พระเครื่องวัตถุมงคล กันนิวเคลียร์ หลวงปู่ชื้น พุทธสโร วัดญาณเสน จ.อยุธยา

ปิดรายการที่ 447. เหรียญรุ่น 3 (เหรียญหยดน้ำ)หลวงปู่ชื้น สร้างปี 2525 เนื้อทองแดงรมดำ

 

<TABLE id=post9264214 class="tborder vbseo_like_postbit" border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175>supachaipnu <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_9264214", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต



วันที่สมัคร: Dec 2008
ข้อความ: 1,749
Groans: 30
Groaned at 4 Times in 4 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 1,100
ได้รับอนุโมทนา 7,198 ครั้ง ใน 1,305 โพส
พลังการให้คะแนน: 566


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_9264214 class=alt1><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD>
</TD><TD>permalink
</TD></TR></TBODY></TABLE><HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>ปิดรายการที่ 447. เหรียญรุ่น 3 (เหรียญหยดน้ำ)หลวงปู่ชื้น สร้างปี 2525 เนื้อทองแดงรมดำ

• Share
  • Share this post on
  • Digg
  • Del.icio.us
  • Technorati
  • Twitter
• |
• Like

__________________
Song of Original Mind

...You think that good
Means hating what is bad
What’s bad is
The hating mind itself...

(Zenshu, pp. 519-522 -- trans. Peter Haskel, Bankei Zen, pp. 125-132)
</TD></TR></TBODY></TABLE>

รับทราบครับพี่
พรุ่งนี้ผมส่งพระหลวงปู่ให้ครับ

 

รายการที่457.พระเนื้อดินหลวงปู่ชื้น สร้างปี 2500มวลสารการสร้าง สร้างจากดินหน้าโบถที่มีคำว่า
" ชัย" 9 วัด 1.วัดใหญ่ชัยมงคล จ.อยุธยา
2.วัดสนามชัย จ.อยุธยา 3.วัดโบถสมพรชัย จ.อยุธยา4.วัดไชยภูมิ จ.อยุธยา 5.วัดไชโย จ.อ่างทอง 6.วัดไชสงครามจ.อ่างทอง 7.วัดวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง 8.วัดชัยเฉลิมมิตร จ.สระบุรี 9.วัดประสิทธิพรชัย จ.สระบุรี ตระไคร่เสมา และน้ำพระพุทธมนต์ และเนื้อชินเก่าๆวัดราชบูรณะ จ.อยุธยา และวัดอื่นๆ เป็นชิ้นเล็กๆผสมโดยเนื้อดินมาตำให้เหนียว ใส่น้ำพระพุทธมนต์ และนำไปกดพิมพ์ โดยเมื่อแห้งแล้วหลวงปู่ท่านก็นำมาเผาในบาตร หน้าพระอุโบสถวัดญาณเสน หลังจากที่หลวงปู่ชื้นท่านอธิฐานจิต 3 คืน
จากนั้นก็นำมาแจกให้ลูกศิษย์ มีประสพการณ์มาก
พระเนื้อดินนี้ หลวงปู่ท่านจะเรียกว่า"พสุทา"และพระเนื้อดินนี้หลวงปู่ชื้นท่านบอกว่า ครบ ธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ.......องค์นี้พิมพ์ใหญ่พระโบราณไม่ตัดปีกพระเนื้อดินนี้มีพุทธคุณสูงมากทางด้านแคล้วคลาด คงกระพัน
หลวงปู่ชื้นท่านเคยบอกกับผมว่า "พระของฉันต้องเนื้อดินกับตระกรุด"และยังบอกในหลายๆครั้งที่ท่านเล่าประวัติต่างๆให้ฟังท่านบอกเสมอว่าให้แกไปเก็บเนื้อดินกับตระกรุด

ให้เช่าบูชา pm สอบถามครับ

องค์นี้มีรอยลานที่เกิดจากเนื้อชินที่ท่านใส่ไปในพระเนื้อดินยุคแรกทุกองค์
++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

รายการที่458.พระเนื้อดินหลวงปู่ชื้น สร้างปี 2500มวลสารการสร้าง สร้างจากดินหน้าโบถที่มีคำว่า
" ชัย" 9 วัด 1.วัดใหญ่ชัยมงคล จ.อยุธยา
2.วัดสนามชัย จ.อยุธยา 3.วัดโบถสมพรชัย จ.อยุธยา4.วัดไชยภูมิ จ.อยุธยา 5.วัดไชโย จ.อ่างทอง 6.วัดไชสงครามจ.อ่างทอง 7.วัดวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง 8.วัดชัยเฉลิมมิตร จ.สระบุรี 9.วัดประสิทธิพรชัย จ.สระบุรี ตระไคร่เสมา และน้ำพระพุทธมนต์ และเนื้อชินเก่าๆวัดราชบูรณะ จ.อยุธยา และวัดอื่นๆ เป็นชิ้นเล็กๆผสมโดยเนื้อดินมาตำให้เหนียว ใส่น้ำพระพุทธมนต์ และนำไปกดพิมพ์ โดยเมื่อแห้งแล้วหลวงปู่ท่านก็นำมาเผาในบาตร หน้าพระอุโบสถวัดญาณเสน หลังจากที่หลวงปู่ชื้นท่านอธิฐานจิต 3 คืน
จากนั้นก็นำมาแจกให้ลูกศิษย์ มีประสพการณ์มาก
พระเนื้อดินนี้ หลวงปู่ท่านจะเรียกว่า"พสุทา"และพระเนื้อดินนี้หลวงปู่ชื้นท่านบอกว่า ครบ ธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ.......องค์นี้พิมพ์กลางพระโบราณตัดปีกพระเนื้อดินนี้มีพุทธคุณสูงมากทางด้านแคล้วคลาด คงกระพัน
หลวงปู่ชื้นท่านเคยบอกกับผมว่า "พระของฉันต้องเนื้อดินกับตระกรุด"และยังบอกในหลายๆครั้งที่ท่านเล่าประวัติต่างๆให้ฟังท่านบอกเสมอว่าให้แกไปเก็บเนื้อดินกับตระกรุด

ให้เช่าบูชา pm สอบถามครับ
องค์นี้พิมพ์กลางพระโบราณตัดปีก

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

รายการที่ 459. เหรียญ รุ่น 2 (อรหันจี้กง) เนื้อทองแดง สร้าง ปี 2516 หน้าเหรียญด้านซ้าย อ่านว่า ตั้วเซี้ย แปลว่าอยุธยา ด้านขวา อ่านว่า ฉือชื้อเพ่งอัง แปลว่า อยู่เย็นเป็นสุข<O</O
เหรียญรุ่นนี้มีประสพการณ์มากทางคงกระพันแคล้วคลาด
ให้เช่าบูชา 1800 บาท

