หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมานอ.ด่านขุนทด นครราชสีมา

อรุณซาหวัดเ้ช้าวันจัง เอ๊ยวันจันทร์ครับผม ท่วมอยู่แล้วน้อน้ำนี่ เดี๊ยวอีกจักหน่อยมันกะลดครับ ปรับใจหน่อยนึงมันกะอยู่ได้น้อ

 

ร่วมบันทึกไว้ครับ องค์นี้เสียอย่างเดียวเทไม่เต็มแขน ผู้ที่ให้มาเขาบอกเช่าหน้าตู้ที่ศิษย์มากราบหลวงพ่อ บางคนก็บอกเช่าหน้าตู้ไม่ชัวร์

 

อีก1องค์ครับ รุ่นพิเศษปี36กล่องบอกว่าเนื้อเงินแต่ผมดูงัยก็ไม่ใช่เนื้อเงินครับผม ปุลุ:ถ่ายไม่สวยเลยครับ

 

ขอบคุณครับพี่ sunny ที่นำมาเล่าครับมีโฮกาสขออีกครับบันทึกไว้ครับพี่

ปากช่อง ไม่ใกล้ไม่ไกลวัดท่านจริงๆครับ สระบุรีก็ไม่ไกลครับแต่ไปลำบาก ที่พี่

เล่าผมเข้าใจเลยครับ

น้ำลายหลวงพ่อนี้เรื่องนี้ศิษย์จะทราบกันสมัยก่อนรอกินกันเลย

อย่าว่าแต่น้ำลายเลยคนที่เคารพศรัทธราท่าน ปัสสาวะหลวงพ่อนี้...

รอให้ศิษย์หลวงพ่อมาเล่าดีกว่าผมเชื่อว่าคนที่เห็นแบบผมไม่ใช้มีผมคนเดียว

ยินดีครับท่าน มีเวลาและพร้อมเรียบเรียงได้แล้วช่วยลงบันทึกไว้ครับ

ขอบคุณครับ

ผมเชื่อในเวปนี้ไม่ต่ำกว่าพันคนที่เคยได้กราบหลวงพ่อและท่านเคาะหัวให้

ผมไม่ทราบว่าเป็นจีวรที่ท่านใช้หรือไม่แต่อาจจะเป็นจีวรที่ท่านเสกให้

ของเวิร์กพ้อยผมว่าดีครับมั่นใจได้ครับถ้าเป็นผม หลวงพ่อเมตตาดีทั้งหมดครับ

ภาษาโคราช ........



ภาษาไทยสำเนียงโคราช เป็นภาษาไทยกลุ่มหนึ่งที่ใช้พูดกันในจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียง เป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษาไทยกลาง ที่ออกสำเนียงเหน่อ และมีคำศัพท์ร่วมกับภาษาไทยกลาง และรับคำมาใช้จากภาษาไทยถิ่นอีสาน ภาษาลาว และภาษาเขมร

ลักษณะทางสัทศาสตร์

ภาษาไทยสำเนียงโคราช เป็นภาษาไทยถิ่นกลาง คำศัพท์ทั่วไปตรงกับภาษาไทยถิ่นกลาง มีสำเนียงค่อนข้างเหน่อและห้วนสั้นแบบภาคกลาง แต่มีการผันคำต่ำ-สูงที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่แตกต่างจากภาษาไทยถิ่นกลาง บ้าง โดยมักใช้เสียงวรรณยุกต์เอก (เสียงต่ำ) แทนเสียงวรรณยุกต์โท (เสียงสูง) เช่น "โม่" แทน "โม้" หรือ "เสื่อ" แทน "เสื้อ" เป็นต้น นอกจากนี้ยังยืมคำในภาษาไทยถิ่นอีสานมาใช้ปะปนกันด้วยเล็กน้อย และเมื่อพูดจบประโยคจะลงท้ายด้วยคำว่า "เบิ้ง, เหว๋ย, ด๊อก



