วิญญาณ มีมวลสารและมีน้ำหนัก ใช่หรือไม่?

ธรรมจักรวาล

ธรรมจักรวาล​

ธรรม ธรรมชาติ สรรพสิ่งในสากลจักรวาล<O></O>

ทุกสิ่งคงอยู่ได้ด้วยหลักแห่ง​

 

เช็คยากครับอาจจะเหมือนเราขยันตัวบนที่ชั่งน้ำหนักก็ได้ และความคิดผมๆว่ามีน้ำหนักครับประมาณ 5 มิลลิกรัมตามที่คุณบอกแหละครับ ลองหาหนังสือของอาจารย์ปริณญา ตันสกุลมาอ่านสิครับ แต่แกเขียนอ่านยากครับสู้ในพระไตรปิฏกไม่ได้ หรือหนังสือธรรมธาตุครับ ลองอ่านกันดูแล้วจะรู้ว่าชีวิตเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน

 

เมื่อหลายปีก่อนมีนักวิทยาศาสตร์รู้สึกว่าชาวอังกฤษนะ (ไม่แน่ใจ)ได้ คิดค้นหาน้ำหนักของวิญญาณว่ามีน้ำหนักเท่าไหร่ จึงได้ทดลองกับชายคนนึงซึ่งใกล้จะตายโดยน้ำชายคนนั้นไปนอนบนเตียงชั่งแล้วจดบันทึกความเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก ซึ่งเมื่อชายคนนั้นได้หมดลมหายใจลงน้ำหนักจากเดิมก็ลดลงไป 21กรัม สรุปผลว่าวิญญาณของมนุษย์นั้นมีน้ำหนัก 21กรัม หลังจากนั้น ก็มีผู้กำกับหนังได้นำเรื่องนี้ไปทำเป็นหนัง ชื่อเรื่องว่า "21GRAMS" คือน้ำหนักที่หายไปในตอนที่หมดลมหายใจนั่นเอง
**หมายเหตุ เรื่องที่รู้นั้นได้มาจากเกมส์กล่องดำทางช่อง 3 ครับ ที่คุณปัญญาเป็นพิธีกร แล้วได้เอาอุปกรณ์ตรวจจับคลื่นวิญญาณมาถามผู้ร่วมรายการครับ ข้องใจตรงไหน แอดมาที่ pangpond.22@hotmail.com ครับ

 

ถ้าศึกษาวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ จะเข้าใจว่า สสาร มวลสาร พลังงาน นั้นเป็นสิ่งเดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนรูปไปมาได้ ดังสมการ
E = Mc2
E=M(c เป็นค่าคงที่ ความเร็วแสง)
Energy = Mass
พลังงาน คือ มวลสาร นั่นเอง ย่อมมีน้ำหนัก
ชีววิทยาเบื้องต้น
แต่ละเซลล์ร่างกาย มีแหล่งผลิตพลังงาน ในตัวเองทั้งสิ้น คือ ไมโตรคอนเดรีย
ถ้าทุกๆเซลล์ ทำงานพร้อมกัน เป็นหนึ่งเดียว จะมีพลังงานเกิดขึ้นมากเพียงใด???หามิเตอร์วัดได้มั้ย???
แต่ละเซลล์ทำงานเป็นหนึ่งเดียว ได้อย่างไร???อะไร กำกับ???
วิญญาณ???
ฟันธง...วิญญาณ คือ พลังงาน
พลังงาน คือ มวลสาร ย่อมมีน้ำหนัก...อย่างแน่นอน
พลังงาน...ไม่มีวัน..สูญหาย
เมื่อไม่สูญหาย..ต้องวนเวียน ใน สังสารวัฏ
จะอยู่ภพภูมิไหน(คลื่นความถี่ย่านไหน) ขึ้นอยู่กับ กรรม
กรรมบวกมาก...ไป..สุคติภูมิ
กรรมลบมาก...ไป..ทุคติภูมิ
ตัดกรรมได้ทั้งหมด...ไป..นิพพาน

 

วิญญาณมีน้ำหนัก..มีคนทดลองเอาฝุ่นแป้งอะไรบางอย่างโรยบนพื้นแล้มีพิธีกรรม...จากนั้นก็เห็นรอยเท้าวิญญาณ..หนะ

