เตือนพระหาเงิน ผิดทั้งวินัย ผิดทั้งกฏหมาย!

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย THODSAPOL SETTAKASIKIT, 28 พฤศจิกายน 2010.

  1. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    ...ผู้เคารพย่อมไม่เหยียบย่ำ ทำลาย
    พระพุทธรูปทำมาจากทองเหลือง....

    เอาของเก่ามาทำใหม่หรือเปล่านี่

    พุทธรูป แปลว่าอะไร?
    พุทธะ+รูป มีความหมายว่า รูปของพระพุทธเจ้า

    อัตตภาพของพระมหาบุรุษสะสมไว้ด้วยทานจิต บุญจิต ตระเตรียมไว้ด้วยบารมี ๑๐ ด้วยประการฉะนี้. ศิลปินทั้งปวงหรือผู้มีฤทธิ์ทั้งปวงในโลก ไม่สามารถสร้างรูปเปรียบได้.
    เล่ม ๑๓ หน้า ๑๒๑ บรรทัด ๑๒
    http://palungjit.org/tripitaka/index.php
    http://www.dhammahome.com/front/tipitaka/
    http://www.samyaek.com/tripidok/book13/101_150.htm

    บทว่า อปฺปฎิโม (ไม่มีผู้เปรียบ) ความว่า อัตภาพเรียกว่ารูปเปรียบ. ชื่อว่าไม่มีผู้เปรียบ เพราะรูปเปรียบอื่นเช่นกับอัตภาพ ของท่านไม่มี. อีกอย่างหนึ่ง มนุษย์ทั้งหลายกระทำรูปเปรียบใดล้วนแล้วด้วยทองและเงินเป็นต้น ในบรรดารูปเปรียบเหล่านั้น ชื่อว่าผู้สามารถกระทำโอกาสแม้สักเท่าปลายขนทรายให้เหมือนอัตภาพของพระตถาคต ย่อมไม่มี เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่าไม่มีผู้เปรียบแม้โดย ประการทั้งปวง
    เล่ม ๓๒ หน้า ๒๑๔ บรรทัด ๖
    http://palungjit.org/tripitaka/index.php
    http://www.dhammahome.com/front/tipitaka/
    http://www.samyaek.com/tripidok/book32/201_250.htm

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตดำรงอยู่
    ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดา และมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต

    เล่ม ๑๑ หน้า ๖๖ บรรทัด ๘
    http://palungjit.org/tripitaka/index.php
    http://www.dhammahome.com/front/tipitaka/
    http://www.samyaek.com/tripidok/book11/051_100.htm

    ดูก่อนวักกลิ ผู้ใดแลเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นเรา
    ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นธรรม

    เล่ม ๒๗ หน้า ๒๗๖
    http://palungjit.org/tripitaka/index.php
    http://www.dhammahome.com/front/tipitaka/
    http://www.samyaek.com/tripidok/book27/251_300.htm

    เห็นธรรม ในที่นี้คือเข้าใจในคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วเข้าใจไหม? ว่า
    ทำไมพระองค์จึงไม่ให้พระรับเงิน
    ทำไมพระองค์จึงไม่เคารพรูป (พระพุทธเจ้าเลยนะนี่ที่พาสาวกไม่เคารพรูป)

    บุญจากการเปิดเผยธรรมวินนัยนี้ จงสำเร็จแก่ ญาติ เทวดาที่รักษา นายเวร เชื้อโรคข้า ครอบครัวข้า ชาวทิพย์ที่ดูแลรักาากิจการที่ข้าเกี่ยวข้อ ชาวทิพย์ที่ดูแลรักษาพุทธศาสนา และผู้ต้องการตลอดไป


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2011
  2. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,117
    (ต้องขออนุญาติคุณ สนังกุมารพรหมด้วยครับ ที่ต้องนำคำกล่าวมาอ้างอิง)
    "พี่ครับอย่าร้อนนะพี่ อืมคำว่าหาเงินเนี่ยพี่ช่วยอธิบายให้กระจ่างพร้อมยกตัวย่างให้ผมฟังสักหน่อยนะครับผม พอดีผมมันคนโง่อะครับไม่ค่อยจะเข้าใจ......"