ต้นกำเนิด

เชื่อกันว่าบรรพบุรุษของชาวไทโคราชอพยพมาจากอยุธยา และแถบจังหวัดชายทะเลตะวันออก ได้แก่ จันทบุรี ระยอง นครนายก เป็นต้น เข้ามาในบริเวณจังหวัดนครราชสีมาและ พื้นที่ใกล้เคียง และได้ผสมกลมกลืนกับกลุ่มคนพื้นเมืองเดิม ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็น ไท-เสียม หรือไทสยามลุ่มน้ำมูล เกิดเป็นวัฒนธรรมไทโคราช เรียกตนเองว่า ไทโคราช ไทเบิ้ง หรือ ไทเดิ้ง
ต่อมาได้มีการติดต่อค้าขายกับชาวลาว ชาวไทยอีสานและชาวเขมร และมีการอพยพย้ายถิ่นฐานของชาวลาว ชาวไทยอีสานและชาวเขมรเข้ามาทีหลัง ทำให้เกิดการวิวัฒนาการของภาษา โดนมีการยืมคำไทยอีสาน และคำเขมรปะปนเข้ามาใช้ เกิดเป็นคำไทโคราช ซึ่งแตกต่างจากภาษาไทยถิ่นอิสานโดยทั่วไป เพราะยังคงรักษารากศัพท์เดิมไว้คือภาษาไทยถิ่นกลางนั่นเอง


การกระจายตัว

เป็นภาษาที่ใช้มากในจังหวัดนครราชสีมาเกือบทุกอำเภอ ยกเว้นบางอำเภอที่มีชาวไทยอีสานอยู่เป็นจำนวนมากกว่า เช่น อำเภอบัวใหญ่ อำเภอสูงเนิน อำเภอปักธงชัย เป็นตัน นอกจากนี้พบว่ามีการใช้ภาษาไทยสำเนียงโคราชในประชากรบางส่วนของจังหวัดสระบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสระแก้ว อีกด้วย
ไทยเบิ้ง ไทยเดิ้ง หรือไทยโคราช เป็นกลุ่มชนพื้นถิ่นที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ใน จังหวัดนครราชสีมา ทุกอำเภอ ยกเว้น อำเภอที่ชาวไทยลาวมากกว่าเช่น อำเภอบัวใหญ่ และอำเภอสูงเนิน ชาวไทยเบิ้งมีขนมธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมคล้ายไทยภาคกลาง ชาวไทยเบิ้งมีภาษาพูดคล้ายกับภาษาไทยภาคกลาง แต่มีเสียงวรรณยุกต์ต่างไป และนิยมลงท้ายประโยคด้วยคำว่า เบิ้ง เดิ้ง เหว่ยด๊อก
ภาษาโคราชเป็นภาษาผสมผสานมีลักษณ์กึ่งภาษากลางและภาษาอีสาน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นิยมพูดเฉพาะบางอำเภอได้แก่ อำเภอพิมาย อำเภอโนนสูง อำเภอขามสะแกแสง อำเภอโชคชัย อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ภาษาโคราชมีมากกว่าพันคำ บางคำเลิกใช้ไปนานแล้ว ขอเสนอตัวอย่างภาษาโคราชที่ยังพูดกันอยู่

คำที่ใช้ ความหมาย
1. โกรกกราก รีบด่วน
2. ข่อหล่อแข่แหล่ ไม่เป็นแก่นสาร
3. ขี่ซบร่อง ถูกโดยบังเอิญ , ฟลุค
4. ขี่ฮดต๊ดหาย ขวัญหนีดีฝ่อ
5. เข่าเปียก ข้าวต้ม
6. เข่าต้ม ข้าวต้มมัด
7. งึด ประหลาด , อัศจรรย์
8. จำโอ อ้วก , อาเจียน
9. จั๊กเด่ ไม่รู้ , ไม่รู้จักฯลฯ
ภาษาโคราชในปัจจุบันกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป เช่นสำเนียงการพูด คำบางคำได้สาบสูญจนคนโคราชรุ่นใหม่ไม่มีใครรู้จักทั้งนั้นเพราะความเจริญ เติบโตทางด้านวัฒนธรรมและเทคโนโลยีต่างๆ คนโคราชรุ่นใหม่นิยมใช้ภาษาราชการกันมากขึ้นส่วนคนรุ่นเก่าก็ล้มหายตายจาก ไป ต่อไปอาจทำให้ภาษาโคราชและภาษาถิ่นอื่น อาจจะค่อยๆหายไปจากสังคมไทยก็เป็นได้


