สนทนาสบายๆ ตามประสา

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย ธณต, 8 พฤศจิกายน 2011.

  1. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    ขอบคุณพี่ธรรมพลครับ ผมอยากได้เเบบนี้ละครับคือพระที่ไม่ค่อยได้พบเเละเป็นที่รู้จักมากนักเพื่อวันข้างหน้าใครเจอจะได้รู้จักเเละมีความรู้ต่อไป

    หวังว่าคงได้ความรู้จากพี่ธรรมพลอีกนะครับ
     
  2. DHAMMAPHOL

    DHAMMAPHOL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,744
    ค่าพลัง:
    +2,105
    "ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ พระรอด ๑ ในพระเครื่องชุดเบญจภาคีอันมีชื่อเสียงโด่งดัง เคยมีใคร?สักคนไหม?ที่ออกมาบอกแก่นักสะสมพระเครื่องโดยทั่วไปว่าแท้จริงแล้วมีมากกว่า ๕ พิมพ์ (ใหญ่,กลาง,เล็ก,ต้อ,ตื้น)"
     
  3. ยากจริง

    ยากจริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +105
    สุดยอดมากครับพี่ ได้ความรู้อีกเยอะเลย
     
  4. u70

    u70 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    475
    ค่าพลัง:
    +121
    1.ขอถามเรื่องกลิ่นของพระสมเด็จครับ พระที่มีอายุร้อยกว่าปีจำเป็นต้องมีกลิ่นไหมครับ ....

    2.โดยส่วนตัวผมคิดว่าการดมกลิ่นสามารถรู้ถึงพระแท้ด้วยหรือเปล่าครับ......ขอบคุณครับ

    (ระวังอย่าสูดดมแมงกินพระเข้าไปด้วยครับ)
     
  5. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    กลิ่นหรือครับ

    กลิ่นอะไรครับ เท่าที่ทราบนะครับพระเนื้อผงจำเป็นต้องใช้ตัวประสานทำให้พระเกาะตัวเป็นทรงอยู่ได้ ซึ่งก็เป็นพวกน้ำมันตั้งอิ๋ว ซึ่งค่อนข้างจะมีกลิ่นที่รุนเเรงเรียกว่าเดินก็ได้กลิ่นจริงๆแล้วผมเคยถามพวกกันที่ชอบดมพระว่าดมอะไรได้คำตอบว่าดมกลิ่นน้ำมันถ้ามีก็เสร็จพระกลิ่นน้ำมันจะอยู่กับตัวพระนานมาก พระที่อายุไม่ถึงจะมีกลิ่นน้ำมันหรือกลิ่นสารเคมีหลงเหลืออยู่แต่ก็มีการนำน้ำอบมากลบกลิ่นแต่ยังไงก็กลบไม่หมด แล้วถ้าเก็บรวมกับพระใหม่ละกลิ่นจะติดมามั้ยได้คำตอบว่าอาจติดแต่ไม่เหมือนกันอันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าไม่เหมือนอย่างไร

    สรุปตามความคิดผมนะครับการดมกลิ่นพิสูจน์พระแท้ไม่ได้แต่พิสูจน์ได้ส่วนหนึ่งว่าพระนั้นปลอมครับ
     
  6. paraw

    paraw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,269
    ค่าพลัง:
    +868


    เขาเล่ากัน มาว่า เนื้อกระแจจันทร์ มีกลิ่นครับ
     
  7. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,978
    ค่าพลัง:
    +53,093
    กระทู้นี้ เด๋ว ก็คง ได้ หลายๆ ดาว ชอบ ครับ :cool:
     
  8. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    ไม่เป็นไรครับคุณตี๋ ซัวเรส จะได้ไม่ได้ คือจริงๆแล้วผมเพียงเเค่ได้โอกาศเก็บหนังสือพระเก่าๆหนีน้ำ แล้วก็เอามาอ่านเเก้เบื่อ เจออะไรแบบที่น่าจะเป็นประโยชน์ก็เอามาว่ากันแก้เซ็งนะครับคือชวนคุยไปเรื่อย มีคนคุยด้วยก็ดีแล้วครับ