    เท่าที่ผมตามอ่านคุณ จขกท. ว่ามา ผมยังหาคำอบที่คุณสนังกุมารพรหมถามมายังไม่เจอเลยครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าคำว่า พระหาเงินนั้นเป็นอย่างไร ถ้ายังคงต้องรบกวน คุณ จขกท. ด้วยนะครับ เออ คือผมอยากรู้จริง ๆ ไม่ได้มาลองภูมิ ลองวิชาแต่อย่างใด ผมคงไม่ต้องบอกอายุ บอกชื่อจริง ก็สามารถถามได้ใช่หรือไม่ครับ
     
  3. THEFOOL23

    THEFOOL23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +136
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->THODSAPOL SETTAKASIKIT<!-- google_ad_section_end --> คับ ยกมาแล้ว ควร มี ปัญญา ควรใช้ ปัญญา ของท่าน ด้วยนะคับ

    อัตตภาพ

    ของพระมหาบุรุษสะสมไว้ด้วยทานจิต บุญจิต ตระเตรียมไว้ด้วยบารมี ๑๐


    ด้วยประการฉะนี้. ศิลปินทั้งปวงหรือผู้มีฤทธิ์ทั้งปวงในโลก ไม่สามารถสร้าง


    รูปเปรียบได้.


    ในนี้ หมาย ถึง พระวรกายทั้งหมดของพระมหาบุรุษ กาย สังขาร ของ พระพุทธเจ้า คับ ที่ ศิลปินทั้งปวงหรือผู้มีฤทธิ์ทั้งปวงในโลก ไม่สามารถสร้างรูปเปรียบได้


    ไม่สามารถ มี กาย เหมือน พระพุทธเจ้าได้ นั้นเอง


    พระท่าน อธิบาย เรื่อง รูป ร่างกายของพระพุทธเจ้า คับ ว่าในโลก ไม่มีใคร มีกาย เหมือน พระพุทธเจ้าได้



    แล้ว คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->THODSAPOL SETTAKASIKIT<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4101129", true); </SCRIPT> ยกมาเปรียบกับ รูปปั้น ได้ยังไงละคับท่าน


    ไม่ทราบว่า มันเกี่ยวอะไรกับ การที่ ศาสนาพุทธ ของ จขกท สอนให้ ทำลายรูปปั้น ทำลายต่างๆนาๆ คับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2010
  4. THEFOOL23

    THEFOOL23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +136
    เอามาจากไหนคับ ถึงได้แปลมีความหมายว่า รูปของพระพุทธเจ้า

    ขอ หลักฐาน อ้างอิงค์ เอามาลงให้ดูด้วยคับ

    ประวัติการสร้างพระพุทธรูป

    ในระยะแรกหลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พุทธศาสนิกชนก็ได้นำเอา ดิน น้ำ และใบโพธิ์จากสังเวชนียสถาน ๔ แห่ง คือ สถานที่ประสูติ (ลุมพินีวัน) ตรัสรู้ (พุทธคยา) ปฐมเทศนา (พาราณสี) และ ปรินิพพาน (กุสินารา) เก็บมาไว้เพื่อบูชาคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อมามีการสร้างรูปอื่นที่เป็นสัญลักษณ์เพื่อระลึกถึงพระพุทธคุณ เช่น ทำดวงตราสัญลักษณ์ประจำสถานที่ต่างๆ ขึ้น ด้วยดินเผาหรือแผ่นเงิน เช่นที่เมืองกบิลพัสดุ์สร้างตราดอกบัว หมายถึงมีสิ่งบริสุทธิ์เกิดขึ้น และตราม้า หมายถึงม้ากัณฐกะ ที่เมืองพาราณสีสร้างตราธรรมจักร มีรูปกวางหมอบอันหมายถึงการแสดงธรรมจักร และพระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงสร้างเสาหินอโศกไว้ในสถานที่ประสูติ เป็นต้น

     
  5. THEFOOL23

    THEFOOL23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +136
    จขกท ไป อ่าน ซ้ำ สัก ล้าน รอบ เพื่อ จะเข้าใจเพิ่มมากขึ้น

    เอามาลงให้ดู แล้ว จขกท ยังไม่เข้าใจอีก


    พุทธพจน์ ของ พระพุทธเจ้า นะคับ พุทธพจน์ แล้ว ไม่มีผิด


    ใครก็ตาม ถึงจะใช้ทอง และ เงิน เป็น ต้น ที่จะ กระทำ ต่างๆ ให้เหมือนอัตภาพ ของ ตถาคต ยอม ไม่มี


