รูปหลังตะกรุดสามกษัตริย์ลพ.แพ ล๊อคเก็ตหลวงพ่อเสียนวัดมะนาวหวาน

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1721904904781.jpg FB_IMG_1721904907571.jpg
    พระสมเด็จไตรมาสลพ.คงและรูปหล่อไตรมาสหลวงพ่อคง
    ประวัติ หลวงพ่อคง จตฺตมโล
    วัดเขาสมโภชน์ จ.ลพบุรี
    หลวงพ่อคง จตฺตมโล ท่านมีนามเดิมว่า คง นามสกุล บุญเอก ท่านถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2456 ซึ่งตรงกับวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู ณ หมู่บ้าน โนนพุดซา ตำบลกระชอน อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
    โยมบิดาของท่านมีนามว่า ดี โยมมารดามีนามว่า แจ้ง นามสกุล บุญเอก ซึ่งมีอาชีพกสิกรรมทำนาทำไร่ ท่านถือกำเนิดเกิดมาเป็นทายาทคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 9 คน จนถึงปัจจุบันนี้ ก็มีแต่พวกน้อง ๆ ที่เป็นหญิง ซึ่งมีเพียง 6 คนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนั้นถึงแก่กรรมไปตามกาลเวลา
    ในการการศึกษา ในปฐมวัยหลวงพ่อเคยเป็นเด็กวัดหัดเรียนเขียนอ่านอักษรธรรม อักษรขอมและอักษรไทยในระยะเวลา 2 ปี แต่จำต้องมาช่วยบิดามารดาในการประกอบอาชีพกสิกรรมทำไร่ไถนา
    ต่อมาเมื่ออายุครบกำหนด 20 ปี จึงได้มีการเข้าวัดไปเป็นนาค แล้วได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาแล้ว ท่านก็ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระปริยติธรรมอยู่เป็นเวลา 3 พรรษา และได้ขออนุญาติจากโยมบิดามารดา เพื่อเดินทางลงมาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ แต่ท่านก็ไม่ได้รับอนุญาติจากโยมบิดามารดา ท่านจึงไม่มีโอกาสเดินทางลงมาศึกษาเล่าเรียนดังที่ตั้งใจไว้
    ดังนั้นท่านจงลาสิขาจากเพศบรรพชิตออกไปดำรงวิถีชีวิตอยู่ในเพศฆราวาสวิสัย ซึ่งในที่สุดท่านก็ได้แต่งานมีครอบครัวไป โดยตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ท่านมีบุญธิดารวมทั้งหมด 7 คน แต่ถึงแก่กรรมไปแล้วตั้งแต่เด็ก ๆ 1 คน จึงยังคงเหลือบุตรธิดาที่มีชีวิตอยู่ต่อมาเพียง 6 คนเท่านั้น ซึ่งทุกคนต่างก็ได้แต่งงานมีครอบครัวเป็นหลักปักฐานไปหมดทุกคนแล้ว
    ต่อมาในช่วงเวลาที่หลวงพ่อคง ท่านยังอยู่ในเพศฆราวาส ในปี พ.ศ. 2504 นั้น ก็ได้มีพระคุณเจ้า หลวงพ่อพระมหาธนิต ปญญาปสุโต ปธ.9 นักวิปัสสนาจารย์ชื่อดังได้เดินธุดงค์มาและ ได้เข้าจำพรรษาสอนวิปัสสนาแก่ญาติโยม อุบาสกอุบาสิกาและพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่อยู่วัดบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราชสีมา ซึ่งเป็นเวลาที่หลวงพ่อคงยังเป็นอุบาสก คง อยู่นั้นเอง ท่านเป็นคนหนึ่งที่ได้น้อมกายใจ เข้าไปรับการปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อมหาธนิตอย่างเคร่ง ครัดอยู่เป็นเวลา ถึง 7 ปี
    เมื่อมีศรัทธาแก่กล้า อุบาสกคง บุญเอก จึงได้ตัดสินใจสละเหย้าเรือน ออกไปมอบกายถวายตนเข้ารับการอุสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาอีกหน ณ พัทธสีมา วัดบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 12 เพื่อพฤษภาคม พ.ศ. 2511 โดยมีพระเดชพระคุณท่านคุณ พระปทุมญาณมุนี วัดบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัด นครราชสีมา เป็นพระอุปชฌาย์ ซึ่งเป็นผู้ทำการอุปสมบทให้
    ต่อมาหลังจากออกพรรษแล้ว ตกมาถึง ปี พ.ศ. 2516 หลวงพ่อได้ดำรงปฏิปทาเป็นพระป่าออกสัญจรธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรอยู่ เรื่อยมาจนถึงลุถึงซึ่งดินแดนถิ่นป่าใหญ่ มวลหมู่พฤกษาร่มรื่นน่าอภิรมย์ ซึ่งเป็นสถานที่ถูกกกับจริยาวัตรสำหรบนักปฏิบัติธรรมในการเจริญภาวนากรรมฐาน หลวงพ่อคงท่านได้เข้าอาศัยอยู่ถ้ำพระอรหันต์ ตามนิมิต ได้ทำการเจริญจิตภาวนา แล้วก็เลยอยู่จำพรรษา ณ สถานที่วิเวกแห่งนั้น ในพรรษที่ 6
    และแล้วหลวงพ่อคงท่านก็ได้ยึดสถานวิเวกแห่งนั้นในการปฏิบัติธรรมอยู่จำพรรษา เรื่อยมาจนถึงกาลเวลามรณภาพไปด้วยอาการอันสงบ ในวันที่ 13 ธันวาคม 2536 ณ โรงพยาบาลศิริราช อายุรวมกัน ได้ 80 ปี 9 เดือน 3 วัน 26 พรรษา
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จไตรมาสหลวงพ่อคง เขาสมโภชน์และรูปหล่อไตรมาสหลวงพ่อคง ๒ องค์ ผู้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    FB_IMG_1721904913444.jpg FB_IMG_1721904910610.jpg FB_IMG_1721904916755.jpg IMG_20240725_175337.jpg IMG_20240725_175407.jpg IMG_20240725_175425.jpg IMG_20240725_175450.jpg IMG_20240725_175258.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1721935703591.jpg

    เหรียญมั่งมีเงินทองชิตังเมหลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม
    หลวงพ่อเที่ยง เจ้าอาวาสวัดม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ท่านเป็นหลานของหลวงปู่เปลี่ยน วัดไชยชุมพลชนะสงคราม ( หลวงพ่อวัดใต้ ) ซึ่งท่านได้รับถ่ายทอดวิชามาจากหลวงพ่อวัดใต้โดยตรง เมื่อสมัยนั้นมีงานพิธีพุทธาภิเษกที่ไหน หลวงพ่อเที่ยงท่านจะได้รับนิมนต์ไปไม่เคยขาด เพราะเหตุนี้ท่านจึงได้เป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เนื่องจากท่านจะได้เจอกันในงานพุทธาภิเษกอยู่เป็นประจำ
    หลวงพ่อเที่ยง ท่านจะขึ้นชื่อสุด ๆ ในเรื่องเหนียว ทั้งมีดทั้งปืน เล่ากันว่าของ ๆ ท่านเวลานำออกมาจากพิธี ก็ลองกันตรงนั้นเลย วัตถุมงคลของท่านจึงโด่งดังเป็นที่เล่าขานกันมาก เคยมีทหารใส่เหรียญของท่านไปขับเฮลิคอปเตอร์ แล้วเฮลิคอปเตอร์ตกทหารคนนั้นรอดตายมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ วัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังและผู้คนนิยมเล่นหามากที่สุดของท่าน ก็คือตะกรุดหนังเสือเพราะใช้ดีมีประสบการณ์ ในด้านคงกระพันชาตรีและเหนียวสุด ๆ หลวงพ่อเที่ยงท่านเคยไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐม ท่านจึงเป็นศิษย์พี่สำนักเดียวกับหลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม ซึ่งท่านจะสนิทสนมกับหลวงพ่อเต๋ ( หลวงพ่อเต๋ท่านก็ทำตะกรุดหนังเสือเช่นเดียวกัน แต่จะแตกต่างกันที่ลายถักเชือก ) ตะกรุดของหลวงพ่อเที่ยงแท้ ๆ นั้นหายากมาก ๆ เพราะตามตำราของท่านต้องทำมาจากหนังเสือ ตะกรุดของท่านจึงมีน้อย วัตถุมงคลของหลวงพ่อเที่ยงนั้น เป็นที่นิยมกันในหมู่นักสะสม เพราะมีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์กันโดยทั่วไป โดยเฉพาะวัตถุมงคลที่เกี่ยวกับเสือ ทั้งตะกรุดหนังเสือ เหรียญรุ่นเสือเผ่น หลวงพ่อเที่ยงท่านได้ สร้างเหรียญรุ่นแรกเมื่อ ปีพ.ศ.2508
    การทำตะกรุดหนังผากเสือ หลวงพอเที่ยง วัดม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ท่านสร้างไว้มากพอสมควร วิธีการทำตะกรุดของหลวงพ่อนั้นเริ่มจากท่านออกธุดงค์เป็นเวลานานหลายสิบปี มีกะเหรี่ยงที่นับถือท่านเอาหนังหน้าผากเสือไฟและเสือโคร่งมาถวายกับท่านหลายผืน เมื่อท่านกลับมาอยู่วัดจึงตัดออกเป็นชิ้นเล็กๆขนาดมัดตะกรุดได้ โดยให้แยกหนังหน้าผากเสือไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนหนังทั้งตัวเสือ หลวงพ่อลงอักขระคาถาแผ่นตะกรุดแล้วม้วนใช้เชือกมัดหัวท้ายตะกรุดจากนั้นทารักเป็นตัวจับยึดให้แน่นแล้วนำไ ปปลุกเสกเฉพาะวันอังคารกับวันเสาร์จนครบไตรมาส จึงนำไปแจกจ่ายญาติโยมที่ศรัทธาต่อไป
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ ชิตังเมเงินทองมั่งมี ลิงถวายแหวน

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240726_022959.jpg IMG_20240726_023031.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722009866673.jpg

