พระเครื่อง วัตถุมงคล ลด 15 % จัดส่งฟรี ถึง 31 มกรา

พญาคชสีห์เชิญธง หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย พระนครศรีอยุธยา

มหาอำนาจ วาสนา บารมี แก่ตนเอง แคล้วคลาดกันภัยจาก เขี้ยว งา ตะขาบ แมลงป่อง งูพิษต่างๆ ทั้งยังเป็นเมตตามหานิยม ค้าขายรุ่งเรือง คงกระพันชาตรี ดีนักแล
คาถาบูชา
ตั้งนะโม 3 จบ น้อมระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา อีกทั้งครูอาจารย์ แล้วว่าพระคาถานี้
นะโมพุทธายะ นะมะพะธะ จะภะกะสะ นะมะอะอุ พุทโธ อะระหัง อิติมุลิ ประสิทธิเม
สวดเช้า 1 จบ เรียกโชคลาภ เย็น 1 จบ ป้องกันเสนียดจัญไรทั้งปวง

449

 

ล็อคเก็ต หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

249

 

สมเด็จศรีอินทราทิตย์

หลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุน พุทธาภิเษกในงานเป่ายันต์เกราะเพชร ๔ ตุลาคม ๒๕๕๑
หลวงพี่เล็กท่านกล่าวไว้ว่าระหว่างที่พิจารณาแบบอยู่นั้น มีเสียงบอกว่า “ให้ชื่อว่าพระสมเด็จศรีอินทราทิตย์” พร้อมกับแจ้งความหมายให้ทราบ ดังนี้
๑. คำว่า พระสมเด็จ หมายถึง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๒. คำว่า ศรี หมายถึง สิริ คือ มิ่งขวัญประจำวันเกิด
๓. คำว่า อินทราทิตย์ หมายถึง ยิ่งใหญ่ประดุจดวงอาทิตย์
ปกติแล้วในการพุทธาภิเษก อาตมาไม่เคยขอสิ่งใดเป็นพิเศษ แต่ครั้งนี้เนื่องจากญาติโยมทั้งหลาย
กลัวแผ่นดินไหว เขื่อนแตก น้ำท่วม กันมาก อาตมาจึงกราบขอพระท่าน ช่วยเสกให้สามารถป้องกัน
อันตรายจากภัยธรรมชาติต่าง ๆ ได้ด้วย

พระท่านตรัสว่า “พวกเราส่วนใหญ่เคยเป็นทหาร ไปตีบ้านตีเมืองคนอื่นเขา ผลกรรมนี้ทำให้ต้องสูญเสียชีวิต
และทรัพย์สินด้วยภัยธรรมชาติ หรืออุบัติภัยหมู่ ถ้าจะให้พ้นไปเลยก็ฝืนกฎของกรรมจนเกินไป...

เอาเป็นว่า ถ้าเกิดภัยธรรมชาติหรืออุบัติภัยหมู่ขึ้น ตามแรงกรรมที่เคยทำไว้ จะช่วยให้สูญเสียแค่ทรัพย์สินเท่านั้น
ส่วนชีวิตจะปลอดภัย”
พระสมเด็จศรีอินทราทิตย์นี้ อาราธนาด้วยการสวดบทพุทธคุณ(อิติปิโส) ธรรมคุณ(สวากขาโต) สังฆคุณ(สุปฏิปันโน) ๓ จบ แล้วอธิษฐานเอาตามอัธยาศัย

599

 

เหรียญฉลุ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง เนื้อโลหะ

299

 

ขุนแผนอุ้มนาง หลวงปู่ชื่น วัดตาอี บุรีรัมย์ สีเขียว ปี 2545

หลังม้าเสพนาง ชิ้นนี้ไม่ใช่พระนะครับ

วัตถุมงคลรุ่นรับทรัพย์นี้ทำพิธีพุทธาภิเษกเดี่ยวโดยพระเดชพระคุณหลวงปู่ชื่น ที่ปราสาทพนมรุ้ง

โดยหลังพิธีหลวงปู่บอกว่าเห็นนางฟ้านางอัปสร มาโปรยดอกไม้ทิพย์ไปยังวัตถุมงคลที่หลวงปู่ปลุกเสกด้วย จึงไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าทำไมวัตถุมงคลรุ่นนี้จึงได้รับความนิยมมากและมีผู้นำไปใช้แล้วดีมีประสบการณ์สูง เพราะแม้แต่เทพเทวดาก็ยังลงมาอวยพรให้

