รวมคำทำนายเรื่องภัยพิบัติ ปี 2555-2560 โดยพระอริยะสงฆ์ของไทย

ถ้าท่านไหนจะมาขึ้นกรรมฐานแบบที่ผมแนะนำ ก็ขอให้แต่งชุดขาวมาครับ รวมทั้งผู้ที่จะมาร่วมงานสมโภชน์องค์พระตถาคตก็ขอให้เป็นชุดขาวด้วยครับ ผมจะทำพิธีขึ้นกรรมฐานให้หลังจากปฏิบัติธรรมเสร็จ ในคืนวันที่ 15 และ 16 พ.ค. ครับ

ให้เตรียมเทียนขี้ผึ้งแท้ 10 เล่ม ธูป 10 ดอก ดอกบัว 10 ดอก และ หมากพลู 5 คำ มีแค่นี้แหละครับ ถ้าเตรียมพานที่ใส่เครื่องขันธ์มาด้วยก็ดีครับ เพราะในช่วงบุญวิสาขบูชานั้น ต้องใช้พานทำบายศรีน้อย-ใหญ่ และพานที่ต้องใส่เครื่องขันธ์ห้า ขันธ์แปด สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นจำนวนมาก ถ้านำพานของตัวเองมาก็จะสะดวกครับ

สำหรับชุดเครื่องขันธ์ที่แต่ละคนทำมา เมื่อทำเสร็จแล้วก็นำเครื่องขันธ์กลับไปบูชาที่บ้านครับ ถือว่าเป็นเครื่องครูกรรมฐานของตนเอง ผู้ที่มารับเครื่องขันธ์อันนั้นให้ก็คือครูบาอาจารย์ทางจิตวิญญาณของผู้ที่ขึ้นกรรมฐานนั่นเอง ที่ต้องใช้วิธีนี้เพราะคนจำนวนมากเกิดไม่ทันยุคของครูบาอาจารย์ บางทีเรามาเกิดท่านก็ละขันธ์ซะแล้ว หรือครูบาอาจารย์บางพระองค์ นานๆหลายร้อยปีท่านจึงจะจุติลงมาบนโลกมนุษย์สักครั้งนึง จึงไม่สามารถพบเจอท่านได้ในปัจจุบัน หากเราปฏิบัติไปถึงท่านได้หรือทำเครื่องขันธ์รับสื่อญาณของท่านแล้ว เราก็จะสื่อถึงและศึกษากรรมฐานกับท่านได้โดยง่าย อันนี้เป็นวิธีการแบบโบราณ ครับ

เท่าที่ผมสังเกตดู พบว่าผู้ที่ปรารถนามาสร้างบารมี จะรับกรรมฐานแบบนี้ได้เร็วมาก เท่าที่ผ่านมาผู้ที่รับขันธ์แล้วหากตั้งใจปฏิบัติภายใน 1 เดือนก็จะสามารถเข้าถึงครูบาอาจารย์ของตนเองได้แล้ว เร็วสุดเท่าที่ประสบมาก็คือ 3 วัน ความเร็ว-ช้า ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางคนญาณครูบาอาจารย์เขามาจ่อรออยู่แล้ว พอขึ้นกรรมฐานเสร็จก็จะเข้าถึงครูบาอาจารย์ได้เลยครับ สิ่งสำคัญก็คือให้หมั่นภาวนาอย่างสม่ำเสมอ จะได้ผลเร็วเกินคาดครับ

การปฏิบัติกรรมฐานถือว่าเป็นการเตรียมตัวเพื่อรับมือกับภัยพิบัติต่างๆโดยตรงครับ

กำหนดการ(ร่าง)


งานบุญวิสาขบูชา ประจำปี ๒๕๕๔<O</O


วันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๔<O</O​

เวลา ๑๗.๓๐ น. ทำวัตรเย็น, กล่าวคำขอบวช, สมาทานศีล ๘<O</O
เวลา ๑๘.๓๐ น. จุดเทียนชัย พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์<O</O
เวลา ๑๙.๓๐ น. อุบาสก อุบาสิกา สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม<O</O

วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔<O</O​

เวลา ๐๘.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเช้า<O</O
เวลา ๐๙.๐๐ น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์<O</O
เวลา ๑๘.๓๐ น. จุดเทียนชัย พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์<O</O
เวลา ๑๙.๓๐ น. อุบาสก อุบาสิกา สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม<O</O

วันอังคารที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔<O</O​

เวลา ๐๕.๐๐ น. พิธีบวงสรวงเทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์<O</O
เวลา ๐๘.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเช้า<O</O
เวลา ๐๙.๐๐ น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์<O</O
เวลา ๑๐.๓๐ น. ถวายพระพุทธรูปทรงเครื่อง<O</O
เวลา ๑๑.๐๐ น. พิธีอธิษฐานปล่อยสัตว์<O</O
เวลา ๑๘.๓๐ น. พิธีเวียนเทียน รอบองค์พระพุทธเจ้าห้าพระองค์<O</O
เวลา ๑๙.๐๐ น. จุดเทียนชัย พระสงฆ์สวดพระธรรมจักร สมโภชน์<O</O
พระบรมสารีริกธาตุและสมโภชน์พระอินทราเทวราช<O</O
เวลา ๒๑.๐๐ น. อุบาสก อุบาสิกา สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม จนถึงเช้า<O</O

