พลอยพญานาค...ของรักของหวงของเหล่าพญานาค

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อปัณณกปฏิปทา, 21 ตุลาคม 2008.

  1. พอชูเดช

    พอชูเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,276
    ค่าพลัง:
    +4,339
    สาธุครับ

    -มหาโมทนากับกุศลจิตทุกท่านครับ

    -ของแท้นั้นก็มีอยู่ครับ ส่วนของเทียมมีมากกว่าเช่นกันน่ะครับ

    หากเรามีวาสนา ก็จะได้มาง่ายๆนั่นแหละ

    -ถ้าเราเองสัมผสได้ ก็ไม่ต้องไปยืมจมูกเขาหายใจ เราจะรู้ได้เองครับ

    สาธุ
     
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    แล้วที่ขายกันเกร่อที่ตลาดอินโดจีน มุกดาหารล่ะคะ...
    ยังมีแบบที่เป็นหิน ให้ซื้อมาทุบ...
    และที่แจกกันอีก...
    ที่วัดป่าโนจ่าหอมอีก...
    ฯลฯ
    ?
     
  3. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    เห็นด้วยกับคุณสิงหนวัติทุกประการค่ะ
     
  4. darkphantom

    darkphantom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2006
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +145
    ที่คุณพูดถึงนั้นเรียกว่าแก้วพญานาคครับ เป็นแก้วประจำตัวนาคแต่ละตนเกิดจากบุญบารมีของแต่ละตน(ผมเคยเห็นของอาจารย์เอามาให้ดูครั้งหนึ่ง)
    แต่เพชรหรือพลอยพญานาคเป็นคนละเรื่องกัน เกิดจากการอาราธนาฝนโบกขรณีตอนพระเวสสันดร(ฝนนี้ตกลงมาไม่เปียกสิ่งใด)มาหุงด้วยฤทธิ์จนเป็นพลอยที่ว่าครับ
    สองอย่างนี้เป็นคนละอย่างกันแต่คนชอบเรียกปนกัน
    ยังมีแก้วพญางูอีกอย่างหนึ่งลักษณะเดียวกับแก้วพญานาค คนชอบเข้าใจว่าเป็นอันเดียวกัน
    แก้วพญางูเราจะเคยได้ยินในเรื่องของหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ครับ
     
  5. มีบ้านแต่ไร้กุญแจ

    มีบ้านแต่ไร้กุญแจ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +59
    - -* ... พูดกันในสิ่งที่มีคนรู้น้อย ก็ ต้องมีไม่เข้าใจกันบ้างแหละครับ
    มีหลายข้อมูลก็ดี จะได้แบ่งปันกันครับ
     
  6. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    ใครมีแก้วพญานาคของจริง ก็แบ่งให้ผมมั่งดิ เดี๋ยวผมไปทดสอบดูว่ามันคือแร่อะไร
     
  7. j147852

    j147852 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +608
    เรื่องบางอย่างมันเป็นธุรกิจ นำเอามาพูดไม่ได้เพราะมันอาจจะมีกลุ่มเสียผลประโยชน์

    ได้แต่นั่งเห็นใจผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ
     
  8. Zusana

    Zusana Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2010
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +26
    งง มากมายค่ะ......
    แต่ก็อยากได้สักอันถ้ามีบารมีพออ่ะน่ะค่ะ อิอิ
     
  9. จักราธร

    จักราธร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +180
    ................................................................................
    ผมยังสัมผัสเองไม่ได้..คงต้องขอยืมจมูกคุณลุงพอ...หายใจไปพลางๆก่อนนะครับ...555
     
  10. changpinit

    changpinit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +294
    รูปเพชรพญานาคจากเน็ตครับ
    [​IMG][​IMG][​IMG]
     
  11. คนบางกอก

    คนบางกอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +246
    พอดีได้มาสองเม็ดค่ะ เป็นท่านคนนึงที่ขึ้นไปเอาด้วยตัวเองเลย ท่านขาย Ebay เป็นงานอดิเรกแต่ตัวจริงมีหน้าที่การงานดีมากๆ เช่ามาจาก ebay นี่แหลาะ