    ความหมาย ตรงตัว ไม่ทราบว่า จขกท ไปตีความ เป็นอะไรอีกละท่าน

    พูด ง่ายๆ ไม่มี มนุษย์คนไหนก็ตามในโลกนี้ สามารถ จะ กระทำ รูปเปรียบ ให้เหมือน ตถาคต ย่อมไม่มี


    จำไว้ จขกท

    พุทธพจน์ ของ พระพุทธเจ้า นะคับ พุทธพจน์ แล้ว ไม่มีผิด


    ถ้าท่าน อ่านแล้ว ใช้ ปัญญาแล้ว แล้วยังไม่เข้าใจอีก

    ถาม จขกท สั้นๆ ว่า ในโลกนี้ มีใคร สร้างรูป ได้เหมือน ตถาคต ไหม

    เพราะ ไม่มีใคร มีรูปได้ สร้างได้เหมือน ตถาคต

    จึงมี พุทธพจน์ ไว้ดังข้างบนนี้ ที่ ท่าน ยกมานั้นละคับ


    บทว่า อปฺปฎิโม (ไม่มีผู้เปรียบ) ความว่า มนุษย์ทั้งหลายกระทำรูปเปรียบใดล้วนแล้วด้วยทองและเงินเป็นต้น ให้เหมือนอัตภาพของพระตถาคต ย่อมไม่มี



    อัตภาพ ใช้หมายถึงตัวตน, ร่างกาย, ชีวิต, รูปลักษณะ เป็นคำบ่งบอกถึงอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของคนตลอดถึงบุคลิกภาพ

    ไม่ทราบว่า มันเกี่ยวอะไรกับ การที่ ศาสนาพุทธ ของ จขกท สอนให้ ทำลายรูปปั้น ทำลายต่างๆนาๆ คับ


    จะยก พุทธพจน์ มาอ้าง จขกท ไปพิจารณาก่อนเถอะ

    เที่ยวยก พุทธพจน์ มาอ้าง แล้วไม่ดูเลย

    จขกท ยกมาอ้างแบบนี้ แสดงว่าไม่เชื่อ พุทธพจน์ พระพุทธเจ้า ใช่ไหม

    ขนาด พุทธพจน์ ของ พระพุทธเจ้า นะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2010
  6. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    ...นายยังไม่เข้าใจที่ผมบอกว่า พระรับเงิน แต่ใจไม่ติดกับเงิน
    ในเมื่อนายไม่เข้าใจ ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะต่างคนต่างความคิด...

    ..แต่ถ้าญาติโยมตั้งใจถวาย พระรับเงิน เพื่อเจริญศรัทธา ผมเห็นว่าไม่ผิดหรอกครับ
    ...คุณต้องแยกให้ออก ไม่ใช่ว่า เหมารวมทั้งหมดนะครับ..

    เอาข้อความมารวมกันเพื่อชี้แจงทีเดียวครับ
    จะให้ผมเข้าใจอย่างไร? ก็ผมเจอมาอย่างนี้นี่ครับ