 

ขอบคุณมากครับ งานสมโภชน์องค์พระตถาคต จัดที่พุทธสถานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ น่าสนใจมากครับ เพราะยังไ่ม่เคยได้มีโอกาศร่วมบุญแบบนี้เลย

ขอน้อมอนุโมทนาบุญในมหากุศล และทุกความดีในสิ่งที่ คุณ Aunyasit ได้กระทำไว้ดีชอบแล้วทุกประการทั้งปวง ทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต

ที่จริงแล้วก็สนใจที่ไปจะร่วมงานนะครับ แต่ติดที่่ว่าหยุดงานวันที่ วันอังคารที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔ แค่วันเดียว ย้ังไม่แน่ใจเลยเดี่ยวขอดูความสะดวกอีกที

รบกวนถาม ว่าคุณ Aunyasit เคยรู้จัก พระอาจารย์พรหมพิทักษ์หรืออาจารย์ภูมิพิทักษ์ จำชื่อท่านไม่ค่อยได้ พอเคยได้ยินใหม อายุท่านราวๆกลางๆคนยังหนุ่มอยู่เลย ท่านอยู่แถวทางภาคอีสาน

ท่านอาจารย์ท่านนี้บังเอิญผมได้เคยมีโอกาศร่วมสร้างองค์ พระแก้วมรกตเพื่อป้องกันภัยพิบัติ องค์ใหญ่ขนาดหน้าตักประมาณ 15-20 เมตร ที่วัดแก้วเกาะลอย (หลวงปู่บุญมีเป็นเจ้าอาวาส) จ.สระบุรี ผมมองว่าท่านอาจารย์คงไม่ธรรมดาเพราะลักษณะท่านแปลกมากๆ เหมือนท่านไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าท่านมาจากใหน อะไร ยังไง ท่านสามารถสร้างพระแก้วมรกตได้โดย ที่ไม่ต้องมีแบบ สร้างเพียงประมาณ 15 วันก็เสร็จ แปลกมาในความคิดของผมเอง ท่านเป็นคนคุมงานเองหมดเลย สร้างเสร็จก็สมโภชน์ในวันนั้นและมีการบวชพระ ห่มขาว พระบวชพราห์ม ซึ่งผมเองก็ได้ร่วมสร้าง และร่วมบวชเป็นพระภิกษุ วันนั้นมีคนบวชพระประมาณ 79 รูปโดยมิได้นัดหมาย นะครับ และก็ได้ร่วมฉลองสมโภชน์ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาองค์หลวงพ่อพระแก้วมรกตด้วย พอสร้างเสร็จก็ไม่เคยได้ืทราบข่าวจากท่านเลยว่าอยู่ใหน







จากภาพด้านซ้ายขององค์พระ คือหลวงปู่โลกเทพอุดร ด้านขวาขององค์พระคือพระศรีอริยเมตไตรย

จะว่ากันไปแล้ว การจะสร้างพระขนาดใหญ่แบบนี้ก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร ใช้ทุนพอสมควร ใช่ช่างพอสมควร แต่ทีสังเกตุคือใช้ว่าประมาณ 2-3 อาทิตย์ คนทีสร้างก็จากทหารบ้าง จากญาติโยม ที่ศรัทธาบ้าง ไม่รู้ว่าทราบข่าวมาจากใหน สร้างกันทั้งวันทั้งคืน และรายละเอียดต่างๆของพระที่ท่านเห็นนั้น ไม่มีการใช้เครื่องมือในการวัดตำแหน่งต่างๆเลยเท่าที่สังเกตุ และการออกแบบ ท่านคุมงานออกแบบเอง ดูแลทั้งหมดและเป็นคนติดฐานบัวรวมทั้งรายละเอียดเองต่างๆเอง ด้วยโดยไม่ต้องใช้เชือก ใช้อะไรวัดให้เสียเวลา และประมาณระยะเองและได้พอดีเลย ที่น่าสังเกตุอย่างคือ ช่วงการสร้างจะีมีคนแก่ หญิงชาย แต่งชุดขาวมานั้งคอยดูการสร้างตลอดจนกว่าจะเสร็จ และ วันสุดท้ายของการสร้างเสร็จและจะมีการฉลองสมโภชน์พระ ก็คิดว่าปูนจะแห้งทันหรือเปล่าแต่นึกไม่ถึงว่าแห้งเร็วมาก ช่วงการสมโภชน์พระนี้ไ่ม่ทราบว่ามีคนมาจากที่ใหนบ้าง ช่วงการทำพิธีสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก ก็จะมีกลุ่มคนใส่ชุดขาวจากใหนไม่ทราบ สวดมนต์ดังมาก เร็วมาก คิดแล้วก็น่าทึ่งและเป็นประสบการณ์อีกแบบหนึ่ง ที่เคยพบเห็น (เล่าสู่กันฟัง)
ที่มาของภาพ:http://palungjit.org/threads/%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%86-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1-54-a.265845/page-16