    แต่เรื่องเล่าจะเล่ายังไงก็ได้ ที่เชื่อสนิมใจเพราะพลอยสองเม็ดนี้มีคุณสมบัติดังนี้

    1. ผิวไม่เรียบเมื่อส่องด้วยกล้องส่องพระ ผิวเหมือนหินชนิดนึง ถ้าเป็นแก้วผิวจะเรียบมาก
    2. ใสมากๆ หนึ่งเม็ดที่มีเป็นสีน้ำเงินเข้มมากๆ แต่ก็ยังใสสวยมากๆ ไม่เหมือนแก้ว
    3. เวลาส่องกับแดดมีน้ำกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ข้างในจริงๆเช่นที่คุณข้างบนว่า
    4. อันนี้ของปลอมๆยากมาก และคนไม่ค่อยทราบ ดูดแม่เหล็กและเหล็กทุกชนิดค่ะ คือไม่ได้ดูดติดหนึบ แต่จะทำอาการ 'หนึบๆ' ขนาดเอาไปจ่อใกล้ๆลูกบิดประตูยังดึงๆถ่วงๆเลยค่ะ ของปลอมทำไม่ได้แน่ๆ
     
  12. โพชน์

    โพชน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +1,904
    ภาพแรก..ของเลียนแบบ..ของจริงไม่ได้แวววาวเหมือนเคลือบแบบนี้ ภาพที่ 2 ของจริง..ภาพที่ 3 ไม่แน่ใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กรกฎาคม 2010
  13. คนมีองค์

    คนมีองค์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +451
    รูปลูกแก้วพญานาค


    30 ก.ค. 2553


    นี่คือลูกแก้วพญานาคค่ะ , ไม่ทราบเหมือนกันนะคะว่าเรียกถูกรึเปล่าค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351


    เรื่องของเรื่องที่ จขกท จะสื่อก็คือ ไอ้ก้อนหินสีๆนั่น คือการโกหกตอแหลอุปโลกขึ้นมาใช่ป่ะ


    ก็เห็นว่าเริ่มต้นร่ายมาซะยาว....เหนื่อยแทน!!!
     
  15. คนมีองค์

    คนมีองค์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +451
    <DD>ในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๔๘ (ตรงกับวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๘ ปีระกา) พญานาคนามว่า ท้าวศรีสุทโธ ได้นำลูกแก้วมาถวายหลวงพ่อเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน ๕ ลูก และ ท้าวศรีสุริยะเทพอินทร อดีตเจ้าเมืองพนมรุ้ง ได้นำลูกแก้วมาบูชาพระบรมสารีริกธาตุอีก ๒ ลูก เป็นเหตุให้ได้ทราบว่าแม้แต่พญานาคและภพภูมิอื่น ๆ ก็มีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นบรมครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

    <DD>ต่อมาก็ได้วินิจฉัยว่าเป็นส่วน "ข้อพระหัตถ์เบื้องขวา" ของพระพุทธเจ้า ต่อมาท่านเจ้าคุณถาวร วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร กรุงเทพฯ ได้นำความขึ้นกราบทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงให้ท่านเจ้าคุณถาวร ติดต่อขออนุญาตนำไปประดิษฐานชั่วคราว ณ วัดปทุมวนารามฯ กรุงเทพฯ ในปีเดียวกันนี้ วันที่ ๑๔ มิ.ย. ๔๘ ซึ่งพญาศรีสุทโธนาคราชได้นำลูกแก้วพญานาคมาถวายเป็นพุทธบูชาด้วย</DD><DD> <DD>ตามที่ได้เล่าไปแล้วว่า หลวงพ่อได้รับลูกแก้วพญานาคโดย ท้าวศรีสุทโธ นำมาถวายในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๘ โดยบอกว่าเป็นดอกไม้จากเมืองพญานาค ขอน้อมนำมาบูชาพระบรมสารีริกธาตุ เป็นลูกแก้วขนาดใหญ่ มีหลายสี</DD>


