มาดูสมเด็จกัน

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย wasabi san, 25 พฤศจิกายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915
    องค์นี้วิเคราะห์ยากมาก เพราะพิมพ์ และเนื้อหามวลสารเข้าท่า พอมองนานๆ องค์นี้เจ้าของเก่าน่าจะเก็บรักษาไม่ถูกวิธี การแตกรานที่ขาดการหดตัว บางครั้งทำให้มองว่าไม่ใช่พระแท้ แต่มองดีๆการแตกรานลักษณะนี้ไม่สามารถสร้างได้ ส่วนการอบให้แตกราน ผมว่าการแตกจะเป็นอีกลักษณะหนึ่ง

    ลองเทียบกันดูว่าต่างกันอย่างไร กับการแตกลายงาที่สร้างขึ้น

    http://bbznet.pukpik.com/scripts/view.php?user=aekcub&board=3&id=18&c=1&order=numtopic

     
  2. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915

    องค์นี้ไม่ดีครับคุณkeepwork
     
  3. xlmen

    xlmen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +3,291


    [​IMG]
    อืม...ต้องขอบอกว่าผิวเนื้อผมให้คะแนนองค์ซ้าย 70 องค์ขวา 40

    ถ้าเป็นพิมพ์ทรง + กรอบกระจก องค์ซ้ายให้ 10 องค์ขวาให้ 20

    ถ้าเป็นคะแนนพิศวาส องค์ซ้ายให้ 10 องค์ขวาให้ 5

    จากคะแนนเต็ม 100% คะแนนที่เหลือคุณตาพอนต้องให้ต่อเองแล้วหละครับ หุหุ
     
  4. ลำปางหนา

    ลำปางหนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +166
    รบกวนช่วยแนะนำน้องใหม่ทีนะครับ

    ช่วยดูองค์นี้ให้หน่อยนะครับ เห็นแล้วชอบเลยบูชามาครับ รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915


    [​IMG]

    ผมมองต่างมุมสักนิดกับภาพนี้

    พระนี้เป็นพระแท้ อันนี้ไม่มีปัญหา แต่การแกะพิมพ์ผมมองต่่างกัน เพราะ พระวัดระฆังยุคต้นจะเป็นผลมะตูม ลองไปค้นหาดูนะครับ พอช่างหลวงเข้ามาช่วยแกะพิมพ์ ผลมะตูมก็จะกลมคล้ายหยดน้ำ หรือไม่คางก็แหลมขึ้น ดูอย่างพระสมเด็จบางขุนพรหม(2411-2413)ก็ได้ พระยุคหลังพระพักตร์บางพิมพ์จะเริ่มกลมมากขึ้น ฉนั้นที่ว่าสร้าง 2397นั้น ผมยังไม่ปักใจเชื่อขอรับ
     
  6. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915
    [​IMG] [​IMG]
    ตุ๊กตาวัดพลับ ผมยังไม่ชอบครับองค์นี้


    [​IMG] [​IMG]
    พระปิดตาหลวงปู่ภู องค์นี้ไม่ดีครับ


    [​IMG] [​IMG]
    พิมพ์นี้เป็นพิมพ์กรุเจดีย์เล็ก ไม่ดีเช่นกันครับ
     
  7. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    เอาโดยรวมนะครับ พระที่โพสต์ไม่สามารถหามวลสารได้ครับ เนื้อเป็นพระยุคหลังครับ
     
  8. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915
    [​IMG] [​IMG]

    ถ่ายโดยใช้แสงหลอดไฟฟลูออเรสเซ็นต์ สีจะออกเหลืองอมเขียว ผมว่าถ่ายกลางแจ้งจะดีกว่า ส่วนขนาดภาพต้องใหญ่กว่านี้ จึงจะดีนะครับ
     
  9. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915
    [​IMG] [​IMG]

    พระชุดนี้โดนกันมาก ไม่ดีครับเนื้อแปลกตามาก
     
  10. xlmen

    xlmen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +3,291



    [​IMG]
    ในการสะสมหรือแสวงหาพระสมเด็จนั้น....เรียนตามตรงครับว่า....
    ผมเองก็ใช่ว่าจะเชี่ยวชาญดูได้หมดทุกพิมพ์ทุกเนื้อนะครับ....

