"พระเก๊มาจากไหน"

เอ้างั้นอย่าลืมตอบคำถามของหัวหน้าใหญ่นะคร๊าบ

 

แหมแทบรอคำตอบไม่ไหวเลยคร๊าบ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ มันตรัย
อุ๊ยตาย หัวหน้าใหญ่มาเองเลย
</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 11 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 10 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>
อ่า สงกะสัย มีสมาชิกพลังจิตไม่ login เข้ามาชมกันหลายคนเหมือนกัน

 

อย่าลืมตอบคำถามของหัวหน้าใหญ่ละ หุหุหุ

.

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ มันตรัย
อุ๊ยตาย หัวหน้าใหญ่มาเองเลย
</TD></TR></TBODY></TABLE>

อย่าหัวเราะจนเพลินลืมตอบละ หุหุหุ

.

 

.
นำมาให้ชมกันอีกรอบ "ขุนแผนเนื้อคน" หุหุหุ




คำเตือน กรุณาอย่าดื่มเกินวันละ 2 ขวด
<!-- / message --><!-- attachments -->

.

 

ให้ฉัน ฉันจะรับไว้ แล้วจะเก็บในตู้ลึกๆ ไม่นำออกมาใช้ เพราะ.......

 

2 ขวด นี่เป็น กระทิงแดง 1 ขวด กับ M150 อีก 1 ขวด เดี๋ยวจะไปตีกันในท้อง หุหุหุ

.

 

ผมถามว่า ผู้ที่เขียนตำรา ไม่ว่าตำราไหนๆ จะทราบได้อย่างไรว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านอธิษฐานจิตไว้เพียงเท่านั้น ไม่มีใครเกิดทันสักคนเดียว

เรื่องข้อมูล ผุ้ที่เขียนตำรา ยังลบผงไม่เป็น จะรู้ได้อย่างไรว่า การลบผง ลบอย่างไร ใช้บทไหนเป็นบทในการลบผง

ผู้เขียนตำรา สร้างพระก็ไม่เป็น จะรู้ได้อย่างไรว่า ใช้ปูนเปลือกหอยเป็นมวลสาร การสร้างทำอย่างไร แค่เรื่องวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้เลย

กิจวัตรประจำวันของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ก็ไม่เคยรู้ว่า หลวงปู่ท่านในแต่ละวันทำอะไรบ้าง

ข้อมูลที่คนเหล่านั้นมี ถูกต้อง แค่เรื่องสาบานก็ไม่ยากใช่ใหมครับ ไหนว่า ข้อมูลถูกต้องไง และเรื่องการดูพระก็ไม่ยากใช่ใหม เพราะว่า คนเหล่านั้นดูพระตามตำรา(ที่ไม่รู้ว่า เขียนถูกหรือไม่)

ตำราของท่านตรียัมปวาย ผมก็มี ก็อ่านอยู่เช่นกัน

ผมแจกพระสมเด็จ ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิตไว้ก่อน ปี พ.ศ. 2415 เป็นพันองค์แล้ว และผู้ที่รับไป มีแต่จะมาขอเพิ่ม ผมยังไม่ให้ เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาและวาระอันควร

 

แหมร้อนตัวกันใหญ่เลย เราก็อยู่เฉยๆไปซี ไม่ผิด ไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการเอาพระเก๊มาหลอกว่าเป็นของเก่าหาเงินทำบุญแล้วส่วนหนึงก้อเข้ากระเป๋าตนเองซึ่งทำมานานไม่มีใครจับไต๋ได้เงินเป็นแสนๆ เราก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา
อีกอย่างวิสัยนักปราชญ์เขาไม่เอาชนะกันด้วยการ สบถสาบานอ้างโน้นอ้างนี้ ท้าตีท่าฟัน สาปแช่ง ขู่ และต่างๆนานาๆ เขาหักล้างกันด้วยเหตุผล

ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้นอย่ากินปูนร้อนท้องกันนะจะบอกให้