    <DD>หลังจากนั้นจึงได้นำ "เกล็ด" ที่ลอกคราบครั้งแรกมาถวายอีก พญานาคเรียก "เสื้อพญานาค" ถูกเก็บไว้ที่เมืองบาดาลนับเวลาได้เป็นหมื่นปี ก่อนจะนำมาถวายได้เหล่านาคต้องประชุมกันอยู่หลายครั้ง ปกติเมื่อพญานาคลอกคราบจะกินคราบของตัวเอง


    <DD>แต่คราบนี้มารดาของท่านเก็บไว้ให้ และท้าวศรีสุทโธได้นำมาถวายเพียงส่วนหนึ่ง เพราะขนาดของคราบนั้นใหญ่และก็ยาวมาก (พญานาคจะลอกครบแต่ละครั้งจะใช้เวลา ๑๐๔ ปี ก่อนจะถอดคราบจะต้องเข้าไปอยู่ในถ้ำ เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นจึงจะถอดคราบได้ เมื่อพญานาคนำมาถวายตอนแรก เกล็ดนั้นจะออกประกายแสงแวววาวสวยงามมาก เมื่อถูกมือคนจับต้อง ประกายแสงจึงได้หายไป)


    <DD>นอกจากนี้ ท้าวศรีสุริยะเทพอินทร อดีตเจ้าเมืองพนมรุ้ง ยังได้นำแก้วประจำเมืองมาถวายหลวงพ่ออีก ๒ ลูก เนื่องจากอดีตชาติหนึ่ง หลวงพ่อเคยได้เกิดเป็นธิดาของท่าน


    <DD>ในกลางปี ๒๕๔๙ ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปวัดหลวงพ่อได้เอาออกมาจากผอบแก้วให้พวกเราดูอย่างใกล้ชิด อธิบายให้เห็นข้อแตกต่างระหว่าง "เกล็ดพญานาค" กับ "เกล็ดงู" ใครขอดูหลวงพ่อก็จะเปิดให้ดู


    <DD>แต่ปัจจุบันหลังจากเปิดรอยพระพุทธบาทแล้ว ผอบแก้วนั้นไม่สามารถเปิดออกได้อีก พระผู้ใหญ่ขอดูหลวงพ่อก็เต็มใจให้ดู แต่สุดวิสัยเพราะเปิดไม่ได้ แต่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก เพราะเป็นผอบแก้ว. (ประทุมศรี ศรีภา - ผู้บันทึก)


    </DD>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2010
  16. คนมีองค์

    คนมีองค์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +451
    <DD>มีเรื่องเล่าว่า "แป้งลูกสาวพญานาค" และ "เกล็ดพญานาค" เมื่อประมาณต้นปี 2538 คณะครูบาแบ่ง ประกอบด้วยพระลูกศิษย์อีก 4 รูปได้ออกจาริกธุดงค์ไปยังเทือกเขาเพชรบูรณ์ เพราะทราบจากพระเกจิธุดงค์รูปหนึ่งว่ามีของวิเศษอยู่ที่ ถ้ำพญานาค ตั้งอยู่ในเขตอำเภอน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์</DD>


    <DD>ในอดีตนั้น "ถ้ำพญานาค" นี้เป็นที่บำเพ็ญศีลภาวนากรรมฐานของพระป่าสายกรรมฐาน ได้มาสำเร็จที่ถ้ำแห่งนี้หลายรูป เท่าที่ทราบก็มี หลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ขาว หลวงปู่ผาง และรูปสุดท้ายคือ พระอาจารย์ทองใบ แต่ก็แทบเอาชีวิตไม่รอด มีเลือดออกทางจมูกและหู แต่ก็สำเร็จมาได้