แต่ถ้าไม่ทราบไม่เป็นไรครับ เพียงแค่ต้องการทราบว่าท่านอยู่ที่ใหนเป็นอย่างไรบ้าง

และก็อีกเรื่องนะครับ คุณ Aunyasitจะมีโอกาศได้ขึ้นมากทม อีกเมื่อใหร่ หากผมไ่ม่ได้ลงไปร่วมงาน หากสะดวกจะได้ขอโอกาศนี้ได้สนทนาเรืองจิปาถะทั่วไป ถ้าขึ้นมาแจ้งด้วยนะครับ

 

คุณ tanakorn_ss

ผมไม่รู้จักพระอาจารย์พรหมพิทักษ์ครับ แต่ดูรูปแบบและลักษณะของสิ่งที่ท่านสร้าง คงจะเป็นพระสายปู่ใหญ่เทพโลกอุดร ท่านคงสร้างตามเทวบัญชาในนิมิตแหละครับ ส่วนใหญ่สร้างเสร็จท่านก็จากไปจะไม่อยู่เฝ้าในศาสนสถานที่ท่านสร้าง

ผู้ที่สร้างพระแก้วมรกตเป็นสัญญลักษณ์ตามเทวบัญชานั้นมักจะเป็นเทพกลุ่มเดียวกันที่มีหน้าที่ลงมาทำนุบำรุงพระศาสนา ก็แบ่งหน้าที่กันทำ ในที่สุดก็จะมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว ครับ

เรื่องการสนทนากันเป็นการส่วนตัว ขอเป็นหลังจากเสร็จงานบุญมาฆบูชาครับ

 

มีบางท่านถามผมมาเรื่องของพระตถาคต ว่าเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ไหน พระตถาคตที่ผมกล่าวถึง คือองค์พระพุทธเจ้าสมณโคดม ครับ ผมก็เพิ่งจะสัมผัสสื่อสารกับพระองค์ท่านได้ไม่กี่เดือนมานี้เอง อันเนื่องมาจากบารมีสัมพันธ์(มีหน้าที่และบารมีรองรับ)และมีหน้าที่ในพุทธศาสนา แต่ถ้าเป็นเรื่องการสัมผัสกระแสบุญญาบารมีของพระพุทธองค์ หลายๆพระองค์นั้น ก็สัมผัสได้มานานหลายปีแล้วแต่ยังสื่อสารพูดคุยไม่ได้ แต่ก่อนนี้จะสื่อสารพูดคุยกับพระศรีฯได้ก่อนพระโคดม ก่อนหลายเดือน ส่วนใหญ่ท่านจะลงมาสอนพวกเทพที่จุติลงมาทำหน้าที่ ให้ระลึกถึงทำหน้าที่ของตนเอง เพราะเทพบางองค์ลงมาก็ยังหลงอยู่

สำหรับพระตถาคตแล้ว สิ่งที่ท่านตรัสออกมานั้นล้วนแต่เป็นธรรมชั้นสูงล้วนๆ ไม่มีเรื่องของโลกเจอปน แต่ก็ยังมีมหาเมตตาอยู่เสมอ และก็ได้รับทราบว่าพระตถาคตท่านก็ยังดูแลรักษาพระพุทธศาสนาของพระองค์ท่านอยู่ จนครบ 5000 ปี โดยมีพระศรีอริยเมตตรัยและพระอรหันต์พระองค์ต่างๆท่านคอยทำหน้าที่อยู่เร้นลับ พระสงฆ์บางรูปไปปฏิบัติในป่าไปพบเจอพระอรหันต์ท่านอธิษฐานกายหยาบมาสอน บางครั้งที่พระสงฆ์ท่านพบคือพระมหากัสสปะ ท่านเป็นกำลังหลักในการสืบทอดคำสอน ผมคาดว่าอีกไม่นานคงจะได้เททองหล่อรูปเหมือนของพระมหากัสสปะ ให้ผู้ศรัทธาได้สักการะแต่ต้องอธิษฐานให้ท่านแสดงภาพองค์จริงของท่านให้ดูก่อน

หากผมต้องการอัญเชิญองค์พระตถาคตมา ท่านให้ผมนำเครื่องสัญญลักษณ์ของท่านมาอธิษฐานแล้วท่านก็จะเสด็จมาสื่อสารด้วย ญาณบารมีพระพุทธองค์ท่านละเอียดอ่อนเบาสบายมากๆครับ แต่จะทำเท่าที่จำเป็นเนื่องจากกลัวคนที่เขาไม่รู้จะบาปหากเขาปรามาส แต่ถ้าเป็นกาลที่พระพุทธองค์ท่านจะเสด็จมาบอกกล่าวให้ทำอะไรเกี่ยวกับพุทธศาสนา พระองค์ท่านก็จะส่งกระแสบอกมาทางจิตแล้วผมก็จะไปนำเอาเครื่องสัญลักษณ์มา ก็จะสื่อสารกับพระองค์ท่านได้สะดวก