 

ชอบครับ

 

ทราบแต่ว่าจิตวิญญาณเล็กกว่าอณูปรมณูครับ

 

มีน้ำหนักหรือเปล่า ผมไม่รู้ แต่ผมจะเล่าเรื่องหนึ่งสั้น ๆ ให้ฟังนะครับ
เหตุการณ์นี้ประมาณ 3 เดือนที่แล้ว ผมนั่งดูทีวี ในห้องนอน โดยที่นั่งที่พื้นหันหลังให้เตียงนอน ช่วงนั้นเวลา 1600 น. ในบ้านตอนนั้นมีผมคนเดียวที่อยู่ในบ้าน นั่งดูโทรทัศน์เพลิน ๆ ได้ยินเสียง ตุ้บ ๆ ๆ ๆ อยู่ข้างหลังผม เหมือนเสียงคนเดินบนเตียงนอนแรง ๆ จากหัวเตียงมาท้ายเตียง ตรงมาที่ผม ผมก็หันไปมอง คิดในใจว่า ขนาดนี้เลยเหรอ แล้วก็หันกลับไปดูทีวีต่อ (ขณะที่เล่านี้ ผมอยู่บนเตียง เล่าไปขนลุกไป สงสัยผู้ถูกอ้างอิงจะรับรู้ว่ามีการกล่าวถึง) เป็นคนอื่นจะรู้สึกอย่างไรครับ ได้ยินเสียงว่ามีอะไรเดินเข้ามา หันไปไม่เห็นอะไรเลย เรื่องวิญญาณมีน้ำหนักไหม เท่าที่ได้รับรู้และสัมผัส ผมเชื่อว่า วิญญาณมีพลังงานและสามารถทำให้มีน้ำหนักได้ด้วยครับ

 

วิญญาณ ในความเห็นของผมจะให้ให้ความหมายทั้งในแง่เหตุและผลปัจจัย หากพิจารณาในแง่ของเหตุคืออาการความนึกคิดขึ้น ซึ่งภูมิระดับของอาการวิญญาณนั้นละเอียดกว่าและมีอิทธิพลปัจจัยเหนือรูปธรรมนามธรรมหรือสิ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาในจิต(ซึ่งจิตอาจนำอาการสิ่งเหตุการณ์นั้นมาสู่ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภาวะจิต การเกิดพฤติกรรมของจิต และลงเอยด้วยอาการทุกข์ของจิตในที่สุด) หากพิจารณาในแง่ของผลปัจจัย วิญญาณอาจมิใช่ลักษณะอันเป็นรูปธรรมแนวผีสางที่ล่องลอยออกจากร่างที่สิ้นชีพ หากแต่เป็นลักษณะอันเอื้ออำนวยสู่อาการจิตนึกคิดขึ้นในธรรม(ลักษณะอันเป็นจินตภาพ) ซึ่งย่อมเป็นมาเป็นไปอย่างช้านานและกว้างไกลมหาศาล มีความละเอียดและมีอิทธิพลครอบคลุมมิติระยะเวลาและระยะทางของลักษณะทางรูปธรรมนามธรรม 3 มิติในปัจจุบัน (แต่หลักวิญญาณธรรมทั้งปวงก็ย่อมอยู่ภายใต้ขอบข่ายอันช้านานกว้างใหญ่หากาลเวลาเริ่มต้นและขอบเขตระยะทางมิได้ของหลักสังขตธรรมที่ดำเนินมาถึงทุกขณะปัจจุบัน แต่การอยู่ภายใต้อิทธิพลของสังขตธรรมก็สามารถสิ้นสุดลงได้ ณ กาลเวลา สถานที่ปัจจุบันใด ที่สามารถระงับอวิชชาอันเป็นเหตุของสังขตธรรมได้ นอกจากนี้ยังมีหลักอสังขตธรรมที่เป็นมาเป็นไปและส่งผลตลอดกาลพ้นอนิจจังมิอยู่ภายใต้ปัจจัยของกาลเวลาสถานที่ใดอีก -_-")

(หลักการศึกษาของวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์โดยหลักก็คือ ศึกษาตามหลักรูปธรรมนามธรรม 3 มิติปัจจุบัน แต่หลักคณิตศาสตร์จินตภาพนั้นถือเป็นลักษณะอาการหนึ่งของหลักวิญญาณธรรม และโดยหลักมวลสารหรือความเร็วทางจินตภาพโดยฟิสิกส์ทฤษฎี แม้มิอาจมีอยู่ตามความเป็นจริงทางรูปธรรม แต่โดยหลักผลปัจจัยในสังขตธรรมนั้นพระปฏิจจสมุปบาทยืนยันในความมีอยู่และความมีอิทธิพลปัจจัยส่งผล ของหลักวิญญาณธรรมดังกล่าว จึงเห็นว่าลักษณะทางวิญญาณธรรมก็ย่อมเป็นอนัตตา อยู่ภายใต้ลักษณะอันเป็นศูนย์ถึงอนันต์ตลอดกาลเช่นเดียวกัน เพียงแต่หาคำตอบโดยวิธีทางคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ทางรูปธรรมนามธรรมยังมิได้ แต่การดำเนินการทางจินตภาพย่อมเป็นปัจจัยสู่ลักษณะทางรูปธรรมนามธรรมได้จริงตามหลักพระปฏิจจสมุปบาทและหลักคณิตศาสตร์)

ดังนั้น มวลสารตลอดจนความเร็วทางรูปธรรมปัจจุบัน(โดยความเห็นส่วนตัวกระผมจะให้ความเร็วทางรูปธรรมนั้นเร็วกว่าแสงและเชื่อว่าในอนาคตอาจมีการค้นพบความเร็วที่เป็นจริงทางรูปธรรมที่เร็วกว่าแสงบ้างก็ได้ กระผมให้ความเร็วของแสงคือความเร็วสูงสุดของสฬายตนธรรมปัจจุบัน) ย่อมอาจยังมีผลปัจจัยเหนือกว่ารูปธรรมนามธรรม โดยเป็นลักษณะทางจินตภาพที่ละเอียดและรวดเร็วกว่าสสารพลังงานและความเร็วทางรูปธรรมปัจจุบัน โดยลักษณะทางจินตภาพดังกล่าวอาจรวมถึงอาการนึกคิดของเราทุกคนด้วย ก็เป็นได้

ตามคำถามประเด็นกระทู้ ผมเห็นว่าทุกขณะที่มีชีวิตหรือขณะสิ้นชีพ มวลสารและพลังงานของร่างกายย่อมเปลี่ยนแปลงไปมาระหว่างกันตลอดเวลา(ซึ่งย่อมละเอียดมากจนถึงขั้นอนันต์หรืออนัตตา) ดังนั้นการทดลองดังกล่าวเพื่อจะหามวลของวิญญาณจึงอาจเป็นเรื่องที่ยากและยังไม่ละเอียดถูกต้องนักก็ได้ เพราะแม้แต่ลักษณะทางรูปธรรมอันเป็นสสารพลังงานก็ยังมีปัจจัยอันละเอียดอยู่มากที่นักวิทยาศาสตร์ก็อาจยังควบคุมได้ยาก หากจะหามวลสารที่ละเอียดมากกว่าลักษณะทางรูปธรรมโดยทั่วไปก็ยิ่งหาได้ละเอียดถูกต้องยากมากขึ้น

และขอตอบ(เดา)ตามความเห็นส่วนตัวว่า วิญญาณย่อมมีอิทธิพลของพลังงาน(ซึ่งละเอียดกว่า)เหนือสสารพลังงานทางรูปธรรม วิญญาณโดยทั่วไปย่อมอยู่ภายใต้หลักพระไตรลักษณ์อันเป็นทุกข์จึงย่อมยังมีอุปสรรคเป็นมวล และยังไม่อาจมีมวลเป็นศูนย์หรือเป็นอนัตตาแท้เช่นอสังขตธรรมและพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ มวลของวิญญาณหนักกว่ามวลของจิต(ซึ่งเป็นอาการสังขาร) มวลของวิญญาณเบากว่านามธรรมและองค์ประกอบมูลฐานทางรูปธรรมปัจจุบัน วิญญาณความนึกคิดย่อมมีความเร็วเหนือความเร็วทางรูปธรรมและแสง(แต่ช้ากว่าจิต) ขอตอบในประเด็นคำถามว่า มวลที่เปลี่ยนแปลงไปของร่างกายขณะสิ้นชีพย่อมเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงพลังงานทางรูปธรรมฟิสิกส์,ชีววิทยาของร่างกาย ชัดเจนเป็นสำคัญ หากพิจารณาเฉพาะมวลสารเนื่องจากวิญญาณที่เปลี่ยนไปควรเป็นน้ำหนักร่างกายที่ลดลงน้อยมากโดยควรเป็นทศนิยมที่ละเอียดกว่านั้นอีกมากครับ

