หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    ยินดีครับคุณปฐม

    เราพี่น้องกันครับมีความรู้ต้องแชร์กันครับ ถึงแม้จะมากจะน้อย ผมว่าก็ดีหมด

    ยังมีอีกนะครับ ความลับสวรรค์มีเยอะ ต้องถามท่านสมบัติเลย 555+
     
  2. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    ไม่รู้จะกั๊กไว้ทำไมอีกแล้ว หุหุ เพียงแค่โคตรพระธาตุเหล็กไหล ท่านก็ครอบคลุมความสำคัญไปกว่าครึ่ง ... ไหนๆพวกเราก็ได้ยกพระองค์ท่านไว้เหนือเกล้าแล้ว ต้องชูพระองค์ท่านจนสุดปลายนิ้วเลยท่าน ผู้ที่ได้ครอบครองจะได้รู้คุณค่าของพระองค์ท่าน ผู้ที่ปล่อยท่านไปจักได้เสียดายชาติเกิด ... เครียด !!!

    อะนะ บอกแล้วว่าเอาเพชรน้ำเอกก้อนเท่ากำปั้นก็ยากจะได้ท่านไปอาราธนา ชมเพียงรูปก็แล้วกัน ... :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2011
  3. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, IT Man </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ดีตอนเช้าท่านสมบัติ

    วันนี้อาราธนาองค์ไหน คู่กายครับ หุหุ
     
  4. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    555+ สะบายดียามเช้าท่าน...

    วันนี้อากาศเย็นสบายดี อาราธนาพระกริ่งฯครับ
    วันไหนอากาศร้อน อาราธนาพระกริ่งครับ
    วันไหนฝนตก ยังไงผมก็ยังอาราธนาพระกริ่งครับ
    ทุกวันนี้ไปไหนไปด้วยครับท่าน แม้ยามนอน หุหุ

    ปฐม ก็ทราบมาว่าอาราธนาประจำ เพราะเธอชอบฟังเสียงกรุ้งกริ้งๆ เหมือนอยู่ในวัด เย็นใจดีครับ :cool:
     
  5. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    อะไรกัน โยนเผือกร้อนมาอีกแล้ว ผมเป็นแต่เพียงผู้รับ-ส่งสารเท่านั้นเจ้า ... :)
     
  6. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    เรื่องพุทธทำนาย ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 ธันวาคม 2555 ผมได้อ่านหลาย

    มากว่า 5 รอบ และคิดวิเคราะห์ตามนั้น

    ผมว่าสิ่งที่จะช่วยให้บางคน บางกลุ่ม มีชีวิต อยู่ในโลกใบนี้

    เท่าที่เจอ ณ ตอนนี้ก็จะมี TOP ต่างๆ และอีกอย่างที่มั่นใจมากไม่แพ้กัน

    คือกริ่งปวเรศ รุ่นแรก ปี 2434 นี่แหละครับ ผมว่าใครที่ครอบครอง

    คงอยู่รอดปลอดภัยจากมหัตภัย ในพุทธทำนายแน่นอน
     
  7. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    ท่านสังเกตไหมตอนนี้

    ทำไมหนังสือพิมพ์ต่างๆ ลงกริ่งปวเรศ รุ่นแรก กันจังเลยครับ

    และที่สำคัญ ลอกแต่ข้อความเดิมๆ มา ว่าสร้างไม่น่าเกิน 30 องค์

    หรือว่าเริ่มจะกลัวความจริงกันแล้ว หุหุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2011
  8. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    ไม่รู้ดิครับ

    เวลาท่านเขียน ท่านเรียบเรียงคำพูด ได้สุดยอดมากๆๆๆๆ

    ชมจากใจครับ
     
  9. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    บอกตามตรงว่ายังไม่ได้ข้อมูลเรื่องนี้ รบกวนท่านแหน่ง share หน่อยนะครับ

    ทราบแต่เพียงว่า ... จากนี้ไปจนปี 2556 ประเทศไทยเราจะลำบาก ซึ่งหมายถึงประชาชนคนไทย ให้ท่องพระคาถาเงินล้านป้องกันตัว 108 จบต่อวัน เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันตัวเอง

    สำหรับพวกเราชาวพระวังหน้า นอกจากจะต้องปฏิบัติปฏิบัติชอบแล้ว เรายังมีพระพิมพ์วังหน้าที่ทรงพระเมตตาอธิษฐานจิตโดยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยเฉพาะพระองค์ปัจจุบัน ที่เราเรียกพระพิมพ์ดังกล่าวนี้ว่า สมเด็จองค์ TOP4 - นอกจากนี้แล้ว ยังมีพระแก้วมณีโชติ และพระกริ่งปวเรศ ที่ทรงมีเม็ดกริ่งเป็นเหล็กไหล ไว้คุ้มครองกายหยาบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่มีแต่เพียงในตำนาน หรือผู้ครอบครองเป็นแต่เพียงบุคคลชั้นสูงอีกแล้ว เพราะกุศลกรรมไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะครับ

    สรุป: ดวงแก้วมณี 3 ประการในโลกนี้ มี องค์ TOP4,พระแก้วมณีโชติ,พระกริ่งปวเรศ ที่มีเม็ดกริ่งเหล็กไหลเป็นอย่างน้อย ... ท่านสามารถคุ้มครองป้องกันภัยผู้ครอบครอง จากมหันตภัยดังที่กล่าวอ้างมาแน่นอนครับ ...

    พระคาถาเงินล้าน: สัมปะจิตฉามิ, นาสังสิโม พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม มิเตพาหุหะติ พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ
    วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม, สัมปะติจฉามิ เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤา ฤา
     
  10. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    หนังสือพุทธทำนาย

    22 ธ.ค พ.ศ. 2555 จะเกิดปรากฏการณ์แกนโลกพลิก และการพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ มันคือวันหายนะภัยพิบัติ



    <!--Main-->กรรมจริงๆ 22 ธ.ค พ.ศ. 2555 จะเกิดปรากฏการณ์แกนโลกพลิก และการพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ มันคือวันหายนะภัยพิบัติของโลก

    22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) จะเกิดปรากฏการณ์แกนโลกพลิก และการพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ มันคือวันล่มสลายแห่งมนุษยชาติ

    ประกาศจากองค์การ NASA แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว "Pole Shift" ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)

    แบบจำลองคอมพิวเตอร์ ทำนายการพลิกกลับขั้วของแม่เหล็กโลก อาจนำมาสู่การสิ้นสุดอารยธรรมมนุษย์ในปี 2012
    จากการทำงานของนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง ที่ได้ศึกษาปรากฎการณ์แกนโลกพลิกตัว บอกว่าโลกและดวงอาทิตย์ ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันและสัมพันธ์กัน โดยจะแลกเปลี่ยนพลังงานและใช้จนหมดกระบวนการหนึ่ง จนเกิดกระบวนการของการพลิกกลับขั้วเกิดขึ้น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน เมื่อสัตว์จำพวกไดโนเสาร์ที่สาบสูญไปในช่วงเวลานั้น

    ในการค้นคว้าวิจัยส่วนตัวและของบริษัท ได้วิเคราะห์หรือทำนายด้วยระบบคอมพิวเตอร์ Hyderabad ซึ่งมีแนวโน้มเกี่ยวกับการยกระดับพลังงานขึ้นสูงสุด จะเกิดขึ้นในปี 2012 นี้

    การพลิกกลับขั้วของแกนแม่เหล็กโลก คือกระบวนการเมื่อขั้วทิศเหนือและขั้วทิศใต้กลับตำแหน่งกัน เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น, ที่จุดหนึ่งของเวลา สนามแม่เหล็กโลกจะลดลงเกือบจะถึงศูนย์เกาซ์ โลกที่จุดนั้นของเวลามีคุณสมบัติของแม่เหล็กเป็นศูนย์ สิ่งนี้บังเอิญมาเกิดขึ้นพร้อมกัน กับการหมุนรอบพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ในทุกๆสิบเอ็ดปีพอดี

    ในประวัตศาสตร์ของมนุษย์ยุคใหม่ ปรากฎการณ์แกนโลกพลิกตัวที่เคยเกิดขึ้นนั้นไม่เคยถูกบันทึกมาก่อน แต่ในปัจจุบัน, แบบตัวอย่างคอมพิวเตอร์สามารถทำนายผลลัพธ์ที่เป็นจริงได้ ซึ่ง NASA เคยนำคำพูดที่น่ากลัว มากล่าวถึงในที่สาธารณะเกี่ยวกับการพลิกกลับขั้วจะทำคุณสมบัติของแม่เหล็กของโลกอ่อนแอและเบี่ยงเบนไป แต่ไม่ใช่ศูนย์

    ตามแบบตัวอย่างคอมพิวเตอร์ Hyderabad การพลิกกลับเกี่ยวกับขั้วของโลกและดวงอาทิตย์สามารถเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาที่จริงจังดังต่อไปนี้

    - ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ ,computer)

    - การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ

    - ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนอย่างมาก

    - ทำให้ภูเขาไฟเพิ่มขึ้น, เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม

    - สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้

    - กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมายจะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น

    -แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

    ถ้าคุณรวมเค้าเรื่องการทำลายล้างกับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ความเป็นไปได้เหล่านี้เป็นไปได้ทั้งหมด, คุณสามารถดูได้โดยง่าย, โลกอาจจะกลายเป็นที่ที่ไม่เหมาะสมสำหรับอารยธรรมของมนุษย์เมื่อถึงปี 2012 และผู้ที่จะรอดได้นั้นอาจต้องมีชีวิตอยู่ใด้ดินหรือใต้เปลือกโลกเท่านั้น..

    กลุ่มนักค้นคว้าเรื่อง UFO จำนวนมาก (ในต่างประเทศ) ที่ได้ทำการติดต่อกับพวกเขาอย่างลับๆ รายงานว่ามนุษย์ต่างดาวได้ตระหนักถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับโลกในช่วงระยะอันใกล้นี้ ได้เข้ามาบันทึกและศึกษาเหตุการณ์การสูญพันธุ์ของรูปแบบอารยธรรมเกี่ยวกับมนุษย์ อันเนี่องมาจากการขาดของความรู้ของเราเอง ขณะนี้เขากำลังจัดเตรียมเครื่องมือสำหรับการตรวจวัดและคัดเลือกมนุษย์ที่เขาจะช่วยชิวิตเอาไว้ได้จำนวนหนึ่งแล้ว...

    พวกเขาได้รับสัญญาณและรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโลก ว่ามีบางสิ่งที่รุนแรงจะเกิดขึ้น ซึ่งเขากำลังเตรียมช่วยเหลือเราอย่างเงียบๆ รวมถึงการเคลื่อนย้ายเราไปสู่ปลายทางที่ปลอดภัยที่เราไม่อาจรู้ (ซึ่งฃ่าวนี้ตรงกับข้อมูลทางกลุ่มเขากะลาของไทยที่บอกไว้คล้ายกัน เกี่ยวกับการเตรียมการช่วยเหลือตามจุดต่างๆ 8จุด ทั้งในไทยและต่างประเทศ)

    หลายๆเหตุการณ์ เช่นTsunami, มันเป็นไปได้ที่เราจะงงงวยและจ้องมองมัน กับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ถ้าเรื่องราวนี้ถูกต้อง, มันอาจจะเป็นหนทางหนึ่งที่เราจะอยู่รอดจะเพื่ออารยธรรมของเรา บางทีเราอาจต้องเคลื่อนย้ายสู่ดาวเคราะห์อื่นๆ เช่นที่มันอาจจะเคยเกิดขึ้นบนดาวอังคารเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว...