    ได้ยกถ้อยคำนี้ขึ้นสนทนาในระหว่างว่า ทองและ.เงินควรแก่พระสมณะเธอสายพระศากยบุตร พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรยินดีทองและเงิน พระสมณะเชื้อสายพระสากยบุตรรับ ทองและเงิน เมื่อชนทั้งหลายพูดอย่างนี้แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าได้พูดกะบริษัทนั้นว่า นาย พวกท่านอย่าได้พูดเช่นนี้ ทองและเงินไม่ควรแก่พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรไม่ยินดีทองและเงิน พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรไม่รับทองและเงิน พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรมีแก้วและทองอันวางเสียแล้ว ปราศจากทองและเงิน ข้าพระพุทธเจ้าสามารถชี้แจงให้บริษัทนั้นเข้าใจได้ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าพยากรณ์อย่างนี้ ชื่อว่ากล่าวคล้อยตามพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ชื่อว่ากล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคำเท็จชื่อว่าพยากรณ์ธรรมอันสมควรแก่ธรรม และสหธรรมิกบางรูป ผู้กล่าวตามวาทะ ย่อมไม่ถึงฐานะที่ควรติเตียนหรือ พระพุทธเจ้าข้า.
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เอาละ นายบา้น เธอพยากรณ์(ตอบ)อย่างนี้ชื่อว่ากล่าวคล้อยตามเรา ชื่อว่าไม่กล่าวตู่เราด้วยคำเท็จ ชื่อว่า พยากรณ์ธรรมสมควรแก่ธรรม และสหธรรมิกบางรูปผู้กล่าวตามวาทะย่อมไม่ถึงฐานะที่ควรติเตียน ดูก่อนนายบ้าน ทองและเงินไม่ควรแก่สมณะเชื้อสายพระศากยบุตรโดยแท้ สมณะเชื้อสายพระศากยบุตรไม่ยินดีทองและเงิน สมณะเชื้อสายพระศากยบุตรไม่รับทองและเงิน สมณะเชื้อสายพระศากยบุตรมีแก้วและทองอันวางเสียแล้ว ปราศจากทองและเงิน ทองและเงินควรแก่ผู้ใด แม้กามคุณทั้งห้าก็ควรแก่ผู้นั้น กามคุณทั้งห้าควรแก่ผู้ใด เธอพึงจำผู้นั้นไว้โดยส่วนเดียวว่า มีปกติมิใช่สมณะ มีปกติมิใช่เชื้อสายพระศากยบุตร เราจะกล่าวอย่างนี้ว่า ผู้ต้องการหญ้า พึงแสวงหาหญ้า ผู้ต้องการไม้ พึงแสวงหาไม้ ผู้ต้องการเกวียน พึงแสวงหาเกวียน ผู้ต้องการบุรุษ พึงแสวงหาบุรุษ แต่ เรา ไม่กล่าวโดยปริยายไร ๆ ว่า สมณะพึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงิน.
    เล่ม ๙ หน้า ๕๓
    http://palungjit.org/tripitaka/index.php
    http://www.dhammahome.com/front/tipitaka/
    http://www.samyaek.com/tripidok/book09/501_550.htm

    แล้วจะให้ผมเข้าใจอย่างไรหล่ะครับ? ก็ผู้ให้กำเนิดศาสนาพุทธสอนมาอย่างนี้นี่ครับ
    ผมผู้ตามก็ไม่สามารถกล่าวเป็นอย่างอื่นได้เลยครับ หรือเข้าใจกันว่าพระพุทธเจ้าหลอกลวง
    โกหก กล่าวในสิ่งที่ไม่มีโทษว่ามีโทษ หรือ เข้าใจกันว่าพระพุทธเจ้าไม่ฉลาด ไม่มีปัญญาไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนของกาลสมัย ผมไม่รู้ว่าเข้าใจกันอย่างไร แต่ผมไปตามพระพุทธเจ้านี่แหล่ะง่ายๆปลอดภัยดี



    ..จาก มิจฉาทิฏฐิสูตร...
    ก็มีคำถามว่า
    รู้จักแล้วหรือ?ว่าอะไร คือ ความไม่เที่ยง
    รู้จักแล้วหรือ?ว่า รูปเป็นอย่างไร มีความไม่เที่ยงอย่างไร?
    รู้จักแล้วหรือ?ว่า จักษุวิญญาณ หรือ ธาตุรู้ทางตา เป็นอย่างไร มีความไม่เที่ยงอย่างไร?
    รู้จักแล้วหรือ?ว่า จักษุสัมผัส หรือ การสัมผัสทางตา เป็นอย่างไร มีความไม่เที่ยงอย่างไร?
    รู้จักแล้วหรือ?ว่า อาการสุข เป็นอย่างไร มีความไม่เที่ยงอย่างไร?
    รู้จักแล้วหรือ?ว่า อาการทุกข์ เป็นอย่างไร มีความไม่เที่ยงอย่างไร?
    รู้จักแล้วหรือ?ว่า อทุกขมสุขเวทนา หรือไม่ทุกข์ไม่สุขเป็นอย่างไร มีความไม่เที่ยงอย่างไร?
    รู้จักแล้วหรือ?ว่า รู้เห็นด้วยหู เป็นอย่างไร มีความไม่เที่ยงอย่างไร?
    รู้จักแล้วหรือ?ว่า รู้เห็นด้วยจมูก เป็นอย่างไร มีความไม่เที่ยงอย่างไร?
    รู้จักแล้วหรือ?ว่า รู้เห็นด้วยลิ้น เป็นอย่างไร มีความไม่เที่ยงอย่างไร?
    รู้จักแล้วหรือ?ว่า รู้เห็นด้วยกาย เป็นอย่างไร มีความไม่เที่ยงอย่างไร?
    รู้จักแล้วหรือ?ว่า รู้เห็นด้วยใจ เป็นอย่างไร มีความไม่เที่ยงอย่างไร?


