รวมสุดยอดสายวิชาแหวนนพสูรย์+ปรอทกินทอง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย anuchang, 17 มิถุนายน 2012.

  1. prakosom

    prakosom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +153
    เรียนน้องหมออานุภาพครับ

    ขอบคุณที่ตอบเรื่องสีของแหวนสัตตะโลหะให้ทราบ

    ผมไม่ได้เข้าเวปหลายวันเพราะเน็ทเสีย

    แหวนสัตตะถ้ากลับดำเหมือนนวโลหะแสดงว่าดวงไม่ดี

    แต่ถ้าเป็นสีทองแดงสุกใสแสดงว่าดวงดีหรือเป็นปกติใช่ไหมครับ

    ถ้าผมเข้าใจผิดช่วยแก้ไขด้วยครับ

    ถ้าสร้างแหวนถวายหลวงพ่อวิชัย ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยอยากร่วมทำบุญด้วยอีก

    ได้อ่านข่าวการปลุกเสกเพิ่มเติมแล้วยิ่งเพิ่มศรัทธามาก

    จะคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายไหมเนี่ย

    คุณหมอเขียนบทความน่าอ่านมาก คอยอ่านอยู่ทุกวัน

    ถ้าว่างช่วยเขียนเพื่อเป็นวิทยาทานให้ความรู้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบทางนี้ด้วยครับ

    ขอบคุณมากครับ
     
  2. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    แหวนในส่วนที่สร้างถวายหลวงปู่ดี ได้ถวายหลวงปู่ไปแล้ว สามารถบูชาได้ที่กุฏิหลวงปู่ครับ
    ซึ่งแหวนในส่วนที่ถวายหลวงปู่ดีไป หลวงพ่อวิชัย วัดถ้ำผาจม ท่านได้เมตตาเสกให้ก่อนแล้ว
    แล้วถึงได้นำไปถวายหลวงปู่ดีให้ท่านออกบูชา ไม่แน่ใจว่าจะหมดหรือยัง

    ส่วนแหวนที่ตระเวณเสกอยู่นี้เป็นแหวนในส่วนของผู้ที่ร่วมทำบุญจองแหวนไว้ตั้งแต่แรก
    เพื่อหาทุนมาดำเนินการสร้างแหวนถวายหลวงปู่ดีครับ
    ซึ่งแหวนในส่วนนี้จะมีแต่เนื้อสัตตะและเนื้อเงินเท่านั้น
    (ไม่มีเนื้อฟิวเตอร์ เพราะเนื้อฟิวเตอร์ทำถวายหลวงปู่ดีทั้งหมด แม้แต่ผมก็ไม่ได้เก็บไว้เลย)
    แหวนในส่วนนี้ผมได้นำไปขอรับความเมตตาจากครูบาอาจารย์อธิษฐานจิตเพิ่มให้
    ฃึ่งจะรับแหวนได้หลังออกพรรษาครับ

    และแหวนในส่วนนี้เป็นแหวนที่มีเจ้าของแล้วทั้งหมด เพราะทำตามจอง
    มียอดเกินของเนื้อสัตตโลหะมาบ้างเล็กน้อยที่ทางโรงหล่อทำเผื่อเสียไว้
    ซึ่งในส่วนนี้ขอเก็บไว้ถวายครูบาอาจารย์ที่นำไปให้ท่านเสก
    เพราะว่ามีอยู่หลายองค์ท่านเสกเสร็จแล้วท่านก็ขอไว้อยากจะแจกลูกศิษย์ท่านบ้าง
    ก็อายท่านอยู่เหมือนกันที่ถวายให้ท่านได้แค่วงเดียว
    บางรูปผมเชื่อแน่ว่าท่านเป็นพระอริยเจ้า ซึ่งท่านก็มีวัตถุมงคลที่คนศรัทธาทำมาถวายให้ท่านแจกมากมายอยู่แล้ว
    ท่านก็ยังเอ่ยปากขอแหวนนี้ ซึ่งผิดปกติวิสัยของพระระดับนี้
    ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะรูปลักษณ์ที่ออกแบบมาโดนใจท่านก็เป็นได้

    มีอยู่เรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ
    คือ รูปลักษณ์ของวัตถุมงคลมีผลต่อการบรรจุพลังมาก
    ตาเห็นรูป จิตเกิดสัญญา เกิดการปรุงแต่งจิตไปตามรูปลักษณ์ที่เห็น
    การเสกท่านก็จะน้อมนำจิตไปตามรูปลักษณ์ที่เห็น
    ดังนั้นรูปลักษณ์ก็เหมือนการสร้างภาชนะไว้บรรจุพลังจิต
    ยิ่งรูปลักษณ์ทีเกี่ยวเนื่องกับของชั้นสูง ก็เหมือนกับการสร้างอ่างเก็บน้ำ
    ถ้ารูปลักษณ์เกี่ยวกับของต่ำๆ ก็เหมือนกับแก้วน้ำใบเล็กๆ
    บรรจุพลังได้หน่อยก็เต็มแล้ว
    แต่ถ้าเป็นพระที่ท่านทำเป็นท่านสามารถพลิกแพลงให้ได้
    อย่างหลวงปู่ดู่เป็นต้น ใครจะทำไรมาท่านเสกเป็นพระหมด
    เช่น กุมารทอง รักยม ท่านก็บวชให้เป็นเณรเสีย
    พวกสิงห์สาราสัตว์ท่านก็เชื่อมต่อไปยังบารมีพระพุทธเจ้าที่เคยเสวยพระชาติเป็นสัตว์ในภพนั้นๆ
    ซึ่งในปัจจุบันจะหาพระที่เสกและทำเป็นแบบหลวงปู่ดู่ได้ยากเต็มที

    แต่ถึงแม้ท่านจะเชื่อมต่อพลังให้สื่อไปถึงพระพุทธเจ้าให้แล้ว
    แต่พวกเราคนใช้เองต่างหากที่จะสามารถน้อมจิตไปนำพลังงานส่วนนั้นมาใช้แบบท่านได้หรือเปล่า
    เพราะส่วนใหญ่ตาเราเห็นรูปอะไร จิตมันก็จะหยุดอยู่ที่รูปนั้น ไม่คิดไปไกลกว่านั้น
    พลังงานที่เราจะนำมาใช้ได้ก็ได้แค่รูปที่เห็นนั้นเช่นกัน
    เช่น หนุมาน ใครเห็นก็มักจะนึกถึงหนุมานในเรื่องรามเกียรติก่อนเป็นอันดับแรก
    น้อยคนที่จะน้อมนำนึกไปถึงพระพุทธเจ้าว่าท่านก็เคยเกิดเป็นพญาลิงพระโพธิสัตว์นะ
    น้อยคนมากที่จะใช้หนุมานในรูปของพระ ไปใช้หนุมานในรูปของตัวเอกในเรื่องรามเกียรติแทน
    พลังที่นำออกมาใช้ผิดกันเยอะ เสกให้ 100 เต็ม นำมาใช้แค่ 10
    ดังนั้นต่อให้พระท่านเสกให้ดีแค่ไหน
    แต่ถ้าจิตเราคิดได้แค่ไหน ก็ใช้ได้แค่พลังงานเท่าที่เรานึกถึงเท่านั้นเอง
    ที่จริงนี่เป็นกุศโลบายของพระท่านที่ต้องการให้เรานึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์อยู่ตลอดเวลา
    จัดเป็นพุทธานุสสติ 1 ในกรรมฐาน 40 กอง
    แต่อย่างว่า คนเรามักจะติดแค่รูปลักษณ์ภายนอกก็เลยได้แค่เปลือกนอกที่เห็น
    กระพี้หรือแก่นข้างในเข้าไม่ถึง

    แหวนนี้รูปลักษณ์เป็นอาวุธเทพเสียส่วนใหญ่
    แต่จริงๆ เป็นธำมรงค์ของพระเจ้ามหาจักรพรรดิ
    ซึ่งก็เกี่ยวเนื่องไปถึงบารมีพระพุทธเจ้าในสมัยเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิต่างๆ
    อีกทั้งในแหวนยังซ่อนรูปลักษณ์ของจักรแก้วพระพุทธเจ้าเอาไว้
    เพราะถ้าจะเอาแค่จักรนารายณ์ก็ถือว่ายังคิดไม่เป็น ยังหยาบอยู่
    ดังนั้นการใช้วัตถุมงคลก็ต้องรู้จักฉลาดใช้ ใช้ให้เป็น
    คนใช้เป็นเขาจะเลือกนำพลังงานที่บรรจุอยู่แต่ละส่วนมาใช้
    ถ้าจะใช้ปราบก็ใช้แค่พลังตามรูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นก็พอ
    แค่อาวุธเทพแต่ละอย่างก็เหลือเฟือ
    แต่ถ้าจะโปรดก็ต้องใช้บารมีพระพุทธเจ้าแทน เปลี่ยนจักรแก้วให้เป็นธรรมจักรเสีย
    พระที่ท่านเสกแล้วบอกว่าคลุมหมดทุกด้าน ใช้ได้ตามแต่จะอธิษฐานก็เช่นนี้แล




     
  3. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748

    การเปลี่ยนสีของเนื้อสัตตโลหะ เมื่อใช้ไปนานๆ เจอเหงื่อเจอการสัมผัส
    ผิวของเขาจะต้องกลับดำเป็นปกติเหมือนเนื้อนวโลหะทั่วๆ ไปอยู่แล้ว
    แต่ที่ดู เขาดูที่ความเป็นประกายเงางาม สะท้อนแสงของแหวนครับ
    ถ้าหม่นหมองไร้ประกาย ก็แสดงว่าดวงไม่ดี ทำอะไรก็อาจจะติดๆขัดๆ ไม่ราบรื่น
    ถ้ามีประกายสุกใส แสดงว่าดวงดีอาจจะมีโชคลาภ
    ดังนั้นไม่ได้หมายถึงสีของแหวน
    แต่ถ้าแหวนจากที่เคยกลับดำกลับมาเป็นสีเหมือนเนื้อสัตตโลหะใหม่ๆ
    แสดงว่าดวงชะตาดีมากๆ
    หัวเมฆสิทธิ์ก็เช่นเดียวกัน