    พระพุทธกวักพระกรุหลวงปู่แบน เศรษฐีเรือทอง
    ประวัติ หลวงปู่แบน จนฺทสโร
    หลวงปู่แบน จนฺทสโร เดิมจำพรรษาวัดตาลเจ็ดชื่อ ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง เริ่มจำพรรษาอยู่ที่วัดพุน้อย เมื่อปี พ.ศ. 2513 หลวงปู่แบนมีความรู้เรื่องยาสมุนไพรจึงรักษาญาติโยมด้วยยาแผนโบราณ และเริ่มนำชาวบ้านพุน้อยก่อสร้างเสนาสนะ
    สถานะ : แบน คุณหิรัญ
    สัญชาติ : ไทย
    ที่อยู่ : ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง
    บิดาชื่อ : นายมี คุณหิรัญ
    มารดาชื่อ : นางเวียน คุณหิรัญ
    หลวงปู่แบน เริ่มจำพรรษาอยู่ที่วัดพุน้อยเมื่อ พ.ศ. 2513 ขณะนั้นมีพระจำพรรษาอยู่ 3 รูป หลวงปู่แบน มีความรู้เรื่องยาสมุนไพร จึงรักษาญาติโยมที่เจ็บป่วยด้วยยาแผนโบราณ
    หลวงปู่แบน จนฺทสโร แห่งวัดพุน้อย ตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พระเกจิอาจารย์ต้นตำรับแห่งการปลุก เสก สร้าง “เรือแม่ตะเคียนทอง” ที่โด่งดังที่สุด เนื่องจากในอดีตกาลที่หลวงปู่แบนยังเป็นฆราวาส ได้อาศัยประกอบอาชีพค้าขายอยู่ในเรือสำปั้น ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอดีตหลวงปู่แบนท่านชอบเรียนทางวิชาคาถาอาคม ครั้นเมื่อมาบวชเป้นพระ ท่านจึงได้แตกฉานในวิชาแขนงนี้ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง จวบจนกระทั่งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2516 หลวงปู่แบนท่านก็ได้รับถวายต้นตะเคียนทองต้นใหญ่ จากชาวบ้านซึ่งได้ขุดพบฝังอยู่ในดินเป็นเวลานับร้อยๆ ปี โดยมีรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ในต้นตะเคียนทอง
    เรื่องดี บอกต่อกันไป
    เศรษฐี เรือทอง หลวงพ่อแบน จันทสโร
    วัดพุน้อย อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เรือ โชคลาภ เลือกเจ้าของ อาถรรพ์ แม่ตะเคียนทอง ที่มีคนกล่าวขาน กันมากที่สุด พุทธคุณ ด้านเดียว กับ พญานกถึดทือ ไม่เชื่อลองดู
    ศักดิ์สิทธิ มีจริง เชิญ พิสูจน์ ที่วัด
    ประวัติ หลวงปู่แบน (จนฺทสโร) วัดพุน้อย
    หลวงปู่แบน จนฺทสโร เดิมจำพรรษา วัดตาลเจ็ดชื่อ ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง เริ่มจำพรรษา อยู่ที่วัดพุน้อย เมื่อปี พ.ศ. 2513 หลวงปู่แบนมีความรู้เรื่องยาสมุนไพร จึงรักษาญาติโยม ด้วยยาแผนโบราณ และเริ่มนำ ชาวบ้านพุน้อย ก่อสร้างเสนาสนะ
    หลวงปู่แบน เริ่มจำพรรษาอยู่ ที่วัดพุน้อยเมื่อ พ.ศ. 2513 ขณะนั้นมีพระจำพรรษา อยู่ 3 รูป หลวงปู่แบน มีความรู้เรื่อง ยาสมุนไพร จึงรักษาญาติโยม ที่เจ็บป่วยด้วยยาแผนโบราณ
    หลวงปู่แบน จนฺทสโร แห่งวัดพุน้อย ตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พระเกจิอาจารย์ต้นตำรับแห่งการปลุก เสก สร้าง
    “เรือ แม่ตะเคียนทอง” ที่โด่งดังที่สุด เนื่องจากในอดีตกาลที่หลวงปู่แบนยังเป็นฆราวาส ได้อาศัยประกอบอาชีพค้าขายอยู่ในเรือสำปั้น ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอดีต
    หลวงปู่แบน ท่านชอบเรียนทาง วิชาคาถาอาคม ครั้นเมื่อมาบวชเป็นพระ ท่านจึงได้แตกฉานในวิชา แขนงนี้ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง จวบจนกระทั่งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2516 หลวงปู่แบน ท่านก็ได้รับถวายต้นตะเคียนทองต้นใหญ่ จากชาวบ้านซึ่ง ได้ขุดพบฝังอยู่ในดิน เป็นเวลานับร้อยๆ ปี โดยมีรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ในต้นตะเคียนทอง
    ครั้นเมื่อไปถึงหลวงปู่แบน ท่านก็ได้อัญเชิญวิญญาณของแม่ตะเคียนทอง ซึ่งเป็นรุกขเทวดา ที่อาศัยอยู่ในต้นตะเคียนทอง ให้มาสร้างบารมีอยู่ที่วัดพุน้อยด้วยหลังจากได้นำเอาตะเคียนทองใหญ่ มาไว้ที่ วัดพุน้อย ก็ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น
    เมื่อญาณของแม่ตะเคียนทองได้เข้าไป ในนิมิตของหลวงปู่แบน ว่า
    “อยากจะร่วมสร้างบารมีบุญกับหลวงปู่ด้วย !!!”
    โดยแม่ตะเคียนทองได้ขอ ให้หลวงปู่แบนเอาต้นตะเคียนทองที่ตนอาศัย อยู่นั้นมาทำ เป็นเรือแม่ตะเคียนทอง เพื่อหลวงปู่จะได้นำเรือนี้ ไปช่วยเหลือผู้คนในด้านทำมาหากิน ค้าขายให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น และด้วยนิมิตดังกล่าว
    หลวงปู่แบน จนฺทสโร ก็ได้นำเอา ตะเคียนทองใหญ่นั้นมาทำเป็นเรือสำปั้น ปลุกเสกด้วย คาถาเมตตาทำมาหากินคล่อง และอัญเชิญ ญาณบารมีแม่ตะเคียนทองนี้ไปอยู่ด้วย (ซึ่งเป็นรุกขเทวดา) ได้สถิตอยู่ในเรือทุกลำ
    ครั้นเมื่อ ญาติโยม
    ผู้ใดอยากจะได้ไปบูชาก็ต้องทำพิธีรับเรือ
    ด้วยตนเอง และ อัญเชิญบารมี แม่ตะเคียนทองนี้ไปอยู่ด้วย เพื่อจะได้ช่วยดลบันดาลให้ กิจการงาน ทำมาหาหากิน ค้าขาย เจริญรุ่งเรืองประสบผล สำเร็จ
    ซึ่งก็เป็นที่ฮือฮา อัศจรรย์จริงๆ เพราะ ถ้าหาก ว่า ใครสามารถ ที่จะยกเรือขึ้นได้ ทางวัดจึง
    จะให้บูชาไปได้ ถ้าหากใครยกไม่ขึ้น วันหลังถึงค่อยมายกใหม่
    หรือจนกว่า จะยกขึ้น ทางวัดจึงจะ ให้บูชาไป ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่า แม่ตะเคียนทองเค้ายังไม่ยอม ให้กับเรา หลวงปู่แบน ท่านว่าอย่างนั้น ปัจจุบันแม้ท่านหลวงปู่แบน จนฺทสโร ท่านได้มรณภาพไปแล้ว แต่ก็ยังมีศิษย์ก้นกุฏิ ที่ยังสืบสาน วิชาการ ทำเรือตะเคียนทองขึ้นมาจนโด่งดัง ไม่แพ้กัน นั่นก็คือ
    ท่านพระครูสมุห์ทิน สุทินฺโน เจ้าอาวาสวัดพุน้อย รูปปัจจุบัน และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะ ตำบลหนองเมือง ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิด หลวงปู่แบนมาก ในสมัยที่ท่านยังไม่มรณภาพ ด้วยเหตุที่ท่าน เป็นพระปฏิบัติดี นักพัฒนา และมีเมตตา หลวงปู่แบน ท่านจึงได้ถ่ายทอดวิชาการ ทำเรือแม่ตะเคียนทอง อันเป็นต้นตำรับ ที่ท่านมีอยู่จนหมดสิ้น และที่กล่าวมา ทั้งหมดก็เป็นส่วนหนึ่งของ
    ประวัติหลวงปู่แบน จนฺทสโร และรวมถึงอภินิหารของ เรือแม่ตะเคียนทอง ซึ่งเจ้าอาวาสวัดพุน้อย องค์ปัจจุบันคือ ท่านพระครูสมุห์ทิน สุทินฺโน ซึ่งเป็นศิษย์ผู้ใกล้ชิด ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาการปลุกเสกทำเรือแม่ตะเคียนทองแบบต้นตำรับ อาถรรพณ์ จากหลวงปู่แบน ได้ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง สามารถพิสูจน์ได้
    ถ้าใครไปเข้าพิธีรับเรือ แล้วยกเรือไม่ขึ้น ทางวัดจะไม่ให้บูชาไป
    แต่ถ้าใครสามารถยกเรือขึ้นได้ ทางวัดก็จะให้บูชากลับบ้านไป ซึ่งนั่นก็หมายถึง บุคคลผู้นั้นมีวาสนาบุญบารมี
    รุกขเทวดาที่อาศัย ในต้นตะเคียนทอง อยากที่จะไปทำให้ท่านมีโชคลาภ ทำมาค้าขาย เจริญรุ่งเรืองนั่นเอง
    เรือแม่ตะเคียนทอง หลวงปู่แบน จนังทสโร อดีตเจ้าอาวาส วัดพุน้อย
    สวยสมบรูณ์ ความยาวเรือ 35 เซนติเมตร พร้อมธง 2 สีของแรง
    ด้านโชคลาภ และค้าขายสุดยอด มาก ใครได้เป็นเจ้าของแล้ว จะไม่ยอมขาย แม่ หรือ ใครให้ราคาแพงก็ตาม ตอนนี้ของใหม่ เช่าจากวัด ลำขนาด นี้ต้องมี 6-7พัน ถึง หมื่น สอง หมื่น
    ประวัติ วัดพุน้อย 3 หมุ่ที่ 1 ต.ชอนม่วง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี แต่เดิม พุน้อย เป็นชื่อของ น้ำที่ผุด ขึ้นมาคล้ายน้ำพุ ตลอดทั้งปี ไม่มีวันแห้ง จึงเป็นชื่อเรียกขานหมู่บ้านแห่งนี้ วันที่25 เมษายน พศ 2515 หมอเคลือบ และนาง บุญมา เหมือนเอี่ยม ได้มอบถวายที่ดิน จำนวน 6 ไร่ 1 งาน 53 ตารางวา เพื่อสร้างวัดพุน้อย หลวงพ่อชื้น บุญยกาโม นำชาวบ้านพุน้อย
    ร่วมก่อสร้าง ได้ 4 พรรษา ท่านจึงมรณภาพ ต่อมาปี พศ.2519
    หลวงปู่แบน จนฺทสโร มาอยู่จำพรรษา และ ได้ซื้อที่ดินเพิ่มอีก 15 ไร่ 2 งาน 80 ตารางวา จนกระทั้งท่านได้มรณภาพลงเมื่อ
    วันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2543 ในขณะที่ หลวงปู่แบน จันทสโร
    ท่านเป็นเจ้าอาวาส นั้น ได้ร่วมกับชาวบ้าน พุน้อยพัฒนาวัดจน เจริญก้าวหน้า อย่างรวดเร็ว ทำให้วัดที่ไม่มีคนรู้จัก กลายเป็นวัดที่มีคนเชื่อถือ เลื่อมใสศรัทธาเดินทางมา กราบไหว้กันอย่างไม่ ขาดสาย เพียงชั่วระยะเวลาไม่กี่ปี วัดพุน้อย ก็มีสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุแทบ จะครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ และอื่นๆอีกจำนวนมาก จากวัดเล็กๆที่ห่างไกลความเจริญ กลายเป็นวัดที่มีประชาชนรู้จัก กันเกือบทั้งประเทศ
    มีการนำกฐินและผ้าป่าสามัคคี มาทอดกันอย่างล้นหลาม ตลอดจนการปฏิบัติธรรม เพื่อการกุศล ในวันมรณะภาพ
    ของหลวงปู่แบน จนฺทสโร ก็มีประชาชนให้ความนับถือมาร่วมงานอย่างเนืองแน่น เป็นประจำทุกปี ทำให้ปัจจุบัน การเดินทางไปยังวัดพุน้อย
    มีถนน ลาดยาง ถึงวัด สะดวกสบาย ตลอดการเดินทาง ปัจจุบัน พระครูสมุห์สุทิน สุทินโน เจ้าอาวาสวัดพุน้อย ท่านยังคง สืบสานวิชาอาคม ที่รับ จากหลวงปู่แบน จนฺทสโร
    ในเรื่องเมตตามหานิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการค้าขาย ที่หลวงปู่แบนได้สร้างเรือ พุทธคุณขึ้นมา ซึ่งใครได้ไปบูชาจะประสบผลสำเร็จ กันแทบทุกคน จึงมีพุทธศาสนิกชน เดินทางมาที่วัดพุน้อยกัน อย่างเนืองแน่น ในแต่ละวัน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ท่านมีชื่อด้าน การค้าขาย ทุกวันนี้ ญาติโยมลูกศิษย์ลูกหายังไปวัดท่านไม่ขาดสาย เศรษฐีเรือทอง
    พระกรุพระพุทธกวักหลวงปู่แบน ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240726_225511.jpg IMG_20240726_225538.jpg IMG_20240726_225448.jpg
     
  4. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,146
    ค่าพลัง:
    +1,189
    จองครับ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722065850023.jpg FB_IMG_1722065797294.jpg FB_IMG_1722065797294.jpg FB_IMG_1722065819572.jpg