 

ลูพี่..ดึง
ลูกน้อง..ดัน
เพื่อนกัน..หนุน

วิญญาณดั้งเดิม บริสุทธิ์ ดุจช่องว่าง ความว่าง อย่างยิ่ง...ไม่มีมวล
วิญญาณไม่บริสุทธิ์ มีกิเลสเกาะติด จิตมีอารมณ์ มีแรงยึดเหนี่ยว เกี่ยวพัน สัญญาบวกลบ...ย่อมมีมวล
(good) (good) (good)

 

ขุนดัน...อีกที

 

ถ้าหามวลที่หายไปจากสมการของไอสไตน์แล้วกลายเป็นพลังงาน แล้วมันเปลี่ยนจากพลังงานอะไรเป็นอะไร เป็นไปได้มั๊ยถ้าวิญญาณ คือ การที่อนุภาคทำตัวเป็นคลื่น (หลักของเดอบรอย) คือ ทำตัวเป็นคลื่นนิ่ง (คือไม่ได้ปล่อยพลังงาน) ซึ่งยังคงเป็นอนุภาคจึงอยู่ภายใต้สนามโน้มถ่วง แต่เราไม่สามารถ
หาตำแหน่งที่แน่นอนได้(เพราะทำตัวเป็นคลื่น) แล้วปล่อยพลังงานเมื่อถูกกระตุ้น เลยทำให้วิญญาณสามารถอยู่ บนโลกได้นาน รึเปล่า??? อยากลองเสนอความคิดเห็นดูบ้าง ช่วยแนะนำหน่อยนะ แล้วถ้าคนเราตายแล้วบางส่วนกลายเป็นพลังงานเนี่ย มันเกิดจากพลังงานจลน์ (ที่หัวใจเต้น ปอดขยายตัว 9ล9) กลายเป็นพลังงานในรูปของคลื่นสสารรึเปล่า ผู้ที่รู้ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ

 

5 มิลลิกรัม แบบว่า ลมตด ออกจากร่างหรือเป่าค่ะ

เลยเบา ขึ้นอิอิ*

 

น่าคิดนะ

 

พอดีผ่านมาทางนี้(อีกแล้ว อิอิ ^^)

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า พลังงานเปลี่ยนเป็นสสารได้ และสสารก็เปลี่ยนเป็นพลังงานได้

ลมหายใจเฮือกสุดท้าย ก็คือสสาร 5 มิลลิกรัม ก็อาจจะเป็นได้

แต่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.........(มีแต่)....

จากประสบการณ์ของเรานะคะ และด้วยความที่เราเคยศึกษาวิทยาศาสตร์มาก่อน

เรายืนยัน นั่งยัน นอนยัน เลยว่า

จิตวิญญาณ ไม่ใช่สสาร ไม่ใช่พลังงาน ไม่ใช่ไฟฟ้า อย่างที่ทุกคนเข้าใจ

จิตวิญญาณ ก็คือ จิตวิญญาณ
(เช่น.. พวกคุณจะไปบอกว่า ใบไม้คือก้อนหิน มันก็ไม่ถูก ใบไม้ก็คือใบไม้ค่ะ)

จิตวิญญาณ ไม่กินเนื้อที่ ไม่กินพื้นที่ ไม่ต้องการช่องว่าง

จิตวิญญาณ ไม่กินระยะทาง สามารถไปไหนก็ได้ ไม่ขึ้นกับระยะทาง

จิตวิญญาณ ไม่ขึ้นกับเวลา สามารถไปอดีต หรือ อนาคตก็ได้

หากจิตวิญญาณ เป็สสารหรือพลังงาน สิ่งที่กล่าวไปข้างบน จะทำไม่ได้เลย และที่จิตวิญญาณทำแบบนั้นได้ เพราะจิตวิญญาณ ก็คือจิตวิญญาณ

