เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นักลงทุนก่อจลาจลในบังกลาเทศ หลังตลาดหุ้นดิ่งเหว
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>11 มกราคม 2554 02:34 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    นักลงทุนบังกลาเทศก่อเหตุวุ่นวายหลังตลาดหุ้นดิ่งลงหนัก

    เอเอฟพี - ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและใช้ตะบองเข้าสลายกลุ่มนักลงทุนในกรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศเมื่อวันจันทร์(10) หลังพวกเขาก่อหวอดระบายความโกรธกริ้วจากกรณีตลาดหลักทรัพย์ร่วงลงถึงร้อยละ 9 ในชั่วโมงแรกของการซื้อขาย

    ตลาดหลักทรัพย์ธากา(ดีเอสอี) ต้องระงับการซื้อขายทันที เมื่อตลาดร่วงลงแรงเป็นสถิติ 9.25 เปอร์เซนต์ ไม่นานหลังจากเปิดการซื้อขาย อันก่อความขุ่นเคืองแก่นักลงทุนที่ออกมารวมตัวกันบนท้องถนน

    ดัชนีดีจีอีเอ็น ซึ่งเป็นดัชนีหลักของธารา ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 80 ในปี 2010 จากการเข้าลงทุนของนักลงทุนรายย่อย ทว่าดัชนีร่วงลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

    ตำรวจปะทะกับผู้ประท้วงบริเวณด้านนอกของอาคารตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้ชุมนุมได้นำยางรถยนต์และเก้าอี้สำนักงานมาจุดไฟเผา พร้อมตะโกนด่าทอรัฐบาลและกฎข้อบังคับต่างๆของตลาด

    นอกจากเมืองหลวงแล้ว ยังมีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มนักลงทุนในที่อื่นๆด้วย โดยที่เมืองจิตตะกอง มีนักลงทุนอีก 500 คนที่ออกมาร่วมตัวเดินขบวนบนท้องถนน ราฟิกัล อิสลาม ผู้บัญชาการตำรวจท้องถิ่นเผย

    ที่กรุงธากา ทางการได้ส่งตำรวจปราบจลาจลเข้าสลายการชุมนุม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ได้ปิดกั้นประตูและหน้าต่างเพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากกลุ่มผู้ประท้วง

    "ตลาดหลักทรัพย์ได้รับการซื้อขายตามคำสั่งของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(เอสอีซี) หลังจากดัชนีร่วงลงถึง 660 จุด หรือ 9.25 เปอร์เซนต์ ใน 45 นาทีแรกของการซื้อขาย" โฆษกตลาดหลักทรัพย์ระบุ ทั้งนี้การปรับลดดังกล่าวนับเป็นการดิ่งลงในวันเดียวแรงที่สุดในรอบ 55 ปีเลยทีเดียว

    ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ บอกกับผู้สื่อข่าวในช่วงค่ำวันจันทร์(10) ว่าตลาดจะกลับมาทำการซื้อขายตามปกติในวันอังคาร(11) หลังจากผู้ควบคุมกฎได้อนุมัติมาตรการต่างๆที่มีเป้าหมายเรียกคืนความเชื่อมั่นของนักลงทุนแล้ว

    เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ธนาคารกลางบังกลาเทศ ได้สั่งทุกธนาคารเพิ่มสัดส่วนเงินสดสำรองในความพยายามต่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อ ขณะที่นักวิเคราะห์ ผู้ประท้วงและเอสอีซี มองตรงกันว่ามันคือต้นตอที่ทำให้ตลาดหุ้นดิ่งลงอย่างหนัก เนื่องจากบางธนาคารซึ่งลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ พยายามเทขายหุ้นอย่างรวดเร็วเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับใหม่นี้

    Around the World - Manager Online -
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อิหร่านอ้างรวบ'สายลับอิสราเอล'ฐานลอบสังหารนักวิทย์ชั้นนำ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>10 มกราคม 2554 23:28 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เอเอฟพี - อิหร่านเผยวันจันทร์(10) ได้จับกุมสายลับและผู้ก่อการร้ายที่มีความเชื่อมโยงกับ "มอสซาด" หน่วยข่าวกรองอิสราเอล ฐานอยู่เบื้องหลังเหตุลอบสังหาร มาซูด อาลี โมฮัมมาดี นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของเตหะรานเมื่อปีที่แล้ว

    กระทรวงข่าวกรองอิหร่านออกถ้อยแถลงผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐระบุว่ากองกำลังความมั่นคงแทรกซึมเข้าไปในหน่วยข่าวกรองอิสราเอล จนได้ข้อมูลที่สำคัญและอ่อนไหวเป็นอย่างมากเกี่ยวกับสายลับมอสซาดและปฏิบัติการต่างๆ

    "เครือข่ายหลักที่อยู่เบื้องหลังการก่ออาชญากรรมก่อการร้ายนี้ถูกจับกุมแล้ว และเรายังได้ทลายเครือข่ายสายลับและก่อการร้ายที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลยิวด้วย" ถ้อยแถลงของกระทรวงข่าวกรองอิหร่านระบุ

    ในเดือนมกราคม 2010 อาลี โมฮัมมาดี ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์เชิงอนุภาค ณ มหาวิทยาลัยเตหะราน เสียชีวิตนอกบ้านพักหลังถูกโจมตีด้วยระเบิด ในเหตุการณ์ที่อิหร่านกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือทหารรับจ้างของอิสราเอลและสหรัฐฯ

    นอกจากนี้แล้ว อิหร่าน ยังกล่าวโทษหน่วยข่าวกรองอิสราเอล สหรัฐฯและสหราชอาณาจักร ต่อเหตุโจมตีด้วยระเบิดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง 2 คน เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมาด้วย

    อิหร่านถูกสหประชาชาติคว่ำบาตรรอบ 4 หลังปฏิเสธระงับปฏิบัติการแปรรูปยูเรเนียม กระบวนการที่สามารถนำไปสู่การผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้

    ชาติตะวันตกสงสัยว่าโปรแกรมพลังงานเพื่อสันติที่อิหร่านกล่าวอ้าง เป็นเพียงฉากบังหน้าความพยายามครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แม้ว่าทางเตหะรานจะปฏิเสธอย่างหนักแน่นก็ตาม ขณะที่อิสราเอลและสหรัฐฯ ไม่ปัดถึงความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารหยุดยั้งโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000003280
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อาบังระทม เจอพิษส่าหรีจีนถล่มตลาดท้องถิ่น
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>11 มกราคม 2554 08:06 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เจ้าของร้านขายผ้าในกรุงนิวเดลีกำลังเลือกผ้าไหมแพรพรรณสำหรับตัดชุดส่าหรีจากเมืองพาราณสีให้แก่ลูกค้า ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2553 - เอเอฟพี

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เอเอฟพี - ชุดส่าหรีเมืองพาราณสี … งานหัตถกรรมผ้าไหมของช่างทอในเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ ที่แสนงดงามจนต้องตะลึง และสตรีอินเดียล้วนเทิดทูนบูชามานานหลายร้อยปี

    มาวันนี้ เจอศึกหนักเสียแล้ว เมื่อจู่ ๆ แดนมังกรเกิดมีชุดส่าหรีก็อปปี้สวยงามคล้ายคลึงกัน แถมราคาถูกกว่ามาก ทะลักเข้ามาตีอุตสาหกรรมท้องถิ่นกระจุย

    นาย บาดรุ๊ดดิน อันซารี ช่างทอผ้า ซึ่งเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนในเมืองเล่าว่า เพื่อนร่วมอาชีพส่วนใหญ่ ขณะนี้ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบหาเลี้ยงชีวิตด้วยการเป็นคนขายผัก เดินเร่ขายน้ำชา หรือไปลากรถรับส่งผู้โดยสาร

    “เมื่อคนเราสูญเสียบ้าน หมดอาชีพ เขาจะไปที่ไหนได้ล่ะครับ” เขาย้อนถามอย่างฉุนโกรธ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผ้าไหมทอมือจากเมืองพาราณสีมีความงดงามขึ้นชื่อมานานหลายศตวรรษ - เอเอฟพี </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “ผมก็ได้แต่หวังว่างานศิลปะชุดส่าหรีเมืองพาราณสีจะอยู่รอดต่อไป รัฐบาลต้องห้ามการนำเข้าส่าหรีพวกนั้น หรือไม่ก็เก็บภาษีให้หนักขึ้น เพื่อรักษาอุตสาหกรรมในประเทศไว้” นายอันซารีเสนอ

    ชุดส่าหรีเมืองพาราณสีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือด้วยศิลปะการเย็บปักถักร้อย อันวิจิตรตระการตา และยังเป็นที่เสาะแสวงหาของเจ้าสาวชาวอินเดียทางตอนเหนือสำหรับสวมใส่ในวันสำคัญแห่งชีวิต

    นายรัชนี กานต์ ผู้อำนวยการสมาคมสวัสดิการมนุษย์ ซึ่งเป็นกลุ่มไม่แสวงหากำไร ทำงานเพื่อช่วยเหลือช่างทอในเมืองแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2536 มองเห็นหายนะจากการนำเข้าสินค้าจากเมืองจีน

    “ ยกตัวอย่างรายหนึ่ง ลุงอายุ 55 ปี ที่ผมรู้จัก แกเริ่มทอผ้าตั้งแต่อายุ 15 ปี” นายกานต์เล่า
    “แกทิ้งหูกทอผ้าไปเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนนี้ทำงานเป็นกรรมกร ยังมีอีกหลายแสนคน ที่เป็นเหมือนอย่างแก”

    อุตสาหกรรมทอผ้าในเมืองพาราณสีล่มสลายไปกว่าร้อยละ 60 แล้วตั้งแต่ปี 2546 นายกานต์ระบุ

    ในปี 2550 มีรายงานข่าวออกมาถึงขั้นที่ว่าช่างทอหลายคนในเมืองต้องขายโลหิต เพื่อมีรายได้พอประทังชีวิต ในขณะที่ส่าหรีก็อปปี้จากเมืองจีนเกลื่อนกลาดแดนโรตีด้วยสนนราคาราว 2,500 รูปี (55 ดอลลาร์) ขณะที่ส่าหรีของแท้ราคาไม่ต่ำกว่า 4,000 รูปี

    ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งทอชี้ว่า จริง ๆ แล้ว ยอดนำเข้าส่าหรีจากจีนของทางการมีจำนวนไม่มาก แต่ที่ทะลักเข้ามานั้น เป็นวิธีการที่แยบยล โดยนำเข้าในลักษณะของผ้า ที่ยังไม่ตัดเย็บ และส่วนมากเป็นสินค้าต้องห้าม ที่ส่งเข้ามาอินเดียผ่านทางเนปาล นอกจากนั้น โรงงานในจีนผลิตผ้าไหมออกมามากมาย โดยได้รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐ แล้วส่งผ้าสำเร็จรูปมาขายในอินเดีย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผ้าไหมแบบนี้โรงงานในจีนก็อปปี้ออกมาขายกันเกลื่อน - เอเอฟพี </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> แม้อินเดียมีการจัดเก็บภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดสำหรับผ้าไหมแล้วก็ตาม แต่ยอดการนำเข้ากลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยอินเดียมียอดนำเข้าผ้าไหมจากจีนเพิ่มร้อยละ 23 ในช่วงปี 2551-2553 คิดเป็นมูลค่าสูงเกือบ 6,400 ล้านรูปี

    นอกจากนั้น แม้รัฐบาลอินเดียหาทางปกป้องส่าหรีผ้าไหม ที่ผลิตในเมืองพาราณสีด้วยการออกสิทธิบัตรคุ้มครองเมื่อปี 2552 แต่แทบไม่ได้ผลเลยในทางปฏิบัติ เช่นตำรวจไม่มีการจับกุมผู้ผลิต หรือขายส่าหรีพาราณสีปลอม

    ขณะเดียวกัน ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ทราบเรื่องการออกใบรับรองส่าหรี ที่ผลิตโดยช่างทอพาราณสี และมักแยกแยะความแตกต่างระหว่างส่าหรีของแท้กับของเทียมไม่ออก

    นาย อันซารี ซึ่งยังคงดำเนินธุรกิจทอผ้าส่าหรีร่วมกับช่างทออีก 400 ชีวิตไม่อาจคาดการณ์ได้ว่า ธุรกิจของเขาจะดำเนินไปได้นานเพียงใด แต่ก็จะกัดฟันประคับประคองไปให้นานที่สุด

    “เราไว้วางใจจีนทุกเรื่องไม่ได้หรอก” เขาสรุป
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    China - Manager Online -
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อาหารตามสั่ง-ข้าวแกงจ่อปรับราคา "พาณิชย์" กางโพย 7 สินค้าจ่อคิว
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>10 มกราคม 2554 23:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ชาวบ้านอ่วมแน่ สินค้า-อาหาร จ่อคิวขยับราคาอีกเพียบ หลังต้นทุนพุ่งไม่หยุด เบื้องต้นเฉลี่ยที่ 5% ช่วงไตรมาส 2 ร้านอาหารตามสั่ง ข้าวราดแกง มีโอกาสปรับปรับขึ้นราคาก่อนเพื่อน "พาณิชย์ กางโพย 7 กลุ่มสินค้าสำคัญปรับขึ้นแน่ ผู้ประกอบการครวญแบกต้นทุนไม่ไหวแล้ว

    นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในปี 2554 แนวโน้มราคาสินค้าอาหารน่าจะปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 3-5% ทั้งสินค้าที่จำหน่ายในประเทศ และสินค้าที่ขายเพื่อการส่งออก โดยน่าจะเห็นราคาที่สูงขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป เพราะขณะนี้ผู้ประกอบการอาจจะมีต้นทุนเก่าอยู่ และรอดูภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าควบคู่ไปด้วย

    ทั้งนี้ เนื่องจากต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุดิบหลักที่สำคัญ เช่น กะทิ ซึ่งเป็นเครื่องปรุงในการประกอบอาหารไทย สูงขึ้นจากเดิม 20 บาทต่อกิโลกรัม มาอยู่ที่ 50 บาทต่อกิโลกรัม และยังหาซื้อยากอีกด้วย จึงอาจทำให้อาหารที่ต้องใช้กะทิเป็นส่วนประกอบจะมีราคาสูงขึ้น

    ขณะที่ราคาน้ำตาลในตลาดโลกก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมอาหารแช่อิ่ม หรืออาหารกระป๋องที่ใช้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเพื่อการส่งออกจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ส่วนกลุ่มที่ใช้น้ำตาลโควตาในประเทศก็หาซื้อยาก และบางครั้งต้องซื้อในราคาที่สูงกว่าราคาปกติ จึงต้องพิจารณาปรับราคาขึ้นเช่นเดียวกัน

    สำหรับราคาน้ำมันปาล์มที่ราคาสูงขึ้นขวดละ 9 บาท จะส่งผลกระทบมากต่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) หรือแม่ค้า พ่อค้า รายย่อยมากกว่าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ต้องทอดอาหาร จะใช้วิธีการทอดแบบอื่นๆ ที่ไม่ใช้น้ำมัน แต่กลุ่มร้านอาหารตามสั่ง ข้าวราดแกง ร้านขายกล้วยทอด ปาท่องโก๋ หรือทอดขนมขาย จะกระทบมาก ซึ่งอาจจะทำให้ราคาสินค้าที่ซื้อกินในชีวิตประจำวัน หรืออาหารชาวบ้าน ต้องปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 5%

    นอกจากนี้ ค่าแรงที่ปรับขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2554 เป็นต้นไป ทำให้ต้นทุนค่าแรงของผู้ประกอบการปรับเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนค่าแรงในภาคอุตสาหกรรมอาหารคิดเป็น 0.4 -1% ของต้นทุนรวม จึงไม่ได้กระทบมากเท่ากับอุตสาหกรรมอื่นๆ รแช่อิ่ม หรืออาหารกระป๋องที่ใช้น้ำาคาน้ำรไทย เชน กะทิ ณะนี้ผู้ประกอบการตลอดจนต้นทุนด้านพลังงาน เช่น ราคาน้ำมัน ก็กระทบต่อค่าขนสินค้าอย่างมาก ซึ่งต้นทุนด้านโลตจิสติกส์คิดเป็น 25% ของต้นทุนทั้งหมด ก็มีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้

    “ในช่วงไตรมาส 2 น่าจะเห็นผู้ประกอบการเริ่มปรับราคาสินค้าขึ้นบ้าง เพราะเริ่มแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว ซึ่งจะขึ้นมากน้อยขึ้นอยู่กับสินค้าแต่ละประเภท ส่วนราคาสินค้าส่งออกก็ต้องเปรียบเทียบกับคู่แข่งด้วย และเชื่อว่าคู่แข่งน่าจะขึ้นราคาเหมือนกัน เพราะน่าจะมีปัญหาเรื่องวัตถุดิบเหมือนกัน ปีนี้ผู้ประกอบการคงจะขายของได้กำไรน้อยลงแทบทุกประเภท”

    ด้านรายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ขณะนี้มีสินค้า 7 รายการ ที่เตรียมปรับขึ้นราคา ได้แก่ 1.นมสดพร้อมดื่ม 2.กระดาษพิมพ์และเขียน กระดาษทิชชู กระดาษลูกฟูก 3.ยางรถยนต์ 4.วัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็ก สายไฟฟ้า และสเตนเลส 5.ยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ 6.ปุ๋ยเคมี และ 7.ยาป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืช

    โดยสินค้าดังกล่าว ได้เสนอมายังกรมการค้าภายในเพื่อขอปรับขึ้นราคาหลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2553 แม้จะมีการขอความร่วมมือให้ตรึงราคาต่ออีก 3 เดือน สิ้นสุด 31 มีนาคม 2554 ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้ยังยืนยันว่าไม่สามารถตรึงราคาต่อได้ เนื่องจากต้นทุนเพิ่มขึ้น และไม่สามารถแบกรับภาระได้ต่อไป

    ทั้งนี้ สินค้าที่ขอปรับราคาอยู่ระหว่างการประเมินต้นทุน และจะนำเสนอให้คณะอนุกรรมการที่ดูแลเป็นรายสินค้าพิจารณาว่าควรจะให้มีการปรับขึ้นราคาได้เท่าไร

    สำหรับนมสดพร้อมดื่ม มีความจำเป็นต้องปรับราคาขึ้น เนื่องจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้ปรับราคาน้ำนมดิบสูงขึ้นกิโลกรัมละ 50 สตางค์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2553 ทำให้ต้นทุนน้ำนมดิบสูงขึ้น, สินค้ากลุ่มกระดาษ ต้นทุนราคาวัตถุดิบเยื่อกระดาษนำเข้า ยังคงตัวอยู่ในระดับสูง, สินค้ายางรถยนต์ ต้นทุนจากราคายางธรรมชาติยังคงมีราคาสูง จากการเกิดภัยธรรมชาติในกลุ่มพื้นที่เพาะปลูก

    สินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง ต้นทุนวัตถุดิบนำเข้า และต้นทุนการผลิต ทั้งเศษเหล็ก เหล็กแท่งยาว เหล็กแท่งแบน ทองแดง และถ่านหิน มีแนวโน้มสูงขึ้นเกือบทุกรายการ, สินค้ายารักษาโรคและเวชภัณฑ์ คาดว่าราคาจะสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ จากการกลั่นน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น, สินค้าปุ๋ยเคมี แนวโน้มราคาจะตึงตัวและสูงขึ้น และสินค้ายาป้องกันและกำจัดศัตรูพืช การนำเข้ามีแนวโน้มลดลงจากการที่จีนตั้งกำแพงภาษีส่งออกใหม่

    ส่วนสถานการณ์จำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในเขตกรุงเทพฯ หลังกระทรวงพาณิชย์ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกขวดละ 9 บาทเป็น 47 บาท ว่า การจำหน่ายส่วนใหญ่ยังมีราคาสูงกว่าที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด โดยตามตลาดสดมีการจำหน่ายถึงขวดละ 50-58 บาท และยังพบปัญหาตรึงตัวและขาดตลาดในหลายพื้นที่ โดยในห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ยังคงจำกัดปริมาณซื้อให้ไม่เกินครอบครัวละ 1-3 ขวด ขณะที่ร้านค้าย่อยหลายแห่งไม่มีสินค้าจำหน่ายเลย โดยสาเหตุที่ยังมีการขายเกินราคา เนื่องจากต้นทุนต้นทุนที่รับจากร้านขายส่ง ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว สูงมากถึงขวดละ 48-50 บาท

