สามสิ่งที่ต้องมีสำหรับโสดาบัน

บอกที่มาหน่อยได้ไหมครับอยากสนทนาต้องรู้ที่มาที่ไป หรือว่าสายป่ากน้ำ

 

".ลองทำดู ทั้งๆที่ลืมตานี่แหละใช้สติปัญญาพิจารณาเห็นๆกันจะเข้าใจเอง..."
ชอบประโยคนี้จัง... แค่ ทำศีลห้า พื้นฐานในชีวิตประจำวัน ให้ดีพอ
ก้อเป็นพื้นฐานที่ดีในการต่อยอด ทางมรรค ทางผล....
และต้องพร้อมด้วยกายและใจ พึงประกอบคู่กัน ...
หากแยกทางกันเดิน มันก้อเหมือน... พูดได้ เล่าได้ แต่ทำไม่ได้ กลายเป็นจะหลงตนเองไปเสีย

 

บัณฑิตพึงแสดงปัญญาในการสนทนาธรรมค่ะ หนึ่งในอริยมรรคคือ "สัมมาวาจา" คงไม่ต้องบอกความหมายนะคะว่าหมายถึงอะไรบ้าง

คุณสับสนและคุณเอกวีร์ในฐานะของผู้ที่อยู่ห้องอภิญญามานาน ดิฉันเป็นน้องใหม่ฝากตัวด้วยค่ะ

 

สายพุทโธ หลวงพ่อวิริยังค์ ค่ะ

 

คุณคุยธรรม กัน2คนเหมือนเตี๊ยมกันมาคุย.. ถามที่มาที่ไปก็ไม่ตอบ ผมไม่มีเจตนาจะกวนอะไร อยากรู้พื้นฐาน ของพวกคุณ เพราะคุณโพสต์ได้น่าสนใจ เหมือนลงมือปฏิบัติมาจริง
.ใครถามก็ไม่ตอบ ผมว่าอย่างนั้น คุณน่าจะอัดแผ่น CD แล้วส่งให้กันจะไวกว่าและได้ประโยชน์นะครับ

อ้อ..กะทู้สวนกัน ค่อยยังชั่วหน่อยครับ ผมก็ตามฟังท่านอยู่บ่อยๆ ขอบคุณนะครับที่ตอบมา สาธุ

 

มาบ่อยๆ ก็แล้วกัน

ระวัง ปากยาวแบบ พวกผู้ชาย หาก ข้ามได้ก็ข้าม ไปเนาะ

ผู้ชายเสวนากัน มันจะ อัดกัน ไม่ได้ จ๊ะจ๋า เหมือน
ห้องคู่ขนาน ที่คุณไปฟังธรรม แม้กระทั่ง " แม่ย่ามหากาลี " อะไรนั่น

ในนี้ ซัดกันยังไง เลว ชั่วชาติ ขนาดไหน เรื่อง จะไปเอา ศาสดาอื่น มา ทับ พระพุทธองค์ ไม่มี

 

โอ..ผมก็เพิ่งมาได้ไม่กี่วัน เพียงเจตนาเราขัดกันเล็กน้อย ผมต้องการเผยแพร่และมุ่งหาคำคัดค้าน เพื่อนำมาปรับปรุงตนเอง แต่เจตนาคุณเหมือนจะคุยกันสองคน..ดูสตาตัสแล้วตกใจ..นึกว่าจัดสรรกันมา ไม่ได้อิจฉาหรือหาเรื่องใดๆนะครับ อนุโมทนาก็แล้วกันครับ..
อ้อเหตุใด..คุณไม่ตอบคำถามคนอื่นละครับ.. สงสัยเพราะอะไรครับ.