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>เหรียญเตารีดหลวงปู่ทวด เนื้อเงิน (สร้าง 12 องค์ )หลวงปู่ชื้นอธิฐานจิต สร้างปี 2545 โดยคุณระวิ เลิศนานาวงค์ ขออนุญาติสร้าง เป็นเนื้อนวะโลหะและเนื้อเงิน จำนวน 512 องค์ มีเนื้อเงิน 12 องค์ นำให้หลวงปู่ชื้นอธิฐานจิต วันที่ 23 ตุลาคม 2545 09.00 น.พร้อมพิธีเสกพระขุนแผนแขนอ่อนภายในพระอุโบสถ วัดญาณเสน
องค์นี้เนื้อเงินด้านหลังมีจาร ด้านหน้า มีโค้ด และตอกเลข 6

pm สอบถามราคาใด้ครับ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

รายการที่460.พระเนื้อดินหลวงปู่ชื้น สร้างปี 2500มวลสารการสร้าง สร้างจากดินหน้าโบถที่มีคำว่า
" ชัย" 9 วัด 1.วัดใหญ่ชัยมงคล จ.อยุธยา
2.วัดสนามชัย จ.อยุธยา 3.วัดโบถสมพรชัย จ.อยุธยา4.วัดไชยภูมิ จ.อยุธยา 5.วัดไชโย จ.อ่างทอง 6.วัดไชสงครามจ.อ่างทอง 7.วัดวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง 8.วัดชัยเฉลิมมิตร จ.สระบุรี 9.วัดประสิทธิพรชัย จ.สระบุรี ตระไคร่เสมา และน้ำพระพุทธมนต์ และเนื้อชินเก่าๆวัดราชบูรณะ จ.อยุธยา และวัดอื่นๆ เป็นชิ้นเล็กๆผสมโดยเนื้อดินมาตำให้เหนียว ใส่น้ำพระพุทธมนต์ และนำไปกดพิมพ์ โดยเมื่อแห้งแล้วหลวงปู่ท่านก็นำมาเผาในบาตร หน้าพระอุโบสถวัดญาณเสน หลังจากที่หลวงปู่ชื้นท่านอธิฐานจิต 3 คืน
จากนั้นก็นำมาแจกให้ลูกศิษย์ มีประสพการณ์มาก
พระเนื้อดินนี้ หลวงปู่ท่านจะเรียกว่า"พสุทา"และพระเนื้อดินนี้หลวงปู่ชื้นท่านบอกว่า ครบ ธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ.......องค์นี้พิมพ์กลางพระโบราณตัดปีกพระเนื้อดินนี้มีพุทธคุณสูงมากทางด้านแคล้วคลาด คงกระพัน
หลวงปู่ชื้นท่านเคยบอกกับผมว่า "พระของฉันต้องเนื้อดินกับตระกรุด"และยังบอกในหลายๆครั้งที่ท่านเล่าประวัติต่างๆให้ฟังท่านบอกเสมอว่าให้แกไปเก็บเนื้อดินกับตระกรุด

ให้เช่าบูชา pm สอบถามครับ
องค์นี้พิมพ์ใหญ่พระโบราณตัดปีก
องค์นี้มีสมาชิกบูชาแล้วครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

เหรียญรุ่น6 หลวงปู่ชื้น เนื้อลูกแก้ว สร้างปี 2530 เนื้อลูกแก้ว สร้างหลัก 10 เหรียญ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

รายการที่ 461.เหรียญรุ่น6 หลวงปู่ชื้น เนื้อชิน(สร้างน้อยมาก) สร้างปี 2530
ซึ่งหลวงปู่ชื้นท่านเคยบอกไว้ว่า" พระเนื้อทองคำเป็นแร่ที่สามรถดูดซับพระพุทธคุณใด้ดีที่สุดลองลงมาคือเนื้อชิน"
ให้เช่าบูชา pm สอบถามครับ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

เหรียญรุ่น6 หลวงปู่ชื้น เนื้อเหล็กยอดเจดี สร้างปี 2530
จำนวนการสร้างประมาณ 5 เหรียญ เหล็กยอดเจดี เป็นเหล็กที่
ใช้เป็นแกนปลายยอดเจดีร้างในจังหวัดอยุธยา ซึ่งมีคนนำมาขาย
ให้หลวงปู่ หลวงปู่ท่านซื้อไว้และมอบให้อาจารย์สุชัย ตั้งแต่ยังไม่ใด้บวช
เพื่อมาสร้างเป็นมีดหมอ โดยโลหะที่เหลือนั้นก็มาสร้างรุ่น 3 เหลี่ยมจิ๋วรุ่นแรก
และ เหรียญรุ่น 5 จำนวน 3 เหรียญ และเหรียญรุ่น6 ปี 30 ประมาณ 5 เหรียญ (เหล็กยอดเจดี เป็นเหล็กกล้าผสมตามสูตรโบราณมีความแข็ง
เหนียวและทนทานต่อการเป็นสนิม ซึ่งผ่านพลังธรรมชาติ ทั้งแดดฝน
สายฟ้า เป็นระยะเวลาหลายร้อยปี ซึ่งเหล็กยอดเจดี ยอดพระปรางค์ ยอดปราสาท จึงเป็นโลหะที่มีดีในตัว และนิยมนำมาทำมีดหมอ และพระเครื่อง
แต่หาใด้ยากยิ่ง และถ้าประกอบกับพระอรหันอธิฐานจิตด้วยจึงเพิ่มพลังพุทธคุณขึ้นอีก)

นำให้ใด้มาชมกันเพื่อการศึกษากันอีกรุ่นครับ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

รายการที่ 462.เหรียญ 7 รอบ ปี2534 เหรียญเนื้อทองแดง ( มีโค้ด) เหรียญนี้ มีประสพการณ์มากและ เหรียญสร้างใด้สวย ช่างทำคนเดียวกับเหรียญเปิดโลกหลวงปู่ดู่ ช่างประหยัด เหรียญรุ่นนี้มีลูกศิษย์หลวงปู่ชื้นอยูที่ตลาดหัวรอ อยุธยา ใด้จัดทำผ้าป่าไปถวาย หลวงพ่อ คูณ วัดบ้านไร่ โคราชเมื่อใด้เข้าไปกราบและถวายผ้าป่า แล้วมีคนนึงในคณะที่ร่วมบุญก็ถอดพระให้หลวงพ่อท่าน อธิฐานจิต ท่านบอกว่าเหรียญนี้เขาทำมาดีแล้วนี่ จากนั้นท่านมองดู ท่านบอกว่านี่หลวงพ่อชื้น วัดญานเสน อยุธยา
หลวงพ่อคูณ ท่านก็บอกว่าให้ทางคณะผ้าป่าที่ไปนะไปเก็บเหรียญนี้ไว้บูชา