    กระทู้นี้ไม่ได้สอนวิธีดูพระนะครับ แต่เป็นการเก็บเล็กผสมน้อยเหมือนคุยกันนะครับแบบว่าเอาเป็นพื้นฐานง่ายๆในการดูพระได้บ้าง ใครจะถามอะไรถ้าผมรู้ผมก็บอกให้นะครับ แต่ไม่ขอตอบว่าพระองค์ไหนเก๊แท้นะครับถามแบบที่ u70 ตอบได้ครับ

    ขอบคุณที่มีคนคุยด้วยนะครับ
     
  9. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,978
    ค่าพลัง:
    +53,093
  10. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    เปล่าครับไม่ได้เกิดวันจันทร์

    เพียงแต่ผมตามทีมนี้มาตั้งแต่ยุคคิงเคนนีคุมสมัยแรกๆแล้วครับ
    นอกเรื่องไปไกลแล้ววันนี้น้ำขึ้นนิดหน่อยเลยยังไม่ได้ค้นข้อมูลเลยเอาเป็นวันหน้านะครับ
     
  11. พ่อน้องออม

    พ่อน้องออม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +31
    อิอิ ประเมินงบซ่อมบ้านเสร็จ เลยขอแจมกระทู้พี่ธณตครับ
    ภาพนี้คือภาพครู (ที่ได้แต่ดู) ของผม
    วิทยายุทธนี้ผมได้มาจากอ.เล็กวัดรวก และพี่ชายที่ผมเคารพรักคนหนึ่ง

    สิ่งที่อยากให้ดูคือ
    1. ครีบล้น
    2. รอยตัด
    3. การงอตัว
    4. รอยยุบตัวตามขอบ
    ผมสรุปเอาเองว่า นี่คือธรรมชาติความเก่าครับ

    [​IMG]
     
  12. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    โค๊ด ธรรมจักร ชินราชอินโดจีน

    ไม่ใช่โค๊ดอกเลาจะไม่สำคัญแต่อกเลานะมีเเค่แบบเดียว จริงไม่ยากที่จะดูแต่ธรรมจักรมีอยู่ตามตำราว่ามี 4 แบบด้วยกัน

    1.แบบที่โคนซี่ล้อเป็นครุฑ ก็คือในส่วนที่ติดกับขอบวงนะครับ เป็นรูปครุฑกางปีก ปีกจะใหญ่และเชิดขึ้น ตรงกลางหักเป็นมุม จุดกลางที่เป็นเหมือนดุมล้อจะค่อนข้างกลมใหญ่

    [​IMG]

    2.แบบดุมล้อจะโย้ออก คือจะมีซี้ล้อหนึ่งโย้ออกไป ดุมล้อจึงดูว่าโย้ออก

    [​IMG]

    3.โค๊ดชลูด ดุมล้อค่อนข้างกลม ซี้ล้อจะดูผอมชลูดไม่หักมุม

    [​IMG]

    4.เหมือนแบบที่3.แต่มุมจะหักมุม

    [​IMG]

    จริงๆแล้วแต่ละตำราก็จะว่าแตกต่างกันออกไปนะครับต้องวิเคราะห์เอาเองนะครับว่าจะเอาเเบบไหนข้อมูลนี้ผมนำมาจากหนังสือมหาโพธิ์ปี 27 อาจจะเก่าไปบ้างผมอ่านเเล้วยังขัดใจบางอย่างแต่ก็ยังเห็นว่ามีประโยชน์บ้างเลยเอามาคุยกัน ใครมีข้อมูลที่ต่างไปก็เชิญครับ แล้วมาว่ากันเรื่องพระแท้โค๊ดปลอมอีกทีนะครับ
     
  13. DHAMMAPHOL

    DHAMMAPHOL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,744
    ค่าพลัง:
    +2,105
    "ขอบคุณมากครับคุณธณตสำหรับความรู้ที่นำมาฝากสมาชิกครับ"