    ให้ บูชาหลวงพ่อแดงพุทโธพิธีเสด็จกลับพิธีวัดถ้ำเขาเงิน ชุมพร ปี ๒๕๑๑ พิธีพุทธาภิเศกที่วัดถ้ำเขาเงิน และ พระซุ้มกอหลวงปู่คง วัดแค ปี ๒๕๑๕
    พิธีเสด็จกลับถ้ำเขาเงิน๒๕๑๑
    เป็นพิธีใหญ่ที่รวมศิษย์สายเขาอ้อร่วมกันปลุกเสก ขุนพันธ์ฯเป็นประธานจัดสร้าง อ.ชุมและหลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน ร่วมกันสร้างเพื่อแจกจ่ายทหาร ตำรวจ ประชาชนที่ศรัทธา มีการสร้างวัตถุมงคลหลายพิมพ์ด้วยกัน พระเนื้อผงอาทิเช่นพิมพ์ขุนแผนใหญ่-เล็ก ปิดตา พระสีวลี พระทุ่งเศรษฐี พระรอด และรูปเหมือนลพ.แดง พุทโธ วัดถ้ำเขาเงิน พระทำจากเนื้อผงว่านวิเศษและเกสรศักดิ์สิทธิ์นานาชนิด เป็นพิมพ์พระรอด เนื้อสีน้ำตาลม่วง เห็นจุดขาวๆในเนื้อ พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา จ.พัทลุง, หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน จ.พัทลุง, พระอาจารย์ปาล วัดเขาอ้อ, หลวงปู่หมุน วัดเขาแดงตะวันออก จ.พัทลุง, พระครูปลัดพวง วัดประสาทนิกร หลังสวน จ.ชุมพร, หลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน หลังสวน จ.ชุมพร, อาจารย์ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง ปลุกเสกตามตำรับไสยเวทย์ของเขาอ้อ
    ......... ......... ....... ............
    พิธีหลวงปู่วัดแค ๒๕๑๕
    พิธีสร้างครั้งนี้ได้สร้างพระบูชารูปเหมือนของท่าน และสร้างเป็นรูปกริ่งเนื้อนวโลหะผสมทองคำ ผสมเหล็กไหล และพระพิมพ์ทรงซุ้มกอ เนื้อว่านยา 500 กว่าชนิด ที่อาจารย์พระครูพิพัฒน์สิริธร และอาจารย์ชุม ไชยคีรี ได้สะสมทำพิธีมาแล้วเป็นเวลานานกว่า 40 ปี ผสมกับผงก้นกรุของหลวงปู่คง แจกจ่ายให้แก่ทหาร ตำรวจ และจะนำพระพิมพ์ดังกล่าวส่วนหนึ่งขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อมีไว้พระราชทานแก่ทหาร ตำรวจ ประชาชน ตามพระราชอัธยาศัยในโอกาสอันควรอีกต่อไป
    โดยเจตนาของพระอาจารย์เจ้าผู้ทรงคุณในภาคใต้ 9 องค์ ซึ่งมีอาจารย์พระครูพิพัฒน์สิริธร(หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน) เป็นประธาน ร่วมกับพระอาจารย์มีชื่อเป็นมงคลนามในภาคกลาง อาทิเช่น หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เป็นประธาน โดยมอบให้อ.ชุม ไชยคีรี กับคณะศิษย์เป็นผู้ดำเนินงานพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดชำนิหัตถการ (สามง่าม) ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 รวมเวลา 3 วัน 3 คืน รวมกับพิธีสร้างพระสีวลี และ รูปท่านท้าวมหาพรหม
    คุณวิเศษตามเลขยันต์ ว่านยา ตลอดถึงพระคาถาที่พระอาจารย์เจ้าได้ปลุกเสกอธิษฐานบรรจุไว้ในองค์พระแบบต่างๆนั้นดีทุกทางเฉพาะสำหรับผู้มีความเชื่อ เคารพ และเข้าถึง เช่น คงกระพัน กันปืน กันวัตถุระเบิด แคล้วคลาด รวมทั้งมีอำนาจชนะศัตรู กันอุบัติเหตุ และขอพระส่งเสริมให้มีอานุภาพอันเกรียงไกรยิ่งขึ้น
    ขอขอบคุณ ท่านเจ้าของบทความข้อมูลรที่มารูปภาพอย่างสูงครับ
    ให้บูชา ๒ องค์คู่กัน 950 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240727_142745.jpg IMG_20240727_142809.jpg IMG_20240727_142928.jpg IMG_20240727_142948.jpg IMG_20240727_142843.jpg IMG_20240727_142907.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722171304309.jpg
    เหรียญหลวงพ่อหมอหลังฝ่ามือมหาลาภ
    หลวงพ่อหมอ สุดยอดพระเกจิ เพื่อนรักของหลวงพ่อคูณ พระเกจิองค์เดียวที่หลวงพ่อคูณ มวนและจุดยาสูบให้
    พระสงฆ์ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำยกย่องว่าเป็น
    “…เจ้าของธนาคาร…”
    ขออนุญาตยกบทความของคุณพยุงศักดิ์ เศรษฐมาตย์
    ที่ได้รวบรวมเรื่องราวของท่านไว้
    มาเผยแพร่บารมีองค์หลวงพ่อนะครับ
    : #เจ้าของธนาคาร :
    ครั้งหนึ่ง ราวปี พ.ศ 2532
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
    มาร่วมงานเททองหล่อพระที่วัด
    แห่งหนึ่งใน อ.ท่าเรืองานนั้น
    หลวงพ่อหมอ ก็ไปร่วมงานด้วย
    ผู้คนที่มาในงานต่างมาห้อมล้อม
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    กันมากมายเพื่อกราบขอเมตตา
    ขอบารมีจากท่าน
    ระหว่างที่ผู้คนห้อมล้อมท่านอยู่นั้น
    หลวงพ่อฤษีลิงดำ ก็ได้ชี้ไปที่
    หลวงพ่อหมอที่นั่งอยู่คนละฝั่งกัน
    กับท่านแล้วพูดว่า
    " ผู้ใดมีบารมี ผู้ใดจะโชคดีโน้น...
    ไปขอหลวงพ่อหมอโน้น นี้แหล่ะ
    เจ้าของธนาคารตัวจริง
    ไปกราบขอท่านไป "
    เป็นคำกล่าวของครูบาอาจารย์ผู้รู้ซึ้ง ซึ่งภูมิธรรมของกันและกัน
    " ปราชญ์ย่อมรู้ในปราชญ์ ".
    หลวงพ่อประเสริฐ(หมอ) โอภาโส
    วัดโคกกระต่ายทอง ท่าเรือ อยุธยา
    พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงฤทธิ์อภิญญา
    วาจาสิทธิ์หูทิพย์ ตาทิพย์
    วัตรปฏิบัติแปลกๆ ทำตัวแปลกๆ
    จนชาวบ้านหาว่าท่านเป็น " พระบ้า "
    คน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร นับถือท่านมาก
    เรื่องโชคลาภนั้นเป็นเลิศนัก
    ผู้สร้างตำนานโรงทานอันลือลั่น
    ฝ่ามือมหาลาภ วัตถุมงคลท่านศักดิ์สิทธิ์นัก
    เรื่องหวยเรื่องเบอร์นั้นท่านโดงดังมาก
    แนวทางปฏิบัติ กิน เดิน นั่ง นอน ท่านจะภาวนาตลอดเวลา กิจสำคัญของท่านที่ขาดไม่ได้เลยคือการ ออกบิณฑบาต
    โปรดญาติโยม เรื่องราวพิสดาร
    ปาฏิหาริย์ ความศักดิ์สิทธิ์
    อัศจรรย์พันลึก วัตรปฏิบัติแปลกๆ
    จนชาวบ้านเรียก " พระบ้า "
    ปริศนาธรรมคำคมหลวงพ่อหมอ
    * ศรัทธาตัวเดียว
    ผู้ปฏิบัติต้องมีศรัทธาอย่างแรงกล้า
    ถึงจะได้พบธรรมะเบื่องสูง ที่ไม่มีตัวตน *
    * ธรรมะต้องเกิดในดวงจิต
    ดวงใจถึงจะเป็นของจริง *
    * สมาธิเปรียบเหมือนต้นไม้ ศีลเหมือนพื้นดินสมาธิอาศัยศีล เหมือนต้นไม้อาศัยดิน *
    * เรากางร่มก่อน ร่มถึงจะมากางเรา
    ถ้าเรามีศีลมีธรรมแล้ว ศีลธรรมก็มารักษาเราเป็นเรื่อง ปัจจัตตัง อัตตะโน นาโถ
    (ทำเอง รู้เอง เห็นเอง) *
    เรื่องราวทั้งหลายทั้งปวง ที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้คือเรื่องราวพิสดาร ปาฏิหาริย์ ประสบการณ์ต่างๆ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง
    จากบันทึกของศิษย์และคำบอกเล่าจาก ลพ.ทอง เจ้าอาวาสวัดโคกกระต่ายทอง รูปปัจจุบัน
    เรื่องราวปาฏหาริย์ พิสดารลึกลับ
    ของหลวงพ่อหมอ ยังมีอีกมากเล่ากันเจ็ดวันเจ็ดคือก็ไม่หมด เอาพอหอมปากหอมคอ
    ให้รู้ว่า พระดีๆ เก่งๆ ที่ทรงฤทธิ์อภิญญา แบบนี้ยังมีให้เราได้ค้นหากันอยู่
    " โยมไม่ทันท่าน แต่ได้พระท่านไปบูชา ก็เหมือนได้แก้ววิเศษของท่านแล้ว "
    ( หลวงพ่อทอง เจ้าอาวาสวัดโคกกระต่ายทอง เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันได้กล่าวไว้ )
    ชาติภูมิ
    หลวงพ่อหมอ โอภาโส
    ถือกำเนิดในสกุล จันทรส ณ บ้านบักเขียบ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ
    เกิดเดือน ๑๒ ปีมะโรง พ.ศ.๒๔๕๘
    เดิมท่านชื่อว่า เพชร แล้วเปลี่ยนมาเป็น ประเสริฐส่วนชื่อ หมอ นั้นชาวบ้านพร้อมใจกันตั้งให้ท่านเพราะกิตติศักดิ์ของท่านนั้นเอง
    หลวงพ่อหมอ ท่านเป็นพระอริยะสงฆ์อีกรูปหนึ่งผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัตชอบ ท่านใช้ชีวิตในสมณเพศอย่างเป็นประโยชน์ยิ่ง ไม่เคยสะสมเงินทองมาเป็นของส่วนตัวมีเท่าไหร่ท่านนำไป บริจาก สร้าง แจก เพื่อก่อประโยชน์ต่อบวรพุทธศาสนา เลี้ยงเด็กกำพร้าและเด็กยากจนที่อยู่ในความอุปการะคุณของท่านทั้งหมด
    สงเคราะห์ญาติโยมผู้ตกทุกข์ได้ยาก
    จากวัตรปฎิบัติแบบแปลกๆ ของท่าน เเม้ยางคนที่ไม่เข้าใจ มองท่านอย่างผิวเผินว่าท่าน ออกจะแปลกๆ พิกลไม่เหมือนพระสงฆ์ทั่วไป
    การออกธุดงค์ของทาานก็แปลก ไม่เคยมีกลดหรือมุ้งติดตัวเลย จะมีเพียงแค่จีวรห่มกาย และบาตรใบเดียวเท่านั้น
    แต่เมื่อได้สัมผัสได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ
    วัตรปฏิบัติ อุบายธรรม หลักคำสอนต่างๆ ของท่านแล้ว ความสงสัยในตัวท่านนั้น ก็จะคลายสิ้น.
    ______________________________
    : #นวโกวาทเป็นครู :
    หลวงพ่อหมอ ท่านว่าท่านเอาตำราเป็นครู
    เอานวโกวาทเป็นครู ภูมิธรรมที่เกิดขึ้นนั้นได้จากตำรา
    หลวงพ่อหมอ เคยปรึกษาหารือสนทนาธรรมกันกับ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ถึงนวโกวาท
    ซึ่งในนวโกวาทนี้เขาบอกไว้ทุกเรื่อง ทุกเหลี่ยมทุกมุม
    แต่ไม่ปฏิบัติกัน
    ท่านว่าคนที่จะบรรลุธรรมะ คือ ศรัทธาตัวเดียว ไม่ได้เรียนมามากท่านเอ่ยตามพระวินัยสนใจให้มากรักษาตามนวโกวาทให้ดีๆ
    ศรัทธาตัวเดียว ผู้ปฏิบัติต้องมีศรัทธาอย่างแรงกล้า ถึงจะได้พบธรรมะเบื่องสูง ที่ไม่มีตัวตน.
    ___________________________
    : #หมอ :
    ที่มาของคำว่า หมอ
    ที่ อ.ตะพานหินคือมีญาติโยมผู้หญิงที่ตั้งท้องมากราบ หลวงพ่อหมอ แล้วถามว่าเด็กในท้องเป็นยังไง ปรากฏว่าหลวงพ่อหมอ ท่านบอกเพศ วัน เดือน ปี ที่เด็กจะเกิดไว้ ชึ่งพอถึงเวลาก็คลอดตามที่หลวงพ่อพูดตรงทั้งหมด ทำให้เป็นเรื่องที่แปลกมาก คนท้องในสมัยนั้นแห่กันมาถามหลวงพ่อจนวุ่นวาย
    เท่านั้นยังไม่พอบางคนมาขอให้ท่านแผ่บารมีรักษาอาการเจ็บป่วยให้หาย ท่านก็รักษาตามนิมิตของท่านบางท่าน หลวงพ่อหมอ ให้ไปกินก๋วยเตี๋ยวสามชามก็หาย
    บางคนโดนท่านถีบ ท่านพลักก็หายหรือบางท่านโดนตบก็มีส่วนใหญ่ ญาติโยมไปหาหลวงพ่อแล้วท่านทำให้หายหมด คนตะพานหินจึงเรียกท่าน หลวงพ่อหมอ ตั้งแต่นั้นมา
    สมัยที่หลวงพ่อหมอ ท่านออกธุดงค์ ปฏิบัติตัวแปลกๆ เป็นคนสติไม่ดี ดำเนินจิตตามนิมิตรบอก
    การธุดงค์หลวงพ่อหมอ มีอัฏฐบริขารติดตัวเพียงจีวรห่มกาย และบาตรเท่านั้น กลดมุ้งไม่เคยมีแต่แปลกผิวหลวงพ่อหมอ ไม่มีรอยยุงกัดเลย.
    ______________________________
    : #พระบ้า :
    ลูกศิษย์ท่านหนึ่งชาวตะพานหิน เล่าว่ามีชาวบ้านแถวบ้านตนเอง ไปดูหลวงพ่อหมอ อยากรู้ว่าพระบ้าเป็นอย่างไร ก็ได้พบหลวงพ่อหมอ เมื่อได้สัมผัสหลวงพ่อหมอ อย่างจริงจังแล้วขนลุกรู้สึกได้ทันทีว่า
    พระองค์นี้ไม่เพียงมิใช่พระบ้า แต่เป็นพระที่ไม่ธรรมดาและเป็นพระที่เก่งมากๆ เสียด้วย นึกคิดอะไรในใจท่านรู้หมด ก่อนหวยออกไม่กี่นาที
    หลวงพ่อหมอ ท่านได้เขียนเลขเล่นๆ ไว้ 6 ตัว พอหวยออกมา รางวัลที่ 1 ออกตรงแป๊ะไม่มีคลาดเคลื่อนเลยทั้ง 6 ตัว
    แบบนี้จะเป็นพระบ้าได้อย่างไร.
    ______________________________
    : #ยาสีฟันรักษาโรคประหลาด :
    คนนครสวรรค์ผู้หนึ่ง ได้ดูถูกปรามาสว่า
    หลวงพ่อหมอ เป็นพระผีบ้า
    จู่ๆได้เกิดเป็นโรคประหลาด เป็นก้อนเนื้อขึ้นตามผิวหนังของแขนทั้งสองข้าง ไปหาหมอรักษาโรงบาลไหนก็ไม่หาย รู้สึกปวดทรมานมาก
    ก็เลยนึกได้ว่าก่อนเป็นนั้น ตนเองนั้นได้ดูถูกปรามาสหลวงพ่อหมอ ว่าเป็นพระผีบ้า
    ก็เลยจะมาขมาหลวงพ่อหมอ
    เมื่อเจอหน้ากัน ยังไม่ทันได้พูดอะไร
    หลวงพ่อหมอ ถามขึ้นก่อนโดยทันทีว่า
    " เป็นบ้ามั๊ย โยมคนนี้จึงตอบท่านไปว่า ไม่บ้าครับ หลวงพ่อหมอ ก็พูดขึ้นว่า เอ้อ..แก่ก็ยอมรับแล้วว่า ข้าไม่บ้า แล้วหลวงพ่อหมอ ก็บอกให้ไปซื้อยาสีฟันจากร้านที่ท่านบอก ให้เอามาทาแล้วจะหายภายใน 7 วัน "
    เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งที่ยาสีฟันที่หลวงพ่อหมอ
    บอก ให้ไปซื้อมาทา สามารถรักษาอาการทุกข์ทรมานจากโรคประหลาดที่เป็นอยู่นั้น หายอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่ไปรักษาจากโรงพยาบาลมาหลายแห่งแล้วไม่หาย.
    _____________________________
    : #จากตะพานหินสู่วัดโคกกระต่ายทอง :
    หลังจากที่หลวงพ่อหมอได้อยู่สร้างความเจริญทางวัตถุที่วัดพฤษะวันโชติการาม
    ควบคู่กับปลูกฝังรากแห่งความศรัทธาต่อบวรพุทธศาสนาให้เกิดขึ้นและฝังลึกในจิตใจชาวตะพานหินและละแวกใกล้เคียงเป็นเวลาหลายปี
    ร้านค้าชาวจีนหรือเหล่าศิษย์ในอ.ตะพานหิน
    จะมีรูปท่านบนหิ้งพระทุกร้าน
    พระอาจารย์ทองอยู่ แห่งวัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ
    ได้ยินกิตติศัพท์ชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์ของท่านได้ไปพบท่าน
    จึงขอให้ท่านนำกฐินมาทอดที่
    วัดบัวงาม ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา เมื่อท่านนำกฐินมาทอดแล้ว
    ชาวบ้านท่าเรือเลื่อมใสศรัทธาท่านมากต่างปรึกษากันว่าจะหาวัดให้ท่านมาอยู่ จึงนิมนต์ให้ท่านมาอยู่ที่ วัดโคกกระต่ายทอง ซึ่งวัดนี้เป็นวัดโบราณเก่าแก่มาก เป็นวัดร้างมานานแล้ว อยู่ที่ ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา.
    ______________________________
    : #เดินข้ามแม่น้ำป่าสัก :
    ครั้งหลวงพ่อหมอ มาอยู่ วัดโคกกระต่ายทอง ท่านได้นั่งรถไฟมาลงที่ท่าเรือ แล้วเดินเท้ามายังวัดชุมแสง เพื่อที่จะข้ามท่าเรือ มายังวัดโคกกระต่ายทอง
    ซึ่งอยู่ตรงข้ามคนละฝั่งแม่น้ำกัน
    ขณะที่หลวงพ่อหมอ มาถึงท่าวัดชุมแสงนั้น เป็นเวลาค่ำแล้วจึงไม่มีเรือข้ามฝากไปยังท่าวัดโคกกระต่ายทอง
    ทันใดนั้นหลวงพ่อหมอ ได้เดินลงเหยียบบนผิวน้ำอัศจรรย์ยิ่งตัวท่านยืนอยู่เหนือผิวน้ำแล้วเดินข้ามแม่น้ำไปยังท่าวัดโคกกระต่ายทอง
    โดยที่มีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ว่าเห็นพระเดินข้ามแม่น้ำ บ้างก็ว่าท่านเหยียบยืนบนฝาบาตรลอยข้ามแม่น้ำในครั้งนั้น
    จนเป็นที่กล่าวขานล่ำลือไปทั่วในเขต อ.ท่าเรือ ในสมัยนั้น
    (เรื่องราวจาก ลพ.ทอง เจ้าอาวาสวัดโคกกระต่ายทอง รูปปัจจุบัน).
    ______________________________
    : #สหมิกธรรม :
    หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่
    ให้ความเคารพนับถือ ยอมรับในคุณธรรมของ
    หลวงพ่อหมอ เป็นพระองค์เดียวที่หลวงพ่อคูณ มวนและจุดยาให้สูบ เรียกว่าท่านเป็นเพื่อนชี้กันเลยทีเดียว ท่านทั้งสองต่างรู้ภูมิกัน
    อันที่จริงหลวงพ่อคูณ ท่านเคารพนับถือในองค์หลวงพ่อหมอ มาก หลวงพ่อหมอ ท่านจะอายุมากกว่า หลวงพ่อคูณ 8 ปี
    หลวงพ่อคูณ ท่านกล่าวว่า
    " หลวงพ่อหมอ เก่งกว่ากูเยอะ ".
    ____________________________
    : #เขาดีกว่ากูอีก :
    หลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค นครสวรรค์
    บอกแก่ชาวบ้านช่องแค
    สมัยที่หลวงพ่อหมอ ท่านออกธุดงค์ ปฏิบัติตัวแปลกๆ ทำตัวเป็นคนสติไม่ดี ดำเนินจิตตามนิมิตรบอก
    ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อหมอ ได้ธุดงค์ผ่านไปแถวช่องแค อ.ตาคลี ชาวบ้านที่พบเห็นต่างโจษขานกัน กับความแปลกประหลาดในวัตรปฏิบัติแปลกๆของท่านที่ไม่เหมือนพระทั่วไป จนชาวบ้านบางส่วนมองท่านว่าเป็นพระบ้า
    ด้วยความสงสัยจึงนำเรื่องราวไปถาม
    หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ว่ามีพระสติไม่ดีนุ่งจีวรเก่าๆ มาธุดงค์ปักกรด แถวช่องแค ชาวบ้านเอาภัตตาหารไปถวายบางวันไม่ฉันนั่งนิ่งทั้งวัน บางทีชาวบ้านมาพบเจอฉันภัตตาหารกลางคืน
    บางวันมีญาติโยมที่ศรัทธา มานั่งห้อมล้อมเยอะเพราะไปถามอะไรท่าน ในเรื่องที่ตนเองทุกร้อนใจ ท่านรู้ตอบถูกหมด รู้ทุกอย่างที่ชาวบ้านถาม บ้างก็มาให้ท่านทำน้ำมนต์ ให้ดูดวง บ้างก็มารักษาให้ท่านพ่นเป่า บ้างก็มาขอหวย มีทั้งคนที่นับถือ มีทั้งคนที่มาก่อกวนท่าน เพราะหาว่าท่านเป็นพระบ้า
    ชาวบ้านจึงนำเรื่องนี้ไปถามหลวงพ่อพรหม
    ว่าเป็นพระบ้า หรือ อย่างไรกันแน่
    หลวงพ่อพรหม นั่งนิ่งสักพักแล้วท่านบอกกับโยม
    ที่สงสัยในตัวหลวงพ่อหมอว่า
    " เขาดีกว่ากูอีก "
    จึงไม่มีใครกล้าไปตอแยก่อกวนหลวงพ่อหมออีกเลย.
    ______________________________
    : #ฝ่ามือมหาลาภ :
    เรื่องมหาลาภ ของหลวงพ่อหมอนั้นว่ากันว่าขลังเป็นยิ่งนัก
    ฝ่ามือมหาลาภของท่าน นับว่าเป็นของวิเศษนัก
    หลวงพ่อหมอ ท่านจะเน้นไปทางด้าน
    โชคลาภ โภคทรัพย์ เงินไม่ขาดมือ
    ในวัตถุมงคลของท่านมักจะมีรูปฝ่ามือมหาลาภของท่าน วางประทับอยู่ด้านหลังวัตถุมงคลนั้นๆ
    ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ หรือพระสมเด็จ
    จะมีรูปฝ่ามือมหาลาภ ของท่านประทับอยู่ข้างหลังขององค์พระเกือบทุกรุ่น
    ฝ่ามือมหาลาภที่ประทับไว้ด้านหลังวัตถุมงคลของท่านนั้นยังแฝงไว้ด้วยซึ่งปริศนาธรรรม
    ว่าฝ่ามือของท่านนั้นค่อย ช่วยเหลือ ผลักดัน
    ส่งเสริม อุปถัมภ์ค้ำชู มิให้ตกต่ำ
    วัตถุมงคลของท่านนั้นจะดีไปในทาง
    โชคลาภ โภคทรัพย์ เมตตา ค้าขาย เจริญก้าวหน้า ทำมาหากินคล่องตัว ทั้งยังคุ้มครองป้องกัน
    นักเสียงโชคและคนค้าขาย ควรหามาบูชายิ่งนัก
    วัตถุมงคลของท่านนั้นราคาไม่แพง เพราะคนไม่ค่อยรู้จักท่าน
    แต่ที่น่าแปลกคือหาไม่ค่อยได้ไม่ค่อยพบเจอ.
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อหมอหลังฝ่ามือมหาลาภ ให้บูชา 200 ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    (ปิดรายการ)
    IMG_20240728_194718.jpg IMG_20240728_194745.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2024
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722177133608.jpg