 

ดิฉันไม่มองว่าหญิงหรือชาย แต่มองว่าทุกคนล้วนเป็นศิษย์ตถาคตเหมือนๆ กัน ก็คงปฏิบัติตามคำสอนขององค์ศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนๆ กัน ยิ่งสนทนาธรรมขั้นของอริยบุคคลด้วยแล้ว ก็ต้องยิ่งประกอบด้วยอริยมรรคค่ะ ดังนั้น พึงสำรวมระวังกายวาจาใจด้วย

พวกคุณมีสมณเพศ ได้เพศที่สามารถเป็นสมณะได้ น่าจะมีความละอายใจในการพูดจาส่อเสียดบ้างนะคะ และลดอคติในใจลงบ้าง เพื่อเปิดใจรับฟังความคิดความเห็น หรือการสนทนาที่เกิดจากผลของการปฏิบัติของเพื่อนธรรมในนี้

หากดิฉันเข้าใจผิด ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

 

จริงๆ คำว่า พูดส่อเสียด เนี่ยะ

ผู้หญิงเก่งกว่าผู้ชาย

ผู้หญิงจะพูดวาจาได้สุภาพ อ่อนหวาน นิ่มนวล แต่ เต็มไปด้วย ความร้อยเลห์
เพทุบาย มารยา สาไถย เรียกว่า หากจะทำวาจามุสา ก็ทำได้แบบ ดูไม่ออกเลย เนียนสุดๆ

ต่างจาก ผู้ชาย ที่แสดงกริยาจิต วาจา ตรงไปตรงมา กำพืดอย่างไร ก็วาจาอย่างนั้น เป็น สัจจะ

ทีนี้ คำว่า ผู้ชาย ผู้หญิง ไม่ใช่เรื่อง การรังเกลียดทางเพศ

มันเป็นเรื่อง อินทรีย์ที่ปรากฏ ที่เป็นนิสัยพื้นฐาน ดังนั้น ก่อนจะไปกันใหญ่ เรื่องหญิง ชาย

ความไม่ประสาในเรื่อง อินทรีย์ ขอให้ กำหนดรู้เอาไว้ด้วย ด้วยความเป็น " ธาตุ "

ไม่ใช่เรื่อง รังเกลียดทางเพศ สิทธมนุษยชน ..... ถ้าอ้างเมื่อไหร่ กรุณาทราบตนด้วยว่า
ไม่ควรเสวนาต่อ ให้หลบไปทำใจสักพัก แล้วค่อยมาสนทนาใหม่

 

คนเราตั้งเจตนาอะไรไว้ย่อมรู้ดีแก่ใจตนนะ ไม่มีใครไปรู้ด้วยหรอกค่ะ ยกเว้นคนผู้นั้นจะมีอภิญญาญาณ ล่วงรู้วาระจิตของผู้อื่นได้

ขออนุโมทนาบุญกับผลการปฏิบัติของคุณนันทะชัยดีด้วยนะคะ สาธุ

 

อินทรีย์ ก็ คือ อินทรีย์

ธาตุ ก็คือ ธาตุ

งง ไหม

หมายความว่า อิตถีอินทรีย์ หรือ อิตถีธาตุ เป็นยังไง มันก็ เป็นไปตามนั้น ย่อมมี ตามนั้น

ถ้า ยังไม่ได้กำหนดรู้ อิตถีอินทรีย์ หรือ อิตถีธาตุ ก็เป็นว่า ไม่ได้นำออก ไม่รู้วิธีนำออก

ตราบใด ไม่รู้วิธีนำออก แทนที่จะไป ปฏิเสธความเป็นธาตุ ยอมรับ และ ทำการเห็นไปตามนั้น
จะมีประโยชน์กว่า ไป สร้างอะไรมา ทับซ้อน ให้เข้าใจยาก พอกพูล อิตถีธาตุ โดยไม่จำเป็น

ถ้า กำหนดรู้ลงเป็น ธาตุไม่ได้

ก็ ให้ออกไปก่อน ทำสมาธิมาสักหน่อย แล้ว ค่อยมาเสวนา ไม่เช่นนั้น จมวนเวียนอยู่
กับ ธาตุ จะหาว่า ไม่เตือน ไม่บอก ไม่กล่าว ไม่ได้หน่า


ถ้าเข้าใจ ความเป็นธาตุ จะรู้เลย ไม่ต้องส่องแส่ง วาระจิต ฮาอะไรเลย ของมันพื้นๆ โดยธาตุ

 

อยากขำจัง ดิฉันกลับมองว่าดิฉันคุยอยู่คนเดียวนะคะ เพราะถามอะไรไป คุณนันทะก็ไม่ตอบ แต่ดิฉันคงเป็นพวกโลกสวย มองในแง่ดีว่าคุณนันทะคงมีเจตนาที่จะเล่าให้จบซะก่อน

เห็นชื่อกระทู้น่าสนใจดีค่ะ ก็เลยเข้ามาอ่าน พออ่านๆ ไปก็เริ่มอยากจะถามบ้าง ไม่ใช่ลองภูมิอะไร แต่เพราะสนใจจริงๆ ค่ะ

 

เจอแต่คนพูดเก่ง วันนี้ดิฉันก็เลยพูดเก่งตามไปด้วย ปกติจะไม่ค่อยชอบพูดสักเท่าไหร่ค่ะ ปฏิบัติเอง รู้เอง เห็นเอง ดีกว่าเป็นไหนๆ

 

คุณ นันทะชัยดี ส่วนตัวขอโมทนากับท่านด้วยนะครับ... ^_^
Sooo Ahoooosi ครับ...

 

ก็แวะเวีนมา ตามกำลัง ก็แล้วกัน

สนทนาธรรมกัน เรื่อยๆ ก็ต้องกลายเป็น สัตบุรุษ กันบ้าง

คำว่า สัตบุรุษ ก็คงไม่ได้หมายถึงเป็น เพศชาย

หมายเอา ตาม ธาตุผู้กล้า

ดังนั้น

เป็นคนไม่กล้า เขามาเสวนากับ ผู้กล้า ก็เกิด ธาตุความกล้า( สัตบุรุษ )
ก็เป็นเรื่อง ธรรมดา


คาราวะ 1 จอก

หรือ จะเอา 3 จอก ...................


การปฏิบัติ ก็คือ การปฏิบัติ จิ ฮับ

มันคนละเรื่องกับ การเสวนา เรื่อยเปื่อย อยู่แล้ว เว้นแต่ จะเป็น สัตบุรุษ ผู้กล้า
จิตก็จะ ตั้งมั่น มีสมาธิ มีสติ ก็ว่ากันไป

 

เรียงตามพระพุทธองค์นั่นล่ะถูกแล้วครับ
ไม่มีใครเห็นทางที่จะเดินก่อนครับ
ต้องเห็นทุกข์ก่อน พอเห็นทุกข์แล้วจะสาวไปหาเหตุ
พอเจอเหตุ ก็ดับเอาที่เหตุ
พอทุกข์ดับ ก็จะเห็นทางที่เราเดินมาน่ะครับ
พระพุทธองค์จึง เรียงอริยสัจฯได้ถูกแล้ว
ทุกข์>เหตุให้เกิดทุกข์>ความดับไปของทุกข์>ทางเดินที่ไปถึงความดับทุกข์
ลองดูง่ายๆ ทุกข์หยาบๆ มีธรรมชาติแบบเดียวกัน
เหมือนการแก้ไขปัญหาต่างๆในชีวิต
ถ้าเราปวดท้อง เรารู้ว่าเกิดความทุกข์ขึ้นทางกาย
แล้วมันจะค่อยๆสืบเสาะ ไปถึงเหตุที่ทำให้ปวดท้อง
พอสาวไปถึงเหตุก็พบว่าเพราะกินข้าวไม่ตรงเวลา
และจะไปหาหมอหรือทำอะไรให้อาการเจ็บปวดมันหายก็ตาม
มันจะไม่ไปซ้ำแบบเดิม จะกินข้าวตรงเวลา

