พระหลักสิบหลักร้อยทุกสาย...พระบ้าน.เครืื่องราง.ของโบราณ.

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย wasan112, 23 กันยายน 2016.

  1. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    ได้รับเงินแล้วของที่อยุ่ด้วยครับพรุ้งนี้แจ้งหมายเลขให้ครับขอบคุณครับ
     
  2. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    ส่งพระแล้วครับ ep 930376086 th ขอบคุณครับ
     
  3. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    รายการที่ 29

    เหรียญครบรอบ 100 ปีเกิดหลวงพ่อปาน


    เปิดให้บูชา 399 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท

    DSCF1310.JPG DSCF1309.JPG

    รายการที่ 30
    เหรียญครูบาดวงดีวัดท่าจำปี
    เปิดให้บูชา 99 บาทค่าจัดส่ง 50 บาท

    DSCF1311.JPG DSCF1312.JPG


    รายการที่ 31
    ปิดแล้ว
    พระ 25 ทศวรรษเนื้อดิน
    เปิดให้บูชา 99 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท


    DSCF1324.JPG DSCF1325.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2016
  4. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    รายการที่ 32
    สมเด็จองค์ปฐม รุ่นแรก ออกวัดโขงขาว หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ
    รูปหล่อสมเด็จองค์ปฐม รุ่น 1 วัดโขงขาว (จัดสร้างเพียง 3000 องค์)
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พุทธาภิเษก 3 ปีซ้อนพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง พุทธาภิเษกพร้อมพิธีบวงสรวง ที่วัดโขงขาว ๓ ปี ตั้งแต่ ๒๕๓๒ – ๒๕๓๔ ในงานทอดกฐินวัดโขงขาว จ.เชียงใหม่ เดิมที ทางหลวงพ่อบุญรัตน์สร้างพระขึ้นมาโดยคิดว่าให้เป็นรูปพระพุทธชินราช ไม่ได้คิดว่าจะเป็นสมเด็จองค์ปฐม พอกราบเรียนให้หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านอธิษฐานจิต ท่านก็ถามว่า อะไรอยู่ในกล่องลองเอามาให้ดูหน่อยสิ เมื่อหลวงพ่อบุญรัตน์มาหยิบไปให้ท่านดู ท่านก็ปรารภว่า "นี่ไม่ใช่พระพุทธชินราชนะ นี่คือสมเด็จองค์ปฐม" จากนั้นท่านก็อธิษฐานจิตให้ และก็ อธิษฐานให้อีก 2 วาระ ในปี 2533 2534 คราวนำกฐินมาทอดที่วัดโขงขาว สร้างก่อนรุ่น 1 วัดท่าซุง ด้วย สมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุงทุกรุ่นพุทธาภิเษกเพียงครั้งเดียว แต่รุ่นนี้พุทธาภิเษกถึง 3 ครั้ง บูชาพระองค์นี้รับรองได้ว่า มหาลาภ มหาโชค การเงินคล่องตัว เจริญรุ่งเรือง แน่ๆ ครับ... ตามปกติเวลาที่ท่านทำพิธีบวงสวรง และ ปลุกเสก
    หลวงพ่อท่านจะเล่าว่า สมเด็จองค์ปฐมท่านลงมาปลุกเสก พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกพระองค์ลงมาหมดทั้งพระนิพพาน ปลุกเสกด้านลาภ พระพุทธเจ้าด้านลาภมากที่สุดคือพระพุทธกัสสป พระพุทธทีปังกรท่านมาด้านหน้า ท่านเปรียบเทียบให้ฟังว่าพระสีวลีไปไกลมากมองไม่เห็นเลย จะหาพระที่ทำได้อย่างหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น ยากถึงยากมากๆ นะครับ. แล้วพระสมเด็จองค์ปฐมรุ่นนี้ ท่านเมตตา เสกยาวนาน ถึง 3 ปี ท่านๆ คิดดูนะครับ พุทธคุณจะสูงส่งเพียงใด....น่าบูชาจริงๆครับ

    เปิดให้บูชา 999 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท

    DSCF1296.JPG DSCF1297.JPG DSCF1298.JPG

    รายการที่ 33

    นางกวักเนื้อดินผสมผงหลังนาคปรก
    เปิดให้บูชา 99 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท


    DSCF1319.JPG DSCF1320.JPG

    รายการที่34
    ปิดแล้ว
    อิ้นโบราณล้านา

    เปิดให้บูชา 499 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท


    DSCF1315.JPG DSCF1318.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2016
  5. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    รายการที่ 35
    จองแล้วครับ โดย..berbapor

    ชะมดดุ๊กดิ๊กทรงเครื่อง เนื้อทองเหลืองเก่า หลวงพ่อเอิบวัดซุ้ม กระต่าย จ.ชัยนาท

    สุดยอดความขลังทลายน้ำตาคนใจแข็งมานักต่อนักเรื่องเมตตาร้อยเต็มร้อยความจริงเป็นเรื่องพิสูจน์แท้แน่นอนเพราะดีจริงใช้ได้ผลจริงคนจึงเช่าหากันมากมายหลวงพ่อเอิบบอกว่าทำทั้งทีต้องทำให้ดีเหมือนเก่าฉะนั้นท่านจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจหล่อเองทีละเบ้าหล่อเสร็จก็ปลุกเสกเองเต็มกำลังจนเลยเวลาฉันเพลมาเป็นอาทิยตย์ๆเพราะต้องการให้หัวชะมดรุ่นแรกของท่านนี้ขลัง ดัง ดี เหมือนองค์อาจารย์คือหลวงพ่อผินะตามที่ท่านตั้งใจ คือใครใช้ต่างก้บอกกันว่าหัวชะมดหลวงพ่อเอิบเป็นสุดยอดของมหาเสน่ห์ในยุคนี้

    เปิดให้บูชา 199 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท

    DSCF1321.JPG DSCF1323.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กันยายน 2016
  6. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    สร้อยบุเงิน
    ปิดแล้ครับ
    เปิดให้บูชา 1499 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาทเส้นนี้เป็นของเก่าสวยสมบูรณ์ของโบราณ

    DSCF1327.JPG DSCF1331.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2016
  7. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    รายการที่ 36

    รูปถ่ายหลวงพ่อเกษม

    เปิดให้บูชา 499 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท


    DSCF1357.JPG DSCF1358.JPG

    รายการที่ 37
    พระรอดวัดพันอ้น

    เปิดให้บูชา 199 บาทค่าจัดส่ง 50 บาท

    DSCF1351.JPG DSCF1352.JPG


    รายการที่ 38
    ปิดแล้วครับ

    รูปหล่อหลวงพ่อลออ


    รูปเหมือนปั๊มเสาร์ ๕ มหาลาภ กรรมการ กะไหล่ทอง
    หลวงพ่อลออ วัดหนองหลวง จ.นครสวรรค์ พระเกจิผู้สืบสายพุทธาคม หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค หลวงพ่อลออ ฐานวโร ตอนที่ยังเป็นฆราวาส นับว่าเป็นกรรมการรุ่นใหญ่ของวัดช่องแค เป็นหัวเรียวหัวแรงใหญ่ในการจัดสร้างเสนาสนะ และวัตถุมงคล หลายรุ่นของวัดช่องแค โดยหลวงพ่อลออ ได้รับความไว้วางใจจากหลวงพ่อพรหมให้เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างวัตถุมงคล เช่น รูปเหมือนปั๊มหลวงพ่อพรหม รุ่นก้นระฆัง รูปเหมือนปั๊ม เนื้อทองระฆังรุ่นต่างๆ เช่น เข่ากว้างหลังเต็ม หลังเตารีด และอีกหลายรุ่นมากมาย

    หลวงพ่อลออ สมัยที่ยังเป็นฆราวาส ท่านเป็นศิษย์ใกล้ชิดติดตามหลวงพ่อหรหม และได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆจากหลวงพ่อพรหม ซึ่งหลวงพ่อลออ สามารถเรียนรู้ได้ทั้งหมด โดยหลวงพ่อพรหม เอ่ยปากชมว่า ต่อไปวิชาของหลวงพ่อพรหมจะตกอยู่กับหลวงพ่อลออ ซึ่งเรื่องนี้ชาวบ้านในตลาดตาคลี ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดกับหลวงพ่อพรหมและหลวงพ่อลออ(ตอนยังไม่บวช) ได้กล่าวว่า หลวงพ่อลออ ได้ร่ำเรียนวิชามาจากหลวงพ่อพรหม ถึงแม้จะเป็นฆราวาส ก็ยังเก่งกว่าพระอาจารย์แบ๊งค์ ที่เป็นเจ้าอาวาสวัดช่องแคต่อจากหลวงพ่อพรหมเสียอีก