อีกประสพประการณ์นึง เมื่อไม่กี่ปีนี้ที่ชุมชนหลังวัดญาณเสนเกิดไฟไหม้ เป็นหอพัก ไฟที่ไหม้บ้านหลังจากดับไฟแล้วเจ้าของบ้านก็ใด้เข้าไปดูบ้านภายในกองเถ้าถ่านจุดที่เป็นพระเครื่องทั้งหมดมีรอยไหม้และส่วนที่เป็นพระเหรียญของหลวงพ่ออื่นๆไหม้หลอมจนบิดเบี้ยวทั้งหมด มีเพียงเหรียญ 7รอบเนื้อทองแดงของหลวงปู่ชื้นที่อยู่ในสภาพปรกติไม่มีรอยไหม้แต่อย่างไร

ให้เช่าบูชา 700 บาท
+++++++++++++++++++++++++++++++++
โอนเงินที่ บัญชี นายธีระยุทธ์ ภูรักสกุล ธนาคาร ไทยพานิชย์ สาขาบิ๊ก c สะพานใหม่ดอนเมือง บัญชี ออมทรัพย์ เลขทีบัญชี 2982115745 ค่าส่ง 50บาทโทร .0847059433 0891751253

 

ภัยพิบัติอยู่ 10 ประการ บนโลก

1. ราชภัย ภัยทางราชการลงโทษ
2. โจรภัย ภัยเกิดแต่โจรผู้ร้าย
3. อัคคีภัย ภัยเกิดแต่ไฟ
4. วาตภัย ภัยเกิดแต่ลม
5. อุทกภัย ภัยเกิดแต่น้ำ
6. วิวาทภัย ภัยเกิดแต่การทะเลาะวิวาท
7. โรคภัย ภัยเกิดแต่โรค
8. อุปัตติภัย ภัยที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
9. ทุพภิกขภัย ภัยที่เกิดจากข้าวยากหมากแพง (ค่าครองชีพสูง)
10.วินาศภัย ภัยที่ให้ความพินาศอย่างใหญ่หลวง

1. ราชภัย
ภัยจากทางราชการ เช่น ถูกจับกุมไปดำเนินคดีในโรงศาล ถูกตัดสินจำคุกบ้าง ปรับให้เสียเงินบ้าง สั่งประหารชีวิตบ้าง ลดตำแหน่งบ้าง ให้ออกจากงานราชการบ้าง เป็นต้น

2. โจรภัย
ภัยจากโจรผู้ร้าย เป็นอทินนาทาน มี 3 ลักษณะ คือ
1. โจรกรรมทรัพย์สมบัติ
2. อนุโลมโจรกรรม
3. ฉายาโจรกรรม

ลักษณะโจรกรรมทรัพย์สมบัติ 14 อย่าง คือ :- ขึ้นบน

ก. ลัก คือ ถือเอาทรัพย์ของผู้อื่น ในเมื่อเจ้าของเขาไม่อยู่ เขาไม่รู้ไม่เห็น เช่น ในเวลาเจ้าของทรัพย์ไม่อยู่บ้าน หรือเวลาเจ้าของทรัพย์นอนหลับอยู่ เป็นต้น เรียกว่า “ลัก”

ข. ฉก คือ แย่งชิงเอาทรัพย์ของผู้อื่น ในเมื่อเจ้าของทรัพย์ประมาทเลินเล่อเผลอตัว ยืนอยู่ก็ตาม เดินอยู่ก็ตาม หรือนอนอยู่ก็ตาม ที่อยู่ในลักษณะเผลอ เรียกว่า “ฉก”

ค. กรรโชก คือ แสดงอำนาจที่มีในตน เช่น อำนาจยศ ตำแหน่งงาน เป็นต้น หรืออ้างอำนาจของผู้อื่นที่เหนือตนขึ้นไป หรืออ้างอำนาจกฎระเบียบต่าง ๆ หรืออ้างสิ่งที่คนส่วนมากยอมรับนับถือ มีอ้างวัดวาอาราม เจดีย์วิหาร ประเพณีที่คนส่วนมากยอมรับ เป็นต้น ยกขึ้นมาเป็นอำนาจขู่ตะคอกเพื่อให้เจ้าของทรัพย์กลัว แล้วเขาจะยินยอมให้ทรัพย์แก่ตนโดยง่าย เรียกว่า “กรรโชก”

ฆ. ปล้น คือ ยกพวกไปพร้อมอาวุธครบมือ โดยใช้กำลังเข้าจับตัวเจ้าของทรัพย์ควบคุมไว้ หรือใช้อาวุธตีให้เจ็บ จากนั้นก็เก็บกวาดเอาทรัพย์ของเขาไปตามความพอใจของตน เรียกว่า “ปล้น”

ง. ตู่ คือ หาเรื่องใส่ความผู้อื่นด้วยความไม่จริง หรือสร้างสถานการณ์ขึ้นเป็นข้ออ้าง แล้วจึงทำการฟ้องร้องเอาทรัพย์สินของเขา ตามที่ตนได้วางแผนไว้แล้วนั้น เรียกว่า “ตู่”

จ. ฉ้อ คือ ถือเอาทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ผู้อื่นฝากมาและก็อยู่ในกำมือของตนแล้ว เพื่อนำไปให้กับอีกคนหนึ่งนั้น แต่ยึดเอาเป็นของตนเสีย เรียกว่า “ฉ้อ”

ฉ. หลอก คือ ไปพูดกับคนหนึ่งว่า มีคนชื่อโน้น…ให้ข้าพเจ้ามาเอาทรัพย์กับท่านเท่านั้นเท่านี้บาท (ระบุจำนวน) เพื่อนำไปให้เขาดังนี้ เป็นต้น ครั้นได้แล้วก็ริบเอาเป็นของตนเสีย เรียกว่า “หลอก”

ช. ลวง คือ ถือเอาทรัพย์สินของผู้อื่น ด้วยการทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นจริง เช่น ชั่งของขายไม่เต็มพิกัด โดยแสดงการลวงเขาว่าพอดีแล้ว เป็นต้น เรียกว่า “ลวง ”

ซ. ปลอม คือ ทำของไม่แท้ให้เขาหลงผิดคิดว่าเป็นของแท้ เช่น ทำธนบัตรปลอม ทำทองคำปลอม ทำน้ำผึ้งปลอม ขี้ผึ้งปนแป้ง น้ำนมโคปนน้ำข้าว เป็นต้น เรียกว่า “ปลอม” ขึ้นบน

ฌ. ตระบัด หรือตระบัดสัตย์ คือ ยืมทรัพย์สินของเขาไปโดยสัญญาด้วยวาจา หรือเขียนเป็นเอกสารว่า จะส่งคืนตามวัน เดือน ปี ที่นัดไว้ แต่เมื่อได้ทรัพย์ไปแล้วไม่ยอมส่งคืนตามนัดเขา กลับริบเอาเป็นของตนเสีย เรียกว่า “ตระบัด”

ญ. เบียดบัง คือ ถือเอาเศษจากรายได้ต่าง ๆ โดยไม่ให้ต้นสังกัดรู้เห็นการกระทำของตน เช่น เศษค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าอาหารกลางวันหรือค่านมนักเรียน ค่าภาษีรายได้ ค่าวัสดุก่อสร้าง กฐิน ผ้าป่า ค่าเปอร์เซ็นต์ในการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น เรียกว่า “เบียดบัง”