    Magnetic Pole Reversal ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกด้าน ค.ศ.2012

    เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA
    ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคงแต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์
    แต่จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่มนักธรณีฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่า ทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี ค.ศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012

    คำถาม......? โลกจะเป็นอย่างไรเมื่อขั้วแม่เหล็กโลกกำลังพลิกด้าน

    การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือและขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง (ซึ่งไม่สามารถทำนายได้ว่าจะกินเวลานานเท่าใด อาจกินเวลาแค่ 1 ช.ม. หรืออาจเป็นเดือนก็ได้) มันหมายถึงว่าค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์หน่วยกาซ และโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งสนามแม่เหล็กโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    คำถาม.......? จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลก

    โดยปกติสนามแม่เหล็กโลก จะเป็นเสมือนโล่กำบังที่ช่วยปกป้องโลกไว้อีกชั้นหนึ่งโดยเฉพาะ การช่วยกำบังโลกจากพายุสุริยะที่เกิดจากดวงอาทิตย์ แต่เมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลกในเวลาที่ว่านั้น สิ่งมีชีวิตบนโลกจะต้องเจอกับหายนะ นั่นก็คือ พายุสุริยะ(บางคนเรียกลมสุริยะ มันเหมือนกันนะเดี๋ยวจะสับสน) พายุสุริยะ คือ พลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดจากธาตุไฮโดรเจนบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาสู่อวกาศด้วยแรงระเบิดมหาศาล ซึ่งพายุสุริยะนั้นประกอบด้วย รังสีคอสมิก(และอีกมากมาย) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอันมหาศาล

    คำถาม........? เราจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องเผชินกับพายุสุริยะ

    "ฮารัลด์ เลสช์" (Harald Lesch) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย "มิวนิค" ได้สร้างแบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพื่อหาคำตอบว่าโลกเราจะเป็นอย่างไรหากไม่มีสนามแม่เหล็ก แบบจำลองที่ "ฮารัลด์ เลสช์" สร้างขึ้นพบว่า ถ้าโลกเราถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ผลที่ได้สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง จากภาพจำลองที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อ มวลอนุภาคคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะมาถึงโลก จะทำปฏิกิริยากับชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นสนามแม่เหล็กชุดใหม่มาแทนที่และทรงพลัง พอที่จะทานแรงปะทะของรังสีคอสมิก ทำให้รังสีคอสมิกที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์เบนออกสู่อวกาศ >>>แต่ทะว่าโลกเรานั้นสามารถรอดพ้นจากอันตรายจากรังสีคอสมิกไปได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ไม่ได้เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกเลย ตามหลักแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลไปสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า และสนามแม่เหล็กชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นไม่ได้เสถียรเหมือนแม่เหล็กโลกเดิม ฉะนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำปฏิกิริยากับบรรยากาศโลกย่อมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น สิ่งที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะกระทำต่อไปนั้นก็คือ การปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าอันมหาศาลสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า นั่นก็คือพื้นผิวโลก เหตุการณ์ที่ว่านี้คือ พายุฟ้าผ่านั้นเอง พายุฟ้าผ่านี้ อาจกินเนื้อที่ทั้งทวีปหรือทั่วโลก สายฟ้าที่กระหน่ำลงมาจากก้อนเมฆอิเล็กตรอนนั้น จะกระหน่ำผ่าลงมาทุกๆที่โดยไม่หยุดจนกว่าพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะจะหมดลง และจะเกิดขึ้นอีกถ้าพายุสุริยะลูกต่อไปมาถึง หรือจนกว่าการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกจะเสร็จสมบูรณ์จนทำให้กระบวนการสร้างสนามแม่เหล็กโลกจะทำงานได้อีก สิ่งมีชีวิตบนโลกมากมายจะต้องตาย และเทคโนโลยีต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นจะถูกทำลายลงในครั้งนี้ แต่ถ้ารังสีคอสมิกสามารถหลุดรอดมากจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ สิ่งมีชีวิตที่รอดจากการถูกฟ้าผ่า ก็อาจจะต้องตายจากโรคมะเล็งและความร้อน

    คำถาม........? เมื่อสนามแม่เหล็กโลกเกิดการพลิกตัวอย่างสมบูรณ์จะเกิดอะไรขึ้นกับโลก

    สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้อาจะเหลือเชื่อแต่ตามหลักการแล้วย่อมเป็นไปได้ การพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความหายนะจากพายุสุริยะแค่เพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดหายนะจากการหมุนกลับทางของโลกที่จะเกิดตามมาอีก ยกตัวอย่าง เช่น การหมุนของมอเตอร์ มอเตอร์แบบธรรมดามี 2 ขั้ว โดยให้สัญลักษณ์ A และ B ก่อนที่ขั้วแม่เหล็กโลกจะพลิกตัว ให้เปรียบโดยการใช้ ไฟฟ้าขั้ว + ต่อเข้ากับ A และไฟฟ้าขั้ว - ต่อเข้ากับ B มอเตอร์จะหมุนไปทางใดทางหนึ่ง แต่เมื่อเราต่อขั้วไฟฟ้ากลับด้านกัน ย่อมทำให้มอเตอร์เกิดการหมุนทิศทางตรงกันข้ามกับครั้งแรก และนี่ก็เปรียบกับการพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนั่นเอง

    คำถาม........? แล้วสิ่งมีชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป

    เมื่อโลกหมุนกลับทาง สิ่งมีชีวิตที่เหลืออาจจะต้องเจอกับภัยธรรมชาติมากมาย โลกหมุนกลับทางย่อมทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยน ทั้งกระแสน้ำทะเล กระแสลม รวมถึงแผ่นดิน จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นย่อมไม่มีใครรู้ได้ มนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตรอด จะปรับตัวอย่างไรเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก มนุษย์ที่เหลือจะทำอย่างไรเมื่อวันนั้นมาถึง...........................


    หายนะที่ได้กล่าวมานี้ อาจจะไม่ร้ายแรงถึงขนาดที่กล่าวมา (หรืออาจร้ายแรงกว่า) ขึ้นอยู่กับว่า การที่ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัวนั้นจะใช้เวลานานขนาดใหน ขอให้ทุกคนโชคดี

    บทความ : BeverNetwork

    อันนี้เป็นบทความหนึ่ง ที่พวกนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายเพิ่งจะเชื่อว่า สักวันดวงอาทิตย์ต้องขึ้นทางทิศตะวันตก ในขณะที่เรา..มุสลิมรู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์นี้จะต้องเกิดตามที่อัลลอฮฺบอกไว้
    ไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดเร็วหรือช้า สิ่งที่สำคัญที่สุดเราเตรียมเสบียงแห่งความดีไว้พร้อมหรือยัง
    ขอให้เราทุกคนไปรับทางนำเถิดขอให้ได้รับชัยชนะ ได้เป็นชาวสวรรค์กันถ้วนหน้า
    ไม่ทราบแหล่งที่มาแต่มา จากFWเมล์ แต่ขออภัยมาลงในกระทู้ตักเตือน เพื่อทุกคนจะได้หยุดเป็นลูกตุ้มถ่วงสังคมสักที่

    แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์คาดการณ์ว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กในโลกและดวงอาทิตย์ จะนำมาซึ่งการสิ้นสุดของอารยธรรมมนุษยชาติในปี คศ. 2012

    1 มีนาคม 2548

    จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่ม นักธรณีฟิสิกส์ และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่าทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี คศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์ จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี คศ. 2012

    การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือ และขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง มันหมายถึงว่าค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์หน่วยเกาซ และโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งแรงดึงดูดอย่างสิ้นเชิง ซึ่งถ้าหากปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นควบคู่ไปพร้อมกับการสลับขั้วของดวงอาทิตย์ที่จะมีขึ้นในทุกๆ 11 ปี ในปี คศ. 2012 แล้ว ปัญหาอันใหญ่ยิ่งจะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน

    ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติสมัยใหม่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเช่นนี้ยังไม่เคยได้มีการการบันทึกไว้ จะมีก็แต่เพียงแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่จะสามารถทำนายผลลัพธ์ที่เคยเกิดขึ้นนั้นได้ เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคง แต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์

    แต่จากแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ของ Hyderabad กลับพบว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กของโลกและดวงอาทิตย์นั้น สามารถที่จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างรุนแรงที่มากไปกว่าแค่การทำงานผิดพลาดของอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์เท่านั้น พวกนกที่อพยพย้ายถิ่นอยู่ตามฤดูกาลจะสูญเสียประสาทสัมผัสในการกำหนดทิศทางและอื่นๆ ตามมาอีก เช่น
    - ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์ต่างๆ รวมถึงมนุษย์จะอ่อนแอลง
    - โลกจะประสบกับการเพิ่มความถี่ของการเกิดภูเขาไฟระเบิด, การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก, แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม ที่จะมีมีสูงขึ้นกว่าปรกติ
    - สภาวะความเป็นแม่เหล็ก (Magnetosphere) ของโลกจะอ่อนตัวลง และการแผ่รังสีคอสมิคจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณขึ้น และก่อให้เกิดอันตรายจากการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น มะเร็งและอื่นๆ อีก ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
    - กลุ่มเทหวัตถุในอวกาศขนาดใหญ่จะถูกดึงดูดเข้ามายังโลกอย่างมากมาย
    - แรงดึงดูดของโลกจะประสบกับการเปลี่ยนแปลงซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

    ถ้าคุณรวมเอาเหตุการณ์ความน่าจะเป็นที่จะเกิดการทำลายล้างเหล่านี้ทั้งหมดมาผนวกรวมกันแล้ว คุณก็จะสามารถอธิบายสิ่งที่คุณจะมองเห็นด้วยคำง่ายๆ ว่า โลกอาจจะไม่ใช่ที่เหมาะสมสำหรับอารยธรรมของมนุษยชาติในปี คศ. 2012 และผู้คนทั้งหลายผู้ซึ่งอาศัยอยู่บนพื้นผิวโลกหรือใกล้กับพื้นผิวโลก

    สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใต้ผิวโลกที่ลึกลงไปเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่รอด โดยปราศจากการแทรกแซงใดๆ ในกระบวนการที่จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาตินี้ คงเป็นเวลาอีกหลายล้านปีถัดจากนี้ เราจึงจะได้เห็นรูปแบบของสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่หรือมีความชาญฉลาด ที่จะกลับมาครอบครองบนพื้นผิวโลกอีกครั้ง

    เหตุการณ์เช่นนี้มันอาจจะเหมือนดังเช่นที่ได้เคยเกิดขึ้นในห้วงที่เกิดคลื่นสึนามิ ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกงงงวย และเฝ้าจ้องมองดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างคิดไม่ถึงว่ามันจะเกิดขึ้นได้ แล้วในที่สุดมันก็พัดพาเราออกไปสู่ท้องทะเล