ก็เข้าใจว่าการที่จะสื่อสารกับพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ ก็สามารถใช้วิธีเดียวกันได้แต่ผมยังไม่เคยลองดู เพราะเข้าใจว่าเมื่อถึงเวลาท่านก็จะส่งกระแสมาสื่อสารเองแบบพระตถาคต ไม่ต้องไปแสวงหาหรือท่องคาถาร้องขอ ให้เป็นไปตามวาระของการสร้างบุญบารมี หากมีบุญบารมีสัมพันธ์กันมาก็คงจะมีพระเมตตามาชี้แนะ ครับ

อย่างน้อยก็สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง ว่าพระพุทธองค์ทุกๆพระองค์นั้นมีอยู่จริงและพระนิพพานนี้ไมใช่ดับสูญ คนอื่นบอกก็ไม่เหมือนกับที่เราสัมผัสได้ด้วยตนเอง การสร้างบารมีนั้นหากพระพุทธองค์รับรองก็ถือว่าเดินมาถูกทางครับ

 

ก่อนอื่นขออนุญาติท่านเจ้าของกระทู้ในการสนทนาผ่านกระทู้ของท่าน


ใช่ครับคุณ Aunyasit เป็นพระสายปู่ใหญ่เทพโลกอุดรครับ ตอบได้ถูกต้องหมดเลย นับถือครับ ตามที่ผมพอได้ิยินมาบ้าง และตามความเข้าใจผม การที่สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ไม่ใช่ว่าใครจะสร้างง่ายๆเลย เพราะเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ผู้ที่จะสร้างได้ต้องมีเหตุตามที่ได้กล่าวมาแล้ว และท่านผู้นั้นต้องมีบุญบารมีและมีกำลังฤทธิ์มากและมีเทวดามาร่วมสร้างด้วยครับ

ส่วนหลวงปู่โลกเทพอุดรนี้ผมเองก็เคยฝันเห็นท่านนะครับ ในความฝันนั้นดีใจมากที่รู้ว่าเป็นท่าน ก็เดินไปกับท่านถามท่านให้ท่านแนะนำการปฏิบัติ ท่านก็พาเดินไปที่หนึ่ง ท่านก็ชี้นิ้วไปที่แห่งหนึ่ง มองไปก็เป็นทุ่งป่าครับ จากนั้นท่านก็หายไปยังไม่ได้ถามอะไรต่อเลย ก็เลยยังติดอยู่ในความสงสัยบ้างอยู่ว่าหมายถึงอะไร
ก่อนจะฝันเห็นท่านคือผมได้ไปร่วมงานหล่อพระรูปเหมือนท่านมาก่อน

ส่วนมากผมนี้มักจะฝันเห็นครูบาอาจารย์บ่อยๆนะครับ ไม่ทราบว่าเพราะอะไร
ไว้โอกาศหน้าผมจะมาเล่าฝันต่างๆให้ทราบครับ บางทีผมก็เล่าบอกใครไม่ได้้เกรงเขาว่าเราเป็นคนบ้าฝัน

ขอบคุณ คุณAunyasit มากนะครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ร่วม สร้าง สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๒๐ เมตร ใหญ่ที่สุดในสระบุรีเพื่อสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาคงถ้วน ๕,๐๐๐ ปีน้อมถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดชมหาราช
คลิก http://palungjit.org/threads/%E0%...79471.152/

พลาดไม่ได้! มหาบุญ มหาบารมี 21 พฤษภาคม 2554 ขอเชิญร่วมบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐม ขนาด๖๙นิ้ว ปิดทองแท้๑๐๐%

http://palungjit.org/threads/แจกฟรี...ไม่จำกัดจำนวน-แจกถึงเดือนสิงหาคม-54-a.265845/

 

บางครั้งธรรมะก็เข้ามาทางนิมิตตอนหลับ(ไม่มีสติ) ต้องใช้ปัญญาในการพิจารณาครับ นานๆไปก็จะพัฒนาขึ้นเป็นสิ่งที่สามารถนั่งหลับตารู้ได้ จากนั้นก็จะสามารถลืมตารู้และก็สามารถที่จะกำหนดรู้ ครับ

วันก่อน ก็คิดๆว่าเออหนอเราเองก็ปฏิบัติมาถึงพระตถาคตสมณโคดม พระศรีฯ พระมหากัสสปะ(หัวหน้าพระอรหันต์)และเทพพรหม องค์ต่างๆแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว พระพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆก็ผ่านไปนานมากแล้ว เราก็คงไม่ต้องระลึกถึง ตอนเช้าก่อนจะตื่นนอนก็มีกระแสธรรมจากพระตถาคตว่า ลูกต้องรองรับบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ก็ได้แต่ งงไปพักนึง พอตกกลางคืนก็ถามหลวงปู่ทวด ท่านบอกว่าปัจจุบันก็รองรับบารมีของทุกพระองค์อยู่แล้ว ก็เข้าใจว่าเมื่อเข้าถึงก็คือถึงพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