ฎ. สับเปลี่ยน คือ ถือเอาสิ่งของของตนที่มีคุณภาพไม่ดี นำไปเปลี่ยนไว้แทนสิ่งของของผู้อื่นที่มีคุณภาพดี ๆ มาใช้ส่วนตัว เป็นต้น เรียกว่า “สับเปลี่ยน”

ฏ. ลักลอบ คือ ลักลอบนำเอาสิ่งของที่ทางการห้ามไว้เข้ามาในบ้านหรือในราชอาณาจักร โดย ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่นั้น หรือเป็นของอนุญาตแล้วแต่ไม่เสียค่านำมาตามกฎ เกณฑ์ที่กำหนดไว้ หรือลักลอบทำในสิ่งที่ทางการห้ามไว้หรือผู้ปกครองห้ามไว้ เช่น ห้ามสูบบุหรี่ในที่ทำงาน ห้ามดื่มสุราในวันสำคัญ เป็นต้น เรียกว่า “ลักลอบ”

ฐ. ยักยอก คือ ตนมีส่วนแบ่งในสิ่งของเงินทองนั้นอยู่แล้ว (กิจการหุ้นส่วนกัน) แต่เมื่อตนได้รับเลือกให้เป็นกรรมการแบ่งปัน และเมื่อมีการแบ่งส่วนกันจริง ๆ แล้วตนกลับยักยอกเอาส่วนของผู้อื่นไว้เพื่อนำไปเพิ่มเติมเข้ากับส่วนของตน เป็นต้น
เรียกว่า “ยักยอก”

ลักษณะ อนุโลมโจรกรรม 3 อย่าง คือ

ก. สมคบโจร คือ อุดหนุนหรืออุปการะบุคคลผู้เป็นโจร บ้างก็รับซื้อสิ่งของที่โจรกรรมมา บ้างก็ให้ที่พักอาศัยเพื่อความปลอดภัย บ้างก็ให้อาหารเป็นเครื่องยังชีพ บ้างก็ให้พาหนะไปทำโจรกรรม

บ้างก็ให้ทรัพย์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนกิจการของโจร เป็นต้น เรียกว่า “สมคบโจร”

ข. ปอกลอก คือ คบค้าสมาคมหรือสนิทสนมกับผู้อื่นโดยไม่จริงใจ แต่แกล้งทำเป็นรักนับถือจริง ๆ ที่ทำเช่นนั้นก็เพื่อให้เขาตายใจว่าตนรักนับถือจริง ๆ แต่เมื่อเขาหลงผิดคิดว่าเรารักนับถือจริง ๆ แล้วก็เรียกร้องสิ่งของเงินทอง หรือคะแนนนิยม เป็นต้น เมื่อได้สมหวังดังที่ตนตั้งใจไว้แต่แรกแล้วก็เหินห่างจากไปไม่มาแวะเวียนให้เห็นหน้าอีก
เรียกว่าปอกลอก”

ค. รับสินบน คือ ผู้มีอำนาจปกครองหมู่ในสังคมนั้น ๆ แต่ชอบใช้อำนาจผิดกฎกติกาหรือระเบียบแบบแผนที่วางไว้ให้ปฏิบัติ ด้วยวิธีช่วยเหลือคนประพฤติผิดกฎ ผิดระเบียบ โดยเรียกร้อง เงินทองหรือของมีค่าจากเขา เพื่อทำคดีความที่เขาทำผิดให้พ้นจากความผิด หรือทำความผิดมาก ๆ ให้เหลือน้อย เป็นต้น เรียกว่า “รับสินบน”

ลักษณะฉายาโจรกรรม 2 อย่าง คือ
ก. ผลาญ คือ โกรธให้เขาแล้วจองล้างจองผลาญ เพื่อจะหาวิธีการทำให้เขาเจ็บใจ เช่น ไปทำสัตว์เลี้ยงหรือทำสิ่งของของเขาให้เสียหาย บ้างก็ลอบตัดขาโคเขา บ้างก็ลอบตีหัวหมูเขาให้แตก บ้างก็ลอบเผาห้างนาเขา บ้างก็ลอบเผาบ้านเรือนเขา เป็นต้น โดยหวังว่าจะให้กระทบไปถึงเจ้าของเขาเราก็จะหายโกรธแค้นเสียที เรียกว่า “ผลาญ”

ข. หยิบฉวย คือ ไปถือเอาวัสดุสิ่งของของผู้อื่นด้วยความมักง่าย ซึ่งเป็นความสะเพร่าอย่างหนึ่ง โดยไม่ตรวจสอบให้แน่ชัดแล้วหยิบฉวยเอาไป ด้วยคิดว่าเป็นของของตน ดังนี้ เป็นต้น เรียกว่า “หยิบฉวย”ขึ้นบน

3. อัคคีภัย
อัคคีภัย ภัยที่เกิดแต่ไฟนั้น บ้างก็เป็นภัยภายนอก บ้างก็เป็นไฟภายใน ไฟภายนอก เช่น บ้างก็ไฟป่า บ้างก็ไฟฟ้า บ้างก็ไฟเตา บ้างก็ไฟธูปเทียน หรือบ้างก็ไฟที่โจรนำมาเผาบ้าน เป็นต้น ส่วนไฟภายในนั้น คือ บ้างก็เป็นไฟราคะหรือโลภะ บ้างก็เป็นไฟโทสะหรือโกธะ บ้างก็เป็นไฟโมหะ

4. วาตภัย
ภัยที่เกิดแต่ลม บ้างก็เป็นลมภายนอก บ้างก็เป็นลมภายใน
ลมภายนอกเช่น บ้างก็เป็นลมใต้ฝุ่น บ้างก็เป็นลมที่มากับฝนอย่างรุนแรง เป็นต้น
ส่วนลมภายในนั้น เช่น ลมปากของคนอื่นที่ใช้วาทศิลป์กล่อมให้เราเชื่อจนเสียทรัพย์ไป เป็นต้น
5. อุทกภัย
ภัยที่เกิดแต่น้ำ บ้างก็เป็นน้ำภายนอก บ้างก็เป็นน้ำภายใน
น้ำภายนอก เช่น บ้างก็เป็นน้ำป่าไหลหลากมา บ้างก็เป็นน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างแรง บ้างก็เป็นน้ำหนอง บ้างก็เป็นคลอง เป็นต้น
น้ำภายใน เช่น บ้างก็เป็นกาโมฆะ (น้ำคือความอยากในกามคุณ) บ้างก็เป็นภโวฆะ (น้ำคือความอยากมีอยากเป็นต่างๆ) บ้างก็เป็นทิฏโฐฆะ ( น้ำคือความรู้ที่ไม่ใช่ความรู้) ถ้าน้ำเหล่านี้เกิดท่วมจิตใจที่เป็นกุศลจิตแล้ว ก็ย่อมรับโทษเป็นช่วง ๆ ไป