    บุญจากการเปิดเผยธรรมวินัยนี้ จงสำเร็จแก่ญาติ เทวดาที่รักษา นายเวร เชื้อโรคข้า ครอบครัวข้า ชาวทิพย์ที่ดูแลรักษากิจการที่ข้าเกี่ยวข้อง ชาวทิพย์ที่ดูแลรักษาพุทธศาสนาและผู้ต้องการตลอดไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2011
  7. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    THEFOOL23
    ถ้าต้องการคุยกันก็ขอทราบชื่อนามสกุลด้วยครับ

    เพิ่มเติมทีหลัง...poon-pan ด้วยครับ ส่วนสาเหตุต้องค่อยไล่อ่าน อาจเข้าใจได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2010
  8. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    รออยู่ครับ ตอบไม่ยากครับ คุณ thefool23
     
  9. THEFOOL23

    THEFOOL23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +136
    ก่อน พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 66 นั้น

    พูดเรื่อง ขันธ์

    ก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณพราหมณ์เหล่าใด มีวาทะว่าเที่ยง ย่อมบัญญัติอัตตาและโลก ว่าเที่ยง

    ด้วยวัตถุ ๔ สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่าง

    ไม่เที่ยง . . . สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะว่า โลกมีที่สุดและไม่มีที่สุด . . .

    สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะดิ้นได้ไม่ตายตัว . . . สมณพราหมณ์เหล่าใด

    มีวาทะว่าโลกเกิดขึ้นลอย ๆ . . . สมณพราหมณ์เหล่าใดกำหนดขันธ์ส่วน

    อดีต . . . สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะว่า เบื้องหน้าแต่ความตาย อัตตา

    มีสัญญา. . . สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะว่า เบื้องหน้าแต่ความตาย อัตตา

    ไม่มีสัญญา . . . สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะว่า เบื้องหน้าแต่ความตาย

    อัตตามีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ . . . สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะว่า

    ขาดสูญ . . . สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะว่า นิพพานปัจจุบัน . . . สมณ-

    พราหมณ์เหล่าใดกำหนดขันธ์ส่วนอนาคต. . . สมณพราหมณ์เหล่าใด

    กำหนดขันธ์ส่วนอดีตก็ดี กำหนดขันธ์ส่วนอนาคตก็ดี


    ตถาคต
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตดำรงอยู่

    ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดา และ มนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต


    แสดงให้เห็นว่า กาย ของ พระพุทธเจ้า นั้นจะไม่ได้เห็น

    จขกท เข้าใจหรือป่าวคับ ที่ ยกๆ มาเนี้ย

    ไม่ทราบว่า มันเกี่ยวอะไรกับ การที่ ศาสนาพุทธ ของ จขกท สอนให้ ทำลายรูปปั้น ทำลายต่างๆนาๆ คับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2010
  10. THEFOOL23

    THEFOOL23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +136
    ผมไม่ต้องการจะคุยคับ

    แต่ จะแสดงให้เห็น ท่านอื่นๆ ที่เข้ามาอ่าน มาดูข้อความที่ จขกท ว่า ที่ คุณ จขกท ยกมา นั้น ต้องการ สื่อ อะไรกันแน่คับ

    จขกท ยก นั้น ยกนี้มาอ้าง แต่ไม่ดูเนื้อความเลย ว่า สื่อถึงเรื่องอะไร กันแน่


    ยกเปรียบเทียบมา

    ไม่ทราบว่า มันเกี่ยวอะไรกับ การที่ ศาสนาพุทธ ของ จขกท สอนให้ ทำลายรูปปั้น ทำลายต่างๆนาๆ คับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2010
  11. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    ไร้สาระ ไร้แก่นสารสิ้นดี คนเดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นยังไง เห็นธรรมเป็นของเด็กเล่นหรือย่างไรนี่....
    แม้จะกล่าวธรรมก็ยังไม่เคารพจริงใจไปกับธรรม เฮ้ออออ.....หรือว่าเขาเข้าใจว่าบาปบุญไม่มีหว่า
     