    ถ้าแบบจำลองนี้ถูกต้องแม่นยำ นั่นหมายถึงว่าหนทางเดียวเท่านั้นสำหรับพวกเราที่จะอยู่รอดเพื่อที่จะรักษาอารยธรรมของเราเอาไว้ต่อไป นั่นก็คือการลงไปอาศัยอยู่ใต้พื้นผิวโลกหรือไม่ก็อพยพเคลื่อนย้ายไปอาศัยยังดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ เหตุการณ์เช่นนี้มันอาจจะเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับดาวอังคารเมื่อย้อนหลังไปหลายล้านปีที่ผ่านมา

    ความเคลื่อนไหวที่ไม่ปรกติของผู้มาเยือนจากนอกโลกหมายถึง UFO ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าอาจมีใครบางคนจากนอกโลกรู้ว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ อาจบางทีพวกเขาอาจจะกำลังจะพยายามที่จะช่วยเหลือพวกเราอย่างเงียบๆ ด้วยการจำลองภาพเหตุการณ์เพื่อเป็นการบอกเตือน หรือแม้แต่ย้ายพวกเราไปยังจุดหมายปลายทางที่ไหนสักแห่งที่เราไม่อาจรู้ได้.
    เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคงแต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์ แต่จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่มนักธรณีฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่า ทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี ค.ศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012


    (ป.ล จากเจ้าของกระทู้- เรื่องนี้จริงหรือเท็จนั้นไม่มีใครสามารถบอกได้นะคะ ควรใช้วิจารณจารในการอ่านด้วยคะ)

    ที่มา
    http://www.palungjit.org/<!--End Main-->
     
  11. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    หนังสือพุทธทำนาย

    22 ธ.ค พ.ศ. 2555 จะเกิดปรากฏการณ์แกนโลกพลิก และการพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ มันคือวันหายนะภัยพิบัติ
    ....
    ผมว่าเรื่องนี้ ... ทำให้คนหันกลับมามองตัวเองนะครับ ซึ่งจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ไม่สำคัญ ... สำคัญอยู่ว่า พวกเราเตรียมตัวไว้ดีพอหรือยัง? การเตรียมตัวดี นอกจากจะในเรื่องของการดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาทในทางโลกแล้ว ซึ่งทำได้ไม่ยาก ... แต่ในทางธรรม สมมติว่าถ้าเรารู้วันตายของเรา พวกเราจะทำอย่างไร? จะเอาแต่สุข จะมามัวแต่ทะเลาะกันเช่นทุกวันนี้หรือ คงไม่ใช่ทางของพวกเราแน่ เราควรจะประกอบกรรมดีให้มากๆ เสมือนว่าจะไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว เสมือนว่าเราจะไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อโลกนี้ที่เป็นแดนธรรมของเราจากอดีตชาติจนปัจจุบันชาติอีกแล้วดีกว่าครับ
    ผมเองก็จะทำดีเช่นนี้และให้มากกว่านี้จวบจนถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2555 เมื่อถึงวันนั้น หากมหันภัยมาจริง ก็จะไม่เสียดายชีวิตในโลกนี้อีกแล้วครับท่าน ... หุหุ แต่ในทางตรงกันข้าม หากมหันตภัยไม่ได้มา ท่านบอกว่าจะมาอีก 100 ปีข้างหน้า ผมก็จะทำดีไม่มีที่สิ้นสุดต่อไป สาธุ สาธุ

    ณ. 13 ม.ค. 2554
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2011
  12. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    ลองอ่านดูนะท่าน

    ได้มานานแล้ว และเก็บไว้อ่านสครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    ข้อมูลที่ส่งครั้งแรกเป็นแนววิทยาศาตร์

    แต่ลองอ่านไฟด์ที่แนบให้ต่อมานะครับ

    ผมว่ายิ่งศึกษา ยิ่งมีประโยชน์ครับ
     
  14. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    โอ้โฮ ... เป็น พญาคำกลอน แล้วคนภาคอื่นจะเข้าใจมั๊ยเนี่ย หุหุ

    โมทนาสาธุครับ ไว้จะพิมพ์แจก ...
     
  15. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    ผมเคยอ่านเจอเหมือนกันนะครับ

    ที่พระท่านเก่งๆ ท่านรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิด

    ท่านยังแนะนำเส้นทางการเดินทาง ว่าให้ใช้เส้นทางไหน ถึงจะปลอดภัย

    และแนะนำว่า ก่อนจะเกิดเหตุ มีอะไรที่เป็นจุดให้สังเกตว่าเหตุการณ์กำลังเกิดขึ้นแล้ว

    เดี๋ยวเจออีกจะโพสให้ทุกคนได้ศึกษาครับ
     
  16. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    โหท่าน

    ในโลกนี้จะมีซักกี่คนเนี่ย ที่จะมีครบเครื่องต้มยำอย่างนี้

    อิจฉาจังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  17. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    ภาพประกอบ
    [​IMG]

    บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
    <TABLE><TBODY><TR><TD>มีการพิเคราะห์ดวงเมืองไทย ปีชวด 2551 โดยหมอดู “โสรัจจะ นวลอยู่” จากหนังสือ “ศาสตร์แห่งโหร” สำนักพิมพ์มติชน ออกมาทำนายดวงเมืองปีชวด ไว้ล่วงหน้าว่า อา จเลวร้ายยิ่งกว่า กว่าปี 2550

    ก่อนหน้านี้ หมอดูผู้นี้สร้างความฮือฮาด้วย การทำนายเหตุการณ์ปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 ไว้ล่วงหน้าจนได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม เช่นเดียวกับการทำนายเหตุการณ์ 9/11 เมื่อ 6 ปีก่อน จนได้รับสมญานามให้เป็น “นอส ตราดามุสเมืองไทย” รวมถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมสึนามิ เมื่อ 26 ธันวาคม 2547

    หมอดู “โสรัจจะ” ทำนายว่า ดวงเมืองปี 2551 ว่า จะเป็นปีแห่งความอาเพศ ช่วงต้นปีบ้านเมือง จะมีการปฏิรูปเป็นการใหญ่ ธนาคารแห่งประเทศไทยคงถอยหลังอย่างกู่ไม่กลับ คนงาน ข้าราชการ ถูกป ลดออกจากงานจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้คนแห่ถอนเงิน รัฐบาลจะล้มลุกคลุกคลาน เพราะเจออุปสรรคยุ่งยากเหลือประมาณ หุ้นตกแบบท้องร่วง กรุงเทพฯจะถูกก่อวินาศกรรม ครั้งใหญ่ สถานทูตและตึกรามบ้านช่องถูกทำลาย

    เมืองไทยจะตกอยู่ในภาวะคับขันรอบด้าน บุคคลในเครื่องแบบผู ้ถืออาวุธที่ไม่อยู่ในศีลธรรมจะต้องเข้ามามีบทบาท แทรกเป็นยาดำใน คณะรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

    นอกจากนี้ ดาวเสาร์และราหูในทางโหราศาสตร์ไม่สัมพันธ์กับดวงของโลกและดวงของเมืองไทย ซึ่งเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง เกาะเล็กเกาะน้อยในอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น จีน และไ ทย บางส่วนอาจจมหายไปเนื่องจากภาวะโลกร้อน ทำให้ระบบน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อยๆ จนท่วมเกาะ อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ผู้คนของโลกหลายล้านคนหิวโหย

    ชาวโลกและประเทศไทยยังเดือดร้อนเรื่องน้ำมันแพง อันเป็นผลจากกลุ่มชาติอาหรับได้รวมหัวกันขึ้นราคาน้ำมัน และเพิ ่มราคาน้ำมันขึ้นทุกปีโดยไม่หยุดยั้ง ทำให้ชาติต่างๆ เดือดร้อน ตลอดทั้งปีน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นราคารวมทั้งแก๊ส หุงต้ม ทำให้ประชาชนปั่นป่วนเดือดร้อนอย่างมาก

    นอกจากนี้ยังเป็นปีแห่งการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติและชีวิตมนุษย์ครั้งใหญ่ของประเทศ กรุงเทพฯ บางส่ วนเริ่มถูกน้ำทะเลท่วมเข้ามาถึง อาจจะจมน้ำหายไปและจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปอีกหลายปี ดังนั้นภาครัฐต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ โดยควรหาทางป้องกันเอาไว้ก่อน

    โลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญ สหรัฐอเมริกาและตะวันออกกลางเริ่มเปิดฉากสงครามล้างเผ่าพันธุ์ เป็นสงครามปรมาณู ม ีก รใช้ขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์หรือสงครามไฮเทคนำมาใช้กัน ทำให้เกิดจุดวิกฤตการณ์ของโลกเขม็งเกลียว เป็นสงครามครั้งใหญ่ ผู้คนล้มตายเป็นผักเป็นปลาจำนวนมหาศาล และสงครามจะยืดเยื้อไปอีกหลายปี ส่วนประเทศไทยจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้ด้วย

    ราวก ลางปี เกาะภูเก็ต กระบี่ พังงา จะถูกคลื่นสึนามิเหมือนกำแพงยักษ์ถล่มหนักกว่าครั้งแรก นอกจากนี้เชื้อโรคที่รุนแรงจะระบาดเหมือนไข้หวัดนกจะเข้ามาทำลายล้างชีวิตมนุษย์และสัตว์ หรือเป็นเชื้อไข้หวัดนกที่กลายพันธุ์ติดต่อมาถึงคน

    ส่วนปัญหาทางภาคใต้อิทธิพลของดา วเสาร์ให้เป็นปีแห่งการก่อการร้ายและการก่อวินาศกรรมทั้งปี มีการเคลื่อนไหวของผู้คนที่ไม่สามารถจะควบคุมได้ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ทำให้ผู้มีอำนาจขาดความเชื่อถือที่จะเหนี่ยวรั้งให้ผู้คนเหล่านั้นยุติความคิดของเขาได้ แต่ตามดวงเมืองแล้วไม่บ่งบอกว่าเราจะเสียดินแดน 3 จ ังหวัดภาคใต้ไป เนื่องจากดาวอังคารเดินแบบวิกล จะส่งผลให้ความร้อนแรงเกิดขึ้นไม่สิ้นสุด เพราะดวงผู้นำประเทศไม่สัมพันธ์กับดวงเมืองปี 2551

    ในปลายปีจะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่น่าแปลกมหัศจรรย์ จะเกิด “หิมะตก” ในเมืองไทยไปทั่วทางภาคเหนือและอีสานบางส่ว น ประชาชนทั้งคนไทยและทั่วโลกตื่นตกใจแทบช็อก แต่จริงๆ ในทางโหราศาสตร์ไทยถือว่าอาเพศ เป็นลางร้ายที่จะเกิดมหันตภัยตามมาไม่หยุดหย่อน ทั้งทางธรรมชาติ บุคคล การเมือง การปกครอง วัฒนธรรมประเพณี