6. วิวาทภัย
ภัยที่เกิดจากการทะเลาะวิวาท
การทะเลาะวิวาท เกิดจากต่างคนต่างก็มีอารมณ์เสียด้วยกัน ความเห็นขัดแย้งกัน ผลประโยชน์ขัดกัน เป็นต้น ก็เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น บ้างก็เป็นการทะเลาะวิวาทนิดหน่อย บ้างก็ทะเลาะวิวาทพอประมาณ บ้างก็ทะเลาะวิวาทอย่างรุนแรง และอาจจะยืดเยื้อไปถึงขั้นแตกหัก ฆ่ารันฟันแทงถึงตายได้ เป็นต้น

7. โรคภัย
ภัยที่เกิดจากโรค คือ สิ่งเสียดแทงทางกาย ให้เร่าร้อน มีอยู่ 3 กลุ่ม
1. การไม่มีโรคทางกาย เป็นลาภปรกติธรรมดา
2. การไม่มีโรคทางจิตใจ เป็นลาภดีกว่าไม่มีโรคทางกาย
3. การไม่มีโรคมิจฉาทิฏฐิเจตสิก เป็นลาภอย่างยิ่ง ประเสริฐที่สุด
แต่ถ้าเกิดมีโรคทางกายด้วย โรคทางจิตด้วบ โรคทางมิจฉาทิฏฐิเจตสิกด้วยก็หมายถึงประสบ โรคภัยอย่างร้ายแรง

8. อุปัตติภัย
อุปัตติภัย คือ ภัยที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าปัจจุบันทันด่วน เช่น อุปัตติภัยในท้องถนนมีรถชน เป็นต้น อุปัตติภัยในอากาศ มีเรือบินระเบิด เป็นต้น อุปัตติภัยในน้ำเช่นเรือล่มจมน้ำ เป็นต้น ถูกไฟคลอกในอาคารที่ถูกไฟไหม้ เป็นต้น ถูกฆาตกรรมด้วยอาวุธต่างๆ เสียชีวิตทันที ทำอัตวินิบาตกรรมด้วยตนของตนเอง ในรูปแบบ นอนหลับใหลเสียชีวิต เป็นต้น เหล่านี้เรียกว่าอุปัตติภัย ภาษาพระเรียกว่า ถูกแผ่นดินสูบ เนื่องจากทำอกุศลกรรมอันหนักเป็นครุกรรมมา คือ อนันตริยกรรม 5 อย่าง มีฆ่าแม่ ฆ่าพ่อ เป็นต้น

9. ทุพภิกขภัย
ทุพภิกขภัย คือภัยที่เกิดจากข้าวยากหมากแพง หมายถึง สิ่งของที่เราบริโภคประจำวันนั้นมีราคาแพงมาก รายได้น้อยแต่รายจ่ายสูง โจรผู้ร้ายชุกชุม เป็นต้น

10. วินาศภัย
วินาศภัย คือ ภัยอันทำให้พินาศฉิบหายอย่างใหญ่หลวง เสียหายมาก เช่น พินาศเพราะฝนแล้งบ้าง เพราะน้ำท่วมบ้าง เพราะไฟไหม้บ้าง เพราะสิ่งเสพติดให้โทษแพร่ระบาดในสังคมของตนบ้าง ภัยสงครามบ้าง ภัยจากโรคระบาดแพร่เชื้อเข้าไปในชุมชนหลายพื้นที่ เป็นต้น

 

ช่วงปี 2500 หลังจากที่หลวงปู่ชื้นท่านใด้สำเร็จ ตามคำสอนของพระอาจารย์เสน เตชธัมโม (อาจารย์เต) หลวงปู่ท่านใด้พระรัตนจักร หลวงปู่ชื้นกับพระอาจารย์เตท่านสร้างผ้ายันต์ธงชัยพระอรหันต์ โดยใช้ผ้าขาว หรือผ้าจีวร มาตัดและเขียนธรรมะท่ี่ท่านใด้บ้างหรือสกีนลงบนผ้าเป็นรูปจักร ภายในจักรมีอักขระขอม ชัยยะมังฆะรัง พุทธังฤทธิ ธัมมังฤทธิ สังฆังฤทธิ
พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอย่างสูงสุด พ้นภัยใด้จริง เชื่อถือจริงจะใด้เห็นจริง ป้องกันภัย 10 ประการ หลังจากที่ท่านอธิฐานจิตแล้วท่านก็แจกจ่ายให้ลูกศิษย์ มาเรื่อยๆ ยันปัจจุบัน หลวงปู่ชื้นท่านเคยเล่าให้ผมฟังว่า ให้เอาผ้ายันต์นี้ปิดที่หน้าบ้าน 1 แผ่น หลังบ้าน 1 แผ่น และพกติดตัว 1 แผ่น ในยุคกึ่งพุทธกาล(พศ2500 เป็นต้นไป) ตามพุทธทำนาย ในโลกมนุษย์จะเริ่มมีเหตุการณ์ต่างๆที่เป็นภัยพิบัติ 10 ประการเกิดขึ้น หลวงปู่ชื้น และพระอาจารย์เต ท่านจึงสร้างผ้ายันต์นี้มาป้องกัน มอบให้แก่ลูกศิษย์



ภัยพิบัติอยู่ 10 ประการ บนโลก

1. ราชภัย ภัยทางราชการลงโทษ
2. โจรภัย ภัยเกิดแต่โจรผู้ร้าย
3. อัคคีภัย ภัยเกิดแต่ไฟ
4. วาตภัย ภัยเกิดแต่ลม
5. อุทกภัย ภัยเกิดแต่น้ำ
6. วิวาทภัย ภัยเกิดแต่การทะเลาะวิวาท
7. โรคภัย ภัยเกิดแต่โรค
8. อุปัตติภัย ภัยที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
9. ทุพภิกขภัย ภัยที่เกิดจากข้าวยากหมากแพง (ค่าครองชีพสูง)
10.วินาศภัย ภัยที่ให้ความพินาศอย่างใหญ่หลวง

1. ราชภัย
ภัยจากทางราชการ เช่น ถูกจับกุมไปดำเนินคดีในโรงศาล ถูกตัดสินจำคุกบ้าง ปรับให้เสียเงินบ้าง สั่งประหารชีวิตบ้าง ลดตำแหน่งบ้าง ให้ออกจากงานราชการบ้าง เป็นต้น

2. โจรภัย
ภัยจากโจรผู้ร้าย เป็นอทินนาทาน มี 3 ลักษณะ คือ
1. โจรกรรมทรัพย์สมบัติ
2. อนุโลมโจรกรรม
3. ฉายาโจรกรรม

ลักษณะโจรกรรมทรัพย์สมบัติ 14 อย่าง คือ :- ขึ้นบน

ก. ลัก คือ ถือเอาทรัพย์ของผู้อื่น ในเมื่อเจ้าของเขาไม่อยู่ เขาไม่รู้ไม่เห็น เช่น ในเวลาเจ้าของทรัพย์ไม่อยู่บ้าน หรือเวลาเจ้าของทรัพย์นอนหลับอยู่ เป็นต้น เรียกว่า “ลัก”

ข. ฉก คือ แย่งชิงเอาทรัพย์ของผู้อื่น ในเมื่อเจ้าของทรัพย์ประมาทเลินเล่อเผลอตัว ยืนอยู่ก็ตาม เดินอยู่ก็ตาม หรือนอนอยู่ก็ตาม ที่อยู่ในลักษณะเผลอ เรียกว่า “ฉก”

ค. กรรโชก คือ แสดงอำนาจที่มีในตน เช่น อำนาจยศ ตำแหน่งงาน เป็นต้น หรืออ้างอำนาจของผู้อื่นที่เหนือตนขึ้นไป หรืออ้างอำนาจกฎระเบียบต่าง ๆ หรืออ้างสิ่งที่คนส่วนมากยอมรับนับถือ มีอ้างวัดวาอาราม เจดีย์วิหาร ประเพณีที่คนส่วนมากยอมรับ เป็นต้น ยกขึ้นมาเป็นอำนาจขู่ตะคอกเพื่อให้เจ้าของทรัพย์กลัว แล้วเขาจะยินยอมให้ทรัพย์แก่ตนโดยง่าย เรียกว่า “กรรโชก”

ฆ. ปล้น คือ ยกพวกไปพร้อมอาวุธครบมือ โดยใช้กำลังเข้าจับตัวเจ้าของทรัพย์ควบคุมไว้ หรือใช้อาวุธตีให้เจ็บ จากนั้นก็เก็บกวาดเอาทรัพย์ของเขาไปตามความพอใจของตน เรียกว่า “ปล้น”

ง. ตู่ คือ หาเรื่องใส่ความผู้อื่นด้วยความไม่จริง หรือสร้างสถานการณ์ขึ้นเป็นข้ออ้าง แล้วจึงทำการฟ้องร้องเอาทรัพย์สินของเขา ตามที่ตนได้วางแผนไว้แล้วนั้น เรียกว่า “ตู่”

จ. ฉ้อ คือ ถือเอาทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ผู้อื่นฝากมาและก็อยู่ในกำมือของตนแล้ว เพื่อนำไปให้กับอีกคนหนึ่งนั้น แต่ยึดเอาเป็นของตนเสีย เรียกว่า “ฉ้อ”

ฉ. หลอก คือ ไปพูดกับคนหนึ่งว่า มีคนชื่อโน้น…ให้ข้าพเจ้ามาเอาทรัพย์กับท่านเท่านั้นเท่านี้บาท (ระบุจำนวน) เพื่อนำไปให้เขาดังนี้ เป็นต้น ครั้นได้แล้วก็ริบเอาเป็นของตนเสีย เรียกว่า “หลอก”

ช. ลวง คือ ถือเอาทรัพย์สินของผู้อื่น ด้วยการทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นจริง เช่น ชั่งของขายไม่เต็มพิกัด โดยแสดงการลวงเขาว่าพอดีแล้ว เป็นต้น เรียกว่า “ลวง ”

ซ. ปลอม คือ ทำของไม่แท้ให้เขาหลงผิดคิดว่าเป็นของแท้ เช่น ทำธนบัตรปลอม ทำทองคำปลอม ทำน้ำผึ้งปลอม ขี้ผึ้งปนแป้ง น้ำนมโคปนน้ำข้าว เป็นต้น เรียกว่า “ปลอม” ขึ้นบน

ฌ. ตระบัด หรือตระบัดสัตย์ คือ ยืมทรัพย์สินของเขาไปโดยสัญญาด้วยวาจา หรือเขียนเป็นเอกสารว่า จะส่งคืนตามวัน เดือน ปี ที่นัดไว้ แต่เมื่อได้ทรัพย์ไปแล้วไม่ยอมส่งคืนตามนัดเขา กลับริบเอาเป็นของตนเสีย เรียกว่า “ตระบัด”

ญ. เบียดบัง คือ ถือเอาเศษจากรายได้ต่าง ๆ โดยไม่ให้ต้นสังกัดรู้เห็นการกระทำของตน เช่น เศษค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าอาหารกลางวันหรือค่านมนักเรียน ค่าภาษีรายได้ ค่าวัสดุก่อสร้าง กฐิน ผ้าป่า ค่าเปอร์เซ็นต์ในการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น เรียกว่า “เบียดบัง”

ฎ. สับเปลี่ยน คือ ถือเอาสิ่งของของตนที่มีคุณภาพไม่ดี นำไปเปลี่ยนไว้แทนสิ่งของของผู้อื่นที่มีคุณภาพดี ๆ มาใช้ส่วนตัว เป็นต้น เรียกว่า “สับเปลี่ยน”

ฏ. ลักลอบ คือ ลักลอบนำเอาสิ่งของที่ทางการห้ามไว้เข้ามาในบ้านหรือในราชอาณาจักร โดย ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่นั้น หรือเป็นของอนุญาตแล้วแต่ไม่เสียค่านำมาตามกฎ เกณฑ์ที่กำหนดไว้ หรือลักลอบทำในสิ่งที่ทางการห้ามไว้หรือผู้ปกครองห้ามไว้ เช่น ห้ามสูบบุหรี่ในที่ทำงาน ห้ามดื่มสุราในวันสำคัญ เป็นต้น เรียกว่า “ลักลอบ”

ฐ. ยักยอก คือ ตนมีส่วนแบ่งในสิ่งของเงินทองนั้นอยู่แล้ว (กิจการหุ้นส่วนกัน) แต่เมื่อตนได้รับเลือกให้เป็นกรรมการแบ่งปัน และเมื่อมีการแบ่งส่วนกันจริง ๆ แล้วตนกลับยักยอกเอาส่วนของผู้อื่นไว้เพื่อนำไปเพิ่มเติมเข้ากับส่วนของตน เป็นต้น
เรียกว่า “ยักยอก”

ลักษณะ อนุโลมโจรกรรม 3 อย่าง คือ

ก. สมคบโจร คือ อุดหนุนหรืออุปการะบุคคลผู้เป็นโจร บ้างก็รับซื้อสิ่งของที่โจรกรรมมา บ้างก็ให้ที่พักอาศัยเพื่อความปลอดภัย บ้างก็ให้อาหารเป็นเครื่องยังชีพ บ้างก็ให้พาหนะไปทำโจรกรรม

บ้างก็ให้ทรัพย์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนกิจการของโจร เป็นต้น เรียกว่า “สมคบโจร”