    ทั้งนี้ จากปัญหาที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ประชาชนหันไปซื้อน้ำมันพืชชนิดอื่นบริโภคแทน เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดทานตะวัน เนื่องจากมีราคาใกล้เคียงกัน ส่งผลให้น้ำมันถั่วเหลืองขวดเริ่มขาดตลาด และไม่เพียงพอต่อความต้องการแล้ว

    รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 11 มกราคม 2554 (วันนี้) นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเสนอขอหลักการแนวทางในการแก้ปัญหาปาล์มตึงตัวและราคาสูงในระยะยาว 3 แนวทาง ได้แก่ 1.จัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันพืชปาล์ม ซึ่งกำลังศึกษาว่าใช้โมเดลเหมือนจัดตั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหรือกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย

    2. จัดระบบการค้าผลปาล์ม เน้นการเพิ่มจุดรับซื้อและลานเท ซึ่งเป็นเครื่องมือลดทั้งปัญหาแย่งซื้อจนราคาสูงเกินจริงและกดราคาเมื่อผลผลิตออกจำนวนมาก และตรวจเข้มงวดคุณภาพเพื่อป้องกันการใช้สารปนเปื้อนเช่นสารโฟมารีน และนำกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) และกฎหมายชั่งตวงวัดในการดูแลเรื่องน้ำหนักและปริมาณที่เป็นธรรม 3.บริหารสต็อกคงคลังน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคจากเดิม 1.2 แสนตัน เป็น 1.5 แสนตัน โดยกรมการค้าภายในเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งหากปริมาณสต็อกต่ำกว่า 1.2 แสนตันถือว่าวิกฤต ก็จะเสนอให้เพิ่มผลผลิตหรือนำเข้าปาล์มจากต่างประเทศมาทดแทน
    [​IMG]
    Business - Manager Online -
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ต่างชาติสบช่องบาทอ่อน แห่เทขายกดหุ้นร่วง18จุด กังวลหนี้ยุโรป-ศก.สหรัฐฯ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>10 มกราคม 2554 21:41 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ต่างชาติเทขายอีก 5.2 พันล้านต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ฉุดหุ้นไทยรูดหนัก 18 จุด ปิดที่ 1,018.03 จุด เหตุกังวลวิกฤตหนี้ในยุโรป และผิดหวังกับตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กดดันตลาดหุ้นทั้งภูมิภาคอ่อนตัว โบรกฯมองค่าบาทอ่อนค่า เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนฝรั่งเทขายทำกำไร ประเมินวันนี้(11ม.ค.)มีโอกาสหลุด 1,000 จุด หากตลาดหุ้นต่างประเทศยังปรับตัวลดลงต่อ แนะนำลดพอร์ตลงทุนในหุ้น

    ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (10ม.ค.) ปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่อง โดยปิดที่ระดับ 1,018.03 จุด ลดลง 18.42 จุด หรือ -1.78% มูลค่าการซื้อขาย 46,111.50 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับตัวลดลงหนักสุดถึง- 28.67 จุดอยู่ที่ 1,007.78 จุด และปรับตัวขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,035.65 จุด

    โดยปัจจัยหลัง ยังมาจากการเทขายของนักลงทุนต่างชาติที่ต่อเนื่องมาจากสัปดาห์ก่อน เช่นเดียวกับการเทขายหุ้นของกลุ่มสถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซึ่งวานนี้ นักลงทุนต่างชาติเทขายอีก 5,252.40 ล้านบาท สถาบันขาย 2,556.83 ล้านบาท และบัญชีบล. ขาย 858.92 ล้านบาท มีเพียงนักลงทุนที่ไปที่ซื้อสุทธิถึง 8,668.15 ล้านบาท

    ทั้งนี้เนื่องจาก ความกังวลของนักลงทุนทีมีต่อปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยุโรปที่อาจรุกลามขึ้นมาอีก รวมถึงการผิดหวังจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อเร็วๆนี้ น่าผิด จึงกดดันให้เกิดแรงที่ขายหุ้นในตลาดหุ้นต่างๆทั่วภูมิภาค เช่น ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดปรับตัวลดลง 5.39 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ระดับ 2,080.81 จุด ,ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีน ร่วง 46.99 จุด หรือ 1.66% ปิดที่ 2,791.81 จุด ,ดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นร่วง 242.78 จุด หรือ 1.93% ปิดที่ 12,331.16 จุด และ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบ 159.37 จุด หรือ 0.67% ปิดที่ 23,527.26 จุด
    Stock Markets - Manager Online -
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วิกฤติยุโรป : ทางแก้ไขปัญหาที่เป็นไปได้ (จบ)

    โดย : ดร.พงษ์ศักดิ์ ฮุ่นตระกูล, สมยศ อรรคฮาดสี
    วิกฤติการเงินกรีซและกลุ่มยุโรปใต้ มีผลกระทบต่อเสถียรภาพประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) โดยรวม
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110106/show_ads_impl.js"></SCRIPT>แม้ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อนุมัติวงเงิน 1 ล้านล้านยูโร เพื่อแก้ปัญหา แต่ก็ช่วยได้เพียงระยะสั้น

    ด้วยความแตกต่างทางด้านโครงสร้าง เศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์ รวมถึงประวัติศาสตร์ที่ส่งผลต่อประเทศในปัจจุบัน ทั้งในแง่ คุณภาพแรงงาน การศึกษา คุณภาพของประชากร จึงคาดการณ์ได้ว่าประเทศที่มีลักษณะเช่นเดียวกับกรีซ มีแนวโน้มจะประสบปัญหาเช่นเดียวกัน ซึ่งได้แก่ประเทศแถบยุโรปใต้ ประกอบด้วย สเปน โปรตุเกส อิตาลี

    สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดคำถามสำคัญอย่างมาก เกี่ยวกับเสถียรภาพของเงินยูโรว่า จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ รวมถึงจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ในเชิงนโยบายการเงินเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ซึ่งในที่นี้จะขอเสนอ 2 แนวทางเลือก ดังนี้
    เยอรมนีกลับไปใช้เงินดอยช์มาร์ก

    จากผลการเลือกตั้งวันที่ 9 พ.ค.2553 พรรคร่วมรัฐบาลแพ้การเลือกตั้ง เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าคนเยอรมันกว่า 47% สนับสนุนให้นำเงินดอยช์มาร์กกลับมาใช้ใหม่ และไม่เห็นด้วยกับการนำงบประมาณช่วยเหลือประเทศที่มีปัญหาการเงินในยุโรปอย่างกรีซ และประเทศอื่นที่มีแนวโน้มว่าจะมีปัญหาการเงินตามมา

    เยอรมนี ถือเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเข้มแข็งมากที่สุดในยุโรป ในการออกมาใช้เงินสกุลดอยช์มาร์ก เยอรมนีอาจต้องใช้เงินมหาศาล เพื่อแก้ปัญหาหนี้ของประเทศยุโรปใต้ที่ค้างชำระคืน ในลักษณะยอมขาดทุนแบบยกหนี้ให้ โดยเฉพาะหนี้ของสถาบันการเงินเยอรมนี ที่ปล่อยกู้ประเทศในยุโรปใต้ ซึ่งคาดว่ามีประมาณ 500,000 ล้านยูโร

    เยอรมนีต้องตั้งธนาคารกลางขึ้นมาใหม่ เพื่อกำหนดนโยบายการเงินดูแลค่าเงินดอยช์มาร์ก และร่วมมือกับอีซีบีกำหนดการซื้อคืนหนี้มีปัญหาในรูปสกุลเงินยูโร ด้วยเงินสกุลดอยช์มาร์ก ถือเป็นการกำหนดอัตราค่าเงินผูกกับค่าเงินยูโรที่มีใช้อยู่เดิม ทำให้ค่าเงินยูโรยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น

    ขณะที่ค่าเงินดอยช์มาร์กยังแข็ง เมื่อเทียบกับยูโรที่ไม่มีเยอรมนี เยอรมนีก็สามารถแปลงหนี้ที่อยู่ในสกุลเงินยูโรมาเป็นเงินสกุลดอยช์มาร์ก ในอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินยูโรอ่อนตัวลง ถือเป็นการช่วยแก้ปัญหาหนี้ยุโรปด้วยเงินดอยช์มาร์ก

    เยอรมนีต้องแยกตัวออกจากอีซีบี พร้อมกับแยกเงินทุนสำรอง ทรัพย์สินและหนี้สินต่างๆ ออกจากกัน เพื่อดำเนินการพิมพ์เงินดอยช์มาร์ก และนำกลับมาใช้ในเยอรมนี ซึ่งเป็นขั้นตอนยุ่งยาก รวมถึงการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนกับเงินยูโร ที่ทางเยอรมนีต้องการให้ค่าเงินยูโรอ่อนลงมากที่สุด เพราะเมื่อแปลงเป็นเงินดอยช์มาร์กแล้วทางเยอรมนีได้เปรียบ แต่อัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวต้องได้รับการยอมรับจากสมาชิกอียู รวมทั้งตลาดเงินด้วย

    อย่างไรก็ตาม คาดว่าการนำเงินดอยช์มาร์กกลับมาใช้ใหม่ แม้จะได้รับการยอมรับจากประชาชนมากกว่า 49% แต่มีผลกระทบต่อระบบธนาคารของเยอรมนี เนื่องจากหนี้เสียในกลุ่มประเทศยุโรปใต้ มีมูลค่าประมาณ 500,000 ล้านยูโร ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของประเทศ และอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจของเยอรมนีในยุโรป
    กรีซออกจากอียู กลับไปใช้เงินดรัคมา

    กรณีกรีซกลับไปใช้สกุลเงินเดิมของประเทศ และสามารถดำเนินการด้านการเงินให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจของประเทศได้ จะทำให้ธนาคารกลางสามารถพิมพ์ธนบัตรออกมา เพื่อซื้อคืนหนี้ภาครัฐโดยตรง และสามารถลดค่าเงินเพื่อแก้ปัญหาการส่งออก และกระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้กรีซไม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและมาตรการที่เข้มงวด

    การที่กรีซกลับมาใช้สกุลเงินของตัวเองอีกครั้ง ย่อมสามารถดำเนินนโยบายการเงินได้อย่างอิสระ แต่ปัญหาใหญ่คือการนำสกุลเงินดังกล่าวกลับมาหมุนเวียนใช้ในประเทศ และให้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป

    การตั้งมูลค่าของเงินถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อต้องแปลงจากยูโร เพื่อนำมาใช้ในประเทศ และให้เป็นที่ยอมรับของคนในประเทศ ทั้งประชาชนและตลาดการเงินอาจไม่ยอมรับเงินดรัคมา เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการลดค่า

    ทางเดียวที่จะสามารถนำเงินดรัคมากลับมาใช้ จึงต้องมีมาตรการเข้มงวดและบังคับใช้อย่างกว้างขวาง (by force) รวมทั้งมาตรการควบคุมการเข้าออกของเงินในประเทศ การใช้มาตรการควบคุมธนาคารทุกแห่งในประเทศ เพื่อบังคับให้มีการแปลงทรัพย์สินและหนี้สินทุกอย่างของสถาบันการเงินทุกแห่ง ให้เป็นสกุลเงินแห่งชาติ

    นอกจากรัฐบาลต้องผลักการใช้จ่ายภาครัฐให้เป็นสกุลเงินแห่งชาติ รวมถึงต้องแก้ปัญหาตลาดมืดอย่างเข้มงวด เพื่อให้ค่าเงินที่ออกมาใหม่สามารถใช้ได้แล้ว การใช้มาตรการดังกล่าวยังจะทำให้เกิดการแห่ถอนเงินยูโรและเทขายสินทรัพย์จำนวนมหาศาลของกรีซ

    หากกรีซไม่มีมาตรการรองรับ และไม่สามารถบังคับใช้การแปลงค่าเงินเป็นสกุลเงินแห่งชาติอย่างได้ผล ก็จะก่อเกิดปัญหาทั้งในแง่ของการจลาจลและผลกระทบลามไปทั่วยุโรป ดังนั้น อียูและไอเอ็มเอฟ จำเป็นอย่างยิ่งที่ให้การสนับสนุนเงินสกุลใหม่ดังกล่าว ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงค่าเงินเป็นสกุลเงินแห่งชาติ เพื่อสร้างความมั่นใจให้บุคคลทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
    บทเรียนสำหรับไทยและอาเซียน

    ช่วงที่ผ่านมา มีการกล่าวถึงนโยบายเงินสกุลเดียวในเอเชีย ซึ่งคาดหวังให้จีนที่มีเศรษฐกิจเติบโตสูงสุดและการค้าขยายตัวมากในทศวรรษหน้าเป็นผู้นำ แต่บทเรียนของยุโรปและสกุลเงินยูโร ทำให้เอเชียต้องพิจารณาพื้นฐาน โครงสร้างต่างๆ ทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศ เพื่อการพิจารณารวมกลุ่มเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนโยบายใช้ค่าเงินร่วมกัน นั่นหมายถึงประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วม จะไม่ยืดหยุ่นในการจัดการปัญหาต่างๆ ด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับค่าเงิน

    การรวมกลุ่มประเทศเพื่อใช้ค่าเงินร่วมกัน ต้องมีความคล้ายคลึงกัน หากมีความแตกต่างกันอย่างมาก อย่างกรีซกับเยอรมนี เมื่อประสบปัญหาเศรษฐกิจ และเมื่อมีการเข้าร่วม หรือได้ดำเนินการเรื่องเงินสกุลเดียวไปแล้ว ต้นทุนการแก้ปัญหาการออกจากระบบนั้นมีมูลค่ามหาศาล ซึ่งรวมถึงเรื่องเศรษฐกิจกับการเมือง

    เมื่อพิจารณาประเทศในสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) สามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มที่มีความสามารถทางเศรษฐกิจใกล้เคียงกัน กลุ่มแรก ประกอบด้วย ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ อีกกลุ่มได้แก่ ลาว พม่า กัมพูชา และเวียดนาม

    ขณะที่สิงคโปร์ถือว่าเป็นประเทศที่มีความสามารถในการปรับตัวทางเศรษฐกิจ มีความมั่งคั่ง แต่เป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก เศรษฐกิจมาจากการเป็นนายหน้าการค้า มิใช่การเป็นฐานการผลิตที่สำคัญดังเช่นเยอรมนีมีกับยุโรป

    บทเรียนจากยุโรป จากปัญหาความแตกต่างระหว่างประเทศสมาชิก จนส่งผลต่อเสถียรภาพของอียูโดยรวม การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจขั้นแรก ควรเริ่มจากประเทศที่พร้อมและมีเศรษฐกิจพื้นฐานใกล้เคียงกัน ได้แก่ 4 ประเทศ ในกลุ่มแรก ประกอบด้วย ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ กับสิงคโปร์ ซึ่งจะเริ่มต้นประชาคมอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558

    ขณะเดียวกันในกลุ่มที่สอง ประกอบด้วย ลาว พม่า กัมพูชา และเวียดนาม ควรรวมตัวเพื่อปรับตัวพัฒนาเศรษฐกิจ จนมีความพร้อมเพื่อเข้ากลุ่มเออีซี การรวมกลุ่มดังกล่าวเป็นไปในด้านเศรษฐกิจ ขณะที่แต่ละประเทศยังคงมีอิสระในนโยบายการเงินเป็นสำคัญ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการปรับตัวรับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น

    บทเรียนสำคัญของวิกฤติการเงินยุโรปครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงหลักเกณฑ์และข้อจำกัด ในการดำเนินนโยบายการเงินเดียวกันและใช้สกุลเงินร่วมกัน ความแตกต่างของประเทศในทุกๆ ด้าน ล้วนมีผลที่ต้องนำมาใช้พิจารณา ตั้งหลักเกณฑ์การรับประเทศเข้าร่วม
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ออสเตรเลียเจอน้ำท่วมฉับพลัน ตาย 8 ศพ

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    ออสเตรเลียยืนยันพบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 8 ราย สูญหายอีก 11 ราย จากเหตุน้ำท่วมฉับพลันในรัฐควีนส์แลนด์
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110106/show_ads_impl.js"></SCRIPT>
    นางแอนนา บลิค ผู้ว่าการรัฐควีนส์แลนด์ ของออสเตรเลีย เผยวันนี้ (11 ม.ค.)ว่า จนถึงขณะนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าพบผู้เสียชีวิต 8 ราย และยังมีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันถึงการเสียชีวิตของผู้คนอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึง ผู้สูญหายจำนวน 11 ราย
    ในจำนวนผู้เสียชีวิต รวมถึงเด็กอย่าง 2 ราย ซึ่งนางบลิค เรียกเหตุน้ำท่วมอย่างฉับพลันทางฝั่งตะวันตกของเมืองบริสเบนว่า ความบ้าคลั่งของธรรมชาติ
    ทั้งนี้ ควีนส์แลนด์ ต้องเผชิญกับหายนภัยรอบใหม่ หลังมีฝนตกลงมากขึ้น ทำให้กระแสน้ำขนาดมหึมาไหลบ่าเข้าท่วมเมืองต่างๆ อย่างรวดเร็ว รวมถึง ทูวูมบา และแกรนแธม ช่วงกลางดึกคืนวานนี้ (10 ม.ค.)
    ผู้เคราะห์ร้ายบางรายเล่าว่า เหมือนกับโดนคลื่นสึนามิพัดเข้าทำลาย สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สิน และบ้านเรือนจำนวนมาก
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE id=Tcontent width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>วิกฤตที่ยังห่างไกล เอเซียกับราคาอาหารติดจรวด


    [​IMG]




    </TD></TR><TR><TD class=contBX>สิ่งที่รัฐบาลในเอเชียกำลังหวาดกลัวกันหนักหนา คือโอกาสที่ภาวะราคาอาหารแพงอาจกลายเป็นวิกฤตที่ก่อผลสะเทือนและความเสียหายในมิติต่างๆ ดังเช่นที่ทั่วโลกเคยเผชิญกับวิกฤตนี้ระหว่างปี 2550-2551 ซึ่งครั้งนั้นเหตุการณ์คลี่คลายลงระดับหนึ่ง

    เนื่องจากทั่วโลกเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเสียก่อน ยังผลให้ระดับความต้องการสินค้าและบริการปรับลดลงมา จึงช่วยผ่อนคลายแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อตามไปด้วย

    ในช่วงเวลาที่หลายประเทศกำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้น สัญญาณของวิกฤตราคาอาหารเริ่มปรากฏชัดขึ้นทุกขณะ ถึงขั้นที่บางประเทศนอกภูมิภาคเอเชียเผชิญกับวิกฤตราคาอาหารขั้นสาหัส จนเกิดจลาจลนองเลือดมีผู้เสียชีวิตดังเช่นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในแอลจีเรีย
    ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย บาดเจ็บอีกนับร้อย จนรัฐบาลต้องประกาศลดราคาอาหารที่จำเป็นลงเพื่อคลี่คลายสถานการณ์

    แต่เอเชียอาจไม่ประสบกับชะตากรรมที่เลวร้ายถึงเพียงนั้น เพราะภาวะอาหารแพงในภูมิภาคนี้มีเงื่อนไขที่ต่างออกไป อีกทั้งยังแตกต่างจากวิกฤตที่เคยเกิดขึ้นระหว่างปี 2550-2551 จึงมีโอกาสสูงที่สถานการณ์ในเอเชียจะไม่ขยายวงจนกลายเป็นความรุนแรง

