เพื่อการกุศล วัตถุมงคลสายพญานาค ปรอทสายวิชาเก่า เครื่องรางหายาก น.สุดท้าย

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย ตันติปาละ, 9 พฤศจิกายน 2010.

  1. kamontad

    kamontad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2010
    โพสต์:
    678
    ค่าพลัง:
    +574
    [​IMG]
    หยดน้ำยามเช้า สวยๆครับ


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  2. Lek2010

    Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467
  3. Ton_PB

    Ton_PB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    4,463
    ค่าพลัง:
    +2,005
    สวัสดีครับ วันนี้เข้ามาสายหน่ิอย เมื่อเช้าพึ่งไปทำบุญใส่บาตรมาครับ
     
  4. icecreamvanila

    icecreamvanila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +125
    คุณ kamontad >ภาพสวยมากๆค่ะ<
     
  5. kamontad

    kamontad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2010
    โพสต์:
    678
    ค่าพลัง:
    +574
    แก้มครับแก้มมมมมม
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  6. kamontad

    kamontad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2010
    โพสต์:
    678
    ค่าพลัง:
    +574
    อนุบาลหมีน้อย

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  7. kamontad

    kamontad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2010
    โพสต์:
    678
    ค่าพลัง:
    +574
    กุสุโรบายให้คนทำบุญ แต่สมัยใหม่เรียกว่า แพคเก็ตดั่งใจ

    พระพุทธองค์ตรัสถึงกฎแห่งกรรมว่า


    อดีตชาติได้แต่ประกอบแต่กรรมดี
    จึงได้เกิดมามียศสูงศักดิ์และร่ำรวยในโภคทรัพย์ ผู้ใดบำเพ็ญธรรมมาตลอดจะได้บุญวาสนาไปทุกภพทุกชาติ
    มนุษย์จงฟังให้ดี ฟังตถาคตกล่าวผลกรรมของไตรภพผลกรรมของไตรภพเป็นเรื่องใหญ่
    จงอย่าดูหมิ่นพุทธพจน์ จงฟังผลกรรมดังต่อไปนี้

    ปัจจุบันเป็นขุนนางเพราะเหตุใด
    ชาติก่อนนำทองคำสร้างพระพุทธรูป>>

    สิ่งที่ได้รับในชาตินี้เพราะชาติก่อนทำไว้>>
    ถวายเครื่องทรงสักการะพระพุทธองค์>>

    ทองคำสร้างองค์ดั่งสร้างตนเอง>>
    เครื่องทรงสักการะคืออาภรณ์ประดับกาย>>

    ดังนั้นอย่าคิดว่าขุนนางนั้นเป็นง่าย>>
    หากไม่ได้สร้างบุญก่อกุศลแต่ปางก่อนไว้ ไฉนเลยจะได้รับ>>

    มีรถนั่งมีเรื่อขี่เพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนสร้างถนนทำสะพาน>>

    มีเสื้อผ้าแพรพรรณประดับกายเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนบริจาคเสื้อผ้าให้ผู้ยากจน>>

    มีอาหารอิ่มสมบูรณ์เพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ยากจน>>

    ที่ไม่มีจะกินจะใส่เพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนไม่เคยบริจาคทานเลยแม้แต่น้อย>>

    มีตึกรามบ้านบ้านช่องเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวสารช่วยผู้ยากไร้>>

    มีบุญมีวาสนาเพราะเหตุใด>>

    เพราะชาติก่อนสร้างวัดสร้างศาลา>>

    มีหน้าตามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เพราะเหตุใด>>

    เพราะชาติก่อนบูชาพระพุทธรูปดอกไม้เครื่องหอม>>

    มีปัญญา มีความปราดเปรื่องเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนสวดมนต์สรรเสริญพระนามพระพุทธเจ้า>>

    มีภรรยาดีมีมรรยาทพร้อมเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนได้สร้างสมบุญกุศลมาร่วมกัน>>

    สามีภรรยามีอายุยืนยาวเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนได้แต่งริ้วธงประดับหน้าพระพุทธรูป>>

    มีพ่อแม่อยู่ครบเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนเห็นอกเห็นใจผู้กำพร้า>>

    ไม่มีพ่อแม่เพราะเหตุใด >>
    เพราะชาติก่อนชอบยิงนกตกปลา>>

    เลี้ยงลูกไม่รู้จักโตเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนชอบเจ็บแค้นผู้อื่น>>

    ชาตินี้ไม่มีลูกเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนข่มเหงรังแกลูกชาวบ้าน>>

    ชาตินี้อายุยืนเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนชอบซื้อสัตว์ปลดปล่อยชีวิต>>

    ชาตินี้อายุสั้นเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต>>

    ชาตินี้ไม่มีภรรยาเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนชอบผิดประเวณี ข่มขื่นลูกเมียเขา>>

    ชาตินี้เป็นม่ายเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนชอบดูหมิ่นดูแคลนสามี>>

    ชาตินี้เป็นทาสเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนไม่รู้จักบุญคุณผู้อื่น>>

    ชาตินี้มีตาดีเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนซื้อน้ำมันเติมตะเกียงบูชาพระ>>

    ชาตินี้ตาบอดเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนชอบอ่านหนังสือลามก>>

    ชาตินี้ปากแหว่งเพราะเหตุใด>>

    เพราะชาติก่อนกล่าวร้ายใส่ความผู้อื่น>>

    ชาตินี้หูหนวกเป็นใบ้เพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนปากร้ายด่าว่าพ่อแม่>>

    ชาตินี้หลังค่อมเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนหัวเราะคนที่ไหว้พระ>>

    ชาตินี้มืองอแขนคดเพราะเหตุใด>>

    เพราะชาติก่อนเคยตีพ่อแม่>>

    ชาตินี้ขาเป๋ตีนเป๋เพราะเหตุใด>>

    เพราะชาติก่อนทำลายถนนและสะพาน>>

    ชาตินี้เป็นวัวเป็นควายเพราะเหตุใด>>

    เพราะชาติก่อนเป็นหนีเขาแล้วไม่ใช้คืน>>

    ชาตินี้เป็นหมูเป็นหมาเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนมีใจคิดหลอกลวงเขา>>

    ชาตินี้มีโรคมากเพราะเหตุใด>>

    เพราะชาติก่อนดีใจที่เห็นคนอื่นเคราะห์ร้าย>>

    ชาตินี้มีสุขภาพแข็งแรงเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนบริจาคยารักษาโรค>>

    ชาตินี้ติดคุกติดตะรางเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนเห็นคนตกทุกข์ได้ยากแล้วไม่ช่วยเหลือ>>

    ชาตินี้อดอาหารตายเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนหัวเราะขอทาน>>

    ชาตินี้ต้องถูกเขาเบื่อยาตายเพราะเหตุใด>>

    เพราะชาติก่อนเบื่อปลาในคลอง>>

    ชาตินี่โดดเดี่ยวทุกข์ทรมานเพราะเหตุใด>>

    เพราะชาติก่อนใจบาปคิดแต่จะทำร้ายผู้อื่น>>

    ชาตินี้แคระแกรนเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนชอบเหยียดหยาบดูแคลนคนรับใช้>>

    ชาตินี้อาเจียนเป็นโลหิตเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนปลุกปั้นยุแหย่คนอื่นให้แตกแยกกัน>>

    ชาตินี้ถูกฟ้าผ่าตายเพราะอะไร>>
    เพราะชาติก่อนพูดจาเสียดสีผู้ออกบวช>>

    ชาตินี้ถูกสัตว์ร้ายกัดตายเพราะเหตุใด>>
    เพราะชาติก่อนก่อศัตรูคู่อาฆาต>>

    สรรพกรรมที่ก่อไว้กรรมตามสนอง>>
    ต้องตกนรกทุกข์ทรมานจะโทษใครเล่า>>

    อย่าพูดว่ากฏแห่งกรรมไม่มีใครเห็น>>
    กรรมสนองเร็วก็ตกที่ตัวเอง กรรมสนองช้าก็ตกที่ลูกหลาน>>