ถือเป็นขุนแผนในตำนานของท่าน องค์นี้สีเขียว ฝังตะกรุด 3 ดอกด้านหน้าเป็นรูปขุนแผนชมนาง ฝังพลอยสีแดง ด้านหลังเป็นรูปม้าเสพนาง (ไม่ลงรูปด้านหลัง) ขุนแผนรุ่นนี้เป็นหนึ่งในวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และมีประสบการณ์มากที่สุดอีกรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ เป็นที่เสาะแสวงหาของผู้คนเป็นอย่างมาก

หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ (มรณภาพในปี 2547) ยอดพระเกจิอาจารย์สายเขมรที่มีสายพระเวทย์สุดเข้มขลังเปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี มีพลังจิตญานขั้นสูง หลวงปู่ท่านเป็นพระสงฆ์ สายวิปัสนากรรมฐาน ถือธุดงค์เป็นวัตร ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์สายเขากุเลนซึ่งเป็นสถานที่ ในการเจริญวิปัสสนากรรรมฐานและพระเวทย์วิทยาคมขั้นสูง และยังเคยฝากตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าอีกด้วย ซึ่งข้อมูลนี้น้อยคนที่จะรู้ วัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้ทำการอธิษฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่แรง เห็นผล และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บูชามากมาย โดยเฉพาะทางมหาเสน่ห์ เมตตา-มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย วัตถุมงคลของท่านหลายรายการที่สร้างออกมาแล้วสร้างประสบการณ์ใช้กับผู้ใช้บูชามากเป็นที่กล่าวขานกัน เช่น กุมารทองที่มีประสบการณ์สูงทางด้าน โชคลาภ ค้าขาย และ ขุนแผนของท่านก็เป็นที่นิยมสูง ถึงแม้หลวงปู่ท่านจะมรณภาพไปแล้วแต่ก็ยังมีผู้คนเสาะแสวงหาวัตถุมงคลของท่านอยู่ไม่ขาด เพราะว่าใช้แล้วเห็นผลดี

599

 

เหรียญเมตตายิ่ง ครูบาอริยชาติ อริยจิตโต วัดแสงแก้วโพธิญาณ เชียงใหม่

449

 

เนื้อว่าน 108 ฝังโลหิตธาตุ หลวงปู่ต้นบุญ วัดทุ่งกุลาเฉลิมราช ร้อยเอ็ด วัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมอย่างสูง

หลวงปู่ต้นบุญ ติกขปัญโญ นามเดิมชื่อ ต้น วงศ์ดวงผา เป็นบุตรของนาย บัญชา และ นาง พิสมัย วงศ์ดวงผา เกิดที่ บ้านนาเหมือง อำเภอ พังโคน จังหวัด สกลนคร กำเนิด วันเสาร์ ที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๓ในช่วงวัยเยาว์ของท่านนั้น ท่านก็ไม่ได้รับความอบอุ่นของอ้อมกอดในบิดา มารดา เหมือนดังเด็กคนอื่นๆ เพราะ บิดา มารดา ของท่านได้แยกทางกันตั้งแต่ท่านยังไม่หย่านม ท่านได้ถูกคุณยายของท่าน คือ คุณยายวันดี ภูชะธง เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ จนท่านเริ่มจะหัดเดินได้ แต่เมื่อชะตาชีวิตกำหนด จากนั้นไม่นาน คุณยายก็ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งในปอด เด็กชาย ต้น จึงต้องย้ายมาอาศัยอยู่กับลุงและยายทวดที่บ้านอีกแห่งหนึ่ง ตั้งแต่อายุ๓ขวบ จวบจนเรียนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่๑

ลักษณะและอุปนิสัยในวัยเยาว์

เด็กชาย ต้น ในวัยเยาว์มีร่างกายที่เล็ก คล้ายจะขี้โรค ผิวคล้ำเพราะตรากตรำกรำแดดกรำฝน แววตาคมกล้าขี้สงสัย แม้ว่าเด็กชาย ต้นจะไม่ได้อยู่กับ บิดา มารดา เหมือนดังเด็กคนอื่นๆ แต่เด็กชาย ต้นก็ไม่เคยที่จะมีความรู้สึกนึกคิดว่ามันเป็นปมด้อย แต่กลับกลายเป็นปมเด่นที่ทำให้ทั้งกายและใจของ เด็กชาย ต้น มีความเด็ดเดี่ยวและมีความเข้มแข็งรักสนุก อีกทั้ง กล้าหาญอดทน มากยิ่งกว่าเด็กๆทั่วๆไปในวัยไล่เลี่ยกัน จึงทำให้ เด็กชาย ต้นเป็นผู้นำของกลุ่ม ที่เล่นซุกซนทั่วๆไปตามประสาของเด็กๆ