     
  4. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    หลังจากกราบลาครูบาครองแล้ว คณะของพวกเราก็มุ่งหน้าลงมาที่สุโขทัย
    เป้าหมายอยู่ที่ วัดเขาแร่ สุโขทัย

    พระอาจารย์ปรินทร์ ธัมมสรโณ วัดเขาแร่ อ.ทุ่งเสลี่ยง สุโขทัย
    ท่านเป็นศิษย์ที่สืบสายปฏิปทาของหลวงพ่อฤาษีฯ มีเจโตฯ ที่ไวมาก
    ท่านมีบารมีเกี่ยวกับพระธาตุเสด็จ บางทีคายชานหมากออกมากลายเป็นพระธาตุ
    หรือบางครั้งกลายเป็นพระเครื่องแบบใบพลูเขียวๆ ยังติดอยู่ในเนื้อองค์พระก็มี


    พวกเราไปถึงวัดท่านประมาณ 11.30 น. ก็คิดว่าท่านคงจะกำลังฉันเพลอยู่
    แต่ด้วยความเมตตาของท่านๆ ให้คนมาตามพวกเราขึ้นไปหาท่านก่อนที่ท่านจะฉันเพล
    และเหมือนท่านจะรู้ล่วงหน้าว่าเป็นคณะไหนมา
    เพราะท่านได้เตรียมของที่ผมตั้งใจจะมาเอาไว้ให้แล้ว
    เรียกว่าพอเปิดประตุกุฏิเจอหน้าท่านๆ ก็ยื่นให้เลย
    แถมตอนนั่งอยู่กับท่านก็โดนท่านเทศน์สั่งสอนไปหลายดอกเรื่องความละเอียดรอบคอบ

    ยกตัวอย่างเช่น
    - การวางวัตถุมงคลท่านไม่ให้วางกับพื้น แม้แต่ซองกฐินก็เช่นกัน
    เพราะบางทีอาจจะมีชื่อครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยเจ้าอยู่ จะเป็นการไม่สมควร
    - แม้แต่การชี้มือไปยังพระพุทธรูป ท่านก็ไม่ให้ชี้นิ้วเดียวเหมือนชี้หน้าด่าคน
    ท่านให้ผายมือออกเหมือนแบมือแล้วชี้ไปทางนั้นทั้งห้านิ้ว เหมือนเป็นการเชิญชวน
    - การจะติพระพุทธรูปก็เป็นการไม่สมควร เป็นการปรามาสพระพุทธเจ้า
    ถ้าจะติเพื่อให้ช่างปั้นแก้ไขให้ ก็ให้เปลี่ยนคำพูดเสียใหม่
    เช่น ถ้าองค์พระท่านไม่สมส่วน ท่านห้ามบอกว่าพระเตี้ยหรือสูงไป
    ท่านให้บอกว่าถ้าองค์ท่านสูงหรือลดลงสักหน่อย องค์ท่านจะแลดูสง่างามกว่านี้ เป็นต้น

    พอดีได้นำยาไปถวายท่าน ซึ่งที่จริงหน้าซองยาก็มีรายละเอียดชื่อยาและวิธีทานอยู่แล้ว
    แต่ท่านได้สอนว่าควรจะหากระดาษเขียนรายละเอียดของยาเหมือนกับที่หน้าซองใส่ลงไปในซองยาด้วย
    เผื่อเกิดว่าสติ๊กเกอร์ที่หน้าซองหลุดไป ก็ยังมีรายละเอียดข้างใน
    ท่านได้ยกตัวอย่างของท่านเองว่า ท่านเคยซื้อผ้าเช็ดหน้าไปถวายครูบาอาจารย์
    ท่านจะซักผ้าเช็ดหน้าที่ซื้อมาก่อนทุกครั้ง และเวลาถวายท่านจะพับใส่ซองแล้วเขียนกระดาษใส่ไว้ด้วยว่า

    “ ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เกล้ากระผมได้ซักสะอาดมาเรียบร้อยแล้ว นิมนต์พระคุณเจ้าใช้ได้เลย ”

    ท่านว่าถ้าเรามีความละเอียดในการเรื่องต่างๆ เหล่านี้
    ก็เปรียบเสมือนเป็นการแสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัย
    แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าทำเรื่อยๆ บ่อยๆ อารมณ์ก็จะทรงอยู่ในระดับโสดาบันได้ไม่ยากเลย



    [​IMG]

    ตอนที่ขอให้ท่านอธิษฐานแหวนให้ ก็ได้กราบเรียนท่านว่า
    ขอให้ท่านช่วยอัญเชิญจักรแก้วพระพุทธเจ้าและพระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้าลงมาครอบให้ด้วย
    ซึ่งท่านก็เมตตาทำให้ตามประสงค์
    อีกทั้งยังได้เขียนยันต์รัตนจักรองค์ปฐมในแผ่นเงินให้เป็นชนวนในครั้งต่อไปด้วย

    [​IMG]

    <O:p</O:p<O:p</O:pท่านยังได้บอกว่าการเสกพระ ถ้าผู้เสกเป็นฆราวาสและได้แค่ญาณโลกีย์
    ถ้าฆราวาสผู้นั้นเสียชีวิตเมื่อไร ของที่ทำไว้ก็จะเสื่อม
    ท่านได้ถามพวกเราว่าจะไปกราบหลวงปู่ท่านหนึ่งที่ดังมากในพิษณุโลกตอนนี้หรือเปล่า
    ที่เวลาเสกท่านชอบแสดงท่าทาง เช่น ยกของหนักมือเดียว นั่งสมาธิตัวกระโดดลอยได้ เป็นต้น
    ท่านบอกว่าองค์นี้ท่านยังได้แค่ญาณสมาบัติ ยังไม่ก้าวข้ามขั้น ยังติดอยู่แค่นั้น
    ท่านก็เลยไม่อยากให้พวกเราไปเสียเวลา
    ท่านว่าดูอย่าง หลวงปู่เหรียญ (วัดอรัญบรรพต) สิ ท่านเสกพระจะต้องมีออกท่าออกทางอะไรไหม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PICT0008.JPG
      PICT0008.JPG
      ขนาดไฟล์:
      118.8 KB
      เปิดดู:
      1,703
    • PICT0022.JPG
      PICT0022.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.7 KB
      เปิดดู:
      1,665
  5. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    [​IMG]


    แล้วท่านได้ถามว่าไปกราบครูบาครองมาเป็นไง ท่านบอกว่าของดีสุดยอดของครูบาครองคือ ผ้ายันต์
    ซึ่งพวกเราได้ฟังแล้วก็ให้เสียดายกัน เพราะพวกเรามองข้ามกันไปหมด
    ในคณะไม่มีใครได้บูชาผ้ายันต์ของท่านมาเลยสักคน
    ถ้าเป็นของ ครูบาอ่อน วัดสันต้นหวีด ของดีสุดยอดของท่านก็คือ ตะกรุดลูกสมอใบลานและตะกรุดฟ้าสะท้อน
    ตะกรุดฟ้าสะท้อนนี่คนละอย่างกับตะกรุดกาสะท้อน
    <O:p</O:pตะกรุดฟ้าสะท้อนจะช่วยป้องกันภัยต่างๆ จากทางฟ้าทั้งหมด
    ทั้งภัยธรรมชาติ เช่น ฟ้าผ่า และอุบัติภัย เช่น เครื่องบินตก
    อีกทั้งยังกันคุณไสยที่เขาปล่อยมาทางอากาศได้อีกด้วย
    ส่วนตะกรุดกาสะท้อนจะเด่นในทางป้องกันสะท้อนกันสิ่งที่ไม่ดีออกไป เช่น คนที่เขาคิดร้ายต่อเรา เป็นต้น
    ท่านว่าของครูบาอ่อนนี่น่าเอาไปแจกทหารทางใต้มาก
    <O:p</O:pถ้าเป็นของหลวงปู่หงษ์ ป่าช้าสุสานทุ่งมน ของดีสุดยอดของท่าน คือ ตะกรุดน้ำและปากกาครู
    ตะกรุดน้ำของลป.หงษ์นี่ ไม่ใช่ตะกรุดน้ำที่เขาทำกันมาแล้วมาเช่าหากันในราคาแพงแต่อย่างใด
    แต่เป็นตะกรุดที่ทำจากน้ำจริงๆ ซึ่งในสมัยแรกๆ ลป.หงษ์ ท่านจะเอาน้ำมาใส่ขวดเล็กๆ แล้วเสกแจก

    <O:pหลังจากนั้นท่านได้ถามว่าพวกเราจะไปองค์ไหนต่อ
    ตอนแรกก็ว่าเสร็จจากท่านแล้วจะไปหา ลพ.ทุเรียน วัดศรีคีรีสุวรรณาราม
    ท่านก็ชมว่า ลพ.ทุเรียนท่านเก่งในเรื่องกันภัย แคล้วคลาด ปลอดภัย
    แล้วท่านก็แนะนำว่าใกล้ๆ วัด ลพ.ทุเรียน มีอีกองค์หนึ่ง ชื่อ ลป.ราม แต่ท่านจำชื่อวัดไม่ได้
    <O:p(ลป.ราม ปรกฺกโม วัดวังเงินเจริญธรรม ต.โตนด อ.คีรีมาศ สุโขทัย)
    องค์นี้ท่านว่าเมตตามหาเสน่ห์นี่สุดยอด ก่อนบวชท่านก็เคยเป็นพระเอกลิเกเก่ามาก่อน
    พอบวชแล้วของเก่าตามมา เท่านั้นแหละสุดยอดเลย
    แล้วท่านก็แนะนำให้อีกองค์ ลป.คำ วัดห้วยโป่ง แพร่
    องค์นี้ท่านให้ฉายาว่า เทพเจ้าแห่งทุ่งข้าวโพด
    เพราะท่านอยู่กลางทุ่งข้าวโพดจริงๆ
    มีวัตถุมงคลอยู่รุ่นหนึ่งที่ศาลปกครองสร้าง
    ท่านว่าเก่งที่สามารถนิมนต์ครูบาคำให้ลงมาเสกได้
    อีกองค์ที่ท่านเล่าแล้วผิดความคาดหมายมาก เพราะที่ผ่านมานึกว่าท่านเป็นแค่พระเกจิ
    คือ ลพ.ฟู วัดบางสมัคร ฉะเชิงเทรา
    องค์นี้ท่านบอกว่าเป็นพระอริยะ เข้าสมาธิจิตนี่ไวมาก พอๆ กับหลวงพี่เล็กเลยทีเดียว