    ย้อนกลับไปเมื่อปี 2550-2551 วิกฤตการณ์ในครั้งนั้นเกิดขึ้นจากภาวะขาดแคลนอาหารเป็นหลัก ส่วนมูลเหตุที่ทำให้อาหารขาดแคลนนั้น เกี่ยวเนื่องกับสภาพอากาศโลกที่แปรปรวน ยังผลให้พื้นที่เพาะปลูกถูกทำลายในบางประเทศ เช่น ในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวมากที่สุดในโลก ต้องเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นหลายระลอกจนพื้นที่เพาะปลูกเสียหายในหลายพื้นที่
    ที่พม่าพื้นที่เพาะปลูกข้าวแถบปากแม่น้ำอิรวดี ถูกทำลายย่อยยับจากพายุไต้ฝุ่นนาร์กิส ยังผลให้แทนที่พม่าจะส่งออกข้าวได้ถึง 6 แสนตัน กลับต้องนำเข้าข้าวอย่างขนานใหญ่

    ที่ออสเตรเลีย ประสบกับอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบกับภาวะแห้งแล้งในพื้นที่อื่นๆ พร้อมกัน ยังผลให้ผลผลิตด้านการเกษตร โดยเฉพาะข้าว ดิ่งลงถึง 98% ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เกดขึ้นกับออสเตรเลียในครั้งนั้นกำลังเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้งในขณะนี้

    แต่สภาพอากาศแปรปรวนมิใช่ปัจจัยหลักที่ผลักไสราคาอาหารให้สูงขึ้น
    มูลเหตุที่สำคัญที่สุด สืบเนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนยังผลให้เกิดกระแสสนับสนุนให้พัฒนาพลังงานทางเลือกจากพืช จนหลายประเทศนำพืชที่เคยใช้เป็นอาหารมาผลิตเป็นพลังงานชีวภาพอย่างขนานใหญ่ ผลที่ตามมาคือ ราคาน้ำมันปาล์ม และราคาอ้อยถีบตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพืชทั้งสองชนิดเป็นส่วนประกอบสำคัญของพลังงานชีวภาพ

    เมื่อมูลเหตุทั้งสองเกิดขึ้นพร้อมเพรียงกัน โลกจึงประสบกับภาวะขาดแคลนอย่างเต็มพิกัด เพราะขาดทั้งข้าวเจ้าและข้าวสาลีจากการทำลายล้างโดยภัยธรรมชาติ อีกทั้งยังขาดส่วนประกอบสำคัญในการปรุงอาหาร คือน้ำมันพืชและน้ำตาล

    แรงบีบคั้นจากรอบด้านมิได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนที่มีรายได้ดี (แต่กุมความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศไว้ในอัตราส่วนใหญ่) แต่ส่งแรงบีบคั้นอย่างรวดเร็วไปถึงกลุ่มที่มีรายได้ต่ำ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศในเอเชีย และตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก

    แม้ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจจะควบคุมโดยคนกลุ่มน้อยที่บงการแนวทางทางการเมืองเช่นกัน แต่เสถียรภาพของคนกลุ่มนี้จะสั่นคลอนลงในทันที ประชาชนส่วนใหญ่ต้องอดอยากปากแห้ง

    ผลที่ติดตามมาคือเหตุจลาจลที่ลุกลามไปทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย แทบไม่มีประเทศใดที่หลบพ้นความโกลาหลนี้ ไม่ว่าจะเป็นบังกลาเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย ปากีสถาน พม่า และฟิลิปปินส์

    รัฐบาลหลายประเทศได้พยายามงัดมาตรการต่างๆ มาใช้เพื่อลดความโกรธเกรี้ยวของคนในสังคม และเพื่อรักษาสถานะของรัฐบาลมิให้สั่นคลอนลง
    บางประเทศประสบความสำเร็จ แต่บางประเทศติดตามมากด้วยความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นี่คือแรงกระเพื่อมที่รุนแรงจากวิกฤตอาหาร!

    เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์เกี่ยวกับราคาอาหารที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มีเงื่อนไขที่ค่อนข้างแตกต่างจากวิกฤตปี 2550-2551

    ประการแรก ภาวะขาดแคลนอาหารยังไม่รุนแรง เพราะอาหารจำเป็นอย่างข้าวและน้ำตาล ยังมีราคาไม่สูงมากนัก แต่ราคาอาหารที่ปรับขึ้นมาส่วนใหญ่มักเป็นพืชผักผลไม้เป็นส่วนใหญ่

    ประการที่สอง และเป็นข้อที่สำคัญที่สุด นั่นคือ เอเชียมีอัตราการขยายตัวที่รวดเร็ว ยังผลให้กระแสทุนนอกไหลบ่า กอปรกับตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำเป็นเวลานาน ยังผลให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น

    ด้วยสาเหตุนี้ วิธีการแก้ปัญหาจึงไม่ยากเย็นไปกว่าการขึ้นดอกเบี้ย หรือปล่อยให้ค่าเงินแข็งขึ้น ซึ่งต่างจากเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ที่วิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมูลเหตุสำคัญอยู่ที่ผลผลิตอาหารอยู่ในระดับต่ำมาก
    ทั้งนี้ มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา คือ ราคาน้ำมันที่เริ่มร้อนแรงอีกครั้ง
    แต่หากราคาน้ำมันไม่ปรับขึ้นมาเกิน 100 เหรียญสหรัฐ ดังเช่นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แรงบีบคั้นในตลาดจะยังมีไม่มากนัก

    หากเกิดปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น ประเทศที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ จีนและอินโดนีเซีย ซึ่งไม่เพียงมีอัตราเงินเฟ้อที่ค่อนข้างสูงเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพค่อนข้างต่ำในการสลายแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมาก ทำให้ยากที่จะควบคุมความต้องการสินค้าและบริการ โดยที่จีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ขณะที่อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ส่วนประเทศที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด คือ เกาหลีใต้และเวียดนาม ซึ่งไม่เพียงผลิตอาหารได้เพียงพอ แต่ยังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่

    หาก 2 ประเทศนี้เผชิญกับภาวะราคาอาหารแพงอย่างรุนแรง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเอเชียจึงอาจเรียกได้ว่าเป็นวิกฤตอย่างเต็มปาก

    แม้จะยังไม่ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นวิกฤต แต่การที่โลกกลับมาเผชิญกับภาวะบีบคั้นด้านราคาอาหารอีกครั้ง ในชั่วระยะเวลาเพียง 2 ปี นับเป็นสัญญาณที่อันตรายอย่างยิ่ง อีกทั้งช่วงเวลาเว้นระยะไป 2 ปีนั้น หาใช่เป็นเพราะวิกฤตการณ์คลี่คลายลงด้วยตัวเองไม่ แต่เป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจถดถอยเข้ามาขวางอย่างฉับพลัน

    หากไม่เกิดวิกฤตการเงินโลกและภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกแล้ว ย่อมเป็นที่แน่นอนว่า ภาวะราคาอาหารแพง และอาหารขาดแคลนจะลากยาวมาจนถึงเวลานี้อย่างแน่นอน

    สัญญาณนี้เท่าเป็นการย้ำว่า บัดนี้โลกกำลังคืบคลานเข้าสู่ฉากแรกของสงครามแย่งชิงอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


    </TD></TR><TR><TD class=contBX align=right>

    Post Today
    Last update : 1/10/2011 11:20:25 AM


    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- google_ad_section_end -->
    เครดิต Nat_usp<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4246982", true); </SCRIPT> http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1156
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]



    "ต่อไป สิ่งที่ไม่เคยเกิดก็จะเกิด คนจะตายหมู่กันมากขึ้น ที่ไหนมีคนรวมกลุ่มกันมากๆอย่าได้เข้าไป จะมีอันตรายมาก.."



    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ

    [​IMG]


    "น่าเสียดาย สร้างกันมาเป็นร้อยๆปี แต่จะต้องมาจบสิ้นกันในวันเดียว.."

    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม


    [​IMG]


    "ได้นิมิตเห็นกรุงเทพฯน้ำท่วมสูงประมาณเสาไฟฟ้า"



    หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก



    [​IMG]




    "พ.ศ. 2550 ถึง 2555 หางนาคกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างโลก

    จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรม จะล้มตายมาก
    ส่วนคนดีมีศีลธรรม จะอยู่รอดปลอดภัยได้"





    หลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล



    [​IMG]




    " หากเหตุภัยพิบัติร้ายแรงไม่เกิดในปีค.ศ. 2000 ก็จะไปเกิดในปีค.ศ. 2004 แทน โดยเหตุร้ายจะเริ่มต้นจากทางภาคใต้ก่อน

    จากนั้นก็จะลามขึ้นมาถึงภาคกลางและภาคเหนือในที่สุด ในเขตเมืองใหญ่จะอันตรายมาก
    จะเดือดร้อนวุ่นวายอย่างหนักไปทั่ว ไม่ต่างอะไรกับกลียุคน้อยเลยทีเดียว"






    ครูบาไชยวงศาพัฒนา



    [​IMG]




    " หลวงพ่ออยากให้สร้างพระเจดีย์สันติภาพโลก เพื่อบรรเทากรรมของประเทศชาติและของโลกที่กำลังใกล้จะตามมาทันในไม่ช้านาน นี้แล้ว โดยพระเจดีย์สันติภาพโลกนี้ กำหนดให้มีรูปลักษณะความสูงใหญ่เท่ากับพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐมทุกประการ โดยสร้างครอบดอยที่อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เรื่องนี้ หลวงพ่อเคยทำเรื่องขออุปถัมภ์การก่อสร้างไปยังลูกศิษย์ซึ่งเป็นรัฐมนตรีใน รัฐบาลชุดก่อนๆ แต่เรื่องก็หายเงียบไปทุกที จนท้ายที่สุด หลวงพ่อจึงคิดว่า พระเจดีย์สันติภาพโลกนี้ หากทำได้ก็ทำ หากทำไม่ได้ก็คงต้องปล่อยให้เป็นกรรมของสัตว์โลกก็แล้วกันน๊ะ.."









    พระครูขันตยาภรณ์ (ครูบาคำ ขันติโก)


    [​IMG]




    "นับแต่นี้ไป คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรมของสัตว์โลกแล้ว"



    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน









    ปล.พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านสอนในต่างกรรมต่างวาระ อาจจะเป็นเรื่องที่เกิดในปัจจุบัน
    หรือไม่เกี่ยวกับเรื่องในยุคปัจจุบันนี้ ก็ได้ แต่คำสอนของท่านก็เตือนสติของเราไม่ให้ประมาท
    และสำรวมตนไม่หลงระเริงไปกับสิ่งล่อลวงต่างๆในโลก หัดใช้ชีวิตอย่างมีสติ
    มีสัมปชัญญะ ดำรงชีพอยู่ในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไม่หลงฟุ้งเฟ้ออยู่ในความโลภ
    โกรธ หลง ก็ถือได้ว่ามีตนเป็นพึ่งแห่งตนพาตนพ้นภัยได้ ไม่ใช่มีตนพาตนหลงเข้าสู่ภัย
    อยู่ตลอดเวลา ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2011
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

    งานแปล " The Elite Network " ( เครือข่ายผู้ครอบครองโลก )


    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/E9i6gTBR8U4?fs=1&hl=en_US&color1=0x5d1719&color2=0xcd311b width=480 height=385 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>


    THE SECRET COVENANT ( พันธสัญญาลับ )




    " The Elite Network "
    " เครือข่ายผู้ครอบครองโลก "

    An illusion it will be, so large, so vast it will escape their perception.
    จะมีภาพลวงตา(การล่อลวง)ที่แยบยลมาก ที่เหนือความคาดหมายของคนทั่วไป
    Those who will see it will be thought of as insane.
    และคนที่รู้หรือเห็นสิ่งนี้ก็จะคิดว่าเป็นเรื่องบ้าบอคอแตก ไม่น่าเป็นไปได้

    We will create separate fronts to prevent them from seeing the connection between us.
    เราจะสร้างฉากหน้าเพื่อปกปิดไม่ให้พวกเขาเห็นการเชื่อมต่อสิ่งเหล่านี้มาถึงเราได้

    We will behave as if we are not connected to keep the illusion alive. Our goal will be accomplished one drop at a time so as to never bring suspicion upon ourselves. This will also prevent them from seeing the changes as they occur.
    เราจะทำเหมือนกับว่าเราไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราว(ของภาพลวงตา)เหล่านั้น เพื่อ ให้มันยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เป้าหมายของเราจะบรรลุไปเป็นขั้นเป็นตอนโดยที่จะไม่มีการสืบสาวราวเรื่องมา ถึงเราได้ และสิ่งนี้ก็จะยังป้องกันไม่ให้พวกเขาสังเกตเห็นความเป็นไปต่างๆ

    We will always stand above the relative field of their experience for we know the secrets of the absolute.
    พวกเราจะยังคงเหนือชั้นกว่าพวกเขาทั้งด้านองค์ความรู้และประสบการณ์เสมอ ด้วยว่าพวกเรารู้ความลับโดยตลอด

    We will work together always and will remain bound by blood and secrecy. Death will come to he who speaks.
    พวกเราจะยังคงทำงานร่วมกันเสมอและจะผูกพันกันโดยสายเลือดและความลับ ผู้ใดที่เปิดเผยจะต้องตาย ( Lincoln, JFK, MLK, John Lenon, Tupac, Michael Jackson, etc.. )

    We will keep their lifespan short and their minds weak while pretending to do the opposite.
    เราจะกระทำให้ชีวิตของพวกเขาสั้นลง และทำให้สติปัญญาต่ำลง ในขณะเดียวกันเราก็กำลังแสร้งทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม(ทำในสิ่งที่ภาพออกมาดู ดี -ผู้เรียบเรียง)

    We will use our knowledge of science and technology in subtle ways so they will never see what is happening.
    เราจะใช้ความรู้ของเราทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างเฉลียวฉลาดและ แนบเนียน เพื่อว่าพวกเขาจะไม่มีทางรู้หรือเข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

    We will use soft metals, aging accelerators and sedatives in food and water, also in the air.
    เราจะใช้ธาตุโลหะอ่อนๆ , สารเร่งความแก่(ฮอร์โมนเร่งโตในนมวัว), และยากล่อมประสาทใส่ลงไปในอาหาร ในน้ำ และในอากาศ
    (เขาทำอยู่นานแล้ว เช่นใส่แอสปาร์เทม-aspartame หรือน้ำตาลเทียม ซึ่งทำลายระบบประสาท ได้ถูกนำมาใส่ในอาหาร ยา และเครื่องดื่มต่างๆ รวมไปถึงการใส่ฟลูออไรด์ในน้ำดื่ม ซึ่งทำให้เกิดปัญหาสติปัญญาเสื่อมลง โดยเฉพาะในเด็ก และทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมาอีกมาก ส่วนในอากาศก็มีการปล่อยสารพิษโดยโดยใช้เครื่องบินโปรยสายเคมี(Chemtrail) พบมากในยุโรปและอเมริกา -ผู้เรียบเรียง)

    They will be blanketed by poisons everywhere they turn.
    ไม่ว่าเขาจะหันไปทางไหน ในทุกๆที่ เขาก็จะยังคงถูกห่อหุ้มไว้ด้วยสารพิษ

    The soft metals will cause them to lose their minds. We will promise to find a cure from our many fronts, yet we will feed them more poison.
    ธาตุโลหะอ่อนๆจะทำให้พวกเขาเสียสติ และโดยฉากหน้า เราสัญญาที่จะรักษาเขาให้หาย แต่ทว่า…เราจะป้อนสารพิษให้เขามากกว่าเดิม ( เวชภัณฑ์และยา "เคมี" ที่ใช้รักษาโรคต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นสารที่ซ้ำเติมที่ทำให้คนไข้ แย่ลงยิ่งกว่าเดิม จากกากยา ส่วนผสมและผลข้างเคียงของยา –ผู้เรียบเรียง)

    The poisons will be absorbed through their skin and mouths, they will destroy their minds and reproductive systems.
    สารพิษต่างๆจะถูกดูดซึมเข้าทางผิวหนัง และทางปากของพวกเขา สารพิษเหล่านั้นจะทำลายสติปัญญาและทำลายระบบสืบพันธุ์ของพวกเขา


    From all this, their children will be born dead, and we will conceal this information.
    จากสิ่งเหล่านี้ ลูกของพวกเขาจะคลอดออกมาตาย และเราก็จะปิดบังข้อมูลเหล่านี้ไว้

    The poisons will be hidden in everything that surrounds them, in what they drink, eat, breathe and wear.
    สารพิษต่างๆจะซ่อนอยู่ในทุกสิ่งอย่าง รอบๆตัวของพวกเขา ซ่อนอยู่ในสิ่งที่เขาดื่ม ในอาหารที่พวกเขากินเข้าไป อยู่ในอากาศ และในเสื้อผ้าที่สวมใส่

    We must be ingenious in dispensing the poisons for they can see far.
    พวกเราจะต้องปราดเปรื่องในการจัดสรรปรุงแต่งสารพิษต่างๆเพื่อพวกเขาจะไม่มีทางรู้ได้โดยง่าย

    We will teach them that the poisons are good, with fun images and musical tones.
    เราจะสอนพวกเขาว่าสารพิษเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ดี ในรูปแบบที่สนุกสนานและสุนทรีย์ (เช่น การโฆษณาต่างๆทางทีวี การแทรกเรื่องราวในภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ด หรือผ่านสื่อต่างๆรอบตัวเรา – ผู้เรียบเรียง)

    Those they look up to will help. We will enlist them to push our poisons.
    คนที่มีจิตอาสา เราก็จะสนับสนุนเขาในการส่งเสริมการแพร่ของสารพิษ (มีผู้คนจำนวนมากมายที่ถูกล่อลวงให้เข้าไปอยู่ในขบวนการลับเหล่านี้ – ผู้เรียบเรียง)

    They will see our products being used in film and will grow accustomed to them and will never know their true effect.
    พวกเขาจะเห็นสินค้าของเราในภาพยนตร์ และสิ่งเหล่านั้นก็จะค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในชีวิตของพวกเขาจนเกิดความเคยชิน และพวกเขาจะไม่มีวันรู้ถึงผลกระทบที่แท้จริงเลย

    When they give birth we will inject poisons into the blood of their children and convince them its for their help.
    เมื่อพวกเขาให้กำเนิดบุตร เราก็จะฉีดสารพิษเข้าไปในเลือดของเด็กๆ (วัคซีน (ผู้ใฝ่รู้โปรดศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติม) – ผู้เรียบเรียง) และให้ความมั่นใจเขาว่าสิ่งเหล่านั้นจะช่วยให้เด็กแข็งแรง

    We will start early on, when their minds are young, we will target their children with what children love most, sweet things.
    เราจะเริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ ตั้งแต่พวกเขายังไม่เดียงสา เราจะเข้าโจมตีในจุดที่เด็กๆชอบมากที่สุด สิ่งที่เย้ายวนใจเด็กๆเช่นขนมรสหวาน


    When their teeth decay we will fill them with metals that will kill their mind and steal their future.
    เมื่อฟันของเด็กๆผุ เราก็จะใส่โลหะเข้าไปในฟันซึ่งโลหะเหล่านี้ก็จะค่อยๆทำลายสติปัญญาของเขา และขโมยอนาคตของเด็กๆไป

    When their ability to learn has been affected, we will create medicine that will make them sicker and cause other diseases for which we will create yet more medicine.
    เมื่อความสามารถในการเรียนรู้ของพวกเด็กถูกกระทบกระเทือน (เช่นป่วยเป็นออทิสซึม-ผู้เรียบเรียง) เราก็จะผลิตยาขึ้นมาเพื่อทำให้เขาป่วยมากขึ้นและทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมาอีก เพื่อว่าเราจะได้ผลิตยา (มาขายให้พวกเขา) มากขึ้นๆ อีก

    We will render them docile and weak before us by our power.
    เราจะกระทำให้พวกเขาเป็นคนห้วอ่อนว่าง่ายและอ่อนแออยู่ต่อหน้าเราด้วยพลัง อำนาจของเรา

    They will grow depressed, slow and obese, and when they
    come to us for help, we will give them more poison.
    พวกเขาจะเติบโตขึ้นเป็นประชากรที่ซึมเศร้า เชื่องช้า และอ้วน และเมื่อพวกเขามาขอความช่วยเหลือจากเรา เราก็จะใส่สารพิษเพิ่มเติมเข้าไปในตัวเขาอีก