     
  14. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    พระแท้แต่โค๊ดปลอม

    ปี 16 พุทธสมาคมได้เปิดให้คนเช่าพระชินราชอินโดจีน ที่ตกค้างอยู่ในจำนวนนี้มีอยู่จำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ตอกโค๊ด และราคาถูกกว่า จึงมีนักเล่นพระได้โอกาศ นำพระที่ไม่ได้ตอกโค๊ดที่เช่ามาในราคาไม่แพงนำมาตอกโค๊ดใหม่ซึ่งเป็นโค๊ดเดียวกับที่ตอกในชินราชอินโดจีนที่ปลอมอยู่ แล้วเทออกมาพร้อมกัน ทำให้เกิดการสับสนโดยคนที่ดูเนื้อพระแล้วไปเจอพระแท้โค๊ดเก๊ แล้วมาดูโค๊ดทีหลัง ก็เลยคิดว่าโค๊ดนั้นเป็นของเเท้ เมื้่อเจอพระปลอมและคิดว่าพระล้างมาเเล้วดูโค๊ดก็เลยเสร็จ

    ทีนี้มีหลักการดูเเบเบื้อต้นมาฝาก

    1.พระปลอมส่วนมากจะเเบนสังเกตุจากการดูจากใต้ฐานไป หมายถึงหงายฐานดูจะเห็นชัด

    2.พระปลอมจะเป็นเนื้อทองเหลืองที่ล่อเเบบเร่งหล่อและเป็นทองเหลืองเนื้อไม่ค่อยดี เมื่อส่องดีๆในที่สว่างๆจะพบการเหลือบออก วาวเงิน

    3.กระแสพระจะเป็นสีเขียวเท่านั้น ของปลอมส่วนใหญ่จะเป็นกระแสแดง

    ดูเนื้อดีระวังโค๊ดด้วยนะครับ
     
  15. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    อันนี้ไปอ่านเจอมาก็น่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

    ปัจจัยที่ทำให้เหรียญเสื่อมสภาพ

    1. ความชื้นประเทศไทยของเราตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้นความชื้นในอากาศ เมื่อมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ความร้อน ความเย็นอาจทำให้ไอน้ำในอากาศ ควบแน่นเป็นหยดน้ำ ติดอยู่บนผิวเหรียญ ถ้ามีก๊าซพิษ เช่นคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซไข่เน่า อยู่ด้วย น้ำจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนทันทีทำให้กัดกร่อนผิวของเหรียญได้
    น้ำ เหรียญที่แช่ในน้ำนานๆย่อมสึกกร่อนได้เร็วกว่า การเก็บไว้ในที่ชื้น เพรษะน้ำในธรรมชาติ จะมีฤทธิ์ เป็นกรด ( Acid) หรือ ด่าง ( Base) อย่างอ่อน ยากที่จะมีฤทธิ์เป็นกลาง ( Neutral) ทั้งกรดและด่าง ล้วน สามารถที่จะกัดกร่อนโลหะได้ทั้งสิ้น
    2. ความร้อนมีผลต่อเหรียญที่ผิวสกปรก มีคราบเหงื่อไคล ซึ่งมีน้ำคุณ และเกลือที่ละลายอยู่ในเหงื่อ หรือ เหรียญที่มีไอน้ำกรดด่างติดอยู่ความร้อนจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้สารเคมีเหล่านี้ กัดกร่อนผิวเนื้อ เหรียญให้เสียหายได้
    3. แสงสว่างเมื่อถูกผิวเหรียญพลังงานส่วนหนึ่งของแสง จะถูกเปลี่ยนเป็นความร้อน ซึ่งเป็นผลเสียต่อผิวของเหรียญได้ เมื่อมีปัจจัยอื่น เช่น ก๊าซ หรือ ความชื้น เข้ามาเกี่ยวข้อง
    4. อากาศในอากาศมีก๊าซหลายชนิด ผสมปนกันอยู่เหรียญที่ทำด้วยโลหะชนิดต่างๆ มีความไวต่อ ปฏิกิริยากับก๊าซชนิดต่างๆ ไม่เท่ากันถ้าเก็บอย่างไม่ระมัดระวัง ผิวเหรียญอาจสึกกร่อนได้ สารเคมี อันประกอบด้วย กรด ด่งและ เกลือ ล้วนมีผลทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมี กับผิวเหรียญได้ ควรเก็บเหรียญให้ห่างจากสารเคมีต่างๆ
    5. เหงื่อบนนิ้วมือของเรามีต่อมเหงื่ออยู่ทั่วไปตามแนวเส้นลายมือ นอกจากนั้น นิ้วมือที่จับเหรียญยังอาจนำคราบสกปรกอื่นๆ เช่น ฝุ่น หรือ เศษอาหารมาติดเหรียญได้ สัตว์ต่าง ๆ เช่น มดหนู แมลงสาบ อาจมาทำรังในตู้เก็บเหรียญ หรือมาเหยียบย่ำเหรียญให้เป็นรอยได้ควรหมั่นตรวจตราอยู่เสมอ
    6. ฝุ่นละอองเป้นสิ่งที่มองไม่เห็นมีอยู่ทั่วไปในบรรยากาศ อาจทำให้เกิดคราบติดแน่นบนผิวเหรียญได้
    การตกหล่นกระทบกระแทก และการขัดถูเหรียญ เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะทำให้เหรียญสูญเสียคุณค่าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ สภาพของเหรียญที่ไม่ได้แตะต้องเลย เรียกว่า "ผิวเดิม" เป็น ที่ปรารถนาของผู้สะสม เหรียญผิวเดิมบางชนิดมีราคาสูงกว่าเหรียญชำรุดหลายสิบเท่า ไฟ นอกจาก ทำลายตัวเหรียญให้หลอมละลายแล้วยังทำลายทรัพย์สินอื่นๆ อีกด้วย


