ลงชื่อผู้สนใจเรียนพลังยูเรอัส ระดับ 1

มีอาการตามนี้มาครบเลยค่ะ...กลับถึงบ้าน สลบเหมือด เหมือนไม่ได้นอนมาซัก 3 วันค่ะ แต่อาการร้อนๆ ในร่างกาย ไม่มากเหมือน ตอนรับพลัง ระดับ 1-2 ร่างกายคงปรับได้แล้วมั้ง

หลังจากรับพลัง ในระดับ 3 เวลาทำสมาธิ กลับรู้สึกชัดที่จักระ 6 เป็นเส้นยาวตั้งแต่ตีนผม จรดหว่างคิ้วเลยค่ะ (ทั้งๆที่จดจ่อที่จักระ 7) ทั้งยังเหมือนมีกระแสอะไรซักอย่าง ครอบบนศรีษะเหมือนสวมหมวก และไหลออกข้างหูด้านหลัง ไล่ลงมาที่ต้นคอ แล้วแผ่ออกไปที่ไหล่ เป็นระลอกๆ ทุกครั้งเลยค่ะ...

 

มีอาการครบเหมือนกันครับ และก็มีอาการร้อนน ผิดปกติ ขนาดอาบน้ำใหม่ๆ ตากพัดลม เหงื่อยังไหลได้ ร้อนเหมือนตากแดดมาใหม่ๆ แต่มันเกิดตอน 3-4 ทุ่มน่ะครับ ไม่มีแดดซะหน่อยย...แต่วันนี้ค่อยยังชั่วครับ แต่ก็ยังอุ่นๆอยู่ครับ..

 

ผมจะพยายามฝึกฝนให้รู้ว่าปล่อยพลังเป็นอย่างไรและดูดพลังเป็นอย่างไง

แต่ในตอนนี้ต้องพยายามฝึกหายใจก่อนจะพยายามทำให้ได้นะครับ

 

อาการเหมือนกับพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนเลยครับ บางครั้งข้างในร่างกายรู้สึกร้อนบาง เย็นบาง และมีโอกาสได้ลองแตะรักษาคุณแม่แล้วครับ คุณแม่ผมบอกว่ารู้สึกว่าอุ่นๆ บริเวณที่ผมแตะและจักระที่ 7 คุณแม่ก็รู้สึกว่างงๆ ว่าทำไมมันถึงเกิดความรู้สึกยังนี้ได้ ผมก็เลยอธิบายให้ฟังคุณแม่ก็เลยเข้าใจ

ครั้งที่สอง วันจันทร์ที่ผ่านมาผมไปรอรับงานที่สาธุประดิษฐ์ตอนประมาณตี 2 มีสุนัขของบริษัทฯ ที่ผมไปรอรับงานมันกัดกับสุนัขอีกตัวหนึ่งเพื่อแย่งตัวเมียกัน ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจเพราะมันแค่แป๊ปเดียว ผมก็นั่งรองานอยู่
อ่านหนังสือจนหมดแล้ว ก็เลยหันหน้าไปดูสุนัขที่หน้าบริษัทฯ ผมเห็นมันนอนหายใจหอบๆ ก็เลยสงสัยว่ามันเป็นอะไรหรือเปล่า ? ก็เลยออกไปดูปรากฏว่าเห็นเลือดมันไหลออกมาเป็นทางมากพอสมควร ตอนแรกก็คิดว่าจะให้คนในบริษัทฯ นั้น เค้าช่วยพามันไปหาหมอเพราะอาการมันดูน่าจะหนักพอควรเพราะผมเห็นมีเขี้ยวฝังอยู่ที่บริเวณคอ แต่ก็นึกถึงที่อาจารย์สอนวิธีห้ามเลือด ก็เลยคิดว่าลองดูก่อนดีกว่าเผื่อจะช่วยได้
ผมก็เลยเอามือแตะบริเวณหัวของมัน และอีกมือหนึ่งก็วางใกล้กับแผลที่มีเขี้ยวฝังอยู่ แล้วก็นึกถึงจักระที่ 7 ของผมประมาณ 2-3 นาที ปรากฏว่าสุนัขมันกระตุกที่หัวแล้วก็หันมามองผม แล้วมันก็หันกลับ และเลือดมันก็หยุดไหลจริงๆ ก็แอบงงๆเหมือนกันว่าทำไมมันเร็วจัง หลังจากนั้นผมก็เดินมาล้างมือ แล้วก็ไปนั่งรอรับงานต่อ
พร้อมกับนั่งมองมันว่ามันจะเป็นยังไงบ้างปรากฏว่า มันนอนอยู่ประมาณ 15 นาที แล้วมันก็ลุกขึ้นมาเลียเลือด
ที่พื้นแล้วมันก็ลุกขึ้นเดินออกไปบริเวณถนน แล้วก็วิ่งเล่นเหมือนเดิม ผมก็ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่ามันเกิดจากพลังที่เราส่งให้ หรือว่ามันไม่ได้เป็นอะไรมาก

เหตุการณ์ต่อมา มีแม่บ้านที่ออฟฟิสบ่นว่าปวดหัวผมก็เลยอาสาว่าจะลองแตะให้หายปวด แล้วผมก็เลยขอขมา
สิ่งศักดิ์ในตัวเค้าก่อนแล้วแตะที่จักระ 7 แค่ 2 นาที ผมก็ถามว่ารู้ยังไงบ้างเค้าก็บอกว่า รู้สึกอุ่นบริเวณศรีษะตอนที่แตะ แล้วพอเอามือออกก็หายปวดหัวเลย

ไม่ทราบว่าเพื่อนๆ พี่ๆ มีประสบการณ์อะไรมาแลกเปลี่ยนกันบ้างนะครับ
ปล. พี่กุ้งเป็นยังไงบ้างครับ เป็นห่วงนะครับ อธิฐานให้พี่และคุณยายทุกวันนะครับ ขอให้หายเร็วๆ นะครับผมและเพื่อนๆ พี่ๆ เป็นกำลังใจให้นะครับ สู้สู้ ขอให้พระเจ้าสูงสุดอวยพรพี่กุ้งให้หายวันหายคืน กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมนะครับ

 

ค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณกุ้งเหมือนกันนะค่ะ "รักษาสุขภาพนะคะ" ขอให้พลังความดีที่คุณกุ้งทำทั้งหมด

คืนกลับมาที่คุณกุ้งเช่นกันนะคะ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเป็น เกราะแก้วกำบัง คุ้มครองคุณกุ้งนะค่ะ

 

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ทุกคน มาแชร์ประสบการณ์ค่ะ หลังจากเรียนจบระดับ 3 ไป ได้เริ่มนำพลังไปรักษาเพื่อนร่วมงาน ..

คนแรก จับชีพจร เพื่อตรวจดูอาการของโรค ภายในปกติไม่ปรากฎสิ่งผิดปกติที่ตัวเองแต่อย่างใด แต่เพื่อนจะมีอาการคันที่ผิวหนังเนื่องจากเป็นภูมิแพ้สารเคมี จะมีอาการเป็นผื่นคัน ถ้าหากทานอาหารผิดสำแดง ..ใช้การรักษาโดยจับ จักระ 7, 5 2 นาที และจักระ 7 กับบริเวณที่เป็น 3 นาที จากนั้นฟอกเลือดให้ 2 นาที ..ผลคือ คนไข้รู้สึกเหมือนมีพลังเย็นไหลเข้าทางศรีษะเป็นสาย และทำให้รู้สึกโล่ง.. คิดว่าจะรักษาต่อเนื่องเพื่อดูผลต่อไป

คนที่สอง จับชีพจร ตรวจเช็คอาการ ปรากฎว่า อาการที่ปรากฎที่ตัวเองคือปวดหัวซีกซ้ายแต่เป็นจุดเล็กๆ และชัดเจนมาก ..เพื่อนก็บอกว่ากำลังปวดหัวอยู่ แต่ไม่ได้บอกตอนแรก..เลยจับจักระ 7,5 2 นาที และฟอกเลือดให้อีก 2 นาที ผลคือเพื่อนบอกว่ามีพลังเย็น เข้าที่จักระ 7 และรู้สึกเหมือนพลังหมุนอยู่ที่กลางกระหม่อม จากนั้นอาการปวดค่อย ๆ ดีขึ้น และหายปวดไปในที่สุด ..