    ส่วนตำราทางฮินดูทายไว้อีกนัยหนึ่งว่า ประเทศไทยจะประสบปัญหาภัย แล้งขาดแคลนน้ำอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน ภาคตะวันออกของประเทศมีสภาพแห้งแล้งทำให้ผู้คน และสัตว์เลี้ยงขาดน้ำ ภัยพิบัติทางธรรมชาติยัง ไม่หยุดยั้ง จะมีการสูญเสียแผ่นดินทางภาคใต้แถบฝั่งทะเลอันดามันตั้งแต่จังหวัดระนองลงมา

    ด้านเศรษฐกิจ “โสรัจจะ” ทำนายว่า เศรษฐกิจจะตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ก็ว่าได้ เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปคลอนแคลน ส่วนประเทศไทยจะเป็นปีแห่งความล้มละลายทางเศรษฐกิจ ธุรกิจสับสน คนว่างงานหรือถูกปลดออกจากงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับ เกิดสงครามไปทั่วโลก ธนาคารทั้งเล็กและใหญ่เริ่มล้มและปิด ตัวเองลง ตลาดหุ้นถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก มีคนฆ่าตัวตายจำนวนมาก ถือได้ว่าเป็นปีแห่ง “เศรษฐกิจเลือด” ก็เป็นได้

    ประมาณปลายเดือนเมษายน ผู้บริหารบ้านเมืองควรจะระมัดระวังอย่างรอบคอบ เพราะจะเกิดความวุ่นวายปั่นป่วน บุคคลในเครื่องแบบจะมีบทบาททันที เกิดกา รจ าจล รัฐประหารครั้งใหญ่ เกิดการนองเลือด ผู้คนล้มตายเป็นเบือ ผู้มีอำนาจในแผ่นดินจากไปอยู่ยังแดนไกล ไร้ที่อยู่ หรือมิฉะนั้นจะหายหน้าไป ไม่ปรากฏในวงสังคมอีกต่อไป เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในกรุงเทพฯ

    นอกจากนี้กลางปีราวปลายเดือนพฤษภาคม จะมีคลื่นยักษ์เป็นกำ แพง อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหวในหมู่เกาะสุมาตราพัดเข้าถล่มหมู่เกาะและชายฝั่งด้านอันดามันอีกครั้ง

    ถัดมา ปลายเดือนมิถุนายนบุคคลสำคัญของแผ่นดินจักเจ็บไข้ได้ป่วย และอาการจะรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง และอาจสูญเสียชีวิต

    หมอลักษณ์ที่มันชอบฟันธงมันก็บอกว่ า รัตนโกสินถึงคราวล่มเเล้ว

    โลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญ สหรัฐอเมริกาและตะวันออกกลางเริ่มเปิดฉากสงครามล้างเผ่าพันธุ์ เป็นสงครามปรมาณู มีการใช้ขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์หรือสงครามไฮเทคนำมาใช้กัน ทำให้เกิดจุดวิกฤตการณ์ของโลกเขม็งเกลียว เป็นสงครามครั้งใหญ่ ผู้ คนล้มตายเป็นผักเป็นปลาจำนวนมหาศาล และสงครามจะยืดเยื้อไปอีกหลายปี ส่วนประเทศไทยจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้ด้วย

    ต่างประเทศตั้งท่าทำสงครามกันเเล้ว เเต่พวกเรายังไม่ค่อยรู้เรื่องไรเลย
    อย่าประมาทนะครับ.. บางคำทำนายบอกว่า..พลโลกจะล้มตาย ไป10ส่วนเหลือ3ส่วน

    บางคำทำนายก็บอกว่า..พลโลกจะล้มตายไป7ส่วนเหลือ3ส่วน

    ไม่ใช่เเค่ โสรัจจะ นวลอยู่ นวลอยู่คนเดียวที่ทำนายประมาณนี้ พระพุทธเจ้าก็ด้วย
    ศาสนาอิสลาม พราหม ฮินดู คริส เหมือนๆกันหมด ครูบาต่างๆด้วย

    ไม่เเน่ว่าจะเกิดจริง.. เเต่ก็อย่าประมาท จริงหรือไม่ ลองอ่านข่าวดูเยอะๆ
    ปลายเดือนมิถุนายนบุคคลสำคัญของแผ่นดินจักเจ็บไข้ได้ป่วย และอาการจะรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง และอาจสูญเสียชีวิต

    ลองๆวิเคราะห์ดูนะครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    มี พระอภิญญา ท่านเคยบอกว่า การเตือนผู้คนนั้นได้บุญมาก แต่ก็อย่าไปบอกใครเค้าเลย เพราะคนส่วนมากเค้าไม่เชื่อหรอก เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเราบ้า มนุษย์ส่วนมากในโลก ใช้ชีวิตแบบโง่เขลาเบาปัญญา คิดว่าตัวเองเก่งซะเต็มประดา คิดว่าตัวเองต้องไม่ตาย ชอบเอาวิทยาศาสตร์มาอ้างโน่นอ้างนี่ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้จบวิทย์หรอกนะ์ แต่ก็ชอบเอาวิทยาศาสตร์มาอ้าง ตัวเองจะได้ดูมีการศึกษาขึ้น แต่หารู้ไม่ว่า ถึงแกล้งทำเป็นเก่งอย่างไร ก็ต้องแพ้ธรรมชาติ และกรรม ลองเทียบขนาดจักวาล กับ ขนาดของมนุษย์ดูสิ เจ้ามันก็แค่ฝุ่นธุลีเท่านั้น ทำเป็นเก่งอวดดีซะงั้น


    พระ อภิญญาท่านว่า คนถึงคราวตายนะ กรรมมันจะดลใจให้ไม่เชื่อบ้าง ให้ประมาทบ้าง จนพาตัวเองไปสู่หายนะจนได้ กรรมเค้ามีวิธีให้ผลเสมอ จะแกล้งทำเป็นเก่งอย่างไร ก็แพ้ธรรมชาติ และกรรม ยังไงๆเสีย ภัยพิบัติครั้งใหญ่ จะต้องเกิดขึ้นก่อนปี พ.ศ. 2560 แน่นอน แต่จะมาวันไหนนั้นพูดยาก เพราะธรรมชาติและกรรม เค้าสลับซับซ้อน ส่วน วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555 นั้น เป็นการคาดการณ์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น อาจจะตรง หรืออาจจะคาดเคลื่อนได้เล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องเกิดขึ้นก่อนปี พ.ศ. 2560 แน่นอน


    วันที่ 22 ันวาคม ค.ศ. 2012 ( พ.ศ. 2555) วันวิปโยก วินาศสันตะโร วันสุดท้ายของมนุษย์ ( ที่ไม่มีศีลธรรม)
    ( น่าเป็นห่วง ยังมีมนุษย์ในโลกนี้กว่า 90 % ที่ ยังไม่รู้เรื่องภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึงเลย พวกเขายังหลงระเริงใน แสง สี ลาภ ยศ สมบัติ โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า ความตายกำลังจะมาหาเขาถึงบ้าน เป็นกรรมของสัตว์จริงๆค่ะ)

    เท่า ที่รวบรวมมาเรื่องภัยพิบัติจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์ทางศาสนา พุทธ คริสต์ อิสลาม หรือข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ต่างๆมากมาย น่าแปลกใจมาก ทำไมการทำนายหลายๆอย่างในโลก มันถึงมาตรงกันที่ปี ค.ศ. 2012 ( พ.ศ. 2555) เป็นส่วนมาก เวลาที่เหลืออีกแค่ 3 ปี อย่างน้อยรู้ล่วงหน้า ยังพอมีเวลาเตรียมตัว คนที่ยังไม่รู้ ยังมีอีกมาก เมื่อรู้แล้ว ควรเร่ง ให้ทาน , รักษาศีล , เจริญภาวนา , กันนะคะ เพราะจะหมดเวลาทำแล้วค่ะ

    เลิกห่วงทรัพย์สมบัติ , ทรัพย์สิน , เงินทอง , รถยนต์ , บ้าน , เครื่องประดับ , ลาภ , ยศ , สรรเสริญ , ตำแหน่ง , หน้าที่การงาน ฯลฯ ได้แล้วค่ะ
    เพราะตายไปก็เอาไปไม่ได้ เอาไปได้แค่ บุญ-บาป เท่านั้นเอง



    4." หลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล" กล่าวไว้ว่า พ.ศ. 2550 ถึง 2555 หางนาคกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างโลก จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรม จะล้มตายมาก ส่วนคนดีมีศีลธรรม จะอยู่รอดปลอดภัยได้

    หลวงปู่สรวงท่านละสังขารเมื่อ วันที่ 8 กันยายน 2542 ( ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีมะโรง )
    สะรีระสังขารของท่านตั้งอยู่ที่ศาลา ออยเตียนสรูล วัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ]



    5. ปู่อินทร์ตาทิพย์ (ท่านผู้เฒ่าฆราวาส ผู้มีอภิญญาตาทิพย์ บารมีแก่กล้า แห่งเขาตำแย อ.ปักธงชัย เมืองโคราช อายุ 107 ปี) เตือนอีก 5 ปี ภัยพิบัติใหญ่มาแน่ๆ (ประมาณ พ.ศ. 2557)

    ท่านได้เตือนว่าในอีก 3 ปี ภัยเศรษฐกิจโลกจะแย่มาก และซ้ำร้ายหนักในอีก 5 ปี ที่ปู่เห็นคือ ภัยพิบัติจากธรรมชาติที่รุนแรงมาก
    โดย ในประเทศไทย ภัยหนักที่ปู่เห็นชัดเจนคือ น้ำท่วมแถบโซนจังหวัดภาคกลางรอบๆกรุงเทพ เป็นบริเวณกว้าง กินพื้นที่ ติดต่อกันหลายจังหวัด หลายวัน หนักมากกว่าทุกครั้งที่ประเทศไทย เคยประสบมา

    อุทกภัยที่เกิดขึ้นจากทั้งน้ำทะเลหนุน , น้ำป่าไหลหลากจากทางภาคเหนือมาสมทบ แม่น้ำเอ่อท่วม ฝนตกติดต่อกันหลายวัน แบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เมื่อไหร่
    แล้ว ระดับน้ำท่วมจะสูงขึ้นมากเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว จนอยู่กันไม่ได้ หนีตายกันอลม่าน รถติดกันเป็นทางยาวทั่วทุกสาย ต้องหนีเพื่อเอาตัวรอดวุ่นวายไปหมด
    ที่ เดือดร้อนมากคือจังหวัดที่ติดชายทะเล , รวมทั้งจังหวัดที่ติดแม่น้ำ สายใหญ่เช่น นนทบุรี , สมุทรปราการ , นครปฐม , ปทุมธานี , อยุทธยา , อ่างทอง และอื่นๆอีกมาก

    ผู้คนส่วนใหญ่จะหนีมาที่ภาคอีสาน เพราะเป็นที่ราบสูงน้ำท่วมไม่ถึง
    ท่าน เตือนว่า ถ้าจะหนีอย่าหนีออกมาที่เส้นมิตรภาพ โคราช-สระบุรี เพราะ ผู้คนส่วนจะหนีมาที่เส้นนี้ ให้เลี่ยงไปทาง นครนายกหรือ สระแก้ว พอเอาตัวรอดได้