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ joni_buddhist
การเผยแพร่นี้ที่ผมนำขึ้นมาเป็นกระทู้แนะนำก็เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลและส่งเสริมการดูพระแท้ไม่ใช่มีจิตคิดอื่นใดและท่านใดเข้าใจผิดก็ขอให้เลิกเพราะเรื่องพระสมเด็จที่ลงในกระทู้ได้อ้างอิงและมีที่มาที่แนะนำเพราะเป็นข้อมูลทางวิชาการศึกษาพระทางหนึ่งครับสุดแต่ว่าท่านจะเชื่อถือข้อมูลหรือเปล่าท่านผู้อ่านคงต้องอ่านและใช้วิจารณญาณเองครับว่าจะเลือกกรองข้อมูลด้านใดแต่การท้าสาบานไม่ใช่วิสัยปราชญ์ในทางวิชาการเขาหักล้างด้วยข้อมูลครับและข้อมูลก็ต้องมีการอ้างอิงที่สมบูรณ์ตำราสมเด็จของอาจารย์ตรียัมปวายจึงถูกอ้างอิงมาตลอดแต่ตำราสมเด็จโตทำจตุคามนี่ผมรับรองเลยไม่มีแน่เครับขอให้ใช้ข้อมูลที่เป็นที่ยึดถือได้มาหักล้างจะดีกว่าครับและผมไม่ถือว่าเป็นการปรามาสพระแต่อย่างใดแต่คนที่แอบเอาพระท่าพระจันทร์มาหลอกขายท่านนั่นแหล่ะกำลังปรามาสสมเด็จท่านผู้สร้างอยู่
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ผมเอง จำกลิ่นหมากของ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ได้แม่นยำ กลิ่นหมากของหลวงปู่ท่าน ไม่เหมือนใคร

.

 

คนที่ทำบุญบนความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ให้ฟรี คนมาขอฟรีก็ให้กันได้ถ้าพิจารณาแล้วว่าเอาไปใช้มีประโยชน์ ถ้าจะทำงานบุญก็เอาตามศรัทธา

อะไรสำคัญละ ยึดติดกันจังในวัตถุที่เอาออกมาโชว์กันทำไม ไม่เน้นคนให้เข้าถึงพระในพระแทนละ

เฮ้อออออออออออๆๆๆๆๆ

 

กิน (เงิน) ร้อนท้องจริงๆ ฉันพิมพ์ผิด ต้องเป็นกินปูนร้อนท้องจริงๆ หรือเปล่า สับสน....

 

ที่ผมมากระทู้นี้ บอกว่า พระวังหน้า เก๊

แต่ไม่เกี่ยวกับ การนำพระเก๊ มาหลอกขาย

ตั้งแต่เข้ามาเว็บพลังจิต ไม่เคยได้เงินจากเรื่องของการนำพระมามอบให้คนทำบุญสักแดงเดียว

ดังนั้น หากผู้ที่บอกว่า พระวังหน้า เก๊ และผู้ที่สนับสนุน มั่นใจในข้อมูล ก็กล้าออกมารับผิดชอบในคำพูด(คำเขียนของตนเอง)

เกิดเป็นคน เป็นลูกผู้ชาย กล้าทำ ต้องกล้ารับผิดและรับชอบ

<TABLE class=tborder id=post1181649 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 08:18 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #35 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>มันตรัย<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1181649", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 06:52 PM
วันที่สมัคร: Oct 2006
ข้อความ: 1,194 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 3,563 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 6,589 ครั้ง ใน 1,159 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 432


