สมาธิสำหรับการรักษาโรคด้วยตัวเอง ขอคำแนะนำด้วยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ผ่านมาเฉยๆ, 30 มีนาคม 2017.

  1. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ผมใช้วิธีกดจุดเอา ตอนนี้มันมารวมกันที่หลังคอแล้ว ปวดคออยู่ 2 จุดแล้ว
    รอมันระบายออกมาตามธรรมชาติ จุดที่เป็นฝีอะทางออกของโรคจุดเชื่อมกับพลังจักรวาล ไมเกรนอีกสงสัยต้องพึ่งยาอย่างเดียว กรรมผมหนักจริงๆ
    จะลองวิชาโยเรของคุณนพดู แต่ฝึกนานไหมกว่าจะเป็น
     
  2. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    วิชาโยเรคืออะไรครับ
     
  3. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    โยเร เป็นความเชื่่อชนิดหนึ่ง เข้ามาในประเทศไทยประมาณ มี พ.ศ. 2512 โดยชาวญี่ปุ่น
    เป็นความเชื่่อ ในเรื่องของการบำบัด และรักษา อาการเจ็บป่วย โดยใช้พลัง โยเร ซึ่งเขาเชื่อว่า มีอยู่ในกายคนเรา
    โยเร จะมีความเชื่อว่า พลังโยเรนั้น สามารถพุ่งออกมาจากฝ่ามือ เพื่อรักษาหรือบำบัดอาการป่วยได้
    ที่มา http://www.dhammathai.org/webboard/dbview.php?No=427
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2017
  4. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    :eek::eek::eek::eek:
    ขอบคุณครับ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    สงสัยว่าทำได้อย่างไรในวิธีการเนาะ
    อะไรที่จับต้องได้ คือรูปหมดนั้นหละคับ
    อะไรที่จับต้องไม่ได้ มองไม่เห็นได้ง่ายด้วยตา
    คือนามธรรมหมด เข้าใจเนาะ

    บอกไปแล้วว่าหายตัวได้สำหรับท่านมันเด็กๆ
    แต่ใช้คำว่าวัถตุดีกว่าครับมันถึงดูไม่เวอร์ไม่อภินิหาร
    หรือ
    จะพลิกรูปธรรมเป็นนามธรรมก็ได้ครับ
    หรือจะพลิกนามธรรมเป็นรูปธรรมก็ได้
    ซึ่งมันกลับไปกลับมาได้หมดนั้นหละครับ
    มันเป็นแค่ภาษาพูดเพื่อถ่ายทอด อย่าไปยึดมากนะครับ

    ท่านนี้หายไปในป่า ๗ ปีนะครับ
    และไม่แตะไม่ยุ่งเรื่องเงินเลย
    แม้แต่บาทเดียวนะครับ พวกลูกศิษย์
    และบุคคลใกล้ชิดจะทราบดีครับ
    ผมท้าเลยว่าเป็นหนึ่ง
    ในไม่กี่องค์ในประเทศไทยที่ทำได้

    ผู้ที่ทำได้ เรียกได้ว่า สำเร็จวิชาระดับจิตธาตุกิริยาคือ
    คือ ระดับจิตใจ ที่แทบไม่เหลือ โทสะ โมหะ โลภะ
    ในจิต ที่จะไปยึด ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
    แต่ส่วนมากถ้าเกี่ยวกับวัถตุ
    เราจะเรียก ว่าเล่นแร่แปรธาตุ
    ถ้าเกี่ยวกับคนเราเรียกอภิญญา
    กิริยามันประมานนี้ เช่น

    เช่น โยนวัตถุลงในไฟ แล้ววัตถุหายไป
    และไปโผล่อีกที่หนึ่ง คือพลิกรูปธรรมเป็นนามธรรม
    และเป็นรูปธรรมอีกที นี่เป็นเล่นแร่แปรธาตุ

    หรือ ยื่นมือไปหยิบดิน ยกขึ้นมากลายเป็นพระเครื่อง
    รูปธรรมเป็นรูปธรรม นี่เรียกเล่นแร่แปรธาตุ
    (ในเวบนี้มีคนเคยเห็นกับตาตัวเองมาสองคน
    ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ไม่ใช่ข้าพเจ้านะครับ)
    ส่วนข้าพเจ้าเจอมากกว่านี้แต่คงเปิดเผยไม่ได้
    เกรงว่าจะมีคนไปปรามาสท่าน


    หรือ ท่านยื่นมือไปในอากาศ
    แล้วหยิบอากาศมากลายเป็นพระเครื่อง
    นี่พี่ชายข้าพเจ้าเจอมากับตัวเอง
    หรือ นำมือไปวางที่หนังสือพระ
    หยิบออกมาเป็นพระองค์ในหนังสือ
    องค์นี้อยู่กับศิษย์ท่าน
    นี่เล่นแร่แปรธาตุ ฯลฯ