    ถ้าไม่ศรัทธาในพระรัตนตรัย ไม่รีบทำทาน>>
    ก็จงดูบุคคลที่มีบุญวาสนาสิ>>

    เพราะเขาทำบุญไว้แต่ชาติก่อน ชาตินี้บุญจึงตอบสนอง>>

    แม้ปัจจุบันสั่งสมบุญกุศล บุญนั้นก็จะคุ้มครองถึงบุตรหลาน>>

    หากใครกล่าวร้ายเรื่องกฎแห่งกรรม>>
    ชาติหน้าก็ไม่ได้เกิดเป็นคนอีก(เกิดอยู่ในอบายภูมิ)>>

    หากเชื่อถือยึดมั่นในกฎแห่งกรรม>>

    ความเจริญมั่งมีศรีสุข ก็จะมาเยือนถึงบ้าน>>

    หากใครค่อยแนะนำเผยแพร่เรื่องกฎแห่งกรรม>>
    ก็จะเจริญยิ่งๆขึ้นชั่วลูกชั่วหลาน>>

    หากใครยึดมั่นในกฎแห่งกรรม>>
    ฆาตเคราะห์ภัยพิบัติจะอยู่ห่างไกลตัว>>

    หากใครเที่ยวบรรยายเรื่องกฎแห่งกรรม>>
    ทุกๆชาติจะเป็นผู้มีปัญญาเลิศ>>

    หากใครหมั่นสวดมนต์ในเรื่องกฎแห่งกรรม>>
    ชาติหน้าไปถึงไหนถึงไหนก็มีแต่คนนับหน้าถือตา>>

    หากใครพิมพ์หนังสือเรื่องกฎแห่งกรรมแจก>>
    ชาติหน้าก็จะมีกายมงคลรุ่งโรจน์>>

    หากใครถามเรื่องกฎแห่งกรรมเมื่อชาติก่อน>>
    ควรศึกษาเรื่องราวของพระกัสสปพระพุทธเจ้าที่มีรัศมีแวววาว>>

    หากถามเหตุผลของชาติหน้า>>

    ก็ให้ดูพวกที่กล่าวร้ายพระธรรมในเมืองนรก>>
    ก็จะได้ไปเกิดในสุขาวดีแดนพุทธเกษตร>>

    เรื่องกฎแห่งกรรมในสามโลกนี้พูดกันไม่จบ>>
    สวรรค์ไม่เคยขาดคนจิตกุศล>>

    ในพระรัตนตรัยเป็นแก้ววิเศษ>>
    รู้จักสละบ้างผลได้รับเหลือคณานับ>>

    เหมือนดั่งสะสมอริยทรัพย์ไว้ในเซฟที่มั่นคง>>
    จะได้รับผลประโยชน์ทุกๆชาติไป>>

    หากถามเรื่องชาติปางก่อน>>
    ก็ให้ดูผลที่ได้รับในปัจจุบัน>>

    หากจะถามเรื่องชาติหน้า>>
    ก็ให้ดูในสิ่งที่เราทำในปัจจุบัน>>

    [​IMG]
     
  8. kamontad

    kamontad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2010
    โพสต์:
    678
    ค่าพลัง:
    +574
    คำสอนดีดีจากท่านพุทธทาสภิกขุ

    [​IMG]

    ยศและลาภหาบไปมิได้แน่ เว้นเสียแต่ต้นทุนบุญกุศล

    ทิ้งสมบัติทั้งหลายให้ปวงชน แม้แต่ร่างของตนเขายังเอาไปเผาไฟ

    เจ้าเกิดมามีอะไรมาด้วยเจ้า ใยมัวเมาโลภมากทำบาปใหญ่

    เจ้ามาเปล่าแล้วจะเอาอะไรไป เจ้าก็ไปตัวเปล่าเหมือนเจ้ามา

    เจ้าเกิดมาก็มาแต่ตัวเปล่า ใครหอบเอาสมบัติมาก็หาไม่

    ถึงคราวจากทอดทิ้งไว้มิเอาไป ติดตามได้แต่บาปบุญของตนเอง

    เมื่อยังไม่ตายมุ่งหมายว่าของข้า เพราะตัณหาพาจิตคิดหลงใหล

    แม้ตัวเราเขายังเอาไปเผาไฟ มีสิ่งใดเป็นของเราก็เปล่าเลย

    แรกเกิดมามีแต่หัวและตัวเปล่า มิได้เอาเงินทองคล้องมาด้วย

    เมื่อเป็นอยู่บากบั่นเข้าขั้นรวย ยามมอดม้วยก็ทิ้งไว้ไปแต่มือ...

    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2011
  9. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649
  10. Lek2010

    Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467

    คุณตันก็ตรงลายเซ็นนั่นแหละ จ้า

    วัตถุมงลคสายพญานาควัง

    ตกลงวัตถุมงคล หรือวัตถุมงลค กันแน่ละคะ

    เด่วคนจะมาบูชา งงวัตถุนี้เอาไปทำอีหยังเน้อ

    เฮ้อมัวแต่ใช้ตาใน ตาเนื้อเลยลดประสิทธิภาพไปซะเลยทั้งที่อายุยังวัยรุ่นอยู่เล้ย
     
  11. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649

    มีคนขอมาเยอะต้องไปหาขาดแบ่งก่อนครับหาซื้อที่หนองคายไม่มีขาย
     
  12. Lek2010

    Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467

    รอได้ไว้ส่งมาพร้อมกับของที่จองไว้ก็ได้จ้าจะได้ไม่เปลืองค่าส่ง
    เด่วว่าจะโอนไปแต่รอดูของอื่นอีกอย่างกลัวโอนไปแล้วคุณตันส่งเร็ว ช่วงนี้ไม่มีคนรับของให้ เด่วต้องถ่อสังขารไปรับที่ไปรษณีย์อีกมานไกล
     
  13. Ton_PB

    Ton_PB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    4,463
    ค่าพลัง:
    +2,005
    อันนี้มีกี่ชิ้นเปิดให้บูชาหรือเปล่าครับ
     
  14. Lek2010

    Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467

    ชอบภาพนี้จังเลย
    เนี่ยละน้าที่เค้าว่ากันว่าหน้าใสเหมือนตรูด เอ๊ยแก้มเด็กเลย
    ใสจริงๆมองเห็นเส้นเลือดฝอยเลยนะนั่น
    ว่าแต่น้องเค้าจะหายใจออกมะนั่น(kiss)
     
  15. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649
    มีหลายชิ้นอยู่ครับ :cool::cool::cool::cool::cool::cool:

    แต่ชิ้นใหญ่เหลือเกิน ราคาไม่กำหนดไว้แพงแต่ต้องดูน้ำหนักจัดส่งครับ
     
  16. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649

    ไม่เป็นไรครับเพราะขวดก็ยังหาไม่ได้เหมือนกัน
     
  17. Ton_PB

    Ton_PB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    4,463
    ค่าพลัง:
    +2,005
    ผมเอาชิ้นเล็ก ๆ พอชิ้นใหญ่เดี่ยวหนัก
     
  18. ศิวกา

    ศิวกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    656
    ค่าพลัง:
    +779
    พี่ตันนนนนนนนนนนนนน ดาจองปะกำช้างเจ้าค่ะ อยากงานเข้าแบบคุณลมบ้าง ^_^ อิๆ

    แล้วอย่าลืมรูปที่ดา PM ไปนะค้าาาาาาาาาา >_< plssssss.....แทงคิ้วล่วงหน้าค่า
     
  19. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    [​IMG]

    ไปทำบุญวันมาฆะบูชาเพิ่งกลับมา เอาบุญมาฝากพี่น้องทุกท่านค่ะ....
     