แหล่งข้อมูล วารสารพัฒนาชุมชน ฉบับเดือน ตุลาคม 2549
อุษา ผันกระโทก sa - usa-punkratok(LNG5601-1/52 กลุ่ม 1) - LG1:ภาษาโคราชบ้านเอง
http://th.wikipedia.org


ลองฝังสำเนียงจากเพลงน้ากำปั่นครับ ถ้ามีใครพูดคุยกับคุณออกสำเนียงแบบนี้

เดาเอาว่ามาจากโคราชครับหรือบ้านเดิมอยู่โคราช

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=0QA2gbS_OqQ&feature=related"]กำปั่น - เที่ยวโคราช - YouTube[/ame]

 

ขอบคุณครับที่ร่วมบันทึกครับพระกริ่ง 6 รอบ

เรื่องหน้าตู้ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไหงผมก็เช่าบูชาหน้าตู้ในวัดบนศาลาครับ

ถ้าหลวงพ่อออกมารับญาติโยมผมก็ขอเมตตาท่านจับให้เคาะให้

ลองอ่านข่าวนี้ครับ

ตั้งใหม่แค่19คน"มหัคฆพันธ์"ปธ.ยันกลับวัด4ธค.นี้

ฟ้า ผ่าวัดบ้านไร่ "หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" สั่งปลดกรรมการวัดยกชุดทั้งหมด 108 คน มี"เสี่ยนาย"อดีตศิษย์ใกล้ชิด พร้อมกรรมการวัดดังๆ อีกหลายคน แต่งตั้งลูกศิษย์ชุดใหม่แทนเพียง 19 คน เพื่อจัดระเบียบวัดใหม่ นำทีมโดย "มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์" เป็นประธาน ส.ส.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี รองประธาน เผยหลวงพ่อเตรียมเดินทางกลับวัดบ้านไร่ 4 ธ.ค.นี้ เผยมาสร้างบารมีช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองบัวรองพอสมควรแล้ว จึงต้องขอกลับไปดูแลสัตว์เลี้ยง และวัดบ้านไร่ ที่เป็นถิ่นกำเนิดของตัวเอง

เมื่อเวลา 16.39 น. วันที่ 28 พ.ย. ที่หน้าอุโบสถ วัดหนองบัวรอง พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่ยังคงจำวัดอยู่ที่วัดหนองบัวรอง ได้เป็นประธานประกอบพิธีเททอง หลอมชนวนและปลุกเสกชนวนวัตถุมงคลเพื่อจัดสร้างวัตถุมงคล "พระกริ่งเทพวิทยาคม" จำนวน 499 องค์ และเหรียญรูปเหมือน "พระเทพวิทยาคม" จำนวน 29,999 เหรียญ ซึ่งหลวงพ่อคูณ อนุญาตให้กองอนุศาสนาจารย์ กรมเสมียนตรา สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และเปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจ.นครราชสี มาร่วมพิธีปลุกเสก และมีพล.ต.อารักษ์ ประภาพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 และข้าราชการทหารบก ทหารอากาศ ข้าราชการพลเรือน พ่อค้า นักธุรกิจ คณะกรรมการวัดหนองบัวรอง ญาติโยม ศิษยานุศิษย์ พี่น้องประชาชนกว่า 200 คนร่วมในพิธีด้วย

พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงการอนุญาตครั้งนี้ว่า "กระทรวงกลาโหมมาขออนุญาตสร้างวัตถุมงคลและขอให้กูปลุกเสก พระกริ่ง และเหรียญรูปเหมือน ก็ไม่มีอะไรด๊อก ก็เพื่อบำรุงขวัญกำลังใจและคุ้มภัย กูมีแต่คุณพระที่จะตามคุ้มครองปกปักรักษา ปราศจากทุกโศก โรคภัยต่างๆ ไปเถอะลูกหลาน ทั้งที่เป็นทหาร หรือตำรวจ หรือข้าราชการ ก็มีตำแหน่งหน้าที่รักษาประเทศชาติบ้านเมือง ให้สงบสุขก็ไม่มีอะไรด๊อก"

