รักษาโรคกับหมอเทวดา เจ้าของสูตรยาสมุนไพรรักษามะเร็ง

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย Amata_club, 16 มีนาคม 2011.

  1. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,069
    ค่าพลัง:
    +52,169
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=cXMu2fE0s6Y&feature=related]YouTube - เจาะใจ : หมอสมหมาย ทองประเสริฐ 30/12/10 [Part 2][/ame]​
     
  2. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,069
    ค่าพลัง:
    +52,169
  3. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,069
    ค่าพลัง:
    +52,169
    เพื่อนๆ พี่ๆ ท่านใดที่เคยได้รับการรักษากับคุณหมอสมหมาย
    1 กำลังใจที่ดี
    1 คำแนะนำที่ถูกต้อง

    อาจจะช่วยผู้ป่วยอีกหลายๆ ท่านได้นะครับ
     
  4. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    เห็นมีหนังสือของคุณหมอออกวางจำหน่ายด้วยนะคะ

    หมอเทวดา ผู้รักษามะเร็งรอด
    ผู้เขียน สมหมาย ทองประเสริฐ, น.พ
    http://www.se-ed.com/eshop/Products/Detail.aspx?No=9786165150149

    ล้วงลึกทางรอดมะเร็ง+DVD
    ผู้เขียน อัศวิน ทองประเสริฐ (ทายาทผู้สืบสานอุดมการณ์การรักษา)
    http://www.se-ed.com/eShop/Products/Detail.aspx?No=9786165151153&CategoryId=4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2011
  5. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,069
    ค่าพลัง:
    +52,169
    หมอเทวดา ผู้รักษามะเร็งรอด ลองไปยืนอ่านในร้านหนังสือมาแล้วครับ แบบว่าไม่ได้ซื้อครับ ข้อมูลในหนังสือจะเป็นประวัติของคุณหมอสมชาย รายละเอียดคนไข้ที่เคยทำการรักษาโรคมะเร็งของคนไข้ที่เคยได้รับการรักษากับคุณหมอสมชายแล้วหาย การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยครับ ถือว่าเป็นหนังสือที่น่าอ่านอีกหนึ่งเล่มเลยทีเดียว ไม่ได้บอกให้ซื้อนะครับ แบบว่าไปยืนอ่านเอาความรู้แบบผมก็ได้ครับ

    อนุโมทนากับคำแนะนำดีๆ ด้วยนะครับ
     
  6. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,069
    ค่าพลัง:
    +52,169
    ข้อมูลในหนังสือพอดีวันนี้ไปยืนอ่านที่ร้านมาอีกครับ
    คุณหมอสมชายบอกว่า ท่านที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งให้รับประทานอาหารพวกปลาทะเล ปลาน้ำจืดที่ไม่เลี้ยงด้วยอาหารเม็ด เพราะปลาที่เลี้ยงด้วยอาหารเม็ดจะมีสารอะไร ผมจำไม่ได้แล้วซึ่งมีผลต่อโรคมะเร็งครับ ไม่ใช่แค่ปลาเท่านั้น หากจะทานสัตว์อื่นๆ เช่น ไก่ หรือหมู ก็ควรจะเป็นสัตว์ที่เลี้ยงด้วยธรรมชาติ ไม่ใช่อาหารเม็ดเหมือนกันครับ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ปลาทะเลน่าจะปลอดภัยที่สุด

    ก็เลยเอาข้อมูลดีๆ ฝากบอกกันครับ
     
  7. ไม่เน้นขาย

    ไม่เน้นขาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    310
    ค่าพลัง:
    +61
    อนุโมทนา ครับเคยดูเหมือนกันตอนแรกเป็นเนื้อสัตว์หลังๆๆเป็นสมุนไพร นับถือครับ
     
  8. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,069
    ค่าพลัง:
    +52,169
  9. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,069
    ค่าพลัง:
    +52,169
  10. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,069
    ค่าพลัง:
    +52,169
  11. toppydog

    toppydog สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    เพกาสมุนไพรไทยสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง

    เพกามีการศึกษาวิจัย โดยคุณเกศินี ตระกูลทิวากร และได้ทดลองแล้วโดยผู้เขียนเอง
    จากการวิจัยพบว่า บางส่วนของเพกา มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก เพกาบางส่วน จึง
    สามารถป้องกันเชลล์จากถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็ง
    เพกาบางส่วน จึงมีฤทธิ์สามารถบำบัด รักษา ยับยั้ง ต้านมะเร็งทุกชนิด ได้อย่างสมบรูณ์

    จากการศึกษาวิจัยในเพกาบางส่วนมีฤทธิ์เป็นยาร้อน ในบางส่วนมีฤทธิ์เป็นยาเย็น
    ทั้งส่วนของยาร้อนและส่วนของยาเย็น มีฤทธิ์ต่างกันให้ผลในการใช้ประโยชน์ต่างกันมาก

    ฉะนั้นการใช้ประโยชน์ของเพกา ควรแยกส่วนของทั้งยาร้อน และส่วนของยาเย็นให้ชัดเจน
    ประโยชน์ของเพกา จึงจะได้ผลตามที่ต้องการครับ

    ต้องการข้อมูลรายละเอียดมากกว่านี้
    ยินดีให้คำแนะนำ และแบ่งปัน
    โทร 081-6034848
     
  12. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,069
    ค่าพลัง:
    +52,169
    เพกา ยาร้อน แรงดี ต้านมะเร็ง ต้านหวัด แก้อักเสบ



    เพกา เป็นผักที่คนไทยทุกภาคกินคล้ายกัน คือใช้ทั้งฝักอ่อน ดอก ยอดอ่อน กินเป็นผัก สามารถปรุงเป็นอาหารได้หลายแมนู พร้อมทั้งมีความเชื่อว่ากินแล้วจะไม่เจ็บป่วย มีเรี่ยวแรงและบำรุงสมรรถภาพทางเพศ มีหมอยาพื้นบ้านเล่าว่า ฝักหนุ่มของเพกานั้นเป็นยาโป๊วที่ไม่เป็นสองรองใคร สามารถใช้ได้ทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ซึ่งตามศาสตร์ตะวันออกแล้วอธิบายได้ว่าเพราะเพกามีรสขมร้อน ขณะที่มีรายงานทางเภสัชวิทยา พบว่า เพกามีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอล การที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลนั้นก็จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น จากนั้นอะไรๆ ก็ดีขึ้นเอง ซึ่งสรรพคุณนี้มีความคล้ายคลึงกับกระเทียม
    ฝักอ่อนของเพกาจะออกในต้นฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการหว่านข้าวกล้า ไถนา คราดนา การรับประทานฝักอ่อนของเพกาซึ่งมีรสขมร้อนก็จะทำให้ร่างกายอบอุ่น ต่อสู้กับอากาศที่ชื้นเย็นซึ่งนำพาโรคหวัด ไอ หอบหืดมากับฤดูฝนนี้ การที่ฝักเพกาเป็นยาร้อน คนท้องกินไม่ได้เพราะจะทำให้แท้งได้ คนไทยใหญ่เชื่อว่าเพกาเป็นยาที่ร้อนมาก เพียงแค่เผาฝักกินบนบ้าน ควายที่กำลังตั้งท้องก็อาจจะแท้งได้
    ส่วนฝักเพกาที่แก่จะแตกออกแล้วเมล็ดที่มีปีกบางๆ สีขาวก็จะปลิวลอยล่องไปตามลมสวยงามมาก เมล็ดของเพกามีสรรพคุณตรงข้ามกับฝักอ่อน คือมีรสเย็นเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ผสมอยู่ในน้ำจับเลี้ยงของจีน เป็นยาเย็นมีฤทธิ์แก้ไอขับเสมหะ
    ในฝักเพกามีวิตามินซีสูงมากถึง ๔๘๔ มิลลิกรัม/๑๐๐ กรัม สูงพอๆ กับมะขามป้อมที่ได้ชื่อว่ามีวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทั้งหลาย ในขณะที่มะนาวแหล่งวิตามินซีที่คนทั่วไปรู้จักมีเพียง ๒๐ มิลลิกรัม/๑๐๐ กรัม นี่คงเป็นสาเหตุให้ฝักเพกามีชื่อเสียงในด้านการป้องกันโรค ทำให้ไม่เจ็บไม่ป่วยสู้กับหวัดได้ทุกสายพันธุ์