    อย่างกรณีเนื้อที่แปลกๆ เช่น....
    เนื้อว่านกวนอู เนื้อผงใบลาน เนื้อไพลเสก เนื้อขี้ธูป เนื้อตะกั่วถ้ำชา เนื้อดิน เหล่านี้ถือเป็นเนื้อที่ดูยากมากครับ...

    การจะหาประสบการณ์จากพระแท้นี่แทบจะเรียกได้ว่าต้องรอฟลุคขอชมบารมีจากเจ้าของเดิมระดับเจ้าขุนมูลนายเก่าๆ เท่านั้นครับ....

    โดยส่วนตัวผมขอแนะนำให้เริ่มศึกษาจากพิมพ์และเนื้อมาตรฐานทั่วไปก่อนดีกว่าครับ...
    ส่วนเนื้อแปลกๆ นั้นเอาไว้มีบุญพาวาสนาส่งเดี๋ยวพระท่านก็เสด็จมาเองแหละครับ หุหุหุ

    ส่วนรูปพระเครื่องในหนังสือของคุณแฉล้มนั้น...ในเล่มเก่าๆ ผมยังพอเปิดตามได้ครับ...
    แต่เท่าที่ดูองค์นี้น่าจะมีเฉพาะในเล่มใหม่นะครับ....ภาพที่เห็นไม่ชัดครับทำให้ตัดสินใจวิเคราะห์ลำบากครับ...
     
  11. Natachai

    Natachai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +937
    บังเอิญมาพบ กระทู้นี้ให้ความรู้เรื่องพระสมเด็จฯดีครับ

    จึงขออธิบายให้คนที่ไม่ทราบ ได้มีโอกาสที่จะได้ทราบไว้บ้าง ดังคำพูดที่ว่า "ฟังหูไว้หู" อันความเชื่อกับคำว่า "ไม่น่า" ก็คือน่าจะ หรือ อาจจะ สรุปก็เท่านั้นเอง

    คนที่มีชีวิตอยู่ ณ เวลานี้ที่เห็นๆ และทราบๆ กัน ไม่มีใครเกิดทันพระกริ่งปวเรศ รุ่น 1 ทั้งสิ้น คนที่เกิดทันก็ไม่ได้บันทึกรายละเอียดไว้ คนที่บันทึกภายหลังก็คิดไปเองว่าน่าจะแบบนั้นแบบนี้ ผลที่ออกมาก็ยังมีความผิดพลาดด้วยกันหลายๆจุด ไว้ผมจะชี้ให้เห็นเป็นวาระๆในการสร้างทั้งหมด 6 พ.ศ. แต่มีวาระการสร้าง 10 วาระ

    การสะสมของมีค่าเพื่อให้เพิ่มค่าในอนาคตนั้นมีหลายประเภท เช่น ทองคำ ฯลฯ หรือบางคนอาจจะลงทุนเรื่องของวัตถุภายนอกกาย เช่น พระเครื่อง คนที่สะสมเกินร้อยละ 90% ล้วนต้องการกำไรส่วนต่างทั้งสิน ยกเว้นกรณีที่ 2 และ 3 ที่จะกล่าวถึงมุ่งเน้นทางด้านจิตใจและความศรัทธา