    We will focus their attention toward money and material goods so they many never connect with their inner self. We will distract them with fornication, external pleasures and games so they may never be one with the oneness of it all.
    พวกเขาจะมุ่งความสนใจไปในเรื่องเงินทองและเรื่องวัตถุนิยม เพื่อว่าพวกเขาจะได้ห่างไกลจากเรื่องฝ่ายวิญญาณ (หมายถึงทำให้ออกห่างจากพระเจ้า - ผู้เรียบเรียง) เราจะทำให้พวกเขาวุ่นอยู่กับเรื่องเซ็กส์ ความสำเริงสำราญจากภายนอก รวมทั้งเกมส์ต่างๆ เพื่อว่าพวกเขาจะไม่มีทางได้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งอีกเลย

    Their minds will belong to us and they will do as we say. If they refuse we shall find ways to implement mind-altering technology into their lives. We will use fear as our weapon.
    จิตใจของพวกเขาจะเป็นทาสของเรา และพวกเขาจะทำตามที่เราบอก ถ้าพวกเขาปฏิเสธ เราก็จะหาวิธีที่จะใช้เทคโนโลยีต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อเปลี่ยนแปลง จิตใจของพวกเขา เราจะใช้ความกลัวเป็นอาวุธของเรา

    We will establish their governments and establish opposites within. We will own both sides.
    เราจะก่อตั้งทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านในสภาการปกครองของพวกเขา เราจะเป็นเจ้าของของทั้งสองฝ่าย

    We will always hide our objective but carry out our plan.
    เราจะซ่อนเป้าหมายของเราไว้ แต่ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่เราวางไว้แล้ว


    They will perform the labor for us and we shall prosper from their toil.
    พวกเขาจะทำงานให้เรา และเราจะมั่งคั่งบนความเหน็ดเหนื่อยของพวกเขา

    Our families will never mix with theirs. Our blood must be pure
    always, for it is the way.
    สมาชิกในครอบครัวของเราจะไม่มีทางได้ผสมปนเปไปกับพวกเขา สายเลือดของเราจะต้องไม่มีสิ่งอื่นเจอปน เพราะมันต้องเป็นเช่นนั้น


    We will make them kill each other when it suits us.
    เมื่อเวลาเหมาะสม เราจะทำให้พวกเขาฆ่ากันเอง

    We will keep them separated from the oneness by dogma and religion.
    เราจะทำให้พวกเขาออกห่างจากพระผู้สร้างโดย "ลัทธิความเชื่อและระบบศาสนา"

    We will control all aspects of their lives and tell them what to think and how.
    เราจะควบคุมทุกแง่มุมชีวิตของพวกเขา และบอก(สั่งสอน)พวกเขาว่าควรจะคิดถึงเรื่องอะไรและคิดอย่างไร

    We will guide them kindly and gently letting them think they are guiding
    themselves.
    เราจะนำทางเขาอย่างสุภาพและอ่อนโยน และทำให้พวกเขาคิดว่า "เขาคิดด้วยตัวของเขาเอง"

    We will foment animosity between them through our factions.
    เราจะเสี้ยมสอนให้พวกเขาเกลียดชังกันอย่างรุนแรงโดยมีกลุ่มคนของเราแฝง เข้าไปยุแหย่ (เช่นการแบ่งขั้ว แบ่งสีทางการเมือง คือตัวอย่างการทำงานของเยซูอิต – ผู้เรียบเรียง)

    When a light shall shine among them, we shall extinguish it by ridicule, or death, whichever suits us best.
    เมื่อมีใครบางคนในพวกเขาเริ่มรู้ตัว เราจะทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวกับเขา (เช่น ประธานาธิบดี บิล คลินตัน มีข่าวอื้อฉาวกับลูวินสกี้เพราะบิลเริ่มพูดถึงผู้มีอิทธิพลลับ บิลจึงถูกสั่งสอน และตอนนี้ก็อยู่หมัดแล้ว – ผู้เรียบเรียง) หรือฆ่าเสียให้ตาย แล้วแต่สิ่งใดจะเหมาะในสถานการณ์นั้นๆ

    We will make them rip each other's hearts apart and kill their own children.
    เราจะทำให้พวกเขาฉีกหัวใจของกันและกันออก (ทำลายสำนึกผิดชอบชั่วดี-ผู้เรียบเรียง) และฆ่าลูกๆของเขาเอง

    We will accomplish this by using hate as our ally, anger as our friend.
    เราจะทำให้สำเร็จโดยมีความเกลียดชังเป็นพันธมิตของเรา มีความโกรธเป็นเพื่อนของเรา


    The hate will blind them totally, and never shall they see that from their
    conflicts we emerge as their rulers. They will be busy killing each other.
    ความเกลียดชังจะทำให้พวกเขาไม่รับรู้สิ่งใดเลย ในความขัดแย้งนั้น พวกเขาจะไม่สามารถรู้เลยว่าเราได้กลายเป็นกลุ่มผู้ปกครองของพวกเขาแล้ว พวกเขาจะยังคงยุ่งอยู่กับการฆ่าฟันกัน

    They will bathe in their own blood and kill their neighbors for as long as we see fit.
    พวกเขาจะชุ่มโชกด้วยเลือดของพวกเขาเอง และฆ่าฟันเพื่อนบ้าน(สงคราม)นานเท่านานที่เราเห็นสมควร


    We will benefit greatly from this, for they will not see us, for they cannot see us.
    เราจะได้ประโยชน์อย่างมากมายจากสิ่งนี้ เพราะพวกเขาไม่เห็นเรา เพราะพวกเขาไม่อาจรู้จักเราได้
    (พวกอีลีทจะให้เงินกู้ยืมในการทำสงครามและขายอาวุธสงครามให้กับทั้งสองฝ่ายของประเทศที่ทำสงครามกัน เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เรื่อยมาจนปัจจุบัน – ผู้เรียบเรียง)

    We will continue to prosper from their wars and their deaths.
    เราจะยังคงมั่งคั่งขึ้นจากการทำสงครามและความตายของพวกเขา

    We shall repeat this over and over until our ultimate goal is accomplished.
    เราจะทำสิ่งเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกเรื่อยๆ จนกระทั้งเป้าหมายสูงสุดของเราได้บรรลุแล้ว

    We will continue to make them live in fear and anger though images and sounds.
    เราจะยังคงทำให้พวกเขาดำรงชีวิตอยู่ในความหวาดกลัว และความโกรธแค้นผ่านทางภาพและเสียง

    We will use all the tools we have to accomplish this.
    เราจะใช้เครื่องมือทุกอย่างที่เรามี เราจะต้องทำให้สำเร็จ

    The tools will be provided by their labor.
    เครื่องมือต่างๆจะถูกจัดเตรียมไว้ "ด้วยน้ำมือของพวกเขาเอง"

    We will make them hate themselves and their neighbors.
    เราจะทำให้พวกเขาเกลียดกันเอง และเกลียดเพื่อนบ้าน

    We will always hide the divine truth from them, that we are all one. This they must never know!
    เราจะยังคงปิดบังความจริงอย่างเหนือมนุษย์จากพวกเขาว่าพวกเราเป็นหนึ่ง เดียว (หมายถึงพวกนี้คือลูกหลานของ fallen angels- ผู้เรียบเรียง) สิ่งนี้พวกเขาจะต้องไม่มีวันรู้ได้

    They must never know that color is an illusion, they must always think they are not equal.
    พวกเขาจะต้องไม่มีวันรู้ได้ว่า สีผิวเป็นภาพลวงตาอย่างหนึ่ง พวกเขาจะต้องคิดเสมอว่าพวกเขาไม่เท่าเทียมกัน

    Drop by drop, drop by drop we will advance our goal.
    หยาดต่อหยาด หยดต่อหยด พวกเราจะสานต่อเป้าหมายของเรา

    We will take over their land, resources and wealth to exercise total control over them.
    พวกเราจะเข้าควบคุมผืนแผ่นดินของพวกเขา ทรัพยากร และความมั่งคั่งของพวกเขา โดยวิธีการควบคุมแบบเบ็ดเสร็จ

    We will deceive them into accepting laws that will steal the little freedom they will have.
    พวกเราจะล่อลวงเขาให้ยอมรับกฎหมายที่ค่อยๆขโมยอิสรภาพจากพวกเขา

    We will establish a money system that will imprison them forever, keeping them and their children in debt.
    เราจะก่อตั้ง "ระบบการเงิน" ที่ทำให้พวกเขาถูกจองจำตลอดไป ทำให้พวกเขาและลูกหลานของพวกเขาท่วมท้นไปด้วย "หนี้สิน"

    When they shall ban together, we shall accuse them of crimes and present a different story to the world for we shall own all the media.
    เมื่อพวกเขารวมตัวกัน เราก็จะกล่าวโทษพวกเขาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย(ผู้ก่อวินาศกรรม) และจะนำเสนอเรื่องที่แตกต่างออกไป ไปสู่ชาวโลก ด้วยว่าเราเองที่เป็นเจ้าของ "สื่อสารมวลชนทั้งหมด"


    We will use our media to control the flow of information and their sentiment in our favor.
    เราจะใช้สื่อสารมวลชนของเราควบคุมการไหลของข้อมูล ให้ไปในแนวทางที่เราต้องการ

    When they shall rise up against us we will crush them like insects, for they are less than that.
    เมื่อพวกเขาจะลุกขึ้นต่อสู้เราเราจะขยี้พวกเขาเหมือนขยี้แมลง เพราะพวกเขาก็มีค่าน้อยยิ่งกว่าแมลงซะอีก

    They will be helpless to do anything for they will have no weapons.
    พวกเขาจะไร้ซึ่งกำลังที่จะทำอะไรได้ เพราะพวกเขาไม่มีอาวุธ


    We will recruit some of their own to carry out our plans, we will promise them
    eternal life, but eternal life they will never have for they are not of us.
    เราจะคัดสรรบางคนในพวกเขามาดำเนินการตามแผนของเรา เราจะใหคำมั่นสัญญาว่าเขาจะได้รับชีวิตนิรันดร์ แต่พวกเขาจะไม่มีวันได้ เพราะพวกเขาไม่ใช่มาจากเรา

    The recruits will be called "initiates" and will be indoctrinated to believe false rites of passage to higher realms. Members of these groups will think they are one with us never knowing the truth. They must never learn this truth for they will turn against us.
    ผู้ที่ถูกสรรหาเข้ามาจะถูกเรียกว่า “สมาชิกใหม่” และจะถูกปลูกฝังลัทธิความเชื่อและพิธีกรรมเทียมเท็จ (เช่น กลุ่ม ฟรีเมสัน-ผู้เรียบเรียง) สมาชิกเหล่านี้คิดว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในพวกเราพวกเขาไม่เคยรู้ความจริง พวกเขาจะต้องไม่มีวันที่จะรู้ความจริงเพราะถ้าพวกเขารู้พวกเขาก็จะหันมาต่อ ต้านเรา (สโมสรโรตารี่ & ไลอ้อน เป็นต้น)

    For their work they will be rewarded with earthly things and great titles, but never will they become immortal and join us, never will they receive the light and travel the stars.
    พวกเขาจะได้รับรางวัลจากการทำงานเป็นเป็นวัตถุสิ่งของบนแผ่นดินโลก และตำแหน่งใหญ่โต แต่พวกเขาจะไม่ได้ความเป็นอมตะและอยู่ร่วมกับเรา พวกเราจะไม่มีวันได้รับความสว่างและท่องไปในหมู่ดวงดาว


    They will never reach the higher realms, for the killing of their own kind will prevent passage to the realm of enlightenment. This they will never know.
    พวกเขาจะไม่มีวันได้ไปถึงที่ที่สูงกว่า เพราะการเข่นฆ่าของพวกเขา จะกันไม่ให้ไปสู่ความสว่างหรือภาวะรู้แจ้งเห็นจริง

    The truth will be hidden in their face, so close they will not be able to focus on it until its too late.
    ความจริงจะถูกฉาบหน้าปิดบังไว้อย่างมิดชิด พวกเขาไม่สามารถจะรวบรวมความสนใจไปที่สิ่งนี้ได้จนกว่าจะสายเกินไป

    Oh yes, so grand the illusion of freedom will be, that they will never know they are our slaves.
    ไช่แล้ว….ช่างเป็นภาพลวงตาอันยิ่งใหญ่ในเรื่องการมีเสรีภาพ (พวกเขาถูกล่อลวงว่ามีเสรีภาพ - ผู้เรียบเรียง) จนพวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าพวกเขานั้นเป็นทาสของเรา

    When all is in place, the reality we will have created for them will own them. This reality will be their prison. They will live in self-delusion.
    เมื่อสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ปรากฎ ความจริงที่เราได้จัดให้พวกเขาจะทำให้พวกเขาคล้อยตาม ความจริงนี้จะเป็นที่คุมขังพวกเขา พวกเขาจะมีชีวิตอยู่กับความคิดเพ้อฝันหลอกตนเอง

    When our goal is accomplished a new era of domination will begin.
    เมื่อเป้าหมายของเราบรรลุผลสำเร็จ ยุคใหม่แห่งการครอบงำก็จะเริ่มขึ้น

    Their minds will be bound by their beliefs, the beliefs we have established from time immemorial.
    ความคิดจิตใจของพวกเขาจะผูกพันอยู่กับสิ่งที่เขาเชื่อ ซึ่งเป็นความเชื่อที่เราค่อยๆปลูกฝังให้พวกเขามาช้านานแล้ว

    But if they ever find out they are our equal, we shall perish then. THIS THEY MUST NEVER KNOW.
    แต่ถ้าพวกเขาพบว่าพวกเขาเท่าเทียมกับเรา เราก็จะลงโทษพวกเขา สิ่งนี้พวกเขาจะต้องไม่มีวันรู้ได้!!

    If they ever find out that together they can vanquish us, they will take action.
    ถ้าพวกเขาพบว่าการรวมตัวกันนั้นพวกเขาสามารถเอาชนะเราได้ พวกเขาก็จะทำ

    They must never, ever find out what we have done, for if they do, we shall have no place to run, for it will be easy to see who we are once the veil has fallen. Our actions will have revealed who we are and they will hunt us down and no person shall give us shelter.
    มันจะต้องไม่เกิดขึ้น… แม้แต่การค้นพบในสิ่งที่เราได้ทำไปแล้ว เพราะถ้าพวกเขารู้ เราจะไม่มีทางไป เพราะมันจะเป็นการง่ายที่จะพบว่าเราเป็นใครเมื่อผ้าม่านหล่นลง (ผ้าม่านถูกเปิดออก) การกระทำของเราจะเปิดเผยตัวตนของเรา และพวกเขาก็จะตามไล่ล่าเรา และไม่มีใครจะให้ที่กำบังแก่เรา

    This is the secret covenant by which we shall live the rest of our present and future lives, for this reality will transcend many generations and life spans.
    นี่เป็นสัญญาลับ เพื่อว่าเราจะอยู่ต่อไปในเวลาชีวิตที่เหลืออยู่และรวมไปถึงในโลกหน้าด้วย ด้วยความจริงเรื่องนี้จะผ่านไปหลายๆชั่วอายุคน


    This covenant is sealed by blood, our blood. We, the ones who from heaven to earth came.
    สัญญานี้ถูกประทับตราไว้ด้วยเลือด เลือดของพวกเรา พวกเรากลุ่มที่มาจากฟ้าสวรรค์มาสู่แผ่นดินโลก

    This covenant must NEVER, EVER be known to exist. It must NEVER, EVER be written or spoken of for if it is, the consciousness it will spawn will release the fury of the PRIME CREATOR upon us and we shall be cast to the depths from whence we came and remain there until the end time of infinity itself.
    จะต้องไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีสัญญานี้มีอยู่ มันจะต้องไม่มีการเขียนขึ้น หรือพูดถึง การรับรู้(ถึงสัญญาลับนี้)สิ่งนี้จะส่งผลให้พระผู้เป็นเบื้องต้น (และเบื้องปลาย – ผู้เรียบเรียง) ทรงระบายพระพิโรธมาสู่พวกเรา และพวกเราก็จะถูกโยนลงไปในที่ลึก จากที่ๆเรามาและจะต้องอยู่ที่นั่นจนถึงกาลสิ้นยุค


    The Gold War Phase II.<WBR></WBR>.<WBR></WBR>.<WBR></WBR>by Jimmy Siri บน Facebook
    http://www.facebook.com/<WBR></WBR>home.php?sk=group_17040824<WBR></WBR>6326805&ap=1





    โพสต์โดย What's going on in America
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ปัตตานีน้ำท่วมสูงขยายวงกว้างไปยัง 5 อำเภอแล้ว
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>11 มกราคม 2554 11:22 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ปัตตานี - สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดปัตตานียังคงน่าเป็นห่วง ในขณะนี้น้ำท่วมได้ขยายวงกว้างขึ้นกินพื้นที่ 5 อำเภอแล้ว เชื่อเกิดจากน้ำท่วมในพื้นที่ยะลา และนราธิวาส ที่น้ำได้ไหลลงสู่แม่น้ำทั้ง 2 สาย จนทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่ง

    วันนี้ (11 ม.ค.) สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดปัตตานียังคงน่าเป็นห่วง โดยผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปัตตานีว่า ในขณะนี้น้ำท่วมได้ขยายวงกว้างขึ้นกินพื้นที่ 5 อำเภอแล้ว ได้แก่ อำเภอเมือง มี 3 ตำบล คือ ต.ปะกาฮารัง ต.บาราเฮาะ ต.ตะลุโบ๊ะ อำเภอยะรัง มี 3 ตำบล คือ ต.เขาตูม ต.คลองใหม่ ต.เมาะมาวี และอำเภอหนองจิก มี 5 ตำบล คือ ต.ลิปะสะโง ต.คลองตันหยง ต.บางเขา ต.เกาะเปาะ ต.ยาบี ซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่ติดกับแม่น้ำ ปัตตานี โดยได้รับอิทธิพลจากน้ำเหนือน้ำจังหวัดยะลา

    ส่วนอำเภอที่อยู่ติดกับแม่น้ำสายบุรี ที่ได้รับอิทธิพลจากน้ำเหนือจากนราธิวาส มี 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกะพ้อ มี 3 ตำบล คือ ต.ตะโละดือรามัน ต.ปล่องหอย ต.กะรูบี และ อำเภอสายบุรี มี 3 ตำบล คือ ต.มะนังดาลัม ต.กะดุนง ต.ตะบิ้ง

    จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ดังกล่าว ทำให้มีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเดือดร้อน กว่า 2,000 หลังคาเรือน ถนนระหว่างหมู่บ้านและตำบลหลายสายยังคงถูกน้ำท่วมขังอยู่ แต่ยังไม่ได้รับรายงานถึงเหตุความเสียหายรุนแรงของเหตุการณ์น้ำท่วม รวมถึงพื้นที่ทำการเกษตรของราษฎร ซึ่งทางจังหวัดปัตตานีได้จัดเจ้าหน้าที่นำเอท้องแบนเพื่อเข้าไปช่วยเหลือและสำรวจความเสียหายในทุกพื้นที่แล้ว

    ส่วนสถานการณ์น้ำในแม่น้ำปัตตานีมีน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ และได้ขยายวงกว้างเข้าสู่พื้นที่ในเทศบาลเมืองปัตตานีแล้ว โดยเฉพาะถนนหน้าวัง ต.จะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำปัตตานี น้ำได้ท่วมสูงเข้าท่วมถนนกว่า 1 ฟุต เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา และได้ลดลงเมื่อช่วงเช้านี้ ซึ่งยังคงเห็นร่องรอยและมีน้ำท่วมขังอยู่ ซึ่งถ้าน้ำเหนือจากจังหวัดยะลายังคงไหลหลากเข้าสู่แม่น้ำปัตตานีอีก ก็อาจจะทำให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่เทศบาลเมืองปัตตานีเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนก็เป็นได้

    อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดปัตตานี เกิดจากน้ำท่วมในพื้นที่ จ.ยะลา และนราธิวาส ที่น้ำได้ไหลลงสู่แม่น้ำทั้งสองสายทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่ง ซึ่งไม่ได้เกิดจากน้ำฝน และหากไม่มีฝนตกในอีก 2-3 วันเชื่อว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะเข้าสู่ภาวะปกติ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    Local - Manager Online -
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    น้ำท่วมฉับพลันระลอกใหญ่เหมือน “สึนามิ” ซ้ำเติมออสเตรเลีย ดับ 9 สูญหายเพียบ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>11 มกราคม 2554 09:11 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เมืองทูวูมบา พื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมครั้งล่าสุดในรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย

    เอเอฟพี - เกิดน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่อย่างกับ “สึนามิ” ถล่มเมืองแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตล่าสุดในวันนี้ (11) 9 ราย และสูญหายเป็นจำนวนมาก ทั้งยังเพิ่มวิกฤตอุทกภัยในรัฐควีนส์แลนด์ให้เลวร้ายยิ่งขึ้น
    เจ้าหน้าที่คาดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันในเมืองทูวูมบา และพื้นที่ใกล้เคียงอาจเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่กระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดพารถยนต์พลิกคว่ำลอยชนกันระเนระนาด ส่วนผู้คนที่รอดชีวิตต้องขึ้นไปติดอยู่บนต้นไม้

    แอนนา ไบลห์ มุขมนตรีรัฐควีนส์แลนด์กล่าวว่า "เราขอยืนยันผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ซึ่งนั่นทำให้ยอดผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้เพิ่มขึ้นเป็น 9 ราย น่าสลดที่ตำรวจเชื่อว่าอาจมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัว"

    สถานีโทรทัศน์รายงานภาพท้องถนนที่กลายเป็นผืนน้ำเต็มไปด้วยรถลอยไปมา รถบางคันมีคนนั่งหนีน้ำอยู่ด้านบน ชาวเมืองจำนวนมากจำเป็นต้องหนีขึ้นไปอยู่บนยอดอาคาร เนื่องจากระดับน้ำสูงเกือบถึงหลังคา

    เจ้าหน้าที่เผยว่า พบหญิง 1 คน และเด็ก 2 คนเสียชีวิตในใจกลางเมืองทูวูมบา ซึ่งอยู่ห่างจากนครบริสเบน เมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ ไปทางตะวันตก 125 กิโลเมตร ขณะที่มีชาย 1 คน และเด็กชาย 1 คนเสียชีวิตใกล้กับเมอร์ฟีส์ ครีก

    ด้าน เอียน สจ๊วต ผู้ประสานงานภัยพิบัติระบุว่า ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังค้นหาผู้ที่มีรายงานว่าสูญหายจำนวน 72 ราย ทั้งยังแสดงความกังวลต่อเขตชุมชนแกรนท์แฮมอย่างยิ่ง เนื่องจากมีผู้ติดค้างอยู่อีกหลายสิบคน และบ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก

    น้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่นี้มีสาเหตุมาจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในเขตภัยพิบัติน้ำท่วมหนักของออสเตรเลีย ซึ่งระดับน้ำในแม่น้ำหลายแห่งเอ่อล้นท่วมกินพื้นที่บริเวณกว้างขนาดเท่ากับประเทศฝรั่งเศส และเยอรมนีรวมกัน

    นายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ดได้แถลงข่าวที่นครซิดนีย์ โดยเตือนว่า ออสเตรเลียจำเป็นต้องเผื่อใจไว้สำหรับยอดผู้เสียชีวิตที่อาจเพิ่มขึ้นอีก หลังมีรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมฉับพลันครั้งนี้แล้ว 8 ราย

    "เนื่องด้วยมีชาวออสเตรเลียอีก 72 คนที่ยังไม่ทราบชะตากรรม เนื่องด้วยอุทกภัยอันตราย และเชี่ยวกรากยิ่ง เราจึงจำเป็นต้องเผื่อใจไว้สำหรับความเป็นไปได้ของข่าวร้ายนอกเหนือจากนี้" เธอกล่าว

    [​IMG]

    ผู้คนหนีน้ำขึ้นที่สูง รอความช่วยเหลือ
    [​IMG]

    ชายคนหนึ่งถูกกระแสน้ำพัดพามาติดอยู่บนต้นไม้
    [​IMG]

    ระดับน้ำสูงถึงเกือบหลังคาบ้าน

    [​IMG]

    รภยนต์จำนวนมากถูกพัดลอยไปตามกระแสน้ำเชี่ยวกราก

    Around the World - Manager Online -
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พุทธพยากรณ์ 16 ประการ


    [​IMG]


    ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งแคว้นโกศล ได้ทรงสุบินนิมิตประหลาดถึง 16 ประการ ทรงเกรงว่าอันตรายจะเกิดกับ พระองค์ จึงให้พราหมณ์ปุโรหิตทำนาย พราหมณ์ได้พยากรณ์ว่า อันตรายจะเกิดมีแก่พระชนม์ชีพของพระองค์ พระอัครมเหสีและราชสมบัติ และได้ทูลแนะนำให้ฆ่าสัตว์บูชายัญสะเดาะเคราะห์ตามความเชื่อ ในลัทธิของตน


    แต่โชคดีที่พระนางมัลลิกาเทวี พระมเหสีได้แนะนำให้ พระเจ้าปเสนทิโกศล ไปทูลถามพระบรมศาสดาก่อน พระองค์ทรงมีพุทธฎีกา ทำนายว่า ผลของพระสุบินนิมิตจะไม่เกิดแก่พระเจ้าปเสนทิโกศลแต่จะเกิดขึ้น ในอนาคตกาล ถ้าผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ชนทั้งหลายย่อหย่อนในศีลธรรม จิตใจเสื่อมคลายจากกุศล ก็จะเกิดเหตุวิปริตผิดธรรมชาติ บ้านเมืองจะเดือดร้อน แล้วทรงพยากรณ์ พระสุบินนิมิตเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้


    [​IMG]


    ข้อ 1 โคหนุ่ม 4 ตัว ตั้งท่าจะวิ่งมาชนกันจากทิศทั้ง 4 แต่แล้วก็ไม่ชนกัน ต่างถอยหลีกออกไป


    พุทธพยากรณ์ :- ในกาลที่ความดีลดน้อยถอยลงความชั่วหนาแน่น เป็นกาลที่โลกเสื่อมถอย ฝนจะแล้ง ทำให้ข้าวกล้าแห้งเกิดทุพภิกขภัย แม้จะมีมหาเมฆตั้งขึ้นจากทิศทั้ง 4 ตั้งเค้าจะตก แต่ก็ไม่ตก กลับลอยหายไป เป็นเหมือนโคตั้งท่าจะชนกันแล้วไม่ชนฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 2 ต้นไม้เล็กๆ แทรกแผ่นดินขึ้นมาได้คืบหนึ่ง ก็ผลิดอกออกผลไปตามกัน


    พุทธพยากรณ์ :- ในกาลที่โลกเสื่อม มนุษย์มีอายุสั้นลง ชนทั้งหลายจะมีราคะกล้า เยาวชนพากันมีเพศสัมพันธ์ มีครรภ์มีครอบครัว ตั้งแต่ยังแรกรุ่นเป็นเหมือนต้นไม้เล็กๆ ผลิดอกออกผลฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 3 แม่โคใหญ่พากันดื่มนมของลูกโค


    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ชนทั้งหลายจะพากัน กระด้างละทิ้งประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ไม่ยำเกรงเคารพนับถือในบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย หาทรัพย์ได้แล้วไม่บำรุงบุพการีทั้งหลาย ผู้ใหญ่ที่แก่เฒ่าหาเลี้ยงตนไม่ได้ ต้องอ้อนวอนลูกหลานเลี้ยงชีพ เป็นเหมือนแม่โคใหญ่ พากันดื่มนมลูกโคฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 4 ชนทั้งหลายไม่ใช้โคใหญ่ที่สมบูรณ์แข็งแรง กลับใช้โครุ่นที่กำลัง ฝึกใหม่ๆ โครุ่นเหล่านั้นไม่สามารถพาแอกไปได้ พากันสลัดแอกออกยืนเฉยอยู่


    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ไม่แต่งตั้งผู้ใหญ่ที่เป็นบัณฑิต ฉลาดในการยังภาระกิจของชาติให้ลุล่วงไปได้ ฉลาดในการวินิจฉัยคดีในโรงศาล ตรงกันข้ามกลับแต่งตั้งคนหนุ่ม ผู้อ่อนประสบการณ์ ไม่รู้สิ่งที่ควรไม่ควร ไม่สามารถทำให้ภาระกิจทั้งหลายให้ลุล่วงไปได้ ผู้คนอ่อนประสบการณ์ต่างพากันทอดทิ้งภาระทั้งหลายที่ได้รับ มอบหมาย ความเสื่อมจึงเกิดขึ้นแก่บ้านเมือง เป็นเหมือนคนจับเอาโครุ่นๆ กำลังฝึก มาเทียบแอก ต่างก็ไม่สามารถพาแอกไปได้ ไม่เอาโคใหญ่ๆที่เคยพาแอกไปได้เทียมฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 5 ม้าตัวหนึ่งมีปากสองข้าง ชนทั้งหลายให้หญ้าที่ปากทั้งสอง ม้าก็เคี้ยวกินหญ้าที่ปากทั้ง 2 ข้าง


    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหาร บ้านเมืองไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม จะแต่งตั้งชนผู้ไม่หนักแน่นในธรรม ไว้ในตำแหน่งวินิจฉัยคดี คนพาลเหล่านั้น ไม่ละอาย ไม่กลัวบาป รับสินบนจากคู่คดีทั้งสองฝ่าย เป็นเหมือนม้ากินหญ้าด้วยปากทั้งสองฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 6 มหาชนขัดถูถาดทองคำมูลค่าเรือนแสน ไปให้สุนัขจิ้งจอกแก่ ถ่ายปัสสาวะใส่ในถาดทองนั้น


    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหาร บ้านเมือง ไม่ตั้งมั่นในศีลธรรม รังเกียจกุลบุตรผู้มีตระกูลใหญ่ ผู้สมบูรณ์ด้วยประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ แล้วไม่แต่งตั้งยศตำแหน่งให้ แต่กลับแต่งตั้งให้แก่คนพาลผู้ชั่วช้าทั้งหลายให้เป็นใหญ่


    เมื่อเป็นเช่นนี้ตรกูลใหญ่ๆ ทั้งหลาย ไม่อาจจะประกอบธุรกิจ เลี้ยงชีพอยู่ได้ จึงพากันยกกุลธิดาให้แก่คนพาลผู้ต่ำช้า การอยู่ร่วมของคนพาลผู้ต่ำช้ากับกุลธิดาเหล่านั้นเหมือนถาดทอง รองปัสสาวะสุนัขจิ้งจอกฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 7 บุรุษคนหนึ่งฟั่นเชือก แล้วหย่อนไปที่ใกล้เท้านางสุนัขจิ้งจอก ผอมโซตัวหนึ่ง ที่อยู่ใต้ตั่งที่บุรุษหนึ่ง มันกัดกินเชือกนั้น โดยบุรุษนั้นไม่รู้ตัว


    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล หญิงสาวจะพากันมั่วสุมส่ำส่อนกับผู้ชาย ลุ่มหลงในอบายมุขทั้งหลาย เป็นคนทุศีล นางจะนำทรัพย์ของ สามีที่หามาได้ ไปเสพสุรากับชายชู้ แม้ทรัพย์ที่เตรียมสำหรับลงทุนในกิจการ ก็นำไปผลาญใช้จ่ายบำเรอตน เป็นเหมือนนางสุนัขจิ้งจอกผอมโซ ที่นอนใต้ตั่งคอยกัดกินเชือกที่เขาฟั่นแล้ว หย่อนลงไว้ใกล้ๆ เท้าฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 8 ตุ่มน้ำเต็มเปี่ยมลูกใหญ่ใบหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ประตูเมือง ล้อมด้วยตุ่มเป็น อันมาก ชนทุกชั้นเอาหม้อตักน้ำมาจากทุกทิศ เทใส่ลงในตุ่มที่เต็มแล้ว น้ำก็ไหลล้นออกไป คนทั้งหลายก็ยังเทน้ำลงในตุ่มที่เต็มแล้วอยู่เรื่อยๆ ไม่มีใครสนใจในตุ่มที่ว่างเปล่าเลย


    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล โลกจะเสื่อมเมืองเล็กเมืองน้อย จะหมดความหมาย ทรัพย์สำรองของแผ่นดินจะถดถอยมีเหลือเพียงเล็กน้อย ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง จะเกณฑ์ให้ชาวเมืองแสวงหาทรัพย์มาส่งให้กับผู้ปกครองเมืองใหญ่ๆ จนไม่มีใครสามารถที่จะสำรองทรัพย์ไว้ในบ้านเรือนของตน เป็นเหมือนกับ การเติมน้ำใส่ตุ่มที่เต็มแล้ว ไม่เหลียวแลตุ่มเปล่าๆ บ้างเลยฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 9 สระโบกขรณีสระหนึ่ง เต็มไปด้วยดอกบัว 5 สี ลึกมีท่าโดยรอบด้าน สัตว์ทั้งหลายพากันลงดื่มน้ำในสระนั้นโดยรอบ น้ำที่อยู่ในที่ลึกกลางสระนั้น ขุ่นมัว แต่น้ำในที่ซึ่งสัตว์ทั้งหลายพากันย่ำเหยียบกลับใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว


    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ลุอำนาจด้วยอคติ วินิจฉัยคดีโดยไม่เป็นธรรม มุ่งหวังแต่สินบนขาดพรหมวิหารธรรมต่อประชาชนทั้งหลาย เป็นผู้หยาบคาย กักขฬะ เบียดเบียนขูดรีดทรัพย์ของประชาชนใน เมืองทั้งหลาย จนประชาชนต้องพากันทิ้งเมืองไปอยู่ในชนบท สร้างถิ่นฐานในที่นั้น ในศูนย์กลางเมืองใหญ่ก็ว่างเปล่า แต่ชนบทกลับเป็นปึกแผ่นเป็นเหมือนน้ำกลางสระโบกขรณีขุ่น น้ำที่ฝั่งโดยรอบกลับใส่ฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 10 ข้าวสุกที่คนหุงในหม้อเดียวกัน แต่สุกไม่ทั่วถึงกัน บางส่วนแฉะ บางส่วนดิบ บางส่วนสุกดี


    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล เมื่อผู้เป็นใหญ่ปกครอง บริการบ้านเมืองไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม แม้ข้าราชการ คหบดี ประชาชนก็จะไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม แม้เทวดาทั้งหลายก็เช่นกัน จึงยังฝนให้ตกไม่สม่ำเสมอ บางที่ฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมข้าวกล้า เสียหาย บางที่แห้งแล้งฝนไม่ตกจนข้าวกล้าเดอกไม้่ยวแห้ง บางที่ฝนตกดี ข้าวกล้าอุดมสมบูรณ์ ข้าวกล้าที่หว่านในแผ่นดินเดียวกันจะเป็น 3 ส่วน เหมือนข้าวสุกที่หุงในหม้อเดียวกัน มีผลเป็น 3 อย่างฉะนั้น



    [​IMG]



    ข้อ 11 คนทั้งหลายเอาแก่นจันทร์ ราคาเรือนแสน ขายแลกกับนมส้มเน่า


    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล เมื่อศาสนาของตถาคตเสื่อมโทรม พวกภิกษุอลัชชีเห็นแก่ปัจจัย จะมีมาก ภิกษุเหล่านั้นจะพากันแสดงธรรม มีตถาคตเพื่อปัจจัย 4 ไม่แสดงธรรมเพื่อนำให้ชนทั้งหลายพ้นจากกองทุกข์ มุ่งตรงพระนิพพาน ภิกษุทั้งหลายจะพากันนั่งตามสี่แยก ท้องถนนแสดงธรรมแลกปัจจัย เอาธรรมที่ตถาคตแสดงไว้ มีค่าควรแก่พระนิพพานไปแลกปัจจัย 4 จะเป็นเหมือนฝูงชนเอาแก่นจันทร์มีราคาเรือนแสน ไปขายแลกนมส้มเน่าฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 12 กะโหลกน้ำเต้าจมน้ำได้


    พุทธพยากรณ์ :-ในอนาคตกาล เมื่อโลกหมุนไปถึงยุคเสื่อมผู้เป็นใหญ่ ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ไม่แต่งตั้ง ผู้สมบูรณ์ด้วย ประสบการณ์ความรู้ความสามารถ แต่ไปแต่งตั้งแก่ผู้ทุศีลไห้เป็นใหญ่ ผู้สมบูรณ์ด้วยคุณทั้งหลายจะยากจนลง ถ้อยคำของ พวกทุศีลจะเป็นที่น่าเชื่อถือทั้งในที่ประชุมของผู้ปกครองแผ่นดิน ในที่สาธารณชน แม้ในที่โรงศาล แม้ในที่ประชุมสงฆ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เป็นเหมือนกะโหลกน้ำเต้าจะจมลงฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 13 แท่งหินทึบก้อนใหญ่ลอยน้ำได้เหมือนเรือ


    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล เมื่อผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหาร บ้านเมือง เป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม จะแต่งตั้งผู้ไม่มีศีลให้เป็นใหญ่ ชนพวกมีคุณทั้งหลายจะตกยาก ชนทั้งหลายจะพากันเคารพใน พวกที่เป็นใหญ่ฝ่ายเดียว ถ้อยคำของชนผู้เป็นบัณฑิตฉลาดในการวิจัย จะไม่เป็นที่น่าเชื่อถือในที่ประชุมของผู้ปกครองแผ่นดิน ในที่สาธารณชน ในที่โรงศาล แม้ในที่ประชุมสงฆ์ก็เช่นกัน ถ้อยคำของภิกษุผู้มีศีลจะไม่ หนักแน่นมั่นคง ไม่เป็นที่เชื่อถือ เป็นเหมือนแท่งหินทึบที่ลอยน้ำได้ฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 14 ฝูงลูกเขียด วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่กัดเนื้อจนขาดเหมือนตัด ก้านบัวแล้วกลืนกิน


    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล เมื่อโลกเสื่อมโทรมลง คนทั้งหลายมีราคะจริตแรงกล้า ปล่อยตัวปล่อยใจตามอำนาจกิเลส หลงไหลยอมตนอยู่ในอำนาจของภรรยาผู้อ่อนวัย คนรับใช้บริวาร ทรัพย์สินเงินทอง จะอยู่ในครอบครองของเธอ เมื่อสามีถามถึง ทรัพย์สินเงินทองว่าเก็บไว้ที่ใด ก็จะถูกภรรยาผู้อ่อนวัยด่าทอด้วย คำหยาบคาย ประดุจทิ่มตำด้วยหยกคือปาก กดขี่ไว้ในอำนาจเหมือนทาสและคนรับใช้ เพื่อรักษาความเป็นใหญ่ของตน เหมือนฝูงลูกเขียดพากันกัดกินฝูงงูเห่าซึ่งมีพิษร้ายฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 15 ฝูงพญาหงส์ทอง พากันแวดล้อมกาผู้ประกอบด้วยความชั่ว เที่ยวหากินตามหมู่บ้าน


    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารแผ่นดิน จะเป็นผู้ไม่ฉลาดในกิจการทั้งปวง แต่งตั้งพวกรับใช้ใกล้ชิด สนิทสนมให้เป็นใหญ่ ผู้ที่สมบูรณ์คุณทั้งหลายเมื่อไม่ได้รับการอุ้มชู สนับสนุน ก็จะพากันปรนนิบัติรับใช้ ผู้เป็นใหญ่ทั้งหลาย เหมือนฝูงหงส์ทอง แวดล้อมเป็นบริวารของกาฉะนั้น


    [​IMG]


    ข้อ 16 ฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง กัดกินกันอย่างมูมมาม เสือดาว เสือโคร่งเพียงแค่เห็นฝูงแกะอยู่ห่างๆ ก็สะดุ้งกลัว พากันวิ่งหนี หลบซ่อนเข้าในป่ารก


    พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม จะได้ที่ปรึกษาเป็นคนละโมบ ทุศีล ผู้เป็นใหญ่จะเชื่อฟังถ้อยคำของที่ปรึกษาเหล่านั้น แม้ในที่ประชุม ในโรงศาล พวกที่ปรึกษาจะพากันรุกยึดเอาที่ดินทรัพย์สินของชนทั้งหลาย หากมีผู้ใดโต้เถียงก็จะถูกลงโทษ ถูกข่มขู่ ชนทั้งหลายต่างต้องยอมตาม กลับไปนอนหวาดผวาอยู่บ้านไปตามๆกัน แม้ภิกษุผู้ชั่วช้าทั้งหลาย ก็จะพากันเบียดเบียนภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ตามชอบใจ ภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก เมื่อถูกเบียดเบียน ต่างก็พากันเข้าป่า หลบซ่อนอยู่ เป็นเหมือนฝูงเสือเหลือง เสือดาว และเสือโคร่งทั้งหลายพากันหลบหนีเพราะกลัวฝูงแกะฉะนั้น


    ***********************************************************************************
    จะเห็นว่าตัวแปรสำคัญ ที่มีอิทธิพลต่อความวุ่นวายของบ้านเมืองคือ ผู้เป็นใหญ่ปกครองบ้านเมืองไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม จึงขอให้ประชาชนชาวไทยทุกท่านได้ตระหนักถึงพุทธพยากรณ์ทั้ง 16 ประการ ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในวันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม 2512 มีใจความตอนหนึ่งว่า


    “สิ่งสำคัญในการปกครองคือ ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมี ปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่ การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความวุ่นวายได้”


    แม้พระบรมศาสดาก็ได้ตรัสรับรองไว้ว่า เหตุประการสุดท้ายที่จะทำให้ตระกูลบ้านเมืองตั้งอยู่ได้นาน ไม่ล้มละลาย ล่มสลายไปก่อนคือ ไม่ตั้งคนพาลเป็นหัวหน้า

    จากคุณ : deedeejang - [ 23 ม.ค. 2004 , 16:49:29

    ที่มา http://www.deedeejang.com/zodiac/forward/00027.html<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    เครดิต คุณเกษม http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1156
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ภัยพิบัติ 2012 จากมุมมอง “ดร.ก้องภพ อยู่เย็น”
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>11 มกราคม 2554 10:36 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ตลอดปีที่ผ่านมาชื่อของ “ดร.ก้องภพ อยู่เย็น” วิศวกรออกแบบอาวุโสวัย 33 ปี จากแผนกเครื่องมือไมโครเวฟ ศูนย์การบินอวกาศก็อดดาร์ด (Gaddard Space Flight Center) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) เป็นหนึ่งในรายชื่อที่สร้างความฮือฮาให้แก่ผู้คนในสังคมไทยไม่น้อย

    นอกจากจะมีเครดิตจากการเป็นวิศวกรไทยอายุน้อยที่สุดในนาซาแล้ว การออกมาทำนายภัยพิบัติแผ่นดินไหว ที่เขาอ้างว่าสัมพันธ์กับปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์และการเรียงตัวของดาวนั้น ได้สร้างความสนใจแก่คนทั่วไปมากทีเดียว

    เมื่อต้นปีก่อน ดร.ก้องภพ ได้คาดการณ์ภัยพิบัติที่เฮติไว้ และได้เกิดขึ้นจริง จึงทำให้ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติเกิดสนใจและนำข้อมูลของเขาไปเล่าผ่านสื่อ จึงสร้างความฮือฮากันไปไม่น้อย

    ระหว่างนั้น ดร.ก้องภพก็ได้เดินสายบรรยายเกี่ยวกับภัยพิบัติในเมืองไทยอยู่หลายครั้ง กระทั่งเวทีสุดท้ายปลายปีคือคือการบรรยายเรื่อง “เราถูกทำให้ไม่รู้” เมื่อ 28 ธ.ค.53 ที่ผ่านมา ณ จัตุรัสวิทยาศาสตร์ จัตุรัสจามจุรี กรุงเทพฯ ซึ่งผู้ให้ความสนใจเข้าฟังกว่าร้อยคน

    เมื่อสบโอกาสทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการ จึงนัดคุยกับวิศวกรนาซาผู้นี้ เพื่อไขข้อข้อใจในเรื่อง “ภัยพิบัติ” ที่เขาคาดการณ์ไว้ พร้อมๆ กับทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น โดยผ่านการนำเสนอแบบถามตอบ เพื่อให้ท่านผู้อ่านรู้จักกับ “ดร.ก้องภพ” ไปพร้อมๆ กับเรา

    - คุณมีหน้าที่อะไรในนาซา มีทีมงานขนาดไหน?
    ดร.ก้องภพ : ออกแบบอุปกรณ์ตรวจจับคลื่นไมโครเวฟจากกาแลกซีหรือจากที่ไกลๆ จากกาแลกซีของเรามากๆ หรือเรียกได้จากขอบจักรวาลของเราก็ว่าได้

    เรามีทีมงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ประมาณ 3-4 คน และเป็นวิศวกรประมาณ 3-4 คน ส่วนที่เหลือเป็นช่างเทคนิคที่เราร้องขอให้มาช่วยเมื่อไหร่ก็ได้

    - ทำงานที่นั่นเป็นอย่างไร มีผลงานอะไรที่ประทับใจบ้าง ?
    ดร.ก้องภพ : สนุกดี ส่วนใหญ่มีหน้าที่คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ทางด้านไมโครเวฟ สำหรับสำรวจอวกาศ ผลงานที่ประทับใจขอเป็นผลงานตีพิมพ์อย่างเป็นทางการแล้วกัน เพราะหลายอย่างคงเปิดเผยไม่ได้ มีที่ตีพิมพ์อย่างเป็นทางการและจดสิทธิบัตร พวกวงจรไมโครเวฟ 2 ชิ้น วงจรคลื่นความถี่ไมโครเวฟ 2 ชิ้นงาน และตีพิมพ์บทความในวารสารวิชาการของนาซา ผมตีพิมพ์ไปทั้งหมด 4 ครั้ง

    - ทำงานที่นาซามากี่ปีแล้ว
    ดร.ก้องภพ : 6 ปี

    - ได้มีโอกาสพบนักบินอวกาศบ้างหรือเปล่า
    ดร.ก้องภพ : เจอครั้งหนึ่ง

    - ใคร? พบเขาในงานอะไร ?
    ดร.ก้องภพ : จำไม่ได้ เขาเชิญมาพูดอะไรนิดหน่อย

    - นาซาให้ความสำคัญกับบุคลากรด้านไหนมากที่สุด นักบินอวกาศ นักวิทยาศาสตร์ หรืออื่นๆ
    ดร.ก้องภพ : ทุกคนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน อาจจะให้ความสำคัญกับนักวิทยาศาสตร์มากที่สุด เพราะเป็นเจ้าของโปรเจกต์ มีจำนวนไม่ถึง 10% แต่มีความสำคัญ เพราะเป็นเจ้าของโครงงาน และเราก็ทำงานให้กับเขา สร้างเครื่องมือให้เขา

    - บรรยากาศการทำงานเป็นอย่างไร? เครียดหรือเปล่า?
    ดร.ก้องภพ : ก็...สำหรับผมไม่เครียด ทำไปเรื่อยๆ มีงานมาก็ทำงาน เห็นปัญหา ทำได้ระดับหนึ่งก็มาคุยกัน ปัญหาบางส่วนที่แก้ไม่ถูกทางก็ช่วยกันแก้ มีการประชุมด้วยกันทุกสัปดาห์ แล้วแยกย้ายไปทำงาน

    - คุณเห็นจุดบอดอะไรในองค์ระดับโลกบ้าง?
    ดร.ก้องภพ : ผมไม่ทราบว่าเรียกว่าเป็นจุดบอดหรือเปล่า แต่ระบบงานที่ทำมีการแข่งขันกันสูง อย่างนาซาจะมีศูนย์หลายๆ แห่ง สาขา มีมหาวิทยาลัย ที่ต้องทำอุปกรณ์มาแข่งกันเพื่อแย่งโปรเจกต์ พูดยาด งบก็มีจำกัด บางหน่วยงานก็มีเส้น เช่น องค์การหนึ่งจะรู้ล่วงหน้า แล้วทำไปก่อนคนอื่น เรียกว่ามีเส้น แต่ผมพูดอะไรมากไม่ได้เพราะผมยังทำงานให้เขาอยู่

    - คุณอยากเป็นวิศวกรมาตั้งแต่เด็กหรือเปล่า?
    ดร.ก้องภพ : ใช่ ผมเป็นคนชอบประดิษฐ์ ชอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

    - คุณได้แรงบันดาลใจมาจากอะไร?
    ดร.ก้องภพ : ตอนนั้นชอบทำของเล่น หุ่นยนต์ คือชอบประกอบหุ่นยนต์ ชอบวงจรไฟฟ้า เพราะเราลองประกอบและทดลองใช้ได้

    - จุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณชอบประดิษฐ์สิ่งของมาจากอะไร?
    ดร.ก้องภพ : เหมือนเด็กทั่วไป ที่ดูหนังการ์ตูนแล้วอยากทำได้บ้าง และตอนเด็กๆ ชอบอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์

    - อยากให้เล่าเรื่องการบรรยายของคุณที่จัตุรัสวิทยาศาสตร์
    ดร.ก้องภพ : ผมไม่รู้ว่าเป็นสิ่งเหมาะสมหรือไม่ ที่จะนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ข้างนอก เพราะเรื่องที่เล่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ลี้ลับทั้งหลาย ประวัติศาสตร์อีกแง่มุมหนึ่งของโลก และเรื่องเทคโนโลยีที่มีการคิดค้นขึ้นแต่ไม่ได้เผยแพร่ให้คนทั่วไปทราบ

    - เทคโนโลยีที่ว่านั้นเป็นของนาซาหรือเปล่า ?
    ดร.ก้องภพ : ไม่ใช่ครับ เป็นเทคโนโลยีทั่วไป ไม่เกี่ยวกับงานที่ผมทำ

    - คุณได้รับข้อมูลตรงนี้จากที่ไหน?
    ดร.ก้องภพ : ทางอินเทอร์เน็ต แต่เราก็ต้องวิเคราะห์ว่าเป็นจริงแค่ไหน มีผลประโยชน์อะไรแอบแฝงบ้าง

    - กรุณาขยายความหน่อย?
    ดร.ก้องภพ : เช่นมีเทคโนโลยีที่ใช้แทนน้ำมันและราคาถูกกว่าน้ำมัน

    - อะไรบ้าง?
    ดร.ก้องภพ : น้ำ … ผมก็ไม่อยากให้ลงเท่าไหร่ เพราะมันจะมีปัญหาพวกมาเฟียคุมอยู่ ผมรู้ดีครับ แต่มีไม่กี่คนที่ทราบ แต่ผมไม่อยากพูดอย่างนั้น ผมอยากบอกว่าทุกอย่างมีผลประโยชน์ขัดแย้ง มีเทคโนโลยีที่ความสำคัญมากๆ ที่ไม่ได้รับการเผยแพร่แก่สาธารณะ แต่ก็มีการเผยแพร่นะครับ เป็นเอกสารออกมา สมมติอย่างที่สหรัฐฯ มีเทคโนโลยีออกเมื่อ 40-50 ปีที่ผ่านมา เมื่อหมดอายุถึงจะเผยแพร่ คือเผยแพร่เมื่อหมดอายุก่อนหรือต้องร้องขอ ซึ่งตรงนี้เขาเผยแพร่อย่างเป็นทางการ แต่เราต้องไปค้นเองถึงจะเจอ

    - เวลาว่างคุณชอบทำอะไร?
    ดร.ก้องภพ : ตอนนี้หรือเมื่อก่อน

    - เมื่อก่อนคุณชอบทำอะไร?
    ดร.ก้องภพ : เมื่อก่อนผมไม่ชอบทำอะไร เล่นเกม อ่านหนังสือ

    - แล้วตอนนี้ชอบทำอะไร?
    ดร.ก้องภพ : ตอนนี้ทำวิจัย ทำวิจัยส่วนตัวตลอดเวลา

    - คุณทำวิจัยส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องอะไร ?
    ดร.ก้องภพ : ปฏิกิริยาพระอาทิตย์ เกี่ยวกับการคาดการณ์ พวกแผ่นดินไหว ปฏิกิริยาพระอาทิตย์

    - ทำไมคุณถึงสนใจเรื่องพวกนี้ ?
    ดร.ก้องภพ : เพราะว่า ผมคิดว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจจะมีความรุนแรง หรืออาจจะไม่มีก็ได้ แต่ว่าผมต้องการจะรู้ว่าวัฎจักรของพระอาทิตย์และสาเหตุของปฏิกิริยาพระอาทิตย์ แผ่นดินไหวและภัยพิบัติธรรมชาติด้วย

    - แต่นาซาก็มีคนศึกษาเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว?
    ดร.ก้องภพ : ก็มี แต่ว่าเนื่องจากวิธีการทั่วไปจะเจาะจงเฉพาะด้าน เป็นเรื่องๆ ไม่เชื่อมโยงแต่ละศาสตร์เข้าด้วยกัน ดังนั้นภาพที่ออกมา บทสรุปที่ออกมาจึงจำกัดมาก จากที่สังเกตธรรมชาติ ภัยธรรมชาติที่ผ่านมา ผมได้สังเกตเห็นความสัมพันธ์อย่างแน่ชัดระหว่างภัยพิบัติและปัจจัยนอกโลก

    - คุณค้นคว้าความรู้ตรงนี้อย่างไร?
    ดร.ก้องภพ : ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของคำแนะนำตามอินเทอร์เน็ตจากคนที่เขาสังเกตธรรมชาติ ผมจะเน้นเรื่องการสังเกตเป็นหลัก เพราะจะเป็นสิ่งแรกที่ทำให้เราจับแพทเทิร์นได้ ถ้าเราสังเกตมากๆ เราก็จะเห็นแพทเทิร์นมาก ซึ่งก็มีแรงบันดาลใจ แต่ว่าแรงบันดาลใจที่ผมว่า ผมไม่แน่ใจว่าเป็นแรงบันดาลใจของผมหรือเปล่า ตรงนี้ทำให้ผมไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้ เพราะเวลาที่ผมพูดเรื่องพวกนี้แล้ว... บางคนเขามีความเชื่อของเขาถูกต้อง แต่ไม่ได้ว่าความเชื่อของเขาไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างถูกต้อง แน่นอน เช่น เรื่อง Crop Circle ก็มีสารคดีออกมาพยายามพิสูจน์ว่าเป็นมนุษย์ทำ แต่จริงๆ แล้วมีหลายอันเลยที่มนุษย์ทำไม่ได้ ในเชิงของเวลาในการทำ ความเที่ยงตรง และปัจจัยอื่นๆ อีก เช่น ลักษณะการงอของพืชไม่ใช่ลักษณะการหักลงไป แต่ว่าเป็นการงอที่น้ำในพืชแห้งออกไป

    - คุณเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวหรือไม่?
    ดร.ก้องภพ : ไม่เชื่อ ผมพยายามจะพิสูจน์มากกว่าก่อนที่จะเชื่ออะไรสักอย่าง ...นี่คือภาพของพืชที่เกิดจาก Crop circle ที่ไม่สามารถจะเกิดได้จากมนุษย์ทั่วไป ปกติเรางอ แกนจะหัก แต่นี่ช่วงข้อต่อจะไม่เหมือนที่เห็นข้อต่อทั่วไป (แสดงภาพตัวอย่างต้นพืชที่มีลำต้นหักงอเรียงกันหลายต้น)

    - ภาพของต้นอะไร?
    ดร.ก้องภพ : ไม่ทราบ เป็นต้นพืชที่เขาปลูกในไร่แล้วไปเก็บมา ส่วนใหญ่สารคดีที่ทำออกมาทางทีวีหรือภาพยนตร์ที่บางทีดูเกินจริงนั้น ทำให้คนเชื่อว่าไม่มีอะไร ตัวอย่างวิดีโอที่เขาไปถ่ายมาเมื่อเกิดปรากฏการณ์ Crop Circle จะเห็นได้ว่า มนุษย์ไม่ได้ทำ แต่ไม่มีใครยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจริงแค่ไหน แต่ก็เป็นอย่างนี้ เกิดขึ้นบ่อยมาก พูดง่ายๆ คือ พอเรามีทัศนคติที่บิดเบือนจากข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน เราก็จะได้ข้อสรุปที่บิดเบือน เมื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้วิธีการคิดของเราเป็นอย่างที่เป็นอยู่ พูดง่ายๆ คือมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นบนโลก แล้วผมเห็นว่าข้อความที่เขาส่งลงมาเขาบอกอะไรบางอย่าง

    ตอนนั้นเมื่อปี 2009 มีรูปวาดบนผืนนาอย่างนี้ เขาวาดรูปเกี่ยวกับดาวเคราะห์แล้วประมาณว่า บอกถึงวันที่จะเกิดปฏิกิริยาพระอาทิตย์ ซึ่งเขาคาดการณ์ว่าในวันที่ 7 ก.ค.10 จะมีปฏิกิริยาพระอาทิตย์เกิดขึ้น แล้วผมก็ติดตาม นี่เขาก็คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าถึง 4-5 อาทิตย์ และผมก็ติดตามตั้งแต่ตอนนั้น ปรากฏว่ามีปฏิกิริยาพระอาทิตย์จริงๆ ซึ่งเขาบอกถึงเวลาด้วยว่าช่วงเวลาเท่าไหร่จะเกิด แล้วเป็นสิ่งที่พอเกิดขึ้นแล้วเขาทำนายได้ในสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันทำไม่ได้ มันก็จุดประกายให้ผมเชื่อว่าถ้ามีคนทำได้ ผมก็ต้องทำได้เหมือนกัน ผมทดลองทำและคาดการณ์ปฏิกิริยาพระอาทิตย์ได้ระดับหนึ่ง แต่ว่ายังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยเพราะผมต้องการให้ข้อมูลแน่นกว่านี้ก่อน

    ข้อมูลต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา เราสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้ เพียงแต่ว่าเราอย่าติดอยู่กับความเชื่อบางอย่างซึ่งถูกส่งผ่านทางสื่อ ซึ่งหลายคนถูกกับดักตรงนี้เยอะเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้เยอะเท่าไร เพราะถ้าเกิดเอาไปลงแล้วจะมีคนไม่พอใจ ความเชื่อของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน การที่ผมโดนโจมตีก็เหมือนกัน เพราะความเชื่อของผมกับของเขาไม่เหมือนกัน โดยที่ไม่ดูว่าผลประโยชน์จากความสำเร็จตรงนั้นเป็นอะไรบ้าง ต้องดูที่ ... สมมติผมคาดการณ์ได้ถูกต้อง ผมว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ถือว่าเป็นประโยชน์มาก เพราะต่อไปข้างหน้าเราจะมีวิธีคาดการณ์ใช้สำหรับป้องกันและเตือนภัย ผมมองในแง่นั้น แต่คนอื่นผมไม่ทราบ สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือผมทำด้วยวัตถุประสงค์ที่ดี

    - คุณเริ่มสนใจภัยพิบัติตั้งแต่เมื่อไร?
    ดร.ก้องภพ : ช่วงเวลาเดียวกัน ตอนนั้นเริ่มคาดการณ์ปฏิกิริยาพระอาทิตย์ แล้วมีคนทำให้ดู ไม่รู้ใครไปวาดรูปให้ผมดูเป็นตัวอย่าง ผมสังเกตปฏิกิริยาพระอาทิตย์ตั้งแต่นั้น เขาบอกว่าให้จับตาดูพระอาทิตย์นะ