    พ่อท่านแปลกเคราเหล็ก
    พระปิดตามหาโภคทรัพย์ เนื้อผงผสมว่านเป็นพระปิดตารุ่นแรกที่พ่อท่านแปลกสร้างขึ้นจากเนื้อว่านทางโชคลาภมากมาย ผสมผงพุทธคุณทางเมตตา มหาเสน่ห์ สร้างน้อย ปัจจุบันหายากไม่ค่อยพบ
    พ่อท่านแปลก นั้นบุคลิกของท่านแปลก และพระเกจิอาจารย์สายเขา-อ้อ องค์นี้เก่งจริง แต่ไม่มีใครรู้จักท่านมากนัก ท่านท่านเป็นพระที่สมถะและเก็บตัว มักน้อย สันโดษ อยู่ที่วัดปากปรน กิ่งอำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง ทั้งวัดมีท่านอยู่เพียงองค์เดียวเรียบง่าย หนทางไปสุดแสนยาก ลูกศิษย์ที่ไปกราบท่าน ท่านจะมองดูลูกศิษย์ด้วยดวงตาแจ่มใส คนในพื้นที่และคนในจังหวัดตรัง จะรู้ถึงอภินิหาร มีสมาธิจิตอันแกร่งกล้า พุทธาคมก็ไม่เป็นสองรองใคร หลายต่อหลายครั้ง ที่ผู้คนประสบพบเจอในอภินิหารของท่านจนเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
    ท่านเดินท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักแต่ไม่เปียกเลย
    เมื่อมีอายุครบบวชได้อุปสมบทที่วัดกลาง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ท่านได้ศึกษาธรรมและได้เรียนรู้วิชา คาถา พระเวทย์ ไสยศาสตร์ และเกิดความสนใจวิชาเวทมนต์ คาถาอาคม และไสยศาสตร์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ใฝ่ศึกษาวิชาต่างๆ และได้เรียนวิชากับครูบาอาจารย์มากมาย ได้พบอาจารย์ปาน วัดเขาอ้อ และได้ฝากตัวเป็นศิษย์ตั้งแต่บัดนั้น ได้เรียนวิชาการต่างๆ มามากมาย
    ประวัติพ่อท่านแปลก วัดปากปรน
    ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อ ซึ่งเป็นที่นับถืออย่างยิ่งของชาวตรัง และชาวภาคใต้ แม้บางครั้งวัดที่จำวัดอยู่จะมีพ่อท่านอยู่เพียงแค่องค์เดียว เนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่ห่างไกลทุรกันดาร และผู้คนที่อาศัยอยู่รายรอบส่วนใหญ่จะเป็นชาวไทยมุสลิม แต่พ่อท่านก็ยังยืนหยัดครองผ้าเหลืองมาจนถึงเวลานี้ถึง 45 พรรษา ในวัย 77 ปี ด้วยความสมถะ วิเวก เรียบง่าย น่านับถือ พร้อมทั้งยังมีอภินิหาร และแก่กล้าพุทธาคมอย่างยิ่งยวด
    "พ่อท่านแปลก" หรือ "พระครูสุเวชโกศล" เจ้าอาวาสวัดปากปรน อำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง เกิดที่บ้านร่มเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2478 โยมบิดาชื่อ "ปาน ชูเท้า" โยมมารดาชื่อ "คุ้ม ชูเท้า" เมื่อวัยเยาว์ได้ช่วยทางบ้านประกอบอาชีพทำนา จนมีอายุครบบวช จึงได้อุปสมบทที่วัดกลาง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เพื่อศึกษาธรรมและได้เรียนรู้วิชาไสยศาสตร์ด้วย จึงเกิดความสนใจวิชาเวทมนต์ และคาถาอาคมต่างๆ กระทั่งเมื่อไปพบ "หลวงพ่อปาน ปาลธัมโม" วัดเขาอ้อ จึงได้เรียนวิชาการต่างๆ อย่างมากมาย
    เมื่อออกพรรษา ทางบ้านได้ให้ให้ลาสิกขามาช่วยทำนาต่อไป จึงต้องสละเพศบรรพชิตทั้งที่จิตใจฝักใฝ่จะอยู่ต่อ แต่ก็ยังไปแสวงหาอาจารย์เรียนรู้วิชาทางไสยศาสตร์อยู่เสมอ จนพบกับ "พระอาจารย์นำ ชินวโร" แห่งวัดดอนศาลา จึงได้รับการชี้แนะแนวทางเวทมนต์และวิทยาคมมากมาย แม้ต่อมาพ่อท่านจะมีครอบครัว แต่เมื่ออายุ 33 ปี ได้เกิดความเบื่อหน่ายชีวิตทางโลก เพราะมีจิตใจใคร่ทางธรรมอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก จึงตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้ง เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2510 ณ วัดควนขี้แรด จังหวัดพัทลุง โดยมี "พระครูมุทิตานุรักษ์" วัดท่าแค เป็นพระอุปัชฌาย์ "พระครูนิเทศน์ธรรมวินัย" วัดท่าแค เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ "พระมหาผัน" วัดโคกโพธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยได้รับฉายาว่า "ปุสฺสเทโว"
    ทั้งนี้ หลังจากจำวัดได้ 1 พรรษา พ่อท่านได้ขอย้ายไปอยู่ที่วัดดอนปรัง วัดควนโตนด และวัดบางขัน จังหวัดพัทลุง เพื่อค้นคว้าเรียนวิชาสายเขาอ้อกับ "หลวงพ่อปาน" อีกครั้งหนึ่ง จนเกิดความชำนาญและสามารถปฏิบัติได้เห็นจริง จึงออกธุดงค์เพื่อหาความสงบวิเวกภายในป่า บนเทือกเขาบรรทัด รอยต่อระหว่างจังหวัดตรัง กับพัทลุง เพื่อฝึกจิตให้กล้าแข็ง จนถึง พ.ศ.2512
    หลังจากนั้น พ่อท่านจึงออกธุดงค์อีกครั้ง มาจนถึงวัดปากปรน จังหวัดตรัง โดยพบว่าเป็นวัดร้างไม่มีพระอยู่ มีเพียงกุฏิเก่าๆ และศาลาผุพัง กับป่ารกทึบ ในยุคสมัยที่ยังมีวัดเพียงแค่แห่งเดียวในอำเภอ ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็นับถือศาสนาอิสลาม พ่อท่านจึงได้จำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ ณ วัดแห่งนี้เพียงองค์เดียว โดยระหว่างนั้น เริ่มมีชาวบ้านผ่านมาเข้าไปกราบนมัสการ และเริ่มรู้จักมากขึ้น เพราะพ่อท่านได้นำตำรารักษาโรคและตำรับเวทมนต์ จากถ้ำวัดในเขา จังหวัดพัทลุง มาช่วยรักษาชาวบ้านที่เจ็บป่วยด้วยสมุนไพรพื้นบ้าน"พ่อท่านแปลก" ได้รับการกล่าวขานในเวลาต่อมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะวิชาคาถาอาคมและไสยศาสตร์ที่ได้ร่ำเรียนมาจากสำนักเขาอ้อ ที่ก่อให้เกิดความอัศจรรย์ขึ้นหลายต่อหลายครั้ง เช่น หลายคราวที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่กลับไปถูกจีวรของพ่อท่านเลยแม้แต่เม็ดเดียว อันเนื่องมาจากตะกรุดและคาถา "ฝนแสนห่า" ที่ส่งผลให้มีพุทธคุณปกป้องคุ้มครองกาย หรือแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวง แต่หากไม่ฝึกปฏิบัติทางจิตอย่างจริงๆ จังๆ จนเข้มแข็งแล้ว ก็จะไม่สามารถทำได้ตามตำรา
    นอกจากนั้น ยังมีการพูดถึงคาถา "อาบน้ำในกา" ซึ่งเป็นวิชาช่วยย่นหนทางและย่อกาย จนทำให้พ่อท่านสามารถสรงน้ำได้ โดยไม่ต้องลุกขึ้นไปห้องน้ำ หรือไม่ต้องสรงน้ำเป็นเวลานานๆ ได้ โดยที่ไม่มีกลิ่นกาย แต่ผิวพรรณ ราศรี ยังผ่องใส เปล่งปลั่ง ดูสะอาด รวมทั้งคาถา "ปืนยิงไม่ออก" ที่เลื่องลือมานานแล้ว แต่ไม่ว่าเรื่องราวของพ่อท่านจะโด่งดังมากมายขนาดไหน พระเกจิอาจารย์ผู้เข้มขลังและปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปนี้ ยังคงถือสันโดษและปฏิบัติธรรมด้วยการพิจารณา "อสุภะกรรมฐาน" อยู่เป็นเนืองนิตย์ พร้อมทั้งยังมีกระแสจิตแก่กล้า แต่มีความเมตตาเป็นเลิศ
    อย่างไรก็ตาม หนึ่งในเรื่องราวสำคัญของจังหวัดตรัง ที่เกิดขึ้นเมื่อเทศกาลสงกรานต์ ปี 2550 หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้วก็คือ เหตุการณ์น้ำป่าถล่มน้ำตกสายรุ้ง และน้ำตกไพรสวรรค์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 38 ศพ เพียงแต่รายสุดท้ายที่เป็นหญิงสาววัย 31 ปี ชาวตำบลบางดี อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง นั้น ไม่สามารถพบร่างได้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะระดมกำลังค้นหาต่อเนื่องกันมาหลายวัน และเป็นระยะทางยาวไกลนับสิบๆ กิโลเมตร แต่หลังจากที่มีการนิมนต์ "พ่อท่านแปลก" ไปทำพิธีบูชาเจ้าป่าเจ้าเขา เพียงแค่ฮึดใจ ก็สามารถค้นพบศพของหญิงสาวเคราะห์ร้าย ในพื้นที่ตำบลโพรงจรเข้ อำเภอย่านตาขาว โดยอยู่ห่างจากจุดที่เกิดเหตุเพียงแค่ไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น
    ขณะที่วัตถุมงคลที่พ่อท่านได้ปลุกเสกเอาไว้หลายต่อหลายรุ่น เพื่อนำเงินมาก่อสร้างศาสนสถานต่างๆ ภายในวัดปากปรนนั้น ผู้ที่ได้ไปต่างก็มีประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์อย่างมากมาย โดยเหรียญรุ่นแรก ที่สร้างเมื่อ พ.ศ.2538 เป็นเหรียญทองแดงรมน้ำตาลรูปไข่ ต่อจากนั้น ก็ยังมีการสร้างล็อกเกตรูปพ่อท่าน รวมทั้งรูปหล่อเนื้อเซลลิก้าผสมผง หน้าตัก 5 นิ้ว รูปหล่อเนื้อทองเหลือง หน้าตัก 2 นิ้ว แหวนพิรอด สายคาดเอว และผ้ายันต์ โดยวัตถุมงคลรุ่นล่าสุดนั้น เป็นรูปเหมือนพิมพ์เตารีด เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ และเนื้อทองแดง ที่สร้างขึ้นเพื่อก่อตั้ง "มูลนิธิดุษฎีบุญ เพื่อการศึกษา" ซึ่งมีพ่อท่านเป็นประธานอุปถัมภ์
    นอกจากนั้น พ่อท่านยังได้รับการนิมนต์ไปร่วมปลุกเสก "จตุคามรามเทพ" รุ่นแรก ของ "ขุนพันธ์" หรือ "พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช" มือปราบผู้โด่งดัง ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งยังได้เดินทางไปร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลอีกมากมาย ทั้งในภาคใต้ และทั่วทั้งประเทศ เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 100 รุ่น แต่ถึงแม้เวลานี้กระแสพระเครื่อง โดยเฉพาะ "จตุคามรามเทพ" จะเบาบางลงไปมาก แต่ที่วัดของพ่อท่านซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองตรังไปกว่า 60 กิโลเมตร กลับยังคงมีผู้คนที่เลื่อมใสศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศเดินไปกราบนมัสการไม่เคยขาด และพ่อท่านก็ให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเองด้วยรอยยิ้มอันมีไมตรีจิต ไม่ว่าผู้นั้นจะมีหน้าที่การงานหรือมีฐานะอย่างไร
    ถือเป็นอีกสุดยอดพระเกจิอาจารย์ที่น่านับถือยิ่ง
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระปิดตารุ่นแรกพ่อท่านแปลกปากปรน จะมีกล่อง บรรจุ แบบที่ แจกนิตยสารพระเครื่อง และ แบบของวัด
    250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240728_214802.jpg IMG_20240728_214829.jpg IMG_20240728_214741.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    ปิดตาหลวงพ่อบุญธรรม
    ลพ. บุญธรรม เตชวโร วัดช้างเผือก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.
    หนองคาย
    พ่อแม่ครูอาจารย์สายวัดป่ากรรมฐานฯ สมัยท่านเรียนปริยัตินักธรรม ท่านก็เรียนวิชาอาคมไปด้วย เพราะในสมัยก่อนคนชนบทห่างไกล จะมีอาจารย์ด้านนี้มากและเป็นที่นิยมในสมัยนั้น ๚
    .... ลพ.บุญธรรม ท่านได้เรียนกรรมฐานกับครูอาจารย์หลายองค์ อาทิเช่น..
    : ลป.กงมา
    : ลป.สีทัต
    : ลป.เสาร์
    ลพ.บุญธรรม ท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ เช่นเรื่องเหล็กไหล สมัยท่านธุดงไปฝั่งลาว ท่านได้ธาตุที่เรียกว่า "ขี้เหล็กไหล ได้นำมาเป็นส่วนในการสักยันต์ให้ลูกศิษย์ท่าน เกิดประสบการณ์มากมาย ...จะสังเกตุว่าพระเครื่องที่ท่านสร้างจะมีส่วนผสมธาตุจำพวกเหล็กไหลด้วยทุกชนิด...
    ถือได้ว่า ลพ.บุญธรรม คือหนึ่งในพระปฏิบัติสายวัดป่าฯที่น้อยคนจะทราบแต่คนในพื้นที่จะรู้ท่านดี
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240728_232442.jpg IMG_20240728_232416.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722187369345.jpg FB_IMG_1722187617348.jpg