สำหรับท่านที่รอคอยการมาของภัยพิบัติ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯนั้น ตามความรู้สึกจากสิ่งที่ผมสัมผัส เข้าใจว่ากรุงเทพฯไม่โดนภัยพิบัติง่ายๆอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน ผมพบเจอมหาบารมีของหลายๆพระองค์ รวมทั้งพระบารมีของพระตถาคตที่เชื่อมโยงอยู่กับวัดพระแก้วแล้ว ก็บอกได้ว่าเรามองข้ามพระแก้วมรกตไม่ได้เลย เท่าที่ศึกษาดูแล้วการเสด็จของพระแก้วมรกตมักเกิดจากภัยจากความขัดแย้งของมนุษย์ แต่เมื่อถึงเวลาท่านก็จะเสด็จ แต่ยังไม่ใช่เดือนนี้หรือเดือนหน้า กาลเวลาที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะถอนออกจากกรุงเทพฯนั้น จะเกิดปรากฏการณ์ที่ประเทศหลายๆประเทศในโลกจะหายนะไปก่อนแล้ว จึงจะมาถึงคิวกรุงเทพฯ เราได้ผู้ปกครองที่ได้อภิญญาใหญ่ ท่านย่อมรู้เรื่องเหล่านี้อย่างละเอียดยิบ ทำให้ผมรู้สึกว่ากรุงเทพฯในวาระนี้ยังปลอดภัยกว่าหลายที่ในประเทศไทย เพราะกรุงเทพฯยังมีของวิเศษที่อยู่เร้นลับอยู่ โดยเฉพาะญาณบารมีของพระตถาคต ที่อยู่กับพระแก้วมรกตนั้นถือว่ายิ่งใหญ่ครับ และยังมีญาณของพระตถาคตเชื่อมอยู่กับสิ่งอื่นที่อยู่ในวัดพระแก้วอีกด้วย ญาณทับซ้อนกันมากมายจนยากที่จะแยกแยะ แต่ก็อลังการมากๆครับ

 

สวัสดีค่่ะ
อยากไปร่วมงานสมโภชน์ งานบุญวันวิสาขะ 15-17 มากเลยเจ้าคะ
จิตอยากไปมากๆๆค่ะ แต่เนื่องด้วย ณ ตอนนี้ ตัวอยู่แดนไกล
ไม่สามารถจะไปร่วมงานบุญนี้ได้...จะน้อมจิตไปนะเจ้าค่่ะ

**ส่วนเรื่องการฝึกกรรมฐานในแบบบของคุณ Aunyasit
หากกลับไทยและมีโอกาสอยากจะติดต่อไปจะได้ไหมค่ะ
แต่ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดค่ะว่าจะได้กลับบ้านเกิดเมื่อไหร่..
แต่แจ้งคุณ Aunyasit ไว้ก่อนหน่ะค่ะ...

ขออนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ

 

ภาพพระอินทร์(ก่อนทำสี) ที่จะจัดงานสมโภชน์ในช่วงงานบุญวิสาขบูชา ครับ

พร้อมทั้งพระทรงเครื่องปางต่างๆ ซึ่งเป็นพระคู่บารมีในอดีต ครับ

 

สวัสดีครับพี่ Aunyasit ผมสนใจอยากฝึกกรรมฐานแบบของพี่ครับ
ต้องทำอย่างไรบ้างครับ แต่ไม่รู้จะมีโอกาสไปถึงหนองคายเมื่อไหร่
รบกวนพี่ช่วยชี้แนะทางสว่างด้วยครับ
อนุโมทนาครับ

 

​

สาธุ ขอน้อมอนุโมทนาบุญครับ

​

http://palungjit.org/threads/%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%86-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1-54-a.265845/ ​

 

คุณ Wittayapon

เอาไว้มีโอกาสมาที่หนองคายเมื่อไหร่ ค่อยติดต่อผมมาก็ได้ครับ แล้วจะพาทำพิธีขึ้นขันธ์กรรมฐานให้ครับ ผมเป็นแค่สื่อกลางและคอยชี้แนะให้เท่านั้นครับ ที่เหลือเป็นเรื่องของคุณกับครูบาอาจารย์ทางจิตวิญญาณที่จะจูนคลื่นเข้าหากันครับ เร็วหรือช้าอยู่ที่ตัวเราเอง ทุกคนมีครูบาอาจารย์ทางจิตวิญญาณอยู่แล้วแต่ส่วนใหญ่มักจะหาท่านไม่เจอ เพราะเครื่องรับทางจิตเราอาจจะยังไม่พร้อมและยังไม่รู้วิธีการที่แยบคาย ครับ

ประมาณปลายเดือน พ.ค.นี้พ่อพระอินทร์ ท่านจะให้ไปทำหน้าที่อย่างนึงเกี่ยวกับพระตถาคต ไปทำงานในนามของพระอินทร์ ทั้งคณะก็ต้องเตรียมตัวนั่งกรรมฐานให้เข้มข้นขึ้น เพื่อสั่งสมพลังงานทางจิตเอาไว้รองรับงานนี้ เป็นการทำงานระหว่างภพภูมิโลกทิพย์กับภพภูมิมนุษย์ ก็ส่งงานกันเป็นทอดๆ ถ้าโชคดี ตัวแทนพระตถาคต พระองค์ที่สองก็อาจจะเสด็จขึ้นมาจากใต้พื้นพิภพ ครับ