  12. THEFOOL23

    THEFOOL23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +136
    ใช้ กิเลส ตัวเอง ไป ตีความ แก้ คำพูดของ พระพุทธเจ้า อีกคนละ

    ศาสนาของ จขกท สอน อะไรกันแน่

    ขนาด คำสอน ของ พระพุทธเจ้า พุทธพจน์ ยังไปตีความเอาเอง แบบนี้

    สงสัยจะเก่งเกิน พระพุทธเจ้า แน่ๆ ถึงได้ไปตีความเอาเองแบบนี้

    อาจารย์ ท่าน สั่งสอนมาหรอคับ


    ผู้ใดแลเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นเรา

    ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นธรรม


    ความหมาย ตรงตัวอยู่แล้วคับ จขกท

    ไม่ต้องแสดงความเก่ง ไป ตีความ แก้ ความหมาย คำพูดเอาเองคับ


    ถ้าคุณเห็น ธรรม คุณก็เห็น พระพุทธเจ้า คับ

    ถ้าคุณเห็น พระพุทธเจ้า ก็ แสดงว่า คุณเห็น ธรรม คับ


    ถ้า คุณไม่เห็น พระพุทธเจ้า ก็แสดงว่า คุณ ยังไม่เห็นธรรม นั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2010
  13. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    เอ้า...อย่างนั้นตอบก็ได้ครับ แต่ให้รู้จักนะว่าผลจากการที่บังผู้อื่นไม่ให้เห็นให้รู้ตัวตน
    ต่อไปจะถูกปิดตา ตาบอด เพราะปิดตาผู้อื่นไว้ เพราะการกล่าวธรรมเป็นของใหญ่ถ้าได้บุญก็ได้มาก ถ้าได้บาปก็ได้มาก(จะไปบุญหรือบาปก็คิดเอา)

    ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น
    เล่ม ๓๗ หน้า ๔๙๕
    http://palungjit.org/tripitaka/index.php
    http://www.dhammahome.com/front/tipitaka/
    http://www.samyaek.com/tripidok/book37/451_500.htm

    ตัวอย่างใช้สิ่งใดทำย่อมปรากฏกับสิ่งนั้น
    เล่ม ๔๙ หน้า ๑๗
    http://palungjit.org/tripitaka/index.php
    http://www.dhammahome.com/front/tipitaka/
    http://www.samyaek.com/tripidok/book49/001_050.htm


    ---------------------------------------------------------------------------------

    บทว่า อปฺปฎิโม (ไม่มีผู้เปรียบ) ความว่า มนุษย์ทั้งหลายกระทำรูปเปรียบใดล้วนแล้วด้วยทองและเงินเป็นต้นให้เหมือนอัตภาพของพระตถาคต ย่อมไม่มี


    คุณข้ามมาได้ไงนี่ พิจารณาก่อน ไม่ควรเร่งร้อน ผมไม่หนีไปไหนหรอกครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2011
  14. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,117
    "...นายยังไม่เข้าใจที่ผมบอกว่า พระรับเงิน แต่ใจไม่ติดกับเงิน
    ในเมื่อนายไม่เข้าใจ ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะต่างคนต่างความคิด...
    ..แต่ถ้าญาติโยมตั้งใจถวาย พระรับเงิน เพื่อเจริญศรัทธา ผมเห็นว่าไม่ผิดหรอกครับ
    ...คุณต้องแยกให้ออก ไม่ใช่ว่า เหมารวมทั้งหมดนะครับ.."


    จากที่ได้อ่าน คำบอกเล่าถามตอบกันไปมา ผมพอเข้าใจได้ว่า

    พระหาเงิน = พระรับเงิน + ใจยึดติดกับเงิน
    (สงสัย ?ถ้าเป็นพระแล้วทำไมยังยึดติดเงินอยู่ล่ะ พระนั้นแปลว่าผู้ประเสริฐไม่ใช่หรือ แล้วของต่ำช้าอย่างนี้ทำไมถึงไปติดได้ล่ะ ยังงี้ไม่น่าใช่พระแล้ว )
    ส่วน
    พระไม่หาเงิน = พระรับเงิน + ใจไม่ยึดติดเงิน
    แม่น...บ่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2010
  15. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2011
  16. THODSAPOL SETTAKASIKIT