    ที่จริงมีอีกองค์ท่านบอกอยู่นครสวรรค์ องค์นี้เป็นพระอภิญญา เป็นทองล้นเบ้า
    (หมายถึง เป็นพระทองคำทั้งองค์จนล้นออกมา)
    ตอนแรกท่านไม่บอกว่าองค์ไหน ท่านบอกว่าบอกไปเดี๋ยวพวกแกก็ไปกวนท่าน
    พอดีผมนอกจากเป็นหมอแล้วก็ยังเป็นคนหัวหมออีกด้วย
    ท่านไม่บอกก็ต้องเดา เลยเดาไปว่าเป็นลพ.วิชา วัดชอนทุเรียน ที่ตากฟ้า
    ท่านบอกว่าไม่ใช่แต่อยู่ที่ตากฟ้าเหมือนกัน
    เท่านั้นแหละพอรู้พิกัดที่แน่นอนแล้ว คราวนี้ผมก็เดาถูกทันที
    ลป.เช้า วัดห้วยลำไย
    หลวงพี่ท่านก็นิ่งโดยดุษฎี เป็นอันว่าคอนเฟิร์ม
    ผมก็เลยบอกท่านไปว่าหลวงพี่ไม่ต้องปิดแล้ว
    ท่านลงนสพ.คมชัดลึก แถมศูนย์พระก็เข้าไปสร้างพระเครื่องให้ท่านแล้ว
    แถมบูชาได้ที่เซเว่นอีกต่างหาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PICT0010.JPG
      PICT0010.JPG
      ขนาดไฟล์:
      88.6 KB
      เปิดดู:
      1,915
  6. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    พอพูดถึงเรื่องศูนย์พระ
    ท่านก็เลยเล่าวีรกรรมวีรเวรของบรรดาศูนย์พระที่เข้าไปก่อกรรมกับครูบาครองให้ฟังว่า
    มีศูนย์พระไปขอสร้างพระเครื่องให้ครูบาครองแล้วว่าจะถวายปัจจัยให้ท่านเท่านั้นเท่านี้
    พอสร้างมาให้ท่านเสก มันก็เอากลับหมด ทิ้งไว้แต่พระผงสิวลีเนื้อธรรมดาให้ท่านเพียงอย่างเดียว
    ส่วนของอย่างอื่น รวมทั้งพระสิวลีเนื้อพิเศษที่ฝังอะไรต่างๆ มันเอากลับหมด
    แล้วปัจจัยที่มันบอกจะนำมาถวายท่านมันก็ไม่เอามาถวาย
    เหมือนกับคนที่ชื่อ มา...พระ ที่เป็นผู้ทำให้ครูบาสิงโตต้องประกาศงดเสกวัตถุมงคลทุกอย่าง

    “ เพราะมันใช้ท่าน (ท่านพูดอย่างนี้เลย) มานั่งเอาเศียรฤาษีครอบหัวคนเป็นร้อย
    ดยไม่คำนึงถึงสังขารของพระชราบ้าง
    นี่มันยังจะนิมนต์ครูบาครองลงไปงานไหว้ครูอะไรของมัน
    ดยจะให้หลวงปู่ที่อายุ 90 กว่าแล้วนั่งรถทัวร์ไปเอง...ดูมันซิ
    ข้าก็เลยบอกหลวงปู่ไม่ต้องไปหรอก ถ้ามันจะนิมนต์ท่านก็ต้องให้ท่านไปเครื่องบินเท่านั้น ”

    ท่านได้เล่าถึงเรื่องการเสกพระปิดตาของหลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุนรุ่นหนึ่งให้ฟังว่า
    หลวงพีเล็กท่านตั้งใจเสกให้พระปิดตาของท่านวางที่ไหนก็ให้มีเงินมากองตรงนั้น
    ทีนี้ท่านก็เลยนำวัตถุมงคลของตัวท่านไปเข้าร่วมพิธีด้วย
    แหม...ของเราได้ตั้งอยู่แถวบนเด่นเป็นสง่าเลย ของคนอื่นๆ ที่เอาฝากเข้าร่วมพิธีก็เหมือนกัน
    ส่วนพระปิดตาของหลวงพี่เล็กอยู่ด้านล่างสุด
    ทีนี้พอหลวงพี่เล็กท่านเสก ท่านเสกให้หมดก็จริง
    แต่ท่านอธิษฐานให้เฉพาะพระปิดตาของท่านเท่านั้นที่วางตรงไหนก็มีเงินมากองตรงนั้น
    ส่วนของอื่นที่ฝากเข้าพิธีไม่มีผล
    ลพ.เอกท่านเล่าว่าเกือบเสียท่าท่าน เราเลยต้องอธิษฐานดึงจากของท่านขึ้นมาข้างบนให้ของเราก็ต้องได้ด้วยดิ
    แล้วท่านก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

    กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับพระฝากเสก
    อย่าคิดว่าพระฝากเสกจะศักดิ์สิทธิ์เท่ากับพระในพิธี ถึงแม้จะอยู่ในพิธีเดียวกันก็ตาม
    โดยเฉพาะพวกชอบโยงสายสิญจน์
    เรื่องแบบนี้มีตัวอย่างอีกกรณีหนึ่ง คือ พระกริ่งพุทธชยันตี ของวัดสันติธรรม เชียงใหม่
    พิธีนี้ดีมาก ครูบาอาจารย์ที่ไปร่วมพุทธาภิเษกเห็นตรงกันว่า พระอินทร์และพระวิษณุกรรมลงมาร่วมพิธีด้วย
    แต่เคยให้ครูบาอาจารย์ท่านพิจารณาระหว่างพระกริ่งกับพระผงที่อยู่ในพิธีเดียวกัน
    วัดสร้างเองเหมือนกันทั้งคู่ แต่พลังกลับต่างกันมาก
    นี่ก็อาจจะเป็นเพราะตอนไปนิมนต์ครูบาอาจาร์บอกท่านว่าจะเสกพระกริ่ง
    ท่านก็เลยตั้งใจมาเสกพระกริ่งโดยเฉพาะ เวลากำหนดจิตท่านก็มุ่งไปที่พระกริ่งเป็นหลัก
    พระอื่นในพิธีก็เลยได้รับกระแสบ้างแต่ไม่เท่ากับพระกริ่งก็เป็นได้


    ก่อนกลับหลวงพี่เอกท่านก็ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการเก็บวัตถุมงคลไว้ว่า
    ตัวท่านนั้นจะเก็บแค่ 4 รุ่นพอ

    1. รุ่นแรก เพราะเป็นการสร้างครั้งแรกท่านก็ต้องทำเต็มที่ มีวิชาไรก็ใส่ให้หมดเพื่อไม่ให้เสียชื่อ
    2. รุ่นสุดท้าย เป็นการทำทิ้งทวนเสมือนฝากไว้แทนตัวท่าน
    เพราะพระอริยเจ้าท่านจะรู้วันมรณภาพล่วงหน้าอยู่แล้ว อะไรที่พอจะสงเคราะห์แก่สัตว์โลกได้ท่านก็จะทำให้
    3. รุ่นไตรมาส รุ่นนี้ดีมีเวลาทำนาน ท่านจะค่อยๆ ทำไป แล้วก็พิจารณาไปว่า
    ตรงไหนยังพร่องยังขาดอยู่ท่านก็จะเติมให้เต็มในส่วนนั้นจนครบหมดทุกด้าน
    4. รุ่นที่ท่านบอกปากเอง ถ้าเจ้าตัวคนเสกเองถึงกับออกปากเองก็ถือว่าใช้ได้
    เพราะพระระดับนี้ท่านไม่เชียร์ตัวเองอยู่แล้ว (หมายถึงพระระดับพระอริยเจ้าขึ้นไป)<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2012
  7. Reliquiae

    Reliquiae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,184
    ค่าพลัง:
    +2,639
    เข้ามาอ่าน เหมือนติดตาม นิตยสารคอลัมพระเลย 555
     
  8. Little Dragon

    Little Dragon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    3,186
    ค่าพลัง:
    +5,362
    อยากให้คุณหมอ แต่งเป็นหนังสือความรู้พระเครื่องขายเลย รับรองติด best seller แน่ครับ
     
  9. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    ไม่ได้มีความรู้ขนาดนั้นครับ
    เท่าที่เขียนนี่ก็จำมาจากที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าให้ฟังเท่่านั้นเอง
    คนอ่านสบายแปีบเดียวก็อ่านจบ
    แต่กว่าผมจะพิมพ์เสร็จ ตรวจทานคำผิดอีกแค่เรื่องหลวงพี่เอกองค์เดียวพิมพ์ยาวถึง 5 หน้า A4
    เลยต้องตัดทอนเป็น 3 ตอน เพราะมันโพสหมดในคราวเดียวไม่ได้
    กว่าจะพิมพ์เสร็จใช้เวลาเกือบทั้งวัน นั่งเรียบเรียงคำพูด
    ระมัดระวังไม่ให้มีการเสริมแต่งเกินนอกเหนือจากที่ท่านบอก
    ที่เล่านี่้ยังจำรายละเอียดได้ไม่หมด
    ที่จริงท่านเล่าอะไรเยอะมากกว่านี้