เมืองไทยนี่โชคดีจริงๆเพราะเป็นเขตสร้างบารมีของมหาโพธิสัตว์ก่อนที่จะได้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ต่างๆ จึงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซ่อนเร้นอยู่มากมาย แต่ต้องผ่านการอนุมัติจากเทพเทวา(พระศรีฯ พระอินทร์และผู้ทำหน้าที่เฝ้ารักษา)ผู้ทำหน้าที่ดูแลซะก่อนจึงจะได้สัมผัสกับสิ่งเร้นลับเหล่านั้นและอัญเชิญขึ้นมาได้

 

ขอบคุณครับพี่ Aunyasit
ผมคงต้องหาโอกาสไปพบพี่ครับ ใช้เวลาในการทำพิธีขึ้นขันธ์กรรมฐานนานไหมครับ
แล้วผมจะติดต่อพี่ทางไหนดีครับ กลัวไปแล้วไม่เจอครับ
ฝากพี่บอกวิธีติดต่อให้ด้วยนะครับ

อนุโมทนาครับพี่

 

ผมมีความคิดเห็นเหมือนคุณ Aunyasit นะครับ ประเทศไทยเรานี่โชคดี อยู่ใหนก็ไม่เท่าอยู่ที่ประเทศไทยเรา เพราะเป็นดินแดนที่มีสิ่ิงศักดิ์สิทธิ์ซ่อนเร้นอยู่มากมาย เพื่อรักษาและค้ำชูพระพุทธศาสนา รวมทั้งเป็นดินแดนที่มี พระพุทธ พระธรรม ทั้งพระอรหันต์ พระโพธิ์สัตว์ ผู้ปราถนาพุทธภูิมิ และผู้มีบุญบารมีมากมายจนนับแทบไม่ได้ ที่สร้างบุญบารมีสร้างคุณความดี เพื่อช่วยกันทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา หากจะเกิดเหตุภัยพิบัติธรรมชาติซึ่งก็คงจะห้ามไม่ได้ เพราะอยู่กับธรรมชาติ เป็นเรื่องธรรมชาติ อยู่กับความอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้วทุกยุคทุกสมัยไม่เคยเปลี่ยนเป็นความจริงที่หนีไม่ได้บนโลกนี้ แต่ประเทศไทยเราถ้าเจอเหตุภัยพิบ้ติก็คงมีเหตุที่ต้องสูญเสียบ้างไม่รุนแรงมากเหมือนต่างประเทศอื่นเท่าใดนัก แต่ก็ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่เหตุและปัจจัย ผู้ทรงคุณความดี ทาน ศิล ภาวนา ที่จะสามารถดำรงอยู่ได้ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

คุณ Aunyasit มีโอกาศขึ้นมาเมื่อใหร่ แจ้งข่าวใ้ห้ทราบด้วยนะครับ

 

ภาพงานสมโภชน์พระตถาคตและสมโภชน์พระอินทร์ ครับ

ขณะที่กำลังทำพิธีเพื่ออัญเชิญพระอินทร์ขึ้นแท่นประทับ ทุกคนที่มาร่วมงานจะได้ยินเสียงเป่าสังข์ ดังกังวาล อย่างชัดเจน แต่ในพิธีไม่มีใครเป่าสังข์ ก็แสดงว่าเทวดาเขามาเป่าสังข์ให้ในพิธี ครับ

 

วันก่อนได้พาคณะไปทำงานให้พระอินทร์ เพื่ออัญเชิญพระตถาคตขึ้นมาจากใต้พื้นพิภพในภพภูมิแห่งนึง ก็ถูกขัดขวางด้วยไสยศาสตร์จากผู้ห่มเหลือง ส่งมาเป็นงูเห่าตัวเป็นๆ พร้อมทั้งตะขาบ ล้วนแล้วแต่เป็นด้วยอำนาจของวิชาอาคมไสยศาสตร์ จะส่องไฟไล่หรือเอาไม้เขี่ยยังไงก็ไม่ยอมไป ไล่อยู่ตั้งนานกว่างูเห่าจะออกนอกสายสิญจ์เพราะเป็นงูอาคม สุดท้ายธรรมะก็ย่อมชนะอธรรมครับ ผู้ที่ทำหน้าที่เขาก็เปลี่ยนแผนจากที่จะอัญเชิญขึ้นมาจากใต้พื้นดิน ก็เลยอัญเชิญพระพุทธรูปพระตถาคตมาที่พุทธสถานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์มาในทางทิพย์ ก็รอบัญชาจากพระอินทร์ ว่าเมื่อไหร่ท่านจะให้อัญเชิญองค์พระตถาคตขึ้นมา แต่คณะก็อุ่นใจแล้วเพราะองค์พระพุทธรูปพระตถาคตเสด็จมาอยู่ในเขตที่มารไม่สามารถมาห้อมล้อมได้อีก