    เพกา ผักพื้นบ้านต้านมะเร็ง
    จากความเชื่อของคนโบราณที่บอกว่ากินฝักเพกาแล้วจะทำให้ไม่เจ็บป่วยนั้น มีรายงานการศึกษาที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งคือ การวิจัยผักพื้นบ้านไทยของคุณเกศินี ตระกูลทิวากร จากสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อดูว่าผักพื้นบ้านชนิดใดบ้างที่มีคุณสมบัติในการต้านการก่อมะเร็งจากผักทั้งหมด ๔๘ ชนิด เพกาเป็นผักใน ๔ ชนิดที่มีฤทธิ์ต้านการก่อมะเร็งสูงสุด ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย เนื่องจากในฝักเพกามีวิตามินสูงมากตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และยังมีวิตามินเอ ๘,๒๒๑ มิลลิกรัมใน ๑๐๐ กรัม พอๆ กับตำลึงทีเดียว เช่นเดียวกับการศึกษาพืชสมุนไพรในบังคลาเทศ พบว่าในพืชสมุนไพรพื้นบ้าน ๑๑ ชนิด เพกาแสดงฤทธิ์ต้านมะเร็งทุกชนิดสูงสุด รองลงไปคือมะตูม

    นอกจากนี้ยังมีการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ในการแยกสารฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งจากเมล็ดของเพกาเช่น chrysin, baicalein เป็นต้น พบว่าสารสกัดจากเปลือกรากมีฤทธิ์ในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้หมอพื้นบ้านจังหวัดปราจีนบุรี คุณตาส่วน สีมะพริก ยังบอกว่าเปลือกต้นหรือเปลือกรากของเพกาต้มกิน (ซึ่งจะต้มเดี่ยวๆ หรือต้มรวมกับแก่นซองแมว …ซึ่งเป็นตำรับที่คุณตาต้มรับประทานเป็นประจำ) แก้น้ำเหลืองเสีย รักษาฝีทั้งภายในภายนอก บำรุงร่างกายให้แข็งแรง

    เพกา เป็นยารักษาได้หลายโรค
    เพกาจัดเป็นสมุนไพรที่หมอยาพื้นบ้านใช้มากชนิดหนึ่ง ตั้งแต่ใบของเพกาเป็นยาเย็น เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของยาเขียว มีสรรพคุณฝาดขม ต้มน้ำดื่มแก้ปวดข้อ ปวดท้อง เจริญอาหาร รากมีรสฝาดขมร้อน เป็นยาบำรุงธาตุ ทำให้เกิดน้ำย่อยอาหาร ขับเสมหะ ขับน้ำออกจากร่างกาย เป็นยาแก้ท้องร่วง ฝนกับน้ำปูนใสทาแก้อักเสบฟกบวม เปลือกต้นรสฝาดเย็น ขมเล็กน้อย สมานแผล แก้น้ำเหลืองเสีย ดับพิษโลหิต ต้มกินป่นเป็นผงทำเป็นลูกกลอนหรือใช้ผงกินกับน้ำ ใช้ขับเหงื่อ แก้ไขข้ออักเสบเฉียบพลัน เป็นยาขมเจริญอาหาร แก้เสมหะจุกคอ ขับเสมหะ ขับเลือดเน่าในเรือนไฟ บำรุงโลหิต แก้บิด แก้จุกเสียด ฝนกับสุรากวาดปากเด็ก แก้พิษซาง แก้ละอองใช้ทาแก้ปวดฝี แก้ฟกบวม ผงเปลือกผสมขมิ้นชันเป็นยาแก้ปวดหลังของม้า เมล็ดต้มกินเป็นยาระบาย แก้ไอ ขับเสมหะ