</TD><TD class=alt1 id=td_post_1181649 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เห็นด้วยกับทุกความเห็นนะครับ เราอยู่ในมุมมองที่ต่างกัน เรื่องของการศึกษาเรื่องพระเครื่อง ต้องแยกให้ออกกับเรื่องราวเหนือจริง เอามาปนกันไม่ได้ เรื่องราวของพระเก๊กรุวังหน้า และกรุวัดพระแก้ว หรือกรุพระธาตุพนม พระเหล่านี้เป็นของปลอมที่อุตริสร้างเรื่องขึ้นมาทั้งนั้น แล้วแต่ว่าใครจะเชื่อหรือไม่ กระทู้นี้สำหรับคนที่เชื่อว่าการดูพระแบบสากลนั้นถูกต้องและควรที่จะศึกษา และรู้ว่าพระเก๊จากกรุต่างๆนั้นเป็นยังไง สำหรับคนที่เชื่อเรื่องเหนือจริงหรือนิทานที่เขาแต่งหลอกเกี่ยวกับพระเหล่านี้ก็สุดแท้แต่ แต่ถ้ามองในตรรกะง่าย มันน่าแปลกที่ ทำไมคนส่วนมากเขาจึงไม่นิยมกัน และพระแบบนั้นมีวางขายทั่วไปตามแผงพระเก๊มากมาย และยังมีอะไรแปลกๆออกมาตามสมัยนิยมอีก อย่างเช่น จตุคาม พอดังขึ้นมา ก็มีจตุคามกรุวัดพระแก้วออกมาเลย และหนังสือของพวกที่สนใจพระเหล่านี้ ยังมีพิมพ์พระต่างๆที่ไม่เข้ายุคเข้าสมัยปนเปกันไปหมด หากศึกษาให้ดีๆเปิดใจให้กว้าง จะพบว่า พระเก๊พิมพ์ต่างๆนั้น เลียนแบบเขาทั้งสิ้น อายุความเก่าก็ไม่ได้ อยากบอกว่า คนเราเปลี่ยนความคิดกันไม่ได้หรอกครับ เรื่องการพบพระกรุวังหน้าอะไรต่างๆนั้น เดี๋ยวนี้ก็ยังมีพฤติกรรมที่เลียนแบบการพบพระกรุวังหน้าอยู่ รูปแบบไม่ได้เปลี่ยนไปเลย มีการเอาพระไปแอบเอาไว้ แล้วก็บอกว่าไปพบเข้าพอดีคนหลายคนทำท่าขึงขังว่าได้พบด้วยตาตัวเอง แอบพบกันเองแอบปล่อยข่าว คนที่โลภพอได้ฟังเรื่องก็ตาลุกวาว อยากได้ แต่ไม่มีความรู้เรื่องพระเครื่องเลยแม้แต่น้อย อยากจะบอกว่า คนที่โดนหลอกจากพระกรุเก๊มือผีเหล่านี้ ก็เพราะหมกมุ่นกับเรื่องราวเหนือจริงที่คิดเอาเองไม่เคยได้เรียนรู้และสัมผัสกับการศึกษาเรื่องราวของพระเครื่องบางคนอยากได้พระนู่นพระนี่แต่ไม่เคยเปิดดูหนังสือหรือตำราเลยว่า พระนั้นๆมีรูปร่างหน้าตาเป้นอย่างไร แล้วก็จะไปเจอกับพวกต้มตุ๋น(รู้อยู่แก่ใจ)ที่สุดแต่จะแต่งนิยายหลอกกัน เงินตัวเดียวครับ ที่ทำให้เกิดพระกรุปลอมต่างๆขึ้นมา มีมานานหลายสิบปี และยังมีอีกต่อไปนานตราบที่คนยังอยากได้พระเครื่องอยู่ครับ
ด้วยความเคารพ
<!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เอ๊า งงเลย หนูพูดตอนหนายยย ว่าพระวังหน้าเก๊ ไม่ได้พูดเจาะจงถึงใครเลย
พูดรวมๆถึงขบวนการนี้โดยอ่านดูจากเนื้อหาบทความกระทู้

ทำมายยยยต้องว่าหนูด้วยยยยยยยย T_T

 