สำหรับผู้ที่ขัดขวางก็ถูกลงโทษไปตามระเบียบ ต่อไปก็จะไม่สามารถใช้วิชาแบบนั้นได้อีก พวกนี้เขามีวิชามารขั้นสูง สามารถบังคับได้แม้กระทั่งพญานาคและผี ให้ทำงานให้เขา เขาใช้การบำเพ็ญโดยการลงไปภาวนาในโลงผี และใช้ศาสตร์ฝ่ายมารโดยมีเจ้าแม่กาลีเป็นสัญญลักษณ์ ครับ

ยังดีที่ผู้เป็นใหญ่ในสามโลกท่านเมตตาลงมาทำหน้าที่ ก็สามารถจัดการได้ราบคาบ ไม่มีผู้ใดในสามโลกนี้ที่จะต้านทานอานุภาพของท่านได้ ครั้งแรกผมก็สงสัยว่าท่านเป็นใครหนอจึงมีอานุภาพมหากาฬแบบนั้น ต่อมาก็ได้รับคำตอบว่าเป็นองค์ญาณขององค์ประธานสูงสุดแห่งไตรภพ ที่น่าสนใจก็คือ ท่านเป็นญาณรวมของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายธรรมะทุกพระองค์โดยมีญาณพระพุทธเจ้าองค์ปฐมเป็นประธาน แต่ท่านใช้พระนามอีกชื่อนึงเท่านั้นเอง ผมเห็นท่านสามารถแผ่ฉับพรรณรังสีได้เช่นกัน ใครเข้าถึงท่านก็ถือว่าโชคดีครับ เพราะหากเข้าถึงองค์ท่านก็คือถึงทุกพระองค์ญาณ เพราะท่านเป็นองค์รวม บารมีเหนือกว่าตรีมูรติอีกครับ

 

เข้ามาติดตามด้วยครับ

 

ช่วงในพรรษานี้ก็เร่งภาวนากันครับ สำหรับคณะของผม ปู่ขาว มหาราช ท่านก็เมตตาเสด็จลงมาชี้แนวทางปฏิบัติให้เป็นการเฉพาะกลุ่ม เป็นวิชาเฉพาะสำหรับผู้ที่เกี่ยวพันกันมาเป็นลูกหลานของพระจักรพรรดิ์ ต้องเรียนรู้ ที่จริงก็คือการใช้จิตในสภาวะภายในนั่นแหละ ผู้ที่มีบารมีที่สามารถเรียนวิชาของปู่ขาว มหาราชได้ในวาระนี้ก็มีอยู่ประมาณ 20 คนเท่านั้นเอง และแต่ละคนก็จะแตกแขนงออกไปว่า ใครสร้างบารมีมาเกี่ยวข้องกับแก้ว 7 ประการของพระจักรพรรดิ์อย่างไร

ปู่ขาวท่านบอกว่าในหนึ่งพุทธันดร ท่านก็จะนำศาสน์วิชานี้ลงมามาประสิทธิ์ให้กับผู้ทำหน้าที่ทางพุทธศาสนาครั้งนึง ผมพิจารณาดูแล้วสำคัญอยู่ที่การฝึกจิตนั่นแหละครับ ท่านบอกว่าวิชานี้เมื่อฝึกสำเร็จแล้วจะอธิษฐานใช้ได้ตามบุญบารมีของแต่ละบุคคล แต่ท่านต้องอนุญาตหรือประสิทธิ์สื่อกลางให้ก่อนจึงจะสามารถเรียนรู้จากสื่อกลางนั้นได้ ว่าไปก็เหมือนกับฝึกจิตให้เป็นแก้วสารพัดนึกแหละครับ ก็ยังลุ้นอยู่ว่าปลายพรรษานี้จะมีคนที่ฝึกได้สำเร็จสักกี่คน

ก็เข้าใจว่าวิชาเหล่านี้หากเกิดภัยพิบัติขึ้น จะสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ครับ ของผมเองก็เริ่มมีปรากฏการณ์บางอย่างบ้างแล้ว เช่น นั่งๆไปกายทิพย์ก็ไปปรากฏที่บ้านใครก็ไม่รู้ สามารถได้ยิน รู้เห็นทุกอย่างที่เขาทำหรือพูดคุย แต่ว่าเขามองไม่เห็นเรา เข้าใจว่าเราอยู่ในภาวะกายทิพย์ สิ่งที่เราเห็นเขาอยู่ในกายเนื้อ เราเห็นเขา แต่เขาไม่เห็นเราหรือแม้กระทั่งกระแสจิตของคนของสัตว์ ว่าทุกข์ สุข อย่างไร เป็นต้น ซึ่งก็รู้ละเอียดขึ้นกว่าเดิม อย่างน้อยจิตก็รับกระแสไวขึ้นครับ คืออายตนะภายในรับกระแสไวขึ้นมาก

