนไม่น้อยอาจจะตั้งคำถามว่า "ในพุทธศาสนามีพระเจ้าด้วยหรือ?" ซึ่งแท้จริงแล้วคำว่า "พระเจ้า" เป็นคำใช้เรียก "พระพุทธเจ้า" และพระภิกษุสงฆ์มาแต่โบราณ เช่น พระเจ้าพระสงฆ์ พระเจ้า ๕ พระองค์ ในภัทรกัปมีพระพุทธเจ้าโปรดโลกไปแล้วถึง ๔ พระองค์ ตาม ลำดับดังนี้
    ๑.พระกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๔ หมื่นปี มีเขมวตีนนครของพระเจ้าเขมะเป็นราชธานี

    ๒.พระโกนาคมโนสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๓ หมื่นปี มีโสภวตีนนครของพระเจ้าโสภะเป็นราชธานี

    ๓.พระกัสสโปสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๒ หมื่นปี มีพาราณสีนครของพระเจ้ากิงกิเป็นราชธานี
    ๔.พระโคตโมสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๘๐ ปี มีกบิลพัสดุ์นครของพระพุทธเจ้าสุทโธทนะเป็นราชธานี
    และ ๕. พระศรีอริยเมตไตรย์ จักเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ในภัททกัป จะมีอายุถึง ๘ หมื่นปี ซึ่งงเป็นที่มาของ คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ หรือเรียกว่า 'แม่ธาตุใหญ่'

    ส่วนที่มาของพระคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ และระหว่างเขียนตัวย่อนามพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์บริกรรมดังนี้

    นะ เป็นพระนามย่อของพระพุทธเจ้ากุกกุสันโธ องค์แรกในภัทรกัปนี้ เขียนแทน ธาตุน้ำ ซึ่งเรียกว่า อาโปธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๑๒ ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือบริกรรมว่า “นะ กาโรโหติสัมพโว พระกุกกุสันโธ จงมาบังเกิดเป็นตัว นะ”

    โม เป็นพระนามย่อของพระพุทธเจ้าโคนาคม องค์ต่อมาใช้เขียนแทนธาตุดิน ซึ่งเรียกว่า ปฐวีธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๒๑ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือบริกรรมว่า “โม กาโรโหติสัมพโว พระโคนาคม จงมาบังเกิดเป็นตัว โม”

    พุท เป็นพระนามย่อของพระพุทธเจ้ากัสสปะ องค์ถัดมา ใช้เขียนแทนธาตุไฟ ซึ่งเรียกว่า เดโชธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๖ ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือบริกรรมว่า “พุท กาโรโหติสัมพโร กัสสปะเถระ จงมาบังเกิดเป็นตัวพุท”

    ธา เป็นพระนามย่อของพระพุทธเจ้าพระสมณโคดม (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ใช้เขียนแทน ธาตุลม ซึ่งเรียกว่า วาโยธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๗ ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือบริกรรมว่า “ธากาโรโหติสัมพโว พระสมณโคดม (บางครั้งใช้พระศรีศากยะมุณี ในอดีตจะใช้ว่า พระศิริศากยมุณี) จงมาบังเกิดเป็นตัว ธา”

    ยะ เป็นพระนามย่อของพระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรย (พระพุทธเจ้าองค์ถัดไป หลัง
    พ.ศ.๕๐๐๐) ใช้เขียนแทน อากาศธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๑๐ ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือ
    บริกรรมว่า “ยะ กาโรโหติสัมพโว พระศรีอริยเมตไตรย (บางครั้งใช้ พระศรีอริยะเมตเตยโย) จงมาบังเกิดเป็นตัว ยะ”

    เมื่อรวมกำลังธาตุทั้ง ๕ ก็จะเป็นคุณพระพุทธเจ้า ๕๖ การลงอักขระเลขยันต์นี้ เท่าที่มีการบันทึกจำกันได้ ก็ในสมัยพระร่วงเจ้า ที่ขอมดำดินมาเพื่อจะทำร้ายพระร่วง ขณะนั้นพระร่วงกำลังกวาดลานวัดอยู่ ขอมดำดินก็โผล่ขึ้นมาถามหาพระร่วง พระร่วงเจ้าก็เลยใช้วาจาสิทธิ์สาปพวกขอมจนกลายเป็นหิน เป็นเวลาร่วมพันปี เพิ่งจะมีการทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณของขอมให้ไปเกิดใหม่

    พระคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ เป็นพระคาถาที่สำคัญอย่างมาก คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ ซึ่งเป็นที่นิยม สวดกันมากที่สุด คือ พระคาถาพระเจ้า ๕พระองค์ ของหลวงพ่อโสธร จ.ฉะเชิงเทรา โดยให้เริ่มต้นด้วย

    การตั้งนะโม ๓ จบ โดยให้ว่าคาถาดังนี้

    นะ ทรงฟ้า
    โม ทรงดิน
    พุทธ ทรงสินธุ์
    ธา ทรงสมุทร
    ยะ ทรงอากาศ
    พุทธังแคล้วคลาด
    ธัมมังแคล้วคลาด
    สังฆังแคล้วคลาด ศัตรูภัยพาล วินาศสันติ

    นะกาโร กุกกุสันโธ สิโรมัชเฌ โมกาโร โกนาคะมะโน นานาจิตเต พุทธกาโร กัสสะโป พุทโธ จะ ทะเวเนเต ธา กาโร ศรีศากะยะมุนี โคตะโม ยะกันเน ยะกาโร อะริยะ เมตตรัยโย ชิวหาทีเต ปัญจะพุทธา นะมามิหัง

    ทั้งนี้มีคติความเชื่อสืบต่อกันว่า "ผู้ใดที่ท่องหรือบริกรรมพระคาถาบทนี้ ก่อนนอน ก่อนออกเดินทางจากบ้าน หรือเข้าในที่คับขัน เผชิญหน้ากับศัตรู ด้วยจิตอันสงบและมั่นคงแล้ว จะมีพุทธคุณคุ้มครองครอบจักรวาล หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ มีพุทธคุณครบทุกด้าน เช่น เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีก ป้องกันภัยอันตรายได้สารพัด วิเศษนักแล "

    ถ้าหมดแล้วจะเสียใจนะ
    :cool:
     
  16. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460

    พระปิดตาเพชรกลับ มหาสะท้อน(ลอยองค์)เนี้อโลหะผสมรวมมวลสาร(ชนวน)
    เป็นการรวมมวลสารทุกรุ่นโดยเฉพาะ ชนวนฤกษ์ 823 ปีรวมผสมอยู่ด้วยซึ่งมีชนวนสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่และชนวนพระปัจเจกองค์ใหญ่ของวัดท่าซุงรวมอยู่ด้วย อุดผงมหากันหลวงผสมแร่มหาเศรษฐีและแร่กายสิทธิ์ต่างๆและ ติดเกศาหลวงพ่อหนุนพร้อมจีวรหลวงพ่อหนุน
    :cool:
     
  17. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460

    พระปิดตาเพชรกลับ มหาสะท้อน ลาภผลพูลทวีเนี้อขินตะกั่วโบราณ(ชนวน)
    หล่อจากชนวนในฤกษ์ 823 ปีมีครั้งเดียว ชนวนตะกรุดไม้ครูและตะกั่วขอมโบราณ อุดผงมหากันหลวงผสมแร่มหาเศรษฐีและแร่กายสิทธิ์ต่างๆและติด เกศาหลวงพ่อหนุนพร้อมจีวรหลวงพ่อหนุน
    (ชนวนที่นำมาหล่อจะมีส่วนผสมของแร่โคตรเศรษฐีของแม่ชีประทุม เหล็กเปียกและหัวลูกปืนเสก)
    :cool:
     
  18. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460

    ประวัติของขลังสรงเสน่ห์


    ถ้าพูดถึงเครื่องรางที่สรงเสน่ห์แล้วล่ะก็ จะต้องนึกถึงเครื่องรางที่มีรูปร่างที่เราคุ้นกันดีนั่นก็คือ ปลัดขิก นั่นเอง แต่เรารู้ไหมว่าต้นตอของการทำหรือประวัติพงศาวดารของเครื่องรางนี้เป็นอย่างไร และมันมีความขลังในด้านไหนบ้าง ทุกคนคงสงสัยว่าเพราะอะไรเจ้าปลัดขิกนี้จึงต้องออกมาเป็นรูปไอ้นั่นด้วย เราหาคำตอบให้ท่านแล้ว

    ภาพปลัดขิกต่างๆ

    ปลักขิก ผู้เคียงข้าง เครื่องรางแห่งเสน่ห์ โชคลาภ และปัดเป่าเสนียด***

    วัตถุมลคลที่เป็นเครื่องรางที่อยู่คู่กับคนสังคมไทยมาตั้งแต่นาน ตั้งแต่สมัยอยุธยา ปลักขิกนั้นนิยมเรียกกันในชื่อ ขุนเพ็ด หรือ ขุนเพชร คำว่าปลัด นั้น หมายถึง ตำแหน่งรองจากตำแหน่งที่เหนือกว่า โดยรู้จักกันในความหมาย ผู้ข้างเคียงคอยช่วยเหลือ ส่วนคำว่า ”ขิก” นั้น คำนี้ได้ถูกเลิกใช้มานานแล้วเพราะเป็นคำหยาบ ได้ผันเปลี่ยนมาใช้คำว่า “คุยหํ” ในภาษาบาลี และได้แผลงมาเป็น ตวย (ต เปลี่ยนเป็น ค) ในภาษาไทย ซึ่งในปัจจุบันคำนี้ก็เป็นคำหยาบไปอีก แตกต่างกันตรงที่ว่า ยังนิยมชมชอบที่แจกให้กันเสมอ ๆใน ปัจจุบัน