    เพกา ยาแก้ปวด แก้อักเสบ แก้ฝี
    แทบจะกล่าวได้ว่าส่วนประกอบสำคัญในยาโพ๊ะ ยานึ่ง ยานั่ง ยาอาบ ยาประคบ ยาพอก ยาฝน ที่ใช้รักษาอาการฟกช้ำ เคล็ดขัดยอก ปวดเมื่อย รวมทั้งในตำรับของยากิน ทั้งยาต้ม ยาลูกกลอน ยาผง ของหมอยาทุกภาค ล้วนไม่เคยขาดเปลือกเพกาเป็นส่วนประกอบเลย เปลือกเพกายังใช้แก้งูสวัด รากฝนทาแก้ฝี ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์พบว่า สารสกัดที่ได้จากเปลือกต้น มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ การแพ้ และยังมีฤทธิ์ที่ยับยั้งการบีบตัวของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้สารที่สกัดได้จากรากเพกามีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ที่ทำให้เกิดการอักเสบ


    เพกา ผักเป็นยา ที่กินกันทุกภาค
    เพกาภาษามลายูท้องถิ่นคือ แบกอ เป็นผักพื้นบ้านที่ไม่ต้องปลูกอีกชนิดหนึ่ง อาหารยอดฮิตของคนโบราณคือการนำผักเพกามาหมกเผาไฟก่อนนำมาลอกเปลือก แล้วนำมาหั่นเป็นผักเหนาะจิ้มน้ำบูดู หรือนำมายำพื้นบ้านนั่นเอง ส่วนผสมก็คล้ายเครื่องยำทั่วไป ยอดใหม่มาต้มจิ้มน้ำพริก รสขมเล็กน้อย ส่วนแมะที่ยะลาบอกว่านำยอดมายำก็ได้ คล้ายกับกับยำฝักเพกาแต่จะรวนเข้ากันได้ดีกว่า เพราะเมื่อนำยอดเพกามาต้มหรือลวกก็จะทำให้อ่อนนุ่ม แล้วมาหั่นละเอียดเข้ากับเครื่องยำนั้นเอง

    กล่าวได้ว่าทุกภาคของประเทศไทยกินเพกาเป็นผักได้ทั้งฝักอ่อน ดอก ยอดอ่อน ขนาดของฝักเพกาเหมาะต่อการกินเป็นผัก ขนาดความกว้างของฝักไม่ควรเกิน ๕ เซนติเมตร หรือลองนำฝักนั้นมาม้วนดู ถ้าม้วนได้แสดงว่ายังสามารถนำมากินเป็นผักได้ ฝักเพกาอ่อนนั้นสามารถกินสดๆ โดยกินฝักและยอดกับลาบปลา แต่จะขมมากว่าการนำมาลวกหรือเผา การเผานั้นจะต้องนำมาเผาไฟแรงๆ จนเปลือกพองไหม้ทั่ว ขูดเอาส่วนที่ดำออกให้หมด เหลือแต่ส่วนในที่มีกลิ่นหอม แล้วหั่นเป็นชิ้นตามขวางหนาพอประมาณ สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายชนิด ทั้งนำมาเป็นผักจิ้มน้ำพริก ลาบ ป่น แจ่ว หรือหรือนำมาทอดกินกับไข่ หรือจะเอามาก้อยกินก็อร่อย หรือนำมาผัดกับหมูเช่นเดียวกับผักอื่นๆ ก็อร่อย บางพื้นที่นำฝักเพกาหั่นตามขวางแล้วดองรวมกับผักอื่นๆ กินได้เช่นกัน ดอกเพกาสามารถนำมาทำลาบ นึ่งลวกกินเป็นผักได้อร่อย

    เรื่องน่ารู้
    ถ้าใส่หนังลิ้นจ้าง (เปลือกต้นเพกา) ลงในอาหารจะแก้เปรี้ยว แก้เผ็ดได้ ใส่เปลือกหมากลิ้นจ้างผสมกับมะนาว มะนาวก็ไม่เปรี้ยว