    เหรียญสิงห์เล็กหลวงพ่อชมวัดโป่ง
    ..อภินิหารและประสบการณ์
    - หลวงพ่อชม กสโร ท่านมีพระอาจารย์รูปแรกคือ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย จ.ระยอง และเป็นศิษย์รูปสุดท้ายของ หลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ
    - นอกจากนี้ท่านยังไปฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์กับเกจิดังๆ ทั่วประเทศ และส่วนใหญ่ท่านจะเรียนแต่เฉพาะหัวใจของวิชา แล้วนำมาผสมผสานกัน
    - สมัยอยู่กุฏิเก่าท่านมักจะเล่นแร่แปรธาตุ ฝึกฝนวิชาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมา มีลูกศิษย์รุ่นพี่เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนเย็นๆ แดดร่มลมตก ท่านมักจะนำกระดาษทิชชู่มาปั้นเป็นก้อน แล้วโยนลงไปใต้กุฏิ จู่ๆ ก็จะเกิดปาฏิหาริย์ เมื่อกระดาษทิชชู่ที่โยนลงไปกลับกลายเป็นกระต่ายบ้าง เป็นนกบ้าง สร้างความอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก และเมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ทำให้ชาวบ้านในถิ่นอื่นมาฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์จำนวนไม่น้อย
    - ต่อมาท่านได้สร้างวัตถุมงคลหลายชนิด อาทิ ปลัดขิก, ตะกรุดโทน, ตะกรุดคู่ และเหรียญ
    - เคยมีเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ เมื่อไม่นานมานี้ มีสาวใหญ่คนหนึ่งในหมู่บ้านโป่ง จูงลูกสาววัย 5 ขวบข้ามถนน จู่ๆ ได้มีรถยนต์ขับมาพุ่งชนทั้งแม่ทั้งลูกจนกระเด็นคนละทิศละทาง ผล แม่ตาย ! แต่ ลูกรอด เมื่อมาดูที่คอของเด็กน้อยพบว่าแขวน "ล้อคเก็ตรูปเหมือนของหลวงปู่ชม กสโร"
    - ลูกศิษย์ก้นกุฏิ เล่าต่ออีกว่า อีกเหตุการณ์หนึ่งเป็นเรื่องของแม่ค้าคนหนึ่ง ที่ตั้งแผงขายผลไม้อยู่หน้าปั๊มน้ำมันริมถนน ระหว่างนั้นมีเพื่อนมานั่งคุยที่แผงด้วยรวม 4 คน เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีรถหกล้อเสียหลักพุ่งตรงมาที่แผงผลไม้ แม่ค้าคนนั้นนั่งอยู่ข้างหน้าสุด และเป็นคนแรกที่ถูกชน
    - เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 2 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย คนที่บาดเจ็บเล็กน้อยนั้นคือแม่ค้าผลไม้เจ้าของแผงนั่นเอง
    หลวงพ่อชม เป็นชาวบ้านโป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เกิดเมื่อวันที่ 8 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2451 เมื่ออายุครบ 21 ปี ก็ได้เข้ารับการเกณฑ์ทหารเป็นเวลา 2 ปี เมื่อออกจากทหารแล้ว ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาในสังกัดมหานิกายที่ วัดนพทองดีศรีพฤฒาราม (วัดโป่ง) เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2474 ได้รับฉายาว่า พระชม กสโร โดยมี พระครูธรรมมาธรโลขณะเขต เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อบัว วัดนพทองดีศรีพฤฒาราม (วัดโป่ง) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์ ไว เป็น พระอนุสาวนาจารย์ เมื่อท่านบวชได้ 12 พรรษาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดโป่ง ซึ่งท่านก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจ และแรงศรัทธา ชักจูงชาวบ้านในละแวกนั้นมาร่วมกันพัฒนาวัด นอกจากนี้หลวงพ่อชม ยังมีความรู้ในด้านสมุนไพรรักษาโรค และได้ช่วยเหลือประชาชนกำจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ รักษาพยาบาลแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากด้วยความเมตตา หลวงพ่อชม เป็นพระสมถะ ไม่สะสมเงินทอง ทำวัตถุมงคลออกมาแต่ละรุ่นก็แบบรู้กันเฉพาะคนแถววัด ในช่วงปลายชีวิตมีนิตยสารพระเครื่องเอาประวัติของท่านมาลงบ้าง พอท่านเริ่มจะดังก็มามรณภาพลงเสียก่อน พวกนักเล่นพระที่เป็นนายทุนสร้างก็เลยอไม่ค่อยมาเกี่ยวข้อง พระเครื่องของท่านแม้ว่าจะยังไม่รู้จักกันกว้างมากนัก แต่คนในพื้นที่เจอจะเก็บกันหมด เพราะประสบการณ์เยี่ยมจิรงๆโดยเฉพาะด้านคงกระพัน แคล้วคลาด หลวง พ่อชม กสโร มรณภาพ เมื่อ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2539 อายุ 88 ปี นับพรรษาได้ 66 พรรษา
    หลวงพ่อชมท่านเป็นพระที่เสกวัตถุมงคลได้เข้มขลังมาก สังเกตได้จากวัตถุมงคลของท่านแต่ละรุ่นล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เกือบทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็น เหรียญ ผง โดยเฉพาะ ตะกรุดกับชานหมากท่านขลังมาก ขนาด อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร ยังนับถือ บางท่านอาจจะยังไม่รู้ว่าหมอสมสุข คงอุไรคือใคร (ผมจะเล่าประวัติหมอสมสุขให้ฟังย่อๆครับ)
    อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร ศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก
    คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก เริ่มก่อตั้งโดยอาจารย์หมอสมสุข คงอุไร เมื่อพ.ศ.2515ตอนนั้นยังใช้ชื่อคณะศิษย์รัศมีพรหม โดยตั้งตามคำพูดของหลวงพ่อพรหม ถาวโรวัดช่องแค จ.นครสวรรค์ หลังจากที่ปลุกเสกพระสมเด็จรุ่น ปืนแตก พ.ศ.2515 เมื่อปลุกเสกเสร็จท่านว่าพระรุ่นนี้มีรัศมีสว่างไสวเหมือนรัศมีของพรหม สว่างออกไปข้างละ 9 วา ดังนั้นอาจารย์หมอสมสุข คงอุไร จึงนำคำว่า รัศมีพรหมมาตั้งเป็นชื่อคณะ เมื่อหลวงพ่อพรหมมรณภาพลงในปี 2518 อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร ได้เจออาจารย์องค์ที่ 2 คือครูบาชุ่มโพธิโก วัดวังมุย จ.ลำพูน ท่านจึงนำฉายาโพธิโก มาต่อท้ายคำว่า รัศมีพรหม จึงกลายมาเป็น“คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก” ครูบาอาจารย์ของหมอสมสุขคงอุไรคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกที่ถ่ายทอดหลักการปฎิบัติอานาปานสติอันสัมปะยุตต์ด้วยสมาธิ,ฌาน,อรูปฌาน,และวิปัสสนาญาณ ให้แก่อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร มีดังนี้
    1.หลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค จ.นครสวรรค์
    2.ครูบาชุ่มโพธิโก วัดวังมุย จ.ลำพูน
    3.ครูบาอินทรจักร อินทจักรโก วัดน้ำบ่อหลวง จ.เชียงใหม่
    4.ครูบาพรหมา พรหมจักรโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน
    5.ครูบาขันแก้ว อุตตโม วัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน
    (ประวัติอาจารย์หมอสมสุข คงอุไรย่อๆครับ)
    กลับมาต่อครับ อาจารย์หมอสมสุข คงอุไรท่านนับถือ หลวงพ่อชม มากๆ ถึงขนาดเคยบอกลูกศิษย์ท่านว่า หลวงพ่อชม วัดโป่ง ท่านเป็นพระปัฏิบัติดีและเข้มขลังในวิชาอาคมมาก ท่านสำเร็จธาตุ เสกอะไรก็ขลัง โดยเฉพาะ ตะกรุดและชานหมาก ท่านเข้มขลังมาก........
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญสิงห์เล็กหลวงพ่อชมให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240729_002509.jpg IMG_20240729_002530.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    08--1--70--4--72--64 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามเบอร์โทรศัพท์ หรือ @ line

    บัญชีธนาคาร กรุงไทย 125-00-89-239
    Supachai thu
    โอนแล้วแจ้งบอก ทางข้อความ พร้อมที่อยู่จัดส่ง ป้อง กัน การเอาข้อมูลจากมิจฉาชีพครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722242227910.jpg FB_IMG_1722242233471.jpg FB_IMG_1722242236354.jpg FB_IMG_1722242239005.jpg FB_IMG_1722242241117.jpg FB_IMG_1722242243763.jpg FB_IMG_1722242246539.jpg
    เหรียญพระเจ้าตากสินมหาราช ศูนย์กลางทหารม้า ค่ายอดิศร สระบุรี
    ๑ ใน ๓ พิธี ที่หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง รับนิมนต์เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก
    นั่งรถไฟจากอุบลราชธานีมาสระบุรีด้วยตัวท่านเอง
    "...พระชุดนี้พิธีดีเยี่ยม พุทธคุณสุดยอดก็แล้วกัน ประสบการณ์มีกันให้เห็นบ่อย ๆ โดยเฉพาะที่หลานครูอำพล เจน ไป เจอมากับตัวเองจัง ๆ ขนาดหยุดกระสุนปืนไว้ตรงหน้าผากได้อย่างเหมาะเจาะ ถ้าทะลุกระจกบาง ๆ เข้ามาได้คงตายไปนานแล้ว..." ก็ใส่พระเทริดขนนกอยู่ เพียงองค์เดียว มีก็อาราธนาแขวนเถิดครับ "คุ้มภัยก็ได้ กราบไหว้ก็บุญ" ครับ
    พระคณาจารย์ทั่วไทย 77 รูป เฉพาะแค่ หลวงพ่อชา หลวงพ่อพรหม หลวงพ่อเกษม หลวงพ่อคูณ ก็คุ้มแล้ว
    **วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง** เพื่อมอบให้แก่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินร่วมสมทบทุน สร้างโรงพยาบาลอดิศร จ.สระบุรี เป็นพระดี พิธีใหญ่ ของจังหวัดสระบุรี ที่มีพระเกจิอาจารย์นั่งปรกมากมาย ..พิธีมหาพุทธาภิเษกจัดได้ยิ่งใหญ่เรียกได้ว่าไม่เป็นรองใครในยุคนั้นเลยนะครับ พิธีพุทธาภิเษกในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2514 โดยมีพลเอกเปรมตินสูลานนท์ เป็นประธาน ฝ่ายฆราวาส เมื่อสมัยท่านดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร สระบุรี และมีอาจารย์ไสว สุมโณ วัดราชนัดดาเป็นเจ้าพิธี ในการสร้างได้มีการผสมเนื้อชนวนโลหะจากบรรดาคณาจารย์ต่างๆและนิมนต์สุดยอดพระเกจิในยุคนั้นร่วมพิธีพุทธาภิเษกถึงเกือบ 100 รูปพระเกจิที่ดังๆ เช่น
    พุทธาภิเษก ณ ค่ายอดิศร ศูนย์การทหารม้า เมื่อ 16 ม.ค.2514 ตรงกับ วันเสาร์ แรม 5 ค่ำ เดือน ยี่ ปี จอ (พิธีเดียวกันกับพระกริ่งตากสินและพระชัยวัฒน์ตากสิน) โดยมี สมเด็จพระวันรัต วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นประธานแห่งสงฆ์ พลตรี เปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
    รายนามสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะและพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ เจริญพระพุทธมนต์ในพิธี ดังนี้
    สมเด็จพระวันรัต วัดพระเชตุพนฯ ประธานจุดเทียนชัย
    พระเทพวิมลโมลี วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร สระบุรี
    พระราชโมลี วัดพระเชตุพนฯ
    พระครูญาณมุนี วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร สระบุรี
    พระครูมงคลวิจารย์ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร สระบุรี
    พระครูสิทธิพิมล วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร สระบุรี
    พระครูสมโพธิวรกิจ วัดศรีบุรีรัตนาราม สระบุรี
    พระครูวรเขตพิศาล วัดวิหารแดง
    พระครูวิมลสมณวัตต์ วัดสูง
    พระครูสรกิจพิมล วัดมงคลทีปาราม
    พระเกจิชื่อดังทั่วฟ้าเมื่อไทยนั่งเจริญภาวนาปลุกเสกในพิธี ดังนี้
    1.พระราชปัญญาโสภณ หลวงพ่อสุข วัดราชนัดดาราม
    2.พระราชมุนี หลวงพ่อโฮม วัดประทุมวนาราม
    3.พระรักขิตวันมุนี หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์
    4.พระวิบูลเมธาจารย์ วัดดอนเจดีย์
    5.พระโพธิวรคุณ หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธินิมิต
    6.พระครูสุตาธิการี หลวงพ่อทองอยู่ วัดหนองพะอง
    7.พระครูพิริยะกิตติ หลวงพ่อโต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    8.พระครูศรีพรหมโสภิต หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    9.พระครูประภาสธรรมคุณ หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ
    10.พระครูประสาทวิทยาคม หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ
    11.พระครูพิพิธวิหารการ หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช
    12.พระครูประสาทวรคุณ หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์
    13.พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    14.พระครูพินิจสมาจารย์ หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม
    15.พระครูปัญญาโชติวัฒน์ หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ
    16.พระครูพิทักษ์วิหารกิจ หลวงพ่อสา วัดราชนัดดาราม
    17.พระครูนนทกิจวิมล หลวงพ่อชื่น วัดตำหนักเหนือ
    18.พระครูอุดมไวทวรคุณ หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน
    19.พระครูรัตนสารวิสุทธิ์ หลวงพ่อเชื่อม วัดแก่นเหล็ก
    20.พระครูศรีปริยัติยานุรักษ์ หลวงพ่อไฝ วัดพันอัน
    21.พระครูประภาสธรรมาภรณ์ หลวงพ่อลำยอง วัดสุนทรประดิษฐ์
    22.พระครูสาธุกิจวิมล หลวงพ่อเล็ก วัดหนองดินแดง
    23.พระครูจันทรโสภณ หลวงพ่อนาก วัดทัศนารุณสุนทริการาม
    24.พระครูญาณวิษฏิ หลวงพ่อทรงชัย วัดพุทธมงคลนิมิต
    25.พระครูอุดมบุญญกิจ หลวงพ่อบุญ วัดน้ำใส ลับแล
    26.พระครูโอภาสธรรมคุณ หลวงพ่อพร วัดบ้านคอหวาง
    27.พระครูสุวรรณประภาส วัดธาตุสว่าง
    28.พระครูพิพัฒน์นวกรณ์ หลวงพ่อจรูญ วัดตึก
    29.พระครูอาทรสิกขการ หลวงพ่อโต๊ะ วัดสระเกษ
    30.พระครูภาวนานุโยค หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก
    31.หลวงพ่อเชน วัดสิงห์
    32.หลวงพ่อผาง จิตตศุตโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต
    33.หลวงพ่อศรีทัศวิปัสโน วัดธาตุบ้านแก้งสามหมื่น
    34.หลวงพ่อชื่น วัดคุ้ง
    35.หลวงพ่อเปี่ยม วัดเทพธิดาราม
    36.หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง
    37.หลวงพ่อเชย วัดแสมดำ
    38.พระครูพิพัฒน์ศิริธร หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน
    39.หลวงพ่อนำ ชินวโร วัดดอนศาลา
    40.หลวงพ่อหมุน ยสโร วัดเขาแดง
    41.หลวงพ่อแดง วัดบางเกาะเทพย์กษัตริย์
    42.พระอาจารย์บุญเลิศ วัดเทพธิดารามวรวิหาร
    43.พระอาจารย์สมวงษ์ วัดวังแดงเหนือ
    44.หลวงพ่อคำมี วัดปากช่อง
    45.หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค
    46.หลวงพ่อปี้ วัดบ้านด่านลานหอย
    47.หลวงพ่อบาวัง วัดบ้านเด่นกระต่าย
    48.พระครูนันทิยคุณ หลวงพ่อบาตัน วัดเชียงทอง
    49.หลวงพ่อเกตุ วัดศรีเมือง
    50.หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง
    51.พระอาจารย์เกษม เขมะโก สถานไตรรัตน์
    52.พระอาจารย์ชุบ ทินนะโก วัดเกาะวารุการาม
    53.หลวงพ่อคูณ วัดสระแก้ว
    54.พระครูนิเทศธรรมยาน หลวงพ่อพุ่ม วัดเนินหอม
    55.พระครูศิริธรรมสาร หลวงพ่อบาง วัดหนองพลับ
    56.พระครูอนุวัตรสมณคุณ หลวงพ่อสิมมา วัดบ้านหมอ
    57.พระครูกสิณสังวร หลวงพ่อปาน วัดโบสถ์
    58.พระครูอัตถจริยานุกูล หลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง
    59.พระครูสรกิจพิจารย์ หลวงพ่อผัน วัดราษฎร์เจริญ
    60.พระครูสมบูรณ์ศีลวัตร์ หลวงพ่อสมบูรณ์ วัดแก่งคอย
    61.พระครูวิบูลสมาธิวัตร หลวงพ่อรัตน์ วัดเขาพระ
    62.พระครูวิธานสรคุณ หลวงพ่ออินทร์ วัดไก่เส่า
    63.พระครูชินธรรมประกาศ หลวงพ่อถิร วัดหนองสรวง
    64.พระครูศีลโสภิต หลวงพ่อแถม วัดทองพุ่มพวง
    65.พระครูสังวรวุฒิคุณ หลวงพ่อออน วัดศาลาแดง
    66.หลวงพ่อย้อย ปุญญมี วัดอัมพวัน
    67.พระครูอุดมสารคุณ หลวงพ่อคร้าม วัดกุ่มหัก
    68.พระมหาทองย้อย วัดศรีบุรีรัตนาราม
    69.หลวงพ่ออำพล วัดหนองคณฑี
    70.หลวงพ่อวัน วัดถ้ำยอ
    71.หลวงพ่อแอ วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม
    72.หลวงพ่อมงคล วัดบ้านโคก
    73.พระอาจารย์เปรม วัดบำรุงธรรม
    74.หลวงพ่อบุศร์ วัดหน้าพระลาน
    75.พระครูปิยะธรรมโสภิต หลวงพ่อคำ วัดบำรุงธรรม
    76.หลวงพ่ออวน วัดหนองพลับ
    77.พระอาจารย์สุนทร วัดหนองสะเดา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญพระเจ้าตากสินมหาราชทรงม้า ศูนย์การทหารม้าค่ายอดิศรสระบุรี
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240729_142515.jpg IMG_20240729_142539.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2024
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    showimage (8).jpeg get_auc3_img (30).jpeg showimage (9).jpeg showimage (10).jpeg showimage (11).jpeg FB_IMG_1722251460940.jpg
    หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ หน้าอิคคิวซัง พิมพ์พระรอด หลังลายนิ้วมือ รุ่นอภินิหารย์เครื่องบินตกฯ พ่อท่าฉิ้นโชติโกสร้าง วัดเมือง ยะลา กล่อง ปี 2539 หลวงปู่ทวดวัดช้างให้หน้าอิคคิวซังพิมพ์พระรอดหลังลายนิ้วมือรุ่นอภินิหารย์เครื่องบินตกฯพ่อท่าฉิ้นโชติโกสร้างวัดเมืองยะลา2539
    หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด รุ่น เครื่องบินตก พ่อท่านฉิ้น วัดเมืองยะลา (พระอารามหลวง) จัดสร้าง ปี 2539 หลวงพ่อทวดเนื้อว่าน วัดเมืองยะลา จ.ยะลา ปี 2539 พิมพ์หน้าอิกคิวซัง หลังลายนิ้วมือ ( รุ่นเครื่องบินตก , รุ่นระเบิดด้าน ) ปลุกเสกโดยพ่อท่านฉิ้น , อาจารย์นอง วัดทรายขาว , อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย
    พระเครื่องหลวงพ่อทวดเนื้อว่าน พิมพ์พระรอด รุ่นนี้ ปลุกเสกและจัดสร้าง โดยสุดยอดพระเกจิอาจารย์ของ จ. ยะลา พ่อท่านฉิ้น โชติโก (พระเดชพระคุณพระธรรมสิทธิมงคล) เจ้าคณะจังหวัดยะลา เจ้าอาวาส รูปแรกของวัดเมืองยะลา
    ลักษณะของวัตถุมงคลรุ่นนี้ หน้ากล่องใส่ตลับพระ ลงวันที่ 3 พ.ย. 2539 จัดสร้าง โดยใช้บล็อคเดิมของปี 2505 หลังองค์หลวงพ่อทวด เป็นลายนิ้วมือพ่อท่านฉิ้น
    พ่อท่านฉิ้น ได้จัดสร้างพระเครื่องหลวงพ่อทวดขึ้นหลายครั้ง โดยใช้บล็อคเดิมรุ่นแรก วัดเมืองยะลา ปี 2505 โดยสร้างมา ต่อเนื่อง
    หลวงพ่อทวดเนื้อว่าน ชุดนี้ มีทั้งว่านที่นำมาบดใหม่ ผสมรวมกับว่านเก่่าเก็บอยู่บ้าง มีการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเรื่อยมา ทัน อาจารย์นอง วัดทรายขาว ปลุกเสก
    พิธีพุทธาภิเษก หลวงพ่อทวดเนื้อว่าน หลายวาระ ดังนี้
    พุทธาภิเษกครั้งแรก ณ วัดช้างให้ พ.ศ. 2535-2536
    พุทธาภิเษกครั้งที่ 2 ณ วัดทรายขาว พ.ศ. 2536-2538
    พุทธาภิเษกครั้งที่ 3 ณ วัดเมืองยะลา พ.ศ. 2539 (รุ่นเสาร์ 39)
    *พุทธาภิเษกครั้งที่ 4 ณ วัดเมืองยะลา เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2540
    ทั้งยังปลุกเสกเดี่ยวโดยพ่อท่านฉิ้น
    ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ ตกตึก
    และเที่ยวบินมรณะซีแซด 3456 เครื่องบินตกที่เซิ่นเจิ้น ประเทศจีน จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกขานรุ่นนี้
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาท ครับ
    IMG_20240729_181431.jpg IMG_20240729_181407.jpg IMG_20240729_181318.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง
    1722261889614.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722267238126.jpg
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา ยังบอกว่า "ถ้าข้าไม่อยู่แล้ว ให้ไปกราบพี่ชื้น วัดญาณเสน"
    หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ยังได้บอกศิษย์ว่า ให้ไปทำบุญกับหลวงปู่ชื้น จ.อยุธยา
    หลวงปู่พรหมา เขมจาโร ยังให้ลูกศิษย์ที่เป็นฤาษี มาเก็บพระหลวงปู่ชื้น
    หลวงปู่แหวน วัดดอกแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ยังเคยเอ็ดเอากับชาวอยุธยาว่า "ใกล้เกลือกินด่าง" หมายความว่า ชาวอยุธยาผู้นั้นเดินผ่านวัดหลวงปู่ชื้นกลับไม่รู้ว่ามีเพชรแท้อยู่หน้าบ้านตัวเอง แต่กลับไปกราบหลวงปู่แหวน ซึ่งห่างไปตั้งหลายร้อยกิโล
    ผมเคยถามท่านด้วยตัวเองว่า พระของหลวงปู่กันนิวเคลียร์ได้ใช่ไหมครับ (เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้) ท่านตอบว่า "ได้" และบอกอีกว่า นิวเคลียร์เป็นพลังทางโลกจะสู้พลังทางธรรมไม่ได้!
    คำอาราธนาพระเครื่อง
    ให้อาราธนาว่าดังนี้
    ข้าพเจ้าขอพระบารมีคุณ
    พระพุทโธ พระธัมโม พระสังโฆ เป็นที่พึ่ง......... หรือ
    พุทธัง ฤทธิ ธัมมัง ฤทธิ สังฆัง ฤทธิ ชัยยะมังคะลัง
    เอหิ พุทธัง เอหิ ธัมมัง เอหิ สังฆัง เอหิ จิตตัง มะมะ เอหิ
    ให้ท่านอาราธนาทุกเช้าค่ำแล้วท่านจะสำเร็จตามความปรารถนาตามที่ท่านอธิษฐาน
    หลวงปู่ชื้นเป็นพระเถระ บารมีสูง ท่านสำเร็จธรรมชั้นสูง ตั้งแต่ปี 2500 วัตถุมงคลท่านคนในพื้นที่เก็บกันมาก มีประสบการณ์เยอะ ท่านสำเร็จวิชารัตนจักร คือจักรของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จักรคืออำนาจ แปลว่าวัตถุมงคลท่านเป็นอาวุธของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    คำอาราธนาพระเครื่อง
    ให้อาราธนาว่าดังนี้
    ข้าพเจ้าขอพระบารมีคุณ
    พระพุทโธ พระธัมโม พระสังโฆ เป็นที่พึ่ง......... หรือ
    พุทธัง ฤทธิ ธัมมัง ฤทธิ สังฆัง ฤทธิ ชัยยะมังคะลัง
    เอหิ พุทธัง เอหิ ธัมมัง เอหิ สังฆัง เอหิ จิตตัง มะมะ เอหิ
    ให้ท่านอาราธนาทุกเช้าค่ำแล้วท่านจะสำเร็จตามความปรารถนาตามที่ท่านอธิษฐาน
    -"พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาสัจธรรม เป็นศาสนาสากล ทรงไว้ซึ่งภราดรภาพ พลานุภาพอันสูงเยี่ยม ไม่มีอะไรเทียบได้ พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งได้จริง พระธรรมเจ้าเป็นที่พึ่งได้จริง พระสงฆเจ้าเป็นที่พึ่งได้จริง พระรัตนจักรชัยสิทธิ์เป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง กันปืน กันอาวุธ กันระเบิด กันนิวเคลียร์" (คำอธิษฐานจิตสู่วัตถุมงคลของหลวงปู่ชื้น พุทธสโร)
    พระรัตนจักรเป็นจักรแก้วของพระพุทธเจ้ามีอานุภาพป้องกันภยันตรายต่าง ๆ และยังช่วยหนุนดวงหนุนชีวิตให้ดีขึ้น หลวงปู่ชื้นท่านเป็นพระอรหันต์ เป็นพระทองคำตามที่หลวงปู่ดู่ วัดสะแกเคยกล่าวไว้ ซึ่งเมื่อหลวงปู่ได้ละสังขารลง สรีระของท่านไม่เน่าเปื่อย แถมเกศาและเล็บยังงอกขึ้นมาตามปกติ เมื่อมีการถวายพระเพลิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อัฐิของท่านจึงกลับกลายเป็นพระธาตุ

    FB_IMG_1722267274304.jpg
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญระฆังหลวงปู่ชื้น วัดญานเสนเนื้อทองเหลือง พี่บูชา 550 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240729_205717.jpg IMG_20240729_205758.jpg
     
  15. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,146
    ค่าพลัง:
    +1,189
    โอนแล้วครับ 30/07/67n เวลา 22.17 น.จำนวน 280 บ.จัดส่งที่เดิมครับ
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722344387985.jpg

    พระผงเล็บมือรูปเหมือนเนื้อดินเจ็ดป่าช้า กันปืน ปี๒๕๒๒ หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่
    พระผงรูปเหมือนรุ่นนี้หลวงพ่อท่านให้ชื่อว่าพระกันปืน สร้างจากเนื้อดินเจ็ดป่าช้า
    โดยหลวงพ่อจำเนียรได้นำผงดินเจ็ดป่าช้าของครูบาอาจารย์ที่ท่านได้เก็บรักษาไว้มาสร้างและปลุกเสกตามตำราโดยให้
    แม่ชีประเสริฐ บรรจงเกลี้ยง เป็นผู้กดพิมพ์พระชุดนี้
    ซึ่งระหว่างที่แม่ชีกดพิมพ์พระเสร็จได้ยกนิ้วมือออกจากแม่พิมพ์ปรากฎว่าพระนั้นได้กระเด็นขึ้นสูงถึงหลังคากุฏิ
    ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจให้แก่แม่ชีประเสริฐเป็นอย่างยิ่ง
    เพราะตอนที่กดพิมพ์อยู่นั้นแม่พิมพ์ที่ใช้กดพิมพ์ก็เป็นแค่แม่พิมพ์ปูนขาวธรรมดา
    แต่ท่านก็ฝืนทำต่อไปเรื่อยๆจนตกกลางดึกท่านก็ได้ยินเสียงเหมือนมีทหารมาสวนสนามบริเวณโดยรอบกุฏิ
    สักพักก็ได้ยินเสียงช้างมาหักไม้ หลังจากนั้นจึงเงียบหายไป
    รุ่งขึ้นเช้าแม่ชีประเสริฐจึงได้นำเอาพระเครื่องที่กดพิมพ์เสร็จแล้วไปให้หลวงพ่อจำเนียร
    พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้หลวงพ่อจำเนียรฟัง
    เมื่อหลวงพ่อท่านได้รับฟังจึงบอกแม่ชีว่าไม่ต้องตกใจปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคุณวิเศษที่อยู่ในตัวดินเจ็ดป่าช้านั่นเอง
    พระเนื้อดินเจ็ดป่าช้า ถือเป็นวัตถุมงคลที่พิเศษที่หลวงพ่อจำเนียรท่านได้สร้างขึ้น
    เพราะล้วนแต่มีมวลสารที่สุดยอดทั้งสิ้นได้แก่
    1.ดินเจ็ดป่าช้า
    2.แร่ดำ
    3.ทรายทับทิม
    4.พลอยสีต่าง ๆ
    5.ผงตะไบเงินตะไบทอง
    6.เส้นเกศาหลวงพ่อจำเนียร
    7.เพชรหน้าทั่ง
    พุทธคุณ เด่นทางด้านคุ้มกันป้องกันภัย แคล้วคลาด คงกระพันมหาอุตม์ และเมตตามหานิยม
    จัดเป็นวัตถุมงคลยุคแรก ๆ ของท่าน หายาก ไม่ค่อยพบเห็น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    สภาพสวยกล่องเดิมแบบนี้ครับ
    ให้บูชา 700 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240730_185123.jpg IMG_20240730_185156.jpg IMG_20240730_180751.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722367603083.jpg
    สมเด็จพระพุทธเมตตา หลังยันต์ตรีนิสิงเห เนื้อดำ หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข ปี 2536
    พระชุดนี้หลวงปู่ปลุกเสกเดี่ยวเป็นเวลา 3 เดือน ก่อนนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ในพระอุโบสถวัดดวงแข ทิ้งสมบัติอันล้ำค่าให้แก่ลูกศิษย์ ชนิดมีประสบการณ์ล้นหลาม
    พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ในพระอุโบสถวัดดวงแข วันที่ 23 ตุลาคม 2536 เวลา 13.39 น. ถึงเวลา 18.59 น. มีครูบาอาจารย์ร่วมปลุกเสก ดังนี้
    ๑. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จุดเทียนพระฤกษ์
    ๒. หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย จุดเทียนชัย
    ๓. หลวงปู่ผล วัดเชิงหวาย
    ๔. หลวงพ่อดี วัดพระรูป
    ๕. หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข จุดเทียนนวหรคุณ
    ๖. หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ดับเทียนชัย
    ๗. หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
    ๘. หลวงปู่โง่น วัดพระบาทเขารวก
    ๙. หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา
    ๑๐. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    ๑๑. หลวงพ่อผล วัดดักคะนน
    ๑๒. หลวงพ่อสำราญ วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    ๑๓. พระครูนนทสิทธิการ(หลวงพ่อวัดไทรน้อย)นนทบุรี
    ๑๔. หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ นนทบุรี
    ๑๕. หลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทอง
    ๑๖. หลวงปู่ทอง วัดสามปลื้ม
    ๑๗. หลวงพ่อทองใบ วัดสายไหม
    ๑๘. หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว
    ๑๙. หลวงพ่อเกษม วัดท้องไทร
    ๒๐. หลวงพ่อสุทิน วัดเกยชัยใต้
    เรื่องเล่าจากลพ.เล็ก วัดท่าขนุน
    ครูบาอาจารย์ท่านมาสงเคราะห์กันมาก มีอยู่ท่านหนึ่งที่อาตมาลืมกันไปแล้วท่านก็ยังมา คือ หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข เคยได้ยินชื่อไหม ?
    หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข มรณภาพไปไม่นาน ท่านเป็นพระธรรมยุต เป็นสหธรรมิกรุ่นน้องของหลวงปู่มหาอำพัน แต่ท่านไม่ได้มาสายสุกขวิปัสสโกเหมือนกับหลวงปู่มหาอำพัน ท่านมาแรงกว่านั้น คราวนี้สมัยที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ จะว่าไปจริง ๆ แล้วท่านดังมากนะ แต่พวกเราอาจจะไม่รู้จัก เพราะว่าท่านเป็นพระธรรมยุต เวลาท่านสร้างวัตถุมงคล เตาหลอมจะมีสังกะสีล้อมแล้วเป่าไฟจนสังกะสีแดงโร่เลย ท่านก็เจิมเตาหลอมทั้งอย่างนั้นแหละ ชาวบ้านเห็นคาตาทุกครั้ง
    ถามหลวงปู่ว่าทำไมถึงต้องเจิม ? “ก็ทำตามหลักวิชาที่ศึกษามา ถ้าไม่ทำอย่างนี้ไม่ต้องมาให้ข้าทำ” ท่านถนัดที่สุดคือกสิณน้ำ พระที่ท่านสร้างออกมานี่เมตตามหานิยมสุด ๆ ขนาดรุ่นหนึ่งท่านต้องเก็บบรรจุกรุหมดเลย เพราะว่าลูกศิษย์ดันทะลึ่งไปได้ผู้หญิงแล้วก็ไม่ยอมเลี้ยงเขา"รุ่นอาตมานี่ทันรุ่นสองของท่าน ท่านบอกว่ารุ่นหนึ่งข้ายังไม่เก่ง หลวงปู่พูดอย่างนี้แปลว่าอะไร ? รุ่นหนึ่งข้ายังไม่เก่ง ก็คือหัดทำ ความจริงท่านอยู่อย่างสมถะ กุฏิที่วัดดวงแขจะพังแหล่ไม่พังแหล่ เป็นอาคารเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓-๔ ลูกศิษย์ก็เลยขออนุญาตหลวงปู่ทำกุฏิใหม่ แต่พวกเขาประเภทเบี้ยน้อยหอยน้อย จึงขออนุญาตสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่ท่านไม่อนุญาตให้สร้าง ก็ตื๊อจนกระทั่งท่านสร้าง ท่านก็บอกว่าถ้าสร้างต้องทำตามข้า ก็เลยต้องตามใจท่าน
    พระทุกรุ่นของหลวงปู่ท่านเรียกว่า พระพุทธเมตตาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพระปิดตา ไม่ว่าจะเป็นพระลอยองค์ ไม่ว่าจะเป็นพระกลีบบัว ฯลฯ ท่านเรียกพระพุทธเมตตาหมด ก็คือได้รับความเมตตาสงเคราะห์จากพระพุทธเจ้า อาตมาเองก็ตุนเอาไว้เยอะเหมือนกัน เพราะว่าช่วงนั้นเดินจากวัดเทพศิรินทร์ฯ มาหน่อยหนึ่ง ผ่านทางหัวลำโพงก็เป็นวัดดวงแข เสร็จแล้วก็ไปฉันเพลที่บ้านเพื่อนหลังวัดดวงแข แล้วก็กลับวัดเทพศิรินทร์ฯ"ต้องบอกว่าหลวงปู่วิเวียรเป็นพระดีที่หมกตัวอยู่กลางกรุง แล้วท่านไม่ค่อยแสดงออก แต่ว่าวัตถุมงคลของท่านทุกรุ่นนี่เชื่อขนมกินได้เลย ถ้าใครใช้ในเรื่องเมตตาค้าขายนี่ได้เต็มที่ อาตมาเองก็ตุนไว้อย่างละหลายองค์ เพราะว่าสมัยนั้นท่านก็ไม่ได้จำหน่าย ส่วนใหญ่ขอฟรีด้วย อาศัยเส้นหลวงปู่มหาอำพัน
    จริง ๆ ท่านก็แจกลูกศิษย์ฟรี แต่ส่วนใหญ่ลูกศิษย์ก็ถวายเงินท่าน ส่วนอาตมาเห็นว่าท่านเป็นพระธรรมยุตไม่จับเงิน ก็ใช้วิธีไถฟรี ๆ ...(หัวเราะ)...
    หลวงปู่ท่านเมตตามาเยี่ยม ถ้าหากว่าดูบุคลิกแล้วหลวงปู่วิเวียรจะคล้าย ๆ กับหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง พระของท่านทุกรุ่นจะเรียกพระพุทธเมตตาเหมือนกันหมด
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จพุทธเมตา หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240731_014849.jpg IMG_20240731_014915.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2024
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722411968612.jpg

    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ผาดวัดบ้านกรวด ๔ องค์ ๓ รุ่น และจีวร
    "ย้อนรอยเกจิดัง"
    ประจำวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 2566
    "หลวงปู่ผาด"อดีตเกจิดังวัดบ้านกรวด
    นักบุญแห่งอีสานใต้/สายอาคมเขมร
    "พ่อคูณ"ยกย่อง"ของท่านดี-ศิษย์นิยม"
    "ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ "หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ" หรือ "พระครูวิบูลย์ปัญญาวัฒน์" อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ มีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือ ได้รับสมญานามว่า "นักบุญแห่งอีสานใต้" แม้แต่หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ยังให้การยกย่องว่าท่านเก่ง วัตถุมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังไม่แพ้ท่าน
    ชาติภูมิท่านเป็นชาวบ้านดู่ ตำบลปราสาท อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ วันเดือนปีเกิดจริงของหลวงปู่ผาดคือวันที่ 3 พฤษภาคม 2452 แต่วันเกิดตามใบเกิดคือวันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2454 เพราะโยมบิดามารดาหลวงปู่แจ้งเกิดช้า2ปี บิดาชื่อนายเอี้ยง มารดาชื่อนางเตียบ นามสกุล"ดิบประโคน" มีพี่น้อง 4 คน ท่านเป็นคนที่ 3 ครอบครัวมีอาชีพทำนา
    ชีวิตในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก ต้องช่วยเหลือครอบครัวทำงาน แต่ยังมีเวลาที่จะศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนประชาบาล จนจบชั้น ป.4 จากนั้นได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. 2470 ที่วัดบ้านพลับ ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จังหวัดสุรินทร์ บวชได้ 2 พรรษาก็สิกขาไปช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา
    ต่อมาปี พ.ศ. 2476 ขณะมีอายุ 22 ปี ได้อุปสมบทที่วัดบ้านกรวด ได้ปฏิบัติกิจแห่งสงฆ์โดยครบถ้วน ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมด้วยความตั้งใจ ขณะศึกษาธรรม ท่านได้มีโอกาสศึกษาวิชาการแพทย์แผนโบราณควบคู่ไปด้วย จนมีความรู้ความชำนาญการใช้สมุนไพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บ
    หันมาศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณเพิ่มเติม และเรียนวิทยาคมควบคู่กันไป ท่านได้ศึกษาสรรพวิชาจากในตำราทั้งหมด จนมีความรู้ในวิทยาคมเป็นอย่างดี ด้วยความเป็นพระหนุ่มไฟแรง ท่านได้ออกจาริกไปยังที่ต่างๆ เพื่อศึกษาหาความรู้ทั้งด้านวิทยาคม วิชาแพทย์แผนโบราณ ในครั้งนั้น ได้ไปศึกษวิทยาคมที่กัมพูชา จังหวัดอุดรมีชัย ถึง 3 ปี ก่อนจะจาริกไปศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ ที่นครวัด นานกว่า 8 ปี จนมีความรู้ในวิทยาคมสายเขมร
    เมื่อได้เวลาอันเหมาะสม ท่านจึงเดินทางกลับบ้านเกิด อาศัยจำพรรษาในวัดบ้านกรวดเป็นเพียงพระลูกวัดธรรมดา กระทั่งท่านเริ่มมีอายุมากขึ้น ท่านได้รับการถวายที่ดินจากชาวบ้าน เกิดความคิดริเริ่มในการพัฒนาบูรณะจากพื้นดินที่ว่างเปล่า ให้กลายเป็นศาสนสถาน คือ วัดตาอี, วัดบ้านปราสาท และวัดบ้านบึงเก่า
    ในกาลต่อมา หลวงปู่หริ่ง เจ้าอาวาสวัดบ้าน กรวดมรณภาพ ชาวอำเภอบ้านกรวดได้นิมนต์ให้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อ แม้ตอนแรกจะปฏิเสธแต่ในที่สุดท่านก็ทนแรงศรัทธาของญาติโยม ไม่ได้จึงยอมรับและดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบันในที่สุด
    วัดบ้านกรวด ถือเป็นวัดเก่าแก่ประจำอำเภอบ้านกรวด สร้างขึ้นในยุคปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2469 มีพระพุทธรูปศิลาศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระประธานในพระอุโบสถ
    มีเรื่องเล่าขานกันว่า ครั้งหนึ่งมีคณะศรัทธาจากชาวบ้านกรวดนั้นเดินทางไปกราบนมัสการ "หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด พระเกจิชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา
    หลวงพ่อคูณ ถามว่า "พวกเอ็งมาจากไหนกัน" คณะศรัทธาบอกว่ามาจากบ้านกรวด หลวงพ่อคูณตอบกลับไปว่า "มึงจะมากราบ มาเอาของกูทำไม มึงไปไหว้หลวงพ่อใหญ่วัดบ้านกรวดโน่น ของท่านศักดิ์สิทธิ์ พวกมึงไม่จำเป็นต้องมาใช้ของกูเลย ของดีอยู่กับตัว ยังไม่รู้ค่าอีก"
    ทั้งนี้ หลวงปู่ผาดเคยร่วมพิธีนั่งปรกอธิษฐานจิตวัตถุมงคลร่วมกับหลวงพ่อคูณ เช่น
    ในปี 2552 และพระเกจิอาจารย์ระดับประเทศอีกหลายท่าน ณ วัดปทุมธาราม (หนองบัว) ต.หนองบัว อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท
    หลวงปู่ผาด สร้างคุณูปการแก่วัดบ้านกรวดและวัดสาขาทั้ง 3 แห่ง เป็นอันมาก เช่น ตั้งสำนักอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐาน งานด้านการสงเคราะห์ญาติโยม งานสาธารณูปโภค การก่อสร้างถาวร วัตถุของวัด อาทิ สร้างพระอุโบสถ อุปถัมภ์โรงเรียน ศาลาการเปรียญ สร้างศาลาบำเพ็ญกุศล
    ด้านเครื่องรางหรือวัตถุมงคลที่ท่านสร้าง เป็นที่เสาะแสวงหาของบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่อง อาทิ พระยอดขุนพลปฐมโพธิญาณ, พระกริ่งรุ่นแรกของหลวงปู่ผาด, พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ผาด, พญาครุฑ และอื่นๆ
    หลวงปู่ผาด เป็นพระที่รักสันโดษ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ ท่านได้ปฏิเสธ ในการสร้าง วัตถุมงคลมาโดยตลอด แต่บรรดาศิษยานุศิษย์ได้รบเร้าท่านว่า มีผู้เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่อยากจะได้พระเครื่อง วัตถุมงคลของหลวงปู่ผาดไว้บูชา เพื่อเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิต หลวงปู่จึงอนุญาตให้จัดสร้าง วัตถุมงคลออกมาหลายรุ่นหลายรูปแบบ
    ด้วยหลวงปู่ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นเนื้อนาบุญของพุทธศาสนา โดยแท้ ทุกลมหายใจเข้าออกท่านกำหนดจิตด้วยกรรมฐานมีสติอยู่เสมอ วัตถุมงคลและเครื่องรางที่ผ่านการอธิษฐานจิตจากท่านจึงทรงความศักดิ์สิทธิ์ มีพุทธคุณเด่น เมตตามหานิยมดีเยี่ยม มีชื่อเสียงโด่งดังไปไกลทั่วประเทศ
    ถึงแม้วัตถุมงคลของหลวงปู่ผาดมีพุทธคุณเข้ม แต่ท่านไม่เคยอวดโอ่ มีแต่พร่ำสอนให้ญาติโยมเสมอว่า ".. อย่าดำรงชีวิตด้วยความประมาท อย่ายึดมั่นถือมั่นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น ขณะยังมีชีวิตขอให้ทุกคนหมั่นประกอบแต่กรรมดี ละเว้นทำชั่ว เพราะอายุคนนั้นสั้นนัก ถึงไม่แก่ไม่เฒ่าก็ตายได้เช่นกัน จงอย่าประมาท
    หลวงปู่ผาดมรณภาพลงเมื่อช่วงเวลา 11.58 น. ของวันที่ 5 มกราคม 2558 ด้วยสิริอายุที่มากถึง 105 ปี 8 เดือน 2 วัน พรรษา 85 พรรษา
    #ฉัตรสยาม
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ผาดวัดบ้านกรวด ๔ องค์ ๓ รุ่น และจีวร