    การ เตรียมตัวท่านบอกอย่างน้อย ก่อนถึงยามนั้นให้เตรียมเงิน เตรียมทองสะสมเก็บไว้ใช้ยามยากให้มาก เพราะยามนั้นเงินทองจะหายาก คนเห็นแก่ตัวกันมาก แย่งกันกินแย่งกันใช้ เหมือนยุคเขมรหนีตาย ยุคฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สมัยเผด็จการงัยงั้นเลย


    คัดลอกมาจากบางเวป ครับ

    ซึ่งเราเองรู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหามครับ
     
  19. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385

    ๑. สูตรกถามุข
    สมเด็จพระศรีศากยะมุนีพุทธเจ้า ทรงแสดงปฐมธรรมจักรโปรดพระอัญญาโกณฑัญญะ และทรงแสดงปัจฉิมธรรมเทศนาโปรดพระสุภัทระ พระองค์ทรงพระมหากรุณาคุณต่อเวไนยนิกร ทรงโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลายดังห้วงมหาสมุทรสาคร มากไม่มีประมาณ ขณะที่พระองค์ทรงประทับสีหไสยาอยู่ระหว่างโคนต้นสาละพฤษ์ทั้งคู่ ณ เมืองกุสินารานคร ทรงจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน เวลานั้นแลเป็นกาลราตรีแห่งมัชฌิมยามปริวารมณฑลเงียบสงัดปราศจากสรรพเสียงสำเนียงใด ๆ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่บรรดาสาวกทั้งหลาย พระองค์ทรงตรัสประทานสารธรรมที่สำคัญไว้ดั่งนี้

    ๒. เจริญศีล
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเราตถาคตปรินิพพานล่วงลับไปแล้ว เธอทั้งหลายพึงเคารพบูชาพระธรรมวินัย และประพฤติปฏิบัติตามในพระปาฏิโมกข์สังวร ซึ่งอุปมาดังอยู่ในท่ามกลางแห่งความมืดได้พบแสงสว่าง แหละประดุจดั่งผู้ยากไร้อนาถาได้ค้นพบรัตมณีอันล้ำค่าฉะนั้น พึงมนสิการธรรมและวินัยอันเราผู้ตถาคตได้แสดงแล้ว ได้บัญญัติไว้แล้ว จักเป็นองค์บรมศาสดาแห่งเธอทั้งหลาย เช่นเดียวกับเมื่อเราตถาคตยังดำรงชีพอยู่ผู้สมาทานรักษาวินัยถึงพร้อมด้วยมรรยาท และโคจรอันบริสุทธิ์สมบูรณ์ แล้วนั้นจะต้องงดเว้นจากการเลี้ยงชีพด้วยการค้าขายแลกเปลี่ยน เว้นจากการก่อสร้าง สะสมไร่นาที่ดินเคหะสถาน เว้นจากการรับเลี้ยงคนข้าทาสบริวารตลอดสัตว์เดรัจฉาน เว้นจากการปลูกพืชพันธุ์ธัญญาทุกชนิด และเว้นจากการสะสมทรัพย์สมบัติและสิ่งของพัสดุอันมีค่า มิจฉาอาชีวะเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งควรละให้ห่างไกล เสมือนกับการหลบหลีกจากขุมเพลิง ฉะนั้น และไม่ทำลายตัดโค่นพืชคามและภูตคาม ไม่ประกอบการทำไร่ไดนาบุกเบิกขุดที่ดิน ไม่ประกอบการปรุงเภสัชกรรม ไม่ประกอบการทำนายลักษณะดูโชคเคราะห์ ไม่ทำนายเหตุการณ์หรือทำนายดวงชะตาราศีดีร้าย ไม่ทำการคำนวณดูฤกษ์ดูยาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำ จงสำรวมในการบริโภค ดำรงชีวิตของตนให้บริสุทธิ์ และมักน้อยยินดีในความสันโดษไม่คลุกคลีมั่วสุมประกอบกิจการทางโลก ไม้รับอาสาเจรจาติดต่อ แลงดเว้นจากการเป็นหมอเวทมนต์คาถาอาคมปลุกเสกว่านยาอาถรรพณ์ เว้นจากการค้าสมาคมกับผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ ไม่สนิทสนมชิดชอบกับผู้เย่อหยิ่งจองหอง บรรดาธรรมเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ควรประพฤติปฏิบัติ เธอทั้งหลายพึงตั้งใจให้แน่วแน่ มีสติตั้งมั่นแสวงหาวิโมกข์ธรรมไม่แอบแฝงไว้ด้วยราคีมลทินข้อบกพร่องต่างพร้อมใด ๆ ไม่แสดงอวดอุตตริมนุสธรรมต่อมหาชน เพื่อมุ่งหวังในจตุปัจจัยเครื่องอาศัย (จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ แลยารักษาโรค) จงรู้จักพอประมาณยินดีในสิ่งที่ตนได้รับ ศิลเป็นมูลรากฐานน้อมนำไปสู่วิมุตติ (ความหลุดพ้น) ฉะนั้นจึงเรียกข้อศิลนี้พระปาฏิโมกข์ เพราะเหตุอาศัยศิลนี้และ ฌาณสมาธิจึงบังเกิดตลอดจนเกิดความรู้แจ้งเห็นจริงดับทุกข์ทั้งมวลด้วยปัญญา ด้วยเหตุนี้ และภิกษุทั้งหลายจงเจริญศิลให้บริบูรณ์ มีปรกติเห็นเป็นภัยแม้ในโทษที่เล็กน้อย อย่าให้เกิดความขาดตกบกพร่องดังพร้อย หากบุคคลใดสามารถรักษาศิลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว พึงกำหนดรู้ว่าผู้นั้นและสามารถทรงไว้ซึ่งกุศลธรรม ถ้าปราศจากปาริสุทธิ์ศิลแล้วไซร์ บุญกุศลทั้งหลาย ก็จะหาบังเกิดมาไม่ ฉะนั้นพึงมนสิการไว้ว่า คุณสมบัติแห่งศิลนั้นเป็นอุปการะขั้นเอก ในการดำเนินซึ่งจะทรงบรรดาบุญกุศลไว้อย่างมั่นคงสถาพร

    ๓. ควบคุมจิตใจ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเธอสามารถรักษาวินัยได้โดยพร้อมมูลแล้ว ต่อไปพึงเป็นผู้สำรวมอินทรีย์ทั้งห้า (ตาหูจมูกลิ้นกาย) อย่าประมาทปล่อยใจให้ถูกชักนำไปตามอำนาจแห่งเบญจกามคุณ (รูปเสียงกลิ่นรสสัมผัส) อุปมาเหมือนกับบุรุษเลี้ยงโคถือไม้ปฎักคอยควบคุมดูแลฝูงโค มิปล่อยให้ฝูงโคไปเหยียบย่ำต้นข้าวอ่อนของชาวนา ฉะนั้น ถ้าหากปล่อยอินทรีย์ทั้งห้า โดยปราศจากการเหนี่ยวรั้งอารมณ์ มิเพียงแต่ตกอยู่ในห้วงกามคุณเท่านั้น หากจะตกเป็นทาสแห่งตัณหาและกิเลส อันปราศจากขอบเขต สุดที่จะควบคุมไว้ได้อีกด้วย ประดุจดังอาชาที่พยศมิได้ใช้บังเหียนเหนี่ยวรั้งไว้ ย่อมจะพาผู้ที่นำไปตกสู่เหวลึกหรือเปรียบเสมือนถูกโจรปล้นสดมภ์ ก็เพียงแต่ทุกข์เศร้าโศกเสียใจเพียงชั่วชีวิตหนึ่งเท่านั้น แต่การถูกปล้นสดมภ์ทางอินทรีย์ทั้งห้านี้ จะก่อให้เกิดความทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัสสืบเนื่องต่อกันตลอดหลายภพหลายชาติ เป็นมหาภัยหนักอย่างมหันต์ พึงต้องควบคุม ระวังไว้ให้ดี เพราะฉะนั้นแลบัณฑิตทั้งหลายต้องรู้จักสำรวมควบคุมอินทรีย์ มิให้ปล่อยไปตามอารมณ์แห่งความฟุ้งซ่าน คอยระมัดระวังเหมือนกับป้องกันโจรมิให้หลุดจากที่คุมขังจงควบคุมด้วยความไม่ประมาท ถ้าหากปล่อยไปตามกระแสอารมณ์แห่งความฟุ้งซ่านแล้วไซร้ ในมิช้าก็จะถึงแก่ความหายนะอย่างใหญ่หลวง อินทรีย์ทั้งห้านี่แลมีใจเป็นใหญ่เพราะเหตุฉะนี้ เธอทั้งหลายพึงคอยสำรวมรักษาใจให้ดี หากใจที่ปราศจากการคุ้มครองปล่อยไปตามกระแสอารมณ์ เป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่าอสรพิษสัตว์ร้ายโจรภัยและน่ากลัว ยิ่งกว่ามหาอัคคีภัย ซึ่งอันจะนำมาเปรียบเทียบกับการปล่อยไปตามอารมณ์แห่งความฟุ้งซ่านนั้นมิได้ อุปมัยบุรุษผู้หนึ่งกำลังถือภาชนะน้ำผึ้งเร่งรีบเดินทางอย่างใจร้อน และมัวแต่คอยพะว้าพะวงในการประคองภาชนะน้ำผึ้ง หาได้แลเห็นภัย (เหวลึก) อยู่เบื้องหน้าไม่ หรือประดุจดังคชสารตกมันที่ปราศจากขอช้างอนึ่ง ดังค่างและวานรหลุดพ้นจากที่คุมไปพบต้นไม้ก็ผาดโผนกระโจนห้อยโหน เป็นการยากลำบากที่จะควบคุม ฉะนั้นจงรีบเร่งระวังอย่าประมาท การสูญเสียชีวิตจะดีกว่าที่จะปล่อยใจให้ตกเป็นทาสของกิเลสตัณหา ซึ่งเป็นทาสทำลายจริยากุศลธรรม ถ้าสามารถควบคุมคุ้มครองทวารอินทรีย์ทั้งหลายก็จะเป็นผลนำความสำเร็จในธรรมทั้งมวล ด้วยเหตุนี้แล ภิกษุทั้งหลาย เธอจงหมั่นเพียรพยายามสำรวมรักษาใจให้ดีอย่าได้ถูกกามคุมชักนำไป

    ๔. รู้จักประมาณในโภชนะ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การฉันโภชนะที่ทายกถวายด้วยศรัทธานั้น พึงถือเสมือนฉันเภสัช ปราศจากความยินดียินร้ายในรสอาหารไม่ว่าดีหรือเลว แต่ฉันเพียงเพื่อให้กายนี้ตั้งอยู่ได้เพื่อให้ชีวิตเป็นไป กำจัดเวทนาความหิวกระหายเสีย อุปมาภุมรินตอมบุบผาเพียงแต่ลิ้มรสแห่งบุบผาเท่านั้น โดยไม่ได้ทำลายกลิ่นหอมและรูปของบุบผาภิกษุก็เช่นเดียวกัน รับโภชนาที่ผู้ถวายด้วยศรัทธา ฉันเพื่อขจัดความทุกข์เกิดจากเวทนา และพึงรู้จักประมาณอย่างเป็นผู้มักมาก อันจะเป็นหนทางทำลายและถูกติเตียนจากทายก ผู้มีจิตศรัทธาจงประพฤติอย่างบัณฑิตผู้ฉลาด สามารถรู้จักประมาณกำลังแห่งโค จะทานน้ำหนักได้กี่มากน้อย และมิให้บรรทุกน้ำหนักมากเกินกำลังของโคฉะนั้น