    - คุณจับตาดูดวงอาทิตย์ยังไง?
    ดร.ก้องภพ : เราดูภาพถ่ายพระอาทิตย์จากทางนาซา แล้วก็ทางอีซา (องค์การอวกาศยุโรป) เขามีภาพถ่ายที่เผยแพร่ทางสาธารณะทุกวัน เราก็ไปดูว่าเมื่อไหร่ที่พระอาทิตย์มีปฏิกิริยาการระเบิด เกิดระเบิดสุริยะขึ้นมาบ้าง แล้วจดบันทึกเอาไว้ แล้วดูว่าช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้นบนโลกบ้าง เปรียบเทียบอย่างนี้ทั้งปี ออกมาก็ตรงหมดเลย ผมตั้งข้อสังเกตว่าภัยพิบัติตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นไป สัมพันธ์โดยตรงกับปฏิกิริยาพระอาทิตย์ ใช้เวลาเก็บข้อมูล 1 ปีเต็มๆ พูดง่ายๆ คือ มีคนชี้แนะให้ผม ผมก็ทำข้อมูล ลองดู พิสูจน์

    - คุณเคยติดต่อคนที่ให้คำแนะนำหรือเปล่า?
    ดร.ก้องภพ : ไม่เคย เขาวาดรูปไว้ ที่เหลือผมทำเอง ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

    - เหตุการณ์ปี 2012 จะเป็นจริงไหม?
    ดร.ก้องภพ : ตามข้อมูลของผม ถ้าเป็นจริง ตอนนี้ก็เป็นจริง ตอนต้นปี 2010 ได้ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ว่า ภัยพิบัติจะเพิ่มขึ้น ซึ่งก็เพิ่มขึ้นจริงๆ พูดง่ายๆ คือสิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้ก็ยังเป็นจริง ซึ่งยังแปรตามปฏิกิริยาพระอาทิตย์ เพราะในปี 2009 และ 2010 มีปฏิกิริยาพระอาทิตย์เพิ่มขึ้นพอสมควร จากเดิมที่ไม่มีเท่าไร ตอนนี้ก็มีเยอะพอสมควร และเราก็ได้ข่าวภัยพิบัติมากขึ้น ถ้าความสัมพันธ์ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ภัยพิบัติจะมีมากขึ้นจนถึงปี 2013 นี่เป็นเรื่องของวัฎจักรแคบๆ แต่ผมยังศึกษาในเรื่องวัฏจักรยาวๆ อีกด้วย คือวัฏจักรของพระอาทิตย์ซึ่งมีวัฎจักรทุกๆ 11 ปี ดูว่ามีความแตกต่างจากที่แล้วๆ มาอย่างไรบ้าง ไม่อย่างนั้นสมมติฐานนี้จะผิด เพราะทุกๆ ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีภัยพิบัติ แต่อยู่ดีๆ ก็เริ่มมี แสดงว่ามีปัจจัยอื่นที่นอกเหนือจากพระอาทิตย์ ผมเลยดูออกไปด้านนอก ขอบสุริยะจักรวาล ซึ่งได้เจอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงด้านนอกขอบสุริยจักรวาล (คำที่ถูกต้องคือระบบสุริยะ) มีพลังงานขนาดใหญ่ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในขอบด้านนอกสุริยจักรวาล ซึ่งเกี่ยวข้องอย่างมากกับสนามแม่เหล็ก และอนุภาคที่มีประจุความเร็วสูง

    - คุณได้ข้อมูลนี้มาจากไหน?
    ดร.ก้องภพ : ได้มาจากบทความในนิตยสารของรัสเซียและนาซา และอีซา

    - เขามีทีมที่ศึกษาตรงนี้อยู่แล้วหรือเปล่า?
    ดร.ก้องภพ : ใช่ เขามีทีมอยู่แล้ว แต่คนเหล่านี้เขาจะไม่พูดถึงภัยพิบัติ ไม่ดูภัยพิบัติ เขาดูแค่ขอบด้านนอกเฉยๆ พูดง่ายๆ คือเขาต่างทำข้อมูลแต่ไม่เอามารวมกัน

    - เขาเอาข้อมูลไว้ทำอะไร?
    ดร.ก้องภพ : เอาข้อมูลไว้เผยแพร่ธรรมดา เหมือนกับต่างคนต่างทำวิจัยของตัวเอง รู้อะไรก็เอามาเผยแพร่ ส่วนผมนี่เอาข้อมูลทั้งหมด มาปะติดปะต่อกัน

    - แต่ละทีมมีเป้าหมายอะไรในการหาข้อมูล?
    ดร.ก้องภพ : ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการสร้างดาวเทียมสำรวจแล้วเอาผลการวัดมาเผยแพร่

    - คุณเริ่มเป็นข่าวได้อย่างไร?
    ดร.ก้องภพ : เริ่มจากไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้ว ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ไปฟังด้วย ตอนนั้นพูดเรื่องภัยพิบัติจากปฏิกิริยาพระอาทิตย์ แล้วผมได้คาดการณ์ภัยพิบัติที่เฮติ เมื่อ 12-13 ม.ค.10 ซึ่งเกิดขึ้นจริงตามที่คาดการณ์ไว้ พอ ดร.สมิธ เห็นข้อมูลที่แตกต่างจากคนอื่น เห็นว่าทำนายแผ่นดินไหวได้ ท่านจึงติดตามผลงานที่ผมทำนายมาตลอด และถูกต้องด้วย จึงเป็นที่มาว่าทำไมท่านจึงพูดถึงผม และเราเพิ่งรู้จักกันอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปี 2010 ผมส่งข้อมูลให้ท่านแต่ไม่คิดว่าจะเป็นข่าว ข้อมูลบางอย่างผมไม่คิดจะเผยแพร่แก่สาธารณชน แต่ว่ามันหลุดออกไปแล้ว พอหลุดออกไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น จะบอกว่าถูกก็ไม่ได้ ไม่ถูกก็ไม่ได้ ก็ต้องรอให้มันเกิด

    ประเด็นที่เขาเอาไปตีก็เอานักวิชาการมาโต้แย้ง ผมก็ไม่ทราบว่านักวิชาการทั้งหลายที่ออกมาโต้แย้งผม เขาศึกษาอะไรบ้าง หรือศึกษาอย่างผมหรือเปล่า หรือศึกษาเข้าใจ เกี่ยวกับความสัมพันธ์พวกนี้เป็นยังไง พูดได้คร่าวๆ เฉยๆ ยังไม่ชัวร์ แต่ผมพยายามเก็บข้อมูล เพื่อดูว่าถูกต้อง 100% หรือเปล่า ไม่ได้หมายความว่าผมเชื่อในสิ่งที่ผมทำทั้งหมด ผมกำลังพิสูจน์อยู่ แต่ที่ผมทำมาเริ่มสรุปได้แล้วว่ามาถูกทาง ยิ่งทำ ยิ่งถูก สิ่งที่ต้องทำต่อคือประมวลผลที่ได้มาจากพระอาทิตย์ให้อยู่ในรูปแบบที่ประชาชนเห็นได้ง่ายๆ แต่ยังไม่เสร็จ ตอนนี้ผมคืบหน้าไปเยอะแล้ว แต่ยังไม่พร้อมนำข้อมูลทั้งหมดมาเปิดเผย คาดว่าปลายปีน่าจะเสร็จ

    - ตอนที่กลายเป็นข่าว ตกใจไหม?
    ดร.ก้องภพ : ก็ตกใจ แต่ผมไม่อยากไปโต้แย้งอะไรมาก เพราะผมกำลังศึกษาอยู่ ว่างานผมมีความถูกต้องกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้ามันผิดผมก็ซวยอยู่ดี หรือถ้ามันจริงแล้วผมปฏิเสธ ผมก็ซวยอยู่ดี เลยเลือกที่จะอยู่เงียบๆ ดีกว่า แต่ว่าก็ดูปฏิกิริยา

    - ปัจจัยที่ใช้พิจารณามีอะไรบ้าง?
    ดร.ก้องภพ : มาจากวงโคจรของดาวเคราะห์ทั้งหมดเลย และตอนหลังมีทางช้างเผือกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

    - วัดกันยังไง?
    ดร.ก้องภพ : ยังไม่เปิดเผย รอให้ชัวร์ก่อน ผมยังไม่อยากลงรายละเอียด อย่างทำให้เสร็จก่อน

    - ทราบไหมว่ามีนักวิทยาศาสตร์ออกมาแย้งความเห็นของคุณ?
    ดร.ก้องภพ : ทราบ คือจริงๆ แล้ว เราดูพฤติกรรมของ ผมเชื่อว่าทุกอย่างมีรูปแบบของมัน ดังนั้นสิ่งที่ผมทำคือ ผมจะไปหารูปแบบนั้นในธรรมชาติ และหาบทสรุปเพื่อนำมาใช้ในการคาดการณ์ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับวิธีการคิดของนักวิทยาศาสตร์ที่เขาใช้กันในปัจจุบัน ซึ่งบางส่วนอาจจะเน้นทฤษฎีมาก่อน ซึ่งบางทีทฤษฎีอธิบายกฎหรือปรากฏการณ์ธรรมชาติไม่ได้

    - การศึกษาของคุณนั้นหลายคนอาจจะแย้งว่าไม่เป็นวิทยาศาสตร์?
    ดร.ก้องภพ : นี่ก็เป็นวิทยาศาสตร์ เราตั้งสมมติฐาน เราเห็นแพทเทิร์น แล้วก็ทำการทดลอง แล้วออกมาตามผลการทดลอง ก็เป็นวิทยาศาสตร์ แต่ว่าอธิบายออกมาเป็นสมการทางคณิตศาสตร์ไม่ได้ เพราะว่ายังเป็นช่วงเริ่มต้นของกระบวนวิทยาศาสตร์ สังเกต ตั้งสมมุติฐาน แล้วสร้างแบบจำลอง แล้วพิสูจน์แบบจำลอง ซึ่งก็มาถูกต้องระดับหนึ่ง ไม่อย่างนั้นผมคงทำนายไม่ถูกนัก ก็หมายความว่าผมได้มาถูกในระดับหนึ่งแล้ว

    - วางแผนว่าจะทำงานที่นาซาอีกนานไหม?
    ดร.ก้องภพ : คงไม่นานมาก กำลังคิดไว้ว่าจะออกมาทำอย่างอื่น แต่คงสักพัก ผมอย่าง ทำอะไรที่ผมไม่เคยทำ เช่น ผมทำเกี่ยวกับไมโครเวฟ ก็อยากจะทำอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับไมโครเวฟ แต่ยังเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยี ผมอยากลองพัฒนาอะไรใหม่ๆ บางทีเราอยู่ในสายงานเดิมๆ มานาน มีการพัฒนาเทคโนโลยีจริง แต่เทคโนโลยีเหล่านั้นพัฒนาขึ้นมาจากทฤษฎีเดิมๆ เก่าๆ เวลาผมไปประชุมวิชาการ คุยแต่เรื่องเดิมๆ กู้สึกเบื่อ เราพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ได้จริง แต่ความรู้พื้นฐานที่พัฒนาก็คล้ายคลึงกับของเก่า ทฤษฎีฟิสิกส์ยังเหมือนเดิม แต่ผมอยากทำอะไรที่เปลี่ยนทฤษฎีฟิสิกส์ใหม่ ผมจะเน้นเรื่องเทคโนโลยี เพราะผมเป็นวิศวกร ผมจะเน้นการนำความรู้มาใช้งาน ไม่สนใจว่าจะถูกกฎข้อไหน ผมไม่มองที่กฎ ผมมองที่ผลลัพธ์
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ดร.ก้องภพ อยู่เย็น</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ลักษณะของปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Crop Circle</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ภาพของดวงอาทิตย์เมื่อครั้งไม่ปรากฏจุดมืดเมื่อ 31 มี.ค.2009 (NASA)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ภาพในย่านรังสียูวีแสดงจุดมืด 2 จุดบนดวงอาทิตย์เมื่อปี 2003 ซึ่งดวงอาทิตย์มีวัฏจักรจำนวนจุดมืดเพิ่มขึ้นสูงสุดและต่ำสุดรอบละ 11 ปี (NASA)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    Science - Manager Online - ��¾Ժѵ� 2012 �ҡ����ͧ ���.��ͧ�� ������織<!-- google_ad_section_end -->
    เครดิต คุณหนูตา http://palungjit.org/threads/ภัยพิบัติ2012-จากมุมมอง“ดร-ก้องภพ-อยู่เย็น”.275253/
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ลาวเปิดตลาดหุ้น

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    วันที่ 11 มกราคม 2554 16:14
    [​IMG]
    ตลาดหุ้นลาวเปิดซื้อขายวันนี้ (11 ม.ค.) เป็นวันแรก นักวิเคราะห์มองว่า การเปิดตลาดหุ้นจะนำไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจและเพิ่มความโปร่งใส
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โปรตุเกสคุยขายพันธบัตร'สำเร็จ'แต่นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า'ไม่รอด'
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>13 มกราคม 2554 02:23 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เอเอฟพี - รัฐบาลโปรตุเกสแถลงว่า ตนเองสามารถผ่านการทดสอบความน่าเชื่อถือครั้งสำคัญ จากความสำเร็จในการนำเอาพันธบัตรออกมาประมูลขายเมื่อวันพุธ(12) อย่างไรก็ตาม พวกนักวิเคราะห์กลับโต้แย้งว่า ยังคงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่โปรตุเกสจะต้องยอมรับแพกเกจความช่วยเหลือจากอียู-ไอเอ็มเอฟ เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินภาครัฐให้คลี่คลายไปได้อย่างแท้จริง

    การนำพันธบัตรออกประมูลขายของรัฐบาลโปรตุเกสคราวนี้ ปรากฏว่าสามารถระดมเงินได้ราว 1,250 ล้านยูโร ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดที่เตรียมนำออกมาเสนอขาย โดยที่มีผู้สนใจเข้ามาเสนอราคากันอย่างคึกคัก นอกจากนั้นอัตราผลตอบแทนสำหรับพันธบัตรประเภทระยะยาวที่โปรตุเกสจะต้องจ่ายก็ต่ำลงกว่าเดิมเล็กน้อยด้วย ดังนั้นทางการลิสบอนจึงอวดว่านี่เป็นข้อพิสูจน์ว่า ตนยังคงเป็นลูกหนี้ซึ่งมีเครดิตได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ

    “หนึ่งในบรรดาข้อสรุปทั้งหลายที่สามารถกล่าวได้ … ก็คือโปรตุเกสยังคงสามารถที่จะ (เข้าถึง) ตลาดการเงิน ก็คือ ยังคงมีความต้องการ (ในพันธบัตรของโปรตุเกส) ก็คือโปรตุเกสสามารถที่จะได้รับ (อัตราผลตอบแทนที่จะต้องจ่าย) ซึ่งเป็นที่ยอมรับได้และกระทั่งว่าน่าพึงปรารถนาด้วยซ้ำไป เมื่อพิจารณาจากบริบทแวดล้อม” รัฐมนตรีคลัง เฟร์นันโด เตเซรา โดส ซานโตส กล่าว พร้อมกับพูดสำทับว่า จากสภาพการณ์ดังที่กล่าวมานี้ ทำให้ประเทศของเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหาความช่วยเหลือจากภายนอก

    ก่อนหน้านี้เป็นที่หวั่นเกรงกันว่าการประมูลขายคราวนี้จะประสบความล้มเหลว ซึ่งจะบังคับให้โปรตุเกสต้องขอรับเงินกู้ช่วยเหลือจากกองทุนรักษาเสถียรภาพยุโรปของสหภาพยุโรป(อียู) ตลอดจนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) นอกจากนั้นยังจะเป็นการเพิ่มแรงบีบคั้นต่อสเปน แล้วก็เลยจะทำให้ทั่วทั้งเขตยูโรโซนย่ำแย่ไปหมด

    นักวิเคราะห์หลายรายบอกว่า การที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ช่วยเข้ามาไล่ซื้อพันธบัตรโปรตุเกสตั้งแต่ก่อนหน้าการประมูลขายในวันพุธ รวมทั้งการที่จีนและญี่ปุ่นต่างแสดงความสนับสนุนพร้อมจะเข้าซื้อพันธบัตรของยูโรโซนอย่างแข็งขัน ก็เป็นปัจจัยที่มีส่วนมากในการทำให้สถานการณ์ไม่ออกมาเลวร้ายถึงที่สุด

    ตามคำแถลงของหน่วยงานออกพันธบัตรของรัฐบาลโปรตุเกส พันธบัตรชนิดที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมิถุนายน 2020 ประมูลขายได้ราคาซึ่งอัตราผลตอบแทน (ยีลด์) เท่ากับ 6.716% ต่ำลงมาจากระดับ 6.806% ซึ่งทำได้ในการประมูลขายพันธบัตรชนิดนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

    อย่างไรก็ดี พันธบัตรชนิดครบกำหนดไถ่ถอนเดือนตุลาคม 2014 ซึ่งก็นำออกมาประมูลขายคราวนี้ด้วย ปรากฏว่าผลตอบแทนพุ่งขึ้นเป็น 5.396% สูงขึ้นมากจากระดับ 4.041% ในการประมูลเดือนพฤศจิกายน อันเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าตลาดยังคงวิตกอย่างมากเมื่อเป็นพันธบัตรระยะสั้นเข้ามา

    “การประมูลขายไปได้ดีมาก นี่เป็นข่าวดี เราเคยคาดหมายกันไว้ว่าพันธบัตรเดือนมิถุนายน 2020 จะต้องให้ผลตอบแทนถึงราว 7.0%ทีเดียว” คริสตินา คาซาลินโญ นักวิเคราะห์แห่ง บีพีไอ แบงก์ ให้ความเห็น

    แต่ขณะเดียวกัน เธอบอกด้วยว่า “ปัญหายังคงอยู่ มันไม่ใช่การขายที่จะคลี่คลายความไม่แน่นอนทั้งหมดเกี่ยวกับเศรษฐกิจของโปรตุเกสในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองสามเดือนแรกของปี เพราะโปรตุเกสยังคงมีความต้องการทางการเงินที่หนักหน่วงมาก”

    ทั้งนี้โปรตุเกสจำเป็นจะต้องระดมเงินกู้ใหม่ๆ ให้ได้ถึง 20,000 ล้านยูโรในปีนี้ แล้วยังต้องต่ออายุพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอนอีกราว 26,500 ล้านยูโร

    ฟิลิเป ซิลวา นักยุทธศาสตร์ด้านพันธบัตรแห่ง การ์เรโกซา แบงก์ ก็ชี้ว่า แม้ผลตอบแทนที่ต่ำลงมาจะเป็น “ความเซอร์ไพรซ์ที่น่ายินดี” ทว่าอัตราผลตอบแทนที่โปรตุเกสต้องจ่ายก็ยังคงอยู่ในระดับ “ไม่ยั่งยืน เมื่อพิจารณาจากอัตราการเติบโตที่เศรษฐกิจโปรตุเกสน่าจะทำได้” ด้วยเหตุนี้เขาจึงเห็นว่า “ในระยะยาว สถานการณ์ยังคงอยู่ในสภาพแบกรับเอาไว้ไม่ไหว”
    Around the World - Manager Online -
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เวียดนามกลับหัว 2554 ตั้งเป้าลดส่งออกข้าว
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>12 มกราคม 2554 15:41 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ภาพวันที่ 11 ม.ค.2554 พ่อค้าเจ้าของร้านในตลาดย่านลาสปินญาส (Las Pinas) นครมะนิลากำลังตวงข้าวให้ลูกค้า ฟิลิปปินส์ประกาศจะนำเข้าข้าว 2.5 ตันในไตรมาสแรกปีนี้ โดยพุ่งเป้าไปที่ข้าวเวียดนาม กัมพูชาและไทย VietFood กล่าวว่าอาจมีข้าวจำหน่ายให้เพียง 1 ล้านตันเท่านั้น ทั่วเกาะฟิลิปปินส์มีพื้นที่จำกัดปลูกข้าวไม่พอเลี้ยงดูผู้คนอีกแล้ว ขณะที่ประชากรเพิมขึ้นเป็น 100 ล้านคนในช่วง 10 ปีมานี้.--REUTERS/Erik de Castro.
    ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ขณะที่ปี 2553 การส่งออกข้าวของประเทศพุ่งขึ้นสูงสุดทั้งปริมาณและมูลค่า สมาคมอาหารเวียดนามกลับตั้งเป้าลดการส่งออกในปี 2554 โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับพื้นที่เพาะปลูกลดลง และเขตอู่ข้าวใหญ่ที่ราบปากแม่น้ำโขงได้รับผลกระทบจากภูมิอากาศที่แปรปรวน เป็นสาเหตุหลัก