ช่วงนี้ก็จะภาวนา กำหนดไปที่แก่งกระจาน บริเวณจุดที่เครื่องบิน ทบ.ตก เมื่อได้ยินข่าวทางทีวี กระแสสัมผัสเข้ามากระทบจิตบ่อยครั้ง ก็จะลองสำรวจดูว่าบริเวณนั้น มีอะไรอยู่ เบื้องต้นเข้าใจว่าเป็นอำนาจของพลังเร้นลับ มาจากในหุบเขา รวมทั้งผู้ที่ดูแลรักษา เป็นยักษ์ที่มีฤทธิ์และมียักษ์บริวาร รวมทั้งพวกผีป่าเป็นจำนวนมาก และก็มีการเข้าไปล้ำอาณาเขตของเขา(เข้าไปในระยะใกล้)เขาจึงลงโทษและขณะที่ยักษ์และผีป่าพวกนี้เขากินซากศพอยู่ คณะผู้ที่ไปนำศพกลับมาอาจจะทำพิธีไม่ถูกต้อง เขาก็ติดตามมากับซากศพและก็เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำอีก

ถ้าหากไม่แก้ไข ต่อไปก็จะมีเหตุแบบนี้ขึ้นได้อีก ครับ

 

อยากทราบเกี่ยวกับภัยภิบัติปี54-60พอ่แม่ครูบาอจารย์ว่าอย่างไร

 

ภัยพิบัติหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าเป็นกรรมของสัตว์โลก ในพรรษานี้ปู่ขาว มหาราช ท่านลงมาเตือนบ่อยครั้งให้ทุกคน ที่มีหน้าที่อยู่ในระบบของพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ เร่งบำเพ็ญภาวนา เพื่อเชื่อมญาณบารมีของเก่าของแต่ละคนให้ได้ หลวงปู่ทวดท่านชี้แนะให้ทำสัญญลักษณ์รองรับพระรัตนตรัย เพราะสัญญลักษณ์ของพระรัตนตรัย ท่านปรากฏขึ้นมาในภาคทิพย์

หลวงปู่ขาวท่านเน้นให้ปฏิบัติเพื่อเข้าถึงพระรัตนตรัย เมื่อเข้าถึงแล้วพระรัตนตรัยจะคุ้มครองจากภัยพิบัติทั้งปวง แน่นอนว่าหากไม่ได้สร้างบารมีมาแต่กาลก่อน ก็ยากที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัยได้อย่างแท้จริง ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ผู้ที่ที่ใกล้ชิดพระตถาคตมาในอดีตจึงจะเข้าถึงพระรัตนตรัยได้ ส่วนมากจะเป็นเชื้อพระโพธิสัตว์ทั้งนั้น

แต่ปู่ขาวท่านยังเมตตาชี้ทางให้สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงพระรัตนตรัยได้ด้วยตนเอง ท่านก็เมตตาลงมาประสิทธิ์ดวงแก้วพระรัตนตรัยให้กับลูกหลานของพระพุทธเจ้าห้าพระองค์พกติดตัวไว้เพื่อคุ้มครองรักษาธาตุขันธ์ จะแจกให้ใครท่านจะบอกเองว่าใครมีบุญบารมีที่จะได้รับดวงแก้วพระรัตนตรัยจากท่าน

ท่านบอกว่าสิ่งที่จะสามารถคุ้มครองจากภัยพิบัติต่างๆได้นั้น ต้องประสิทธิ์จากพระพุทธองค์ พระองค์ใดพระองค์หนึ่งเท่านั้น เพราะดวงแก้วพระรัตนตรัยนั้นจะแผ่ฉับพรรณรังษีเมื่อถึงกาลของภัยพิบัติ ผู้ที่ครอบครองดวงแก้วพระรัตนตรัยก็จะปลอดภัยจากภัยพิบัติ

เมื่อสองสัปดาห์ก่อนขณะที่ปู่ขาว มหาราชท่านเสด็จลงมาขณะที่ฝนตกหนัก ท่านบอกว่าเทพเทวดาต่างๆจำนวนมากมายดุจเม็ดฝนเขาลงมาล้างมนุษย์ไร้ศีลธรรม ท่านเร่งให้หาสัญญลักษณ์ของดวงแก้วพระรัตนตรัยมาอาราธนาพระพุทธองค์ ประสิทธิ์ให้เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่สร้างบารมีอยู่ในเครือข่ายของพระพุทธเจ้าห้าพระองค์

ดวงแก้วพระรัตนตรัย ที่พระพุทธองค์ท่านเมตตาประสิทธิ์ให้นั้นมีอานุภาพมากจริงๆ เท่าที่ท่านทำมาแล้วมีประมาณแค่ 50 ลูกเท่านั้น และแจกจ่ายกันไปหมด

ปู่ขาว มหาราช ท่านจะคัดเลือกเองว่าจะใครจะได้รับดวงแก้วนี้ มีเงินก็ซื้อหาไม่ได้ ต้องอาศัยเหตุว่าเคยสร้างบุญบารมีมากับพระพุทธเจ้าห้าพระองค์มาในอดีตกาล เท่านั้น

ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า ดวงแก้วพระรัตนตรัยนั้น ไม่มีแจกจ่ายให้กับคนทั่วไป

 

ดวงแก้วพระรัตนตรัยเป็นสิ่งสูง...ควรจะอยู่ในสถานที่สูงเช่นเทวโลกชั้นดาวดึงส์ และมีเทพรักษา