พล.ต.อารักษ์ ประภาพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า การสร้างวัตถุมงคลดังกล่าวก็เพื่อนำไปมอบบำรุงขวัญกำลังใจและคุ้มภัยให้ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และพลเรือนที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และนับเป็นครั้งแรกที่หลวงพ่อคูณ อนุญาตให้องค์กรและหน่วยงานทางพระพุทธศาสนาสร้างวัตถุมงคล ตั้งแต่ย้ายมาจำพรรษาที่วัดหนองบัวรอง อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย.48 ที่ผ่านมา หลวงพ่อคูณ ได้ลงนามเซ็นหนังสือคำสั่งวัดบ้านไร่ด้วยตัวเอง เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน ใหม่ทั้งหมด จำนวน 19 คน โดยมี พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ รองผบช.ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการ รองผบช.ตำรวจสอบสวนกลาง อดีตผบก.นครราชสีมา เป็นประธานกรรมการวัดบ้านไร่ และว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย รองประธาน และนายธวัช เรืองหร่าย "วัดร้าง" เป็นไวยาวัจกร และเหรัญญิกวัด นายสมบูรณ์ หรือ ไก่โต้ง เป็นเลขานุการหลวงพ่อคูณ รวมทั้งลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ติดตามและนักธุรกิจอีกหลายคน และยังได้มีคำสั่งโดยตรงให้ยกเลิกคณะกรรมการวัดบ้านไร่ ที่มีการแต่งตั้งกันขึ้นมาเองจำนวน 108 คน ซึ่งในจำนวนนั้นมีชื่อ "เสี่ยนาย" นายนพ ภูมิชัยศักดิ์ ลูกศิษย์ใกล้ชิด อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ รวมทั้งนายบุญเลียบ จันทร์เพ็ง "ผู้ใหญ่แดง" หลานชายหลวงพ่อคูณเอง ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตไปแล้ว

โดยสาเหตุที่มีการแต่งตั้งกรรมการวัดใหม่ทั้งหมดหลวงพ่อคูณ ต้องการจัดระเบียบวัด เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายและเกิดปัญหาภายในวัดบ้านไร่ขึ้นมาอีก ซึ่งก่อนหน้านี้หลวงพ่อคูณต้องหนีออกจากวัด เพราะเหตุความขัดแย้งของบรรดาลูกศิษย์ภายในวัด จนหลวงพ่อต้องออกจากวัดไปเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 48 โดยไปจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองบัวรอง อ.เมืองนครราชสีมา เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 48 และหลวงพ่อคูณมีกำหนดออกมาอย่างเป็นทางการที่จะเดินทางกลับวัดบ้านไร่ ในวันอาทิตย์ที่ 4 ธ.ค.48 หลังเวลาเพล โดยจะมีพีธีแสดงมุทิตาสักการะหลวงพ่อ และมีญาติ โยม ศิษยานุศิษย์พร้อมใจกันที่จะเดินทางไปส่งหลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่หลายร้อยคน ด้วย โดยหลวงพ่อจะขอเปิดแถลงข่าวอีกครั้งในวันที่ 4 ธ.ค. เวลา 10.00 น.

หลวงพ่อคูณให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเรื่องกำหนดการกลับวัดบ้านไร่ว่า "กูฝากไปยังญาติโยมศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศเน้อ ในวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2548 เสร็จจากพิธีแสดงมุทิตาสักการะของญาติโยม และคณะกรรมการวัดหนองบัวรอง และฉันเพลเสร็จก็จะขอลากลับวัดบ้านไร่เสียที เอ่อกูจะกลับแล้วหลานเอ๊ย กูมาอยู่ที่วัดหนองบัวรอง ได้มาสร้างบารมีสมใจนึกของกูเอาไว้แล้ว กูได้มาช่วยท่านเจ้าอาวาสวัดหนองบัวรองก็ไม่มาก ไม่น้อย พอดีๆ"