    ปลักขิกหรือขุนเพ็ด เป็นเครื่องรางคู่กับโยนี (เครื่องรางรูปของลับของสตรี) ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้เป็นดอกไม้ในแดนสวรรค์ เป็นเครื่องหมายของการกำเนิดส่งใหม่ ๆ หรือความงอกงามของชีวิตใหม่

    ขุนเพชรหรือปลัดขิก แต่เดิมนิยมให้เด็กผู้ชายอายุตั้งแต่ ๓-๔ ขวบขึ้นไป แขวนไว้ที่เอว เพราะเด็กอายุประมาณนี้จะเริ่มมีเอวแล้ว และเด็กในระยะนี้จะมีภูมิคุ้มกันตนน้อยลง เพราะว่าหย่านมแล้ว แนวโน้มที่จะเจ็บไข้ไม่สบายมีมากขึ้น ความเชื่อที่ว่าผีสาง ทั้งหมายจะทำให้เด็กเจ็บป่วยไม่สบายจึงให้แขวนปลัดหรือขุนเพชรไว้ ทั้งนี้เพราะปลัดขิกที่นำมาแขวนให้กับเด็กชายนั้น จะอยู่ในลักษณะขององคชาต จำลองย่อส่วนโดยปราศจากหนังหุ้มปลาย ระดับของการแขวนก็อยู่ที่เอวมิใช่คอ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ห้อยลงมาใกล้กับระดับองคชาต (อ้ายจู๋) ของเด็กให้มากที่สุด เพื่อจะหลอกผีให้เข้าใจผิดไปว่าเด็กชายนั้นใช่เด็ก หากเป็นผู้ชายเต็มตัวแล้ว โดยมีองคชาตที่ปลายเปิดไม่มีหนังหุ้ม ส่วนปลัดขิกเหล่านี้ หากจะให้มีความขลังยิ่งขึ้นก็ควรจะต้องผ่านการปลุกเสกเสียด้วยอีกต่างหาก
    ในที่สุดปลัดขิกหรือขุนเพ็ดก็ได้ประกาศอิสรภาพยกฐานะตัวเองขึ้นไปอีกระดับ กลายเป็นสิ่งสมควรแก่การเคารพบูชากราบไหว้ สถิตอยู่ตามศาลหรือเป็นเครื่องนำโชคลาภตั้งไว้บูชา หรือเป็นเครื่องมือเพื่อนำความเจริญก้าวหน้าเนื่องในการทำมาค้าขาย โดยทั่วไปจะนำปลัดขิกไปจิ้มลงบนสินค้าพร้อมกับมีคาถากำกับว่า "โอม ระรวยมหาระรวย สามสิบสอง-วยแห่ห้อมล้อม-ีค้าง่ายขายดีแหก-ีกลับบ้าน ฮ่า ฮ่า ฮ่า" (ควรร่ายด้วยลมหายใจเฮือกเดียว แต่ทำไมจึงต้องสามสิบสอง เรื่องนี้ยังสืบไม่ได้) หรือ "...โอม ไอ้ขลิกไอ้ขลัก เงี่ยงหักเงี่ยงหงิก ปกเอยปกหาง หางเอยหางอะไร บุรุษชอบ-ี สตรีชอบ-วย ทำให้กูร่ำรวย โพะหัว โพะหัว โพะหัว" (คาถาของหลวงพ่อซ่วน เมืองแปดริ้ว ฉะเชิงเทรา) แต่หากจะตรองดูก็จะเห็นว่า การที่ใช้คำที่ไม่ค่อยสุภาพเป็นคาถากำกับ ก็เพื่อจะให้พวกผีๆ เข้าใจไปว่า สินค้าที่วางขายนั้นเป็นของที่ไม่มีราคาค่างวดวิเศษวิโสอะไร ไม่คุ้มกันที่พวกผีจะมาใส่ใจเสียเวลามารบกวน

    ปลักขิกนั้นมีเคล็ดการใช้แตกต่างกันไป บางสำนักนิยมให้ถูกเนื้อถูกตัว คือคาดที่เอวให้โดนเนื้อตัวเจ้าของไว้ แต่อีกแบบหนึ่งนั้น นิยมให้ปลัดขิกแขวนออกมาให้คนอื่นๆเห็นจะยิ่งมีอานุภาพ คงเป็นอิทธิพลมาแต่เดิมที่จะใช้หลอกผี ให้เข้าใจว่า โตแล้ว ผีจะได้ไม่มายุ่ง ส่วนการให้ถูกเนื้อโดนตัวนั้นตามความคิดของผมเข้าใจว่า สิ่งต่างๆจะสมบูรณ์เมื่อธาตุทั้ง ๖ ประสานต่อเนื่องกันไป

    ส่วนเรื่องอานุภาพหรือความขลังศักดิ์สิทธิ์ของปลัดขิกนั้น มีอานุภาพครบทุกด้านทุกประการ คาถาที่นิยมใช้กับปลัดขิก คือ หัวใจโจร ที่ว่า “กัณหะเนหะ” ด้วยความหมายที่ว่า โจร เป็นผู้ทำลายล้าง การใช้หัวใจโจรจึงเป็นการใช้เกลือจิ้มเกลือ หนามยอกเอาหนามบ่ง ให้โจรทำลายล้างสิ่งไม่ดีต่างๆให้หมดไป

    ปลักขิกนั้นเด่นทั้งเรื่อง คงกระพัน กันเขี้ยวงา และแคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันเสนียด*** ภูติผีต่างๆ ในด้านเมตตามหาเสน่ห์ก็มีอยู่ครบ แต่ที่จะโดดเด่น เห็นจะเป็นแค่ ๒ อย่าง คือ คงกระพัน กันเขี้ยวงา และเมตตาค้าขาย

    ข้อดีของเครื่องรางชนิดนี้ คือ ไม่มีข้อห้ามยุ่งยาก ตัดปัญหาเรื่องความเชื่อที่ว่า ของจะเสื่อมเพราะการพลั้งเผลอไปลอดราวผ้าหรืออยู่ในที่ไม่สมควร คาถาของขุนเพชร เองก็มีแต่คำพื้นบ้านหรือออกจะหยาบนิดๆพอน่ารัก

    ปลัดขิกเริ่มด้วยเป็นเครื่องมือหลอกผี แต่แล้วต่อมาปลัดขิกก็ได้ยกระดับตัวเองให้กลายสภาพจากเครื่องมือหลอกผีมาเป็นของขลังในตัวของมันเอง โดยไม่จำกัดอยู่กับวัยอีกต่อไป ผู้ใหญ่ซึ่งไม่มีความจำเป็นแต่ประการใดที่จะหลอกผีให้เข้าใจผิด ก็ยังนิยมที่จะแขวนไว้เป็นเครื่องรางป้องกันสิ่งชั่วร้าย โดยไม่รู้ถึงสาเหตุหน้าที่ของมัน
    ผู้ที่มีความเชื่อมั่นและคิดเสมอว่าตัวเรามีของดี คือ ขุนเพ็ด เผด็จศึกติดตัวอยู่ ยิ่งมีความผูกพันธ์และเชื่อมั่นมากเท่าไร เครื่องรางชนิดย่อมแสดงผลให้ประจักษ์ได้อย่างชัดเจน โดยทั่วไปแล้วเกจอาจารย์เก่าหรือผู้ที่ใช้เครื่องรางทุกอย่าง จะขาดปลัดขิกไม่ได้ เป็นของป้องกันตัวพื้นฐานที่สำคัญ ในฐานะ “ผู้เคียงข้าง” ตลอดกาล


    เกจิอาจารย์หลายสำนักสร้างปลัดขิกหรือขุนเพชรได้อย่างยอดเยี่ยม และเห็นผลอย่างเหลือเชื่อ ในทุกวันนี้จะมีผู้นิยมใช้ปลักขิกในฐานะของเครื่องรางที่ทำให้ค้าขายดี มีคนเข้าร้านมากมาย จึงนิยมในหมู่แม่ค้าและเจ้าของกิจการระดับทั่วไป แต่อีกกลุ่มหนึ่งที่ยังเหนียวแน่นเป็นแฟนพันธุ์แท้ของปลัดขิก คือ วัยรุ่นหรือหนุ่มที่ยังคงถือเก็บสะสมเครื่องรางของชายชาตรีให้ครบครัน ปลักขิก ตะกรุด จึงเป็นเครื่องรางที่ไม่ถูกมองข้ามในกลุ่มนี้
    ในบรรดาเครื่องรางของขลัง ที่โบราณาจารย์นิยมจัดสร้างขึ้น มีเครื่องรางประเภทหนึ่ง มีลักษณะรูปร่างแปลกตาไปจากวัตถุมงคลประเภทอื่น กล่าวคือ จะมีสัณฐานเป็นรูป "ลึงค์" หรืออวัยวะเพศชาย โดยจัดสร้างขึ้นมามากมาย หลายขนาด ตั้งแต่เล็กจิ๋วกว่าปลายนิ้วก้อย ไปจนถึงขนาดเท่าของจริง และขนาดใหญ่โตมโหฬาร สูงท่วมหัว


    เครื่องรางชนิดนี้ได้รับความนิยมพกติดตัว ตลอดจนเคารพบูชากันเป็นที่เอิกเกริก ซึ่งเรารู้จักกันในชื่อของ "ปลัดขิก"

    ด้วยความนิยมใช้ปลัดขิก ถึงขนาดที่ว่ามีการท่องไล่เลียง "ของดี" หรือของสุดยอดของเครื่องราง ที่คู่ควรสะสมไว้ว่า

    "ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ เสือหลวงพ่อป่าน หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัวปั้นหุ่นวัดศรีษะทอง เบี้ยแก้กันวัดนายโรง ตะกรุดหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง"

    ความเป็นมาของ "ปลัดขิก" ค่อนข้างเกี่ยวพันกับคติความเชื่อดั้งเดิมในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ โดยเชื่อว่า "ลึงค์" หรืออวัยวะเพศชาย เป็นบ่อเกิดแห่งสรรพสิ่งมีชีวิตในจักรวาล อันเป็นรากฐานมาจากคติการบูชา "ศิวลึงค์" หรือลึงค์ของพระศิวะ ในลัทธิไศวนิยาย ที่บูชาพระศิวะเป็นใหญ่ อันเป็นที่มาของการเรียก "ลึงค์" ว่า "เจ้าโลก"

    ซึ่งแตกต่างจากอีกนิกายหนึ่งในศาสนาฮินดูที่เคารพบูชา "โยนี" หรือ อวัยวะเพศหญิง ในลัทธิศักติ ที่เชื่อว่าสรรพสิ่งต่างๆ จะเกิดขึ้นได้ต้องประกอบด้วยโยนี

    การบูชาลึงค์ค่อยๆ เผยแพร่ในสยามประเทศ เนื่องมาจากขอมเคยมีอิทธิพลอยู่ในบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งไทยเราก็รับคติดังกล่าวมาประยุกต์ดัดแปลงและกำหนดเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้น

    มีบางคนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดความเชื่อของฮินดูจึงเข้ามาผูกพันกับพุทธศาสนา โดยเฉพาะในกรณีของปลัดขิก สาเหตุก็คือพุทธศาสนานั้นได้ปรับเปลี่ยนและดัดแปลงเอาความเชื่อดั้งเดิมในวิถีชีวิตมนุษย์ตลอดจนความศรัทธาอื่นๆ เข้ามาด้วยกัน เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงรากเหง้าดั้งเดิม ตลอดจนเป็นกุศโลบายในการเผยแพร่ศรัทธาที่ไม่ขัดแย้งกับความเชื่ออื่นๆ เช่น

    ประเพณีบุญบั้งไฟของชาวอีสาน เพื่อเป็นการบูชาแถนขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล เหมือนกับการแห่นางแมวของคนภาคกลาง

    สองพิธีกรรมที่อยู่คนละภาคนี้ มีความคล้ายคลึงกันในเรื่องของสัญลักษณ์ที่ใช้ส่อไปทางเพศสัมพันธ์ เช่น การใช้ไม้มาแกะสลักเป็นอวัยวะเพศชาย เรียกว่า "บักแบ้น" หรือ "ปลัดขิก" ในอีสาน หรือ "ขุนเพ็ด"

    ประเพณีแห่ผีตาโขน ของชาว อ.ด่านซ้าย จ.เลย ผีทุกตัวจะถืออาวุธในมือ ซึ่งทำด้วยทางมะพร้าว โดยทำด้ามเป็นลักษณะเหมือนปลัดขิก นอกจากนี้แล้ว ปลัดขิกยังถูกนำไปใช้เป็นเครื่องรางป้องกันอาถรรพณ์อีกหลายอย่าง เช่น ในช่วง ๔-๕ ปี ที่ผ่านมา ชาวบ้านร้อยเอ็ด กลัว ผีแม่ม่าย จะมาเอาชีวิต ผู้ชายในหมู่บ้านจึงแก้เคล็ดด้วยการ ทำปลัดขิกขนาดใหญ่ ติดหน้าบ้านของผู้ชายที่มีชื่อขึ้นต้นด้วยอักษร "ส" และ "ย" อันเป็นเป้าหมายของผีแม่ม่าย

    ส่วนการนำปลัดขิกมาใช้เป็นเครื่องรางสำหรับพกพาติดตัวนั้น จากหลักฐานที่ปรากฏ จะพบว่า ปลัดขิกยุคเริ่มแรก สร้างจากแก่นไม้ที่มีสรรพคุณทางรักษา และป้องกันโรค เช่น แก่นของต้นคูณ ซึ่งมีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า "CASSIAFISTULA, LINN" ผู้คนพกพาติดตัวเดินทางไกล เมื่อจะกินน้ำตามห้วยหนองคลองบึงต่างๆ ก็จะใช้ปลัดขิกฝนผสมเข้าไป เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในน้ำ

    ต่อมาเมื่อกิตติศัพท์ทางแคล้วคลาดรอดพ้นจากโรคภัยและอันตรายต่างๆ ขจรขจายออกไป ก็เกิดความนิยมในการเสาะแสวงหา บรรดาพระเกจิอาจารย์ต่างๆ จึงพากันจัดสร้างปลัดขิกตามตำรับของตน จนเป็นที่แพร่หลายในเวลาต่อมา

    เมื่อพระเกจิอาจารย์เริ่มสร้างปลัดขิก ท่านก็รวบรวมเอาความรู้ต่างๆ ดำเนินการปลุกเสก และจัดสร้าง มีการเลือกไม้หรือวัสดุอันเป็นมงคลตลอด จนจดจารพระคาถา เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นใจให้ผู้คนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นอานุภาพของปลัดขิกจึงมิได้จำกัดอยู่เพียงการรักษาป้องกันโรคแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ได้กลายสภาพเป็นเครื่องรางของขลัง (Charm and Talismans) โดยมีความเชื่อว่ามีอานุภาพทางด้านป้องกันอันตราย มีเสน่ห์เมตตามหานิยม โชคลาภ การทำมาค้าขาย หรืออื่นๆ อีกด้วย

    ในความเป็นจริงแล้ว ปลัดขิกถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของเพศชายมาแต่โบราณ ปลัดขิกดอกน้อยๆ จะถูกผูกไว้ที่สะเอวของเด็กเพศชาย ซึ่งนอกจากความเชื่อในด้านป้องกันอันตรายแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่บ่งชี้ในเรื่องเพศอย่างเด่นชัด

    อย่างไรก็ตาม มีผู้คนสงสัยมากมาย ถึงชื่อและความหมายของ "ปลัดขิก" บางคนก็ถามแบบยั่วโทสะว่า ทำไมไม่เรียก "นายอำเภอขิก" หรือ "ผู้ว่าขิก" บางท่านสันนิษฐานว่า คนแขวนคนแรกคงเป็นปลัดขิก ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นการพ้องเสียงมาจากคำว่า "ปราศวะ" ในภาษาสันสกฤษ ซึ่งแปลว่า "เคียงข้าง" ในขณะที่ภาษาไทยเราจะเรียกผู้อยู่เคียงข้างนายอำเภอว่า "ปลัดอำเภอ" ผู้อยู่เคียงข้างผู้ว่าราชการจังหวัดว่า "ปลัดจังหวัด"

    เหตุที่ให้ความหมายว่าเคียงข้าง หรือผู้อยู่เคียงข้าง เนื่องจากเวลาแขวนปลัดขิกนั้น ผู้ใช้ไม่ได้คล้องคอ หากแต่ผูกอยู่ที่สะเอว หรือบริเวณสีข้าง เรียกว่าไปไหนไปด้วยกัน และสมัยก่อนก็นิยมแขวนให้ห้อยออกมานอกร่มผ้า เมื่อสาวแก่แม่ม่ายเห็นรูปอวัยวะเพศชายห้อยออกมา ก็พากันหัวเราะหัวใคร่ "คิกคิกคักคัก" กันเป็นที่สนุกสนาน ผู้คนก็เลยเรียกกันว่า "ปลัดคิก" ก่อนจะเพี้ยนมาเป็น "ปลัดขิก" ในปัจจุบัน

    โบราณาจารย์ในสยามประเทศ นิยมสร้างเครื่องรางชนิดนี้กันอย่างแพร่หลาย บ้างก็ลงอักขระเลขยันต์ เช่น อะ อุ มะ หรือ โอม อันเป็นการสรรเสริญ พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ ในศาสนาฮินดู บ้างก็จารจารึกอักขระอื่นๆ พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงทางด้านการสร้างปลัดขิกก็คือ หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นต้น

    ปัจจุบันแม้โลกจะเจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่ผู้คนก็ยังนิยมบูชาเครื่องรางที่เรียกว่า "ปลัดขิก" กันอย่างแพร่หลาย ตามกระเป๋าพ่อค้าแม่ขายจะใส่ปลัดขิกดอกน้อยไว้เพื่อให้ทำมาค้าขึ้น บางคนก็ตั้งไว้หน้าร้าน ปิดทองอย่างสวยงาม

    นัยได้ว่า "ปลัดขิก" กลับแหวกกระแสของความเจริญเข้ามาอยู่ในความศรัทธาของสังคมไทย และก้าวไปพร้อมความเจริญ โดยมิได้ตกยุคตกสมัยแต่อย่างไร
    :cool:
     
  19. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460

    พระปิดตาปรอทชมพูนุช:cool:
     
  20. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    จากเหล็กไหล ๑ ลัง
    ปรอทชมพูนุช ๒๐ ก้อน

    เหล็กไหลก้อนเล็กๆด้านบน คือ
    แร่ทรหดหรือเหล็กไหลพญานาค

    ส่วนก้อนใหญ่ที่ท่านเห็นอยู่ด้านหน้า คือ
    เหล็กไหลทองธรรมชาติ ( พญาสมิงเหล็ก )
    เหล็กไหล ชนิดต่างๆ
    ที่สำคัญ
    มีแร่ทรหด ของหลวงพ่อหนุน ด้วยค่ะ
    เหล็กเปียก
    (เหล็กไหลชนิดหนึ่งมีความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ จะมีแร่เงิน แร่ทอง ผุดขึ้นเองมาธรรมชาติ )

    ชนวน เหล็กสัตตะโลหะ ดาบสายฟ้าฯ
    มีแร่เหล็กไหลจำนวนมาก ผ่านพิธีมาหลายพิธี
    ที่สำคัญหลวงพ่อหนุน ท่านเสก ๑ ไตรมาส

    เหล็กไหลต่างๆ
    ได้ผ่านพิธีมานับครั้งไม่ถ้วน

    ใครที่ไม่มีดาบสายฟ้าพิฆาตศัตรูพ่าย มีพระปิดตารุ่นนี้แทนได้เลยครับ+ได้อานุภาพปรอทชมพูนุชที่หายากแล้วก็แพงมากด้วย
    ชนวนมวลสาร ดาบสายฟ้าพิฆาตศัตรูพ่าย

    1.รวมแร่เหล็กไหลปรอท
    2.ชนวนสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่ของแม่ชีประทุม
    3.เหล็กไหลตาน้ำ
    4.เป็นแร่ศักดิ์สิทธิ์ชายแดนลาว-เวียดนาม ที่พระเจ้าแผ่นดิน นักรบ ใช้พกติดตัว อยู่ตระกูลเหล็กไหล
    5.เหล็กไหลแม่น้ำโขง
    6.ชนวนองค์ตื้อ สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช
    7.เหล็กไหลประเภทหนึ่ง
    8.เหล็กไหลเกาะล้าน
    9.ชนวนแร่โคตรเศรษฐีแม่ชีประทุม
    10.ชนวนสมเด็จองค์ปฐมลอยองค์รุ่นแรก หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์
    11.ชนวนสมเด็จองค์ปฐมสำนักสงฆ์ ถ้ำเอราวัณ
    12.ชนวนมวลสารรวมหลวงปู่ดู่ วัดสะแก
    13.ชนวนไม้เท้าพญายม พระกริ่งชินบัญชร แหวนนิ้วเพชรพระอิศวร
    14.ไม้กลายเป็นแร่เงิน แร่ทอง
    15.แผ่นชนวนผ่านพิธีหลายสิบพิธี
    16.ชนวนหล่อหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ของหลวงตาม้า
    17.แผ่นพระยันต์รวม
    18.ขวานฟ้าแร่ขวานฟ้าสำริดแก่เงิน ขวานสำริดเมืองน่าน ขวานฟ้าอาจารย์เฮง ขวานหลวงปู่เจี๊ย แร่ดูดทรัพย์มวลสารต่างๆอีกมาก
    19.แผ่นยันต์ตะกรุดไม้ครูหลวงพ่อหนุน ส่วนผสม เหล็กเปียก แร่โคตรเศรษฐีแม่ชีประทุมและตะกั่วลูกปืน
    20.พระขรรค์จักรพรรดิปราบมาร หลวงปู่ศรี มหาวีโร
    21.พญาเหล็กไหล
    22.อกธรณีอยู่ในตระกูลเหล็กไหล
    23.รวมเหล็กไหลแม่น้ำโขงและอกธรณี
    24.พญาสมิงเหล็ก
    25.ตะปูสังฆวานร
    26.กำไลจักรพรรดิหลวงตาม้า
    27.เหล็กไหล
    28.ชนวนแร่กายสิทธิ์มากหลายชนิด
    29.ชนวนหล่อพระ หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อกัน
    30.ชนวนเก้ายอด
    31.ผงเพชรหน้าทั่ง
    32.ที่เป่ายานัตถ์บวงสรวง หลวงพ่อฤาษี หลวงปู่ปาน
    33.แร่ตระกูลเงิน
    34.ชนวนหล่อสมเด็จองค์ปฐม
    35.ชนวนพระปัจเจกพุทธเจ้า
    36.แร่โคตรเศรษฐีแม่ชีประทุม
    37.รวมแร่ชนวน
    38.มีดเคียวเก่า
    39.ผานไถเก่า
    40.รวมชนวนเหล็กโบราณ
    41.อาวุธและเครื่องใช้โบราณ
    42.อาวุธและเครื่องใช้โบราณ
    43.ชนวนหล่อสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่ รูปหลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษี วัดพุทธโมกข์
    44.ชนวนเหล็กอาถรรพ์สัตตะโลหะ รวมหลายร้อยชนิด
    45.เหล็กน้ำพี้ ผ่านพิธีวัดเขาวง(๑พค.๕๖) และหลวงตาม้าอธิฐาน รวมทั้งเหล็กสัตตะโลหะที่ทำพระขรรค์ปรัชญะด้วย
    46.อาวุธโบราณ
    47.ประคำแร่เหล็กไหล
    48.ชนวนหล่อพระโบราณหลายร้อยปี
    49.ตะปูสังฆวานร
    50.เหล็กไหลใต้แม่น้ำปิง พญานาคให้ไปเอา
    51.ตะปูสังฆวานรพระธาตุลำปางหลวง
    52.ทองแดงเถื่อนของหลวงพ่อสมชาย วัดปริวาส
    53.เหล็กรองหรือเหล็กดำ มีคุณแบบเดียวกับเหล็กไหล
    54.ปรอทชมพูนุชคตปรอทหลวงปู่ละมัย
    55.ตะปูสังฆวานร
    56.ชนวนหล่อพระรุ่นเก่าหลวงตาม้า
    57.ชนวนหลวงปู่ บุญมา สุภ้ทโท
    58.ห่วงพระ
    59.ชนวนสำริดฆ้องโบราณ
    60.ชนวนกลองมโหระทึกโบราณ
    61.กันมีดสัตตะโลหะของ อ.ยุคณธร
    62.ชนวนเหล็กสัตตะโลหะทั้งหมดของโกเนี้ยว
    63.แผ่นชนวนเข้าพิธี ๑๗ มค. ๕๖ วัดพุทธโมกข์
    64.ชนวนเหรียญทำน้ำมนต์ หลวงพ่อหนุน
    65.เหล็กไหลพญานาคหรือแร่ทรหด
    66.ชนวนพระกริ่งนเรศวร รุ่น๑ ของหลวงตาม้า
    67.ชนวนพระกริ่งเจ้าฟ้านเรศ
    68.โคตรเหล็กไหล
    69.เหล็กไหลดำ
    70.เหล็กไหลจันทรา
    71.เหล็กไหลจันทรา
    72.เหล็กไหลเพชรหน้าทั่ง
    73.เหล็กไหลเพชรหน้าทั่ง
    74.เหล็กไหลเลือดพญานาค
    75.แผ่นจารยันต์หลวงตาม้า
    76.แท่งชนวนพระกริ่งโปร่งฟ้า รุ่น๒ หลวงตาม้า
    77.เตาหลอมเหล็กกำลังหลอม
    78.กำลังใส่ชนวนเหล็กอาถรรพ์ลงเตาหลอม
    79.ชนวนเหล็กอาถรรพ์ต่างๆ
    -ใบมีดสายฟ้ามหาปราบไตรจักร หลวงปู่ญาท่านสวน
    -ขอช้าง บาตร แท่งเหล็กน้ำพี้ และอื่นๆอีกมากมาย
    80.แท่งชนวนเข็มโลกธาตุนับเป็นพันๆเล่ม ของหลวงปู่ญาท่านสวน
    -พระขรรค์ก้นเพชร ๒ ด้าม
    -เหรียญโบราณสมัยฟูนัน
    -ชนวนเหรียญทำน้ำมนต์ พระอุปคุต หลวงปู่ญาท่านสวน
    -ชนวนแหวนจากเหล็กอาถรรพ์หลายพันชนิด
    81.มีดสมัยโบราณ ดาบสมัยโบราณและอาวุธโบราณอื่นๆ
    -เหล็กไหลหลายสิบชนิด
    -แผ่นชนวนผ่านพิธีต่างๆ ชนวนหล่อพระ หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า
    82.เหล็กที่ใช้ตีพระขรรค์ปรัชญะ หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์
    มวลสารพระขรรค์ปรัชญะ หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์
    1. เหล็กยอดเจดีย์ร้าง จ. อยุธยา
    2. เหล็กยอดฉัตร
    3. เหล็กยอดเจดีย์พระธาตุพนม จ.นครพนม
    4. เหล็กสลักวิหาร เหล็กยอดเจดีย์ ใบเสมาวัดเก่า จ.หนองคาย
    5. โลหะขวานฟ้า
    6. ขวานหลวงปู่เจี๊ย จุนโท วัดป่าภูริฑัตโต จ.ปทุมธานี
    7. เหล็กขวานฟ้า
    8. แท่งชนวนเหล็ก๗อย่าง ของพ่อครูศิริพงศ์ วัดสุทธาราม กรุงเทพ
    9. ดาบในพลับพลา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    10. เหล็กเกราะซามูไร สมัยอยุธยา
    11.ชนวนรวมมวลสาร ดาบวชิระพรหม
    ๑.ดาบฟ้าฟื้นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ รุ่น ภ.ป.ร. ส.ก. จำนวน ๖ เล่ม
    ๒.ดาบฟ้าฟื้นที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี ท่านตีขึ้นมาเองกับมือทั้งเล่ม
    ๓.มีดหมอ(มียุคต้นด้วย) พระขรรค์ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสรรค์ จำนวน ๔๕เล่ม
    ๔.มีดหมอด้ามฤาษี หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
    ๕.มีดหมอหลวงปู่หมุน ขนาด๕นิ้ว จำนวน ๒ เล่ม : ๒ ๑/๒ นิ้ว จำนวน ๒ เล่ม
    ๖.ดาบฟ้าฟื้น หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล ทำมาจากเหล็กน้ำพี้พิธีเสาร์๕ เมื่อท่านอายุ ๑๐๖ ปี
    ๗.มีดหมอครูบานันตา
    ๘.มีดหมอเทพศาสตรา อาจารย์ ชุม ไชยคีรี จำนวน ๓ เล่ม
    ๙.มีดหมอโบราณและมีดเหน็บโบราณทางภาคเหนือ
    ๑๐.มีดดาบฟ้าฟื้น พระครูโสภณวีรนุวัตร วัดป่าเลไลย์วรวิหาร จ.สุพรรณบุรี
    ๑๑.ดาบฟ้าฟื้น แม่นิภา คงสุข
    ๑๒.มีดหมอหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี
    ๑๓.มีดหมอหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองศรีนวล จำนวน ๑ เล่ม , ดาบ ๑ เล่ม
    ๑๔.มีดตัดหวายลูกนิมิต วัดห้วยพัฒนา อ.เขาสมิง จ.ตราด
    ๑๕.มีดโลหะ ๑๐๐ปี สร้างจากตะปูวิหารศักดิ์สิทธิ์ วัดโตนดเตี้ย อ.อุทัย จ.อยุธยา
    ๑๖.มีดหมอหลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว
    ๑๗.มีดหมอ อาจารย์ ฟ้อน ดีสว่าง
    ๑๘.มีดหมอหลวงพ่อมี วัดเขาสมอคอน