หนูไปพูดอะไรกระทบใครหรือเปล่าไม่ได้ตั้งใจเลยหนา

เฮ้อๆๆๆ อย่าเข้าใจผิดซี ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวซี เอ๋ ยังไงกันนี่

 

เห็นว่าน่าสนใจและเกี่ยวข้องกับบทความข้างต้นเลยเอามาให้อ่านกันนะจ้า

-----------------------------

พระสมเด็จวัดระฆังเก๊​

เหตุที่ “พระสมเด็จวัดระฆัง” ถูกยกย่องให้เป็น “จักรพรรดิแห่งพระเครื่อง” เพราะนอกจากเป็น “ยอดพระเครื่อง” ที่ได้รับความนิยมสูงสุดแล้วยังเป็นพระเครื่องที่ “นิยมกันมาช้านาน” นับร้อยปีด้วยเหตุนี้กระบวนการผลิต “พระสมเด็จวัดระฆังปลอม” จึงมีการผลิตออกมาช้านานเช่นกันและในตอนที่แล้วผู้เขียนได้นำเสนอการผลิตพระสมเด็จวัดระฆังปลอมแบบ “อุปโลกน์” ที่มีทั้ง “พิมพ์แจวเรือจ้าง, พิมพ์หลังก้างปลา, พิมพ์หลังพระบรมรูปรัชกาลที่ ๕, พิมพ์ฝังเพชรฝังพลอย” ซึ่งล้วนแต่เป็นกลเม็ดเด็ดพรายของการทำมาหากินของบรรดา “นักต้มตุ๋น” ที่ “สิ้นคิด” เพราะยอมให้คำว่า “มิจฉาชีพ” เข้ามาสิงสู่อยู่ในตัวเอง นอกจากนี้ในสมัยก่อนยังมีเรื่องเล่ากันว่า “การปลอมพระสมเด็จวัดระฆัง” มีการลงทุนกันถึงขั้นนำ “ชิ้นส่วน” ของ “พระสมเด็จวัดระฆังแท้” มา “บดเป็นผง” จากนั้นนำไปโรยเคลือบผิวของ “พระสมเด็จวัดระฆังปลอม” ที่พวกมันผลิตขึ้นมาเพื่อเวลาใช้กล้องส่องพระแล้วจะเห็นว่า “ผิวพระสมเด็จวัดระฆังปลอม” องค์นี้ผิวเป็น “เนื้อแท้” ซึ่งการปลอมด้วยวิธีนี้ก็สามารถตบตาคนได้ระดับหนึ่งโดยเฉพาะ “นักสะสมหน้าใหม่” ที่เอาแต่เชื่อ “เขาเล่าว่า” แต่หากเป็น “นักสะสมมือเก่า” แล้วฝีมือการปลอมแบบนี้บอกได้ว่า “ยังห่างไกล” และการลงทุนปลอมแบบนี้ในช่วงหลัง ๆ ก็ต้อง “ยุติ” ไปโดยปริยายเพราะการจะหา “ชิ้นส่วน” ของ “พระสมเด็จวัดระฆังแท้” มาบดเป็นผงในยุคนี้นั้น “หายากแล้ว” หรือหากมีราคาก็สูงเกินกว่าพวก “นักปลอมพระ” จะซื้อหามาลงทุนได้จึงเลิกราไปโดยปริยาย