    <DD>นับจากนั้นมาก็ไม่ปรากฏว่ามีพระเกจิรูปใดกล้าไปที่นั้นอีก ว่ากันว่ามีอาถรรพ์ของ พญานาค ผู้ทรงฤทธิ์สถิตอยู่ที่ถ้ำแห่งนี้ และเจ้าป่าเจ้าเขาก็แรงมาก อีกทั้งสัตว์ป่าอันตรายและโขลงช้างป่าที่ดุเอาการอยู่ คณะของครูบาแบ่งได้ธุดงค์เข้าป่าลึกมุ่งสู่ถ้ำพญานาคตามลายแทงที่พระธุดงค์มอบไห้ไว้ ในเขตป่าแห่งนี้เป็นป่าทึบอากาศหนาวเย็นมากตลอดทั้งปี


    <DD>เมื่อไปถึงปากถ้ำแล้วจึงปักกลดธุดงค์ โดยแยกกันตั้งห่างกันพอสมควร เพื่อสงบเหมาะแก่การภาวนากรรมฐาน ในกลุ่มถ้ำพญานาคนี้ จะมีถ้ำเล็กถ้ำน้อยอยู่ลดหลั่นกันไปถึง 5 ถ้ำมีชื่อเรียกต่างกันไป ครูบาแบ่งท่านจะปักกลดอยู่ปากถ้ำใหญ่ที่อยู่บนสุดที่ชื่อว่า "ถ้ำพญานาค"


    <DD>คืนนั้นเป็นคืนที่มืดสนิทมองไปทางไหนก็เห็นแต่สีดำทมึนของราตรีกาล เสียงป่าเสียงหรีดหริ่งเรไรได้สงบลงเงียบกริบ ได้ยินแต่เสียงลมหายใจเท่านั้น คืนนั้นท่านก็ถูกลองดีซะแล้ว ท่านเล่าให้ฟังว่าเป็นอิทธิฤทธิ์ของเจ้าป่ามาทดสอบ ขณะที่ท่านเจริญภาวนาเข้าสมาธิดีแล้ว


    <DD>ประมาณสักสี่ทุ่มเศษเห็นจะได้ พลันท่านก็รู้สึกได้ว่ามีแสงสว่างเป็นดวงไฟเจิดจ้าค่อยๆ ลอยเข้ามาหาท่าน ยิ่งใกล้ก็ยิ่งใหญ่ขึ้น ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าท่าน ดวงไฟใหญ่จนเต็มไปหมดในดวงไฟนั้น กลับปรากฏว่าเป็นในหน้าของคนที่ท่าทางดุมาก ผิวดำดวงตาแดงราวกับไฟ แต่มีเฉพาะในหน้าเท่านั้นไม่มีตัวตน นิ่งอยู่อย่างนั้นชั่วครู่ใหญ่


    <DD>ครูบาเองไม่ได้หวั่นไหวแต่อย่างใดเพราะทราบอยู่ก่อนแล้วว่าที่นี่มีอาถรรพ์แรงจึงเตรียมตัวพร้อมรับ ท่านจึงได้กำหนดจิตตะคอกถามไปว่า ”ท่านเป็นใคร ต้องการสิ่งใด” ทันใดนั้นก็ปรากฏว่าแสงสว่างวาบขึ้นจนจ้าไปหมด พลันครูบาท่านก็รู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงพระลูกศิษย์เรียกตะโกนมาว่า ”ครูบาๆๆ นิมนต์ลงมาฉันได้แล้วครับ”


    <DD>ไม่น่าเชื่อว่าจะเช้าแล้วเหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดเมื่อครู่นี้เอง ท่านว่าหากเดินทางมารูปเดียวตามลำพังอาจจะตายไปแล้วก็ได้ แต่ด้วยบุญบารมีของท่านจึงรอดมาได้ แสดงว่าเจ้าป่าเขาเปิดทางให้แล้ว เมื่อฉันเสร็จแล้วจึงทำพิธีบัดพลีขอ "แป้งลูกสาวพญานาค" วิเศษนั้นกับเทวดาอารักษ์และพญานาคทั้งหลาย เพื่อนำไปสร้างวัตถุมงคลให้ผู้คนได้บูชาได้ช่วยเหลือผู้ยากได้พ้นจากกองทุกข์