    ส่วนแผ่นจารต่างๆ นี่ก็เตรียมไว้เผื่อสร้างแหวนถวายหลวงพ่อวิชัย วัดถ้ำผาจม
    และหลวงน้าสายหยุด วัดสะแก ซึ่งกำลังอาพาธรักษาตัวอยู่
    คุณธรรมประทีปได้กราบเรียนขออนุญาตท่านแล้ว
    ว่าจะขอสร้างถวายท่านเพื่อหาทุนมาเป็นค่ารักษาพยาบาลท่าน
    ท่านบอกให้ไปออกแบบหัวแหวนมาใหม่ ท่านอยากได้หัวแหวนเป็นพระปางจักรพรรดิ
    ก็คงจะรอทำพร้อมกับของ ลพ.วิชัย

    หลวงน้าสายหยุด วัดสะแก นี่ท่านเป็นพระปฏิบัติที่ดีมาก
    สมัยหลวงปู่ดู่ท่านยังดำรงขันธ์อยู่ ถ้าใครมาขอขึ้นกรรมฐานโดยที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน
    ท่านจะให้ไปขึ้นกับหลวงน้าสายหยุดก่อน พอมีพื้นฐานแล้วจึงค่อยมาต่อกับท่าน
    ผมเคยไปนั่งสมาธิกับหลวงน้าที่วัดสะแก ท่านแจกพระสมเด็จของหลวงปู่ดู่ให้กำนั่งสมาธิ
    ปรากฏว่าท่านได้นั่งดูด้วยว่าสมาธิจิตของแต่ละคนไปถึงไหน
    มีพี่อยู่คนหนึ่งจิตดีกว่าเพื่อน ท่านก็ทักขึ้นมาในระหว่างนั่งสมาธิว่า
    "โยมเห็นพระท่านไหม ให้ตามพระท่านไป ท่านจะพาโยมไปชมวิมานของโยมเอง"
    ส่วนของผมท่านทักว่า พอใช้ได้ ต้องเพิ่มศรัทธาจริตไปให้มากกว่านี้อีกหน่อย
    เรื่องของหลวงน้าสายหยุดเอาไว้ให้เป็นหน้าที่ของคุณธรรมประทีปเล่าให้ฟังดีกว่า
    เพราะใกล้ชิดท่านมากกว่าผม
    อาจจะตั้งเป็นกระทู้ใหม่ของท่านโดยเฉพาะเลยดีกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2012
  10. trustfire

    trustfire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +155
    มาติดตามเรื่องเล่าจาก คุณหมอ ได้รู้ถึงเรื่องราวดีดีเกี่ยวกับพระเกจิ ที่คุณหมอมาเล่าให้ฟังได้รับรับสาระและความรู้เพิ่มขึ้นเยอะ

    คุณหมอนำเรื่องราวดีดีระหว่างที่นำแหวนไปปลุกเสก มาเล่าให้ฟังบ่อยๆนะครับ

    ขอบคุณครับ
     
  11. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    ก่อนจะออกจากวัดเขาแร่ หลวงพี่เอกท่านก็ไล่ให้พวกเราไปทานข้าวที่โรงทานของวัดกันก่อน
    ปกติพวกเรามักจะปฏิเสธ แต่เคยไปกราบลป.อินทร์ วัดกลางคลองสี่
    ท่านก็บอกแบบนี้ แล้วพอเราบอกว่าไม่เป็นไรเดี่ยวไปทานข้างนอกก็ได้
    ท่านก็เอ็ดตะโรเอาว่า
    " แหม...พวกมึง กูจะเอาบุญเอากุศลสักหน่อย พวกมึงมาขัดกูเสียได้ "
    ก็เลยต้องฉลองศรัทธาท่าน ต้องขอบอกว่าไข่เจียวที่วัดเขาแร่อร่อยมาก

    โปรแกรมต่อไปแต่เดิมตั้งใจว่าจะไปกราบ ลพ.ทุเรียน วัดศรีคีรีสุวรรณาราม ต่อ
    แต่ปรากฏว่ารถตู้เจ้ากรรมเกิดมาแอร์เสียซะนี่ เลยต้องไปเสียเวลาหาร้านซ่อมแอร์เสียเวลาไปเป็นชม.
    เลยตัดสินใจเปลี่ยนแผนไปนครสวรรค์เลย เพราะกะจะไปให้ทันกราบลป.ลี วัดป่าหัวตลุก
    แต่กว่าจะไปถึงตัวเมืองนครสวรรค์ก็ปาไป 5 โมงเย็นแล้ว ก็เลยจำเป็นต้องตัดโปรแกรมท่านออกไปอย่างน่าเสียดาย
    ก็เลยว่าเดี๋ยวกราบอีก 3 องค์ในตัวเมืองก็เดินทางกลับล่ะ

    ว่าแล้ววัดแรกที่ไปก็คือ
    พระครูนิภาสธรรมวัฒน์ (อุย อภิวัฑฒโน) วัดช่องคีรีศรีสิทธิวราราม
    แต่ไปถึงปรากฏว่าท่านปิดกุฏินั่งสมาธิอยู่ ไม่รู้ว่าท่านจะออกจากสมาธิเมื่อไร
    ก็เลยต้องเปลี่ยนแผนกันอีกรอบไปวัดสังฆมงคลแทน

    [​IMG]

    พระครูสุจิตตาภิวัฒน์ (เดช เตชจิตโต) วัดสังฆมงคล ต.หนองปลิง อ.เมือง จ.นครสวรรค์
    อายุ 73 ปี เป็นพระสายธรรมยุต ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
    เป็นศิษย์ของ ลป.ฝั้น อาจาโร และเป็นสหธรรมมิกรุ่นน้องของ พระอาจารย์เปลี่ยน วัดอรัญวิเวก และลพ.ประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่
    อีกทั้งท่านเคยอยู่กับ ลป.สิม วัดถ้ำผาปล่อง ลป.แว่น วัดถ้ำพระสบาย ลป.หลวง วัดป่าสำราญนิวาส


    [​IMG]
    ภาพที่ท่านไปนั่งปรกพุทธาภิเษกในพิธีหนึ่ง

    ลพ.เดช ท่านเป็นพระที่คุยเก่งและมีเมตตามาก
    ที่วัดท่านไม่มีวัตถุมงคลจำหน่าย มีแต่แจกฟรี
    แต่วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์มาก จนมีบรรจุอยู่ในรายการประกวดพระเครื่องของนครสวรรค์เลยทีเดียว

    ตอนแรกที่พบท่านผมก็ยังรู้สึกเฉยๆ กับท่าน
    เพราะเห็นท่านคุยเก่งผิดกับพระวัดป่าต่างๆ ที่เคยไปมาก่อน
    และการสนทนาดูท่าจะยาว เลยต้องแอบสะกิดเพื่อนให้รีบถวายสังฆทานท่าน
    เพื่อตัดบทการสนทนาก่อนที่จะยาวไปกว่านี้ เพราะเวลาตอนนั้นก็ 6 โมงเย็นแล้ว
    และก็คิดว่าเสร็จจากท่านยังพอจะมีเวลาไปกราบได้อีกองค์หนึ่ง
    คือ ลพ.อ้วน วัดหนองกระโดน



    [​IMG]

    พอถวายสังฆทานเสร็จก็กราบเรียนท่านให้ทราบถึงวัตถุประสงค์
    ท่านก็เมตตาทำให้อย่างเต็มที่ ถือได้ว่าเป็นการเสกที่ยาวนานมากตั้งแต่เคยนำพระไปเสกมา
    นานเกือบชม. จับเวลาได้ 50 นาทีเต็มพอดี
    แถมตอนนั้นฟ้าก็เริ่มมืดลงเรื่อยๆ แต่เวลาผ่านไปครึ่งชม.แล้วท่านก็ยังนั่งนิ่งไม่มีทีท่าจะออกจากสมาธิ
    สังเกตดูว่าท่านนั่งนิ่งมาก ท่านนั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนโดยหลังไม่พิงพนัก
    ซึ่งผมว่ามันลำบากกว่าการนั่งบนพื้นมากนักเพราะเก้าอี้มันแคบ ท่านจะต้องสอดเข่าลอดใต้ที่พิงแขนออกไป
    แถมถ้านั่งไม่ดีสับประหงกเมื่อไร มีสิทธิ์ตกเก้าอี้ได้ เพราะล้อมันเลื่อนได้
    แต่พอผมเห็นท่าทางการนั่งสมาธิของท่านแล้ว ก็รู้สึกว่าตนเองคิดผิด
    เพราะแค่ท่านเริ่มนั่งปรกเท่านั้นเอง เหมือนกับท่านเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
    จากที่เพิ่งคุยเก่ง กลายเป็นสงบสำรวมอย่างน่าประหลาด ดูมีตบะเดชะอำนาจ

    <O:p

    [​IMG]

    ตอนแรกก็คิดว่าท่านคงจะเสกให้แป๊บนึงหรือไม่อย่างมากก็ 15 นาที ตามแบบฉบับพระป่า
    แต่ที่ไหนได้ผ่านไป 30 นาที ท่านยังไม่มีทีท่าจะออกจากสมาธิ
    แถมตัวท่านก็นั่งนิ่งไม่มีโยกเคลง ไม่มีอาการคอตกให้เห็นเลย
    ที่น่าแปลกคือ ยุงชุมมากแต่ไม่มีตัวใดไปรบกวนท่านเลย
    พวกเราที่นั่งคอยเสียอีก ค่อยขยับลุกหนีกันไปทีละคน 2 คน เพราะรบกับยุงไม่ไหว
    ขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านมารอพบท่านคณะหนึ่ง
    ก็เลยต้องทนรอไปพร้อมกับพวกเราด้วย
    ช่วงเวลา 50 นาที ช่างเป็นการรอคอยที่ยาวนานมาก เพราะไม่รู้ท่านจะออกจากสมาธิเมื่อไร
    ตอนนั้นใจคิดไปว่าตายละหว่า ถ้าท่านเกิดนั่งปรก 2 ชม. นี่ทำไงล่ะเนี่ย
    โชคดีที่ท่านนั่งปรกให้แค่ 50 นาที