    หลวงพ่อลออ อยู่วัดหนองหลวง จ.นครสวรรค์ มาแล้ว 3 ปี แต่ก่อนท่านอยู่ที่ วัดพรหมนิมิตร จ.สระแก้ว ปัจจุบันท่านอายุ 80 ปีแล้ว มีญาติโยมมาขอให้ท่านกลับไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดช่องแคแต่ท่านก็ไม่ไป เพราะเหตุผลบางประการ และจากการที่ครั้งหนึ่งหลวงพ่อเดิม เคยอยู่ที่วัดหนองหลวงแห่งนี้ด้วย วัตถุมงคลบางประเภทของท่านจึงสร้างจากวัสดุที่เกี่ยวพันกับหลวงพ่อเดิม ขณะนี้วัตถุมงคลของหลวงพ่อลออ วัดหนองหลวง กำลังได้รับความนิยมของนักนิยมสะสมพระเครื่องเป็นอย่างมาก

    เปิดให้บูชา 999 บาทค่าจัดส่ง 50 บาท

    DSCF1359.JPG DSCF1360.JPG DSCF1362.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2016
  8. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    สมเด็จองค์ปฐม รุ่นแรก ออกวัดโขงขาว หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ

    รายการที่ 39
    เปิดให้บูชา 999 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท
    สมเด็จองค์ปฐม รุ่นแรก ออกวัดโขงขาว หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ
    รูปหล่อสมเด็จองค์ปฐม รุ่น 1 วัดโขงขาว (จัดสร้างเพียง 3000 องค์)
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พุทธาภิเษก 3 ปีซ้อนพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง พุทธาภิเษกพร้อมพิธีบวงสรวง ที่วัดโขงขาว ๓ ปี ตั้งแต่ ๒๕๓๒ – ๒๕๓๔ ในงานทอดกฐินวัดโขงขาว จ.เชียงใหม่ เดิมที ทางหลวงพ่อบุญรัตน์สร้างพระขึ้นมาโดยคิดว่าให้เป็นรูปพระพุทธชินราช ไม่ได้คิดว่าจะเป็นสมเด็จองค์ปฐม พอกราบเรียนให้หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านอธิษฐานจิต ท่านก็ถามว่า อะไรอยู่ในกล่องลองเอามาให้ดูหน่อยสิ เมื่อหลวงพ่อบุญรัตน์มาหยิบไปให้ท่านดู ท่านก็ปรารภว่า "นี่ไม่ใช่พระพุทธชินราชนะ นี่คือสมเด็จองค์ปฐม" จากนั้นท่านก็อธิษฐานจิตให้ และก็ อธิษฐานให้อีก 2 วาระ ในปี 2533 2534 คราวนำกฐินมาทอดที่วัดโขงขาว สร้างก่อนรุ่น 1 วัดท่าซุง ด้วย สมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุงทุกรุ่นพุทธาภิเษกเพียงครั้งเดียว แต่รุ่นนี้พุทธาภิเษกถึง 3 ครั้ง บูชาพระองค์นี้รับรองได้ว่า มหาลาภ มหาโชค การเงินคล่องตัว เจริญรุ่งเรือง แน่ๆ ครับ... ตามปกติเวลาที่ท่านทำพิธีบวงสวรง และ ปลุกเสก
    หลวงพ่อท่านจะเล่าว่า สมเด็จองค์ปฐมท่านลงมาปลุกเสก พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกพระองค์ลงมาหมดทั้งพระนิพพาน ปลุกเสกด้านลาภ พระพุทธเจ้าด้านลาภมากที่สุดคือพระพุทธกัสสป พระพุทธทีปังกรท่านมาด้านหน้า ท่านเปรียบเทียบให้ฟังว่าพระสีวลีไปไกลมากมองไม่เห็นเลย จะหาพระที่ทำได้อย่างหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น ยากถึงยากมากๆ นะครับ. แล้วพระสมเด็จองค์ปฐมรุ่นนี้ ท่านเมตตา เสกยาวนาน ถึง 3 ปี ท่านๆ คิดดูนะครับ พุทธคุณจะสูงส่งเพียงใด