ก่อนรักษาจะทำสมาธิก่อน ให้รู้สึกว่ามีพลังออกมาที่กลางฝ่ามือและปลายนิ้วทั้ง 2 ข้าง เวลารักษาก็จะตั้งสมาธิอยู่ที่จักระ 7 ตลอด..และขณะรักษาจะรับรู้ถึงพลังที่เข้าและส่งให้คนไข้


ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ มีกำลังใจ และความมั่นใจในการรักษานะคะ วันละเล็กละน้อย รักษาตัวเอง และคนใกล้เคียง ได้ผลยังไงก็มาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นกำลังใจให้กันและกันนะคะ

:z2;18

 

อาจารย์กิติชัย ท่านเล่าให้ฟังว่า
ตอนที่ท่านเรียนระดับต้นๆ ท่านได้เดินเคาะประตู
ไปรักษาตามบ้านเลยทีเดียว
สิ่งที่ท่านทำเป็นตัวอย่างให้พวกเราได้เห็นนั้น
มีประโยชน์อย่างยิ่ง ทั้งต่อผู้อื่น และจิตวิญญาณของเราเอง

ยิ่งรักษามากๆ เราก็จะได้พบกับกรณีศึกษาแปลกๆใหม่ๆเข้ามาในชีวิต
เราจะเข้าใจถึงความรัก ความเอื้ออาทร ความนอบน้อมถ่อมตน

ขอให้พวกเราพยายามกันอย่างต่อเนื่อง
โลกอนาคตอันสดใส อยู่ในมือของพวกเรา
ช่วยกันนำมือคนละมือสองมือออกมาโอบอุ้มโลกไว้นะครับ

 

มีเรื่องนึง อยากเล่าให้เพื่อนๆฟัง เป็นเคล็ดที่อ.จิตราสอน
เมื่อวาน นั่งทานก๋วยเตี๋ยวอยู่ แล้วอยู่ดีๆ กำลังเพลินเชียว คีบลูกชิ้นขึ้นมาแล้ว หล่นตุ๊บลงในชาม น้ำซุปกระเด็นเข้าตาซ้ายอย่างจัง ปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาทันที วิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน ตอนตักน้ำ นึกถึงคำสอนของอ.จิตรา เลยตักน้ำ กลั้นหายใจราดลงหัวแม่เท้าที่ละข้าง....

ไม่น่าเชื่อเลยว่า อาการปวดแสบปวดร้อนที่ตา ค่อยๆจางหายอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้ล้างตาเลย จากนั้นน้ำตาค่อยๆไหล จนหายแสบ ใช้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 2-3 นาที...สิ่งนี้ ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด

แค่อยากจะบอกว่า นอกจากวิชาที่เราเรียนแล้ว เคล็ดลับต่างๆที่อาจารย์ นำมาถ่ายทอด ก็ไม่ควรละเลยนะค่ะ...ถ้าเพื่อนๆ ไม่เชื่อ ลองดูก็ได้ค่ะ...พิสูจน์เลยค่ะ เจอกับตัวเอง แล้ว ความเชื่อมั่นจะสูงมาก...ฟังมาอย่างเดียว ไม่ค่อยเชื่อหรอกค่ะ...อิอิ

 

สุดยอดเลยครับคุณkindred
อุตส่าห์เก็บเคล็ดลับ แอบมาเล่าสู่กันฟัง
โมทนาสาธุครับ

 

ขอบคุณคุณ kindrid ครับ ที่นำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง
วันนั้น อ.จิตรา บอกเคล็ดไว้ 2 เรื่อง เรื่องแรกคุณ kindrid ได้นำประสบการณ์มาเล่าให้ฟังแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่อง กลั้นหายใจวางของหวานแล้วมดจะไม่ขึ้น ใครมีประสบการณ์มาช่วยเล่าให้ฟังด้วยนะครับ
นับว่าเป็นความชาณฉลาดของคนโบราณที่ได้ลองผิดลองถูก แล้วนำมาเล่าสืบทอดต่อกันมา หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โบราณอุบาย ก็ไม่ผิด เป็นเรื่องที่ยากต่อการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แต่ที่แน่ๆทั้ง 2 เรื่องต้องกลั้นหายใจ ทำให้ทราบว่าการกลั้นหายใจทำให้จิตมีพลัง เหมือนกรณีอุ้มพระดำน้ำของชาว จ.เพชรบูรณ์ ยังมีเรื่องที่คนโบราณสอนไว้อีกหลายเรื่องครับ ใครมีเรื่องดีๆอย่าลืมมาบอกให้เพื่อนๆได้รับทราบด้วยนะครับ

 

ขอบคุณน้อง Da-cho กับคุณ kachuya มากครับ
โดยเฉพาะน้อง da-cho กับ อีกท่านหนึ่ง ที่ช่วยอธิฐานให้พี่ทุกวัน ขอบคุณครับ