    พอท่านออกจากสมาธิผมก็ไม่พลาดโอกาส
    ได้กราบเรียนถามท่านว่า "หลวงพ่อนั่งปรกนานแบบนี้มีนิมิตอะไรพิเศษบ้างหรือเปล่า"
    ท่านก็บอกว่า หืม...ก็เห็นเอาไปเสกมาก่อนแล้วตั้ง 4-5 รูป
    แล้วท่านก็บอกต่อว่า ท่านชอบเมตตา ท่านก็เลยเสกเน้นทางเมตตาให้
    สรุปแล้วท่านเสกให้ตั้งแต่ 6 โมงกว่าๆ ไปจนถึงเกือบทุ่มครึ่ง
    เป็นอันว่าพวกเราไปไหนต่อไม่รอดแล้ว เพราะดึกมากแล้ว
    ก่อนกลับท่านก็แจกเหรียญของท่านพร้อมกับหนังสือธรรมะของลป.จันทา วัดเขาน้อย ให้กับพวกเรา

    ทริปนี้แม้จะได้แค่ 3 องค์ 3 วัด 3 จังหวัด แม้จะดูน้อยไปบ้าง
    แต่คุณภาพคับแก้วจริงๆ แต่ละองค์เสกให้อย่างเต็มที่ เต็มใจ และเต็มกำลัง
    สำหรับนครสวรรค์คงต้องกลับมาอีกหน ตามเก็บองค์อื่นๆ ที่เหลืออีกหลายองค์
    โดยเฉพาะ ลพ.ลี วัดป่าหัวตลุก และ ลป.เช้า วัดห้วยลำใย
    </O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2012
  12. nattachai

    nattachai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +462
    อาทิตย์นี้ล่ะครับ
     
  13. atha

    atha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    644
    ค่าพลัง:
    +2,664
    เข้ามาติดตามครับ.........
     
  14. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    และแล้วเสาร์ที่ 29 กันยายนที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นเสาร์ที่ 5 (แต่ไม่ใช่เสาร์ 5) ที่ได้นำแหวนไปประจุอิทธิพลังจิต
    เป้าหมายของสัปดาห์นี้อยู่ที่ครูบาอาจารย์สายแม่กลอง
    โดยได้ไปกันทั้งหมด 5 วัด แต่ได้รับการอธิษฐาน 3 วัด 3 จังหวัด
    ซึ่งถึงแม้จะน้อย แต่คุณภาพเต็มเปรี่ยมจนประทับใจพวกเราทุกคนที่ไปด้วยกันในครั้งนี้

    ครั้งนี้ก็ได้รับความอนุเคราะหจากคุณธรรมประทีปเป็นโชเฟอร์และตากล้องให้อีกเช่นเคย
    หลังจากที่คราวที่แล้วไม่ได้ไปทางเหนือด้วยกัน
    คราวนี้พวกเราไปด้วยกันทั้งหมด 5 คน
    เป้าหมายแรกไปที่นครปฐม ตั้งใจจะไปกราบ ลป.แผ้ว ปวโร วัดรางหมัน ที่กำแพงแสน
    ซึ่งโด่งดังเรื่องมหาอุดสุดยอดมาก
    เคยมีเพื่อนคนหนึ่งได้ยินกิติศัพท์เรื่องลองพระของท่านมาจนหนาหู
    อดรนทนไม่ได้เลยอยากขอลองประสบการณ์ดูกับตัวเองให้เห็นจะๆ สักครั้ง
    และแล้วขบวนการลองของก็เริ่มขึ้น

    วัตถุมงคลที่โดนลองของในครั้งนั้นมี 3 เกจิ คือ
    หมูของหลวงปู่องค์หนึ่งสายตะวันออกที่วัดสุทัศน์ฯ เชียร์สุดใจ
    หน้ากาลของเกจิเมืองกาญจน์ (ท่านดังหนุมาน)
    และ รูปหล่อห้อยคอ ของ ลป.แผ้ว ปวโร (ไม่บอกว่ารุ่นไหน ไม่งั้นเดี๋ยวพวกมือดีเอาบทความนี้ไปปั่นราคา)
    สถานที่ของเหล่ามือบอน คือ ป่าละเมาะที่ห่างไกลผู้คน
    การลองคือนำพระไปตั้งบนปี๊บที่คว่ำลง แล้วจ่อยิงในระยะประชิด
    ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะการลองของลป.แผ้วเพื่อประกอบเรื่องราวเท่านั้น

    นัดแรกเป็นการลองขึ้นฟ้าเพื่อพิสูจน์ปืนและกระสุนว่าทำงานได้ตามปกติ
    นัดที่สองเนื่องจากเป็นการลองยิงในระยะประชิดจึงเข้าเป้าอย่างจัง
    รูปหล่อท่านล้มลงไปนอนแอ้งแม้ง เล่นเอาเหล่าพวกอยากลองของกำลังใจตก
    แต่พอเข้าไปดูที่รูปหล่อท่านแล้ว ปรากฏว่าพระท่านไม่มีรอยบุบสลายจากกระสุนแต่อย่างใด
    แม้แต่ขี้เขม่าดินปืนก็ไม่ติดที่องค์พระเลย
    นัดที่ 3 จึงได้เริ่มขึ้น โดนที่องค์ท่านอย่างจังเช่นเคยจนพระกระเด็น
    แต่แปลกที่พระกลับกระเด็นย้อนสวนกลับเข้ามาหามือยิง มาโดนที่ขาก่อนจะหล่นหายไป
    นี่ยังดีที่เป็นพระท่านกระเด็นมา ถ้าเป็นลูกปืนวิ่งย้อนกลับมาโดนขาคนยิง จะมีสภาพไหนกัน
    และก็เป็นที่น่าแปลกอย่างหนึ่ง คือ ทุกคนเห็นกับตาว่าพระกระเด็นย้อนกลับมา แต่กลับหาพระท่านไม่เจอ
    คน 4-5 คน ช่วยกันหาๆ เท่าไรก็ไม่พบจนถอดใจ คิดว่าพระหายไม่ได้คืนแน่นอน
    ก็เลยช่วยกันเก็บข้าวของจะกลับ ปรากฏว่าพอยกปี๊บขึ้นเท่านั้น
    รูปหล่อของ ลป.แผ้ว ท่านกลับอันตรธานมาปรากฏอยู่ใต้ปิ๊บที่ครอบเอาไว้ได้อย่างไร
    แถมตั้งอยู่ในท่านั่ง ไม่ได้ล้มนอนลง และรูปหล่อนั้นยังหันหน้ามาทางกลุ่มพวกที่ลองด้วย
    เล่นเอาพวกที่ลองของทั้งหลายใจเสีย เพราะเห็นกับตากันทุกคนว่าพระท่านกระเด็นมาโดนขาคนยิง
    แต่กลับหากันไม่เจอ แล้วจู่ๆ พระท่านไปอยู่ใต้ปี๊บที่ครอบคว่ำเอาไว้ได้อย่างไร.
    จึงต้องจัดดอกไม้ธูปเทียนแพไปกราบขอขมาท่านที่วัด
    นั่นเป็นประสบการณ์ของพวกชอบลอง

    กลับมาเข้าเรื่องของพวกเรากันต่อ
    พวกเรานัดเจอกันแถวเมเจอร์รังสิต ราวๆ 7 โมงครึ่ง
    ระหว่างการเดินทางพวกเราก็เจอกับสภาพฝนเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรมาก
    ไปถึงวัดประมาณ 9 โมงครึ่ง สภาพวัดเปลี่ยนไปมาก มีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตเพิ่มขึ้นมากมาย
    พอเข้าไปดูตู้ให้เช่าบูชาวัตถุมงคลของทางวัด ก็ต้องได้แต่ดูจริงๆ
    เพราะราคาแพงมากๆๆๆๆๆ เหรียญแบบธรรมดาๆ ที่วัดอื่นเขาให้บูชากัน 100-300 แต่ที่วัดนี่ขั้นต่ำ 1000- ขึ้นไป
    แถมยังมีการปรับราคาตามท้องตลาดด้วย เรียกว่ามาคราวนี้ราคานี้ แต่มาวันอื่นอาจจะไม่ใช่ราคานี้แล้ว

    ไปกราบหลวงปู่แผ้วคราวนี้โชคไม่ดี พอดีท่านกำลังอาพาธ
    หมอสั่งห้ามเสกเป่าวัตถุมงคลทุกชนิด ก็เลยได้แต่ทำบุญถวายสังฆทานกับท่านเท่านั้น
    ต้องขอบอกว่าที่วัดนี้ค่อนข้างจะเป็นพุทธพาณิชย์หน่อย
    อะไรนิดอะไรหน่อยค่อนข้างจะเป็นเงินเป็นทองไปหมด
    แต่องค์หลวงปู่น่ะท่านไม่มีอะไร ท่านเมตตามากเสียด้วยซ้ำ
    แต่เหล่าบรรดาคนรอบๆ ข้างท่านนี่แหละ อาศัยท่านหาเงินหาทองเข้ากระเป๋าตนเอง
    วัดนี้ทศกัณฐ์เยอะมาก จนพรรคพวกที่ไปด้วยกันบางคนทนไม่ไหว กำลังใจตกไปเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2012
  15. chatrchai_chan

    chatrchai_chan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +557
    มาติดตามพี่anuchang เล่าด้วยคนครับ
     