    DSCF1364.JPG DSCF1365.JPG DSCF1366.JPG

    55555555555.jpg
    ของเก้ผิวหยาบๆครับ ของแท้ผิวเนียนเรียบ ใต้ฐานตอกตัดครับ ของแท้ตะใบ และมีก้านชนวนครับ เปรียบเทียบกันดูนะครับ สำหรับคนชนะประมูลผมจะให้ของเก้ไปศึกษาด้วยครับ ของแท้ๆน่าห้อยครับ

    get_auc3_img.php.jpg

    ตัวตัด ของแท้ตะใบและมีก้านชนวน


    ายการที่ 40

    เปิดให้บูชา 499 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท
    หลวงปู่ทวดนั่งบัวหลวงปู่ดู่ทาทองเดิม


    DSCF1374.JPG

    DSCF1375.JPG



    รายการที่ 41
    เปิดให้บูชา 999 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท

    สภาพเดิมเดิม ผิวเดิมเดิม พร้อมกล่อง สุดยอดแห่งมวลสาร ที่ควรคู่บูชา เนื้อพระแก่มวลสาร กดพิมพ์ติดชัดเจน ไม่มีอุด ไม่มีซ่อม พระดีน่าเก็บ สวยเดิม แท้ๆ ราคาไม่แพงครับ สุดยอดประสบการณ์

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานมวลสาร เส้นพระเจ้า(เส้นพระเกศา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) พระจีวร และผงจิตรลดา (((((เห็นเส้นพระเกศาในหลวง ชัดเจน)))))

    เหมาะกับ คนชอบ พระดี ติดตัว อุ่นใจครับ รับประกันทุกกรณี

    พระดี อนาคต สดใส

    ขอนำประวัติ การจัดสร้างมาลงให้อ่านครับ

    พระพุทธนราวันตบพิธ เป็นพระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้ประชาชนซึ่งเป็นพสกนิกรของพระองค์ได้มีไว้เป็น สายใยกับพระองค์ท่าน เพราะ มีมวลสารสำคัญ คือ เส้นพระเจ้า (พระเกศา) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในมวลสารพระด้วย

    ในวาระอันเป็นมิ่งมงคลสมัยอย่างยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระ ชนมพรรษา 72 พรรษา ปี 2542 ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้จัดสร้างพระพุทธนราวันตบพิธขึ้น เนื่องจากพระองค์ทรงทราบว่า สมเด็จจิตรดาที่ทรงสร้างด้วยพระองค์เอง มีผู้ต้องการและเสาะแสวงหากันมาก เมื่อมีโอกาสที่เหมาะสมจึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างพระสำหรับ พสกนิกรผู้จงรักภักดีของพระองค์ท่าน โดยให้เป็นพระที่เกี่ยวเนื่องกับพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวที่ใครๆ ก็สามารถบูชาได้

    เมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงผนวชเมื่อปี พ.ศ.2499 ที่วัดบวรนิเวศวิหาร และเสด็จมาประทับ ณ พระปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร ได้ทรงสถาปนาพระพุทธปฏิมาประจำพระองค์ไว้ในพระบวรพระพุทธศาสนา

    เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2499 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ได้ถวายพระนามพระพุทธปฏิมานี้ว่า "พระพุทธนราวันตบพิธ" ได้เชิญขึ้นประดิษฐานไว้ ณ.พระปั้นหยา เป็นพระราชกุศลสืบไป

    องค์พระพุทธนราวันตบพิธ เป็นพระยืนยกพระหัตถ์ทั้งสอง ปางห้ามสมุทร อันเป็นพระประจำพระชนมวาร คือ วันจันทร์ ประทับยืนบนฐานกลมบัวคว่ำบัวหงายบนตั่งแข้งสิงห์เหนือหน้ากระดาน และมีฐานภัทรบิฐ สัญลักษณ์ประจำพระองค์รองอีกชั้นหนึ่ง ความสูงถึงสุดพระรัศมี 36.5 เซนติเมตร ลงรักปิดทองตลอดทั้งองค์พระและฐาน