  20. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    [​IMG]
    หลังจากที่พระพุทธองค์ตรัสรู้มาได้ ๙ เดือนแล้ว วันหนึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ (วันมาฆบูชา) ตรงกับวันสำคัญของศาสนาพราหมณ์ คือเป็นวันทำพิธีลอยบาป ที่เรียกว่า ศิวราตรี

    วันนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประทับอยู่ ณ เวฬุวนาราม ในตอนบ่ายภิกษุสาวก จำนวน ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งล้วนเป็นพระอรหันต์ขึณาสพ ได้เดินทางมา ณ ที่นี้ โดยที่มิได้นัดหมายกันไว้ก่อนเลย นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ การประชุมในวันนั้น เรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต" เพราะเป็นการประชุมประกอบด้วยองค์ ๔ คือ
    • วันนั้นพระจันทร์เต็มดวง (เสวยมาฆฤกษ์) (เพ็ญเดือนสาม)
    • ภิกษุสาวก ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย
    • ท่านเหล่านั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ (ผู้ได้อภิญญา ๖) ทั้งสิ้น
    • ท่านเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ที่พระพุทธองค์ทรงบวชให้ทั้งสิ้น (เอหิภิกขุอุปสัมปทา)
    ในการประชุมครั้งนี้ พระพุทธองค์ได้ทรงแสดง "พระโอวาทปาติโมกข์" คือหลักคำสอนที่เป็นหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา โดยตรัสเป็นพระคาถา ดังต่อไปนี้
    • สัพพะปาปัสสสะ อะกะระณัง, การไม่ทำบาปทั้งปวง,
    • กุสะลัสสูปะสัมปะทา, การทำกุศลให้ถึงพร้อม,
    • สะจิตตะปะริโยทะปะนัง การชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ผ่องใส,
    • เอตัง พุทธานะสาสะนัง, ธรรม ๓ อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
    • ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา, ขันติ คือความอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง,
    • นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา, ผู้รู้ทั้งหลาย กล่าวพระนิพพานว่าเป็นธรรมอันยิ่ง,
    • นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี, ผู้กำจัดสัตว์อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิตเลย,
    • นะ สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต, ผู้ทำสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย.
    • อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต, การไม่พูดร้าย, การไม่ทำร้าย,
    • ปาติโมกเข จะ สังวะโร, การสำรวมในปาติโมกข์,
    • มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง, ความเป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค,
    • ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง, การนอน การนั่ง ในที่อันสงัด,
    • อะธิจิตเต จะ อาโยโค, ความหมั่นประกอบในการทำจิตให้ยิ่ง,
    • เอตัง พุทธานะสาสะนัง. ธรรม ๖ อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
    มีข้อความในโอวาทปาฏิโมกข์ที่อาจจะจำเพาะเจาะจงสำหรับนักบวชหรือบรรพชิต และบางข้อก็นำไปประพฤติปฏิบัติได้ทั้งบรรพชิตและผู้ครองเรือน อย่างไรก็ตามข้อความในโอวาทปาฏิโมกข์ก็ได้แสดงถึง จุดหมายสูงสุด แห่งพระพุทธศาสนา คือ พระนิพพาน ดังนั้นพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า จึงควรศึกษาพระโอวาทปาฏิโมกข์ให้เข้าใจแจ่มแจ้ง แล้วน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติ ตามฐานะและกำลังความสามารถของตน จึงจะได้ชื่อว่าเป็นพุทธศาสนิกชนที่แท้จริง
    ความหมายของโอวาทปาติโมกข์