ข. ปอกลอก คือ คบค้าสมาคมหรือสนิทสนมกับผู้อื่นโดยไม่จริงใจ แต่แกล้งทำเป็นรักนับถือจริง ๆ ที่ทำเช่นนั้นก็เพื่อให้เขาตายใจว่าตนรักนับถือจริง ๆ แต่เมื่อเขาหลงผิดคิดว่าเรารักนับถือจริง ๆ แล้วก็เรียกร้องสิ่งของเงินทอง หรือคะแนนนิยม เป็นต้น เมื่อได้สมหวังดังที่ตนตั้งใจไว้แต่แรกแล้วก็เหินห่างจากไปไม่มาแวะเวียนให้เห็นหน้าอีก
เรียกว่าปอกลอก”

ค. รับสินบน คือ ผู้มีอำนาจปกครองหมู่ในสังคมนั้น ๆ แต่ชอบใช้อำนาจผิดกฎกติกาหรือระเบียบแบบแผนที่วางไว้ให้ปฏิบัติ ด้วยวิธีช่วยเหลือคนประพฤติผิดกฎ ผิดระเบียบ โดยเรียกร้อง เงินทองหรือของมีค่าจากเขา เพื่อทำคดีความที่เขาทำผิดให้พ้นจากความผิด หรือทำความผิดมาก ๆ ให้เหลือน้อย เป็นต้น เรียกว่า “รับสินบน”

ลักษณะฉายาโจรกรรม 2 อย่าง คือ
ก. ผลาญ คือ โกรธให้เขาแล้วจองล้างจองผลาญ เพื่อจะหาวิธีการทำให้เขาเจ็บใจ เช่น ไปทำสัตว์เลี้ยงหรือทำสิ่งของของเขาให้เสียหาย บ้างก็ลอบตัดขาโคเขา บ้างก็ลอบตีหัวหมูเขาให้แตก บ้างก็ลอบเผาห้างนาเขา บ้างก็ลอบเผาบ้านเรือนเขา เป็นต้น โดยหวังว่าจะให้กระทบไปถึงเจ้าของเขาเราก็จะหายโกรธแค้นเสียที เรียกว่า “ผลาญ”

ข. หยิบฉวย คือ ไปถือเอาวัสดุสิ่งของของผู้อื่นด้วยความมักง่าย ซึ่งเป็นความสะเพร่าอย่างหนึ่ง โดยไม่ตรวจสอบให้แน่ชัดแล้วหยิบฉวยเอาไป ด้วยคิดว่าเป็นของของตน ดังนี้ เป็นต้น เรียกว่า “หยิบฉวย”ขึ้นบน

3. อัคคีภัย
อัคคีภัย ภัยที่เกิดแต่ไฟนั้น บ้างก็เป็นภัยภายนอก บ้างก็เป็นไฟภายใน ไฟภายนอก เช่น บ้างก็ไฟป่า บ้างก็ไฟฟ้า บ้างก็ไฟเตา บ้างก็ไฟธูปเทียน หรือบ้างก็ไฟที่โจรนำมาเผาบ้าน เป็นต้น ส่วนไฟภายในนั้น คือ บ้างก็เป็นไฟราคะหรือโลภะ บ้างก็เป็นไฟโทสะหรือโกธะ บ้างก็เป็นไฟโมหะ

4. วาตภัย
ภัยที่เกิดแต่ลม บ้างก็เป็นลมภายนอก บ้างก็เป็นลมภายใน
ลมภายนอกเช่น บ้างก็เป็นลมใต้ฝุ่น บ้างก็เป็นลมที่มากับฝนอย่างรุนแรง เป็นต้น
ส่วนลมภายในนั้น เช่น ลมปากของคนอื่นที่ใช้วาทศิลป์กล่อมให้เราเชื่อจนเสียทรัพย์ไป เป็นต้น
5. อุทกภัย
ภัยที่เกิดแต่น้ำ บ้างก็เป็นน้ำภายนอก บ้างก็เป็นน้ำภายใน
น้ำภายนอก เช่น บ้างก็เป็นน้ำป่าไหลหลากมา บ้างก็เป็นน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างแรง บ้างก็เป็นน้ำหนอง บ้างก็เป็นคลอง เป็นต้น
น้ำภายใน เช่น บ้างก็เป็นกาโมฆะ (น้ำคือความอยากในกามคุณ) บ้างก็เป็นภโวฆะ (น้ำคือความอยากมีอยากเป็นต่างๆ) บ้างก็เป็นทิฏโฐฆะ ( น้ำคือความรู้ที่ไม่ใช่ความรู้) ถ้าน้ำเหล่านี้เกิดท่วมจิตใจที่เป็นกุศลจิตแล้ว ก็ย่อมรับโทษเป็นช่วง ๆ ไป

6. วิวาทภัย
ภัยที่เกิดจากการทะเลาะวิวาท
การทะเลาะวิวาท เกิดจากต่างคนต่างก็มีอารมณ์เสียด้วยกัน ความเห็นขัดแย้งกัน ผลประโยชน์ขัดกัน เป็นต้น ก็เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น บ้างก็เป็นการทะเลาะวิวาทนิดหน่อย บ้างก็ทะเลาะวิวาทพอประมาณ บ้างก็ทะเลาะวิวาทอย่างรุนแรง และอาจจะยืดเยื้อไปถึงขั้นแตกหัก ฆ่ารันฟันแทงถึงตายได้ เป็นต้น

7. โรคภัย
ภัยที่เกิดจากโรค คือ สิ่งเสียดแทงทางกาย ให้เร่าร้อน มีอยู่ 3 กลุ่ม
1. การไม่มีโรคทางกาย เป็นลาภปรกติธรรมดา
2. การไม่มีโรคทางจิตใจ เป็นลาภดีกว่าไม่มีโรคทางกาย
3. การไม่มีโรคมิจฉาทิฏฐิเจตสิก เป็นลาภอย่างยิ่ง ประเสริฐที่สุด
แต่ถ้าเกิดมีโรคทางกายด้วย โรคทางจิตด้วบ โรคทางมิจฉาทิฏฐิเจตสิกด้วยก็หมายถึงประสบ โรคภัยอย่างร้ายแรง

8. อุปัตติภัย
อุปัตติภัย คือ ภัยที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าปัจจุบันทันด่วน เช่น อุปัตติภัยในท้องถนนมีรถชน เป็นต้น อุปัตติภัยในอากาศ มีเรือบินระเบิด เป็นต้น อุปัตติภัยในน้ำเช่นเรือล่มจมน้ำ เป็นต้น ถูกไฟคลอกในอาคารที่ถูกไฟไหม้ เป็นต้น ถูกฆาตกรรมด้วยอาวุธต่างๆ เสียชีวิตทันที ทำอัตวินิบาตกรรมด้วยตนของตนเอง ในรูปแบบ นอนหลับใหลเสียชีวิต เป็นต้น เหล่านี้เรียกว่าอุปัตติภัย ภาษาพระเรียกว่า ถูกแผ่นดินสูบ เนื่องจากทำอกุศลกรรมอันหนักเป็นครุกรรมมา คือ อนันตริยกรรม 5 อย่าง มีฆ่าแม่ ฆ่าพ่อ เป็นต้น