    คณะกรรมการจัดสร้างขณะนั้น คือ พลอากาศตรีกำธน สินธวานนท์ องค์มนตรี เป็นประธานกรรมการอำนวยการ และนายวัลลภ เจียรวนนท์ กรรมการบริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นกรรมการดำเนินงาน เพื่อเป็นอนุสรณ์ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระ ชนมพรรษา 72 พรรษา และเพื่อให้พสกนิกรชาวไทยได้ร่วมบริจาคทรัพย์เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อนำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้างพระพิมพ์เป็นพระเนื้อผง จากต้นแบบพระพุทธนราวันตบพิธพระพุทธรูปฉลองพระองค์

    ประการสำคัญที่สุดได้พระราชทานมวลสารส่วนพระองค์ โดยเฉพาะเส้นพระเจ้า (เส้นพระเกศาของพระองค์) ให้นำมาผสมในเนื้อพระ เพื่อให้พสกนิกรได้อยู่ใกล้ชิดพระองค์ตลอดไป

    พระเนื้อผงที่จัดสร้างเป็นพระประทับยืนยกพระหัตถ์สองข้างบนพื้นที่ทำเป็นรูป ซุ้มโค้งแหลม สูง 3.2 เซนติเมตร ด้านหลังประดิษฐานตราสัญลักษณ์เฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา

    เนื้อหามวลสาร นอกจากเส้นพระเจ้าและมวลสารส่วนพระองค์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังพระราชทานมวลสารมหามงคลอีกประการหนึ่งคือ พระจีวรที่องค์ครองคราวเสด็จออกผนวชเมื่อปี พ.ศ.2499 นอกจากนั้น คณะกรรมการยังได้รวบรวมมวลสารจากพระธาตุสำคัญทุกปีเกิด จากวัดสำคัญ 143 วัดทั่วประเทศ สถานที่สำคัญอันได้แก่ ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ในอินเดียและศรีลังกา นอกจากนี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ก็ได้ทรงพระราชทานมวลสารพุทธมงคลสำคัญมาร่วมสร้างพระพิมพ์พระพุทธนราวันตบ พิธ อีกจำนวนมาก

    สำหรับการผสมมวลสารมหามงคลพระราชทานนั้น อาจารย์อนันต์ สวัสดิ์สวนีย์ ซึ่งเป็นนายช่างแห่งกองช่างสิบหมู่ กรมศิลปกร ได้นำมวลสารมหามงคลทั้ง 3 ประการ มาซอยและย่อยให้เป็นผงละเอียดยิบ เพื่อจะได้ผสมมวลสารอย่างอื่นอย่างทั่วถึง เพราะฉะนั้นประชาชนทุกท่านมีสิทธิ์ได้รับมวลสารมหามงคลอย่างถ้วนทั่วกัน

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงเป็นองค์ประธานประกอบพิธีมหาพุทธาภิเศก เมื่อวันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2542 โดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงมอบให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) วัดสระเกศ เป็นประธานเจริญพระพุทธมนต์และจุดเทียนชัย มีพระเถระและพระคณาจารย์ รวม 72 รูปทั่วประเทศ อาทิ

    1. สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร

    2. หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต จ.หนองคาย

    3. หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย

    4. หลวงพ่อพวง สุวีโร วัดป่าปูลู จ.สกลนคร

    5. หลวงพ่อบุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรม จ.ขอนแก่น

    6.หลวงปู่หงส์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี จ.สุรินทร์

    7. หลวงพ่อม่วง วัดยางงาม จ.ราชบุรี

    8. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว พระนครศรีอยุธยา และ ฯลฯ

    .......................... ขอนำประวัติ พระพุทธนาราวันตบพิตร อนุสรณ์ในหลวงทรงผนวช .........................