    <DD>แล้วจึงพากันเข้าสำรวจถ้ำ ข้างในถ้ำอากาศเย็นมากยังกับติดแอร์ราวสามสิบตัว โพรงถ้ำสะอาดมากพื้นถ้ำก็ราบเรียบ มีหินงอกหินย้อยกระทบแสงไฟระยิบระยับสวยงามมาก มีลำธารน้ำไหลภายในถ้ำใสมากไม่ทราบไหลมาจากที่ใด มีความเย็นราวกับน้ำแข็งเหยียบเท้าลงไปสดุ้งวาบ ว่ากันว่าตลอด 3 วันที่ไปกันไม่มีใครสรงน้ำที่นั้นเลย ยกเว้นครูบาแบ่งท่านเดียวที่กล้าเข้ามาสรงน้ำในลำธารในถ้ำ


    <DD>ท่านว่าถ้าลองแช่เท้าในน้ำกลั้นใจสักพักน้ำ ก็จะอุ่นเองสามารถสรงได้อย่างสบาย มีความสดชื่นอย่างประหลาด หายปวดเมื่อยทั้งร่างกาย คงเป็นน้ำทิพย์ของพญานาค ใครได้อาบดื่มกินจะช่วยให้มีเรี่ยวมีแรงมากขึ้น สุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บเป็นมงคลต่อชีวิตอย่างยิ่ง วันแรกยังไม่พบอะไร คืนที่สองก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก


    <DD>วันที่ 3 พอเข้าไปในถ้ำอีกสักครู่ก็พบโพรงลึกลงไปในพื้นถ้ำโตขนาดถังน้ำมันสองร้อยลิตร มีลมพัดสวนขึ้นมาแผ่วๆ หลวงพี่อำนวยจึงอาสาเป็นผู้กล้ามุดลงไปผูกสบงเป็นโจงกระเบนเตรียมไฟและถุงกับย่ามค่อยไต่โรยตัวลงไป พบว่าด้านล่างเป็นห้องโถงใหญ่มีหลายห้องลึกยาวเข้าไป สภาพสะอาดกว่าข้างบนซะอีก มีธารน้ำและหาดทรายด้วย แต่ทว่าทรายนั้นเป็นสีดำ นี่คือทรายที่พญานาคก่อนจะเข้าถ้ำจะคลายพิษทิ้งไว้


    <DD>เมื่อเดินเข้าไปอีกก็พบรูปหินคล้ายลำตัวพญานาคทอดยาวไปขนาดใหญ่สูงกว่าตัวคน มีหัวอ้าปากมีเขี้ยวมีหงอนคล้ายพญานาคแกะสลักยังไงก็ยังงั้น แต่ช่วงกลางลำตัวและส่วนหางจนหายไปในผนังถ้ำ ตามละตัวมีเกล็ดเป็นหินแก้วขนาดใหญ่เรียงซ้อนคล้ายกับเกล็ดงูแกะสลักไว้ กระทบแสงสะท้อนแวววาวยังกับกระจกหลากสีสวยงามมาก อย่างนี้นี่เองที่พระเกจิในอดีตท่านขนานามไว้ว่า ”ถ้ำพญานาค”


    <DD>บริเวณใกล้กันเป็นห้องโถงมีแท่นคล้ายเตียงนอนขนาดใหญ่ มีหินงอกย้อยลงมาคล้ายม่าน ใกล้ๆ กันมีบ่อเป็นหลุมขนาดครกตำข้าวในหลุมนั้น มีแป้งฝุ่นละเอียดอ่อนสีขาวนวล มีกลิ่นหอม นี่เองที่เขาเรียกว่า “แป้งลูกสาวพญานาค” หลวงพี่อำนวยจึงรีบโกยแป้งนั้นใส่ถุงจนหมด และรีบกลับออกมาโกยเอาทรายดำใส่ถุงและรีบปีนขึ้นมา


    <DD>เมื่อกลับมาถึงข้างบนปรากฏว่า "ทรายดำ" นั้นกลายเป็นฝุ่นสีดำปนเหลืองคล้ายขี้มอด หลวงพี่อำนวยกลับโมโหใหญ่รีบคว้าคลานมุดลงไปอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้พบรอยเลื้อยของงูใหญ่อยู่บนหาดทรายและพื้นดินเลน เอามือลูบดูเป็นเมือกรื่นๆ ดมดูมีกลิ่นคาว และมีเกล็ดงูขนาดใหญ่กระทบแสงแวววาวหล่นอยู่ตามรอยเลื้อยนั้น


    <DD>หลวงพี่อำนวยตกใจมากจึงเอามือรูดๆ รีบเก็บเอาเกล็ดนั้นมา แล้วเข้าไปใช้ขวานถากเกล็ดแก้วพญานาคที่หินรูปพญานาคนั้นทันที ครั้งแรกถากไปตามเกล็ดขวานกลับเด้งขึ้นไม่ละคายผิวเลย จึงลองกลั้นใจใหม่ถากย้อนเกล็ด ปรากฏว่าแผ่นแก้ว "เกล็ดพญานาค" หินนั้นหลุดออกมาทันที แล้วจึงรีบเก็บโกยเข้าถุงรีบปีนกลับขึ้นมาอย่างเร่งรีบ เนื้อตัวเปียกปอนสบงที่สวมขาดวิ่น เนื้อตัวถลอกปอกเปิกไปหมด ท่านว่าใช้เวลาลงไปแค่อึดใจเท่านั้นแต่เหมือนกับนานมาก เพราะมีความกลัว


    <DD>ครูบาบอกว่าโชคดีแล้ว ถ้าช้ากว่านี้หรือครั้งแรกลงไปนานเกิน อาจจะพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนอาจจะตายก็ได้ จากนั้นก็รีบถอนกลดธุดงค์เดินทางกลับทันที กลับมาถึงวัดหลวงพี่อำนวยป่วยไปถึงสามเดือน รักษาอยู่นานอาการจึงเป็นปกติ


    <DD>แต่ก็คุ้มที่ได้ "แป้งลูกสาวพญานาค" มา แถมด้วย "เกล็ดพญานาค" และ "เพชรพญานาค" (ถากมาจากรูปหินพญานาค) เป็นแก้วขาวมีทั้งใสและขุ่น มีความแววาวสวยงามมากไม่เหมือนอัญมณีใดๆ บนโลกนี้เลย เกล็ดพญานาค นั้นเป็นของวิเศษสามารถส่งเสริมดวงชะตาบารมี ป้องกันเภทภัยต่าง ป้องกันภูตผีปิศาจของเสนียดจัญไร ป้องกันคุณไสยดำต่างๆได้เป็นอย่างดี และเสริมการอธิษฐานให้แรงยิ่งขึ้น.


    ที่มา - krubabang.com "เว็บตามรอยพระพุทธบาท"