เหตุแห่งบรรพชา

บุคคลทั้งหลายเมื่อใช้ชีวิตไปตามวิถีของแต่ละคนแล้วทุกๆคนก็คงจะต้องมีความแปรเปลี่ยนที่สำคัญครั้งใหญ่ของชีวิต หลวงปู่ต้นบุญ ติกขปัญโญ ก็เช่นกันการที่ท่านได้ผ่านการตายมานับครั้งไม่ถ้วนในวัยเยาว์ทำให้ท่านเข้าใจในเรื่องของ หลักไตรลักษณ์ คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ได้เป็นอย่างดีผู้หนึ่ง ครั้งนั้นเด็กชาย ต้น มีวัยสิบขวบ ในวันหนึ่งสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดได้เกิดขึ้นจนแทบตั้งตัวไม่ทัน เย็นวันนั้นเอง เด็กชาย ต้น อาการไม่ค่อยสู้ดี เกิดป่วยไข้ โดยมีอาการ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ร้อน ๆ หนาว ๆ ไข้สูงตัวร้อนดุจไฟเผา มีตุ่มแดงขึ้นตามตัว เลือดกำเดาไหลซึมออกมาจากจมูกตลอดเวลาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด อาการของเด็กชาย ต้น ทรุดหนักลงเรื่อยๆ ลุงกับป้าของท่านตกใจมากรีบพาท่านส่งโรงพยาบาล หมอตรวจอาการไข้ของเด็กชาย ต้น อย่างละเอียดพบว่าอาการที่เป็นคืออาการของโรคไข้เลือดออกระยะสุดท้าย! ต้องเข้ารักษาตัวอย่างเร่งด่วน และคืนนั้นเองท่านนอนหมดเรี่ยวแรงลมหายใจแผ่วล้าของท่านแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ สติเหมือนสวิตซ์ไฟที่ใกล้หมดอายุติด ๆ ดับ ๆ ขาดเป็นห้วง ๆ ไม่เป็นจังหวะ แล้วในที่สุด ก็ดับวุบลงในทันที! สักพักใหญ่ท่านได้ลืมตาขึ้นรู้สึกตัวเบาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆท่านจึงลุกขึ้นจากเตียง พอท่านยืนมองมาที่เตียงกลับพบตนเองนอนอยู่บนเตียง!
ภาพที่เห็นทำให้เด็กชายต้นตกใจมาก ร่างไร้วิญญาณนอนนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ ร่างกายขาวซีด ท่านมองร่างของตัวเองอย่างตกตะลึงรู้สึกชาตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะและ ร้องไห้ออกมาอย่างลืมตัวจู่ๆ ภายในห้องก็มีลำแสงสีขาวจ้าส่องสว่างไปทั่ว ลำแสงนั้นทำให้ห้องทั้งห้องสว่างโพลงไปหมด เด็กชายต้นมองดูอย่างตื่นกลัว อุโมงค์สีทองอร่ามสว่างวาบปรากฏขึ้นตรงหน้า มันทอดยาวไปไกลสุดตา เด็กชายต้นตกใจถอยไปจนติดมุมห้อง ที่ปลายอุโมงค์มีเสียงกลุ่มคน กวักมือร้องเรียกอยู่ เสียงอันโหยหวน เยือกเย็น เด็กชายต้นกำลังจะก้าวขาตามเสียงนั้นออกไป ทันใดนั้นเองมีเสียงดังแทรกขึ้นมา เสียงนั้นดังก้องกังวาน มันเป็นน้ำเสียงของชายชรา แต่มีพลังเต็มเปี่ยมอยู่ภายใน ทำให้ฉุดสติของท่านให้กลับคืนมา มือของชายชราจับแขนข้างหนึ่งไว้ “จะไปไหน” เสียงที่สงบ เยือกเย็นกังวานดุจระฆังของชายชรา เอ่ยถามขึ้น ท่านพยายามมองหน้าชายชราผู้นั้น แต่แสงในห้องสว่างจ้าจนเขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของชายชราผู้นั้นได้เลยแม้ว่าจะพยายามเอามือป้องตาเพื่อหลบแสงจ้าแล้วก็ตาม“ไม่รู้ครับ เขาเรียกให้ผมไป” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเศร้า อย่างไม่มีทางเลือก “เจ้าอยากตายหรือ อยากอยู่” เสียงกังวานและมีพลังของชายชราร้องถามขึ้น “ผมไม่อยากตาย” เขาตอบเสียงสั่นเครือด้วยความกลัว “ถ้าเจ้าไม่อยากตายเจ้าต้องสัญญากับข้าก่อน ถ้าเจ้าเรียนจบแล้วเจ้าจะต้องบวช” เสียงนั้นดังก้องอยู่ในโสดประสาท เด็กชายต้นตอบไปอย่างไม่ต้องคิด “ก็ได้ครับผมสัญญา ผมจะบวช” ทันใดนั้นเองแสงสว่างจ้าสีขาวก็ดับวูบหายไปเด็กชายต้นสะดุ้งตัว ลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียง มองไปข้างเตียงเห็นคุณยายนอนฟุบหลับนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ แม้พยายามคิดถึงสิ่งที่เห็นว่ามันเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่ แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลยแม้แต่น้อย กาลเวลาหมุนไปตามวัฏฏะ ชีวิตของเด็กชายต้นล่วงเลยย่างเข้าอายุ ๑๑ ปี ก็ได้มีเหตุการณ์พลิกผันดุจสายฟ้าฟาดก็บังเกิดขึ้น! วันหนึ่งเด็กชายต้นชวนเพื่อนไปปีนต้นหมากเม่า ต้นไม้ใหญ่ มีผลเป็นเม็ดเล็ก ๆ เพื่อรับทานตามประสาพร้อมกับเพื่อนอีกสามคนเด็กชายต้นรีบปีนขึ้นไปบนต้นไม้หมายจะเก็บผลหมากเม่า เขาค่อย ๆ ปีนสูงขึ้นจนเกือบจะถึงยอดไม้ ด้วยความคะนอง จึงกระโดดขย่มกิ่งต้นหมากเม่า แต่เพราะฝนที่เพิ่งขาดเม็ดไป เท้าของเด็กชายต้นลื่นเหยียบกิ่งไม้พลาดร่วงตกลงมาจากต้นหมากเม่าที่สูงลิบลิ่ว ร่างอันบอบบางลอยเคว้งหน้าคว่ำ ตกลงมากระแทกพื้นดินอย่างแรงเสียงร้องโอดโอยดังผ่านความเงียบมาด้วยความทรมาน ความเจ็บปวดที่หน้าอก ดั่งใจจะขาดออกจากกันทวีความรุนแรงขึ้นดังใครเอาเสาเข็มมาตอกทะลวงลึกเข้าไปเด็กชายต้นมองดูร่างของเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ด้วยความตกใจขวัญเสียเด็กชายต้นเอามือลูบร่างอันบางใสของตนเองอย่างตื่นกลัว เราตายแล้ว? ทันใดนั้นเอง ร่างของพระผู้ชรารูปหนึ่งปรากฏกายขึ้นท่านห่มจีวรสีเปลือกมังคุด แขนขายาว รูปร่างสูงใหญ่เปี่ยมด้วยรังษีแห่งเมตตาธรรมได้กล่าวว่า “ที่ว่าจะบวชน่ะ จริงรึเปล่า” ท่านถามด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเคยได้ยินมาก่อน มีความคุ้นเคย อ่อนโยนและเต็มไปด้วยเมตตา เด็กชายต้นว่า“จริงครับ แต่ผมยังเรียนไม่จบเลย”พระชราว่า“ถ้าเจ้าบวชแล้ว ต่อไปข้าจะมาอยู่กับเจ้าด้วย” เด็กชายต้นว่า“บวชครับ บวช บวชแน่นอน” หลังจากวันนั้นแม้วันคืนล่วงไปอย่างแสนจะธรรมดา แต่ความไม่ธรรมดาในมรรคคาแห่งธรรม ได้เข้าสู่ใจของเด็กชายต้นทีละน้อยแม้วัยเพียง11ปีเศษ แต่เมื่อจิตนิ่งเป็นสมาธิจะรู้สึกมีกระแสพลังงานเข้ามาในร่างกาย ดังกับร่างของถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน เป็นตัวเองส่วนหนึ่ง และพลังแฝงที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออะไรอีกส่วนหนึ่งจนบางครั้งต้องตั้งสติคิดไปนานับประการเด็กชายต้นได้เห็นถึงความตายหลายครั้งทำให้พิจารณาถึงความตายที่เขาว่ายังไกลแท้จริงใกล้แค่เอื้อมและ เหตุนี้เองความรู้สึกอยากบวชได้แน่วแน่อยู่ในใจ ใครเล่าจะทราบได้ว่าจุดนี้เองเป็นจุดหนึ่งที่กำเนิดพระสุ-ปฏิปันโนขึ้นในภายภาคหน้า หลวงปู่ต้นบุญ อริย-สงฆ์แห่งทุ่งกุลา ผู้เป็นเนื้อนาบุญแห่งอีสานใต้