ส่วนขบวนการ “ปลอมพระสมเด็จฯ” ที่นับได้ว่าเป็นการปลอมแบบ “เป็นล่ำเป็นสัน” ก็เคยมีเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๘-๒๕๒๙ ด้วยการ “สร้างข่าว” ถึงเรื่องราวของ “พระสมเด็จ” ที่สร้างโดยท่านเจ้าประคุณ “สมเด็จพระ พุฒาจารย์ (โต วัดระฆัง)” โดยขบวนการสร้างข่าวได้ระบุว่ามีการนำไปบรรจุกรุ “ที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง” ตามแต่จะหา “วัด” หรือ “กรุ” ที่เหมาะ ๆ มาหลอกลวงกันโดยกรุที่มีการประโคมโหมข่าวจน “โด่งดัง” มากที่สุดในยุคนั้นก็คือพระสมเด็จ “กรุถ้ำสิงโตทอง” เพราะนอกจากทำการสร้างข่าวแล้วยังมีการนำมาโฆษณาขายใน “นิตยสารพระเครื่อง” หลาย ๆ ฉบับ แถมขายในราคา “องค์ละเป็นพันบาท” อีกด้วยสร้าง “ความร่ำรวย” ให้กับผู้นำมาขายตาม ๆ กันแต่สุดท้ายเมื่อมีการ “พิสูจน์ความจริง” ก็พบว่า “พระสมเด็จกรุนี้” ที่อ้างว่าสร้างโดย “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต วัดระฆัง)” ที่แท้ก็คือ “พระปลอม” ที่ผู้สร้างนำมายัดเยียดว่าเป็น “ของเก่า” แถมยังมีการพยายามให้ “งานประกวดพระเครื่อง” บรรจุเข้าไปมีส่วนใน “รายการประกวด” กับเขาด้วยแต่ได้รับการ “ปฏิเสธ” จาก “ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์ไทย” ที่มีนักสะสมอาวุโส “มนัสชัย เจริญพลนภาชัย” หรือ “ช่าง สะพานพุทธ” เป็นประธานชมรมฯ และเป็นผู้ที่รัก “ความจริงพร้อมความถูกต้อง” อีกท่านหนึ่งในวงการ (ช่วงนั้นสมาคมผู้นิยมพระเครื่องและพระบูชาไทยยังไม่ได้จัดตั้ง) จึงไม่ยอมให้มีการบรรจุ “พระสมเด็จฯกรุถ้ำสิงโตทอง” เข้าไว้ในรายการประกวด “ทุกงาน” ผลที่ตามมาก็คือ “พระสมเด็จกรุนี้” ได้ถูกลบออกไปจากวงการตั้งแต่บัดนั้น

“ผู้เขียน” จึงขอคารวะดวงวิญญาณของนักสะสมอาวุโส “ช่าง สะพานพุทธ” (เสียชีวิตด้วยโรคชรา) ที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับ “ขบวนการพระเก๊” เพราะท่านคือผู้จรรโลงพระเครื่องไทยโดยแท้จริง และก่อนหน้านั้นซึ่งอยู่ในช่วงที่มีการ บูรณปฏิสังขรณ์ “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” หรือ “วัดพระแก้ว” และ “พระบรมมหาราชวัง” และเป็นช่วงที่บรรดา “นายช่างสิบหมู่” จาก “กรมศิลปากร” กำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้นและหามรุ่งหามค่ำเพื่อบูรณะซ่อมแซม “วัดคู่บ้านคู่เมือง” อันสำคัญของประเทศไทยให้ทันกับงาน “ฉลองกรุงรัตนโกสินทร์” ที่จะเวียนมาบรรจบครบ “๒๐๐ ปี” ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ก็มี “ขบวนการปลอมพระสมเด็จ” ได้ทำการผลิต “พระสมเด็จปลอม” ออกมาอีกแถมผลิตออกมามากมายหลายพิมพ์นับตั้งแต่ “พิมพ์มาตรฐาน” และ “ไม่มาตรฐาน” ไปจนถึง “พิมพ์รูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์โต” จากนั้นเริ่มทำการ “ปล่อยข่าว” แบบเงียบ ๆ ค่อยเป็นค่อยไปว่ามีการพบ “พระสมเด็จ” บน “เพดานพระอุโบสถวัดพระแก้วมรกต” จึงเรียกว่า “พระสมเด็จกรุวัดพระแก้ว” ที่จัดสร้างโดย “สมเด็จโต” เพื่อถวาย “รัชกาลที่ ๕” โดยเฉพาะ