    พระพุทธรูปซึ่งไม่ได้รับการเรียกขานว่า "พระพุทธรูปทรงผนวช" เหมือนเช่น "เหรียญทรงผนวช" แต่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพระราชพิธีทรงพระผนวชของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ พระพุทธนาราวันตบพิตร

    พระพุทธนาราวันตบพิตร เป็นพระพุทธรูปศิลปะรัตนโกสินทร์ ปางห้ามสมุทร ประดิษฐานบนฐานรูปกลีบบัวคว่ำบัวหงาย ซึ่งประดับอยู่เหนือฐานสิงห์ทรงกลม ฐานส่วนล่างสุดเป็นฐานปัทม์แปดเหลี่ยม จารึกประวัติการสร้างไว้ที่ท้องไม้ เนื้อพระพุทธรูปและฐานทั้งสามชั้นทำด้วยโลหะผสมทอง สูงจากพระรัศมีถึงพระบาท 15.5 นิ้ว ฐานกลีบบัวและฐานสิงห์สูงรวม 4 นิ้ว ฐานปัทม์สูง 3.5 นิ้ว

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างตามพระราชประเพณีซึ่งเริ่มมาแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 คือ โปรดให้สร้างพระพุทธรูปเป็นพุทธบูชาเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการที่ได้ทรงผนวชในพระพุทธศาสนา ดังนั้น ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงผนวชเป็นพระภิกษุระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม ถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 เมื่อทรงลาผนวชแล้ว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ประติมากรของกรมศิลปากรปั้นหุ่นและหล่อพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร เสด็จพระราชดำเนินทรงเททองหล่อพระพุทธรูปเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2499 ณ พระที่นั่งราชฤดี ในพระบรมมหาราชวัง และโปรดให้จารึกที่ส่วนท้องไม้ของฐานชั้นล่างว่า

    "พระพุทธนาราวันตบพิตร ศุภมัสดุ พระพุทธศาสนากาลล่วงแล้ว ๒๔๙๙ พรรษา วันที่ ๒๒ ตุลาคมมาส พระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงพระราชศรัทธาในพระบวรพระพุทธศาสนา ได้เสด็จออกทรงผนวชเป็พระภิกษุ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และเสด็จมาประทับบำเพ็ญสมณปฏิบัติ ณ พระปั้นหยาวัดบวรนิเวศวิหาร ได้ทรงสถาปนาพระพุทธปฏิมาพระองค์นี้ขึ้นไว้ในพระบวรพุทธศาสนา เมื่อ ณ วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ได้ถวายพระนามว่า พระพุทธนาราวันตบพิตร เชิญขึ้นประดิษฐานไว้ ณ พระปั้นหยาเป็นพระราชกุศลสืบไป"

    พระพุทธนาราวันตบพิตรประดิษฐานอยู่ที่พระตำหนักปั้นหย่า จนถึง พ.ศ.2507 ได้หายไป ทางวัดฯ ได้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท แต่ต่อมาด้วยเดชะพระบารมีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระพุทธนาราวันตบพิตรได้กลับมาสู่วัดบวรนิเวศวิหารดังปาฏิหาริย์ กล่าวคือ ในคืนวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507 ได้มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งนำห่อของสองห่อมาฝากพระภิกษุในวัด ขอให้ถวายเจ้าอาวาส เมื่อเจ้าอาวาสแก้ห่อออกมา ปรากฏว่าเป็นพระพุทธนาราวันตบพิตรและฐานที่หายไป จึงเป็นที่ยินดีและเป็นที่ประหลาดใจของวัดและผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทั่วกัน ฉะนั้น ทางวัดจึงได้กราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตฉลองพระพุทธนาราวันตบพิตร ในคราวเดียวกับการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลฉลองพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507

    ขอขอบคุณเจ้าของข้อมูลเป็นอย่างยิ่ง
    DSCF1376.JPG DSCF1377.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2016
  9. หงส์ผาคำ

    หงส์ผาคำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +425
    ผมโอนเงินเรียบร้อยแล้วครับ

    ผมโอนค่าบูชาพระผงรูปเหมือนครูบาบุญชุ่มแล้วเน้อครับ

    โอนวันที่ 29/09/16 เวลา 06.44 น.
    เข้าธนาคารกรุงไทย เลขที่ 5130066332
    จำนวน 199+50 = 249 บาท
    ตามสลิปที่แนบมานี้ครับ
    ในส่วนที่อยู่ผมได้แจ้งทาง PM เรียบร้อยละครับ
    ขอบคุณมากครับ

    IMG_3247.JPG
     
  10. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    พระผงมงคลเกษม 7 รอบ

    รายการที่ 42

    พระผงมงคลเกษม 7 รอบ

    เปิดให้บูชา 499 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาทเป็นพระผงอีกรุ่นที่น่าใช่มากผสมผงหลวงพ่อมากมาย