    วิธีการเก็บรักษาเหรียญและข้อควรระวัง

    1. เก็บในที่ ๆ อากาศแห้งที่สุด โดยใช้ถุง หรือภาชนะอื่นที่ปิสนิท อากาศเข้าไม่ได้ แล้วใช้สารดูดความชื้น ที่ไม่มีไอพิษ เช่นซิลิกาเจล ควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ให้ต่ำกว่า 45% ไม่ควรเก็บไว้ในห้องอับชื้น อันอาจเกิดเห็ดรา หรือเป็นที่ทำรังของมดปลวกได้
    2. เก็บในที่ๆควบคุมอุณหภูมิได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ควรเก็บไว้ในห้องที่ปรับอากาศบางเวลา เพราะว่าเมื่อปิดเครื่องปรับอากาศแล้ว จะทำให้หยดน้ำมาเกาะที่ผิวเหรียญได้หมั่นตรวจตราดูแลความสะอาด บริเวณที่เก็บ ไม่ให้มีเศษอาหารตกค้าง ไม่ให้รกรุงรัง เป็นที่อาศัยของ มดหนู และ แมลงต่างๆ
    3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบรรยากาศ โดยใส่ตลับ ซองพลาสติกหรือ ซองเหรียญ ( Mount) แล้วปิดผนึก ไม่ให้อากาศเข้าได้ไม่ควรผนึกแน่นเกินไปจนกดทับตัวเหรียญ
    4. ไม่วางทับซ้อนกัน ควรวางแยกจากกันระวังไม่ให้เหรียญกระทบ ขูดขีดกัน
    5. ไม่ควรเคลือบผิวเหรียญด้วยสารใดๆเพราะทำให้สารเหล่านี้ ติดกับผิวเหรียญ เมื่อลอกออก จะทำให้ผิว เสียหายได้
    6. การหยิบจับ ควรใช้ถุงมือป้องกันเหงื่อติดตัวเหรียญ หรือ ถ้าต้องใช้มือจับควรจับที่ขอบเหรียญ โดย ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่แล้วเช็ดให้แห้งเสียก่อนเมือหยิบจับ ควรระวังไม่ให้ตก เมื่อเคลื่อนย้ายควรวาง บนถาดที่ปูด้วยผ้านุ่มที่ปราศจากสารเคมี ห้ามใช้กาว หรือ เทปกาว ติดตัวเหรียญ
    7. ตู้เก็บหรือตู้จัดแสดง ต้องปราศจากสารระเหย เช่น แลคเกอร์ หรือ ยาฆ่าแมลง และต้องปิดสนิท
    ตู้เก็บเหรียญเงิน ควรอยู่ห่างพื้นดินมากๆ ไม่ควรอยูใกล้ห้องน้ำท่อระบายน้ำ และ น้ำเน่า ฐานตู้จัดแสดง ควรใช้ผ้าชุบสารละลายตะกั่วอาซีเตท ( PbAcO) เพื่อป้องกันก๊าซไข่เน่า จาก บรรยากาศที่ทำให้ผิวเงิน ดำได้
    8. ไม่ควรเก็บเหรียญที่เป็นสนิมปะปนกับเหรียญสภาพดี เพราะสนิมสามารถลามไปติดเหรียญได้ยิ่ง ถ้าร้อนชื้น จะทำให้เกิสนิมเร็วขึ้น
    วิธีการทำความสะอาดเหรียญ