บรรพชามุ่งสู่มรรคา มหาบารมี

หลังจากผ่านวันคืนล่วงมาจนท่านเรียนจบชั้นม.1เวลาผ่านไปเป็นปีเด็กชายต้นไม่เคยลืมเลือนที่จะบวช แต่ที่ผ่านมาผู้ปกครองยังไม่อนุญาตให้บวช ความเบื่อหน่ายทำให้เห็นว่าการมีชีวิตแบบเดิมๆเกิดความซ้ำๆซากๆน่าเบื่อหน่ายเพียงใดจนกระทั่งวิถีแห่งธรรมได้บังเกิดขึ้น เด็กชายต้นได้บรรพชาเป็นสามเณรในภาคฤดูร้อน ที่วัดดงเชียงเครือ จ.สกลนคร เมื่อปี พ.ศ.2537และเมื่อเปิดภาคเรียนลุงของท่านต้องการให้สึกไปเรียนต่อแต่ด้วยความที่ท่านไม่ต้องการลาสิกขา แม้จะเป็นสามเณรแต่ท่านก็มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินตามรอยบาทแห่งองค์พระศาสดาพระตถาคตเจ้า ท่านจึงตามพระอาจารย์ไพศาลไปที่ วัดอรุญรังษี จ.หนองคาย และบำเพ็ญสมณะธรรมอยู่ที่วัดชั่วเวลาหนึ่งโดยไม่ได้ติดต่อไปที่บ้านอีก และวันหนึ่งสามเณรต้นก็ได้รู้จักกับท่านอาจารย์คำสิงห์เมื่อคุ้นเคยกันอาจารย์คำสิงห์ก็ชักชวนไปเที่ยวธุดงค์ประเทศลาว เมื่อไปอยู่ที่ลาวก็ได้ไปพบเจอครูบาอาจารย์คือ หลวงปู่พระธรรมรักขิต(หลวงปู่ใหญ่บรมครูเทพโลกอุดร) และหลวงปู่สิงขร หลวงปู่ต้นบุญได้ศึกษาสรรพวิชา ข้อวัตรในการประพฤติธรรม จากครูบาอาจารย์พอสมควรแล้ว จึงกราบลาครูบาอาจารย์เที่ยวธุดงค์โดยลำพัง แถบประเทศลาว เขมรและที่ต่างๆประมาณเกือบ ๓ปีจนกลับมาเมืองไทย

ศาสนกิจของหลวงปู่ต้นบุญเมื่อกลับสู่บ้านเกิดในภาคอีสาน คือการเผยแพร่พระพุทธศาสนา และการสร้างวัดสร้างพระธาตุเจดีย์ ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๕ – ๒๕๔๙ ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสงฆ์สำนักปฏิบัติธรรมพระธาตุศรีจำปามหารัตนาราม บ้านคำน้ำเย็น ตำบลพังโคน อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร ได้สร้างความเจริญให้แก่สำนักฯ ตลอดจนสร้างพระธาตุศรีจำปามหารัตนมณี (สมโภชเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗) นอกจากนี้ยังได้บูรณะปฏิสังขรพระธาตุเจ้าผู้ข้า ณ วัดพระธาตุเจ้าผู้ข้าอัฐถาวาส บ้านไผ่ทอง ตำบลช้างมิ่ง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร (สมโภชเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗) และ พระธาตุพุทธนิมิตร ณ วัดผาเทพนิมิต บ้านดงสว่าง ตำบลนิคมน้ำอูน อำเภอนิคมน้ำอูน จังหวัดสกลนคร (สมโภชเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗)

พิธีเทวาภิเษกมหาพุทธาภิเษก ณ วัดป่าทุ่งกุลาเฉลิมราช ร้อยเอ็ด วันที่ 27 มิถุนายน 2552 เปี่ยมด้วยพุทธคุณ เพราะท่านนำมวลสารต่างๆที่เก็บรวบรวมไว้ตั้งแต่เป็นสามเณร ในประเทศไทย ลาว เขมร และว่านต่างๆหลายร้อยหลายพันชนิด ผ่านพิธีเทวามหาพุทธาภิเษกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนมาผสมในเนื้อพระทุกองค์ ด้านหลังเป็นนาคเกี้ยว ตรงกลางลงยันต์นะโมพุทธายะ (พระพุทธเจ้า5พระองค์) ล้อมรอบด้วยยันต์อิสะวาสุ บนสุดลงหัวใจขุนแผน สุนะโมโล