ตอนนี้คุณยายกลับไปบ้านที่แม่กลองครับ คงไปอยู่สักเดือนหนึ่ง เสียดายครับ รักษาทุกวัน
พอกำลังจะดีๆ เดินสะดวกๆ พอกลับแม่กลองที่ ประมาณ ครึ่ง - 1เดือน กลับมากรุงเทพฯ
อีกที จะเดินไม่ไหวอีกแล้ว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกแล้ว

ขอให้ทุกท่านก้าวหน้าขึ้นทุกวันทุกท่านนะครับ

 

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ ในการปรับสภาพจิต และร่างกาย ที่กำลังเปลี่ยนแปลง

 

จะเปิดระดับ 1-2 อีกเมื่อไหร่ครับ

 

คงอีกนานครับ ยังกำหนดไม่ได้(smile)

 

ฮือๆๆ

ยังมีเปิดสอนผู้เริ่มต้นไหมครับ

มาช้าไปนิด-*-

 

สวัสดีครับ

....และนี่ก็คือคำอธิบายเคล็ดของบรรพบุรุษ ปู่ย่าตายาย ที่ท่านอาจารย์จิตราได้กรุณาบอกพวกเราครับ

"สายนทีแห่งปราณที่ผ่านหัวแม่เท้า
จุดกำเนิด จะมาจากสดือ ผ่านหน้าขา ผ่านหัวแม่เท้า ไปทางนิ้วก้อยเท้า ขึ้นไปทางด้านข้างสะโพก เอว ต้นคอ ศีรษะ และไปจบที่ลูกตา
นทีนี้มีสองสายมีชื่อ สหัสรังสี(ตาซ้าย) และทวารี(ตาขวา)

โบราณ เวลาโขลกน้ำพริกแล้วกระเด็นเข้าตา ท่านให้เอาน้ำรดหัวแม่เท้าด้วย ก็หายแสบตา สาเหตุเป็นเพราะปราณมันถึงกัน"

จาก อ.suwi ครับ

 

ขอบคุณคุณ padon ที่นำเคล็ดลับมาเผยแพร่
เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนครับ

 

ผลจากการรับพลังมามาก หลับกันหมดเลย ตื่นได้แล้วครับ

 

ตื่นแล้วคร้าบบบบบ......

มีประสบการณ์การรักษามาเล่าให้ฟังครับ

ท่านที่อ่านกระทู้มาตลอด คงจะจำได้ว่าผมเคยรักษาคนที่มีอาการข้อนิ้วล็อค พังผืดที่มือหนามาก
หมอนัดไปอัลตร้าซาวด์ และเตรียมผ่าลอกพังผืด แต่ยังไม่ได้ทำครับ ตอนนี้ผมได้รักษาต่อเนื่อง
เว้นวันไปบ้าง ไม่ได้รักษาติดต่อกันทุกวันซะทีเดียว ปรากฏว่า พังผืดที่จับเป็นก้อนแข็งๆหนาๆ
ตอนนี้นิ่มลงมากครับ และนิ้วที่ขยับไม่สะดวกและปวดมาก ตอนนี้เกือบเป็นปรกติแล้วครับนับว่า
น่าดีใจมากครับ คนป่วยดีใจมาก เพราะไม่ต้องเสียเงินผ่าตัดแพงๆ และมือใช้งานได้ตามปรกติ
อาการปวดก็น้อยลงมากครับ

เล่าให้ฟังให้เพื่อนๆมีกำลังใจครับ ว่าวิชาที่เราเรียน ช่วยผู้อื่นได้จริง
และอย่าลืมครับ การที่เราได้ช่วยผู้อื่น เท่ากับเราได้ช่วยตัวเองด้วยครับ

สวัสดีครับ

 

ดีใจด้วยนะครับคุณ kung และก็ได้เอาตัวอย่างประสบการณ์มาเล่าให้เพื่อนๆได้ฟัง และเห็นผล ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการรักษา สำหรับผู้ที่เริ่มรักษา
สำหรับผมนั้นตอนนี้กำลังรักษาแม่อยู่ แม่มีอาการไอมาก เรื้อรังมานาน มีอยู่ครั้งหนึ่งไอจนหายใจไม่ทัน แต่ตอนนี้ก็ไอมากพอควร ไม่ถึงกับหายใจไม่ทัน
แม่ก็บอกว่าตอนรักษาก็จะรู้สึกร้อนๆ บริเวณที่จับ แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น คิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกหน่อย เพราะไอมานานหลายสิบปี ไว้มีความคืบหน้าอย่างไร จะมารายงานให้ทราบนะครับ


;aa21 ;ปรบมือ