ปรากฏว่ามี “คนปัญญาเบา” หลงเชื่อเพราะได้รับ “ความร่วมมือ” จากสื่อพระเครื่องที่เป็นนิตยสาร “แนวลวงโลก” ช่วยประโคมโหมข่าวด้วยการเสนอเรื่องราวและ “ประวัติความเป็นมา” อย่างยืดยาวพร้อมเล่าเรื่อง “อภินิหาร” ที่ “กุขึ้นเอง” แบบพิสดารพันลึกยิ่งกว่านวนิยาย “ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า” เสียอีกนอกจากนั้นยังมีการ “จำแนกพิมพ์” และ “เนื้อหา” ออกไปมากมายแล้วจบลงด้วยการทำการ “โฆษณาขาย” ในราคาสูงทีเดียวคือ “องค์เป็นหมื่น” อีกต่างหากและ “ขายได้” ซะด้วยเพราะมีคนหลงเชื่อนับร้อยรายเช่นกันนอกจากนี้ “ขบวนการปลอมพระสมเด็จรุ่นนี้” ยังมีความพยายามที่จะ “บรรจุ” เข้ารายการประกวดพระเครื่องเหมือน “กรุถ้ำสิงโตทอง” เช่นกัน แต่ก็ได้ท่าน “อดีตประธานชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์ไทย” ผู้ล่วงลับไปแล้ว “ช่าง สะพานพุทธ” สกัดกั้น “ไม่เล่นด้วย” ก็เลย “หมดราคาไป” แต่กระนั้นก็ยังมี “นักสะสมหน้าใหม่” ที่เพิ่งเข้าวงการถูกปั่นหัวอยู่เนือง ๆ “ผู้เขียน” จึงขอย้ำผ่านตรงนี้อีกหน “เราเตือนท่านแล้ว” กรุณาเชื่อสักนิด “ไม่ผิดหวังชัวร์”.


นายรู้สึก แสนรู้ชัด


ที่มาจากหนังสือพิมพ์ :
<!-- / message --><!-- sig -->

 

ถ้าจะหายสับสนต้องตั้งจิต ตั้งสัจจะและอธิษฐานตามนี้

ผมเริ่มนะครับ

บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ sithiphong กับบุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อ พระสายพร ขอตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบานต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ และทั้ง 16 ชั้นฟ้า และองค์พยามัจจุราชเจ้า ว่า ผมไม่ได้รับเงินจากผู้ที่ทำบุญในกระทู้ ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณร และกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ขอให้บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ sithiphong จงประสบกับความสำเร็จตลอดกาล และขอให้บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อพระสายพร จงประสบกับความวิบัติตลอดกาลและเมื่อตายไปจงอยู่ในนรกขุมสุดท้ายและต่อไปถ้ายังคงเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ ขอให้เกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนาและเป็นยุคที่มีภัยภิบัติตลอดกาล แต่ถ้าผมได้รับเงินจากผู้ร่วมทำบุญในกระทู้ ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณร และกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ขอให้บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ sithiphong จงประสบกับความวิบัติตลอดกาลและเมื่อตายไปจงอยู่ในนรกขุมสุดท้ายและต่อไปถ้ายังคงเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ ขอให้เกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนาและเป็นยุคที่มีภัยภิบัติตลอดกาล และขอให้บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อพระสายพร จงประสบกับความสำเร็จตลอดกาล การถอนคำที่ตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบานดังกล่าวนี้ ต้องให้อีกฝ่ายยินยอมให้ถอนคำที่ตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบานนี้ จึงจะมีผลในการถอนคำที่ตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบาน แต่หากอีกฝ่ายไม่ยินยอมให้ถอนคำที่ตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบาน ก็ให้มีผลตลอดกาล และทุกๆคนไม่มีเวรกรรมและไม่เป็นเจ้ากรรมนายเวรซึ่งกันและกันตลอดไป<!-- / message --><!-- sig -->

 

รออยู่

.