รายนามพระเกจินั่งปรกอธิษฐานจิต
1.หลวงปู่หนูอินทร์ กิตติสาโร รองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์
2.สาธุเจ้าสุริยันต์ โฆษะปัญโญ วัดป่าพุทธวราราม กาฬสินธุ์
3.พระครูอัมพรสุนทร สุนทราจาโร เจ้าอาวาสวัดป่าสามัคคีธรรม สกลนคร
4. หลวงพ่อนิภา นิภาธโร วัดป่าบ้านดงหนองดอ อุบลราชธานี
5.หลวงปู่ต้นบุญ ติกขปัญโญ วัดป่าทุ่งกุลาเฉลิมราช ร้อยเอ็ด

349

 

พระปิดตามัดข้าวต้ม หลวงปู่สี ฉันทะสิริ วัดถ้ำเขาบุญนาค นครสวรรค์

เนื้อพระประกอบด้วย ผงว่าน ๑๐๘ ดอกบัวบูชาหลวงพ่อโสธร ขี้ธูปจากที่บูชาพระสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ขี้ธูปดอกไม้จากศาลหลวงพ่อหลักเมือง ดอกไม้บูชาพระแก้วมรกต ดอกไม้บูชาวัดพระนอนวัดโพธิ์ ชานหมากและน้ำหมากหลวงปู่สี ฉันทสิริ ผงวิเศษหลวงปู่สี ฉันทะสิริ นำไปให้หลวงปู่สี ฉันทสิริ อธิษฐานจิต

ในปี ๒๕๑๖ ทางวัดบ้านเกิดของพระครูวิศิษฎ์สมโพธิ์ ที่อำเภอบางมูลนาค จังหวัดพิจิตร ได้มีการสร้างศาลาและกฎิสงฆ์ ท่านจึงได้ขออนุญาตหลวงปู่สี ฉันทะสิริ ท่านเมตตาอนุญาตให้พระครูวิศิษฎ์สมโพธิ์ สร้างพระเพื่อนำปัจจัยไปช่วยสร้างศาลาและกุฎิสงฆ์ หลวงปู่สี ฉันทะสิริ จึงได้ แผ่พลังจิตลงไปในวัตถุมงคลที่พระครูวิศิษฎ์สมโพธิ์ ได้สร้างถวายให้หลวงปู่ปลุกเสก รูปแบบวัตถุมงคลที่พระครูวิศิษฎ์สมโพธิ์สร้างในปี พ.ศ.๒๕๑๖ เป็นพระปิดตาหน้าเดียว มี (นะ) อยู่ตรงกลาง ด้านหลังเป็นตัวยันต์ “นะ” ปัดตลอด ปิดตานะปัดตลอด มีประสบการณ์มากในทางเมตตามหานิยมและแคล้วคลาด จนมีชื่อว่า “ปิดตาคลุกฝุ่น” หรือ “ปิดตามัดข้าวต้ม”

599

 

ผ้ายันต์ท้าวพันตา พญาพันวัง หลวงปู่จักร วัดถ้ำเขารังไก่ ชัยนาท

อยู่ที่ไหนคนที่เห็นต้องจับจิตจับใจ ไปแล้วก็ต้องกลับมาหาใหม่ ลาแล้วก็ต้องกลับมาหาอีก นี่แหละเป็นวิชาสำคัญที่หลวงปู่จักรลงผ้ายันต์นี้ ท่านบอกให้ลูกศิษย์ลูกหานำผ้ายันต์ไปติดเป็นประธานกลางบ้าน กลางร้าน หรือกลางสวน กลางโรงสี จะได้คลุมใจกลางทั้งหมด จับตรงไหนก็เป็นเงินเป็นทองทั้งหมดทุกที่เลย

ปัจจุบัน วัตถุมงคลหลายรุ่นของ "หลวงปู่จักร" ได้รับความนิยมจากนักสะสมอย่างมาก อาทิ ตะกรุด แมลงปอ ปูหนีบทรัพย์

ล่าสุดท่านได้จัดสร้างวัตถุมงคล "ผ้ายันต์ท้าวพันตา พญาพันวัง" ตำรับโบราณกล่าวว่า เครื่องมือจับปลา "แห" ไม่มีอะไรมีตามากเท่าแห มีตาเป็นหมื่นตา จึงได้ชื่อว่า "ท้าวพันตา" ผ้า ยันต์ท้าวพันตา พญาพันวัง หลวงปู่จักร วัดเขารังไก่หลวงปู่จักร วัดเขารังไก่ส่วนพญาพันวังนั้นก็คือว่า วังคือหนองน้ำ แหหนึ่งปาก ไปคลุมวังได้เป็นพันวัง พันๆ หนองน้ำ แหปากเดียวมีค่าอย่างนี้ ยิ่ง "แหอาคม" วิชาชั้นยอดที่หลวงปู่จักรเรียนมาตั้งแต่ออกธุดงค์

มีความหมายว่า ท้าวพันตา คือรู้หมด รู้เงินทองโชคลาภอยู่ที่ไหน และสมบูรณ์หมด ทั้งอาหารการกินการบริโภคอุดมสมบูรณ์ พญาพันวังเข้าที่ไหนที่นั่นมั่งมี " ผ้ายันต์ท้าวพันตา พญาพันวัง" หลวงปู่จักรตั้งใจจัดทำขึ้นให้มีพลานุภาพทางด้านเจริญรุ่งเรือง หากินคล่องเงินทอง อยู่ตรงไหนก็ติดแหได้ง่าย ไปที่ไหนก็มีเงินไหลมาเทมา ขณะปลุกเสกท่านใช้แหเก่าแหที่หาเงินได้มานักต่อนักแล้วนำมาคลุมผ้ายันต์ แล้วท่านก็จับไปที่จอมใจแหพร้อมท่องมนต์คาถาปลุกเสก คำว่า "จับจอมใจ" สำคัญ เพราะผ้ายันต์ท้าวพันตา พญาพันวังอยู่ที่ไหนคนที่เห็นต้องจับจิตจับใจ ไปแล้วก็ต้องกลับมาหาใหม่ ลาแล้วก็ต้องกลับมาหาอีก นี่แหละเป็นวิชาสำคัญที่หลวงปู่จักรลง ผ้ายันต์นี้ ท่านบอกให้ลูกสิษย์ลูกหานำผ้ายันต์ไปติดเป็นประธานกลางบ้าน กลางร้าน หรือกลางสวน กลางโรงสี จะได้คลุมใจกลางทั้งหมด จับตรงไหนก็เป็นเงินเป็นทองทั้งหมดทุกที่

1299

 

ผ้ายันต์แมงปอเรียกทรัพย์ หลวงปู่จักร วัดถ้ำเขารังไก่ ชัยนาท

พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง "หลวงปู่จักร" แห่งวัดถ้ำเขารังไก่ จ.ชัยนาท ท่านเกิดในตระกูลหนังใหญ่ "ศุภนคร" สกุลพระราชทานจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 รับครอบครูสาย "ขุนบางมอญศุภนคร" สายครูหลวงตั้งแต่อายุ 5 ขวบ พอโตเป็นทหารรบสงครามเวียดนาม และหลายสมรภูมิ เพื่อนตายหมด ท่านรอดอยู่คนเดียว จนได้รับพระราชทานเหรียญกล้าหาญ

ท่านใช้ชีวิตทางโลกจนเบื่อ จึงออกบวชและเดินธุดงค์ ได้ไปร่ำเรียนวิชามาเยอะ อาทิ เรียนวิชากับหลวงพ่อทัต วัดวังพระนอน, หลวงพ่อเชน วัด สิงห์, พระครูชั้น วัดวิหารขาว, อาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง, หลวงพ่อเอีย วัดบางด่าน, หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา, หลวงพ่อเต๋ คงทอง, หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก เป็นต้น

หลวงปู่จักรได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดถ้ำเขารังไก่ และสร้างพระไว้รอบเขา ที่ผ่านมามีการวางระเบิดรอบเขา เพราะเขารังไก่เป็นเขาหินอ่อน นายทุนต้องการ ตอนนั้นมีเหตุประหลาด ระเบิดทุกลูกด้าน

ปัจจุบันหลวงปู่จักรอายุ 85 ปี ท่านได้สร้างวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังโด่งดังอยู่หลายอย่าง โดยเฉพาะ "แมงปอเรียกทรัพย์" ที่ช่วยให้พ่อค้ารถมือ 2 ขายรถหมดเต็นท์ จนถึง "ผ้ายันต์ปูหนีบทรัพย์" คนที่ชอบเสี่ยงดวงนิยมเหลือเกิน จากผืนละ 100 บาท จนถึงครึ่งหมื่น

เมื่อเร็วๆ นี้ หลวงปู่จักรได้จัดทำ "ผ้ายันต์แพรแมงปอเรียกทรัพย์ ได้ไปไม่มีจน"