    การเก็บรักษาเหรียญ เป็นวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย ขึ้นกับเหรียญแต่ถ้าเหรียญสกปรกเสียหาย เหมือนกับเกิดโรคขึ้นแล้ว จำเป็นต้องใช้ยารักษา คือการทำความสะอาด อันเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น เพราะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีทำให้คุณค่าของเหรียญลดลง โดยเฉพาะ เหรียญที่ทำปฏิกิริยากับอากาศ นาน ๆ จนมีสี (Toning) แสดงถึงความเก่าแก่ อันเป็นที่นิยมมากในยุโรบ และอเมริกาอย่างไรก็ตามเหรียญ ที่สกปรกมาก ๆ อาจทำความสะอาดได้ โดยล้างอย่างระวัง ในน้ำสบู่หรือ แปลงขนอ่อนปัดเบา ๆ ใช้ สำลีนุ่ม ๆ ห้ามแช่ในน้ำกรดส้มมะขาม หรือมะนาวเด็ดขาดข้อพึงสังวรคือ การทำความสะอาดนั้น แท้จริง แล้วเป็นการทำลายความเป็น "ผิวเดิม"ของเหรียญ อย่างที่ไม่สามารถกลับคืนมาได้อีก เปรียบเสมือน พรหมจารีของสตรีเช่นนั้นนอกจากนั้น เดี๋ยวนี้มีน้ำยาล้างเหรียญเงิน ที่มีสารไซยาไนด์ เป็นส่วนประกอบทำให้เกิดปฏิกิริยารุนแรง ทั้งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ จึงต้องระมัดระวังทั้งไม่แช่นานเกินไป จนผิวถูกกัด กร่อนควรใช้น้ำยานี้ทำความสะอาจเหรียญที่สกปรกเท่านั้น ไม่ควรใช้กับเหรียญดีผิวเดิม

    จาก blog oknation.net
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2011
  16. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    เหรียญบวม

    การดูเหรียญเบื้องต้นมีหลายคนบอกว่าเหรียญบวมนะเสร็จแน่นอน แต่ดูให้ดีนะครับบางเหรียญมีลักษณะคล้ายบวมเรียกว่าถ้านำมาวางบนพื้นแล้วหมุนนะหมุนได้เลย โดยทั่วไปจะเรียกว่าตุง อาจตุงหน้า หรือตุงหลังก็ว่ากันไป แต่ผมไม่เคยเห็นเหรียญที่ตุงทั้งสองข้าง
    ยกตัวอย่างนิดนึง เหรียญสวัสดิกะ หลวงพ่อโอภาสี นอกจากดูเส้นฟันสี่ซีในปาก ดูเม็ดหัวเข็มหมุดที่ไหล่ที่ของปลอมยังทำไม่เนียนแล้ว อีกอย่างคือเหรียญนี้ตุงหลังครับเรียบไม่ได้มองค่อนข้างชัดเป็นเเอ่งกะทะก็ว่าได้ครับ ที่ว่าเนี้ยะก๊คืออยากบอกว่าอย่าดูว่าเหรียญบวมแล้วรีบวางนะครับ แต่ถ้านูนสองด้านผมก็วางเหมือนกันครับ