ต่อข้อถามถึงสาเหตุที่ตัดสินใจกลับวัดบ้านไร่ จริงๆ เป็นอย่างไร หลวงพ่อตอบว่า "ไม่เป็นยังไงด๊อกหลาน กูมาแล้วก็อยากกลับไปดูวัดบ้านไร่ ดูสัตว์เลี้ยง ดูญาติโยมพี่น้องประชาชนชาวบ้านไร่" ต่อข้อถามถึงที่ผ่านมา และจนถึงขณะนี้เป็นห่วงวัดบ้านไร่หรือไม่ หลวงพ่อคูณตอบว่า "เอ่อใช่ กูก็อยากกลับไปดู และไปอยู่ที่วัดบ้านไร่ตามเคย วัดบ้านไร่เป็นถิ่นกำเนิดของตัว ไม่ใช่จะละทิ้งปล่อยปละละวางไปอะไรด๊อกหลาน เมื่อถึงกาล ถึงเวลาก็กลับไป"

ต่อข้อถามถึงที่วัดหนองบัวรองก็จะเงียบเหงา ญาติโยมคิดถึงมาก จะเดินทางไป-มา หรือมาเยี่ยมเยียนบ้างหรือไม่ หลวงพ่อคูณตอบว่า "กูจะมา เพราะเมื่อถึงเวลามาก็มาคือกัน ไม่เป็นไรด๊อก"

ผู้สื่อข่าวถามถึง ต่อนี้ไปจะเดินทางไปวัดอื่นหรือเปล่า หลวงพ่อกล่าวว่า ก็จะไปชั่วครั้งชั่วคราว ญาติโยมนิมนต์ไปก็ไปธรรมดา พอเสร็จกิจนิมนต์ก็กลับวัดบ้านไร่ ต่อข้อถามถึง หลวงพ่อจะจัดระเบียบวัดบ้านไร่ใหม่หมด เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายและขัดแย้งกันขึ้นมาอีกใช่หรือไม่ หลวงพ่อคูณตอบว่า ไม่ต้องทำอะไรด๊อก ก็พี่น้องญาติโยมได้ปรับปรุงพูดจากันเข้าใจอะไรได้ดีแล้ว ไม่มีเกะกะเกเร อะไรด๊อก ตอนนี้เรียบร้อยดีแล้ว

ต่อข้อถามถึงสาเหตุที่หลวงพ่อเปลี่ยนคณะกรรมการวัดบ้านไร่ใหม่เพราะสาเหตุ อะไร หลวงพ่อตอบว่า "ไม่เพราะอะไรด๊อกคนเก่าๆ ก็ดี กูใช้มันมานานแล้วก็หาใหม่ เหมือนกับพวกมึงใช้รถยนต์ เวลาเก่าก็ทิ้ง เปลี่ยนซื้อคันใหม่ นี่ก็เหมือนกัน"

ต่อข้อถามถึงญาติโยมนำเลขฤกษ์เดินทางกลับไปตีเป็นหวย จะเตือนอย่างไร หลวงพ่อคูณตอบว่า "อย่าเอาไปตีเป็นหวยไม่ได้ด๊อก และเลขที่ซื้อกันก็ถูกแต่คนมีโชค มีบุญ คนไม่มีโชค ไม่มีบุญ ซื้อไปเถอะ ตายก็ไม่ถูกด๊อก

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Thonburi]คลิกชมภาพชุดทั้งหมด[/FONT]


ที่มา: ข่าวสด​

ท่านถิรวุษิดูไม่ใช้ผมก็ดูไม่ใช้ครับสงสัยผสมเงินน้อยไปหน่อยหรือไม่ก็ สงสัย

จดหมายผิดซอง............