จะว่าไปแล้ว หลวงปู่จักรท่านดังเครื่องรางของขลังแมงปอมาตั้งแต่แรกๆ มีเรื่องเล่าว่า สามีเป็นทนาย ภรรยาเป็นผู้พิพากษา เช่าบูชาแมงปอไปตัวเดียว รุ่งขึ้นมีแมลงปอบินเต็มทองฟ้าทั่วบ้าน มาหาหลวงพ่อจักรทัก "แกจะรวยใหญ่" อีกไม่กี่วันรวยใหญ่จริงๆ

"แมลงปอเรียกทรัพย์" เป็นวิชาสายมหาลาภถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อเชน วัดสิงห์ หลวงปู่จักรเคยทดลองแล้วขลังมาก ชาวบ้านกิ่งอำเภอหนองมะโมง ไม่มีข้าวจะกินเลย ท่านให้ไปตัวเดียวไม่ถึงชั่วโมง ชาวบ้านแทบทุกหลังในตำบลเอาข้าวให้จนเหลือ ร้านขายปุ๋ยตลาดท่าช้าง ได้แมลงปอไปตัวเดียว รอดจากเจ๊งมีกำไรส่งลูกเรียนต่อเมืองนอกสำเร็จ

วิชานี้เป็นวิชาชั้นสูงที่ว่าด้วยแมลงปอชอบอยู่เป็นฝูงและอยู่ที่ๆ อาหารบริบูรณ์สมบูรณ์พูนสุขเท่านั้น แมลงปอหลวงพ่อจักร เวลาอยู่ที่ไหนจะทำให้ที่นั่นสมบูรณ์ บริบูรณ์ทั้งข้าวของเงินทองอาหารการกินอุดมฟูเฟื่อง มีโภคทรัพย์ เงินทองหลั่งไหลมามาก รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ท่านทำผ้ายันต์แมงปอ ซึ่งคงจะดังไม่แพ้ผ้ายันต์ปูหนีบ

หลวงปู่จักร กำ หนดแบบอย่างสวย งาม ท่านให้มีแมงปอ 12 ตัว ทั้งร่อนลงเหอะขึ้น เกาะถุงเงินถุงทอง มีตัวแม่ปล่อยไข่ใส่ในถุงเงิน ลงยันต์ เรียกเงิน เรียกทอง เรียกโชคลาภ เรียกทรัพย์ เรียกลูกค้า เรียกสิ่งดีๆ เข้ามาทั้งนั้น โดยไม่มีที่ว่างเลย ตอนที่พิมพ์ผ้า ท่านกำหนดฤกษ์ให้ และเมื่อผ้ามาอยู่ในถ้ำ ก่อนเสกวันดีคืนดี ผ้าปลิวว่อนทั่วถ้ำ

หลวงปู่จักรถือฤกษ์แมงปอหากินปลุกเสก แมงปอรุ่นนี้ท่านให้บูชาไว้ที่หน้าบ้านหน้าร้านเพื่อจะได้มีลูกค้าเข้ามามากๆ การเงินการทองจะได้ไหลมามากๆ การค้าการขายท่านให้เอาผ้านี้ใช้แทนที่พรมน้ำมนต์ใช้พรมขายของดี

1299

 

พระผงหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ปี 2537

699

 

เหรียญกิ่งไผ่ หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง

1049

 

รูปหล่อลอยองค์ ครูบาจันทร์แก้ว วัดศรีสว่าง เชียงใหม่

มีองค์เดียวครับ ศิษย์ท่านใดอยากเก็บเป็นที่ระลึกถึงท่าน และสังฆานุสติ เชิญครับ

649

 

หนุมานเนื้อว่านดอกทองผสมผงพรายกุมาร หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ

399

 

พระยอดขุนพลเชียงแสนปรกโพธิ์ ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร

449

 

พระยอดขุนพล หลวงพ่อแย้ม วัดตะเคียน นนทบุรี

เป็นพระรุ่นที่มีชื่อเสียงมากของท่านครับ วัตถุมงคลของท่านที่โด่งดังก็มีหลายรุ่น ที่ลือลั่นที่สุด คือตะกรุดคอหมาครับ เนื่องจากท่านทำเพื่อกันคนนอกรังแกหมาที่เลี้ยงไว้ในวัด คนเห็นก็อดจะลองของเอาปืนไปยิงหมาไม่ได้ ปรากฏว่า ปืนแตก คนเลยแห่กันมาแกะตะกรุดจากคอหมาไปจนเกลี้ยง

499