    เล็กๆน้อยๆ เป็นเกล็ดย่อยกันไป ถ้าเบื่อก็บอกกันได้นะครับจะได้เลิกซะที
     
  17. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    อันนี้ก็เจอมาเหมือนกันครับ

    วิธีล้างคราบรักหรือคราบต่างๆ วิธีขจัดสนิมเขียว วิธีการเก็บรักษาพระเครื่องพระบูชา

    1. วิธีล้างคราบรักหรือคราบต่างๆ ที่ติดอยู่กับพระผง, พระกรุต้องทำอย่างไร

    2. วิธีขจัดสนิมเขียวออกจากองค์พระบูชาต้องทำอย่างไร

    3. วิธีการเก็บรักษาพระเครื่อง-พระบูชาของคุณแทนทำอย่างไรบ้าง

    ตอบ..

    1. วิธีล้างทำความสะอาดพระเครื่องนั้น ต้องดูที่ว่าเราต้องการทำความสะอาดอะไร และพระนั้นๆ มีเนื้อวัสดุเป็นอะไร เพราะการทำความสะอาดจะไม่เหมือนกันครับ การทำความสะอาดก็ต้องประณีตพอสมควร ไม่เช่นนั้นจะทำให้พระเก่าๆ นั้นเสียหายได้ครับ เอาละผมจะพูดถึงการทำความสะอาดทั่วๆ ไปก่อน ถ้าพระเครื่องของคุณสกปรกอาจจะมาจากคราบเหงื่อไคลหรือผงฝุ่นละอองต่างๆ ก็ให้นำเตรียมน้ำอุ่นแล้วผสมกับสบู่เหลวใส่ถ้วยไว้ หาพู่กันระบายสี เอาชนิดดีๆ หน่อย จะเป็นของสง่ามะยุระก็ได้เอาประเภทขนแปรงอ่อนๆ ก็แล้วกัน จากนั้น ให้ตัดปลายพู่กันให้สั้นลงสักเกือบครึ่งหนึ่งเพื่อให้ขนแปรงมีสปริง จากนั้นก็นำพระที่จะล้างลงแช่ในน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ ค่อยๆ ใช้พู่กันปัดเบาๆ หลายๆ ครั้ง จะเห็นว่าคราบสกปรกจะค่อยหลุดออกเองครับ ทำอย่างนั้นจนกว่าจะพอใจ แล้วก็นำน้ำสะอาดมาใส่ถ้วยแล้วนำพระมาล้างอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็นำพระไปผึ่งลมจนแห้งหรือผึ่งลมไว้สัก 24 ช.ม. ก็เป็นอันเสร็จพิธีครับ ข้อสำคัญอย่าล้างแบบรีบร้อนเพื่อต้องการเอาสิ่งสกปรกออกเร็วๆ ต้องค่อยๆ ล้างออกทีละนิดทีละนิดนะครับ