    ๕. ละความง่วงเหงาหาวนอน
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ยามทิวากาลก็ควรปฏิบัติอบรมจิตใจให้ตั้งมั่น ประกอบความเพียรในธรรมเป็นเครื่องตื่น อย่าปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ตอนปฐมยามก็ดี ก็อย่าให้ผ่านพ้นล่วงไปโดยปราศจากการเจริญธรรมครั้นมัชฌิมยามจงสาธยายพระสูตรต่าง ๆ และสำเร็จการนอนอย่างสีหไสยาสน์ (ตะแคงขวาเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะในการลุกขึ้น) จงอย่าเห็นแก่การหลับนอน อันเป็นเหตุให้ชีวิตผ่านพ้นไปโดยไร้ประโยชน์ แลหาแก่นสารอันใดในชีวิตมิได้ พึงพิจารณาเพลิงแห่งความไม่เที่ยง กำลังลุกไหม้เผาผลาญโลกอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นจงบำเพ็ญประโยชน์ของตนให้พ้นจากอาวรณิยธรรม ปราศจากความเห็นแก่การหลับนอน บรรดาโจรคือมารกิเลสทั้งหลาย คอยจ้องท่ารอสังหารมนุษย์ชาติอยู่ตลอดกาลร้ายยิ่งกว่าศัตรูคู่อาฆาตเสียอีกเธอจะหลับโดยไม่ระแวงและหวาดสะดุ้งเสียมิได้ จงเตือนให้ละความสุขในการหลับ เพราะอสรพิษ (มารกิเลส) เหล่านั้นกำลังนอนอยู่ในห้องหัวใจของเธอ หรืออุปมาดังอสรพิษร้ายหลับอยู่ในห้องนอนของเธอ จงใช้การเจริญศิลประกอบด้วยธรรมเป็นเครื่องตื่นเป็นอาวุธรีบเร่งขจัดทำลายอสรพิษร้าย ซึ่งหลับอยู่ให้ออกเสีย แล้วเธอจะหลับได้อย่างเป็นสุข หากเธอหลับโดยไม้ได้ขจัดมารกิเลสให้ออกจากห้วงจิตใจเสียก่อน ก็ได้เชื่อว่าเป็นผู้หาความละอายแก่ใจมิได้ ความรู้สึกละอายใจ เป็นอลังการเครื่องตกแต่งที่เสริฐสุด ในเบื่องต้นแห่งบรรดาจริยาธรรมทั้งหลายผู้มีหิริจิตเปรียบเสมือนขอเหล็ก สามารถระงับมนุษย์มิให้ประพฤติล่วงเกินอกุศลธรรม เพระเหตุฉะนี้แล ภิกษุพึงมีคุณธรรมคือความละอายใจ ต่อบาปประจำจิตอยู่เสมออย่าให้เสื่อมคลาย หากขาดจากคุณธรรมคือความละอาย เสียแล้วไซร้ก็จะสูญสิ้นจากบรรดาบุญกุศลธรรมทั้งปวง ผู้มีความละอายต่อบาป ย่อมมีความแจ่มแจ้งในกองกุศลทั้งหลาย หากผู่ที่ปราศจากความละอายต่อบาป ผู้นั้นมีลักษณะมิแตกต่างกับหมู่สัตว์เดรัจฉานฉะนั้น

    ๖. ละเว้นความผูกพยาบาท
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากมีผู้มาตัดหั่นสรีระของเธอออกเป็นส่วน ๆ ก็พึงสำรวมใจของตน อย่าให้บังเกิดความโกรธแค้นอาฆาต และพึงสำรวมวาจาอย่าได้ กล่าวคำอาฆาตพยาบาท ถ้าปล่อยจิตใจให้เกิดความโกรธแค้นพยาบาท ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญธรรมของเธอ สูญเสียคุณประโยชน์ในกุศล ขันตินั่นแลเป็นคุณธรรมอันประเสริฐสุด การรักษาศิลบำเพ็ญธรรมก็ดี ยังมิอาจสามารถนำมาเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญคุณแห่งขันติธรรมได้ ผู้ทรงคุณขันติธรรมมีนามว่าเป็นมหาบุรุษผู้ทรงพลังมหิทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ บุคคลผู้ที่ไม่สามารถอดทนต่อคำกล่าวร้ายนินทาใด ๆ ถึงแม้ว่ได้ดื่มน้ำอมฤตอันศักดิ์สิทธิแล้วไซร้ก็หาได้เชื่อว่าเป็นผู้บรรลุปัญญาเข้าแก่นแห่งคุณธรรมไม่ ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไฉนฤาเพราะโทษแห่งการผูกพยาบาท เป็นการทำลายรากเหง้าแห่งกุศลธรรมทั้งมวล มีชื่อเสียงกิตกิคุณเลื่องลือปรากฏในทางชั่วเป็นผู้ทำลายมูลฐานความดีงามทั้งภพนี้และภพหน้าหามีบุคคลใด ที่อยากจะคบค้าสมาคมด้วย พึงสำเนียกไว้เถิด ความมีจิตโกรธแค้นผูกพยาบาทร้ายมหันต์ยิ่งกว่าขุมเพลิงที่กำลังลุกโชติช่วง ฉะนั้นพึงระมัดระวังไว้ด้วยสติ อย่าปล่อยให้บังเกิดขึ้นแก่จิตบรรดาโจรที่ปล้นสะดมกุศลธรรมนั้น ไม้มีโจรประเภทใดร้ายกาจยิ่งกว่าความผูกพยาบาทเครียดแค้น คฤหัสถ์ผู้ข้องอยู่ในกาม มิใช่ผู้ออกประพฤติพรหมจรรย์ไม่มีธรรมวินัยควบคุมตนเอง ย่อมมิพ้นจากความโกรธซึ่งสมควรอย่างยิ่งต่อการอภัยแต่ผู้เสียสละเรือนปฏิญาณตนประพฤติพรหมจรรย์ เป็นผู้หากามคุณมิได้ หากจิตยังบังเกิดความผูกโกรธพยาบาท เป็นการมิสมควรอย่างยิ่ง เปรียบเสมือนท่ามกลางนภากาศ อันสดใสปลอดโปร่งเยือกเย็น บัดดลปรากฏบังเกิดอสุนิบาตฟาดเปรี้ยงแล้วเกิดไฟลุกโชติขึ้น ซึ่งไม่เป็นการบังควรเลย

    ๗. ละเว้นความมานะทิฎฐิ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พึงลูบคำศีรษะของตนเอง ซึ่งเราเป็นผู้ละทิ้งเครื่องประดับอันวิจิตรของปุถุชนเสียได้แล้ว มานุ่งห่มจีวรครองผ้ากาสายะย้อมฝาด อุ้มบาตรถือภิกขาจารเลี้ยงชีพ ควรพิจารณาเห็นตนปานฉะนี้แล เมื่อเกิดความคิดในทางมานะทิฎฐิขึ้น พึงรีบขจัดออกจากจิตใจเสียให้สิ้น ความกำเริบเติบใหญ่ของมานะทิฎฐิในตนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรแม้แต่ฆราวาสผู้ครองเรือน นับประสากล่าวอะไรกับผู้สละเรือน ออกบำเพ็ญธรรมรักษาพรหมจรรย์ เพื่อแสวงหาความหลุดพ้น และเป็นผู้ชำระมานะทิฏฐิออกจากตน ยอมจำนนดำรงชีวิตอยู่ด้วยการภิกขาจารเล่า

    ๘. ละเว้นความมายาคดเคี้ยว
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จิตใจที่ชอบประกอบมายาประจบประแจงผู้อื่นนั้น เป็นการขัดต่ออริยธรรมสัจจธรรม ด้วยเหตุฉะนี้แล ควรตั้งจิตใจให้แน่วแน่ซื่อตรงสมาทานศึกษาในสิกขาบททั้งหลาย พึงกำหนดรู้จิตที่เต็มไปด้วยมายาประจบคดเคี้ยว เพียงแต่เป็นมายาเครื่องหลอกลวงเท่านั้น ผู้มีปัญญาตั้งอยู่ในทิฏฐิธรรม ละความยินดียินร้ายในอกุศลธรรมเหล่านั้นด้วยเหตุนี้แล เป็นเหตุผลที่เธอทั้งหลายควรยังจิตใจสงบเสงี่ยมปราศจากอภิชฌาใด ๆ โดยใช้ความซื่อสัตย์เที่ยงตรงของจิตเป็นสมุฏฐาน

    ๙. มักน้อยในตัณหา
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พึงกำหนดรู้ไว้เถิดว่า ผู้ที่มักมากไปด้วย (ตัณหา) เป็นเหตุให้เกิดความทะเยอทะยานไปด้วยการขวนขวายหาผลประโยชน์ ดังนั้นความทุกข์โศกก็ทวีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ส่วนที่มักน้อยในตัณหานั้น ละความทะเยอทะยานในความอยากปราศจากซึ่งกามคุณ จึงเป็นเหตุไม่ต้องประสพกับความทุกข์ลำบากดังกล่าว ฉะนั้นจงกำจัดความยากในตัณหาให้ลดน้อยลงด้วยการฝึกหัดปฏิบัติธรรม เพระเหตุไฉนฤๅ การมักน้อยในตัณหาเป็นเหตุบังเกิดบรรดาบุญกุศลทั้งหลาย เพราะผู้มักน้อยในความยาก ละความประจบประแจงมายา เพื่อให้ผู้อื่นหลงชอบตน มีแต่ความสำรวมในอินทรีย์มิให้ถูกตัณหาชักนำไปและผู้ปฏิบัติเพื่อความมักน้อยสันโดษ จิตย่อมปราศจากกระวนกระวายในความยากหาความทุกข์โศกหวาดหวั่นมิได้ ดำรงชีวิตอยู่ในความสันโดษยินดีในสิ่งที่ตนมีอยู่ และผู้มักน้อยยินดีในความสันโดษนั้น ย่อมบรรลุถึงนิพพาน (ความสุขที่ไม่มีความสุขอื่นยิ่งกว่า) นี่แลเป็นความหมายแห่งนาม "มักน้อยในตัณหา"

    ๑๐. รู้จักพอประมาณ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากต้องการหลุดพ้นจากความทุกข์และปวงกิเลสทั้งหลายพึงเพ่งพิจารณาความรู้จักพอประมาณ ธรรมแห่งความรู้จักพอประมาณ เป็นมูลฐานแห่งความอุดมสมบูรณ์และเป็นรากฐานของความสุข ผู้รู้จักประมาณ ถึงแม้จะหลับอยู่กลางดินก็หลับอย่างเป็นสุข ผู้ไม่รู้จักประมาณในความพอ ถึงแม้จะหลับอยู่กลางดินก็หลับอย่างเป็นสุข ผู้ไม่รู้จักประมาณในความพอ ถึงแม้สถิตอยู่บนทิพย์อาสน์ ก็ยังคงไม่พอแก่ใจนั่นเอง และผู้มิรู้จักพอประมาณ ถึงแม้จะมั่งคั่งก็เสมือนผู้ยากจน ส่วนผู้รู้จักพอประมาณนั้น ถึงแม้จะยากจนก็เสมือนผู้มั่งคั่ง เพราะผู้ที่ไม่รูจักพอประมาณ ย่อมถูกกามคุณทั้งห้าชักนำไป ซึ่งเป็นที่น่าสงสารสังเวชใจแก่ผู้ที่รู้จักความพอประมาณอย่างยิ่ง นี่แลเป็นความหมายแห่งนาม "รู้จักพอประมาณ"

    ๑๑. ห่างไกล
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากปรารถนาที่จะแสวงหาวิเวกความสงบสุขแห่งอสังขตธรรม (ธรรมที่ไม่มีอะไรปรุงแต่ง) จงหลีกเลี่ยงห่างไกลจากการวุ่นวายและความสุขทางโลกพำนักอยู่แต่ผู้เดียวโดยลำพัง ผู้ที่เจริญธรรมทางสงบ ย่อมเป็นที่เคารพสักการบูชาของท้าวสักกเทวราชและหมู่เทพยดาทั้งปวง เพระเหตุฉะนี้แล เธอจงละจากระคนกับหมู่คณะของตนละผู้อื่น แสวงหาและเสพเสนะสนะอันสงัด ดำริพิจารณาธรรม สมุฎฐานแห่งความดับทุกข์ หากยังหลงเพลิดเพลินระคนอยู่ในหมู่คณะ ก็ต้องรับความทุกข์ระทมในหมู่คณะ เช่นเดียวกัน อุปมาดังพฤกษาชาติอันสูงใหญ่ มีเหล่าปักษิณบินมารวมชุมชนกิ่งก้านย่อมจะต้องอับเฉาและหักไปฉะนั้น ผู้ที่ถูกโลกียธรรมครอบงำ ย่อมจะจมอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์นานาประการ เสมือนกับคชสารชรา ตกหล่มจมอยู่ในหล่ม ไม่สามารถที่จะถอนตัวออกจากหล่มได้ฉะนั้น นี่แลเป็นความหมายแห่งนาม "ห่างไกล"

    ๑๒. วิริยะภาพ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความพากเพียรมานะพยายามโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคนั้นย่อมกระทำกิจสำเร็จลุล่วงโดยหาความยากลำบากมิได้ และไม่มีสิ่งใด ๆ เป็นความยากลำบากในการกระทำ ฉะนั้นเธอทั้งหลาย พึงรีบเร่งทำความเพียรประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อความรู้แจ้งแห่งปัญญา อุปมาเหมือนหยดน้ำน้อย ๆ ที่หยดอยู่เสมอ โดยไม่ขาดระยะย่อมสามารถเจาะทะลุศิลาอันกล้าแข็งเป็นทางไปได้ฉะนั้น หากจิตของเธอผู้ประพฤติพรหมจรรย์เต็มไปด้วยความเกียจคร้านไม่ปฏิบัติตามพระวินัยปล่อยปละละเลย ก็เปรียบเสมือนกับบุคคลที่พยายามสีไม้เพื่อให้เกิดไฟ แต่สีไม้ยังไม่ทันร้อนก็เลิกเสียกลางคันฉะนั้น ถึงแม้มีความอยากจะได้ไฟปานใด ไฟนั้นก็ยากที่จะเกิดขึ้นได้ นี่แลเป็นความหมายแห่งนาม "วิริยะภาพ"

    ๑๓. ความไม่ลืมสติ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การแสวงหาความรอบรู้แห่งกองกุศล และการแสวงหาทางพิทักษ์อุปถัมภ์แห่งกุศลนั้น ไม่มีสิ่งใดประเสริฐดีเท่ากับการไม่ลืมสติ หากมีสติสัมปชัญญะควบคุมโดยตลอด บรรดาเหล่ากิเลสมารทั้งหลาย ย่อมไม่สามารถเข้าไปในจิตของเธอได้ ฉะนั้นเธอทั้งหลาย พึงมนสิการสำรวมสติไว้เป็นเนืองนิตย์เถิดถ้าขาดจากการควบคุมสติสัมปชัญญะแล้วไซร้ ก็จักเป็นเหตุขาดจากกุศลธรรมทั้งมวล หากว่ามีพละสติอันแข็งแกร่งมั่นคง ถึงแม้จะย่างเข้าไปอยู่ในท่ามกลางโจรแห่งเบญจกามคุณ กิเลสกามเหล่านั้นก็หาทำอันตรายได้ไม่ซึ่งอุปมาเหมือนกับผู้สวมเกราะป้องกันศัตราเข้าสู่รณณรค์ในสงคราม ย่อมปราศจากความหวาดหวั่นพรั่นพรึงฉะนั้นนี่แลเป็นความหมายแห่งนาม"ความไม่ลืมสติ

    ๑๔. สมาธิ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากผู้ใดสำรวมรักษาจิตให้ตั้งมั่น จิตก็จะดำรงอยู่ในสภาวะของสมาธิ เมื่อจิตดำรงอยู่ในสภาวะของสมาธิ เมื่อจิตดำรงอยู่ในสภาวะสมาธิที่มั่นคงแล้ว ย่อมสามารถรู้แจ้งธรรม ลักษณะแห่งการเกิดและการดับของโลกอันเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ถาวรได้ เพราะเหตุฉะนี้ แลเธอทั้งหลายพึงวิริยะอุตสาหะเพียรเจริญให้บรรดาสมาธิเกิด เมื่อบรรลุถึงภาวะแห่งสมาธิแล้ว จิตก็จะไม่ฟุ้งซ่านไปตามอารมณ์ เปรียบเสมือนครอบครัวที่ ทนุถนอมน้ำ สร้างเขื่อนทำป้องกันรักษาสระน้ำไว้อย่างดี ผู้บำเพ็ญพรตก็เช่นเดียวกัน ปัญญาเปรียบเหมือนน้ำ เขื่อนทำนบอุปมาดังฌานสมาธิที่ตนบำเพ็ญ เพื่อป้องกันมิให้น้ำ (ปัญญา) นั้นรั่วไหลหายสูญไป นี่แลเป็นความหมายแห่งนาม "สมาธิ"

    ๑๕. ปัญญา
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากมีปัญญาญาณรู้แจ้งตามสภาวะความเป็นจริงแล้ว ก็จะไม่ถูกความโลภครอบงำ จงสำรวจตนเองและเจริญธรรมอยู่เป็นนิจ เพื่อป้องกันมิให้สูญเสียซึ่งธรรมนั้นไป นี่แลเป็นธรรมของตถาคตที่ได้ประกาศแล้ว สามารถยังความหลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร หากเธอทั้งหลายไม่ปฏิบัติเช่นนี้ เธอก็มิใช่ผู้บำเพ็ญธรรมและก็ไม่ใช่คฤหัสถ์อีกด้วย ดังนั้นจึงไม่อาจสรรหานามอะไรมาเรียกจึงจะเหมาะสม ปัญญารู้แจ้งอันแท้จริงเป็นมหาประทีบอันรุ่งโรจน์ที่ขจัดความมืดมนคือ อวิชชา เป็นยาอันประเสริฐแก้สรรพโรคาทั้งมวล เป็นขวานอันคมกริบสำหรับโค่นรากเหง้าต้นไม้คือกิเลส เพราะเหตุฉะนี้แลเธอทั้งหลายพึงนำเอาการสดับฟังมาดำริบำเพ็ญอบรมปัญญา อันจะเพิ่มพูนประโยชน์แก่ตนเอง หากผู้ใดมีปัญญารู้แจ้งแทง ตลอดอริยสัจจธรรม ถึงแม้ผูนั้นจะเป็นเพียงมังสะจักขุก็มีปัญญารู้แจ้งตามสภาวะความเป็นจริงของสรรพสัตว์โลกได้ นี่แลเป็นความหมายแห่นาม"ปัญญา"

    ๑๖. ไม่พูดจาหยอกล้อ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การพูดจาหยอกล้อเล่นหัวอันไม่เป็นแก่นสารในเรื่องต่าง ๆ นั้นย่อมทำให้จิตใจเต็มไปด้วยความคิดเศร้าหมองยุ่งเหยิง ถึงแม้ว่าได้สละเรือนออกบรรพชาแล้วก็ตาม ก็ยังหาได้บรรลุถึงความหลุดพ้นไม่ เพราะเหตุฉะนี้แลภิกษุทั้งหลาย พึงรีบเร่งละทิ้งให้ห่างไกลจากความคิดฟุ้งซ่าน และการพูดจาหยอกล้ออันเปล่าประโยชน์ ถ้าเธอปรารถนาที่จะบรรลุความสงบสุขแห่งพระนิพพานแล้วไซร้ จงพึงขจัดความไม่ดีแห่งการกล่าววาจาหยอกล้อเล่นหัวไม่เป็นแก่นสารเสีย นี่แลเป็นความหมายแห่งนาม "ไม่พูดจาหยอกล้อ"

    ๑๗. ข้อความเพียรของคนให้ถึงพร้อม
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! การประกอบบรรดาบุญกุศลทั้งหลาย จะต้องตั้งใจเป็นหนึ่งเป็นมูลฐาน และละเสียจากความเลินเล่อประมาททั้งมวล อุปมาเหมือนกับหลีกหนีห่างไกลจากโจรอำมหิตฉะนั้น อันพระตถาคตเจ้าทั้งหลายผู้ทรงพระกรุณาธิคุณได้ตรัสสอนเพื่อเกื้อกูลคุณานุประโยชน์ แก่บรรดาสรรพสัตว์ล้วนถึงที่สุดแห่งแก่นแล้ว เธอทั้งหลายพึงหมั่นมานะพากเพียรปฏิบัติและรักษาอนุศาสน์นี้ ไม่ว่าจะอยู่ตามภูเขาก็ดี อยู่ตามห้วยลำธารก็ดี อยู่ตามโคนต้นไม้ทั้งหลายก็ดี อยู่ตามเรือนสถานที่ว่างเปล่าก็ดี จงพิจารณาธรรมคำสั่งสอนที่ได้รับไว้อย่าให้หลงลืมและปล่อยเวลาล่วงไปโดยไร้ประโยชน์ พึงตั้งสติยังจิตให้แน่วแน่เพียรประพฤติธรรมเป็นเนืองนิจ อย่าให้ชีวิตต้องสิ้นไปโดยเปล่า ประโยชน์อันจะเป็นผลแห่งการเสียใจในภายหลัง ตถาคตเสมือนกับนายแพทย์ผู้สามารถรู้จักสมุฏฐานของโรคและรู้จักใช้ยาที่ถูกกับโรค แต่คนไข้จะยอมรับประทานยาหรือไม่นั้น มิใช่ความผิดของนายแพทย์ หรือเปรียบเสมือนผู้แนะนำในทางที่ดีให้ ซึ่งได้ชี้หนทางที่ดีที่สุด หากผู้ได้ดับฟังไม่ประพฤติปฏิบัติเดินตามทางที่แนะนำนั้น ก็หาใช่เป็นความผิดของผู้แนะนำหนทางไม่