ในอนาคต ไม่น่าเกิน 60 ปี หนังสือวิทยาศาสตร์จะถูกบันทึกหน้าใหม่อย่างเป็นทางการ

สิ่งที่เร็วที่สุดในจักรวาล ไม่ใช่แสง แต่คือ จิตวิญญาณ

แล้วพวกเค้าจะได้พบคำตอบของจักรวาลอีกมากมาย...ไม่เกิน 60 ปีแน่นอน

จบค่ะ..เด๋วยาว.. มีไรติดต่อ mamboosha@hotmail.com มาคุยกัน

 

ลมหายใจ เฮือกสุดท้าย ต้องหายใจเข้า มีมวลอากาศเพิ่มขึ้น
ดังนั้น
5 มิลลิกรัมที่หายไป ไม่ใช่มวลอากาศ แน่นอน
และต้องคำนวนมวลได้ จากสูตร ความหนาแน่น * ปริมาตรอากาศ ของปอด

จิตวิญญาณ อันบริสุทธิ์ ว่างใส นั้นไร้มวล แต่ไม่ไร้พลังงาน เอนกอนันต์ อมตะนิรันดร์กาล
หาก ไม่บริสุทธิ์ ขุ่นมัว ย่อมมีมวล มีพลังงาน ล้าน%

เมื่อบริสุทธิ์ ดุจความว่าง อันเป็นที่ตั้งอยู่ สัมผัสอยู่ กับทุกอณูสรรพสิ่ง
จึงมีภาวะรู้ทุกอณูสรรพสิ่ง นั่นคือ สัพพัญญุตาญาณ นั่นเอง
(f) (f) (f)

 

น้ำหนักของวิญญาณ

วิญญาณเป็นนาม ไม่หน้าจะนำมาคำนวนน้ำหนัก แต่ในทาง วิทยาศาสตร์ มีการทดลองชั่งน้ำหนักคนไกล้ตาย เมื่อหมดลมวิญญาณ ออกจากร่างน้ำหนักของศพจะเพิ่มขึ้น 10-20 กรัม ในมิลินทปัญหาก็มีกล่าวถึงลักษณะของวิญญาณ คือทำให้กายเบาควรแก่งาน เช่นเกิดปีติตัวลอยได้อย่างฤษีเหาะในอินเดีย

เจริญพร
พระ12

 

อันนี้เก็บไว้นานแระ

ในนิยามทางวิทยาศาสตร์ วิญญาณเป็นพลังงานในรูปแบบหนึ่ง ตามที่อัลเบิร์ต ไอสไตน์ นักฟิสิกส์ชื่อดังของโลกกล่าวไว้ว่า

 