    แต่ถ้าท่านเดินอยู่ใช้ไม้เท้าแล้วท่านหายไปเฉยๆ
    กิริยาคือ กายเป็นรูปเปลี่ยนเป็นนามธรรมคือหายตัวไป
    แล้วท่านก็ไปโผล่อีกทีหนึ่งเป็นรูป

    ดังนั้นพลิกรูป พลิก นาม. พลิกนามพลิกรูป
    แค่คำพูดที่ใช้สื่อครับ

    หายสงสัยหรือยังครับ ถึงวิธีการและ
    เพียงพอที่จะนำข้อความไปลงในเวบ
    ที่คุณดูแลอยู่ได้หรือยังครับ

    ย้ำอีกทีนะครับ เพื่อใครอ่านภาษาไทย
    แล้วไม่ค่อยเข้าใจนะครับว่ากระทู้นี้
    เน้น สมาธิเพื่อรักษาโรคด้วยตัวเองครับ
    คือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เป็นอันดับแรกนะครับ
    ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆวิธีเท่านั้น
    แต่ส่วนตัวพิจารณาแล้ว
    ส่งผลกะทบไม่ว่าทางกายและจิตใจ
    น้อยสุดกว่าวิธีอื่นๆครับ.

    รักษาตัวเองยากกว่ารักษาคนอื่นครับ
    เรายังตัวเองรักษาตัวเองยังไม่ได้อย่าพึ่งรีบไป
    รักษาคนอื่นๆนะครับ เราต้องมีภูมิต้านทานที่ดี
    ต่อพลังงานภายนอกก่อนครับ
    ไม่ว่าสมาธิ สติ กำลังจิต การรู้จักเคลียร์
    พลังงานตกค้างต่างๆ การปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น
    การรักษาสภาพจิตใจตนเองฯลฯ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ยุ่งได้แต่ภูมิต้านทานส่วนตัวต้องดี
    อย่างน้อยต้องเดินปัญญามาบ้างคับกันยึดติดและมี
    สมาธิ และกำลงจิตพอตัว
    ที่เสียจริตกัน เพราะไปเปิดรับมา
    ถูกหลอกว่ารับแล้วทำแล้วจะเป็นผู้วิเศษครับ
    พวกแนวหลอกให้คิดเรื่องเศร้าๆ เอาความรักมาอ้าง
    เอาเรื่องพระโพธิ์ฯมาอ้าง
    กายวัชระมาอ้างนั้นหละตัวดีครับ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    พูดตรงๆไม่โกรธนะ
    ของคุณทำได้ ถ้าทำได้ จะทำได้ง่าย
    และจะเห็นผลชัดกว่าคนทั่วๆไปอีกครับ
    แต่คุณต้องหลับตาทำ
    แต่ที่สำคัญต้องสร้างสติทางธรรมให้มากกว่า
    พวกพลังงานภายนอกที่ควบคุมคุณ
    ตอนนี้ให้ได้ก่อนนะครับ
    เข้าใจที่สื่อนะครับ
     
  8. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ผมอาจอธิบายงง ประมาณว่าครึ่งซีกซ้ายผมมีปัญหาอะ ตั้งแต่หัวจรดเท้า จะปวดอะไรนักหนาก็ไม่รู้ ครึ่งซีกขวากับปกติ ไม่มีอาการไรเลย เกี่ยวกับฝึกวิชามั่วได้มั้ย ผมหาวิธีรักษาโรคไปเรื่อย พอหายโรคหนึ่ง ก็มีโรคใหม่มา กรรมอะไรของผมเนี่ย อาจเล่นคอมมากไปรับพลังไม่ดีไว้เยอะ ในคอมก็มีแต่สิ่งล่อลวงเราเยอะแยะเลยนี่จะให้ทำไง ผมอยู่ในสังคมคนดีอยู่ยากอะ เลยปลีกวิเวกดีกว่าตอนนี้ บ่นเพ้อกับตัวเองคนเดียวก็ได้ หาว่าบ้าก็ยอม ผมคนดีแต่โดนรังแกอะ เลยคลั่งเป็นพักๆ ก็มาระบายในเวบนี้แหละ ปลดปล่อยตัวเองบ้าง คงไม่ว่ากันนะถ้าผมทำอะไรผิดไปขออโหสิกรรมต่อคนในเวบบอร์ดด้วยนะ
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    อ้อเป็นยังงี้นี่เอง พลิกรูป พลิกนาม

    อ.คนที่คุณนพพูดถึงนี่ ยังมีชีวิตอยู่ไหมครับ
     
  10. Tanya R

    Tanya R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +876
    อาจารย์ที่ป๋านบกล่าวถึงท่านละสังขารไปแล้วค่ะ
     