    ๑๙.ฝักชโลมด้วยเลือดจึงเป็นที่มาของวิชาโลหิตประสาท
    ๒๐.ใบหอกสัมฤทธิ์โบราณ
    ๒๑.เหล็กสังฆวานร
    ๒๒.มีดหมอ หลวงพ่อทองเฒ่า เขาอ้อ ตักกศิลา
    ๒๓.ดาบสะหรี่ศรีกัญชัย จะมีเฉพาะผู้ใหญ่บ้านทางภาคเหนือ
    ๒๔.ตะกรุดสำริดโบราณ สมัยอยุธยา
    ๒๕.ตะกรุดครูบาชัยวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน
    ๒๖.ตะกรุด เม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
    ๒๗.ตะกรุดจักรพรรดิ์ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา
    ๒๘.ตะกรุด หลวงปู่ ดูลย์ อตุโล
    ๒๙.ตะกรุด หลวงตาพวง สุขินทริโย จารมือ
    ๓๐.ตะกรุด หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    ๓๑.ตะกรุดยันต์เกราะเพชร หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง(ลูกศิษย์สร้างถวาย)
    ๓๒.ตะกรุดหนีบสังฆวานร ตะกรุดนี้มีแต่เฉพาะแม่ทัพ
    ๓๓.ตะกรุด สมเด็จ(เกี่ยว) วัดสระเกศ
    ๓๔.ตะกรุดครูบาชุ่ม วัดวังมุ่ย จ.ลำพูน
    ๓๕.แผ่นทองคำ เงิน นาค จาร์ยันต์โสฬสมงคล
    ๓๖.ตะกรุดยันต์เกราะเพชรและตะกรุดยันต์ นะ มหากลับ จาร์มือพระอาจารย์ยุคลธรณ์
    ๓๗.ตะกรุด เดินป่า
    ๓๘.หอกใบข้าวโบราณ
    ๓๙.เหล็กตะปูหัวเห็ด
    ๔๐.เหล็กยอดเจดีย์องค์พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม ท่านผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์
    ๔๑.เหล็กยอดเจดีย์พระธาตุพนม
    ๔๒.เหล็กยอดพระธาตุจอมกิติ เชียงแสน
    ๔๓.ช่อฟ้าพระอุโบสถ ๗ วัด
    ๔๔.เหล็กยอดเจดีย์สร้อยทอง วัดสร้อยทอง พิธียกฉัตรยอดเจดีย์ที่ วัดสร้อยทอง จ.นนทบุรี
    ๔๕.เหล็กยอดปราสาท
    ๔๖.ยอดเจดีย์โลหะสัมฤทธิ์โบราณ
    ๔๗.มีดหมอทิเบต
    ๔๘.เหล็กจารด้ามเทพเพชรพญาธร
    ๔๙.ดาบซามูไรเก่า
    ๕๐.พระขรรค์สัมฤทธิ์โบราณ
    ๕๑.เหล็กจากขวานฟ้าผ่า
    ๕๒.ขวานสัมฤทธิ์โบราณ
    ๕๓.เหล็กขนันผีตายพรายตายท้องกลม
    ๕๔.กำไรสัมฤทธิ์โบราณ
    ๕๕.แหวนสัมฤทธิ์โบราณและเหรียญเงินสมัยฟูนัน
    ๕๖.ตะบันหมากสัมฤทธิ์โบราณ
    ๕๗.เงินโบราณ (สตางค์รู)
    ๕๘.กระพรวนช้างศึก สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (เพราะมีตราครุฑยึดนาคช้างทรงอยู่)
    ๕๙.เหล็กน้ำพี้ ๗ บ่อ
    ๖๐.ครกบดยาหลวงอี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี
    ๖๑.บล็อกยันต์เกราะเพชร เข้าพิธีเสาร์๕ วัดท่าซุงปี ๒๕๕๓
    ๖๒.เหล็กไหล
    ๖๓.แผ่นเงินไส้ตะเกียงมหารัตนประทีป เป็นวิชาของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    ๖๔.ขวานหลวงปู่เจี๊ย
    ๖๕.วัชระโลหะจากประเทศทิเบต
    ๖๖.แผ่นยันต์หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา
    ๖๗.ปรอทกรอ
    ๖๘.เงินพดด้วง สมัยพระเจ้าทรงธรรม อยุธยา
    ๖๙.กระบี่ด้ามหัวช้าง สมัยรัชกาลที่ ๕
    ๗๐.ขวานปลายมีดโบราณ
    ๗๑.เหล็กปลายหอก
    ๗๒.เหล็กปลายดาบ
    ๗๓.เหล็กตรึงโบสถ์
    ๗๔.เงินจากเหล็กจารของพระอาจารย์ยุคลธรณ์
    ๗๕.พระขรรค์โสฬสเก่า หลวงปู่ศูข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    ๗๖.พระขรรค์เก่า ขุดพบที่พระปรางค์ ๓ ยอด จ.ลพบุรี
    ๗๗.วัชระทำมาจากเงิน จากประเทศญี่ปุ่น
    ๗๘.ยอดเจดีย์สัมฤทธิ์จาก ประเทศพม่า
    ๗๙.ยอดซุ้มพระอัศฐารส
    ๘๐.สลักและตะปูสังฆวานร วิหารหลวงพ่อเสริม ๑๕๐ปี วัดปทุม
    ๘๑.เหล็กสารพัดบิ่น ๑๐๘ เช่น มีด จอบ เสียม ที่ผ่านการใช้แล้วเกิดการบิ่น หัก แตก
    ๘๒.ห่วงจากเหรียญต่างๆ
    - เหรียญท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อฤาษีลิงดำปี๒๕๑๖ วัดท่าซุง
    - เหรียญเอกราช(๑๐๐ปี หลวงพ่อปาน) ปี๒๕๑๘ วัดท่าซุง
    - เหรียญเงินรุ่นสุขใจ หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง
    - เหรียญกรมหลวงชุมพร หลวงปู่แก่น วัดเขื่อนท่าทุ่งนาประชาสรรค์
    - เหรียญหลวงปู่ดี วัดใต้ ปี๒๕๑๖
    - เหรียญหลวงปู่เหรียญ วัดอรัญบรรพต จ.หนองคาย
    - เหรียญหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่
    - เหรียญหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี
    - เหรียญหลวงพ่อสำราญ วัดปากตลองมะขามเฒ่า
    - เหรียญปู่หลักคำ วัดกลางเมืองเก่า จ.ชัยภูมิ
    - เหรียญสมเด็จพระสังฆราช(อาสน)
    - เหรียญหลวงพ่อลำไย วัดทุ่งลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี
    - เหรียญหลวงพ่อโสธร วัดโสธร จ.ฉะเชิงเทรา
    - เหรียญหลวงพ่อจันทร์ จน.โท วัดอาวุธอิกสิตาราม จ.กรุงเทพ
    - เหรียญพระธาตุสี่ครูบา วัดพระบาทตากผ้า จ.ลำพูน
    - เหรียญธรรมจักรพระอาจารย์ยุคลธรณ์ ธัมมปุตโต สำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ จ.กาญจนบุรี
    - เหรียญหลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
    - เหรียญครูบาศรีวิชัย วัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่
    - เหรียญหลวงพ่อช้อย วัดนนทรี จ.อยุธยา
    - เหรียญหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า จ.ระยอง
    - เหรียญหลวงพ่อถนอม วัดโรงธรรม
    - เหรียญหลวงพ่ออ่อน วัดน้อย(วัดมัชฌันติการาม)
    - เหรียญหลวงพ่อหล่อ วัดคลองยาง จ.นครราชสีมา
    - เหรียญครูบาคันธวงศ์ วัดทุ่งแคว จ.แพร่
    - เหรียญหลวงพ่อศรีโคตรบูร วัดกกต้อง จ.นครพนม
    12. ชนวนดาบฟ้าฟื้นพลิกแผ่นดิน ของ พระอาจารย์บุญอุ้ม และ
    ชนวนมีดหมอมหาปราบโลก หลวงพ่อสมนึก วัดหรงบน จ.นครศรีธรรมราช
    ๑.เนื้อเงิน
    ๒.เงินยวง
    ๓.เงินหัวนอโม
    ๔.เงินราง
    ๕.เงินเหรียญมงคลทั้งในและต่างประเทศ
    ๖.เนื้อสตางค์แดง ๑ สตางค์
    ๗.เหรียญสตางค์รู ๕ สตางค์
    ๘.เหรียญสตางค์รู ๑๐ สตางค์
    ๙.เนื้อทองคำ
    ๑๐.ตะกรุดพระเกจิ อาจารย์ต่างๆ
    ๑๑.แร่โลหะสินแร่ต่างๆ
    ๑๒.เนื้อดีบุก
    ๑๓.เนื้อตะกั่ว
    ๑๔.แร่เหล็กน้ำพี้
    ๑๕.แร่เหล็กเขาเหล็ก
    ๑๖.แร่เหล็กไหล
    ๑๗.แร่เหล็กไหลน้ำ
    ๑๘.แร่เหล็กตาน้ำ
    ๑๙.ธาตุเหล็กไหล
    ๒๐.ธาตุโลหะเรเดียม
    ๒๑.โลหะปรอท
    ๒๒.กันมีด
    ๒๓.กันมีดหัก
    ๒๔.กันพร้า
    ๒๕.กันพร้าหัก
    ๒๖.กันพร้าคอ
    ๒๗.กันพร้าไอ
    ๒๘.กันปาดหญ้า
    ๒๙.กันขวานปรี
    ๓๐.กันกริช ๙ คต
    ๓๑.กันขวานแมก
    ๓๒.กันกริชไบปรือ
    ๓๓.กันหอก
    ๓๔.กันแหลน
    ๓๕.กันสามง่าม
    ๓๖.กันหอกใบโพธิ์
    ๓๗.กันหอกใบข้าว
    ๓๘.เหล็กคนหูหนวก
    ๓๙.เหล็กคนตาบอด
    ๔๐.เหล็กคนใบ้
    ๔๑.เหล็กพญาพันคุ้ง
    ๔๒.เหล็กพญาพันวัง
    ๔๓.เหล็กแกะทุ่งเสม็ด
    ๔๔.เหล็กแกะทุ่งสีทอง
    ๔๕.กระบอกปืนแตก
    ๔๖.กระบอกปืนไฟ
    ๔๗.กระบอกปืนซองหักลำ
    ๔๘.เหล็กยอดเจดีย์
    ๔๙.เหล็กยอดเจดีย์ วัดสระแก้ว
    ๕๐.เหล็กยอดเจดีย์ วัดหรงบน (พ่อท่านเขียว)
    ๕๑.เหล็กยอดเจดีย์ วัดถลุงทอง (พ่อท่านเคล็ง)
    ๕๒.เหล็กยอดเจดีย์ วัดห้วยรักษ์ไม้
    ๕๓.เหล็กสังฆวานร
    ๕๔.เหล็กสังฆวานร วัดพระมหาธาตุ (จ.นครศรีธรรมราช) ชินเงิน
    ๕๕.เหล็กสังฆวานร วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี (หลวงปู่สาย)