    สมาคมอาหารเวียดนาม (Vietnam Food Association) หรือ VietFood หน่วยงานกึ่งเอกชน ที่กำกับดูแลการส่งออกข้าวของประเทศ กล่าวว่า ยอดส่งออกปีนี้อาจจะลดลงเหลือประมาณ 6 ล้านตัน แม้ว่าตลาดโลกกำลังต้องการข้าวมากขึ้นก็ตาม

    เวียดนามซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ถัดจากไทย ปีที่แล้วส่งออกข้าวทุกชนิดรวม 6.88 ล้านตัน ทำรายได้ 3,230 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากอย่างเป็นประวัติการในรอบ 10 ปี แต่เป้าส่งออกปีนี้เป็นปริมาณที่ลดลงถึง 11% ทั้งนี้ เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ (Tuoi Tre)

    เวียดนามเพิ่งเซ็นสัญญาขายข้าวให้บังกลาเทศ 200,000 ตัน เป็นการประเดิมปีใหม่ ขณะที่อินโดนีเซียต้องซื้ออีก 400,000-500,000 ตัน และ ฟิลิปปินส์ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดปีนี้ประกาศแผนการนำเข้าข้าวถึง 2.5 ล้านตัน แต่เวียดนามอาจจะมีจำหน่ายให้เพียง 1 ล้านตันเท่านั้น VietFood กล่าว

    องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO รายงานในปลายเดือน พ.ย.ปีที่แล้วว่า ปีนี้จะมีข้าวออกสู่ตลอดโลกน้อยลงเนื่องจากการผลิตที่ลดลงในหลายประเทศ ซึ่งทำให้ธัญญาหารชนิดอื่นๆ ล้วนมีราคาสูงขึ้น

    สมาคมอาหารเวียดนาม กล่าวว่า ความต้องการข้าวในตลาดโลกปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 31 ล้านตัน จาก 29 ล้านตันเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่หลายประเทศวางแผนที่จะนำเข้ามากขึ้น หากเกิดภัยพิบัติและนาข้าวเสียหาย ราคาข้าวในตลาดก็อาจจะสูงขึ้นอย่างไม่ปกติอีกครั้ง

    IndoChina - Manager Online -
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    CFDs เสี่ยงยิ่งกว่า Futures

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    วันที่ 13 มกราคม 2554 01:00
    ก็ผ่านกันไปอีกหนึ่งปี สำหรับปี พ.ศ. 2553 หรือ ค.ศ. 2010 ปี ที่ว่ากันว่า เป็นปี "ปราบหมี" สำหรับในวงการหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110106/show_ads_impl.js"></SCRIPT>ทั้งนี้เนื่องจากราคาสินทรัพย์ใน 2 กลุ่มนี้ ต่างมีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้า ไล่ไปตั้งแต่ ดัชนีหุ้น เช่น Dow Jones SET หรือสินค้าโภคภัณฑ์อย่าง ทองคำ น้ำมันดิบ ยางพารา
    โดยเห็นได้จาก ดัชนีหุ้น Dow Jones ของสหรัฐ และดัชนีหุ้นไทย SET ปิดสิ้นปี 2552 ที่ระดับ 10,428 และ 734 แล้วมาปิดสิ้นปี 2553 ที่ระดับ 11,577 และ 1,032 คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 11% และ 40% ตามลำดับ สินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันดิบ West Texas ทองคำ หรือยางพาราใน AFET ต่างมีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นกันทั่วหน้า โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นประมาณ 15% 30% และ 53% ตามลำดับ
    ผลตอบแทนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็นทับทวีครับ หากนักลงทุนเลือกลงทุน Futures สำหรับแต่ละรายประเภทสินค้า ทั้งในตลาดซื้อขายล่วงหน้า หรือตลาดอนุพันธ์ (ที่มีระบบการซื้อขายล่วงหน้าแบบวางเงินประกัน หรือที่เรียกว่า Margin) ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ใช้เงินเบื้องต้นจำนวนน้อยเข้าไปลงทุนในสินค้าที่มีมูลค่ามากๆ ได้ เช่น ใช้เงินเบื้องต้น 24,000 บาท ลงทุนในยางพารา 5 ตัน มูลค่าเฉลี่ยประมาณ 600,000 บาท ใน AFET หรือใช้เงินเบื้องต้น 57,000 บาท ลงทุนในทองคำ 50 บาท มูลค่าเฉลี่ยประมาณ 900,000 บาท ใน TFEX เป็นต้น ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าการลงทุนใน Futures แบบนี้เป็นการลงทุนที่มีอัตราทดสูง หรือที่เรียกกันว่า High Leverage โดยตัวอย่างของกรณียางพาราใน AFET มีอัตราการ Leverage ประมาณ 25:1 (600,000 ต่อ 24,000) และกรณีของทองคำใน TFEX มีอัตราการ Leverage ประมาณ 16:1 (900,000 ต่อ 57,000)
    สมมติในกรณี ที่นักลงทุนคนเก่งท่านหนึ่งได้เข้าซื้อ Futures ยางพาราใน AFET เมื่อสิ้นปี 2552 และขายปี 2553 โดยในช่วงเวลาดังกล่าวยางพาราได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 98 บาท มาอยู่ที่ 150 บาท การถือครอง Futures ยางพาราที่ปัจจุบันมีขนาดอยู่ที่ 5,000 กิโลกรัม จะทำกำไรให้นักลงทุนรายนี้ได้ทั้งสิ้นประมาณ 260,000 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับเงินต้นที่ลงทุนไปที่ 24,000 บาท จะคิดเป็นการกำไรถึง 1,083% ซึ่งการกำไรเป็นพันเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวเป็นไปได้ครับด้วยเครื่องมือการลงทุนที่ High Leverage
    ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ก็มีเครื่องมือทางการเงิน หรือรูปแบบการลงทุนที่เสี่ยงสุดๆ อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งกำลังนิยมในหมู่นักลงทุนรายย่อยทั่วโลก ที่รู้จักกันในชื่อที่เรียกว่า "Contract for Difference" หรือ CFDs โดยเจ้า CFDs นี้มีลักษณะเด่นตรงที่มีอัตราการ Leverage ที่สูงมาก เช่น 200:1 เป็นต้น
    ความหมายของ CFDs สามารถแปลได้ตรงตัวครับ นั่นคือ แปลว่า สัญญา (Contract) ระหว่างผู้เล่น (Player) กับเจ้าของร้าน (Dealer) สำหรับส่วนต่างของการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ทางการเงิน ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งอัตราแลกเปลี่ยน ดัชนีหุ้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ ราคาหุ้นรายตัว (โดยสามารถเป็นได้ทั้งราคา Spot หรือ ราคา Futures ของสินทรัพย์เหล่านั้น)
    เจ้าของร้าน CFDs แต่ละร้านจะถูกกำกับดูแลจาก Regulator ที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศ เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย เยอรมนี และอีกหลายประเทศ หากเจ้าของร้าน CFDs จดทะเบียนอยู่ในอังกฤษที่ UK Financial Services Authority (FSA) ก็จะเป็นดูแล แต่ก็น่าสังเกตที่ CFDs กลับไม่ได้รับอนุญาตในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้เจ้าของร้าน CFDs ต้องเลือกที่จะเปิดสาขาในประเทศอื่นๆ แทน
    การซื้อขาย CFDs ปกติแล้วจะเป็นการซื้อขายแบบ Over-The-Counter หรือ OTC คือ เป็นการซื้อขายที่ผู้เล่นกับเจ้าของร้านตกลงกันเองโดยไม่ผ่านตลาดที่จัดตั้งอย่างเป็นทางการ (Organized Exchanges) เช่น AFET หรือ TFEX ลองนึกภาพคล้ายๆ ร้านขายทองบ้านเราที่แต่ละร้านจะมีราคาแปะหน้าร้านว่า ณ เวลา ขณะนี้ จะรับซื้อ-ขายออกทองคำที่ราคาเท่าไร การค้าขาย CFDs ก็เช่นเดียวกัน หน้าจอซื้อขายของเจ้าของร้าน CFDs จะให้ผู้เล่น Download หน้ากระดานซื้อขาย CFDs ซึ่งในหน้าจอดังกล่าวจะป้ายบอกราคา bid และ offer สำหรับสินค้าแต่ละชนิด ที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาทุกเสี้ยววินาที ซึ่งเมื่อผู้เล่นพอใจที่จะซื้อ หรือขายสินค้าที่ระดับราคาใด ก็สามารถเคาะซื้อ หรือเคาะขายที่ระดับราคาที่พึงพอใจนั้นได้ทันที
    การซื้อขาย CFDs ก็จะมีระบบการวางเงิน Margin คล้ายกับในตลาดอนุพันธ์ทั่วไป นั่นถือหากนักลงทุนต้องการซื้อ หรือขาย (go short หรือ go long) จะต้องมีเงินจำนวนหนึ่งวางไว้กับเจ้าของร้าน เพื่อใช้เป็นเงิน Margin แต่จะมีอัตราการ Leverage ที่สูงกว่า Futures ในตลาดอนุพันธ์ทั่วๆ ไป หรืออีกนัยหนึ่ง คือ อัตราเงิน Margin ขั้นต้นต่ำมากๆ เช่น ในเจ้าของร้าน CFDs บางเจ้าเรียกเก็บเงิน Margin เพียง US$4 สำหรับทองคำ (XAU) 1 Oz มูลค่าปัจจุบันประมาณ US$1,380 หรือคิดเป็นอัตราการ Leverage สูงถึง 345:1 คิดเป็นอัตราการ Leverage ที่สูงกว่า Futures ใน Organized Exchanges อย่างมาก (ในตลาด Futures ผมเคยเห็นอัตราการ Leverage อย่างมากที่สุดก็แค่ 30:1)
    ระบบ Margin ของการซื้อขาย CFDs นี้ จะต่างจาก Futures Exchange ก็คือ ในระบบของ Futures Exchange
    โดยปกติแล้ว เมื่อระดับเงินประกันของผู้เล่นมีระดับที่ต่ำกว่าระดับ Margin ขั้นต่ำ ผู้เล่นต้องนำเงินมาวางภายในวันรุ่งขึ้นก่อนเปิดตลาด แต่ในระบบของ CFDs นี้ เมื่อ เจ้าของร้าน CFDs จะไม่รอท่านจนถึงวันรุ่งขึ้น แต่จะทำการขายตัดขาดทุน หรือ Cut Loss ให้ท่านทันทีที่ระดับเงินในบัญชีท่านตกลงมาต่ำกว่าระดับ Margin ขั้นต่ำ ซึ่งด้วยอัตราการ Leverage ที่สูงมากเลยทำให้การลงทุนในแต่ละครั้งหากวางแผนไม่ดีจะถูก Cut Loss ได้ง่ายและบ่อยครั้งมากๆ
    การเข้าซื้อขาย CFDs นี้ ผู้เล่นจะไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น เจ้าของร้าน CFDs ทำกำไรจากส่วนต่างระหว่าง Bid-Offer ซึ่งส่วนใหญ่จะได้จากการ Cut Loss บัญชีลูกค้า และว่ากันว่า บริษัทเจ้าของร้าน CFDs นี้ในช่วงปีที่ผ่านมา ทำกำไรกันได้เยอะมาก ทั้งนี้ อาจเนื่องมาจากความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในทุกรายประเภทสินค้า ทำให้เกิดการ Cut Loss กันบ่อยครั้งขึ้นก็เป็นได้
    ท้ายนี้ สำหรับผู้ที่อยากลองลงทุนเครื่องมือการลงทุนใหม่อย่างเจ้า CFDs นี้ ก็ควรลงทุนด้วยความรอบคอบอย่างยิ่ง เนื่องจากการลงทุนในเจ้า CFDs นี้มีความเสี่ยงมากๆ โดยเฉพาะในตัวที่มีอัตราการ Leverage สูงๆ อย่างทองคำ (XAU) หรือเงิน (XAG) ซึ่งหากทำการเข้าซื้อขายผิดทิศทาง เงินในบัญชีของเราสามารถจะหายไปได้เพียงชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น

    http://www.bangkokbiznews.com/home/...10113/371628/CFDs-เสี่ยงยิ่งกว่า-Futures.html



    <SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110106/show_ads_impl.js"></SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110106/show_ads_impl.js"></SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110106/show_ads_impl.js"></SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110106/show_ads_impl.js"></SCRIPT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2011
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ปล.1. บทที่ 13 ของคำภีร์วิวรณ์กล่าวถึงเลข 666 อย่างชัดเจน โดยได้บรรยายถึงสัตว์ร้ายหรือซาตานที่มีอำนาจชั่วช้าและคุณลักษณะของเหล่าสาวกของมัน โดยมีตอนหนึ่งระบุว่า บนมือขวาและหน้าผากของพวกมันจะมีเครื่องหมายของซาตานบ่งบอกไว้ ซึ่งก็คือหมายเลข 666 นั่นเอง

    13:17 เพื่อไม่ให้ผู้ใดทำการซื้อขายได้ นอกจากผู้ที่มีเครื่องหมายนั้น หรือชื่อของสัตว์ร้ายนั้น หรือเลขชื่อของมัน

    13:18 ในเรื่องนี้จงใช้สติปัญญา ถ้าผู้ใดมีความเข้าใจก็ให้คิดตรึกตรองเลขของสัตว์ร้ายนั้น เพราะว่าเป็นเลขของบุคคลผู้หนึ่ง เลขของมันคือหกร้อยหกสิบหก

    ปล.2. ก็ไม่รู้ว่าพวกตลาดซื้อขายกระดาษที่ต้องใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย ทั้งตลาดหุ้น
    ตลาดคอมโมดิตี้ ตลาดอนุพันธ์ CFDs และ Futures จะเข้าข่าย ในเรื่องของเลข666
    ในพระวิวรณ์บทที่13ไหม ใครที่เข้าข่ายเกี่ยวข้องและติดเชื้อเก็งกำไรไปแล้ว ก็ลอง
    พิจารณาดูว่ามันคุ้มกันไหม คนทั่วโลกเดือดร้อนจากราคาของที่แพงเกินจริงจากการเก็ง
    กำไรของคนกลุ่มหนึ่งมันก็เป็นเรื่องเศร้าของชาวโลก ตลาดซื้อขายโดยตัวมันเองก็ไม่ได้
    มีความผิดอะไรเพราะตั้งขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายระหว่างผู้ผลิตและ
    ผู้บริโภค แต่พวกที่มาหาผลประโยชน์โดยไม่ชอบจากตลาดเหล่านี้ทำให้ราคาบิดเบือนจาก
    ความเป็นจริงสุดท้ายก็ไม่พ้นติดเชื้อโรคร้ายทางจิตเหมือนคนติดการพนัน ลงทุนน้อยๆ
    ทำกำไรมากๆ ไม่เคยผลิตเอง ไม่ได้ลงแรงทำงานจริงๆ ปั่นกำไรจากกระดาษ จากลม
    จากหนี้เงินกู้ จากวงเงินมาร์จิน จะพาสังคมล่มสลายโดยไม่รู้ตัว โดยไม่รู้สาเหตุ
    มันเป็นเรื่องที่ดีต่อสังคมจริงๆหรือ ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่ผลที่เราเลือกกระทำ
    มันเป็นกรรมที่เราสร้างให้ตัวเองและสังคม ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ใครถอนตัวออกมาได้
    เราก็อนุโมทนาด้วย ใครยังถอนตัวไม่ได้ยังเห็นดีเห็นงามกับการเก็งกำไร ทำกำไรจากความ
    เดือนร้อนของคนหมู่มากก็ไม่ว่ากัน เพราะกรรมใครกรรมมัน ส่วนคนที่ทำตามอาชีพโดย
    สุจริตไม่ได้เก็งกำไร หรือซื้อจริงขายจริง เช่นซื้อทองจริงๆ ขายทองจริงๆ หรือซื้อเก็บเพื่อ
    การลงทุนจริง ไม่ได้ปั่นกำไรจากตัวเลขหรือกระดาษเพื่อกินกำไรส่วนต่างจาการซื้อขาย
    เป็นรอบๆ ต้องการซื้อของจริงๆ ก็คงไม่ได้เข้าข่ายตัวเลข666 มั้ง เรียกว่าซื้อขาย
    pshysical ด้วยของจริงๆ ก็คงไม่เข้าข่ายการเก็งกำไร เป็นความเห็นส่วนตัวนะ ไม่ได้
    บอกว่าที่เราคิดมันจะถูกต้องทุกอย่าง คนเราส่วนใหญ่มักทำผิดพลาดไปก็เพราะไม่รู้ตัวเดียว
    ไม่รู้ว่าผลที่เราทำเรื่องหนึ่ง มันส่งผลกระทบไปถึงสังคมและส่วนรวมขนาดไหน
    ตลาดหุ้นไม่ได้ผิด แต่จากประวัติศาสตร์คนที่ใช้ช่องว่างจากตลาดเหล่านี้หาประโยชน์
    ใส่ตนบิดเบือนราคาปั่นตลาดเก็งกำไรโดยไม่ชอบทำให้สังคมล่มสลายมาหลายประเทศ
    รวมถึงประเทศไทยก็โดนมาหลายรอบแล้ว คนเล่นหุ้นฆ่าตัวตายเพราะหมดตัวเป็นหนี้
    เศรษฐกิจของประเทศถดถอย ล่มสลาย บริษัทเจ๊งปิดกิจการ คนตกงาน คนส่วนใหญ่
    ก็ต้องมารับเคราะห์เพราะการกระทำของคนกลุ่มเล็กๆ ถ้าตลาดหุ้นตลาดทุนทุกตลาด
    มีธรรมภิบาลไม่มีการบิดเบือน ไม่มีการปั่นตลาดเก็งกำไร ไม่มีเรื่องหนี้สิน ก็คงจะดี
    แต่มันจะเป็นไปได้หรือ? เข้าข่ายคนคิดค้นนวัตกรรมมีเจตนาดี แต่คนใช้ระบบมันขาดคุณธรรม
    ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม ก็ทำให้ใช้สิ่งที่คิดค้นมาด้วยเจตนาดีไปในทางเกิดความเสียหายต่อส่วนรวม

    บางทีก็เหมือนฆ่าคนทั้งเป็น ฆ่าจิตวิญญาณของคน เป็นเรื่อง ตนเองทำร้ายตนเอง เพราะไม่รู้
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    น้ำท่วมออสซี่ร้ายแรงแซงแคทริน่า

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    วันที่ 12 มกราคม 2554 15:26
    [​IMG]

    นักเศรษฐศาสตร์ชี้ น้ำท่วมที่ออสเตรเลีย ร้ายแรงกว่าความสูญเสียของสหรัฐที่เกิดจากพายุเฮอร์ริเคนแคทริน่า
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110106/show_ads_impl.js"></SCRIPT>นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ตัวเลขความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมในออสเตรเลียว่า อาจทำให้มูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีหายไปกว่า 1 หมื่นดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 3 แสนล้านบาท และส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจเลวร้ายกว่าเมื่อครั้งพายุเฮอร์ริเคน แคทริน่า พัดถล่มสหรัฐ
    ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า น้ำท่วมซึ่งทำให้เหมืองแร่และแนวปะการัง เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ ในรัฐควีนส์แลนด์ กลายเป็นเหตุภัยพิบัติ อาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง 1 เปอร์เซ็นต์ ที่รวมถึงความเสียหายด้านสาธารณูปโภค และความสูญเสียด้านการส่งออกด้วย

    จอห์น รอลฟ์ นักเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ เซ็นทรัล ระบุว่า ในระยะสั้นน้ำท่วมจะกระทบพื้นที่ชายฝั่ง และผู้ส่งออก แต่ผลกระทบจะลากยาวไปอีกหลายปี ส่วนน้ำท่วมที่ควีนส์แลนด์ ที่เป็นแหล่งผลิตถ่านหินครึ่งหนึ่งของโลก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ อาจร้ายแรงยิ่งกว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากพายุเฮอร์ริเคนแคทริน่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...