    การสะสมของผู้ลงทุนที่ใช้แนวคิดในการสะสม ผมแบ่งออกเป็น 3 กรณี
    1. แบบเซียนพระ...คือเชื่อในตำราและสิ่งที่เคยเห็นมา วัตถุที่หามาย่อมมีคนเล่นและเชื่อในกลุ่มที่เชื่อตามตำราหรือมีเอกสารอ้างอิง ราคาย่อมมีการซื้อ-ขายง่าย ราคาแพง
    2. ส่วนกรณีที่ 2 นำพระกริ่งฯขอความเมตตาจาก "พระสุปฏิปันโน" “พระอริยสงฆ์” ปัจจุบันมีหลายรูปที่มี “พระอภิญญา” ขอท่านช่วยสงเคราะห์ตรวจเช็คให้ว่า องค์ผู้อธิฐานจิต ใช่ สมเด็จกรมพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยลงกรณ์ หรือไม่? ทันสมัยที่ท่านฯมีพระชนชีพอยู่หรือไม่? คนเล่นพระทั้งทีจะไม่เชื่อเรื่องทางนี้เชียวหรือ? ถ้าเชื่อจะได้สิ่งที่เรียกว่าเซียนไม่รู้จัก...ราคาไม่แพง...การสะสมเล่นหากันเฉพาะกลุ่มที่เชื่อเกี่ยวกับกรณีนี้
    3. กรณีนี้ นำพระตรวจวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ XRF เพื่อวิเคราะห์โลหะธาตุที่ผสมอยู่ในองค์พระมีมวลสารอะไรบ้าง? ถ้าพูดถึงพระกริ่งฯ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามีโรงงานหล่อพระที่ไหน สามารถหล่อพระกริ่งที่ไม่ได้เข้าพิธีปลุกเสกแบบถูกต้องแล้วมีส่วนผสมของโลหะที่เรียกว่าปรอทผสมอยู่ในองค์พระกริ่งฯได้ "ถ้ามีกรุณาช่วยบอกหน่อยครับ จะได้ใช้บริการ" กรณีที่ 3 จะเป็นการยืนยัน น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น สำหรับคนที่อาจจะไม่เชื่อในข้อที่ 2 มากนัก กลุ่มคนที่เชื่อในกรณีที่ 3 ก็จะได้ของแท้ ราคาเด็กอนุบาลที่เซียนไม่เล่นกัน...
     
  12. ลำปางหนา

    ลำปางหนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +166
    ลองภาพใหญ่หน่อยนะครับ แล้วเรื่องสี พรุ่งนี้จะลองถ่ายตอนกลางวันนะครับ
    ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. Natachai

    Natachai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +937
    ขณะนี้บอกตรงๆพระกริ่งปวเรศรุ่น 1 เฉพาะ พ.ศ.2404 กับ พ.ศ.2409 องค์จริงผมยังไม่เคยพบเห็น

    แต่ถ้าสร้างใน พ.ศ. 2411, 2416, 2426, 2434 ที่สร้างใน 4 พ.ศ.นี้มีหลายวาระต่างได้พบเห็นกันมากบ้างน้อยบ้าง

    ดังนั้นผมเข้าใจว่า คุณ wasabi san คงได้พบพระกริ่งปวเรศ รุ่น 1 ที่สร้างใน พ.ศ. 2404 หรือ 2409 เป็นแน่แท้ ขอความกรุณา P.M. หลังไมค์แจ้งชื่อผู้ครอบครองผมสักนิดครับ เพื่อผมจะได้ประสานขออนุญาตผู้ครอบครองขอชมพระกริ่งว่าเป็น พ.ศ.อะไรที่สร้าง? เพราะผมกำลังสืบเสาะหาพระกริ่งที่ยังไม่พบอีก 2 พ.ศ. จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1-6.jpg
      1-6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      199.9 KB
      เปิดดู:
      118
  14. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915
    จะว่าไป เรื่องพระกริ่งปวเรศองค์จริงนั้น เคยสัมผัสของแท้ไหม ผมขอถามผู้รู้เรื่องพระกริ่งปวเรศ ช่วยบอกตำหนิโค๊ตมาว่ามีกี่ตำแหน่ง กี่โค็ต องค์จริงผิวอย่างไร เนื้อทองคำมีไหม อยู่ที่ใครบ้าง มีกี่องค์

    แล้วเรื่องปรอท ใครอธิบายได้บ้างว่าทำอย่างไร เจ้าน้ำเงินทำอย่างไร มีโลหะและโลหะละลายตัวทำอย่างไร

    เท่านี้ก็รู้แล้วว่า คนที่ไม่รู้ มักจะรู้ไปหมดนะครับ บางคนเจอผมสอบถามอย่างนี้ กลับบ้านไม่ถูกเลยก็มี สิ่งที่รู้กลายเป็นสิ่งปฏิกูลในสมองที่ใช้ไม่ได้เลย

    ไปคิดเอาเองนะครับ สิ่งที่ผมถาม คุณเคยรู้เรื่องนี้จริงหรือเปล่า หากใครอยากทราบ ผมก็ไม่สอนนะครับ ให้ตายไปกับตัวนี่แหละครับ

    สูญ คือ (ดับ ไม่มี อสงไขย์)
     
  15. Natachai

    Natachai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +937
    ของจริงทำไมจะไม่เคยสัมผัส แขวนห้อยคออยู่ทุกวัน