 

อีก1องค์ คำอธิบายตามรูปครับผม

 

อีก1รูปครับ เหรียญสวยมากแต่ไม่รู้ประวัติ

 

ขอบคุณครับ

น่าจะของของเป๊ปซี่สร้า้งถวาย

บางท่านที่เก็บสะสมวัตถุมงคลหลวงพ่อคูณเนื่องจากสร้า้งเยอะก็จะเลือกพิมพ์

นั่งสมาธิที่ไม่ค่อยพบเห็น

ด้านหลังเป็นท่านย่าโม วีรสตรีแห่งเมืองโคราช

"ไชโย ไชโย ไชโย ย่าโมออกศึก" คำนี้ศิษย์หลวงพ่อที่เป็นนักมวยมีอยู่ท่าน

หนึ่งจะตะโกนเป็นขวัญกำลังใจหลังร้องเพลงชาติจบก่อนชกน่าจะเป็นคำพรที่

หลวงพ่อให้เขาพูด

มีเหรียญหลวงพ่ออยู่หนึ่งรุ่นน่าจะราวๆรุ่นที่ 11 เหรียญอาร์มปี2521 ที่ด้านหลัง

จะมีตัวหนังสือเขียนว่าคุณย่าโมออกศึก......สร้า้งยุคแรกๆ

น่าบูชามากครับ

 

ผมทำบุญมาจากเวปนี้ครับทำบุญซื้อกระเบื้องปูพื้นวัดซับลำใยเจ้าของเดิมคือเสี่ยหนึ่งแก่งคอย

เจ้าของที่นาน้อยร้อยกว่าไร่ไม่รู้ว่าตอนนี้น้ำท่วมนาหมดหรือยัง


เสี่ยหนึ่งบูชามาจากวัดตอนออกวัดทำบุญประมาณ 30-50 บาท

 

มีอีก

 

อีก....

 

มีอีก ผมชอบเหรียญนี้มาก ผมคิดผมเองว่า เหรียญนี้มีดีแคล้วคลาด เจริญก้าวหน้าเร็ว และมีลาภลอย เหมือนเครื่องบินที่บินสูงๆและเร็ว



ปุลุ:เดี๋ยวมาต่อทำงานแป๊ป

 

ขอบคุณท่านถิรวุฒิครับ เหรียญนั่งฮอผมจำได้ว่าช่วงนั้นกิจนิมนต์ท่านเยอะนั่งรถ

ไกลๆนานๆมากคงไม่ไหวสังขารหลวงพ่อก็น่าจะช่วงนั้น 70ได้ เลยนั่งฮอ รุ่นนี้

น่าจะอกวัดในกรุงเทพถ้าเจอข้อมูลจะพยายามนำลงครับจำได้ว่าลงหนังสือพระ

เครื่องให้บูชาช่วงออกเหรียญรุ่นนี้

 

พระกริ่งท่านถิรวุษผมแต่งภาพให้ใหม่ได้แค่นี้ครับขออนุญาตครับ






ขออนุญาติท่านเจ้าของพระคนใหม่ด้วยครับ ขอลงรูปบันทึกไว้ครับเหรียญชนะ

มารเนื้อเงิน

 

อาทิตย์ที่แล้วซื้อหนังสือพระมาเล่ม รุ่นนี้ลงให้เช่า 4000 บาท เนื้อทองแดงนี่ละเชื่อมั้ย!

 

ประมาณปี 36 ผมไปตอกตะกรุด ตอกเสร็จหลวงพ่อคูณเรียก บักหำน้อยมานี่ ว่าแล้วก็พ่นน้ำลายไปที่แผล ผมป้ายออก คนอยู่ข้างๆรีบห้าม แหมถ้าเป็นตอนนี้จะไม่อาบน้ำซักสามวันเลย

 

เรื่องน้ำลายของท่านผมก็ขอการันตีอีกเสียง ตอนหนุ่มๆไปฝังตะกรุดแล้วตอนหลวงปู่ท่านเสกเป่าพร้อมน้ำลายท่านออกมาที่ท้องแขนแสบแว้บบบ...แล้วแผลก็หายเป็นปลิดทิ้ง...

 

ลงได้แต่ไม่มีคนบูชา ...................

เอาเหรียญ 17 แวะมาหน่อยจะถ่ายรูปลง .....ของเก๊ตาเปล่ารุ่นอื่นๆด้วย

เอามาบันทึกไว้ พระกริ่งปริสุทโธเนื้อผง

 

แวะมาเยี่ยมชม แต่หละท่าน ของดีๆๆงาม ทั้งนั้นเลย แอบอิจฉา

 

***********ร่วมด้วยซักองค์ ครับ***************






*******************************
​