ถ้าไม่ปวดท้อง(ทุกข์) มันก็ไม่มีเหตุ เมื่อไม่มีเหตุก็ไม่จำเป็นต้องหาทางให้มันหายปวดท้อง (ดับทุกข์)
ธรรมชาติเป็นอย่างนี้ครับ
ทุกขในอริยสัจมีธรรมชาติแบบเดียวกันเป็นเหตุเป็นผล
แต่จะลึกไประดับรากเหง้าของทุกข์โน้นเลยครับ
ถ้าปฏิบัติต้องแรกเลยต้องหาให้เจอก่อนครับ อะไรคือ ทุกข์
หาเจอแล้วก็จะได้ต้นทางครับ

 

ถ้ายึดความเป็นกลางไว้ ก็เข้าไปหาฝั่งใดฝั่งหนึ่งแล้วครับ

 

เผลอ..แป๊บบบเดียว กลายเป็นกระทู้ฮิต ไปเลย..อ่ะๆๆ
เรารึ..ก็เข้าใจว่า คุณนันทะชัยดีกำลังอยู่ในสภาวะ เรียกรัยดีหล่ะ
ที่คำพูดแทนความรู้สึก มันไหลๆๆ ออกมา ถ้าหยุดพักเรื่องที่จะพูดแล้ว
ก็ทักทายกันบ้างนะคะ...อิอิ

 

จริงๆ น่าจะปล่อยให้ ผู้บบรลุธรรม เขาฟัดกัน

แต่ ไม่ไหว ขออนุญาติโยนผ้า


ท่าน หมัดดาวเหนือเป็นศาสดาคร้าบ.....

คุณนันทะ เขากล่าว กามสุขขัล[ จขกท นำเสนอว่าด้วย ภวตัณหา ] กับ อัตตกลิมัตถา[ จขกท นำเสนอด้วย วิภวตัณหา ] เป็น ธรรมสองฝั่ง

ท่าน ทะลุกลางปล้อง มากล่าวอะไรให้ดูแตกต่าง แต่ไม่ดู ตาม้าตาเรือ

" ยึดกลางไว้ "

ยึดกลางไว้ แล้ว เข้าไปหาฝั่ง ทำไมหละคร้าบ กล่าวว่า ไม่เข้าไปส่วนสุดทั้งสองฝั่ง ไม่ถูกต้องกว่าหรือ !!?

 

คุณกับคุณนันทชัยดี นี่ ไม่รู้จักกันงั้นรึครับ..

.ผมยังมองว่าคูนนัทชัยดี นี่อาจเป็น พระ เณร หรือนักบวช อยู่หรือไม่ก็ครูสอนสมาธิ..ขอโทษ

ผมโพสต์ผิดที่พูดว่า คุณ2คนเหมือนนักปฏิบัติธรรมจริงๆ ..ที่จริงแล้วเหมือนคนมาสอนหนังสือ ถามตอบ-เจตนาคล้ายใช้กะทู้ตนเอง ฝลัดกะทู้ผม..

จากจำนวนยอดคนชม 20 ขึ้น แต่ไม่มีคนมาตอบเลย ซึ่งประหลาดมาก ยอดไม่มีตก แต่ไม่ตอบ ไม่ถาม เอ้อ..
หากไม่จัดตั้งมา กะทู้ถามตอบ-เรียนหนังสือแบบนี้จะได้รับความนิยมมาก ..ผมก็งงครับ เพราะมีหลายท่านในนี้ เสนอได้ดีกว่าคุณอีก น่าอ่านมากกกว่า
.เหมือนมีการจัดกรุ๊ปกันมา แต่ถามตอบ-แค่2 คน นานๆจะโผล่มาเชียร์1 คนและไม่รู้จักกัน ไม่โกหกนะครับ ผมจึงสงสัย คุณไม่ได้จัดตั้งกันมาใช่นะครับ คุณก้อย
คุณเป็นปฏิบัติธรรมจริง คงไม่โกหก แต่ผมสงสัย คุณนันทชัย..ตอบหน่อยได้ไหมครับ คุณเป็นพระ เณร หรือ นักบวชอยู่
หากจัดตั้งมา ผมก็ดีใจ ที่ทำให้วงการสะเทือนได้