    เรื่องโค๊ต...แต่ละ พ.ศ.ที่สร้าง อีกทั้งที่สร้างใน พ.ศ. นั้นๆ การตอกโค๊ตแตกต่างกัน จำนวนโค๊ตที่ตอก มีการตอกตั้งแต่ 1 โค๊ตถึง 9 โค๊ต ชุดหนึ่งสูงสุดที่พบมีเพียง 9 โค๊ต แต่จะมีหลายชุดในกรณีที่สร้างมากกว่าหนึ่งชุด แต่ละพ.ศ.ที่สร้างลักษณะการตอกจะไม่เหมือนกัน รายละเีอียดผมได้อธิบายไว้ในบล๊อกที่ผมเขียนไว้แล้วบางส่วนเชิญเข้าไปศึกษาดูได้ ผมไม่ใช่คนประเภทรู้แล้วอมวิชา ตายไปก็ไม่มีประโยชน์

    เนื้อทองคำมีจริง มีทุก วาระที่สร้าง และทุกพ.ศ.ที่สร้าง มีผู้ครอบครองอยู่หลายตระกูล ส่วนใหญ่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นทวด คนในตระกลูเหล่านี้ไม่ต้องการให้เปิดเผย บอกคุณได้ว่าที่ผมพบ ณ เวลานี้ มี 3 ตระกูล ยกเว้น พ.ศ.2404 และ 2409 ผมยังไม่เคยพบ จึงบอกไม่ได้ ถ้าได้พบสักองค์แล้วผมมีคำตอบให้แน่

    เรื่องผิวพระ หากเป็นพระกริ่งปวเรศสร้างใน พ.ศ. 2411 - 2434 มีหลายวาระด้วยกัน โลหะธาตุแต่ละพ.ศ.จะแตกต่างกันเล็กน้อย มีบางพิมพ์เรียนแบบพิมพ์ของพ.ศ. ที่สร้างก่อนหน้าก็มีพบเห็น ส่วนผิวนั้นเป็นเช่นไร มีโชร์ในบล๊อกให้เข้าไปดูเอง กล่าวไปก็เสียเวลา

    เรื่องปรอท ผมได้อธิบายไว้แล้วบางส่วนในบล๊อกของผม อยู่ที่ใครจะเห็นหรือเข้าใจ

    เจ้าน้ำเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นโลหะธาตุ 2 ชนิดมารวมกัน ถ้ารู้จริงบอกแค่นี้ก็คงเข้าใจ

    โลหะละลายตัวผมได้เขียนไว้ในบล๊อกผมไว้แล้วบางส่วนอยู่ที่ใครจะเห็น ผมจะไม่ขอกล่าวอีกเพื่อให้เสียเวลา

    ผมเจอมาเยอะแล้วครับ ที่อ้างว่ารู้แต่รู้ในตำรา ขอบคุณครับที่ร่วมแสดงความคิดเห็น

    ...รู้ลม...รู้ตาย...รู้นิพพาน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2011
  16. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915
    ทำไมตอกโค๊ตเยอะจัง ตั้งแต่ 1-9 โค๊ต แทงLotterry 0-9 ยังไม่ถูกเลยครับ

    เอาเป็นว่า ผู้รู้ ย่อมรู้ได้เฉพาะตน

    พระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าประเภทหนึ่ง ได้บำเพ็ญบารมี 2 อสงไขยกำไรแสนกัป และตรัสรู้อริยสัจ 4 ด้วยพระองค์เองเช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่จะเสด็จมาตรัสรู้ในคราวที่โลกว่างเว้นพระพุทธศาสนา และมาตรัสรู้ได้หลายพระองค์ในสมัยเดียวกัน แต่พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น มิได้ทรงประกาศพระศาสนาเกิดสาวกพุทธบริษัทเหมือนอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
     
  17. xlmen

    xlmen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +3,291
    โดยส่วนตัวผมเองก็ไม่ชำนาญในพระกริงปวเรศนะครับคุณ Natachai<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4239674", true); </SCRIPT>
    สิ่งที่พอจะทราบมาก็มีเพียงบันทึกที่เป็นลายลักอักษรซึ่งก็มีมากซะจนบางครั้งหาข้อยุติหรือข้อสรุปได้ยาก...

    แต่สิ่งหนึ่งที่ผมว่าน่าจะพอใช้เทียบเคียงศึกษาเนื้อของพระกริ่งปวเรศได้ก็คือ...
    ผิวเนื้อนวโลหะเต็มสูตรต้องแก่ทอง ๙ บาท (ส่วนผสมอื่นๆหาชมกันเองนะครับ) กลับดำ ซึ่งผิวเนื้อนี้ไม่น่าจะน้อยหน้าพระกริ่งของสังฆราชแพ วัดสุทัศน์นะครับ...

    หลักสมมุติฐานที่ผมใช้ในการดูเนื้อเทียบเคียงก็คือ "พระกริ่งปวเรศ"
    เนื้อต้องไม่ด้อยกว่าพระกริ่งสังฆราชแพครับ....

    อีกประการหนึ่งที่เป็นเสน่ห์อย่างยิ่งของเนื้อนวโลหะเต็มสูตรก็คือ
    "ยิ่งเก่า ยิ่งดำ ยิ่งมันส์ ยิ่งสวย" ถ้าใครนึกถึงหนังงูจงอางออกจะ
    เข้าใจว่าเนื้อนวโลหะเต็มสูตรดำนั้นดำยังงัยครับ...

    อีกประการหนึ่งก็คือ พระกริ่งปวเรศนั้นสีสรรวรรณะไม่ควรจะ
    ออกเขียว แดง ขาว ถ้าเป็นนวโลหะเต็มสูตร...แต่ถ้าสมมุติว่ามีสีสรรวรรณะอื่นหลุดมาบ้าง...

    ก็ต้องอนุโลมให้ถ้าเป็นสีแกมเขียวก็ต้องเขียวปีกแมลงทับชนิดเขียวแก่แกมดำ

    ถ้าจะแดงก็ต้องแดงแบบนาคอมเลือด...
    ที่กล่าวมานี้ใช่ว่าผมมีพระกริ่งปวเรศนะครับ....แต่อาศัยชมบารมีคนอื่นเขาตามหนังสือพระโดยยึดเนื้อของวัดสุทัศน์เป็นหลักก็เท่านั้นเองครับ 555+

    (ถ้าอยากทราบเจ้าของพระลองโทรติดต่อในหนังสือนิตยสารพรีเซียส์ดูสิครับ..
    ผมว่าบรรณาธิการเขาน่าจะตอบคุณได้นะครับ หุหุ)

    โดยสรุป ไม่ว่าพระกริ่งปวเรศจะหน้าตาเป็นอย่างไรผมเองไม่ค่อยจะซีเรียสหรอกครับ....แต่ถ้าถามว่าปรอททำให้แข็งได้อย่างไรพอตอบได้ครับ....

    ถ้าใช้สูตรโบราณก็ใช้กำมะถันซัดเข้าไป + น้ำว่านต่างๆ
    (ถ้าอยากรู้ว่าว่านอะไรก็ลองค้นคว้ากันเองละกันครับ 555+)

    แต่ถ้าใช้สูตรสมัยใหม่ก็ใช้ "ปรอทผสมกับเงิน" ก็จะได้ออกมาเป็นอมัลกั้ม (amalgam) ที่ใช้อุดฟัน...สมัยก่อนการจะทำปรอทให้แข็งอาจจะดูยากแต่สมัยนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้วครับปรอททำให้แข็งไม่ยากอย่างที่คิดหรอกครับ....ไม่เชื่อลองถามหมอฟันดูก็ได้ครับ 555+

    -------------------------------------------------------------------------
    ปล. ใจจริงผมอยากตอบเรื่องจ้าวน้ำเงินต่อ....แต่สงสัยคงไม่ต้องแล้วหละครับ
    บางทีคุณ Natachai<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4239674", true); </SCRIPT> อาจจะเก่งกว่าผมดูจ้าวน้ำเงินเป็น และเข้าใจบริสุทธิ์ได้ลึกกว่าผมก็เป็นได้....(ไม่อยากเอามะพร้าวห้าวไปขายสวนครับ 555+) ถ้าเป็นไปได้รบกวนชี้แนะผมหน่อยก็ดีนะครับ....
     
  18. xlmen

    xlmen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +3,291
    โอววว...คุณ Natachai<!-- google_ad_section_end --> มีพระกริ่งปวเรศองค์จริงห้อยคอด้วยหรือครับ ??
    ถ้าเป็นไปได้ผมขอชมเป็นบุญตาหน่อยจะได้ไหมครับ....ผมเองก็อยากศึกษาพระกริ่งปวเรศมานานแล้วครับว่าเนื้อจะสุดยอดมากน้อยแค่ไหน...

    รบกวนช่วยนำรูปพระกริ่งปวเรศองค์ในคอคุณ Natachai<!-- google_ad_section_end -->
    นำมาลงให้เพื่อนๆ ในกระทู้ได้ชมเป็นวิทยาทาน + ธรรมทานด้วยนะครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ...
     
  19. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915

    ไม่ง่วงหรืองัยคุณๆทั้งหลาย อย่างนั้นมาดูทีเด็ดพระกริ่งปวเรศกัน ซะให้เข็ด

    พระกริ่งปวเรศสร้างหลักสิบแต่ของแท้มีเป็นร้อย


    [​IMG]
    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    คมชัดลึก : พระกริ่งปวเรศ ถือเป็นต้นกำเนิดของพระกริ่งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ สร้างโดยองค์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ วัดบวรวิหาร ทรงสร้างด้วยเนื้อนวโลหะ เพื่อประทานแก่เชื้อพระวงศ์ เจ้านายในวังที่สนิทคุ้นเคย หรือผู้ที่เห็นสมควรเท่านั้น และสร้างไว้เป็นจำนวนที่ไม่มากนัก

    ตามประวัติที่กล่าวไว้ว่า ท่านได้สร้างไว้รวมทั้งหมดไม่น่าจะเกิน ๓ ครั้ง และรวมทั้งสิ้นแล้วมีประมาณกว่า ๓๐ องค์ โดยสร้างตามตำราที่ตกทอดมาจากสมเด็จพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ในสมัยอยุธยา ซึ่งเป็นอาจารย์ขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    อย่างไรก็ตาม เมื่อค้นคว้าสอบถามผู้รู้เก่าๆ ก็ไม่มีผู้ใดรู้จริง แม้จดหมายเหตุส่วนตัวของสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวิริยาลงกรณ์ ก็มิได้ระบุบอกถึงจำนวนที่สร้าง หรือรายละเอียดพระนาม และนามของผู้ที่ได้รับพระกริ่งปวเรศนั้นไป แม้จะลือกันว่าส่วนใหญ่ตกอยู่กับเชื้อพระวงศ์ คนทั่วไปคงจะเห็นแค่รูปภาพและเรื่องราวเป็นตำนานเท่านั้น
    เพียงเท่านี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ลึกลับดำมืดพอสมควรอยู่แล้ว และพระกริ่งปวเรศองค์ที่เป็นของจริงนั้น ก็คือองค์ต้นแบบที่ประดิษฐานอยู่ในเก๋งกระเบื้องดินเผาจีนที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์วัดบวรฯ เวลามีงานใหญ่จริงๆ ถึงจะได้ชม แถมอยู่ไกลและอยู่ในเก๋งทำให้แทบจะพิจารณาให้ละเอียดไม่ได้
    ด้วยหาดูอยากจริงๆ กรมหลวงวชิรญาณวงศ์แห่งวัดบวรฯ เคยมีดำรัสถึงเรื่องพระกริ่งปวเรศนี้ว่า “เท่าที่ฉันได้ยินมานั้น สมเด็จกรมพระยาปวเรศฯ ท่านทรงสร้างขึ้นด้วยพระองค์เอง มีจำนวนน้อยมาก น่าจะไม่เกิน ๓๐ องค์ ต่อมาได้ประทานให้หลวงชำนาญเลขา (หุ่น) ผู้ใกล้ชิดพระองค์นำไปจัดสร้างขึ้นอีกจำนวนหนึ่ง แต่หลวงชำนาญเอาไปเทนั้น จะมากน้อยเท่าใดฉันไม่ได้ยินเขาเล่ากัน” ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ แม้จะมีการประมาณว่าสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ จะสร้างพระกริ่งปวเรศประมาณ ๓๐ องค์ แต่กลับมีผู้ครอบครองพระกริ่งปวเรศที่ยืนยันว่าเป็นของแท้มากถึงหลักร้อยองค์ บางรายยืนยันว่า ครอบครองพระกริ่งปวเรศมากถึง ๗ องค์
    นอกจากนี้แล้ว ผู้ที่ครอบครองส่วนใหญ่เป็นเจ้าของบริษัท ข้าราชการระดับสูง
    ขณะเดียวกัน อีกประเด็นหนึ่งที่น่าใจไม่น้อยยิ่งกว่ากัน คือ ค่านิยมพระกริ่งปวเรศทุกองค์ที่มีการซื้อขายกันราคาอยู่ในหลักหลายๆ ล้านบาท
    "ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของการทำหนังสือพระเครื่องมาหลายสิบปี มีผู้อ้างว่าครอบครองพระกริ่งปวเรศของแท้น่าจะไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ องค์ โดยสายตาของตนเองที่เห็นว่าเป็นของแท้มีอยู่เพียง ๒-๓ องค์เท่านั้น"
    นี่คือคำยืนยันของ นายสมศักดิ์ ศกุนตนาฏ เจ้าของสำนักพิมพ์คเณศ์พรพระเครื่อง ข่าวพระเครื่อง และประธานชมรมนักข่าวและช่างภาพพระเครื่อง
    นายสมศักดิ์ บอกว่า ทุกท่านที่นำมาให้ดูต่างยืนยันว่าเป็นของแท้ โดยได้ยกประวัติที่มาที่ไปพร้อมกับความเป็นมาของผู้ครอบครองพระตามภาษาเซียนที่ว่า “ฉายหนัง” ไม่ผิดนัก
    เหตุผลเดียวที่มีการทำพระกริ่งปวเรศปลอมออกมาหลอกขายกันจำนวนมาก เพราะค่านิยมสูงมากมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
    ขณะเดียวกัน ไม่มีพระกริ่งปวเรศของแท้ปรากฏสู่ตลาดพระเครื่องมากนัก จึงเป็นเรื่องง่ายของผู้ทำปลอมที่จะใส่ประวัติผู้ครอบครองพระ เพื่อหลอกขายคนที่ชอบเช่าพระด้วยหู
    ที่สำคัญคือ ผู้เช่าต้องมีเงินเท่านั้นที่จะเช่าพระกริ่งปวเรศของปลอมในราคาหลักล้านบาทได้
    สำหรับกรณีของที่มีผู้ยืนยันว่า ครอบครองพระกริ่งปวเรศมากถึง ๗-๑๐ องค์นั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย เพียงบอกว่าครอบครองพระกริ่งปวเรศของแท้เพียง ๒ องค์ ก็ไม่เชื่อว่าทั้ง ๒ องค์จะเป็นของแท้ เท่าที่ทราบแต่ละองค์มีการเช่ามาในราคาองค์ละหลายๆ ล้านบาท โดยล่าสุดเท่าที่เป็นข่าวมีการเช่าซื้อกันในราคากว่า ๑๐ ล้านบาท ซึ่งไม่แน่ใจด้วยว่า พระที่เช่านั้นเป็นของแท้หรือเปล่า