    มีสมุนไพรไม่มากนักที่มีรสขม แต่สามารถนำมาปรุงกินเป็นอาหารที่หลากหลายได้เหมือนเพกา นับเป็นสมุนไพรคู่บ้านคู่เรือนคนไทยมานานแสนนาน โดยไม่ต้องลงมือปลูก ด้วยสรรพคุณที่มีคุณค่าเกินกว่าใครจะมองข้าม ทั้งช่วยป้องกัน บำรุง รักษาสรรพโรค ทั้งยังเป็นอาหารต้านมะเร็งที่น่าสนใจ คนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยชิมรสชาติของเพกา น่าจะหาโอกาสลองสักครั้ง นอกจากจะเสริมภูมิคุ้นกันให้ร่างกายแล้ว จะได้เสริมภูมิความรู้ที่หาได้จากปลายลิ้นด้วย <SUB></SUB>
     
  13. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,069
    ค่าพลัง:
    +52,169
    <TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left><TBODY><TR><TD bgColor=#e0e0e0 vAlign=top align=middle>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เห็นลูกเพกาขายในตลาด อยากทราบประโยชน์ของเพกาว่าเป็นสมุนไพรรักษาโรคอะไรบ้างครับ

    Surawit

    ตอบ Surawit


    มีคำตอบจากหน่วยปฏิบัติการวิจัยเคมีสารสนเทศ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ศึกษาเกี่ยวกับ"เพกา" และระบุสรรพคุณ "ยาร้อน แรงดี ต้านมะเร็ง ต้านหวัด แก้อักเสบ" เพกาเป็นผักที่คนไทยทุกภาคกินคล้ายกัน คือใช้ทั้ง ฝักอ่อน ดอก ยอดอ่อน กินเป็นผัก หรือปรุงเป็นอาหารได้หลายเมนู ทั้งมีความเชื่อว่ากินแล้วจะไม่เจ็บป่วย มีเรี่ยวแรงและบำรุงสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งตามศาสตร์ตะวันออกอธิบายว่า เพราะเพกามีรสขมร้อน ขณะที่มีรายงานทางเภสัชวิทยาพบว่า เพกามีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอล การที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลนั้นก็จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น จากนั้นอะไรๆ ก็ดีขึ้นเอง ซึ่งสรรพคุณนี้มีความคล้ายคลึงกับกระเทียม

    ฝักอ่อนของเพกาจะออกในต้นฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการหว่านข้าวกล้า ไถนา คราดนา การรับประทานฝักอ่อนของเพกาซึ่งมีรสขมร้อนก็จะทำให้ร่างกายอบอุ่น ต่อสู้กับอากาศที่ชื้นเย็นซึ่งนำพาโรคหวัด ไอ หอบหืดมากับฤดูฝน การที่ฝักเพกาเป็นยาร้อน คนท้องจึงกินไม่ได้เพราะจะทำให้แท้งได้ ว่ากันว่าเพกาเป็นยาที่ร้อนมาก เพียงแค่เผาฝักกินบนบ้าน ควายที่กำลังตั้งท้องก็อาจจะแท้งได้ ส่วนฝักเพกาที่แก่จะแตกออกแล้วเมล็ดที่มีปีกบางๆ สีขาวก็จะปลิวลอยล่องไปตามลมสวยงามมาก เมล็ดของเพกามีสรรพคุณตรงข้ามกับฝักอ่อน คือมีรสเย็น เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ผสมอยู่ในน้ำจับเลี้ยงของจีน เป็นยาเย็นมีฤทธิ์แก้ไอ ขับเสมหะ

    <TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=right><TBODY><TR><TD bgColor=#e0e0e0 vAlign=top align=middle>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    และจากความเชื่อของคนโบราณที่บอกว่ากินฝักเพกาแล้วจะทำให้ไม่เจ็บป่วยนั้น มีรายงานการศึกษาที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งคือ การวิจัยผักพื้นบ้านไทยของ เกศินี ตระกูลทิวากร จากสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาผักทั้งหมด 48 ชนิด เพกาเป็นผัก 1 ใน 4 ชนิดที่มีฤทธิ์ต้านการก่อมะเร็งสูงสุด เนื่องจากในฝักเพกามีวิตามินสูงมาก และยังมีวิตามินเอ 8,221 มิลลิกรัมใน 100 กรัม พอๆ กับตำลึงทีเดียว เช่นเดียวกับการศึกษาพืชสมุนไพรในบังกลาเทศ พบว่าในพืชสมุนไพรพื้นบ้าน 11 ชนิด เพกาแสดงฤทธิ์ต้านมะเร็งทุกชนิดสูงสุด รองลงไปคือมะตูม