  16. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    ยังดีที่ได้วัดที่่ 2 ช่วยกู้จิตที่ตกไปตั้งแต่วัดแรกให้กลับคืนมาได้
    ออกจากวัดลป.แผ้ว ก็ตั้งใจว่าจะไปกราบ ลป.ชุบ วัดวังกระแจะ ที่อ.ไทรโยค
    ท่านเป็นศิษย์สืบทอดวิชาสาย ลป.ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    จากฆราวาสจอมขมังเวทย์ อาจารย์รื่น นิลแนบแก้ว ผู้เป็นพระสหายกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
    พอดีมีพี่คนหนึ่งจากเมืองกาญจน์ตามมาสมทบกับพวกเราที่วัดลป.แผ้ว ก็เลยได้อาศัยแกนำทางให้


    แต่ปรากฏว่าเหมือนเทวดาดลใจ ขณะที่ผ่านวัดบ้านทวน ซึ่งเป็นวัดที่มีอดีตพระเกจิชื่อดัง รุ่นเดียวกับ ลป.ยิ้ม วัดหนองบัว
    คือ ลป.ม่วง วัดบ้านทวน เจ้าตำรับวิชาแหวนพิรอดไม่ไหม้ไฟ
    พี่เขาก็บอกว่ามีหลวงปู่องค์หนึ่ง รุ่นน้องเขาเป็นลูกศิษย์อยู่ศรัทธามาก
    ก็เลยแวะกันทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตัวท่านเลย
    เพราะพี่เมืองกาญจ์แกก็ไม่เคยมากราบท่านเหมือนกัน

    [​IMG]

    พระครูพิศาลวิริยกิจ (เสงี่ยม สุธัมโม) วัดบ้านทวน ต.พนมทวน อ.พนมทวน กาญจนบุรี
    ปัจจุบันอายุ 81 ปี ท่านเป็นศิษย์ของ พระปลัดซ้ง วัดดอนตาเพชร ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ของท่าน
    พระปลัดซ้ง ท่านเป็นศิษย์ของ พระครูสิงคีคุณธาดา (ม่วง จันทสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านทวน
    ลพ.เสงี่ยม ท่านได้เรียนวิชาทำแหวนพิรอดและวิชาอาคมต่างๆ จาก ลพ.ซ้ง วัดดอนตาเพชร ลพ.เสริม วัดรางหวาย และลพ.เพิ่ม วัดดอนงิ้ว
    และได้ศึกษาจากตำราไสยเวทย์เก่า ของ ลป.ม่วง ที่เป็นมรดกตกทอดอยู่ที่วัด
    ที่วัดของท่านจะมีรูปหล่อเหมือนหุ่นไฟเบอร์จำลองขนาดเท่าองค์จริงของลป.เสงี่ยม
    ซึ่งหุ่นรูปเหมือนของท่านได้แสดงอภินิหารพูดคุยกับลูกศิษย์คณะหนึ่งที่มาจากตจว.
    ทั้งๆ ที่ตัวท่านไม่ได้อยู่วัดแต่อย่างใด จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว
    ปกติท่านจะรับแขกช่วงเช้าจนถึงเที่ยง และหลังจากนั้นก็ช่วงเย็นอีกครั้งหนึ่ง


    [​IMG]

    พวกเราไปถึงก่อนเที่ยงเล็กน้อย ปรากฏว่าท่านกำลังพักอยู่พอดี
    เป็นที่น่าแปลกว่าในห้องท่านมีนาฬิกาฝาผนังตรงที่ท่านนอนอยู่เยอะมาก
    อีกทั้งในห้องก็เปิดทั้งแอร์และพัดลมตั้งโต๊ะอีก 4 ตัว ต่างเปิดหันมาหาท่านทั้งหมด
    สอบถามได้ความว่าท่านกำลังอาพาธอยู่ ครั่นเนื้อครั่นตัวเล็กน้อย พวกเราก็เลยไม่กล้าจะรบกวนท่านมากนัก
    กะว่าถวายของท่านเสร็จแล้วก็ไปหา ลป.ชุบ วัดวังกระแจะ ตามที่ตั้งใจ
    แต่ท่านกลับถามว่ามาธุระอะไร ก็เลยกราบเรียนท่านไปตามตรง
    ท่านก็เลยเมตตาว่าไม่เป็นไรเอามานี่เดี๋ยวทำให้
    ซึ่งต้องขอบอกว่าเป็นโชคดีของพวกเราจริงๆ ที่ท่านเมตตาทำให้
    ไม่งั้นพวกเราก็คงจะไม่ได้พบกับเหตุการณ์ที่น่าทึ่งและประจักษ์ในคุณธรรมระดับสูงของท่าน

    [​IMG]

    ก่อนเริ่มจะเสกแหวนท่านก็ลุกขึ้นมาครองผ้าเรียบร้อย
    พอท่านเริ่มประสานมือเข้าสมาธิ กายท่านก็สั่นเล็กน้อย และกล้ามเนื้อเส้นเอ็นทั่วร่างปูดโปนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    อาการดังกล่าวเป็นอยู่แค่ขณะจิตหนึ่ง ท่านก็ลืมตาจ้องเขม็งไปที่กองวัตถุมงคลทั้งหมด
    ประจวบกับนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงตรงพอดี
    โอววววว์....ช่างประจวบเหมาะอะไรเช่นนี้ แต่ที่น่าทึ่งก็คือ ท่านเสกแบบลืมตาให้
    ตลอดเวลา 15 นาที ที่ท่านนั่งนิ่งตาจ้องไปที่วัตถุมงคลทั้งหมดโดยไม่ขยับไหวติงร่างกายใดๆ เลย
    เหมือนเป็นการเข้าสมาธิแต่ไม่ได้หลับตาเท่านั้นเอง
    แม้แต่ลูกนัยน์ตาก็ไม่มีการกระพริบให้เห็น
    ที่น่าทึ่งกว่านั้น คือ ลูกนัยน์ตาท่านแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวสดใส
    ใสเหมือนนัยน์ตาเด็กทารก ที่ไร้ซึ่งอารมณ์ปรุงแต่ง ไร้ซึ่งจริตมารยา
    มีแต่แววตาที่บริสุทธิ์ แต่ทรงตบะอำนาจอย่างเหลือเชื่อ
    ขนาดพวกเรายังไม่กล้าจ้องประสานสายตากับท่านโดยตรงเลยทีเดียว
    เสียดายที่ในห้องพักของท่านค่อนข้างมืด จึงถ่ายรูปออกมาเห็นไม่ชัด

    [​IMG]

    เรื่องลูกนัยน์ตาเปลี่ยนสีได้นี่ผมเคยรับฟังจาก พี่สุธันย์ สุนทรเสวี นักสร้างพระน้ำดีท่านหนึ่ง เคยเล่าให้ฟังว่า
    สมัยที่ท่านนำเหรียญพระแก้วมรกตหมดห่วง รุ่นแรก ไปตระเวณเสกแบบนี้
    ท่านเคยพบพระอยู่ 2 รูป ที่เสกแล้วตาเปลี่ยนสีได้
    องค์แรก คือ ครูบาพรหมจักรสังวร วัดพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูน
    ตอนเสกท่านก็ลืมตาเสก แล้วดวงตาท่านก็กลายเป็นสีเขียว พอเสกเสร็จก็กลับมาเป็นสีดำแบบเดิม
    อีกองค์หนึ่งคือ ลพ.ชม วัดนางใน อ่างทอง
    องค์นี้ผมยังมีบุญได้ไปกราบพบท่าน รูปหล่อของท่านก็ปรากฏมีพระธาตุเสด็จมาเกาะเช่นเดียวกับพระของ ลป.ดู่ ลพ.สนิท
    ลพ.ชม นี่เวลาเสกดวงตาท่านจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสดใส
    อีกองค์ที่ผมทราบว่าท่านเสกแบบลืมตาก็คือ ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง ลำพูน

    หลังจาก ลป.เสงี่ยม ท่านลืมตาเสกให้นานถึง 15 นาทีแล้ว ท่านก็ยังนั่งปรกแบบหลับตาต่อให้อีก 5 นาที
    รวมระยะเวลาเสกทั้งสิ้น 20นาที ก่อนจะเป่าปราณทั้งหมดไปที่วัตถุมงคล
    ซึ่งผมสังเกตได้ว่า....แรงลมจากการเป่าของท่านดูไม่กินแรงอะไรมาก
    แต่กระแสลมที่ออกมาแรงผิดปกติจนรู้สึกได้เลยทีเดียว
    หลังจากนั้นท่านก็ยังกำหนดจิตมอบประสิทธิ์ให้ทุกกล่องไป
    เรียกได้ว่าเหมือนกับเป็นการเสก 3 หนในช่วงเวลาเดียวกัน

    พอท่านเสกเสร็จ ดูท่านอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด
    เหมือนลูกหนังที่ปล่อยลมออก ตามร่างท่านมีเหงื่อซึมออกมาเต็มไปหมด
    เหมือนคนเพิ่งไปออกกำลังกายมา
    ทั้งๆ ที่ในห้องท่านทั้งเปิดแอร์และพัดลมเป่ามาที่ท่านอีก 4 ตัวด้วยกัน

    พอท่านออกจากสมาธิแล้วจึงได้กราบเรียนถามท่านว่า
    การเสกแบบลืมตากับหลับตาต่างกันยังไง ทำไมหลวงปู่ถึงต้องเสกทั้งลืมตาและหลับตา
    ที่จริงท่านตอบมายาวมาก แต่เนื่องจากท่านพูดค่อยมากขนาดเงี่ยหูไปใกล้ๆ ท่านแล้ว
    ก็ยังพอจับใจความได้นิดหน่อยว่า

    การเสกแบบลืมตาท่านจะต้องปิดทวารทั้ง 9 และใช้กสิณเป็นที่ตั้งของอารมณ์
    หลังจากนั้นก็ฟังไม่ค่อยได้ยิน รู้แต่ว่าท่านบอกว่าเสกแบบลืมตาเสกยากกว่า
    ก่อนจะกลับท่านยังเมตตาเอารูปหล่อห้อยคอเนื้อเงิน รุ่นแรก ของท่านมาแจกพวกเราคนละองค์
    ก่อนแจกท่านก็เสกพระของท่านให้อีกรอบหนึ่ง ตอนแจกท่านก็กำหนดจิตประสิทธิ์ให้อีกรอบหนึ่ง
    รูปหล่อนี้ที่วัดท่านตั้งราคาไว้ที่หน้าตู้องค์ละ 999-
    แต่ท่านเมตตานำมาแจกพวกเราทุกคน