    โอวาทปาติโมกข์ เป็นหลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติ หมายถึง หลักคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนาอันเป็นไปเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตเป็นไปเพื่อความหลุดพ้น
    คำสอนอันเป็นหัวใจพระพุทธศาสนาคือ หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ วิธีการ ๖ ดังนี้


    หลักการ ๓

    • การไม่ทำบาปทั้งปวง ได้แก่การงดเว้น การลด ละเลิก ทำบาป ทั้งปวง ซึ่งได้แก่ อกุศลกรรมบถ ๑๐ ทางแห่งความชั่ว มีสิบประการ อันเป็นความชั่วทางกาย ทางวาจา และทางใจ
    - ความชั่วทางกาย ได้แก่ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม
    - ความชั่วทางวาจา ได้แก่ การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดคำหยาบ การพูดเพ้อเจ้อ
    - ความชั่วทางใจ ได้แก่ การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม


    • การทำกุศลให้ถึงพร้อม ได้แก่ การทำความดี ทุกอย่าง ซึ่งได้แก่ กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นแบบของการทำฝ่ายดีมี ๑๐ อย่าง อันเป็นความดีทางกาย ทางวาจาและทางใจ
    - การความดีทางกาย ได้แก่ การไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่น มีแต่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การไม่ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการไม่ประพฤติผิดในกาม
    - การทำความดีทางวาจา ได้แก่ การไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียดไม่พูดคำหยาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อพูดแต่คำจริง พูดคำอ่อนหวาน พูดคำให้เกิดความสามัคคีและพูดถูกกาลเทศะ
    - การทำความดีทางใจ ได้แก่ การไม่โลภอยากได้ของของผู้อื่น มีแต่คิดเสียสละการไม่ผูกอาฆาตพยาบาทมีแต่คิดเมตตาและปรารถนาดี และมีความเห็นความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว


    • การทำจิตให้ผ่องใส ได้แก่ การทำจิตของตนให้ผ่องใส ปราศจากนิวรณ์ซึ่งเป็นเครื่องขัดขวางจิตไม่ให้เข้าถึงความสงบมี ๕ ประการ ได้แก่
    - ความพอใจในกาม (กามฉันทะ)
    - ความอาฆาตพยาบาท (พยาบาท)
    - ความหดหู่ท้อแท้ ง่วงเหงาหาวนอน (ถีนะมิทธะ)
    - ความฟุ้งซ่าน รำคาญ (อุทธัจจะกุกกุจจะ)
    - ความลังเลสงสัย (วิกิจฉา) เช่น สงสัยในการทำความดี ความชั่วว่ามีผลจริงหรือไม่


    อุดมการณ์ ๔

    • ความอดทน ได้แก่ ความอดกลั้น ไม่ทำบาปทั้งทางกายวาจา ใจ
    • ความไม่เบียดเบียน ได้แก่ การงดเว้นจากการทำร้ายรบกวน หรือเบียดเบียนผู้อื่น
    • ความสงบ ได้แก่ ปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจาและทางใจ
    • นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นได้จากการดำเนินชีวิตตามมรรคมีองค์ ๘
    วิธีการ ๖

    • ไม่ว่าร้าย ได้แก่ ไม่กล่าวให้ร้ายหรือ กล่าวโจมตีใคร
    • ไม่ทำร้าย ได้แก่ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
    • สำรวมในปาติโมกข์ ได้แก่ ความเคารพระเบียบวินัย กฎ กติกา กฎหมาย รวมทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีของสังคม
    • รู้จักประมาณ ได้แก่ รู้จักความพอดีในการบริโภคอาหาร หรือการใช้สอยสิ่งต่างๆ
    • อยู่ในสถานที่ที่สงัด ได้แก่ อยู่ในสถานที่สงบมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
    • ฝึกหัดจิตใจให้สงบ ได้แก่ ฝึกหัดชำระจิตให้สงบ มีสุขภาพ คุณภาพและประสิทธิภาพที่ดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...