    DSCF1426.JPG DSCF1427.JPG 908888.jpg
     
  11. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    เหรียญครูบาศรีวิชัย ตะกั่วลองพิมพ์

    รายการที่43

    หรียญครูบาศรีวิชัย ตะกั่วลองพิมพ์ปี2482พิมพ์สามชาย

    เปิดให้บูชา 1999 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท

    DSCF1424.JPG DSCF1425.JPG
     
  12. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    จองครับผม:cool:
     
  13. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    รับทราบการจองครับ
     
  14. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    โอนแล้วแจ้งด้วยนะครับ
     
  15. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    โอนแล้วแจ้งที่อยู่ด้วยนะครับขอบคุณครับ
     
  16. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    พระกริ่งหนองม่วงไข่พิมพ์เล็ก

    พระกริ่งหนองม่วงไข่พิมพ์เล็ก
    พระกริ่งวัดหนองม่วงไข่ อ.หนองม่วงไข่ จ.แพร่ในปี พ.ศ.๒๕๑๒ หลวงพ่อรส คนฺธรโส พระราชรัตนมุนี เจ้าอาวาสวัดหนองม่วงไข่ในสมัยนั้น ได้เททองหล่อพระประธาน ณ.วัดหนองม่วงไข่ หน้าตักกว้าง ๖ ศอก ๙ นิ้ว โดยมีนายสวัสดิ์ และนายถาวร เดชพ่วง เป็นช่างหล่อ มีพระสมเด็จพระวันรัต ได้เสด็จเป็นองค์ประธานทำพิธีเททอง และทรงประธานพระมงคลนามว่า หลวงพ่อพระพุทธจักรลานนาไทย มีพระเถราจารย์จำนวน ๑๐๘ รูป ร่วมพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๑๒ พร้อมกันนั้นก็ได้จัดสร้างพระกริ่งพุทธจักรลานนาไทยขึ้นด้วย มีทั้งพิมพ์ใหญ่ และ พิมพ์เล็ก อย่างละ ๒๐๐๐ องค์ เพื่อหารายได้เป็นค่าภัตตาหารของพระภิกษุสามเณร พระกริ่งของวัดหนองม่วงไข่ เป็นพระกริ่งแบบบัวรอบ ลักษณะของบัวเป็นแบบบัวคว่ำบัวหงาย ล้อพิมพ์พระกริ่งบัวรอบของวัดบวรนิเวศ รุ่นนายควง อภัยวงศ์ มีพระพักตร์โต พระโอษฐ์แย้ม มีลักษณะศิลปะแบบไทย เป็นเนื้อทองเหลืองรมดำเป็นพระกริ่งที่มีประสบการณ์สูง

    เปิดให้บูชา 999 บาท พร้อมค่าจัดส่ง 50 บาท
    DSCF1451.JPG DSCF1452.JPG DSCF1453.JPG
     
  17. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    เหรียญครูบาอิน อินโท

    เหรียญครูบาอิน อินโท
    อภิญญาอภินิหาร
    หลวงปู่ครูบาอิน อินโท

    ประสบการณ์แห่งความเมตตา
    อภิญญาอภินิหารพลังจิตตานุภาพ
    ของอมตะพระเถราจารย์เจ้าแห่งแผ่นดินล้านนา

    ในแวดวงผู้นิยมของขลังและวัตถุมงคล เรื่องที่เล่าสู่กันฟังก็คงหนีไม่พ้น อภินิหารหรือประสบการณ์วัตถุมงคลของครูบาอาจารย์ที่ตนเองเคารพนับถือ สำหรับพระครูวรวุฒิคุณ หรือ หลวงปู่ครูบาอิน อินฺโทเองก็เช่นกัน มีเรื่องราวประสบการณ์เกี่ยวกับองค์หลวงปู่และวัตถุมงคลของท่านที่เล่าสู่กันฟังอยู่อย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ก็เป็นความเชื่อ ความเคารพศรัทธาส่วนบุคคล นำมาเผยแพร่เพื่อเป็นการลำลึกถึงเมตตาบารมีขององค์หลวงปู่ครูบาอิน โดยมิได้มุ่งหวังให้เกิดความเชื่อ ความเข้าใจที่ผิดๆ เกี่ยวกับอภิญญาอภินิหารในวัตถุมงคลของหลวงปู่ครูบาอินแต่อย่างใด