    นอกจากนี้ยังมีการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ในการแยกสารฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งจากเมล็ดของเพกาเช่น chrysin, baicalein เป็นต้น พบว่าสารสกัดจากเปลือกรากมีฤทธิ์ในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้หมอพื้นบ้านจังหวัดปราจีนบุรี คุณตาส่วน สีมะพริก ยังบอกว่าเปลือกต้นหรือเปลือกรากของเพกาต้มกิน (ซึ่งจะต้มเดี่ยวๆ หรือต้มรวมกับแก่นซองแมว ซึ่งเป็นตำรับที่คุณตาต้มรับประทานเป็นประจำ) แก้น้ำเหลืองเสีย รักษาฝีทั้งภายในภายนอก บำรุงร่างกายให้แข็งแรง

    เพกาเป็นสมุนไพรที่หมอยาพื้นบ้านใช้มากชนิดหนึ่ง ตั้งแต่ใบซึ่งเป็นยาเย็น เป็นส่วนประกอบสำคัญของยาเขียว รสฝาดขม ต้มน้ำดื่มแก้ปวดข้อ ปวดท้อง เจริญอาหาร รากมีรสฝาดขมร้อน เป็นยาบำรุงธาตุ ทำให้เกิดน้ำย่อยอาหาร ขับเสมหะ ขับน้ำออกจากร่างกาย เป็นยาแก้ท้องร่วง ถ้าฝนกับน้ำปูนใสก็ใช้ทาแก้อักเสบฟกบวม ส่วนเปลือกต้นรสฝาดเย็น ขมเล็กน้อย สมานแผล แก้น้ำเหลืองเสีย ดับพิษโลหิต ต้มกิน หรือป่นเป็นผงทำเป็นลูกกลอน หรือใช้ผงกินกับน้ำ ขับเหงื่อ แก้ไขข้ออักเสบเฉียบพลัน บำรุงโลหิต แก้บิด แก้จุกเสียด ฝนกับสุรากวาดปากเด็ก แก้พิษซาง ผงเปลือกผสมขมิ้นชันเป็นยาแก้ปวดหลังของม้า เมล็ดต้มกินเป็นยาระบาย แก้ไอ ขับเสมหะ

    แทบจะกล่าวได้ว่าส่วนประกอบสำคัญในยาโพะ ยานึ่ง ยานั่ง ยาอาบ ยาประคบ ยาพอก ยาฝน รวมทั้งในตำรับของยากิน ทั้งยาต้ม ยาลูกกลอน ยาผง ของหมอยาทุกภาค ล้วนไม่เคยขาดเพกาเป็นส่วนประกอบเลย


    ขอบคุณข้อมูลจากเว็บข่าวสด
     
  14. porntips

    porntips เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,410
    หมอแผนปัจจุบันเก่งทางด้านผ่าตัดแน่นอน แต่รักษาบางอย่างต้องยอมรับยาโบราณบ้างเพราะยารักษาโรคกินแล้วก็เป็นพิษต่อตับไต โดยเฉพาะโรคเบาหวานผู้ป่วยจะไตเสื่อมเร็วมากเลยต้องฟอกไตในที่สุด ควรหลีกเลี่ยงภาวะไตพังโดยหันมารักษาด้วยยาสมุนไพรร่วมด้วยดีกว่า แต่ต้องระวังยาสมุนไพรที่ผสมสเตียรอยร่วมด้วยนะเพราะอันตรายที่สุด พวกทำยาไทยขายชอบผสมไว้ในยาเสียด้วย
     
  15. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,069
    ค่าพลัง:
    +52,169
    เป็นความเห็นที่ดีมากครับ :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...