    ๕๖.เหล็กสังฆวานร (เหล็กตะปู) วิหารกลางวัดมหาธาตุ
    ๕๗.ตะปูสังฆวานร วัดวังตะวันตก
    ๕๘.ผานไถ
    ๕๙.ผานไถถ้ำวังทอง
    ๖๐.ผานไถกลางนา
    ๖๑.ผานไถกลางสระ
    ๖๒.ผานไถกลางบ่อ
    ๖๓.สมอเรือทะเลอันดามัน
    ๖๔.สมอเรือสำเภาโบราณอายุประมาณ ๘๐๐ ปี
    ๖๕.สมอเรือปากน้ำหัวเมืองปัตตานี
    ๖๖.สมอเรือลุ่มน้ำปากพนัง
    ๖๗.ท้าวพันตาลุ่มน้ำปากพนัง
    ๖๘.ท้าวพันตาลุ่มน้ำปัตตานี
    ๖๙.โลหะเครื่องบิน
    ๗๐.เหล็กตรึงโลงผี ๑๕ ป่าช้า
    ๗๑.เหล็กตรึงโลงผี วัดศาลามีชัย
    ๗๒.เหล็กตรึงโลงผี วัดสนามชัย
    ๗๓.เหล็กตรึงโลงผี วัดประตูชัย
    ๗๔.เหล็กตรึงโลงผี วัดป่าขาด
    ๗๕.เหล็กตรึงโลงผี วัดปราบ
    ๗๖.เหล็กตรึงโลงผี วัดป่าพยอม
    ๗๗.เหล็กตรึงโลงผี วัดนาปะขอ
    ๗๘.เหล็กตรึงโลงผี วัดว้งฆ้อง
    ๗๙.เหล็กตรึงโลงผี วัดสามัคยาราม
    ๘๐.เหล็กตรึงโลงผี วัดทุ่งบก
    ๘๑.เหล็กตรึงโลงผี วัดทุ่งโพธ์
    ๘๒.เหล็กตรึงโลงผี วัดนาหมอบุญ
    ๘๓.เหล็กตรึงโลงผี วัดวิภาวดี
    ๘๔.เหล็กตรึงโลงผี วัดหรงบน
    ๘๕.เหล็กทิ่มผี วัดศาลามีชัย
    ๘๖.เหล็กทิ่มผี วัดสนามชัย
    ๘๗.เหล็กทื่มผี วัดประตูชัย
    ๘๘.เหล็กทิ่มผี วัดป่าขาด
    ๘๙.เหล็กทิ่มผี วัดปราบ
    ๙๐.เหล็กทิ่มผี วัดป่าพยอม
    ๙๑.เหล็กทิ่มผี วัดนาปะขอ
    ๙๒.เหล็กทิ่มผี วัดว้งฆ้อง
    ๙๓.เหล็กทิ่มผี วัดสามัคยาราม
    ๙๔.เหล็กทิ่มผี วัดทุ่งบก
    ๙๕.เหล็กทิ่มผี วัดทุ่งโพธ์
    ๙๖.เหล็กทิ่มผี วัดนาหมอบุญ
    ๙๗.เหล็กทิ่มผี วัดวิภาวดี
    ๙๘.เหล็กทิ่มผี วัดหรงบน
    ๙๙.กันสมอเรือ
    ๑๐๐.ตรวนนักโทษประหาร (ตรึงโทษ)
    ๑๐๑.สลักปืนไฟโบราณ
    ๑๐๒.สลักประตูโบสถ์ วัดถลุงทอง
    ๑๐๓.สลักประตูเรือนจำ
    ๑๐๔.เหล็กรอดตะตาง (ตะราง)
    ๑๐๕.เหล็กตรึงคลังอาวุธ
    ๑๐๖.เหล็กตะขอตรึง
    ๑๐๗.เหล็กขบเข้
    ๑๐๘.เหล็กใบเลื่อย
    ๑๐๙.เหล็กใบเลื่อยสายพาน
    ๑๑๐.เหล็กใบเลื่อยวงเดือย
    ๑๑๑.เหล็กใบเลื่อยคันธนู
    ๑๑๒.เหล็กใบเลื่อยชัก
    ๑๑๓.เหล็กทุ่นเรือ
    ๑๑๔.เหล็กทุ่นอวน
    ๑๑๕.เหล็กตาชั่ง
    ๑๑๖.เหล็กลูกชั่ง
    ๑๑๗.เหล็กเตารีด
    ๑๑๘.เหล็กเตารีดหัวหงส์
    ๑๑๙.เหล็กเตารีดทองเหลือง
    ๑๒๐.ไตรภพ
    ๑๒๑.ไตรปีน
    ๑๒๒.กรรไกรหัก
    ๑๒๓.เหล็กครูหมอเหล็ก
    ๑๒๔.คีมจับเหล็กโบราณ
    ๑๒๕.ค้อนโบราณ
    ๑๒๖.ลึนปิดสูบโบราณ
    ๑๒๗.ทั่งโบราณ (หัวใจโรงเหล็ก)
    ๑๒๘.คันชักสูบโบราณ
    ๑๒๙.เหล็กกดราง
    ๑๓๐.เหล็กกดรางตีนเขาวัง
    ๑๓๑.เหล็กไอ้ไฉ้ง
    ๑๓๒.เหล็กกันไอ้เด้ง (จ.พัทลุง)
    ๑๓๓.เหล็กคว้านเรือ
    ๑๓๔.เหล็กกรรไกร
    ๑๓๕.เหล็กกันคลาด
    ๑๓๖.เหล็กกันแคล้ว
    ๑๓๗.เหล็กใบกดทัด
    ๑๓๘.เหล็กใบกดผีเสื้อ
    ๑๓๙.เหล็กกินมีด
    ๑๔๐.เหล็กสแตนเลส
    ๑๔๑.ฆ้องโบราณ
    ๑๔๒.ระฆังโบราณ
    ๑๔๓.เหล็กคลาดทะเล
    ๑๔๔.เหล็กหางเสือ
    ๑๔๕.เหล็กพญานาค (หัวพญานาค)
    ๑๔๖.ตะขอช้างพลาย
    ๑๔๗.ตรวนตรึงช้าง
    ๑๔๘.ตรวนตรึงช้างพลาย
    ๑๔๙.ตรวนตรึงช้างพัง
    ๑๕๐.เหล็กครูหมอสมุนไพร
    ๑๕๑.เหล็กครูหมอมโนราห์
    ๑๕๒.เหล็กครูหมอหนังตะลุง
    ๑๕๓.เหล็กบริคุบ
    ๑๕๔.พิมพ์พระโบราณ
    ๑๕๕.เหล็กฐานตั้งเทียนชัย
    ๑๕๖.เหล็กแม่พิมพ์พระหลวงปู่เขียว ปี ๒๕๓๗
    ๑๕๗.เหล็กแม่พิมพ์พระหลวงปู่เขียว ปี ๒๕๓๘
    ๑๕๘.เหล็กแม่พิมพ์พระหลวงปู่เขียว ปี ๒๕๔๐
    ๑๕๙.เหล็กแม่พิมพ์พระหลวงปู่เขียว ปี ๒๕๔๘ (ถวายวัดทาบทอง)
    ๑๖๐.เหล็กแม่พิมพ์พระหลวงทวด ปี ๒๕๔๘
    ๑๖๑.เหล็กแม่พิมพ์พระสมเด็จหลวงปู่ปาน ปี ๒๕๔๐
    ๑๖๒.เหล็กแม่พิมพ์พระหลวงปู่ปาน ปี ๒๕๓๔
    ๑๖๓.เหล็กแม่พิมพ์พระหลวงปู่สาย ปี ๒๕๔๐
    ๑๖๔.เหล็กแม่พิมพ์พระพ่อท่านเนียม ปี ๒๕๔๘
    ๑๖๕.เหล็กแม่พิมพ์พระปิดตารุ่นสมใจนึก
    ๑๖๖.เหล็กแม่พิมพ์พระขุนแผน ปี ๒๕๔๘
    ๑๖๗.เหล็กแม่พิมพ์พ่อจตุคามรามเทพ รุ่น เงินไหลมา
    ๑๖๘.เหล็กแม่พิมพ์พ่อจตุคามรามเทพ รุ่นเทวบูชามหาเศรษฐี
    ๑๖๙.เหล็กแม่พิมพ์พ่อจตุคามรามเทพ รุ่นเศรษฐีทวีทรัพย์
    ๑๗๐.เหล็กแม่พิมพ์พ่อจตุคามรามเทพ รุ่นเศรษฐีใหญ่
    ๑๗๑.เหล็กแม่พิมพ์พระขุนแผนพ่อท่านเถื่อน ปี ๒๕๕๑ (วัดคีรีวงศ์)
    ๑๗๒.ตรวนตรึงเรือสำเภา
    ๑๗๓.ท้าวพันตาทุ้งตน
    ๑๗๔.ท้าวพันตาทุ้งทวยเทพ
    ๑๗๕.ท้าวพันตาทุ้งหว้าใหญ่
    ๑๗๖.บ่วงบาตร วัดหรงบน
    ๑๗๗.บ่วงบาตร วัดธรรมโฆษ
    ๑๗๘.บ่วงบาตร วัดวิภาวดี
    ๑๗๙.บ่วงบาตร วัดสามัคยาราม
    ๑๘๐.บ่วงบาตร วัดฆ้อง
    ๑๘๑.บ่วงบาตร วัดทุ่งบก
    ๑๘๒.บ่วงบาตร วัดเจริญธรรมธาราม
    ๑๘๓.บ่วงบาตร วัดท่ามุด
    ๑๘๔.บ่วงบาตร วัดถลุงทอง
    ๑๘๕.บ่วงบาตร วัดหัวตรุด(เก่า)
    ๑๘๖.กระบอกปืนมหาอุต เขาวัง
    ๑๘๗.กระบอกปืนมหาอุต เขาช้างศรี
    ๑๘๘.กระบอกปืนมหาอุต เขาธง
    ๑๘๙.กระบอกปืนมหาอุต ทุ่งใหญ่
    ๑๙๐.กระบอกปืนมหาอุต พระแสง
    ๑๙๑.กระบอกปืนมหาอุต เทือกเขาบรรทัด นาทวี
    ๑๙๒.กระบอกปืนมหาอุต เขาแก้ว
    ๑๙๓.กระบอกปืนมหาอุต เขาโสเงาะ
    ๑๙๔.กระบอกปืนมหาอุต เขาคูหา
    ๑๙๕.กระบอกปืนมหาอุต ทุ่งนุ้ย
    ๑๙๖.กระบอกปืนมหาอุต เขาแม่เศรษฐี
    ๑๙๗.ลวดพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ๑๐ปี
    ๑๙๘.ลวดพิธีนพเคราะห์
    ๑๙๙.ลวดพิธีพุทธาภิเษกองค์พ่อจตุคามฯ รุ่นปลดหนี้
    ๒๐๐.ลวดพิธีพุทธาภิเษกองค์พ่อจตุคามฯ รุ่นเศรษฐีทวีทรัพย์
    ๒๐๑.ลวดพิธีพุทธาภิเษกหลวงปู่เขียว ปี ๒๕๔๐
    ๒๐๒.ลวดพิธีพุทธาภิเษกหลวงพ่อทันใจ ปี ๒๕๕๓
    ๒๐๓.ลวดพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ปี ๒๕๕๒
    ๒๐๔.ธาตุเหล็กไหลลาวาภูเขาไฟ
    ๒๐๕.คันเหล็กไซ
    ๒๐๖.เหล็กไซ
    ๒๐๗.เหล็กรอดประตูวัด
    ๒๐๘.เหล็กรอดประตูบ้าน
    ๒๐๙.เหล็กรอดเจดีย์
    ๒๑๐.เหล็กรอดวิหาร
    ๒๑๑.เหล็กสลักวิหาร
    ๒๑๒.เหล็กสลักบ้าน
    ๒๑๓.เหล็กเหนียว
    ๒๑๔.เหล็กกล้า
    ๒๑๕.เหล็กคันร่ม
    ๒๑๖.เหล็กคันร่มขาด
    ๒๑๗.เหล็กคันร่มหัก
    ๒๑๘.เหล็กใบพร้าบิ่น
    ๒๑๙.เหล็กใบพร้าขาด
    ๒๒๐.เหล็กใบพร้าหัก
    ๒๒๑.เหล็กแหนบหัก
    ๒๒๒.เหล็กตรึงสะพาน
    ๒๒๓.เหล็กตรึงทาง
    ๒๒๔.เหล็กตรึงรถ
    ๒๒๕.เหล็กตรึงวัว
    ๒๒๖.เหล็กตรึงเรือ
    ๒๒๗.เหล็กจอบหัวหมูบิ่น
    ๒๒๘.เหล็กจอบหัวหมูหัก
    ๒๒๙.เหล็กจอบบิ่น
    ๒๓๐.เหล็กแหนบ
    ๒๓๑.ชนวนพระปิดตาหลวงปู่ปาน (จ.พัทลุง)
    ๒๓๒.ผงตะไบทอง ๑๐๘ เกจิ
    ๒๓๓.ผงตะไบเงิน
    ๒๓๔.ผงตะไบนวะโลหะ
    ๒๓๕.ชนวนพระพิฆเณศ รุ่นปลดหนี้
    ๒๓๖.ชนวนหล่อพระถ้ำใหญ่ (ทุ่งสง)
    ๒๓๗.ชนวนพระปิดตามหาลาภ วัดสามัคยาราม ปี๒๕๕๓
    ๒๓๘.เหล็กกันพร้าบอก
    ๒๓๙.เหล็กสกัด
    ๒๔๐.เหล็กตรึงบาทพระวิหารหลวง
    ๒๔๑.เหล็กตรึงตะโพน
    ๒๔๒.ทองฝาบาตร
    ๒๔๓.เหล็กตรึงกุฏิหลวงปู่เขียว วัดหรงบน
    ๒๔๔.เหล็กประแจเหล็ก
    ๒๔๕.เหล็กประแจทอง
    ๒๔๖.ตะขอช้าง
    ๒๔๗.พญาร้อยคุ้ง
    ๒๔๘.นวโลหะ (อาจารย์ เอียด วัดโคกแย้ม)
    ๒๔๙.พญาพันวัง (โซล่ามช้าง)
    ๒๕๐.เหล็กไอ้ใบ้
    ๒๕๑.เหล็กเที่ยงตรง
    ๒๕๒.ตะแกรงเผาผี
    ๒๕๓.ปอฉ้อ
    ๒๕๔.ผงเหล็กอาถรรพ์