9. ทุพภิกขภัย
ทุพภิกขภัย คือภัยที่เกิดจากข้าวยากหมากแพง หมายถึง สิ่งของที่เราบริโภคประจำวันนั้นมีราคาแพงมาก รายได้น้อยแต่รายจ่ายสูง โจรผู้ร้ายชุกชุม เป็นต้น

10. วินาศภัย
วินาศภัย คือ ภัยอันทำให้พินาศฉิบหายอย่างใหญ่หลวง เสียหายมาก เช่น พินาศเพราะฝนแล้งบ้าง เพราะน้ำท่วมบ้าง เพราะไฟไหม้บ้าง เพราะสิ่งเสพติดให้โทษแพร่ระบาดในสังคมของตนบ้าง ภัยสงครามบ้าง ภัยจากโรคระบาดแพร่เชื้อเข้าไปในชุมชนหลายพื้นที่ เป็นต้น

 

รายการที่ 463.เหรียญจักรเนื้อชินเทที่วัดเป็นพิมพ์จักร ด้านหลังมีจาร+โค้ด
ชินนี้เป็นเนื้อชินเก่าของวัด ปี2530 กว่าๆ กรรมการและลูกศิษย์วัดช่วยกันเท
และนำให้พระอาจารย์สุชัยจาร ตอกโค้ด และนำให้หลวงปู่ชื้นอธิฐานจิต
และนำมาแจกกันในหมู่ลูกศิษย์
ให้เช่าบูชา pm สอบถามครับ
รายการนี้มีสมาชิกบูชาแล้วครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

รายการที่463.เหรียญพระมงคลบพิต ปี2525 พิธิพุทธาภิเษกใหญ่

มีสมเด็จพระสังฆราช(วาส) เป็นประธาน มีหลวงพ่ออุตมวัดวังวิเวการาม

หลวงพ่อเฉลิมวัดพระญาติ หลวงพ่อพุธฐานิโย หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม พระเกจิอาจารย์ยุคนั้นอีกหลายรูป

และหลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน อธิฐานจิต หลวงพ่อพระมงคลบพิตเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นหุ้มด้วยสัมฤทธิทั่้งองค์

สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นมีความศักสิทย์ ใด้มีการบูรณะปฎิสังขรณ์กันเรื่อยๆมา

ในปี2525ใด้มีการททองหล่อรูปจำลององค์หลวงพ่อพระมงคลบพิตเพื่อให้ไว้เป็นองค์ปิดทอง และสร้างวัตถุมงคลให้ประชาชนใด้มีไว้สักการะบูชา

องค์นี้เป็นเหรียญเนื้ออัลปาก้า(เหรียญเดียวใด้คู่ เป็นรูปองค์หลวงพ่อมงคลบพิต+การอธิฐานจิตโดยพระสุปฎิปัณโนหลายรูปและองค์หลวงปู่ชื้นด้วย) ชมใด้จากรูป
เหรียญนี้เนื้อทองแดงรมดำ


ให้เช่าบูชา 500 บาท
รายการนี้สมาชิกนอกเวพบูชาแล้วครับ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

โอนเงิน ๑๐๐ บาท ร่วมทำบุญทอดกฐินครับ (โอน ๒๐/๑๐/๕๗ เวลา ๑๓.๕๙ น.)
โมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ

 

อนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

รายการที่ 464.เหรียญจักรโรงพญาบาลอยุธยา หลวงปู่ชื้น

 

รายการที่ 464.พระกริ่งไตรจักร ชัยสิทธิ เนื้อนวะโลหะเทในพิธี หมายเลข 38 สร้างปี 2545 หลวงปู่ชื้นเจิมแผ่นยันต์และเททองและพระอีก 4 รูป หลวงพ่อสวัส วัดศาลาปูน หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม หลวงพ่ออีกองค์ อยู่ จ.ปราจีนบุรี โดยมีหลวงปู่ชื้นป็น ประธาน ร่วมพิธีเททองในงานวันเกิดหลวงปู่ชื้น 18 มีนาคม 2545 เวลา 9.39 ช่วงฤกเททองเป็นตอนเช้า เดือนมีนาคม ซึ่งเป็นอัฐจรรย์คือมีพายุลมหมุน ฟ้ามืดคล้ายกลางคืน ช่วงจังหวะเททอง ในปลัมพิธี มีเพียงฝนโปรยเป็นละออง แต่ไม่ตกที่วัด ส่วนที่อื่นๆ รอบบริเวณ พิธีมีฝนตกอย่างหนัก (ใครที่ไปร่วมพิธีจะเห็นเหตุอัฐจรรย์อย่างยิ่ง) จากนั้นนำชนวนบางส่วนไปเทที่โรงงาน เมื่อเสร็จก็นำมาทำพิธีให้หลวงปู่ท่านทำพิธีอธิฐานจิตอีกครั้งช่วงปลายปี 2545
เนื้อนวโลหะเทในพิธี สร้าง 2 ช่อ 1ช่อใด้ทำการยุบหลอมเป็นชนวนเนื้อนวโลหะที่โรงงาน อีก1ช่อทางวัดเก็บไว้และใด้นำมาตัดแบ่งเป็นองค์ มีจำนวน 38 องค์ ใด้นำออกให้ทำบุญในงานถวายเพลิงหลวงปู่ชื้นในปี 2549 ออกให้ทำบุญองค์ละ 5000 บาท

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ให้เช่าบูชา pm สอบถามครับ

องค์นี้หมายเลข 38

 

รายการที่465.เหรียญพระมงคลบพิต ปี2525 พิธิพุทธาภิเษกใหญ่

มีสมเด็จพระสังฆราช(วาส) เป็นประธาน มีหลวงพ่ออุตมวัดวังวิเวการาม

หลวงพ่อเฉลิมวัดพระญาติ หลวงพ่อพุธฐานิโย หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม พระเกจิอาจารย์ยุคนั้นอีกหลายรูป

และหลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน อธิฐานจิต หลวงพ่อพระมงคลบพิตเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นหุ้มด้วยสัมฤทธิทั่้งองค์

สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นมีความศักสิทย์ ใด้มีการบูรณะปฎิสังขรณ์กันเรื่อยๆมา

ในปี2525ใด้มีการททองหล่อรูปจำลององค์หลวงพ่อพระมงคลบพิตเพื่อให้ไว้เป็นองค์ปิดทอง และสร้างวัตถุมงคลให้ประชาชนใด้มีไว้สักการะบูชา

องค์นี้เป็นเหรียญเนื้ออัลปาก้า(เหรียญเดียวใด้คู่ เป็นรูปองค์หลวงพ่อมงคลบพิต+การอธิฐานจิตโดยพระสุปฎิปัณโนหลายรูปและองค์หลวงปู่ชื้นด้วย) ชมใด้จากรูป


เหรียญนี้เนื้ออัลปาก้า

ให้เช่าบูชา 700 บาท


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++