    </DD>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. คนมีองค์

    คนมีองค์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +451
    อ่านมา หลายคนพูดเหมือนรู้จริงไม่จริงบ้าง ดิฉันไม่ทราบหรอกค่ะว่าใช่มั้ย แต่พอจะมีประสพการณ์เกี่ยวกับสิ่งนี้อยากเล่าสู่กันฟังนะคะ
    เมื่อวันที่ 23 พค.2547 ดิฉันเคยได้ลูกแก้วพญานาคมาเป็นสีฟ้า คุณพ่อให้มา ท่านก็เป็นผู้ปฏิบัติพอควรค่ะ เมื่อท่านให้มา ดิฉันเห็นว่าสวยดี ก็รับมา ตอนนั้นไม่ทราบค่ะว่าเป็นสิ่งศักสิทธิ์ คิดว่าเป็นเครื่องประดับ แล้วจู่ๆก็หายไปค่ะ พอไปที่บ้านคุณพ่อ ท่านว่า กลับมาอยู่กับพ่อแล้ว
    จากนั้นท่านก็ไม่ให้อีกแลย จนกระทั่งมาปีนี้ เมื่อเดือน มิถุนายน คุณพ่อเพิ่งให้ดิฉันมาค่ะ ก็ว่าจะเอาไปใส่กรอบ พอไปถึงที่ร้าน ปรากฏว่าหายค่ะ สามีบอกว่า ท่านคงไม่อยากอยู่ในกรอบ หรือไม่อยากให้ทำเป็นเครื่องประดับ แต่พอกลับมาบ้านก็เจอ ทั้งที่ดิฉันและสามีช่วยกันหาในกระเป๋าถือของดิฉันแล้วนะคะ แต่ไม่พบ แต่พอกลับมาบ้านก็มาเห็น อยู่ในกระเป๋านั่นหล่ะค่ะ ,, ดิฉันก็ยังคิดว่า ตัวเองตาไม่ดีเอง สุดท้ายก็เอาท่านไปใส่กรอบจนได้ ดิฉันปวดหัวตั้งกะวันที่เอาท่านไปใส่กรอบ สามีก็รู้สึกหายใจไม่ถนัด ตกกลางคืนท่านมาบอกว่า ท่านไม่ชอบอยู่ในกรอบแบบนี้ อึดอัด เท่านั้นค่ะ รุ่งขึ้นดิฉันรีบไปเอากรอบออกเลยค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2010
  18. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    อยากได้ของจริง สงสัยต้องไปขอท่านพญานาค จริงแท้แน่นอน ถ้าเป็นของบนโลกมนุษย์ก็เป็นธาตุ 4 ขันธ์ 5 นี่แหละครับ เอิ้กๆๆๆ
     
  19. คนมีองค์

    คนมีองค์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +451

    3 ตค.2553


    เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า "ทำดี ทำมากๆ เดี๋ยวก็จะได้ดี" แต่อยากอธิบายว่า หากเป็นของดี แล้วนำมาขายทำไม มณีใต้น้ำ เป็นสิ่งที่พญานาคท่านประทานมาให้ เพื่อมาแลกเป็นเงินแล้วสร้างวัด สร้างกุฏิ หรือทำบุญอื่นๆ แล้วบุญบารมีนั้นๆ ท่านจะได้รับด้วย

    แต่บางที เคยได้ยินคำพูดนี้มั้ยคะ "สิ่งใดก็ตามแม้ได้มาโดยสุจริต แต่หากไม่ใช่ของๆเรา สิ่งนั้นก็ต้องกลับไปอยู่กับเจ้าของเดิมเสมอ"