    THODSAPOL SETTAKASIKIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +101

    หาอ่านเอา มีตอบแล้ว บอกอย่างตรงๆ เรื่องนี้ขี้เกียจตอบใหม่ครับ
     
  17. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ผมว่า น้องต้องเรียน Logic หรือ ตรรกะศาสตร์ใหม่นะครับ

    น้องบอกว่า

    น้องไม่เคารพทองเหลือง เพราะทองเหลืองไม่ใช่พระพุทธเจ้า

    น้องบอกว่า พระรับเงินผิด

    ผมก็งงว่า เงินที่ว่า คือ "กระดาษ" หรือ "ทองเหลือง" แต่ทำไมน้องถึงให้คุณค่าของ "กระดาษ" หรือ "ทองเหลือง" มากเหลือเกิน

    Logic มันแปลก ๆ นะครับ

    ลองกลับไปคิดดูให้ดีครับ แล้วการอ้างพระวินัย หรือ พระไตรปิฎก
    ถ้าตีความผิด ลงอเวจีมหานรกเลยนะครับ

    เรื่องที่บอกว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต เป็นเรื่องจริง
    แต่ที่พระองค์บอกว่า อย่ายึดติดในรูป ไม่ได้หมายความว่า ห้ามสักการะรูปของพระองค์นะครับ เพราะพระองค์ได้สอนไว้ใน มงคล 38 ประการว่า

    "พึงเคารพบุคคลที่ควรเคารพ" ดังนั้น สิ่งใดที่สื่อถึงพระพุทธเจ้านั้น
    การที่คนส่วนใหญ่จะเคารพ ก็ไม่เห็นแปลก

    เช่นเดียวกัน ในเมื่อน้องบอกว่า ทองเหลืองไม่ใช่พระพุทธเจ้า
    งั้น "เงินที่เราใช้อยู่" ก็เป็นแค่ "กระดาษ" ไม่ใช่ "แร่เงิน" หรือ "แร่ทอง"
    ดังนั้น ถ้าพระรับกระดาษ หรือ ทองเหลือง ก็คงจะไม่ผิด
    เพราะ "ใจ" ของท่านมองมัน คือ "กระดาษ" หรือ "ทองเหลือง" เท่านั้น

    ดังนั้น น้องต้องไปทบทวนให้ดีว่า ตกลงจะเอายังไงแน่ครับ

    อย่าสับสนนะครับ ใช้กาลามสูตร 10 ในการทบทวนครับ

    ค่อย ๆ คิดหลักเหตุผล เพราะธรรม ของ พระพุทธเจ้า คือ
    ธรรมชาติ และ สัจธรรม ดังนั้น สิ่งใดที่มีข้อขัดแย้งในตนเอง
    สิ่งนั้น มิใช่ธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนครับ

    โมทนา
     
  18. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,117
    ผมว่าน่าจะ เปลียนหัวเรื่องกระทู้ นิดหน่อย ก็น่าจะออกมาดูดีกว่านี้ อ่านแล้วจะได้ไม่ขัดกับความรู้สึกของคนที่มีความศรัทธาในคำว่าพระ

    คำว่า พระหาเงิน นั้นไม่น่านำมาใช้ น่าจะเปลี่ยนไปเป็น

    "เตือนคนห่มผ้าเหลืองหาเงิน ผิดทั้งวินัย ผิดทั้งกฏหมาย! "<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
     
  19. เพชรกร

    เพชรกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +1,254
    ถึงคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->THODSAPOL SETTAKASIKIT<!-- google_ad_section_end --> ตกลงผมเชื่อคุณเรื่องไม่ควรให้เงินพระถ้าผมจะช่วยวัดเรื่องค่าน้ำไฟ ค่าบำรุงวัดต่างๆผมจะตั้งจิตขอถวายปัจจัยเพื่อบำรุงสงฆ์เเล้วให้กับมัคทายกวัดเป็นอันจบส่วนมัคทายกวัดนั้นจะเอาไปทำอะไรก็เเล้วเเต่กรรมใครกรรมมัน

    จากประสบการณ์เรื่องเกียวกับวัดเเละสมมติสงฆ์ที่น่าศึกษา เช่น สมมติสงฆ์บางรูปตั้งใจปฏิบัติดีเพื่อจะยกตนขึ้นเป็น พระ เเต่พอเจอเงินมากมากก็หลงไปเลยก็มี บางรูปจากดูท่านทางเอาจริงๆเอาจังในการปฏิบัติธรรมเเต่พอมีเรื่องการสร้างถาวรวัตถุขึ้น จิตของท่านกลับเริ่มห่างไกลจากการปฏิบัติลงไปบางครั้งกิเลสเพิ่มขึ้นเหมือนกับเป็นคนละคนกันเลย(เเต่ยกเว้นผู้ที่เป็นพระเเท้เเล้วท่านเหล่านี้ไม่สนใจเงินเห็นเงินเป็นเหมือนขยะรกวัด)

    ที่จะบอกกับเพื่อนๆก็คือ สมมติสงฆ์บางรูปนั้นที่กำลังปฏิบัติเพื่อยกจิตตัวเองอยู่นั้นผมว่าอย่าถวายเงินให้ท่านเลยดีกว่าหรือถ้าเราจะต้องการบำรุงวัดก็ควรจัดการด้วยตัวเอง อย่าง เถ้าจะสร้างถาวรวัตถุ ก็เเนะว่าถ้าเราเป็นคนเริ่มเราต้องเป็นคนจัดการเองทั้งหมดทั้งการจ้างช่าง จ่ายค่าวัสดุ หรือถ้าจะบำรุงค่าน้ำไฟก็ควรให้มัคทายกวัดเป็นคนจัดการ เพราะเห็นมาเเล้วบางรูปนั้นปกติปฏิบัติธรรมอยู่พอมีการสร้างถาวรวัตถุขึ้นมาก็เลิกเลยมาสร้างวัตถุเเทนที่จะสร้างจิตเเละสิ่งที่ตามมาก็คือ ความโลภ โกรธ หลง ขึ้นเต็มหัวจิตหัวใจ จนน่าตกใจ
    ต่อไปนี้จริงๆเเล้วเมื่อสักพักเเล้วผมเลิกถวายเงินให้สมมติสงฆ์เเล้วถวายเป็นวัสดุการสร้างหรือให้เงินมัคทายกที่ไว้ใจได้เเทนเเละเลิกสร้างสิ่งที่มันไม่เป็นไปเพื่อยกระดับจิตจริงๆ

    ส่วนการสร้างพระนั้นผมขัดเเย้งกับคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->THODSAPOL SETTAKASIKIT<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    คือสำหรับคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->THODSAPOL SETTAKASIKIT<!-- google_ad_section_end --> นั้นผมคิดว่าปัญญาทางธรรมน่าจะมีมากสำหรับการระลึกถึงพระรัตนตรัยคงไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งใดมายึด
    เเต่สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มปฏิบัตินั้นผมคิดว่าเค้าต้องมีอะไรเป็นที่ยึดก่อนเพื่อละทีหลัง
    เปรียบเหมือนเด็กเพิ่งหัดเดินจะให้ลุกขึ้นเดินเลยย่อมเป็นไปไม่ได้เด็กต้องการยึดเหนี่ยวก่อน เหมือนกับผู้ที่ยังไม่มีพระรัตนตรัยในหัวใจจะให้เค้าระลึกโดยไม่มีรูปมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้จิตระลึกได้นั้นเป็นเรื่องยาก

    ถามจริงๆตอนเด็กๆหรือก่อนที่จะมีปัญญาทางธรรมถึงขนาดนี้ เคยไหว้พระพุทธรูปบ้าง เเล้วตอนไหว้คิดถึงอะไรครับ

    เเละที่สำคัญการสร้างพระพุทธรูปนั้นไม่ได้ทำให้ศาสนาเสื่อมหรอกครับอย่าคิดมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2010
  20. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ข้อความนี้ ผมตอบเจ้าของกระทู้เองครับ แต่น้องเขาใช้ Reply ไม่เป็น

    เขาเลยใช้ข้อความคนละสี อาจทำให้สับสนได้ครับ

    สรุป คือ ผมแย้งน้องเขาครึ่งหนึ่ง คือ

    พระรับเงินได้ ถ้าใจไม่ติดกับเงิน

    แต่ถ้าใจติดกับเงิน พระก็ไม่ควรรับ เพราะผิดพระวินัย

    โมทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...