    ที่ตู้วัตถุมงคลของท่านมีวัตถุมงคลอยู่ไม่กี่อย่าง
    ส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุมงคลที่เป็นรูป ลป.ม่วง เสียทั้งสิ้น
    ที่เป็นของท่านก็มีแต่รูปหล่อห้อยคอกับเหรียญ แต่เหรียญรูปท่านนี่ที่วัดไม่มีเหลือเลย
    ได้ข่าวว่าพวกวัยรุ่นในท้องถิ่นมีประสบการณ์กันมากเลยมาเช่าบูชาจนหมดเกลี้ยง
    อ้อ...ที่วัดท่านยังมีพิรอดแขนถักด้วยเชือกไนล่อน ทำตามตำรา ลป.ม่วง ให้บุชาอยู่วงละ 199-
    ใครมีโอกาสก็แวะไปกราบทำบุญกับท่านได้ เพราะในยุคนี้จะหาพระที่ภูมิธรรมแบบท่านได้ยากเต็มที
    ไปทำบุญกับท่านก็ถือได้ว่าช่วยค่ารักษาพยาบาลท่าน เพราะท่านมีโรคประจำตัวต้องไปรับยาที่รพ.ศิริราช ทุกเดือน
    สำหรับผมแล้วท่านเป็นเป้าหมายที่ผมจะต้องหาโอกาสกลับไปทำบุญกับท่านอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3-U0.jpg
      3-U0.jpg
      ขนาดไฟล์:
      92.8 KB
      เปิดดู:
      3,293
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2012
  17. Ong

    Ong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +12,861
    ถ้าใครไม่รู้จักกันมาก่อนว่า พี่หมออนุภาพเป็นหมอศัลยฯ
    คงจะหลงเข้าใจว่าพี่แก ยังจบมาทาง เอกวิชาฯ ไสยฯ
    (รับปรึกษาเรื่องวัตถุมงคลและพระเกจิฯ) :z2

    ไม่ลองจับงานเขียนดูมั่งครับ ท่าทางพี่จะรุ่ง เลยนะเนี่ย
     
  18. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    มีเรื่องเล่าเพิ่มเติมเกี่ยวกับลป.เสงี่ยม อีกเรื่องหนึ่ง
    คือ ตอนถามท่านเรื่องการเสกพระแบบลืมตา ว่าท่านใช้กสิณอะไร
    ท่านกลับตอบกลับมาว่า 24,25 เล่นเอาพวกเรางงกันไป
    เพราะคำตอบคนละเรื่องกับคำถาม ก็ยังแซวๆ กันว่าหรือท่านให้หวยป่าว
    หรือว่าท่านได้ยินเราถามเรืองกสิณเป็นกฐินวันไหน
    ก็เลยสรุปกันเอาเองว่าท่านคงฟังผิด
    แต่ก็ยังอดหยอกกันเองไม่ได้ว่าถ้าออก 24, 25 นะรับรองมีฮาแน่

    ปรากฏว่ามีฮาจริงๆ เพราะงวดนี้ 2 ตัวบน 25 ตรงเผง
    แล้วก็ให้บังเอิญที่รูปหล่อเนื้อเงินที่ท่านแจกให้พวกเราปั๊มเลข 925 ไว้ด้วย
    (หมายถึง เนื้อเงิน 92.5 %)
    พวกเราไม่มีใครถูกกันสักคน
    นี่แหละหนาที่เขาว่าคนไม่มีโชค ต่อให้บอกตรงๆ ยังไงก็ไม่ได้ลาภ
    มีแต่พี่เมืองกาญจน์ที่แกซื้อถูกคนเดียว
    เลยได้เงินไปเป็นค่าซื้อวีลแชร์ช่วยน้องแมว " เปียกปูน"
    ที่กระดูกสันหลังหักจากการโดนหมากัดจนเป็นอัมพาตขาหลัง



    ความคืบหน้าล่าสุด
    คุณปิดทองหลังพระแจ้งมาว่า
    น้องเปียกปูนอาการดีขึ้นมาก วันนี้ (1 ต.ค.) ไปเยี่ยมก็เริ่มเข้ามาคลอเคลีย
    กินได้ปกติ แต่เวลาฉี่ต้องช่วย โดยการบีบที่กระเพาะเบาๆ 1 ครั้ง
    แต่แมวที่กระดูกหลังหัก เดินได้แต่ขาหน้าเท่านั้น
    ขาหลังใช้การไม่ได้ ต้องต่อ Wheel Chairให้แน่นอน

    ก็เหมือนกับคนกระดูกสันหลังหักเป็นอัมพาตครึ่งท่อนล่าง
    ถ้าเป็นคนก็ต้องใส่สายสวนปัสสาวะไว้ตลอด
    เพราะระบบประสาทที่จะมาสั่งงานยังกระเพาะปัสสาวะถูกตัดขาด
    แต่่แมวไม่จำเป็นต้องใส่สายสวนปัสสาวะแบบคนเรา
    แค่บีบท้องตรงบริเวณกระเพาะปัสสาวะเบาๆ ก็จะไหลออกมาเองได้
    และปกติแมวจะฉี่ไม่มาก แค่วันละครั้งเท่านั้นเอง

    ดังนั้นถ้าใครสนใจอยากจะรับไปอุปการะดูแลต่อก็ยินดียิ่ง
    ซึ่งจะส่งมอบให้พร้อมทั้งวีลแชร์
    เรื่องการดูแลก็แค่บีบกระเพาะปัสสาวะให้มันฉี่วันละครั้งเท่านั้น
    ส่วนเรื่องถ่ายหนักยังไม่เป็นปัญหา สามารถถ่ายเองได้อยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2012
  19. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    เสร็จจากลป.เสงี่ยม ดูเวลาแล้วคิดว่าถ้าจะไปหา ลป.ชุบ วัดวังกระแจะ
    ดูเวลาและระยะทางแล้วอาจจะทำให้ย้อนกลับมาสมุทรสงครามไม่ทัน
    ก็เลยเปลี่ยนใจว่าไปหาลพ.สุรศักดิ์ วัดประดู่ และ ลพ.ใจ วัดพระยาญาติ ดีกว่า
    ขากลับย้อนมาทางราชบุรี พอดีเจอป้ายบอกทางไปวัดชาวเหนือ
    ก็เลยคิดว่าจะแวะไปให้ ลพ.หวล ขนฺติสาโร วัดชาวเหนือ (วัดอุดรราษฎร์สัทธาราม) ท่านเสกให้เสียหน่อย
    เพราะท่านเป็นศิษย์ลพ.แก้ว วัดหัวนา เพชรบุรี
    ลป.บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรี และลพ.สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ชุมพร
    ปรากฏว่าพอไปถึงท่านมรณภาพไปตั้งแต่เดือนมีนาคมแล้ว
    เลยได้แต่กราบสรีระสังขารท่านที่อยู่ในโลงแก้ว ซึ่งไม่เน่าเปื่อยแต่อย่างใด
    วัตถุมงคลที่ขึ้นชือของท่านก็คือ เสือ ซึ่งสร้างทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน

    [​IMG]

    พระครูพิศาลจริยาภิรม (พระมหาสุรศักดิ์ อติสักโข) วัดประดู่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
    ท่านบวชตั้งแต่เป็นเณรกับ ลพ.สุด วัดกาหลง
    เรียนการเขียนอักขระขอมจาก หลวงตามี วัดประจันตาราม
    เรียนการสักยันต์หมูทองแดง จากพระอาจารย์รวม วัดประจันตาราม <O[​IMG]
    เรียนการทำ ตะกรุดมหาระงับปราบทาษา และตะกรุดลูกอมหัวใจโลกธาตุ จาก ลพ.หยอด วัดแก้วเจริญ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของ ลป.ใจ วัดเสด็จ
    <O[​IMG]เรียนวิชาการทำเบี้ยแก้สายวัดกลางบางแก้ว จาก ลป.เจือ ปิยสีโล
    เรียนการทำปลัด (ท่านเรียกว่า “ เจ้าทะเล ”) จาก อาจารย์เส่ง ซึ่งเป็นลูกศิษย์ ลพ.บุศย์ วัดพรหมวิหาร เพชรบุรี
    ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์ของ ลพ.โศก วัดปากคลองบางครก

    [​IMG]

    ไปถึงวัดท่านเกือบๆ 4 โมงเย็นแล้ว ปรากฏว่าท่านไม่อยู่วัด เลยเข้าไปบูชาวัตถุมงคลของท่านกัน
    ซึ่งพวกตะกรุดต่างๆ แทบไม่เหลือแล้ว ที่เห็นยังพอมีก็ตะกรุดลูกอมโลกธาตุ
    ตะกรุดหนังเสือ และตะกรุดมหาโภคทรัพย์
    และหลังออกพรรษานี้ท่านจะออกตะกรุดโสฬสมงคล ซึ่งกำลังเปิดจองอยู่ดอกละ 2,000-
    หลังจากเช่าบูชาวัตถุมงคลเสร็จก็เลยไปชมพิพิธภัณฑ์ของวัดกัน
    สักพักหนึ่งหลวงพ่อท่านก็กลับมาพอดี
    พอกราบเรียนท่านเรื่องแหวนท่านก็จำได้ว่าเคยจารแผ่นยันต์ให้มาทำแหวน
    คราวนี้ก็เลยขอใหม่เพื่อทำชนวนคราวหน้า ท่านก็จารมาเป็นยันต์นาคเกี้ยวให้อีก
    ซึ่งยันต์นาคเกี้ยวนี้เป็นยันต์ที่ครูบาอาจารย์สมัยก่อนท่านใช้ลงกระดาษสาสำหรับทำแหวนพิรอดโดยเฉพาะ
    ในตำราของอ.เทพ สาริกบุตร บอกว่า " ลงแล้วลองเผาไฟดูเถิด ถ้าไม่ไหม้ไฟถือว่าใช้ได้ อย่าว่าแต่ศึกมนุษย์เลย แม้ศึกเทวดาก็ไม่ต้องกลัว "