    อันนี้ดิฉันเจอมากับตัว ไว้ถ้าคุณสนใจ ก็จะเล่าให้ฟังค่ะ


    คนมีองค์
     
  20. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649
    ส่วนตัวไม่เคยคุยกัยท่านพญานาคครับ แต่ จขกท.แน่จริงๆที่คุยกับพญานาคได้ ผมเป็นคนชอบพิสูจน์ครับ อะไรที่ว่าลึกลับไปพิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วทั้งนั้น บางที่เค้าบอกว่าเป็นเมืองพญานาคห้ามนอนค้างคืนเดี๋ยวจะโดนดี ปรากฏว่าผมนอนอยู่ เดือนกว่าไม่เจออะไรเลย ที่ใหนว่ามีเหล็กไหลผมก็ไป ได้มาแต่เป็นก้อนและขี้เหล็กไหล ที่ไหนมีผีมีเปตรผมไปมาหมดแต่ก็ยังไม่เจออะไร
    จนมีอยู่ครั้งหนึ่งไปหาแร่กายสิทธิ์ ตกดึกก็พากันกลางกลดนอน ปรากฏว่าพอหลับตาเท่านั้นก็มีเสียงฝีเท้าเดินไปมารอบกลด กลัวก็กลัวไม่รู้จะทำยังไง สวดมนต์แล้วมันก็ไม่ไป ทำยังไงมันก็ไม่ไป ระหว่างที่มีอาการของความกลัวขึ้นสมองอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงอาจารย์ดังขึ้นมาว่า
    "โยมจะมาพิสูจน์ความจริงไม่ใช่หรือ โยมเดินทางมาตั้งไกลยังเอาความกลัวมาด้วยหรือ จะพิสูจน์ความจริงต่อไปอะไรได้ อยู่ดีๆก็กลัวในสิ่งที่ยังไม่พิสูจน์ว่าสิ่งนั้นคืออะไร" พอสิ้นเสียงของท่านพระอาจารย์เท่านั้นผมก็ตัดสินใจจับไฟฉายสาดไปรอบตัว แต่ก็ไม่เห็นอะไร ผมสาดไฟฉายไปสักพัก ก็ตัดสินใจออกจากกลด ฉายไฟดูให้ชัดๆอีกรอบว่ามันคืออะไร ก็ยังไม้เห็นอะไรอีก แต่เสียงฝีเท้าก็ยังไม่เงียบสักที ตาย ตาย ตาย ต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่แน่ๆ ผมรวบรวมลมหายใจสาดไฟดูอีกครั้งหนึ่ง คราวนี่สาดไปรอบๆ แล้วสาดไฟขึ้นบนเผื่อจะเห็นเปตรบ้าง แต่ก็ไม่เห็นอะไร จากนั้นผมก็สาดไปลงด้านล่าง โอ้ตายฉิบที่เรากลัวทั้งคืน กลัวจนขี้หดตดหาย กลัวปลวกหัวแข็งนี่เอง ปลวกนี่ตัวใหญ่มากหัวก็โตเวลามันเดินก็จะเอาหัวกระแทกกับใบไม้ทำให้เราได้ยินเสียงเหมือนคนเดิน ครับก็ตั้งแต่นั้นมาผมกับผีและเทพเทวดาก็อยู่กันคนละโลกไปเลย แค่เสียงก็ทำให้เราอุปธานเป็นเรื่องเป็นราวได้
    ที่เราเรื่องนี้ให้ฟังเพราะเหล็กไหล(ที่เป็นลักษณก้อน)ผมเชื่อเพราะพิสูจน์มาแล้ว หินเมืองบาดาลหรือเพชรพญานาคผมก็เชื่อไปเจอด้วยตัวเองมาแล้ว อย่างที่ จขกท.เล่านั้นผมก็ไม่แน่ใจว่าท่านคุยกัยปู่ว่ายังไงเพราะผมไม่เคยคุยกับสิ่งที่อยู่ต่างภพ แต่ที่ผมรู้ก็คือพญานาคท่านก็ต้องการให้ทานผ่านทางเรา เพชรพญานาคนั้นก็เป็นสมบัติของเขา ก็เหมือนเราใช้เงินนี่แหละ การที่เขาให้เรามาก็เพราะต้องการทำทานบารมีต่อ แต่ของจริงจะออกในช่วงเข้าพรรษาจนออกพรรษาเท่านั้น ถ้าออกเกินกว่านั้นของปลอม

    ต้องขออภัยในความเห็นไม่ตรงกับคนอื่นนะครับผมเจอมาอย่างนี้ผมก็เล่าอย่างนี้

    ปล.อยากได้ธาตุเหล็กไหลไว้บูชาเชิญได้ครับแจกฟรีคิดแต่ค่าส่งติดตามได้ตามนี้เลยครับ
    แจกธาตุเหล็กไหลฟรี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...