    13.เหล็กหมุดรางรถไฟ จ.กาญจนบุรี
    14.เหล็กผานไถ
    15.เหล็กเกือกม้า
    16.เหล็กปลอกช้างศึก
    17.ตะปูเกลียวกำแพงช้างเอราวัณ
    18.เหล็กขอสับช้าง
    19.เหล็กพลับพลาสมเด็จพระนเรศวรฯ จ.ปราจีนบุรี
    20.เหล็กตรึงพระที่นั่งวังหน้า กรุงเทพมหานคร
    21.เหล็กตะปูพลับพลาสมเด็จพระนเรศวรฯ จ.ปราจีนบุรี
    22.เหล็กประตูอาคาร รร. จปร.
    23.เหล็กตรึงค่ายทหารบก
    24.เหล็กตรึงค่าย
    25.เหล็กสร้างศาลากองทัพภาคที่ ๒ จ.นครราชสีมา
    26.ตะปูตรึงประตูศักดิ์ไชยสิทธิ์ พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร
    27.เหล็กสลักวิหาร วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่
    28.เหล็กสลักบานประตูพระอุโบสถ
    29.ตะปูสลักวิหาร วัดสวนแก้ว จ.เชียงใหม่
    30.ตะปูวิหารหลวงปู่ท่อน
    31.เหล็กประตูชุมพล ท้าวสุรนารี (ย่าโม) จ.นครราชสีมา
    32.เหล็กประตูโบสถ์ วัดศรีสุทธาวาส จ.เลย
    33.เหล็กตะปูตรึงธรณีศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร
    34.เหล็กรางเมรุ หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
    35.เหล็กตะปูโลงศพ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย จ.นครราชสีมา
    36.เหล็กรางเมรุอาจารย์ ฉลาด จ.เลย
    37.ตะปูโลงศพ อาจารย์ สุพจน์
    38.มีดสับเปร่อเผาศพหลายวัด
    39.เหล็กตะปูเฉียงนาถูกฟ้าผ่า
    40.เหล็กทิ่มผี
    41.ตะปูโลงศพผีตายโหง ผีตายท้องกลม
    42.เหล็กตะปูตอกโลงศพ
    43.ตะปูโลงศพ ๑๐๘ โลง
    44.เหล็กน้ำพี้ บ่อพระแสง จ.อุตรดิตถ์
    45.เหล็กสารพัดเหล็ก
    46.เหล็กไหลตาแรด
    47.เหล็กไหลเขาอึมครึม
    48.เหล็กไหลเพลิง
    49.เหล็กไหลท้องน้ำ
    50.แร่เกาะล้าน
    51.เหล็กไหลไพลดำ
    52.แร่บางไผ่ ต.บางคูลัด จ.นนทบุรี
    53.ขี้เหล็กไหล
    54.แร่เหล็กหลวงปู่พรหม วัดพลานุภาพ จ.ปัตตานี
    55.แร่เหล็กเพชรหลีกภูเขาควาย ประเทศลาว
    56.เหล็กเปียก
    57.แร่เหล็ก ต.ควนโพธิ์ หลวงปู่ทวด จ.ปัตตานี
    58.ผงแร่เหล็กทั้ง ๕ (เหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด)
    59.แร่ทองแดงเถื่อน อ.ปากชม จ.เลย
    60.ปรอทดำ
    61.แร่เหล็ก จ.อุทัยธานี
    62.แร่เหล็ก จ.อุบลราชธานี
    63.แร่เหล็กภูเหล็ก จ.เลย
    64.แร่เหล็กจากนาดินดำ จ.เลย
    65.เหล็กดิบภูเหล็ก จ.เลย
    66.แร่เหล็กจากภูเขาทอง จ.เลย
    67.แร่เหล็กบ้านธาตุ จ.เลย
    68.เหล็กเปียก

    สีเนื้อองค์พระปิดตาเพชรกลับ มหาสะท้อน ลาภผลพูลทวี
    เนื้อเหล็กไหลปรอทชมพูนุช
    สีเนื้อจะออกไปทางเนื้อปรอทชมพูนุชเลยครับ ของหายากราคาถูก
    และไม่คอยมีคนทำ เป็นเนื้อแร่เหล็กไหลผสมก้อนปรอทชมพูนุช การหล่อแบบโบราณ ฉนั้นองค์พระจะออกมาไม่ค่อยสวย แต่เนื้อแบบนี้หายากมากครับ เพราะจะออกทางเนื้อปรอทสำเร็จเลยครับ

    ความหมายสำคัญของคำว่าเพชรกลับพุทธคุณจะสะท้อน สิ่งร้ายๆให้กลับกลายเป็นดีจากดีจะเพิ่มทวีคูณยิ่งๆขึ้น เพชรกลับเชื่อกันว่า มีอานุภาพ กลับร้ายให้กลายเป็นสิ่งดีสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ชีวิต อานุภาพป้องกันขจัดปัดเป่า ภัยพิบัติต่างๆไม่ให้มาย่ำกรายหนุนดวงชะตาให้ดียิ่งขึ้น
    มหาสะท้อนมหาอำนาจสะท้อนกลับ เหมาะสำรับคนที่โดนคิดร้าย โดนจ้องจะทำร้าย โดนกระทำทางด้านไสยศาสตร์ก็ดีคุณผีคุณคน หรือมีศัตรู คนที่คิดหรือกระทำ จะสะท้อนย้อนกลับไปหาผู้คิดร้ายหรือจะทำร้ายให้แพ้ภัยตัวเอง
    เหมาะกับคนที่ปกครองคน เจ้าของกิจการ ข้าราชการ

    เพชรจักรพรรดิ์ครับ ให้หลวงตาม้าเสกในถ้ำใหญ่อีกครับ(พร้อมดาบสายฟ้า)โดยเฉพาะเรื่องลาภผล จะคล่องตัวมากเป็นพิเศษ
    ที่เหลือมีครบทุกด้านครับ และพระปิดตารุ่นนี้จะขอหลวงพ่อให้เมตตาอธิฐานจิตเป็นพิเศษ แบบเงินไหลมาเทมาเลยบวกกับป้องกันภัยทุกอย่างด้วยครับ

    ชมพูนุช คือปรอทชนิดหนึ่ง ป้องกันรังษี-ดูดพิษ และเข้มขลังในตัว รักษาโรค ขับพิษ มหาอุตฯ

    สรุปเลยนะครับ
    1.แบบไม่มีก้านจะมีอุดผงเพิ่มเติมใต้องค์รึเปล่าครับ ถ้ามีอุดเพิ่มจะครบเครื่องมากขึ้นไปอีก
    มีเกศาของอาจารย์ให้เห็น และผงมงคลอื่นๆอีก
    จะได้ทั้งเนื้อแร่เหล็กกับปรอดหายากและเนื้อผงมงคลในองค์เดียวกัน

    ครับ เห็นด้วยกับความเห็นนี้ครับ ขอสนับสนุน เพราะถ้ามีอุดเพิ่มจะครบเครื่องมากขึ้นไปอีก
    มีเกศาของอาจารย์ให้เห็น และผงมงคลอื่นๆอีก
    จะได้ทั้งเนื้อแร่เหล็กกับปรอดหายากและเนื้อผงมงคลในองค์เดียวกัน จะได้สุดยอดไปเลยครับ

    คิดเหมือนหลายๆท่าน คือถ้าเอาก้านชนวนออกเเล้วอุดมวลสารพิเศษ เเละ เกศาหลวงพ่อหนุน ด้วย จะดีกว่าครับ เพราะมีก้านจะไม่สวยเท่าไหร่ ครับ

    เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

    2.ทำตามขอครับแถมติดเพชรเข้าพิธีวัดเขาวงโดยมีลูกแก้วจักรพรรดิ์ของหลวงพ่อเป็นประธานด้วย อีกหนึ่งเม็ดครับสำหรับพระปิดตาเพชรกลับ มหาสะท้อน ลาภผลพูลทวี

    เนื้อเหล็กไหลปรอทชมพูนุช

    3.พระอาจารย์เมตตา ติดจีวรด้วยได้ไหมครับ

    4.ติดตรงระหว่างขาที่ขัดสมาธิเพชร จะข้างล่างหรือข้างบนดี
    ด้านบน
    ความหมายน่าจะดีกว่า

    ถ้าติดจีวรตรงระหว่างขาที่ขัดสมาธิเพชรข้างบนแล้วมีเกศาหลวงพ่อติดหลายๆเส้นด้วยน่าจะดีนะครับ

    ผิวของเนื้อพระปิดตาเหล็กไหลปรอทชมพูนุช ผมได้ส่องดูแล้วลักษณะจะออกแบบเกล็ดปลากระดี่ ซึ่งเป็นแบบโบราณจริงๆ ทุกวันนี้แทบหาไม่เจอแล้วครับ ส่องแล้วสวยบาดตามากเลยครับ น้ำหนักกำลังดี พุทธคุณแค่เหล็กไหลหลายสิบชนิดบวกกับปรอทชมพูนุชและชนวนเหล็กสัตตะโลหะดาบสายฟ้าพิฆาตศัตรูพ่ายบวกขนวนเหรียญหล่อมหาเศรษฐีเนื้อพิเศษ

    เพชรฉลูกัน's Avatar

    วันที่สมัคร: Nov 2007
    ข้อความ: 11,413
    Groans: 11
    Groaned at 41 Times in 35 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 460
    ได้รับอนุโมทนา 38,253 ครั้ง ใน 8,265 โพส
    พลังการให้คะแนน: 2182
    เพชรฉลูกัน has a reputation beyond reputeเพชรฉลูกัน has a reputation beyond reputeเพชรฉลูกัน has a reputation beyond reputeเพชรฉลูกัน has a reputation beyond reputeเพชรฉลูกัน has a reputation beyond reputeเพชรฉลูกัน has a reputation beyond reputeเพชรฉลูกัน has a reputation beyond reputeเพชรฉลูกัน has a reputation beyond reputeเพชรฉลูกัน has a reputation beyond reputeเพชรฉลูกัน has a reputation beyond reputeเพชรฉลูกัน has a reputation beyond repute
    permalink
    ผลงานวันนี้ครับ....ตามมาได้ชุดนี้มีจารหลังทุกองค์ครับ ถือว่าเป์นยุคต้นๆของหลวงปู่ท่านครับพร้อมด้วนสุดยอดแร่ปรอทชมพูนุชที่หลวงปู่รับรองว่าเป็นปรอทสำเร็จจากธรรมชาติจริงๆครับ ตอนนี้ถ้าที่มีก็ปิดแล้วหมดสิทธิ์ไปเอาแล้วครับ และแร่นี่แหละครับที่ใช้ผสมในพระปรอทชมพูนุชของหลวงปู่ท่าน และผสมในชุดพระถ้ำเมืองนะของหลวงตาม้าด้วยครับ รับรองว่าหาไม่ได้ บางท่านอาจจะคิดว่าจะเหมือนแร่เหล็กดำๆที่เห้นทั่วไปครับ แต่แตกต่างกันครับเพราะปรอทชมพุนุชนี้ละลายตัวเอาผสมลงไปในเนื้อพระที่หลอมละลายได้เลยและจะทรงคุณมหาศาลดุจมีปรอทสำเร็จไว้ติดตัวครับ.....แต่ถ้าเอาเเร่เหล็กไหลสีดำๆผสมลงไปเวลาหลอมพระรับรองเป็นก้อนครับเพราะจุดหลอมเหลวจะสูงมากและไม่สามารถเข้ากับทองได้เลยครับ ใครได้ไปถือว่าเป็นวาสนาครับ
    เด่นด้านปรับสภาพของร่างกาย ทำให้เซลในร่างกายฟื้นตัวเร็ว ด้านกำลังดีกว่าปกติ ปรับธาตุ ล้างธรณีสารได้

    ผสมชนวนเหรียญหล่อมหาเศรษฐีเนื้อพิเศษด้วยครับ
    :cool:
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...