    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้ที่ครอบครองพระกริ่งปวเรศส่งภาพมาเพื่อที่จะให้ลงเผยแพร่ทั้งทางนิตยสารและหนังสือรวมเล่มการสร้างพระกริ่ง แต่ได้ตอบปฏิเสธไปอย่างนุ่มนวลว่า “เหตุผลที่ผมไม่ลงพระกริ่งปวเรศของท่าน เพราะเกรงว่าผู้อ่านและผู้ที่เห็นภาพจะบอกว่า พระกริ่งปวเรศองค์ที่ลงนั้นเป็นของปลอม เกรงว่าท่านจะเสียชื่อเปล่าๆ ว่าเป็นถึงผู้ใหญ่ ผู้มีอันจะกิน กลับเช่าพระของปลอม ที่สำคัญคือ เช่าในราคาหลักล้าน และผมไม่เคยว่าพระกริ่งปวเรศองค์ใดเป็นของปลอม เพียงแต่ว่า กลัวคนอ่านกล่าวหาทำหนังสือพระแล้วเอารูปพระปลอมมาลงได้อย่างไร”
    “ต่างคนต่างยืนว่า ของตนว่าเป็นของแท้ ผมไม่อยากคิดเลยว่า วันใดวันหนึ่งผู้ที่ครอบครองพระกริ่งปวเรศทุกท่านนำไปให้สมาคมพระเครื่องพระบูชาไทยออกใบรับรองแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น น่าจะเป็นเรื่องที่สร้างความหนักใจให้สมาคมอีกเรื่องหนึ่ง ขณะเดียวกัน น่าจะสร้างความขัดแย้งอย่างรุนแรง ทั้งคนในวงการพระเครื่อง และนอกวงการพระเครื่อง ทางที่ดีไม่เปิดออกใบรับรองเป็นเรื่องดีที่สุด ที่สำคัญพระเหล่านี้อยู่ในมือคนนักธุรกิจใหญ่ ผู้มีอันจะกินอย่างล้นเหลือ หรือไม่ก็อยู่ในมือของผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งในวงการทหาร ตำรวจ รวมทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงต่างๆ ทั้งสิ้น” นายสมศักดิ์กล่าว
    ด้านนายวิวัฒน์ เรืองพรสวัสดิ์ หรือ โกเนียว สำโรง เซียนพระชุดเบญจภาคี บอกว่า พระกริ่งปวเรศของแท้นั้นหาดูยาก ชนิดที่เรียกว่า งมเข็มในมหาสมุทรยังง่ายกว่า แม้จะมีความรู้เรื่องพระกริ่งปวเรศ แต่ต้องตอบปฏิเสธทุกครั้ง เมื่อถูกเชิญให้ไปดูพระ หรือนำมาให้ดูที่ร้าน เท่าที่ทราบคนจำนวนไม่น้อยเช่าพระกริ่งปวเรศด้วยหูมากกว่าดูด้วยตา กว่า ๓๐ ปี ที่อยู่ในวงการพระเครื่องเห็นพระกริ่งปวเรศ แท้ๆ ไม่เกิน ๑๐ องค์
    ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของนายสมพร ทันตะเวช หรือ เล็ก รูปหล่อ เซียนพระกริ่งของวงการพระเครื่อง ที่ว่าเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่ครอบครองพระกริ่งปวเรศ ต่างคนต่างยืนยันว่า เป็นของแท้ แม้จะรู้เรื่องการดูพระกริ่งปวเรศ แต่จะไม่ดูให้ใครง่ายๆ เพราะพระกริ่งปวเรศแต่ละองค์ล้วนอยู่ในมือของคนมีอันจะกิน รวมทั้งอยู่ในมือของคนใหญ่คนโตของบ้านเมืองด้วย การจะบอกว่าองค์นั้นปลอมองค์นี้ไม่ใช่อาจจะไม่ปลอดภัยแก่ชีวิต
    ขณะที่ อ.ราม วัชรประดิษฐ์ อาจารย์ประจำสาขาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก บอกว่า ทั้งพระกริ่งปวเรศและพระกริ่งไพรีพินาศ เป็นที่ต้องการของพุทธศาสนิกชน ซึ่งปัจจุบันหาได้ยากเย็นมาก ยิ่งเป็นพระกริ่งปวเรศด้วยแล้ว ขอบอกเลยว่า โอกาสจะเจอยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร ตั้งแต่เกิดมาเคยเห็นองค์แท้ๆ แค่ ๒ องค์เท่านั้น องค์หนึ่งอยู่ในพิพิธภัณฑ์วัดบวรฯ ดังนั้นใครที่จะเล่นพระกริ่งปวเรศ ขอเตือนด้วยความหวังดีว่า ถ้าไม่ชัวร์จริงหันมาเล่นพระกริ่งอื่นๆ สายวัดบวรฯ จะดีกว่า
    0 เรื่อง / ภาพไตรเทพ ไกรงู

    ที่มา :
     
  20. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915
    [​IMG]
    ส่วนโพสต์ของคุณNatachai ก็ใช่ย่อย ทำเก๋งจีนกับเขาเหมือนกัน


    [​IMG]

    เทียบกับ ภาพไตรเทพ ไกรงู
    แล้ว เก๋งของคุณNatachai รุ่นนี้ใหม่ดีนะครับ

    ขอศึกษาด้วยคนนะครับ

    ที่มาของเก๋งจีน : พระกริ่งปวเรศ รุ่น 1 พ.ศ.2434


     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...