    ผู้ที่อยู่ในวงการพระ ต้องเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับพระเครื่องไม่ด้วยตนเอง ก็ฟังคนอื่นเขาเล่ามาอีกที ความเชื่อในเรื่องพระเครื่องบางครั้งอาจเป็นจุดกำเนิดให้ คนๆ หนึ่ง หันมาเก็บพระเครื่อง พระบูชา จนบางคนผันตัวเองไปเป็นนักนิยมพระ นักพระเครื่องตัวยงเลยก็มี ส่วนใหญ่ก็ด้วยความเชื่อแทบทั้งนั้น เรื่อราวอภินิหารมีอยู่คู่แผงพระด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่ฟังก็ต้องตั้งใจฟัง เอาสติเป็นตัวตัดสิน ว่ามีความเป็นจริงมากน้อยเพียงไร แล้วสิ่งที่เราได้รับรู้เหล่านั้น มีผลต่อการปฏิบัติดีปฏิบัติถูกของเราหรือไม่อย่างไร อย่าลืมว่า พระเครื่องวัตถุมงคลจะคุ้มกันหรือเอื้อผลในทางที่ดีต่อผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเท่านั้น

    สังเขปประวัติหลวงปู่

    พระครูวรวุฒิคุณ หรือ หลวงปู่ครูบาอิน อินโท (ครูบาฟ้าหลั่ง) มีชื่อเดิมว่า อิน เป็นบุตรของพ่อหนุ่ม แม่คำป้อ เขียวคำสุข ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๖ (ตรงกับวันเสาร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๓ เหนือ ปีเถาะ) ณ บ้านทุ่งปุย ตำบลยางคาม อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ หลวงปู่ครูบาอิน สืบเชื้อสายชาวลั๊วะจากผู้เป็นพ่อ ซึ่งเป็นกลุ่มชนส่วนใหญ่ของบ้านทุ่งปุยในขณะนั้น (ปัจจุบันอยู่ในเขต ตำบลสันติสุข อำเภอดอยหล่อ) ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ (ปีที่ครองราชย์ พ.ศ. ๒๔๑๑-๒๔๕๓) โดยเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ในขณะนั้นคือ เจ้าอินทรวโรรสสุริยวงษ์ (ครองเมืองเชียงใหม่ พ.ศ.๒๔๔๔-๒๔๕๒ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๕ คนด้วยกัน ครอบครัวของท่านมีอาชีพทำนา ทำไร่

    เมื่อสิ้นบุญพ่อหนุ่ม ครูบาอินท่านได้มาเป็นเด็กวัดทุ่งปุย และได้ บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๖๐ อายุได้ ๑๔ ปี โดยมีเจ้าอธิการยศ (ครูบามหายศ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ที่วัดทุ่งปุยและ เมื่ออายุ ๒๐ ปี ท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พันธสีมาวัดป่าลาน ตำบลยางคราม เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๖ เวลา ๑๐.๐๐ น. อายุได้ ๒๐ ปี บริบูรณ์ ฉายาในตอนนั้นคือ พระอิน อินโท โดยมีครูบามหายศ วัดท่าวังพร้าว เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการกว้าง วัดสองแคว เป็นพระกรรมวาจารย์ และมีพระอธิการอ้าย วัดทุ่งปุย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วก็ได้เล่าเรียนศึกษาปฏิบัติกรรมฐานกับครูบามหายศ จนต่อมาเมื่อตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดทุ่งปุยว่างลง ท่านก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งปุย พ.ศ. ๒๔๘๕ และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลยางคราม พ.ศ. ๒๔๙๔ ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌายะ พ.ศ. ๒๔๙๖

    ปีพ.ศ. ๒๕๐๕ ท่านได้รับนิมนต์มาเป็นประธานสร้างโรงเรียนวัดฟ้าหลั่ง และได้เป็นประธานบูรณะวัดร้างฟ้าหลั่งให้เจริญรุ่งเรือง มีเสนาสนะเป็นทีปฏิบัติศีลปฏิบัติธรรมของบรรดาศรัทธาญาติโยม จนได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูวรวุฒิคุณ”

    หลวงปู่ครูบาอิน เป็นพระสุปