สโมสรนักบุญภูเหล่าเงินฮาง ร่วมสร้างสรรกับ คณะเบิกบาน บันเทิงบุญ(อดีตรำลึกของบุญกุศล)

<TABLE class=tborder id=post323861 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>Narong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_323861", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 19-09-2006 09:43 PM
วันที่สมัคร: Jan 2006
ข้อความ: 340 <!-- Start Post Thank You Hack -->
Thanks: 3,493
Thanked 3,654 Times in 331 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 408


</TD><TD class=alt1 id=td_post_323861><!-- message -->อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พรหมประกาศิต
อ๋อ...แน่นอนอยู่แล้วครับ แต่ไม่ทราบว่าคุณณรงค์จะยอมแบ่งบุญให้หรือเปล่า
เพราะองค์พระปิดทองเสร็จเรียบร้อยแล้ว และคุณณรงค์ก็บอกอีกว่าจะโอนเงินให้ช่างภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้ แล้วผมจะโอนให้ใครล่ะครับ ???
รบกวนคุณณรงค์ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยครับ !!!!
</TD></TR></TBODY></TABLE>

เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะครับ จากใจจริงของผมตั้งแต่แรกเริ่มงานบุญนี้ ผมคิดอยู่เสมอว่า กิจอันใดที่เป็นบุญเป็นกุศลผมอยากให้ผู้อื่นได้ร่วมทำ ร่วมสร้าง ร่วมรับบุญด้วยเสมอครับ ด้วยเหตุนี้บุญนี้เป็นกรณีพิเศษปิดทององค์ปฐม ขอยืดเวลาไปถึงสิ้นเดือนครับ เพื่อการทำบุญที่เป็นรูปธรรมกันจริงๆ สำหรับท่านที่มีจิตศรัทธาอยากร่วมบุญตรงนี้ แต่ความพร้อมมีต่างวาระกัน ก็ให้เวลากันไปครับ

ก็ให้โอนเข้าบัญชีทางคุณสัณฐ์เหมือนเดิมครับ จนกว่าจะสิ้นสุดเวลากันจริงๆ

บัญชีคุณสัณฐ์ (ผู้รับปิดทององค์พระ)
น.ส.ยสุตมา เสนาอินทร์
330-0-36325-0 สาขาอุทัยธานี
ธนาคารกรุงเทพ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

เห็นด้วยครับคุณณรงค์ ผมเชื่อว่า ผู้ที่ต้องการทำบุญปิดทององค์พระ
ยังมีอีกหลายท่าน นับเป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้ร่วมกุศลครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ
โมทนาสาธุ

 

กลับมาสู่งานบุญของพวกเรากันต่อครับ มาสร้างเสบียงเดินทางกันต่อ โลกนี้ไม่เที่ยงแท้ไม่มีอะไรแน่นอน ที่สำคัญลมหายใจครับ ไม่ควรประมาท เก็บบุญเก็บกุศลไว้ดีกว่าครับ โลกธรรมแปดประการอย่าได้ไปยึดถือเลย มันมีได้ก็เสื่อมได้ เป็นธรรมดา เรามาว่าของเรากันต่อ

(เย็นมาต่อใหม่)

 

<CENTER></CENTER>

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed,Tahoma]<CENTER>คนแกนกลวง
โดยพระธรรมกิตติวงศ์ </CENTER>

หากใจอยู่ในสภาพที่กลวง ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไร ผ่านมาก็ผ่านไป ไม่ยินดียินร้ายมากนัก รู้เท่าทันว่าสิ่งต่าง ๆเหล่านั้นผ่านมาเพียงให้สัมผัสเท่านั้น ไม่ช้าก็ผ่านเลยไปผ่านแล้วก็ผ่านเลย

<DD>ใจที่มีลักษณะเช่นนี้ ก็เหมือนกับท่อระบายน้ำที่กลวง ไม่มีอะไรมาอุดตัน น้ำเน่าเสียและขยะมูลฝอยต่าง ๆ ก็จะไหลผ่านเลยไปได้โดยง่าย

<DD><DD>ใจที่คิดได้และรู้สึกอย่างนี้แหละ ที่ปริศนาธรรมเรียกว่า “แกนกลวง” ซึ่งก็คือใจที่ไม่มีอุปาทานนั่นเอง</DD>[/FONT]

 

กราบโมทนาบุญกุศลกับคุณ edtaro เป็นอย่างยิ่งครับ เป็นบุญกรณีพิเศษได้กับผู้ทำ กาย วา ใจ จะมีแต่ปราณีตบรรจง จะทำอะไรก็จะได้แต่สิ่งดีๆเป็นพิเศษ จนกว่าจะเข้าพระนิพานเป็นที่สุด

ประมาณต้นเดือนผมจะสรุปยอดเงินที่ทุกท่านร่วมทำบุญเข้ามา และของผมกับคุณพัชนี ที่ยังไม่ได้ลงไว้เป็นทางการ เนื่องจากยังมีรายการจ่ายยังไม่หมด ที่ยั่งกำลังทำอยู่ก็มี

ก็เหลืออีกไม่ถึงเดือนสำหรับกฐินวัดภูเหล่าเงินฮาง ทุกท่านที่ร่วมบุญมาแล้วนี้ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหน ถือได้ว่าทุกท่านเป็นเจ้าภาพงานกฐินนี้ทุกคนเพราะเป็นการทอดกฐินสามัคคี จะไปร่วมหรือไม่ก็ตาม

ทุกอย่างสำเร็จที่ใจ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นหัวหน้า ใจเป็นประธาน สำเร็จที่ใจ สมปราถนา ได้ทันใจ กันทุกคน จดจำองค์ปฐมเป็นพุทธานุสติกันไว้นะครับ และอย่าลืมว่าเราอยู่ในพระพุทธศาสนาขององค์ปัจจุบันด้วยนะให้ควบคู่กันไว้ตลอด จะปลอดภัยจากสิ่งที่ไม่พึงปราถนาทั้งหลาย ที่จะเกิดข้างหน้า

พระรัตนะตรัย เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันประเสริฐสูงสุดของสัตว์โลกทั้งหลาย ไม่มีที่พึ่งอื่นใดยิ่งกว่า ในสามแดนโลกธาตุ เพราะฉนั้นบุญที่เราทำกันนี้ครบสูตรของความสมบูรณ์บริบูรณ์ สำเร็จสมปราถนา ได้ทันใจ กับทุกท่านครับ

 

ได้เห็นองค์พระเหลืองอร่ามสวยงามมาก ก็อดปลื้มใจแทนคุณณรงค์ไม่ได้ ที่องค์พระเสร็จทันก่อนงานกฐิน ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานบุญนี้ แม้ว่าจะเป็นจำนวนที่ไม่มากก็ตาม และปลื้มใจแทนผู้ที่ได้กราบไหว้บูชาพระองค์นี้ เพราะสวยงามมากจริงๆครับ

 

ตำแหน่ง วัดภูเหล่าเงินฮาง.....จากโปรแกรม Google Earth

ตำแหน่งวัดตรงจุดเขียว . ที่ผมทำไว้ในแผ่นที่....

ไม่มีอะไรมากว่าง ๆ ก็เลยเข้าไปสำรวจดูครับ.

 

โมทนาสาธุครับ


.

 

ท่านใดที่ร่วมบุญปิดทองสมเด็จองค์ปฐม สามารถแจ้งรับพระพิมพ์ได้นะครับ ตามจำนวนเงินที่แจ้งไว้ในลายเซ็นของคุณkhomeraya นะครับ

โมทนาสาธุครับ

.

 

พระพิมพ์ที่หลวงปู่เทพโลกอุดรท่านเสก ให้บูชาด้วยครับ

พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณีคะแนนร้อย แบบขอบชิดซุ้ม (สีดำ) 18 องค์ๆละ 2,200 บาท (เฉพาะพระพิมพ์นี้ คุณนักเดินทางจะเป็นผู้จัดส่ง โดยแจ้งความประสงค์ผ่านทางกระทู้ได้)


พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา 8 องค์ๆละ 2,000 บาท


พระพิมพ์พุทธประวัติ 2 องค์ๆละ 1,000 บาท
ขนาดกว้าง 3.4 ซม. * ยาว 5.8 ซม.


พระพิมพ์ไกเซอร์เล็ก 5 องค์ๆละ 500 บาท


พระพิมพ์หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ หลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน วัดตาล นนทบุรี อัญเชิญหลวงปู่ทวดมาเสก จำนวน 1 องค์ ๆละ 500 บาท


มีแจกพระบรมสารีริกธาตุให้กับผู้ทำบุญกับวัดภูเหล่าเงินฮางทุกท่าน ท่านละ 15 องค์



ขออนุโมทนาบุญทุกท่านด้วยครับ


.<!-- / message --><!-- sig -->

 

ผมเองได้ Fwd Mail จากเพื่อน และเขาให้ช่วยบอกต่อๆกันไปครับ

 

งั้นขอรับพระพิมพ์ไกเซอร์เล็กและหลวงปู่ทวด หลวงพ่อสิริละกันนะครับ เพราะพระพิมพ์ไกเซอร์เล็กที่พี่Khomeraya ส่งให้พี่อนุชาเพื่อส่งต่อมาให้ผมนั้นสงสัยพี่อนุชาลืมใส่ลงกล่องครับ เพราะส่งมาให้หลายอย่างผมเลยยังไม่ได้รับพระพิมพ์ไกเซอร์เลยครับ ขอบคุณล่วงหน้านะครับ

 

วันก่อนที่เข้าเว็ปพลังจิตไม่ได้

พี่พรหมประกาสิตได้โทรมาแจ้งว่า ต้องการร่วมเดินทางไปในงานกฐินวัดภูเหล่าเงินฮางด้วยทั้งหมด 3 ท่าน ขออนุโมทนาในบุญกุศลของพี่พรหมประกาสิตและครอบครัวด้วยค่ะ

และได้แจ้งข่าวงานบุญที่วัดภูเหล่าเงินฮางให้พี่ฝนซึ่งเป็นลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุง พี่ฝนก็ตอบรับทันทีว่าประสงค์จะร่วมเดินทางไปด้วย

ดังนั้น ขณะนี้มีผู้ร่วมเดินทางจำนวน 6 ท่านคือ

1.คุณนักเดินทาง 1 ที่นั่ง
2.โย 1 ที่นั่ง
3.พี่ฝน 1 ที่นั่ง
4.พี่พรหมประกาสิตและครอบครัว 3 ที่นั่ง

จึงเหลือที่นั่งอีก 3 ที่ ค่ะ

หากเพื่อนๆ พี่ๆ ท่านใดไม่ติดธุระงานบุญที่ไหน และประสงค์จะร่วมเดินทางไปเพื่องานถวายพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม 4 ศอก ปิดทอง เสนาสนะ กุฎิสงฆ์ และหนังสือพระไตรปิฎกพร้อมดัวยตู้พระธรรม เป็นกองกฐิน ก็สามารถจองที่นั่งไว้ก่อนได้ค่ะ

จึงแจ้งมาให้ทุกท่านได้ทราบกันค่ะ

 

ยินดีด้วยน้องโยเดี๋ยวพี่มีเรื่องคุยด้วย

เมื่อไม่นานมานี้ผมได้อ่านข้อความของคนๆนึงได้เขียนไว้ เกี่ยวกับเรื่องการทำบุญแบบบูชาวัตถุมงคล เป็นการทำบุญแบบหวังผลตอบแทน ว่าค่อนข้างรุนแรง ผมอ่านแล้วก็สลดกับความคิดของเขานะครับ

ผมเองมีความคิดว่า(เป็นความคิดส่วนตัวของผมจะเชื่อหรือไม่ไม่เป็นไรครับ) การทำบุญ แบบบูชาพระนี้แม้แต่พระอริยะสงฆ์หลายองค์ก็ทำกันครับ

ก่อนที่เราจะทำบุญเราก็ต้องเห็นจุดประสงค์ของบุญที่เราจะทำก่อน เกิดศรัทธาเป็นอันดับแรก และคิดแล้วว่าเงินเราเข้าทำบุญให้ทานเป็นทานบารมีสิ่งที่เราได้รับทันทีคืออานิสงส์ของบุผผยกุศลที่เราทำ

ประการต่อมามีผู้มีจิตศรัทธา ไม่ว่าจะเป็นทางวัด หรือ ผู้ที่ต้องการ่วมทำบุญยินดีกับผู้ที่มาทำบุญด้วยการมอบพระวัตถุมงคลให้กับผู้ทำบุญ เพื่อเป็นการโมทนา เป็นการเพิ่มบุญขึ้นไปอีก (อ่านแล้วอาจงงนะ) ทั้งผู้ให้ทั้งผู้รับ ดังคณะของคุณ sithipong ทำอยู่นี้

ดังที่ผมจะเขียนไว้แล้วที่กระทู้วัตถุมงคล พระโคตรเศษฐี ของคุณ พัฒนา ขอยกมากล่าวต่อ

ส่วนท่านที่ที่ยังมีความคิดที่ว่าเป็นการทำบุญเพื่อหวังสิ่งตอบแทน ผมว่าเป็นการมองมุมแคบเกินไปอะไรที่เป็นความสุขทางกาย วาจา ใจ เป็นบุญ อะไรที่ทำให้เกิดความเร่าร้อน ทาง กายวาจา ใจ เป็นบาปอกุศล เมื่อเราทำบุญไปแล้ว ทำทานไปแล้ว เรามีความสุขใจ สบายใจเป็นบุญแรกเริ่มที่เราได้รับทันที เมื่อเราได้รับวัตถุมงคลแล้วเราเกิดความสุขใจเป็นบุญที่สอง เมื่อเราเอามาแล้วมากราบไหว้บูชาเกิดความสุขใจ เป็นบุญรอบสามจะเห็นได้ว่า บุญเกิดกับเราต่อเนื่องตลอดเวลา

ถ้าจะมองว่าหวังสิ่งตอบแทน ก็เป็นการใช่ใช่ที่ว่าเราได้บุญตอบแทนไม่จบสิ้น นึกถึงเมื่อไรกราบไหว้เมื่อไรเราได้สิ่งตอบแทนเกิดขึ้นทุกครั้ง คือเกิดบุญกับเรานั่นเองการตอบแทนอย่างนี้ดีใหมครับทุกท่าน

 

เมื่อวานนี้ได้โอนเงินสำหรับร่วมปิดทององค์พระ สมเด็จองค์ปฐม แล้วครับ
ดังรายการตามนี้
23/09/06 18:22 A458B277
BBL BE 1ST CARD
LAEAMTHONG-RAYONG
RECORD NO. 7463
TRANSFER 2,200.00
FR 4081347
TO 3300363250
รบกวนคุณนักเดินทางหรือคุณโคมระย้า ช่วยจัดส่งพระคะแนนร้อยให้ด้วยครับ
ตามที่อยู่เดิม ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

 

รบกวนน้องโยช่วยโพส บัญชีที่จะให้โอนเงินด้วยครับ เพราะกลับไปค้นหาที่โพสเอาไว้ก่อนๆหน้านี้หาไม่เจอ ไม่ทราบว่าได้โพสไว้แล้วหรือยัง อาจจะเพิ่ม
เป็น 4 ที่ (ถ้าไม่มีท่านอื่นไป) คือคุณหลานของแฟนอยากไปเที่ยวด้วยง่ะ..
(b-oneeye)

 

ข้อความ ของคุณ komeraya ผมขอลองทบทวนความจำที่ผมได้ฟังมาจากหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน คงได้เพียงคร่าวๆ อาจจะไม่พิศดารเท่าที่ควรครับ

คำว่า ละ นี่มาจาก คำว่า เสียสละ ก่อน แล้ว ก็เหลือ คำว่า สละ แล้วก็เหลือ คำว่า ละ เพียงตัวเดียว

เสียสละ หลวงพ่อบอกว่า ยังมีความยึดติดอยู่มากในความรู้สึก ยังรัก ยังหวงแหนเสียดาย มีมาก แต่ก็เสียสละไปได้

สละ ลดความรู้สึกที่ว่า ยังรัก ยังหวงแหนเสียดายไปมากเกือบหมด แต่ก็ให้ไปได้ง่าย กว่าข้อแรก

ละ คำนี้ ความรู้สึกสองข้อแรกหมดไป ไม่ติดไม่ยึด อะไรทั้งหมด ผู้ที่จะทำได้ก็คงจะเป็นผู้ที่เข้าถึงสัจจะธรรมแล้วเท่านั้น

ดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านตรัสกับหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน ว่า คำว่าละตัวเดียวก็สามารถเข้าพระนิพานได้ หลวงพ่อก็ยืนยันว่าได้

เพราะฉนั้น ละ ตัวนี้ ผมถึงได้กล่าวว่าจะทำได้ก็คงเป็นผู้เข้าถึงพระอริยะเจ้าชั้นสูงแล้วเท่านั้น

ละ ต้อง ละ ได้ทั้งหมดนะ รัก โลภ โกรธ หลง ทุกอย่างในสามแดนโลกธาตุนี้ไม่ต้องการอะไรอีก ถึงชื่อว่า ละ ได้หมด ไปพระนิพานอย่างเดียว

คำว่า พอแล้ว คำนี้ อธิบายยาก ไม่เคยฟังรายระเอียดจากที่ไหน ได้ยินแต่หลวงตามหาบัวท่านพูดอยู่บ่อยๆ ว่าท่านพอแล้วเห็นโลกมามากพอแล้ว จนไม่ยินดียินร้ายกับโลกอีกต่อไป และท่านบอกว่าไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว

จะเห็นได้ว่าความหมายคล้าย กับ ละ นะครับ คือไม่ต้องการอะไรอีกก็เท่ากับ ละ ได้ไม่ยึดติดอะไรๆทั้งหมด ก็พอแล้วนั่นเอง นี้ก็มุ่งพระนิพานอย่างเดียวเท่านั้น

ท่านอย่าได้เชื่อผมนะครับพิจารณาด้วยตัวเอง เอาเหตุเอาผลมาศึกษา และข้อความที่ผมเขียนนี้ ท่านที่มีความรู้ได้ชัดเจนมากกว่าผมช่วยลงแนะนำด้วยครับ ผมจะขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงเลยครับ

 

พี่พรหมประกาศิตคะ

หากจะมีเพิ่มอีก 1 ท่าน ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ

และขอแจ้งบัญชีธนาคารเพื่อการโอนเงินค่ารถสำหรับเดินทาง โดยใช้บัญชีของงานเผยแผ่ธรรมะค่ะ

ชื่อบัญชี คุณเพ็ญนภา จันทรอำพร เพื่องานเผยแผ่พระพุทธศาสนา<O</O
บัญชี ออมทรัพย์<O</O
ธนาคาร กสิกรไทย<O</O
สาขา จรัญสนิทวงศ์ 11<O</O
เลขที่บัญชี 085-2-48619-8
โทรศัพท์ 01-5540137

ขอกราบโมทนาในการร่วมเดินทางไปในงานมหากุศลในครั้งนี้ด้วยค่ะ

 

กราบโมทนาด้วยครับคุณพรหมประกาศิต คิดทำการสิ่งใดขอให้ได้รับแต่สิ่งดีๆมีความปราณีตบรรจง สำเร็จสมประสงค์ สมปราถนาได้ทันใจ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเข้าถึงซึ่งพระนิพานด้วยเทอญ

 

คุณ Komeraya ครับ พระหลวงปู่ทวดเหลือองค์สุดท้ายนี่ขอเถอะนะ ไม่มีติดบ้านสักองค์ เอาไว้เป็นบุญวาสนาสักองค์ก็คงจะดีแน่ พระโพธิสัตว์บารมีสูงอย่างนี้ เอาไว้บูชาสักองค์ก็แล้วกัน

คุณพรหมประกาศิตไม่ต้องมาประมูลสู้กับผมอีกนะครับ องค์สุดท้ายแล้ว อิอิ

 

อานิสงส์จะเกิดผลต่อเมื่อได้ลงมือปฏิบัติเท่านั้น

​

จงตั้งใจสลัดอารมณ์ ความวุ่นวายใด ๆ ทั้งหลายที่เป็น “ ขยะหยากเยื่อหยากไย่ ” ของความคิด สติ และดวงจิต สลัดให้หลุด หยุดมันให้ได้ แล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ดูดเอากลิ่นอายแห่งความเบิกบาน พลังแห่งชีวิต และเสรีภาพอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นเสรีภาพที่เราปลดปล่อย ขยะ “ หยากเยื่อหยากไย่ ” ฝุ่นละอองแห่งดวงจิต รวมทั้งความคิดทั้งหลายได้ เราจะเล่นเกม และเล่นสนุกกับกิริยาท่าทาง และกระบวนการแห่งความคิด อันเยอะแยะมากมาย ลองมาหาความเพลิดเพลินเบิกบานสำราญใจด้วยการวางภาระทั้งหลายให้จบสิ้น และหมดลงไปในบัดดล กลายเป็นบุคคลผู้เปล่า ผู้ปราศจาก เปล่าและว่าง ปราศจากความคิดอ่านทั้งปวงผนึกกายและใจให้แนบแน่นกันเป็นหนึ่งเดียว โดยไม่ให้ความคิดมาแยกออกจากกาย ผูกกายกับใจให้รวมเป็นหนึ่ง ฝึกได้ขนาดนี้ อย่างนี้และถึงขั้นนี้ จนถึงวันสุดท้ายแห่งชีวิต เราจะได้มีสติดำรงมั่นในจิตวิญญาณที่ใสสะอาด มีทางแห่งสุขคติภพเป็นที่ไปในวาระสุดท้ายของชีวิต

เมื่อจิตเราไม่เศร้าหมอง ไม่ขุ่นมั่ว ไม่ฝักใฝ่ ไม่ดิ้นรน ไม่ขัดข้อง ไม่กระเสือกกระสน และไม่แสวงหา ถือว่าเป็นหนทางปิดกั้น “ อบายภูมิ ” เพราะพระศาสดาทุกพระองค์ทรงกล่าวว่า “ ผู้ไม่ดิ้นรนจนเกินพอดี ไม่กระเสือกกระสนแสวงหา คือผู้สันโดษยินดีในสิ่งที่พึงมีพึงได้ ย่อมพบทางสบาย ผ่อนคลายอิสระ สัตว์ทั้งหลายที่เที่ยวเดือดร้อนดิ้นรน กระเสือกกระสนและแสวงหานั้น เป็นกิริยาของอสูรกาย เดรัจฉาน เปรต และสัตว์นรก รวมทั้งกริยาอาการของผู้ทุกข์ไม่รู้จบสิ้น.. ”

สมณะ นักบวช พระ หรือผู้สงบ ผู้หยุด ผู้ไม่วิ่ง ผู้สันโดษ ผู้ไม่แสวงหา เป็นสภาวะของ “ เนกขัม ” ถือการออกบวชแห่งจิตวิญญาณเป็นหนทางอันบริสุทธิ์ใสสะอาด เป็นความสงบ และสันติ เป็นความรู้สึกสุข เสรีภาพ และเป็นเสรีภาพที่ได้รับการปลดปล่อยจากจิตวิญญาณที่หิ้วอยู่ – หุ้มอยู่ – จมอยู่ ในกองขยะหยากเยื่อหยากไย่ทั้งหลายในและนอกกายเรา...
โปรดกรุณาปลดปล่อยตนเองออกจาก “ คุกแห่งอารมณ์ ” ไม่มีผู้ใดในโลกมาขังเราได้ ถ้าเราไม่ขังตัวเราเอง พวกเราทุกคนกำลังตกเป็นทาส เป็นนักโทษที่มี “ คุก ” เป็นเครื่องจองจำ นั่นก็คือ “ อำนาจแห่งกรรม ” และ “ การกระทำที่ไร้ความไตร่ตรองและพิจารณา ”
ในขณะเดียวกัน เราก็ “ ติดคุก ” อยู่ลึก ๆ ซึ่งมันซ่อนอยู่ในดวงใจเล็ก ๆ เป็น “ คุก ” ที่มีอำนาจผูกให้เราตกอยู่ในความหลง ความโกรธ ความโลภ และความสับสนวุ่นวาย คุกชนิดนี้มันยิ่งใหญ่กว่า “ คุก ” ที่ชาวโลกสร้างมันขึ้นมา เพื่อขังมหาโจรเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าสัตว์ตนใด “ ติดคุกแห่งอารมณ์ ” เขาจะไม่มีวันได้ออก ไม่มีใครบอกได้ว่า เขาจะ “ ออกจากคุก ” เมื่อไหร่ อย่างไร จนกว่าเขาจะสามารถหาทางออกได้ ด้วยตัวของเขาเอง เพราะสรรพสัตว์ที่ “ ติดในคุกอารมณ์ ” จึงต้องอุบัติ “ พระพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ” มาทำหน้าที่เป็นนายทวารไปไขกุญแจ ปลดปล่อยสรรพสัตว์พ้นจากโทษทัณฑ์ และบ่วงกรรม ความเป็นทาสของความหลงโง่งมงาย
เราชาวศากยะ และตระกูลวงศ์แห่งพระศาสดา มีหน้าที่ปลดปล่อยตนเอง แล้วก็ปลดปล่อยสรรพสัตว์ที่ไม่ใคร่ระวัง สติรู้ตัวทั่วพร้อมให้พ้นบ่วงแห่งกรรม และทุกข์โทษภัยทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ใจที่ไม่ได้มีการพัฒนาและฝึกฝน และไม่ได้ระแวดระวังด้วยความรู้สึกที่ได้จากตาเห็น หูฟัง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายถูกต้องสัมผัส ไม่มีสติรู้ทั่วพร้อม เราปล่อยให้ตัวเองติด “ คุก ” และส่งเสริมให้วิญญาณ “ ติดคุก ” อีกต่างหาก โดยการหลงใหลลื่นถลาไปกับ “ ตาเห็นรูปสวย ” “ หูฟังเสียงเพราะ ” “ จมูกได้กลิ่นหอม ” “ ลิ้นรับรสอร่อย ” “ กายถูกต้องสัมผัสที่ชอบ ” ลองมาใช้เวลาอันน้อยนิดสมมติว่าจะปลดปล่อยตัวเองออกจาก “ คุก ” แห่งความวุ่นวาย สับสน และหงุดหงิด โดยการมีสติควบคุม สิ่งที่เกิดจากตาเห็น หูฟัง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัส อย่าปล่อยให้มันมามีอำนาจเหนือจิตใจของตนเอง

วิธีการปลดปล่อยตนเองก็คือ หยุดคิด หยุดพูด หยุดทำ หยุดพฤติกรรมต่าง ๆ และอย่าปล่อยให้ความรู้สึกใด ๆ ปรากฎขึ้นในขณะนี้ยกเว้นมีความรู้สึกว่า “ กายรวมใจเป็นผนึกแนบแน่น ” มีสติสัมปชัญญะคือความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่ภายในกาย จงอย่าปล่อยให้อารมณ์ใด ๆ เกิดขึ้นภายในกายนี้ ในเวลานี้เป็นอันขาด เมื่อเราทำได้ถือว่าเป็นผู้ที่ฝึกตนเองที่พร้อมจะปลดปล่อยวิญญาณให้เป็นอิสระ..ได้ในลำดับตน



จากหนังสือทำวัตร-สวดมนต์แปล
หลวงปู่พุทธอิสระ
วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม


ผมเองเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ขออนุญาตนำมาลงให้อ่านกันนะครับ
<!-- / message --><!-- sig -->