    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240731_144845.jpg IMG_20240731_144901.jpg IMG_20240731_151130.jpg IMG_20240731_151146.jpg IMG_20240731_151202.jpg IMG_20240731_151217.jpg IMG_20240731_151238.jpg IMG_20240731_151254.jpg IMG_20240731_151315.jpg IMG_20240731_151334.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1722417969857.jpg


    ตะกรุดคู่เหรียญลป.ฤทธิ์
    อัตชีวประวัติ หลวงปู่ฤทธิ์ รตุนโชโต วัดชลประทานราชดำริ จ.บุรีรัมย์
    กิตติศัพท์หลวงปู่ฤทธิ์เป็นที่เลื่องลือมานานหลายสิบปีในจังหวัดแถบอีสาน แต่ในปัจจุบันชื่อเสียงของท่านได้ไปไกล ไม่แค่เพียงทั่วประเทศไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้เท่านั้น ยังแผ่ขยายออกไปประเทศต่างๆ อาทิเช่น ลาว ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และสหรัฐฯ เป็นต้น อันเป็นการบอกเล่าและถ่ายทอดประสบการณ์ของวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์ สู่กันและกันจากปากสู่ปากมากกว่าการเกิดจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในหนังสือต่างๆ
    ประวัติ หลวงปู่ฤทธิ์ รตุนโชโต วัดชลประทานราชดำริ จ.บุรีรัมย์
    หลวงปู่ฤทธิ์เกิดวันอาทิตย์ที่ 13 เดือน 6 (พฤษภาคม) แรม 8 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2460 ณ ตำบลทุ่งมน อำเภอประสาท จังหวัดสุรินทร์ ท่านบวชเณรเมื่อปี 2482 และบวชเป็นพระที่วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน จ.สุรินทร์ เมื่อปี 2483 โดยมีหลวงพ่อแปะ วัดปราสาทธนาพร(บ้านพลวง) อำเภอประสาท เป็นพระอุปปัชฌาย์
    หลังจากนั้นท่านมาจำพรรษาที่วัดปราสาทธนาพร เพื่อศึกษาพระธรรมกับหลวงพ่อแปะอยู่ 3 ปี ฃลจึงได้ย้ายไปจำวัดอยู่ที่วัดพลับ ตำบลทุ่งมน อีก 4 ปี หลวงปู่ฤทธิ์ย้ายไปอยู่ วัดบ้านกระนัง ตำบลปรือ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์
    เมื่อปี 2490 ระหว่างที่อยู่วัดนี้หลวงปู่ฤทธิ์ได้ออกธุดงค์ไปเสาะแสวงหา ความรู้ทั้งทางธรรมและทางไสยศาสตร์ทั่วเขตอีสานจนตลอดเข้าไปในประเทศลาวและเขมร ท่านได้พัฒนาวัดบ้านกระนังจนเจริญ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
    ในปี พ.ศ.2535 หลวงปู่ฤทธิ์ จึงได้ย้ายมาสร้างวัดชลประทานราชดำริที่บ้านกระทุ่ม ตำบลสูงเนิน อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามพระราชดำริและได้จำพรรษาอยู่ที่นี่มาจนถึงปัจจุบัน
    เนื่องจากวัดชลประธานราชดำริเพิ่งเริ่มก่อตั้งมาไม่นาน ยังขาดถาวรวัตถุในวัดอยู่เป็นอันมาก ซึ่งในขณะนี้หลวงปู่ฤทธิ์ได้กำลังก่อสร้างศาลาการเปรียญเพื่อใช้เป็นที่อบรมพระสงฆ์และสามเณร รวมทั้งกุฏิสงฆ์ 2 ชั้น ก็กำลังก่อสร้างอยู่เช่นกัน ซึ่งปัจจัยในการก่อสร้างนั้นได้จากการให้บูชาวัตถุมงคล รวมถึงการที่บรรดา ลูกศิษย์ร่วมทำบุญในการทอดกฐินและการทอดผ้าป่า
    หลวงปู่ฤทธิ์เป็นพระเกจิดังเชื้อสายเขมรที่มีความเชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมทั้งของไทย ลาว และเขมร อย่างหาผู้เทียบเคียงได้ยากท่านนึง หลวงปู่ฤทธิ์เป็นพระสงฆ์ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนฐานะ เป็นอย่างไร หลวงปู่ท่านจะให้การต้อนรับพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องนั่งรถยนต์ราคาแพงๆ ไปกราบท่านแล้วถึงจะได้พบหลวงปู่ นอกจากจะได้รับการต้อนรับที่ดีจากท่านแล้ว หลวงปู่ฤทธิ์ยังจะปลุกเสกวัตถุมงคลในมือของท่านอีกอย่างดีก่อนมอบให้
    บางครั้งท่านก็จะจารเป็นยันต์ให้ บางครั้งท่านก็จะพรมน้ำมนต์ให้ วัตถุมงคลของท่านถือว่าเป็นสุดยอดไม่ว่าจะได้โดยตรงจากมือหรือที่ศูนย์พระเครื่องต่างๆ ก็ตาม ยังไม่พบว่าวัตถุมงคลของท่านมีของปลอมหรือเสริมโดยที่หลวงปู่ยังไม่ได้ปลุกเสก
    บรรดาผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของท่าน ต่างก็พบกับอภินิหารแบบพลิกชะตาชีวิตให้อย่างทันตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย เรียกเงินเรียกทอง เป็นต้น
    แม้ว่าทุกวันนี้จะเป็นยุค ที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำมาหากินลำบากกันถ้วนหน้า แต่คนที่บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์มักจะได้พบกับสิ่งแปลกประหลาด เช่น ค้าขายดีขึ้นอย่างผิดปกติ มีโชคได้ลาภ ลองปืนไม่ออก เป็นต้น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับตะกรุดคู่พร้อมเหรียญ หลวงปู่ฤทธิ์ ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240730_185329.jpg IMG_20240730_185342.jpg IMG_20240730_185400.jpg
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,712
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1722428632234.jpg

    พระปิดตาหลังลิงลมหลวงพ่อแลวัดพระทรงรุ่นบูรณะโบสถ์
    ประวัติ พ่อแล
    สุดยอดพระเกจิเมืองเพชรบุรี
    พระเกจิอาจารย์ ผู้ทรงวิทยาคมศิษย์สายพุทธาคม #หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง และหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง ท่านเป็นเจ้าของตำนาน #หนุมานและวิชามหาเมฆ อันลือลั่นเกจินามนี้มีนามว่า....
    #หลวงพ่อแล ทิตัพโพ" วัดพระทรง จ.เพชรบุรี

    ........หลวงพ่อแล ทิตฺตพฺโพ ท่านเป็นพระผู้ปฎิบัติผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียนชื่นชอบในไสยเวทวิทยาคม ทั้งวิชาถอนพิษ สักยันต์ โหราศาสตร์ เสริมดวงชะตา วิชาทำตะกรุด ท่านมีความเชี่ยวชาญในฐานะพระอาจารย์สักยันต์ โดยเฉพาะ “ยันต์หนุมาน” เป็นที่กล่าวขานถึงประสบการณ์ต่างๆมากมาย มีลูกศิษย์ ทั้งทหาร ตำรวจ ดารา คนดัง ในสมัยก่อน
    .......ชื่อเสียงของหลวงพ่อแลเริ่มโด่งดังเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปมานานนับสิบปี เมื่อท่านได้ลงมือสักยันต์ต่างๆ ทั้งหนุมาน ลิงลม พญาหงส์ และลงนะหน้าทองให้แก่บรรดาลูกศิษย์ แล้วบังเกิดอภินิหาร ทั้งในทาง เมตตามหานิยม โดยเฉพาะทาง อยู่ยงคงกระพัน จนเป็นที่ร่ำลือไกล จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ต้องมาขอร้องให้หลวงพ่อเลิกสักยันต์ เนื่องจากมีลูกศิษย์บางคนไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น แต่ด้วยความเมตตา ประกอบกับคำสั่งขององค์อาจารย์ ทำให้ หลวงพ่อแลไม่อาจเลิกสักยันต์ด้วยตัวเองได้ แต่ท่าน ก็เพียรพยายามเน้นย้ำสั่งสอนญาติโยมให้หมั่นทำความดี-มีศีลธรรม เพื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะได้ปกปักรักษาคุ้มครอง ตัวตลอดไปไม่เสื่อมคลาย
    #ประวัติ
    ......หลวงพ่อแล วัดพระทรง มีสายเลือดชาวเพชรบุรี เกิดในสกุล วาดวงศ์ เมื่อวันพุธที่ 19 ก.ค. 2459 ที่บ้านไร่สัตว์ ต.ไร่มะขาม อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายอยู่ และนางทอง วาดวงศ์ เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 7 คน
    อายุ 14 ปี เข้าพิธีบรรพชาที่วัดบ้านเกิด
    กระทั่งอายุครบ 20 ปี หลวงพ่อแล ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดหนองไม้เหลือง จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2477 มี #หลวงพ่อใหม่ วัดเขาทะโมน เป็นพระอุปัชฌาย์, #หลวงพ่อยอด วัดหนองไม้เหลือง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ #หลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ทิตัพโพ"
    ท่านเคยจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองไม้เหลือง ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่วัดพระทรง เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๘
    .....#ท่านมีคณาจารย์ที่ได้ศึกษาเรียนวิทยาคมไสยเวทต่างถึง ๑๕ ท่าน เฉพาะในเพชรบุรีเพียงจังหวัดเดียวถึง ๗ ท่าน
    ๑. #จากหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง อ.เมือง เรียนวิชาถอนพิษแมลงต่างๆ
    ๒. #จากหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง อ.ท่ายาง ร่ำเรียนวิชาสักยันต์ครู ซึ่งเป็นยันต์สูงสุดของการสัก เป็นยันต์แรกที่เรียกว่า "หัวใจพระราม" มีหน้าที่ควบคุมยันต์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นลิงลม, หนุมาน, พญาหงส์เงิน-หงส์ทอง
    ๓. #หลวงพ่อชิต วัดมหาธาตุวรวิหาร ที่มีความเชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ วิชานี้เชื่อกันว่าทำให้หลวงพ่อแลได้สัมผัสที่ ๖ สามารถทราบเหตุการณ์ต่างๆ ล่วงหน้าได้
    ๔. #ศึกษาวิชาพระขรรค์ จากหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี
    ๕. #วิชาตะกรุดโทน ตะกรุดแฝด จากหลวงพ่อผัน วัดมหาธาตุวรวิหาร
    ๖.#ได้เรียนสักตัวมหาเมฆ จากคุณพ่อต่อ และคุณพ่อจันทร์ ศิษย์พระครูสันต์ แห่งวัดเขาวัง จ.เพชรบุรี พระเถราจารย์สมัยรัชกาลที่ ๕ สำหรับการสักตัวมหาเมฆนี้ในประเทศไทยมีหลวงพ่อแลเพียงรูปเดียวที่สามารถสักได้
    ในปี พ.ศ.๒๔๘๙ เกิดเหตุการณ์อันไม่คาดฝัน ผลักดันชีวิตของท่านให้ต้องเปลี่ยนไป เมื่อครั้งที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดมหาธาตุ ได้เกิดเหตุร้ายแรงกับครอบครัวและญาติโยมของท่าน เมื่อมีโจรเข้าปล้นเงินทอง ทำร้ายโยมมารดาและพี่น้องทุกคนเสียชีวิต (โยมบิดาเป็นอัมพาตและได้เสียชีวิตไปก่อนแล้ว) ท่านต้องนำเงินจากการขายทองคำหนัก ๖ บาท ที่พวกโจรรีบร้อนทำตกไว้ เพื่อนำไปจัดงานศพครอบครัว
    จากเหตุการณ์นี้เป็นเหตุให้ท่านตัดสินใจออกเดินธุดงค์ด้วยเท้าเปล่า เพื่อปฏิบัติธรรมและแสวงหาความรู้ มาช่วยคนรุ่นหลังที่ต้องถูกทำร้ายโดยไม่มีทางสู้ โดยออกเดินทางจาก จ.เพชรบุรี มุ่งสู่ จ.นครปฐม เรียนวิชาต่างๆจากเกจิอาจารย์อีกหลายท่านคือ
    ๗.-#หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง. วิชากะลาตาเดียว ราหูอมจันทร์ และวิชาเสริมดวงกับ
    ๘-#วิชาลงนะหน้าทองกับหลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม
    ๙-#วิชาผงยาจินดามณี ที่ทำมาจากเบี้ยแก้ กับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
    ......จากนั้นจึงเดินทางสู่ จ.สมุทรสาคร
    ๑๐.#เรียนวิชาชูชกกับหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน.
    ๑๑. #เรียนวิชาตะกรุดไม้ไผ่ จากหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ .
    ......ก่อนเข้าสู่กรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี
    ๑๒. #เรียนวิชาเบี้ยแก้ กับหลวงปู่รอด วัดนายโรง ตลิ่งชัน
    ......แล้วมุ่งไปเมืองอยุธยา
    ๑๓..#เรียนวิชาตะกรุดพวง และยันต์หัวใจ ปลาตะเพียนมหาลาภ จากหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    .......ก่อนเดินทางขึ้นเหนือถึง จ.นครสวรรค์
    ๑๔.#เรียนวิชาศาสตรามีดหมอจากหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    ........และสุดท้ายย้อนมาทางภาคตะวันออก ฝากตัวเป็นลูกศิษย์
    ๑๕..#หลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ อ.สัตหีบ เรียนวิชาคุณปลัดขิก
    ....เห็นได้เลยว่าหลวงพ่อแลท่านเป็นพระที่คงแก่เรียนมากๆๆครับครูบาอาจารย์ของท่านนั้นเป็นสุดยอดพระเกจิทรงอภิญาฌานทุกรูปครับ...
    .......นอกจากเป็นพระเกจิอาจารย์สุดยอดด้านสักยันต์ มีลูกศิษย์ลูกหามากมายแล้ว ด้าน พระเครื่อง เครื่องรางของขลัง ที่เลื่องลือของหลวงพ่อแล คือ เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแลรุ่นแรก ที่โด่งดัง ต่อมา ได้สร้างรุ่น 2 และรุ่น 3 อีกทั้ง มีตะกรุด เหรียญพระพิฆเนศวร หนุมาน พญาหงส์ เป็นต้น
    ต้นปีพ.ศ.2551 ได้จัดสร้างพระพิฆเนศ เนื้อผง รุ่น "แก้วมหามงคล" ด้านหน้ารูปพระพิฆเนศ 4 กรถือลูกแก้ว ด้านหลังรูปหนุมานเชิญธงขี่สิงห์ โดยอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว มอบเป็นของขวัญปีใหม่แก่ศิษยานุศิษย์
    .....วัตถุมงคลดังกล่าวถือเป็นรุ่นสุดท้าย ที่หลวงพ่อแลจัดสร้าง เพราะหลังจากนั้น หลวงพ่อแล ได้อาพาธติดเชื้อทางกระแสโลหิต เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เพชรรัชต์ แต่ปรากฏว่าอาการไม่ดีขึ้น มีการทรงตัวตลอด
    กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 10 มี.ค. 2551 หลวงพ่อแล ละสังขารด้วยอาการสงบ สิริอายุ 92 ปี พรรษา 54
    สร้างความอาลัยให้ชาวเมืองเพชรบุรี อย่างยิ่ง
    ขอบคุนที่มา....
    ❀#จดหมายเหตุพระเกจิ❀
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระปิดตาหลังลิงลม หลวงพ่อแลวัดพระทรง ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งถึง 30 บาทครับ

    IMG_20240730_185248.jpg IMG_20240730_185311.jpg IMG_20240730_185222.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...