  11. Tanya R

    Tanya R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +876
    นานๆจะได้อ่านกระทู้ที่มีเนื้อหาเข้มข้น ไม่เป็นแบบน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหลงเหลงหรือต้องมาแปลไทยเป็นไทยในห้องอภิญญา-สมาธิ ขอบคุณทั้งผู้ตั้งกระทู้และป๋านบนะคะ
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    คุณพื้นฐานจิตใจดี
    ฟังผมนะ ฝึกเจริญสติให้ได้ก่อนครับ
    ย้ำว่าฝึกเจริญสติให้ได้ก่อน
    และฝึกเจริญสติให้ได้ก่อนครับ
    ไม่ต้องไปคิด ไปย้อนอดีต ไปสนใจ
    สัมผัสหรือเหตุการณ์อะไรที่ผ่านมาแล้ว
    ทุกๆกรณี เด่วฝั่งซ้ายที่ต้นเหตุมาจาก
    สมองนั้นมันจะค่อยๆกลับมาได้ตามสภาพ
    เจริญสติ เพื่อ หยุดคิดให้ได้ก่อน
    และสมาธิจะช่วยเป็นภูมิต้านทาน
    ให้เราเองกับนามธรรมทั้งหลาย
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    จะเริ่มต้นฝึกสติยังไงครับ
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    เจริญสติอย่างไรก็ได้ ขอให้มีการระลึกรู้ตัว
    อยู่ที่กาย ไม่ว่า จะเดิน ยืน นอน นั่ง
    จะด้วยการทำความรู้สึกรับรู้ว่า มีลม
    เข้าและออกหยุดที่ปลายจมูก หรือว่า
    การเคลื่อนไหวร่างกายด้วยวิธีการใดๆก็ได้
    แต่รู้ว่า กำลังเคลื่อนไหว เช่น นับก้าวเดิน
    นับนิ้ว ขยับร่างกายแล้วรู้ นี่คือการเจริญสติ
    ในชีวิตประจำวันทั้งสิ้น
    แล้วฝึกไปเพื่อ ??
    เพื่อให้มีเครื่องมือตัวหนึ่งเกิดขึ้นมาเราเรียก
    เครื่องมือตัวนี้ว่า สติทางธรรม แล้วมีเพื่อ?
    เพื่อคอยควบคุมความคิด
    เพื่อคอยควบคุมพฤติกรรมของจิต
    เพื่อให้จิต คลายจากความคิด คลายจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรม
    หรือความคิดที่ผุดขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจให้ได้ก่อน
    พอจิตค่อยๆเริ่มคลาย เริ่มละจากความคิด ละคลายจาก
    ขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรม จนกระทั่งจิตเป็นกลางได้ ณ เวลาปัจจุบัน
    แล้วจึงปล่อยให้จิตว่างรับรู้ภายในอยู่อย่างนั้น
    ถึงจะเริ่มเกิดเป็นปัญญาทางธรรมขึ้นมาได้
    ปัญญาทางธรรมคือตัว ที่ทำให้จิต ละ คลาย ตัด
    เรื่องต่างๆไม่ว่า ความคิด ไม่ว่าขันธ์ ๕ นามธรรม
    ที่มันเคยทำให้จิตเกิดแล้วเราไปปรุงร่วมอย่างไม่รู้ตัว
    จนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับมันได้นี้...
    อีกอย่างจะช่วยให้เราพัฒนาความเข้าใจทางด้านนามธรรม
    ต่างๆของเราให้ดีขึ้นด้วย ทุกๆอย่าง ไม่ว่านามธรรมที่เป็น
    กิริยาต่างๆในระหว่างที่เราฝึกกรรมฐานอะไรก็ตาม
    ร่วมทั้งฝ่ายที่เป็นอารมย์ต่างๆ ที่เรามักจะไปปรุงร่วม
    กับมันจนกลายเป็นตัวเองจนเป็นความเคยชิน

    นี่คือ ประโยชน์ของสติทางธรรม เป็นพื้นฐานที่ควรมีเป็นปกติ
    เพราะไม่งั้น ถ้าเราไม่เริ่มสร้างมันตรงนี้ให้ดีก่อน
    แล้วไปหวังว่า จะไปเอาอะไรที่สูงๆ ไปพูดถึงธรรมะสูงๆ
    มันจะเป็นเพียง ระดับแค่สมมุติที่มันมาคอยปกปิดเรา
    ซึ่งมันจะมาหลอกเรา ทำให้เราไม่พัฒนา ทั้งในด้าน
    สัมผัสทางด้านนามธรรมต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาทางด้าน
    ปัญญาทางธรรม รวมทั้งความสามารถต่างๆในการที่จะ
    ฝึกกรรมฐานอะไรก็ตามได้สำเร็จครับ...
    เพราะอย่าลืมว่า อารมย์ ความคิด กิริยาระหว่างทางต่างๆ
    ล้วนแล้วแต่เป็นนามธรรมทั้งนั้น
    ดังนั้น จึงไม่ควรมองข้ามพื้นฐานสำคัญตรงนี้
    อย่าเห็นว่า พูดแล้วมันไม่หล่อ ไม่เท่ห์ เหมือนพูดทรัพย์แสง
    ไฮโซโก้หรุอะไร หรือ
    พูดกิริยาอะไรที่มันดูให้เราหล่อมาก
    ระวังเราจะเสร็จมัน ติดกับมันตรงนี้

    ถ้าไม่สนใจตรงนี้ เราจะเสียเวลาเปล่า
    ปฎิบัติมาหลายปี เด่วเจอกิริยาทางนามธรรมโน้นนั่นนี่
    ก็สงสัย อยากรู้คำตอบไปเรื่อย ฝึกกรรมฐานอะไร
    เหมือนจะเข้าถึงได้ แต่ไม่เคยสำเร็จซักอย่าง
    เหมือนรู้ๆหมด ว่าเป็นอย่างโน้นนี่นั้น
    แต่นำมาใช้งานจริงๆไม่ได้ซักอย่าง
    ไม่เกิดประโยชน์ ไม่พัฒนาคุณภาพทางจิตซักอย่าง
    ได้แต่พูดโม้ๆให้นก ให้มดฟังไปวันๆ

    สติทางธรรมสำคัญมากนะครับ
    รวมทั้ง ระบบหายใจที่ลึกแบบอาปาฯ
    ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการฝึกทุกๆกรรมฐาน
    ช้าหน่อย เริ่มต้นอาจดูไม่เท่ห์
    ดีกว่า เริ่มต้นแบบหลอกให้เราคิดว่าเราเท่ห์
    แต่ทำมะเขืออะไรไม่ได้ซักอย่างเมื่อผ่านมาหลายขวบปี
    (แม้ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง ยังคิดว่าตัวเองเท่ห์ แปลกไหม)
    ให้ลองพิจารณากันให้ดีนะครับ

    ปล. ย้ำว่ากระทู้นี้ เน้น
    การฝึกสมาธิเพื่อรักษาโรคด้วยตัวเองนะครับ
     
  16. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ทำอะไรครับท่านหมอ สอนอะไรไม่พ้นความตาย เสียเวลา
     
  17. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ก่อนที่เขียนเรื่องนี้ ฉันนั่งทบทวนอยู่นานพอสมควรเนื่องจากฉันไม่ได้เป็นผู้รู้เรื่องของการปฏิบัติแม้แต่อย่างใด นอกจากเคยฝึกภาวนามาบ้างด้วยการบริกรรม “พุทโธ” และกำหนดลมหายใจเท่านั้น จึงคิดว่าหากนำข้อเขียนนี้มาบันทึกไว้ให้คนได้อ่านกัน คงจะเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ได้บ้างว่า สมาธิช่วยบรรเทาหรือเยียวยาตัวเองได้ บุคคลที่ให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลนี้ ทุกคนยังมีชีวิตอยู่และยังคงภาวนาอย่างต่อเนื่องและข้อมูลที่อิงเรื่องส่วนตัวนั้นได้มีการดัดแปลงเพื่อความเคารพต่อผู้ที่บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ทุกท่าน

    ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ผู้ใหญ่ที่ฉันเคารพได้โทรศัพท์สอบถามเรื่องราวของฉันว่าเป็นอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งเล่าเรื่องการเปลี่ยนแปลง ข่าวคราวยังคงเป็นการสอบถามว่าฉันเป็นอย่างไรบ้าง เพราะท่านก็ยังคงเมตตาฉันเสมอ ผู้อำนวยการศูนย์วัยห้าสิบเศษ ผมสั้น ร่างผอมแต่ก็ยังดูคล่องแคล่ว กล่าวสั้นๆว่าอยากให้ฉันไปช่วยงานเนื่องจากสุขภาพของท่านไม่ดี แต่ท่านก็ไม่ได้บอกเหตุผลหรือเรื่องราวส่วนตัว แม้ว่าฉันจะรู้จักท่านหรือสามารถเรียกท่านว่า “พี่จิ” ได้อย่างสนิทสนม พี่จิเป็นคนใจเย็น ฝึกการภาวนาและมีโอกาสได้เดินธุดงค์บ่อยครั้ง มักจะชวนฉันอยู่เนืองๆว่า “พี่อยากให้น้องปอนด์ไปธุดงค์กับพี่นะ” ฉันแปลกใจที่พี่จิตัดสินใจลาพักงานสองเดือน บอกเพียงสั้นๆว่า “พี่เหนื่อย” แล้วเคลียร์ตารางทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้วก่อนลาพักร้อนในสัปดาห์ถัดมา

    ฉันสังเกตพลางใจประหวั่นว่าพี่จิทำแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า แต่เลือกที่จะเก็บงำความสงสัยเอาไว้ สองเดือนนั้นเป็นเดือนที่วุ่นวายที่ไม่มีใครติดต่อพี่จิได้ ฉันเองก็เข้าไปช่วยงานดูแลระบบเพื่อสานงานตามที่ได้รับมอบหมาย จนกระทั่งครบกำหนดสองเดือน พี่จิกลับมาที่หน่วยงานอีกครั้ง ดูสดใสมากขึ้น เพื่อนร่วมงานบางคนแอบพูดเล่นว่า “ไปศัลยกรรมที่เกาหลีเหรอ หรือไปสปามา” ก็มี แม้กระทั่งคนที่อยู่ใกล้อย่างดิฉัน ยังรับรู้ได้เลยว่าพี่จิคงไปปฏิบัติธรรมมา ร่างกายดูผุดผ่องราวกับแก้ว ภายหลังฉันจึงได้มีโอกาสเรียบเคียง แล้วพี่จิบอกสั้นๆว่า “ปิดประตูก่อน พี่จะเล่าให้ฟัง” พี่จิพูดว่า “รู้ไหม ทำไมพี่ขอให้น้องปอนด์มารับงานนี้” ก่อนที่จะยื่นผลตรวจทางการแพทย์สองชุดจากโรงพยาบาลให้ฉันดู แล้วตอบสั้นๆว่า “หมอบอกว่าพี่เป็นมะเร็งลำไส้ขั้นที่ 2” ฉันอุทานเบาๆ แต่ทำไมตอนนี้ดูพี่จิกลับไม่ได้มีอาการป่วยแต่อย่างใด

    “พี่จิไปรักษาตัวมาเหรอ” ฉันถาม
    “เปล่า พี่ตัดสินใจไปภาวนา สองเดือนที่อุบลราชธานี”

    ฉันงุนงงเพราะอาจารย์หมอเองก็เป็นบุคคลที่ฉันรู้จัก พี่จิไม่ได้บอกอะไรมากนอกจากกล่าวว่าอานุภาพของการภาวนา ประสบการณ์ของพี่จินั้น ทำให้ฉันแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ปักใจเชื่อว่าสมาธิช่วยได้จริงหรือ สำหรับฉัน สมาธิเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยเยียวยากำลังใจของผู้ป่วยเท่านั้น แต่ไม่ได้คิดว่าคนใกล้ตัวที่ฉันเคารพรัก อย่างพี่จิจะหายจากมะเร็ง ผลตรวจทางการแพทย์จากโรงพยาบาลสองแห่ง โอกาสน้อยมากที่จะตรวจผิดทั้งสองที่ แทนที่พี่จิต้องเข้ารับการผ่าตัดแล้วเตรียมให้คีโม ทุกวันนี้พี่จิยังคงใช้ความรู้ความสามารถบริหารหน่วยงาน และ ยังคงเป็นบุคคลที่ทำงานได้อย่างเข้มแข็งในวัยใกล้เกษียณ อาจมีปัญหาสุขภาพแค่เรื่องไขมันในเส้นเลือดและความดันเท่านั้น

    คำขอของพี่จิคือชักชวนให้ฉันไปภาวนา ฉันยังคงประมาทแล้วมองว่าฉันยังมีเวลาที่จะใช้ชีวิตเหมือนคนรอบตัว เหมือนเพื่อนที่พึ่งเดินทางไปต่างประเทศ สร้างชีวิตอย่างสนุกสนานโดยไม่ได้สนใจสัญญาณเตือนของร่างกาย อาการปวดท้องที่ปวดเป็นเวลานานสองอาทิตย์ หมอบอกว่าไม่เจอความผิดปรกติของลำไส้ น่าจะเกิดจากความเครียด ฉันน้อมรับฟังแล้วได้ทานแค่ยาแก้ปวด โดยไม่รู้ว่าอาการปวดเริ่มรุนแรงขึ้น จากยาพาราเซ็ตตามอล เริ่มเปลี่ยนปริมาณเป็นยาระงับปวดอย่างรุนแรงเมื่อมีอาการปวด โดยเฉพาะช่วงรอบเดือน ไม่ว่าฉันจะเป็นคนใจเย็นก็สามารถเปลี่ยนเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวได้ แต่นั่นก็ดูเหมือนอาการธรรมดาที่ผู้หญิงเราต้องรับมืออยู่ทุกเดือนอยู่แล้ว หมอเองก็บอกว่าฉันอาจจะเครียดก็เป็นได้ ฉันประมาทที่ไม่ได้สนใจอาการเตือนของร่างกาย หลังๆอาการไมเกรนของฉันเริ่มเกิดขึ้น คำตอบที่ฉันได้รับคืออาการของความเครียด น่าขัน ฉันสมเพชตัวเองที่ต้องไปฉีดยาแก้ปวดที่โรงพยาบาลแทบจะเป็นวันเว้นวัน แล้วต้องทานยาเพื่อป้องกันอาการปวดหัวจากความเครียด ทำไมฉันจึงกลายเป็นคนอ่อนแอขนาดนั้น

    ในเดือนเดียวกัน ฉันอยู่ระหว่างการอบรมเชิงปฏิบัติการมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง เหงื่อผุดๆ ตามร่างกาย สิ่งหนึ่งที่ฉันถูกฝึกมาเสมอเคือความอดทน ฉันกัดริมฝีปากเพื่อระงับตัวเองไม่ให้เปล่งเสียงร้องออกมา จนเพื่อนนั่งข้างๆเห็นอาการช่วยเรียกรถนำส่งโรงพยาบาล ฉันถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน เสียงคุยกันโหวกเหวก วัดความดันคนไข้ คนไข้ชื่ออะไร ฉันพยายามเรียกสติ เพื่อจะบอกอาการได้ถูกต้อง หมอเอามือกดท้องเพื่อเช็คหากความผิดปรกติ คำพูดสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากหมอคือ “มีก้อนแข็งที่ช่องท้อง” พลางส่งฉันไปยังแผนนารีเวชในวันถัดมา พ่อแม่ยังคงตกใจ ฉันเลือกที่จะยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก แค่เจอความผิดปรกติ ใจเย็นๆ รอฟังผลก่อน” พลางแค่นหัวเราะ นึกพะวงว่าฉันเป็นอะไรไหม


    เช้าวันถัดมาหมอที่ทำการรักษาส่งฉันไปตรวจพร้อมบอกว่าเตรียมผ่าตัดด่วน เพราะก้อนมีขนาดใหญ่และอาจจะต้องตัดทั้งอวัยวะ ฉันนั่งฟังผลอย่างเงียบๆ และน้ำตาไหลพราก หมอบอกว่ายังไงก็ต้องตรวจว่าเป็นมะเร็งไหมเนื่องจากประวัติของคนในครอบครัวฉันมีความเสี่ยงมะเร็งสูง ฉันนั่งอึ้งเดินออกจากห้องตรวจของหมอโดยทำอะไรไม่ถูกหลังฟังข่าวร้าย หมอนัดให้ฉันตรวจมะเร็งก่อนแล้วรอผล ก่อนที่จะเตรียมผ่าตัดใหญ่ สิ่งเดียวที่ฉันจำได้คือการทรุดตัวลงแล้วร้องไห้ และเป็นครั้งแรกที่ฉํนรู้สึกกลัว ฉันกลับบ้านแล้วจัดการยกเลิกงานสำคัญสองรายการพร้อมแจ้งเหตุผลส่วนตัว

    เดือนนั้นทั้งเดือนฉันจำได้เพียงการวิ่งเข้าออกโรงพยาบาลรัฐ การฟังคำปรึกษา ฉันได้แต่ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง การรอผล การจองห้อง การผ่าตัดใหญ่ เป็นครั้งแรก แม้ว่าฉันชินชากับการเดินเข้าออกในโรงพยาบาลแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเข้ารักษาด้วยการผ่าตัดใหญ่ ตอนนั้นฉันกังวลจนโทรศํพท์ไปเล่าให้พี่จิฟังสั้นๆว่า “พีจิ ปอนด์ป่วยค่ะ” พลางเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง พี่จิเห็นฉันกังวลจึงเลือกเตือนสติฉัน แล้วสอนให้ฉันภาวนาไป ฉันไม่แปลกใจนักเนื่องจากพี่จิ เป็นเหมือนพี่สาว มีความรู้เรื่องสมาธิแล้วเคยไปธุดงค์ นับถือคำสอนของหลวงปู่เทสก์ หลวงปู่ชา เป็นที่สุด คำสอนของพี่จิคือให้ฉันบริกรรมพุทโธ หายใจเข้า “พุท” หายใจออก “โธ” ช้าๆ ระหว่างการรอผล การบริกรรมทำให้ฉันสงบเป็นบางครั้งบางคราวโดยเฉพาะช่วงรอผล

    การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดี ฉันโชคดีที่ผลตรวจออกมาไม่เป็นมะเร็งแต่เหมอใช้ระยะเวลาผ่าตัดนาน เนื่องจากเจอเนื้องอกเล็กๆที่อวัยวะข้างเคียง แต่การรักษานั้นต่อเนื่องไปอีกสามสี่ปีเนื่องจากฉันแพ้ยาเพื่อระงับป้องกันไม่ให้เนื้องอกกลับมาอีกการปรับยาในแต่ละเดือนทำให้สภาวะอารมณ์ชองฉันบางวัน หดหู่ ซึมเศร้า การพบหมอเดือนเว้นเดือน เป็นความเบื่อหน่ายของฉัน โชคร้ายที่ยาตัวสุดท้ายได้ผลไปกระตุ้นเนื้องอกที่อวัยวะส่วนอื่น หมอจึงตัดสินใจเลิกให้ยา แต่ให้ติดตามการรักษาเป็นทุกๆเดือน แล้วค่อยเพิ่มระยะห่างเป็นสามเดือน หรือหกเดือน ขึ้นอยู่กับความเปลี่ยนแปลงของเนื้องอก แต่กลายเป็นว่าฉันต้องหาหมอแผนกอื่นเพื่อติดตามผลของเนื้องอกอีกส่วนด้วย

    สภาพจิตของฉันหล่นวูบทุกครั้งที่หมอบอกว่าเจอก้อนเนื้อเพิ่ม สิ่งเดียวที่ฉันทำตลอดเวลาคือฝึกดูลมหายใจไปตามที่พี่จิสอนอย่างช้าๆ ดูลมหายใจไป กำหนดรู้ไปอย่างที่มันเป็น อย่างน้อยเพื่อช่วยให้ฉันรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะของอารมณ์ และสภาวะจิตใจที่เปลี่ยนแปลง บางทีก็มีอาการร้อนวูบ เทน้ำแข็งเอาตัวเองไปนอนแช่ในอ่างน้ำเย็นจัด หรือ บางทีก็มีอการซึมเศร้าจากการเปลี่ยนแปลงของยา ฉันไม่รู้หรอกเรื่องอานุภาพของสมาธิ รู้แต่ว่าสิ่งที่พี่จิสอนช่วยทำให้ฉันมีสติมากขึ้น จนฉันตัดสินใจไปฝึกอบรมสมาธิที่สถาบันจิตตานุภาพตามที่พี่จิแนะนำ ในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ เน้นการภาวนาเบื้องต้นในชีวิตประจำวัน อย่างขณิกสมาธิ การเดินจงกรม และภาวนาในอิริยาบถต่างๆ

    ฉันยังคงอาศัยการบริกรรมพุทโธ เมื่อมีเวลาว่าง หลับตาลงช้าๆ แล้วกำหนดลมหายใจช้าๆ เข้า ออก อย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย แม้ว่าอาการปวดทุเลาลง แต่ก็ต้องหาหมอเพื่อติดตามรักษาเนื้องอกส่วนอื่นๆ ต่อไป สิ่งที่คนรอบช้างพากันเห็นความเปลี่ยนแปลงคือฉันกลับมาเป็นคนเดิม อย่างน้อยมุมมองของฉันเปลี่ยนแปลงไป ร่าเริง ขนาดตั้งชื่อให้ก้อนเนื้องอกว่า น้องปิงปอง น้องสักหลาด ตามขนาดของเนื้องอกที่เจอ

    เดือนธันวาคมฉันคลำเจอเนื้องอกอีกก้อน พลางสะดุ้งขอให้คนรู้จักซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในแผนกช่วยคลำอีกครั้งหนึ่ง เราสองคนมองหน้ากันเป็นอันรู้กันยืนยันว่าว่าเตรียมฟังข่าวร้าย หรือไม่ก็ตั้งชื่อก้อนเนื้อใหม่รอไปพลางๆ ปลายเดือนฉันมีนัดตรวจสองครั้งก่อนพบอาจารย์หมอ คราวนี้ฉันแพ็คกระเป๋า โทรศัพท์พูดคุยกับหลวงพี่เพื่อหาวันที่ท่านว่างขอให้ท่านสอนการภาวนา เป็นครั้งแรกที่ฉันแต่งชุดขาวบวชเนกขัมมะ สำหรับฉัน สามวันเป็นการฝึกเจริญสติที่ยากที่สุด ตีสี่ตื่นขึ้นมาทำความสะอาดวัด แล้ววัตรเช้า วัตรเย็น ภาวนาเท่าที่จะทำได้ทุกขณะจิตโดยมีหลวงพี่เป็นผู้สอบอารมณ์ให้ จนเป็นพื้นฐานการภาวนาที่ฉันทำทุกวันนี้

    ปลายเดือนฉันหาหมอเพื่อทำการอุลตราซาวนด์ หมอแจ้งผลแต่ฉันกลับไม่เชื่อ จนกระทั่งอาจารย์หมอยืนยัน ก้อนเนื้องอกก้อนที่สามหายไปเอง แล้วบอกว่ายินดีด้วยนะไม่ต้องมาอีกแล้ว ก็ต่อไปเว้นปีค่อยมาตรวจอีกทีก็ได้ ส่วนเดือนกุมภาพันธ์อาจารย์หมออีกท่านขอติดตามผลที่ช่องท้องเนื่องจากว่าหากฉันหยุดยาแล้ว ความเสี่ยงที่เนื้องอกกลับมาค่อนข้างสูง ทางเลือกมีอยู่สองทางคือเปลี่ยนยาตัวใหม่หรือผ่าตัดอีกรอบแล้วเลาะเอาอวัยวะส่วนที่เหลือออก อาจจะเป็นเพราะการภาวนาหรืออะไรฉันไม่สามารถบอกได้ เพียงแต่หมอบอกว่าไม่ต้องทำอะไร อวัยวะที่เหลือปรกติเช่นเดียวกับอาการไมเกรนของฉํนก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ทุกวันนี้ฉันเองไม่ต้องใช้ยาระงับอการปวดรุนแรง หรือต้องทานยาแก้ไมเกรนอีกต่อไป แต่ก็ยังคงต้องดูแลสุขภาพ คอยสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเป็นระยะ

    การรักษาต่อเนื่องหลายปีทำให้ฉันได้เห็นความทุกข์นั้นเกิดจากร่างกายและเกิดจากจิตใจประกอบกัน ฉันไม่สามารถบอกเหตุผลได้ว่าเนื้องอกหายไปได้อย่างไรหรือเหตุใดอาการของฉันกลับดีขึ้น แต่ก็ยังคงหาอาจารย์หมอ ทุกวันนี้ฉันไม่ต้องรับยาเพื่อระงับการกลับมาของเนื้องอกอีกต่อไป และไม่ต้องทานยาแก้ปวด โรคไมเกรนที่เคยมีเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของฝันร้ายที่เกิดขึ้นในวาระหนึ่งแค่นั้น สิ่งหนึ่งที่ฉันทำตลอดช่วงระยะเวลาการรักษาสามสี่ปีคือ การกำหนดรู้ ลมหายใจเข้าและ ออกช้าๆ ว่า “พุทโธ” ฉันเล่าเรื่องนี้ให้พี่จิฟังอย่างละเอียด พร้อมกล่าวขอบคุณที่ทำให้ฉันได้ฝึกสมาธิ พี่จิและฉันยังคงหาโอกาสไปฝึกสมาธิบ้างตามแต่โอกาสอำนวย แม้ว่าทำงานอยู่คนละหน่วยงานกัน แต่เรื่องนี้น่าจะตอบคำถามได้ว่ามสมาธิช่วยเยียวยาโรคได้จริงหรือไม่ อย่างน้อยฉันกับพี่จิได้คำตอบแล้ว

    เรื่องเล่าของพี่จิและปอนด์จบลงสั้นๆ เพียงเท่านี้
    ข้าพเจ้าผู้ทำหน้าที่พิมพ์และเรียบเรียงได้ส่งต่อบันทึกเรื่องนี้ให้กับผู้ใหญ่อีกท่าน
    หากท่านเห็นว่าเรื่องนี้มีประโยนช์บ้าง ก็คงจะโพสต์หรืออาจจะเสริมรายละเอียดเรื่องการภาวนาต่อไป ข้าพเจ้าเป็นเพียงผู้อยู่ร่วมในแหตุการณ์และรู้จักทั้งปอนด์และพี่จิ รวมทั้งได้มีโอกาสได้ทำบุญร่วมกับทั้งสองท่านนี้ ขอมอบเรื่องราวนี้เป็นอุทาหรณ์ ไม่ประมาทต่อการดูแลร่างกาย และ จิตใจ โดยเฉพาะเวลาที่มีสติเมื่อเผชิญความทุกข์

    เรื่องดังกล่าวนี้ ได้ถูกส่งมาทางข้อความส่วนตัว
    คาดว่าตัวเจ้าของบทความคงมีความต้องการอยากจะแบ่งปัน
    ซึ่งในส่วนของผมเองไม่ได้กระทำการดัดแปลง หรือแก้ไขใดๆ
    ที่นำมาลงในกระทู้นี้
    เนื่องจากเห็นว่ามีความเกี่ยวข้องกันอยู่บ้างเล็กน้อย
    ถึงจะไม่ได้ลงรายละเอียดว่า พิจารณาอย่างไรให้อาการดังกล่าวนั้นดีขึ้นหรือหายไปได้
    แต่ โดยส่วนตัวคิดว่า น่าจะมีประโยชน์และเป็นกำลังใจให้แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย
    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...