    [​IMG]

    ท่านชมแหวนแล้วก็บอกว่า " ขลังดี "
    แล้วท่านก็คุยเรื่องของลป.แจ้ง อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ให้ฟังว่า
    ลป.แจ้ง เป็นพระที่เก่งมาก และเป็นที่เคารพศรัทธาของ รัชกาลที่ 5 มาก
    อีกทั้งท่านยังเป็นอาจารย์องค์หนึ่งของ ลป.ยิ้ม วัดหนองบัว ด้วย
    โดยลป.ยิ้มได้มาขอเรียนการทำพวกเชือกขอด แหวนพิรอด และตะกรุดลูกอมโลกธาตุ จากลป.แจ้งไป
    ท่านเล่าว่า สมัยก่อนเวลาลป.ยิ้มจะไปเรียนวิชากับใคร ท่านจะบันดาลให้ฝนตก
    ถ้าองค์ไหนฝนตกแล้วไม่เปียกท่านจึงจะขอเรียนวิชาด้วย
    พอมาเจอลป.แจ้งแทนที่ลป.แจ้งจะเปียกกลายเป็นลป.ยิ้มเปียกฝนเสียเอง


    พอหมดยุคลป.แจ้ง ก็ไม่มีคนสืบทอดวิชาจากท่าน
    ยังดีที่ได้ ลป.ใจ วัดเสด็จ ไปขอเรียนวิชาเหล่านี้จาก ลป.ยิ้ม กลับมา ทำให้วิชานี้ไม่ขาดหายไป
    พอดีมีเพื่อนถามท่านว่าตะกรุดลุกอมโลกธาตุของท่านนี่ใช้ห้อยคอหรือคาดเอวดี
    ท่านบอกว่าให้ใช้ห้อยคอ
    ก็เลยเรียนถามท่านว่าแล้วตะกรุดลูกอมโลกธาตุนี่ กลืนไปแล้วออกมาได้เองจริงไหม
    ท่านก็ไม่ตอบกลับเลี่ยงไปยกตัวอย่างของ ลป.ใจ มาแทนว่า
    ของลป.ใจนี่ เคยมีคนเก่าแก่แถวบ้านนี่แหละ เอาตะกรุดลูกอมท่านไปอมเล่น
    แล้วเผลอหลุดลงคอไป คราวนี้แกก็เสียดายไม่กล้าถ่ายในโถส้วม
    แกก็ไปถ่ายในป่าแล้วก็เอาไม้เขี่ยหาดูก็ไม่เจอ ทำแบบนี้อยู่ 3 ครั้งได้
    ด้วยความเสียดายก็เลยไปกราบเรียนถามลป.ใจ ท่านก็บอกว่าตะกรุดท่านไม่ออกที่ต่ำ
    ท่านก็ให้จัดพานธูปเทียนบูชา ปรากฏว่าอยู่ดีก็มีความรู้สึกเหมือนจะสะอึก แล้วลูกอมก็ออกมาทางปาก

    [​IMG]

    พวกเรารอจนท่านรับแขกหมดแล้ว ท่านจึงได้อธิษฐานจิตให้
    โดยได้กราบเรียนท่านว่า ขอให้ท่านลงวิชาโลกธาตุ มหาปราบ และมหาระงับให้ด้วย
    ท่านก็อมยิ้มตามสไตล์ท่านที่เป็นพระไม่มักโกรธ
    แล้วท่านก็อธิษฐานจิตให้นาน 20 นาที
    กว่าจะออกจากวัดท่านก็ 6 โมงกว่าๆ แล้ว
    <O[​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2012
  20. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    วัดสุดท้ายที่พวกเราไปกันในวันนั้นก็คือ วัดพระยาญาติ
    ซึ่งพวกเราก้ไม่แน่ใจว่าท่านจะรับแขกหรือไม่ เพราะกว่าจะออกจากวัดประดู่ก็ 6โมงกว่าแล้ว

    คะเนว่าน่าจะไปถึงวัดท่านก็น่าจะทุ่มครึ่งได้ ก็เลยเสี่ยงดวงไป
    โชคดีที่พวกเราไปถึงมคณะหนึ่งกำลังจะกลับพอดี
    พวกเราก็เลยเป็นคณะสุดท้ายที่ได้เข้าพบท่าน

    [​IMG]

    พระอธิการใจ ฐิตาจาโร วัดพระยาญาติ ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
    อายุ 65 ปี ท่านเป็นศิษย์เอกของ ลพ.เนื่อง วัดจุฬามณี ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ของท่าน
    ได้รับการถ่ายทอดการลงตะกรุดมหาปราบ มหารูด มหาระงับ ตรีนิสิงเห ยันต์โสฬส ยันต์วิรุฬจำบัง
    ยันต์พัดโบก ทำน้ำมนต์ใบมะนาว การลงเจ็ดเสาร์ เจ็ดอังคาร รวมถึงทำน้ำมนต์ เพื่อไล่สิ่งที่เป็นอัปมงคล ฯลฯ
    แล้วยังได้รับการถ่ายทอดวิชาสาย ลพ.คง วัดบางกะพ้อม เพิ่มเติมจากโยมพ่อใบ คำอึก ซึ่งเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกับลพ.เนื่อง
    โยมพ่อใบ คำอึก นี้มีวิชาแก่กล้ามากขนาดแค่จับเถาวัลย์เท่านั้น เถาวัลย์ยังเลื้อยขึ้นมือเอง
    ได้เรียนการกวนสีผึ้งเพื่อเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม, การจับปลายเถาวัลย์, การล้างอาถรรพ์, การแก้คุณไสย, การทำน้ำมนต์เดือด<O[​IMG]</O[​IMG]
    เรียน การดำน้ำลงตะกรุด จาก ลพ.หนู วัดภุมรินทร์ ซึ่งวิชานี้ปีหนึ่งจะทำได้แค่ครั้งเดียว คือ วันเพ็ญ เดือน 12 เท่านั้น<O[​IMG]</O[​IMG]
    เรียนยันต์ครูจาก ลพ.ปึก วัดสวนหลวง ซึ่งลพ.ปึก นี้สามารถตบยันต์ทะลุกระดาษทุกแผ่นได้เลยทีเดียว<O[​IMG]</O[​IMG]
    เรียนวิธีหุงสีผึ้ง, ทำตะกรุดลูกอม, ทำน้ำมนต์ตลิ่งพัง ตามตำรา ลป.ใจ วัดเสด็จ จาก ลป.หยอด วัดแก้วเจริญ
    และเรียนวิธีการทำพระปิดตาที่มีเมตตาสูงส่งตามตำราของ ลป.ยิ้ม วัดหนองบัว<O[​IMG]</O[​IMG]
    เรียนทำตะกรุด กับ ลพ.น้อย วัดปากคลอง เพชรบุรี <O[​IMG]</O[​IMG]
    เรียนวิชาต่างๆ จาก ลพ.เก๋ วัดแม่น้ำ และ ลพ.ง้อ วัดดาวดึงส์ ซึ่งท่านเป็นศิษย์ ลพ.คง รูปสุดท้าย
    ท่านได้ช่วยทบทวนสรรพวิชาต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมารวมถึงการฝึกจิต การปลุกเสกของให้เข็มขลังยิ่งขึ้น
    ซึ่งท่านก็ทำได้ขลังจริงทุกวิชาที่เรียนมา

    [​IMG]

    เมื่อกราบเรียนท่านถึงวัตถุประสงค์แล้ว
    ท่านก็เมตตาให้พวกเรานำวัตถุมงคลทั้งหมดไปตั้งที่หน้าโต๊ะหมู่บูชาพระของท่าน
    ซึ่งตามปกติที่เคยมากราบท่าน ท่านมักจะทำให้เลยที่โต๊ะที่ท่านนั่งรับแขกอยู่
    แต่คราวนี้ท่านจัดเต็มให้ชุดใหญ่แบบพิธีพุทธาภิเษกเลยทีเดียว
    มีทั้งโยงสายสิญจน์ จุดเทียนชัย เทียนทำน้ำมนต์
    และท่านก็นั่งปรกให้นาน 1 ชม.เต็ม เรียกว่าทำลายสถิติทุกรูปที่เคยไปเสกมา
    เรียกได้ว่าเสกจนเทียนทำน้ำมนต์หมดเล่มเลยทีเดียว
    คราวก่อน ลพ.เดช วัดสังฆมงคล ท่านเสกให้ 50 นาทีก็ถือว่านานมากแล้ว แต่มาคราวนี้นานกว่าอีก
    ทั้งๆ ที่คนที่ดูแลท่านอยู่บอกว่าวันนี้มีคนมาหาท่านเยอะมาก ท่านรับแขกมาแล้วทั้งวันยังไมได้พักเลยด้วยซ้ำไป
    ตอนแรกคนที่ดูแลท่านอยู่ทัดทานว่าจะไม่ให้ท่านเสกให้เพราะจะกินเวลานาน
    แต่ท่านก็เมตตามาก แถมยังทำให้อย่างเต็มที่อีกต่างหาก
    แถมพอเสกเสร็จท่านยังไปหยิบเอากำดอกไม้ที่คนเขาเอามาถวายท่านมาฉีกโปรยสมโภชให้อีก

    [​IMG]

    เรียกได้ว่าทริปคราวนี้แม้จะได้แค่ 3 วัด แต่ก็ทำเอาพวกเราอิ่มเอมใจกันทุกคน
    และท่านยังเมตตาจารแผ่นยันต์เป็นชนวนให้อีก 3 แผ่นด้วยกัน<!-- google_ad_section_end -->


    <O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...