    ๑๘. ตัดสินข้อกังขา
    ภิกษุทั้งหลาย ถ้าหากยังมีความสงสัยเคลือบแคลงในอริยสัจสี่ อันมีทุกข์สัจเป็นต้น ท่านทั้งหลายจงสอบถามเสียเถิด อย่าปล่อยความสงสัยดังกล่าวไว้โดยไม่แก้ไขให้กระจ่าง อันเป็นเหตุให้เดือนร้อนภายหลัง สมัยนั้นแล สมเด็จพระบรมศาสดาทรงปวารณาถึง ๓ วาระ แต่กระนั้นก็ไม่มีภิกษุรูปใดทูลถาม ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไฉนฤๅ! เพราะเหตุท่ามกลางพุทธบริษัทปราศจากความเคลือบแคลงในธรรมวินัยสมัยนั้นพระอนุรุทธเถระเจ้า ได้เพ่งพิจารณาเห็นจิตใจบรรดาเหล่าบริษัทปราศจากความกังขาในพระรัตนตรัย จึงกราบทูลพระองค์ด้วยความเคารพว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค" แม้จันทราจะกลับกลายเป็นร้อน ดวงสุริยาจะกลับกลายเป็นเย็น แต่อริยสัจที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้นั้นมิอาจที่จะทำให้เปลี่ยนแปลงกลับกลายได้ อริยสัจสี่ที่พระพุทะองค์ทรงตรัสเกี่ยวกับทุกข์สัจ ย่อมเป็นความทุกข์อย่างแท้จริง มิอาจกลับกลายให้เป็นสุขได้ สมุทัยเป็นเหตุนอกเหนือจากสมุทัยสัจจ์ แล้วก็ไม่มีธรรมอื่นใดเป็นเหตุ หากทุกข์จะดับก็เพราะสมุทัยดับ (เหตุดับ) เนื่องด้วยสมุทัยดับ ผลก็ย่อมดับลง อริยมรรคอันเป็นหนทางนำไปสู่ความดับทุกข์ย่อมเป็นมรรควิถีอย่างประเสริฐ แท้จริง นอกจากอริยมรรคแล้วก็ไม่มีมรรคอื่นใดยิ่งกว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ" ภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้ล้วนหมดความเคลือบแคลงสงสัยในพระอริยสัจธรรมแล้วพระเจ้าข้า

    ๑๙. สัตว์โลกได้รับการโปรด
    ณ ท่ามกลางพุทธบริษัท ผู้ยังไม่จบกิจการศึกษาเป็นพระเสขะบุคคลอยู่ เมื่อรู้ว่าพระพุทธองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ย่อมต้องมีความทุกข์โทมมนัสโศกาดูร หากมีผู้เริ่มเข้ามาศึกษาพระธรรมแต่แรก และได้สดับพระพุทธดำรัสแล้ว ย่อมได้รับการโปรดจากพระพุทธองค์ อุปมาดั่งยามราตรี ประกายแห่งแสงฟ้าทำให้สว่างไสวเห็นมรรคาสถานต่าง ๆ และผู้ที่จบการศึกษาเป็นพระอเสขะบุคคล (พระอรหันต์) ข้ามพ้นแล้วซึ่งทะเลแห่งความทุกข์ ย่อมมีความดำริแก่ตนเองว่า สมเด็จพระบรมโลกนาถเจ้าทรงเสด็จเข้สู่พระปรินิพพาน ถึงแม้พระอนุรุทเถระเจ้าได้กราบทูลแล้ว เช่นนี้ และในท่ามกลางพุทธบริษัทต่างเข้าใจอรรถแห่งอริยสัจสี่อย่างแจ่มแจ้งแล้วทั้งนั้น สมเด็จพระบรมศาสดายังปรารถนาที่จะได้เหล่าพุทธบริษัทได้รับความมั่งคงในธรรมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วยพระหฤทัยอันเปี่ยมล้นไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ พระองค์ทรงตรัสเพื่อเกื้อกูล เพื่อประโยชน์แก่เหล่าบริษัทว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! "อย่าทุกข์คร่ำครวญโศกาดูรเลย แม้ตถาคตดำรงอยู่ในโลกนี้อีกสักกัลป์หนึ่งก็ดี การอยู่ร่วมกันระหว่างคถคคตและเธอทั้งหลายก็ย่อมมีการสิ้นสลายดับไปเป็นธรรมดา การอยู่ร่วมกันโดยปราศจากพลัดพรากจากกันนั้น ย่อมเป็นไปมิได้ ฉะนั้น จงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นให้ถึงพร้อม พระสัจจ์ธรรมก็ได้แสดงไว้สมบูรณ์แล้ว แม้ตถาคตดำรงพระชนม์ชีพต่อไปก็หาประโยชน์อันใดมิได้ ผู้ที่ได้รับการโปรดจากเราตถาคตนั้น จะเป็นปวงเทพยดามนุษย์ทั้งหลายก็ดี ย่อมได้รับการโปรดตามอุปนิสัย ตามปัจจัยและบารมีเป็นลำดับไป

    ๒๐. พระธรรมกายดำรงอยู่เสมอ
    นับต่อแต่นี้ไป เธอทั้งหลาย จงจาริกเผยแผ่พระสัจธรรมให้แพร่หลายไพศาล ทั้งนี้เป็นการไว้ซึ่งพระธรรมกายแห่งตถาคต ให้ดำรงอยู่ชั่วนิรันดรโดยมิให้ดับสูญไปฉะนั้นเธอทั้งหลาย พึงกำหนดให้รู้ว่าไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะจีรังยั่งยืนถาวร ล้วนแล้วแต่เป็นอนิจจังไม่เที่ยง มีการร่วมกันย่อมมีการพลัดพรากจากกัน จงอย่ามีความเศร้าโศกใด ๆ (ในการจากไปของตถาคต) สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นธรรมลักษณะของโลกไม่มีผู้ใดหลีกพ้นได้ เธอทั้งหลายพึงวิริยะพากเพียรบากบั่น เพื่อแสวงหาวิมุตติสุข (ความหลุดพ้น) ไว้แต่เนิ่นๆ จงใช้ความรู้แจ้งแห่งปัญญา ทำลายความมืดคือวิชชาทั้งหมดให้สิ้นไป อันที่จริงโลกนี้ประกอบด้วยภัยน่าสะพรึงกลัว มีแต่ความเสื่อมสลายหาสิ่งใดเป็นแก่นสารมิได้ การที่ตถาคตดับขันธปรินิพพานนี้ เปรียบเสมือนพ้นจากโรคาพาธอันร้ายกาจน่ากลัว ซึ่งตถาคตได้ทำลายขจัดเสียสิ้นเชิงแล้ว
    สิ่งที่เป็นอกุศลชั่วร้ายทั้งหลาย (หมายถึงกาย) สักแต่มีนามว่ากายเป็นสิ่งที่ต้องจมอยู่ในห้วงมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่แห่ง ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ไม่มีนรชนใดที่จะไม่ยินดี ในโอกาสที่จะขจัดธรรมเหล่านี้ให้สิ้นไป เปรียบเหมือนได้ประหารโจรใจอำมหิตฉะนั้น

    ๒๑. สรุปความ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! พึงตั้งใจดำรงความเป็นเอกะแห่งจิต เพียรแสวงหาวิโมกขธรรม (ความพ้นจากวัฏฏสงสาร) สังขารธรรมทั้งหลายในโลก ไม่ว่าไม่ว่าจะเป็นสังขตธรรมหรืออสังขตธรรมก็ดี (ธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งและธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง) ล้วนแต่มีความเสื่อมสูญ หาความเที่ยงแท้แห่งลักษณะมิได้ เธอทั้งหลายนี้เกือบจะถึงกาลเวลาที่สิ้นสุดแห่งเราแล้ว เธอจะไม่ได้ฟังคำพร่ำสอนจากตถาคตอีกต่อไป วาระสุดท้ายแห่งกาลเวลาถึงแล้วตถาจะดับขันธปรินิพพาน ธรรมเหล่านี้แลเป็นปัจฉิมโอวาทของตถาคต
    จนในที่สุดทรงตรัสพระปัจฉิมโอวาทเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่า

    ...หนฺททานิ ภิกฺขเว อามนฺตยามิ โว วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ...

    แปลว่า : ภิกษุทั้งหลาย! บัดนี้ เราจักเตือนพวกเธอทั้งหลายว่า "สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา. พวกเธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตนและท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด"

    จากนั้น พระองค์ทรงนิ่งเงียบ เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน อากาสานัญจายตนฌาน วิญญาณัญจายตนฌาน อากิญจัญญายตนฌาน เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วย้อนลงมาตามลำดับ ถึงปฐมฌาน แล้วย้อนขึ้นอีกโดยลำดับจนถึงจตุตถฌาน เมื่อออกจากจตุตถฌานนั้นจึง "เสด็จดับขันธปรินิพพาน"
    พระพุทธองค์ทรงตรัสถึงความดับสมุทัยอันเป็นเหตุแห่งความดับทุกข์ (เสด็จดับขันธปรินิพพาน) ไว้เมื่อคราวทรงพระชนม์อยู่ว่า
    ...ต้นไม้ เมื่อโคนต้นยังอยู่ ไม่มีอุปัทวะ แม้ถูกตัด (ส่วนบน) แล้วก็งอกได้อีกอยู่นั่น ฉันใดก็ดี แม้ทุกข์นี้ก็ฉันนั้น เมื่อตัณหานุสัยยังมิได้ถูกถอนทิ้งแล้ว ก็ได้เกิดร่ำไป...
    กล่าวคือ พระพุทธองค์ทรงเสด็จดับขันธปรินิพพานเพราะความดับไปแห่งสมุทัย คือ ได้ทรงถอนเสียสิ้นซึ่งต้นและราก กิเลสตัณหาอันเป็นสาเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวงนี้แล้วเมื่อในวันตรัสรู้ การเสด็จดับขันธปรินิพพานนี้จึงเป็นการตายครั้งสุดท้ายของพระพุทธองค์ โดย "สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ" (สิ้นตัณหาเมื่อคราวตรัสรู้ และสิ้นขันธ์ห้า เมื่อคราวปรินิพพาน)
    เมื่อนั้นได้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ โลมชาติลุกขึ้นชูชัน กลองทิพย์บรรลือลั่นไปในอากาศ ไว้อาลัยแด่การจากไปของพระพุทธองค์ ผู้ทรงเป็นบรมครูของโลก กายของพระองค์สิ้นเชื้อคือตัณหาที่จะนำไปเกิดในภพใหม่ ครั้นกายแตกดับแล้ว ถึงความเป็นของว่าง ไม่มีอะไรเหลือสำหรับส่วนผสมของกายในภพต่อไป พระพุทธองค์ทรงจากไป ณ ยามสุดท้ายแห่งราตรี วันอังคารขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ก่อนพุทธศก (ตามการนับของไทย) 1 ปี
    จุดประสงค์ของการกว่าวปัจฉิมโอวาท คือ ให้สาวกปฏิบัติธรรมต่อไป อย่าลืมหลักธรรมที่พระพุทธองค์สอนเพื่อการนิพพาน คือ การละอุปทานขันธ์ ๕ โดยพิจารณาอยู่เสมอว่า สังขารไม่เที่ยงเกิดดับ
     
  20. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    พิมพ์ธรรมดาก็เริ่มกันที่ 10 ล้านแล้ว

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...