    ส่วนวิธีล้างรักออกจากองค์พระนั้น เป็นกรรมวิธีที่ต้องใช้ความประณีตมาก ขั้นแรกให้ไปซื้อนำยาลอกสีจากร้านวัสดุก่อสร้างมาหนึ่งกระป๋อง เอากระป๋องเล็กก็พอไม่กี่บาทหรอก จากนั้นก็หาพู่กันขนแข็งจากร้านวัสดุก่อสร้างนั่นแหละมาหนึ่งอัน แต่ไม่ต้องตัดปลายอีก หาไม้ไผ่หรือไม้เสียบลูกชิ้นก็ได้มาหนึ่งอัน จากนั้นก็หาภาชนะใส่น้ำไว้ 2 อัน อันแรกให้ใส่น้ำผสมสบู่เหลว อันที่สองให้ใส่น้ำสะอาดเตรียมไว้ จากนั้นก็นำน้ำยาลอกสีมาใส่ภาชนะที่เป็นกระเบื้องหรือแก้วก็ได้ ตักออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เอาไม้ไผ่แตะน้ำยานำมาแต้มที่บริเวณรักที่ต้องการจะลอก ให้ทำทีละจุดเล็กๆ ก่อน ทิ้งไว้สักครู่ก็จะเห็นว่ารักจะเริ่มพองและเริ่มล่อนออกมา ก็ให้ใช้พู่กันปัดเอารักออก ทำไปเรื่อยๆ จนหมด จากนั้นก็นำพระไปล้างที่น้ำผสมสบู่เหลว ปัดด้วยพู่กันขนอ่อน ล้างให้สะอาดแล้วล้างซ้ำด้วยน้ำสะอาดอีกที แล้วจึงนำไปผึ่ง เป็นอันเสร็จพิธีครับ อย่าลืมว่า การทำทั้งสองอย่างที่บอกมานี้ต้องค่อยๆ ทำทีละน้อยทีละจุด อย่างประณีต ไม่เช่นนั้นจะทำให้องค์พระเสียหายได้ครับ อ้อน้ำยาลอกสีนี้ เวลาใช้ต้องระวังให้มากครับ อย่าให้กระเด็นโดนผิวหรือตาเป็นอันขาด เพราะมีส่วนผสมของโซดาไฟครับ ถ้าโดนผิวจะแสบจี๊ดเลยครับ ถ้ากระเด็นโดนก็ให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดมากๆ และถ้าโดนตาละก็ไม่ต้องพูดแหละครับรีบล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วรีบหาหมอลูกเดียว

    2. วิธีขจัดสนิมเขียวออกจากพระบูชา ก็ทำคล้ายๆ กับการล้างคราบสนิมเขียวจากเหรียญถ้าเป็นไม่มากนักก็ใช้ครีมทาผิว ยี่ห้อนีเวีย หรือซิตร้าไวท์ก็ได้ พอกไว้บริเวณที่เป็นสนิมเขียว ทิ้งไว้ประมาณ 24 ช.ม. แล้วจึงล้างออก ถ้ายังออกไม่หมดก็พอกใหม่ทิ้งเวลาให้นานขึ้นๆ ทำไปเรื่อยๆ จะค่อยๆ ออกจนหมดครับ ยังมีวิธีที่ล้างสนิมเขียวให้เร็วขึ้น แต่เสี่ยงกับการเสียผิวพระครับ ผู้ล้างต้องมีความรู้ความชำนาญมากจึงจะทำได้ครับ

    3. การเก็บรักษาพระเครื่อง-พระบูชา ก็ไม่มีอะไรมากครับ พระเครื่องที่เราใส่ห้อยคอ ถ้าไม่คิดอะไรมากก็เลี่ยมพลาสติกหุ้มแล้วไปจับกรอบทองหรืออะไรก็แล้วแต่อีก ที ไอเหงื่อจะไม่ไปโดนองค์พระครับ แต่ถ้าใส่กรอบแบบตลับ ไอเหงื่อจะซึมเข้าได้ ก็คอยสังเกตดู ถ้ามีสิ่งสกปรกเข้าไป นานๆ ก็นำมาล้างตามที่บอกไปแล้วซักที ก็พอครับส่วนพระที่เก็บไว้ที่บ้านก็ให้หากล่องใส่พระที่เป็นกล่องสแตนเลสที่ มีฟองน้ำสองด้าน (ด้านบนและด้านล่าง) สำหรับใส่พระเขามีขายทั่วไปตามร้านขายอุปกรณ์ใส่พระ นำพระเก็บไว้ให้ห่างกันพอสมควร ไม่ควรใส่จนแน่นเกินไปจะทำให้พระเสียหายได้ และควรใส่พระประเภทเนื้อแบบเดียวกันในกล่องเดียวกัน เช่นเนื้อผงก็ใส่กับเนื้อผง เนื้อดินก็ใส่กับเนื้อดิน เนื้อโลหะก็ใส่กับเนื้อโลหะ เหรียญก็ใส่กับเหรียญ และไม่ควรใส่พระในกล่องโดยซ้อนกันสองชั้นจะทำให้พระเสียหายได้

    ส่วนพระบูชาก็ไม่มีอะไรมากตั้งไว้บนหิ้งพระนั่นแหละครับ ถ้ากลัวว่าจะมีฝุ่นหรือความชื้นมาเกาะก็หาครอบแก้วมาครอบไว้ แล้วนำซองกันชื้นมาใส่ไว้เพื่อกันความชื้นก็พอช่วยได้ครับ ซองกันชื้นถ้าหาที่ไหนไม่ได้ก็ไปซื้อที่ร้านถ่ายรูปหรือร้านขายกล้องถ่ายรูป เขามีขายครับ

    การเก็บรักษาพระเครื่อง-พระบูชาที่ผมบอกนี้ไม่ได้กันขโมยนะครับ ถ้ากันขโมยก็ต้องเก็บไว้ที่ธนาคารครับ
     
  18. ทิพย์มงคล

    ทิพย์มงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    3,892
    ค่าพลัง:
    +8,215
    ขอบคุณสำหรับ ความรู้ดีๆครับ
     
  19. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,978
    ค่าพลัง:
    +53,093
    จัดมาได้เลยครับพี่ รออ่านอยู่ ไม่มีเบื่อ ครับ :cool::cool:
     
  20. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    วันนี้เลาะตะเข็บนิดๆนะครับ

    พอดีได้อ่านกระทู้แล้วมีบางท่านบอกว่าพระแท้ไม่มีแล้วจะปลอมทำไม ทำให้นึกขึ้นได้ว่ามีหลายๆคนที่ผมรู้จักและได้ยินบ่อยๆเรื่องนี้ มีแน่นอนพิมพ์นี้ไม่มีเขาจะทำปลอมทำไม ผมไม่ว่าเรื่องวังหน้า กรุวัดพระแก้วละไม่อยากมีปัญหา จริงอยู่พระที่ไม่เคยเห็นใช่ว่าจะไม่มี แต่ลองคิดตามผมนิดนึงนะครับ สมมุติว่าคุณจะทำพระปลอมซักองค์ แน่นอนคุณต้องอยากให้เหมือนที่สุดเรียกว่าหาจุดบกพร่องไม่ได้เลยแต่นั้นต้องใช้ความพยายามเเละต้นทุนที่สูงการยิงก็ต้องสูงเพื่อคุ้มทุนเเละมีกำไร แต่ถ้าคุณจะยิงสนามล่างละในราคาพอควรต้นทุนคุณต้องต่ำที่สุด การปลอมพระที่มีอยู่หรือได้รับความนิยมในราคาต้นทุนที่ไม่สูงย่อมได้ผลลัพพ์ที่เรียกว่าดูค่อนข้างง่าย ทำไงดีทำพระอุปโลกดีกว่า ทำเนื้อให้แปลกตา ทำพิมพ์ขึ้นใหม่หลอกด้วย พศ. ทำให้คนเล่นพระบางคนที่ค่อนข้างอ่านตำราไม่มากเกิดความไม่แน่ใจว่ามีหรือไม่ ดูเนื้อเข้าท่า แต่ไม่รู้จะดูตำหนิตรงไหนเพราะไม่เคยเห็นมาก่อนคิดว่าตัวเองคงอ่านมาไม่มาก เอาไว้ก่อนดีกว่ากันพลาด

    ที่ผมว่ามานี้คืออยากจะบอกว่ามีหลายหลวงพ่อหลายกรุที่ทำแบบใหม่ๆขึ้นมา ของแท้ไม่มีก็ใช่ว่าจะไม่มีของปลอมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...