ยังไม่มีการทดลองหรือเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์สามารถวัดได้ในปัจจุบัน
ถ้าวิเคราะห์ตามหลักพุทธศาสนาในการดับนามธรรม เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณนั้น
แสดงว่าสิ่งเหล่านี้เป็น"พลังงาน"จาก รูป มนุษย์ทั้งสิ้น
คือมีรูปก่อน จึง มีนามธรรมเกิดได้
คล้ายโทรทัศน์ต้องมีไฟฟ้าเข้าเครื่องก่อนจึงมีภาพได้
เวลาเราทุบโทรทัศน์ เครื่องพัง รับภาพไม่ได้ แต่ไฟฟ้ายังไหลอยู่ในสายไฟ
เหมือนเวลาพระปฏิบัติ ดับ นามธรรมไปทีละอย่าง ก็คล้ายเราถอดชิ้นส่วนโทรทัศน์ออกทีละอย่าง จนรับภาพไม่ได้ คือ ดับทางนามธรรม
แต่ตัวไฟฟ้าที่เป็นคลื่นหรืออนุภาคของสสารที่เล็กที่สุดนี้ยังอยู่
อนุภาคนี้เล็กกว่าคว๊าก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ค้นพบแล้วเรียกชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว
แต่"ไฟฟ้าทางจิต"นี้ เล็กลงไปกว่าที่ค้นพบอีก
ไอ้ตัวเล็กที่สุดนี้แหละคือ"จิต" ที่ไปเวียนว่ายตายเกิด ไปเกิดเป็นผี เป็นเทวดา เป็นสัตว์ต่างๆ
คล้ายๆไอ้ตัวเล็กสุดนี้ มันเป็นเหมือนไมโครชิบที่เล็กที่สุดในจักรวาล
บรรจุความรู้ความจำในอดีตชาติปัจจุบันชาติเอาไว้
พอมันไปเกิดในร่างใด มันก็สะสมพลังงานคือกรรมดีกรรมชั่วเพิ่มทวีขึ้นไป
หมุนเวียนอยู่อย่างนี้
เมื่อมีวิธีเปิดมันออกดูได้ เช่นพระปฏิบัติ ก็จะเข้าใจในธรรมชาติของจักรวาล เข้าใจการเกิดแก่เจ็บตายฯลฯ
ตัวไฟฟ้าทางจิตนี้สามารถเปลี่ยนสภาพจากพลังงานเป็นสสารกลับไปกลับมาได้
ถ้ายึดตามข้อเขียนอาจารย์มหาบัว จะเห็นได้ว่า ไฟฟ้าทางจิตนี้ มันสามารถแปรสภาพตัวมัน กลายเป็นคล้ายสายหมอก คล้ายเส้นใย ไหลโยงตามคนท้องได้ คือ มันจะไปเกิดในท้องคนๆนั้นแล้ว
วิเคราะห์ตามอย่างนี้แล้ว แสดงว่า ไฟฟ้าทางจิตนี้เป็น"คลื่นชนิดหนึ่ง"
ไม่ใช่เป็นสิ่งเดียว จุดเดียว อันเดียว
แต่เป็นเกลียวคลื่นทางจิต
การสกัดไม่ให้เกียวคลื่นทางจิตนี้ทำงาน คือไม่ให้เวียนว่ายตายเกิด ก็ต้องทำแบบพระปฏิบัตินั่นแหละ
การที่บอกว่าเกลียวคลื่นทางจิต มีมวลสารหรือน้ำหนักหรือไม่ จึงทำไม่ได้
เพราะการทดลองต่างๆนั้น พอคนตาย เกลียวคลื่นทางจิต มันรวมตัวเป็นสิ่งที่เรียกว่าเป็นวิญญาญหรือผีในทันที คือมันสร้างร่าง สร้างรูปแล้วในอีกมิติหนึ่ง
แต่ถ้ามันต้องไปเกิดในท้องสัตว์ เช่นคอกหมู นั่นมันจะเป็นเกลียวคลื่นออกไปก่อน
แล้วจึงไหลเข้าท้องหมูต่อไป
การวัดเกลียวคลื่นที่ว่านี้ นักวิทยาศาสตร์ยังทำไม่ได้ ยังเห็นไม่ได้ แต่รู้ว่ามีแล้ว

 

รูปถ่ายวิญญาณ ช่วย post ให้ดูบ้างได้ไหม

"บางที ถ่ายรูปหมู่ลูกหลานเขาก็จะ ออกมายืนแถวหลังโอบลูกหลาน พออัดออกมา จะมีรูปวิญญาณ ติดมาด้วย เป็นข่าว บ่อยๆ"
"ผมถ่ายรูปวิญญาณ ไว้มาก เวลาถ่ายก็บอกเขาให้ใช้ อำนาจพลังที่มีอยู่เพิ่มประจุให้แรงขึ้น อำนาจประจุจะดึงละอองและความชื้นในอากาศให้มารวมให้บริเวณรอบตัวเขามีความหนาแน่นขึ้น เป็นหมอกจางๆๆ พอเรากด กล้อง ดิจิตัลที่ไวๆๆ จะติดรูป เขาทุกที เราอัดแจกให้คนดูบ่อยๆ"

อยากยืนยันจังเลยว่าเห็นด้วย แต่ไม่มั่นใจ เพราะรูปถ่ายที่มีคนให้ดิฉันดูนั้น เป็นรูปที่ fax มา แล้วก็ไม่ค่อยชัดเท่าไร คือมันดำมาก ถ้าเป็นไปได้คุณช่วย post รูปเหล่านั้นให้ดูบ้างได้ไหม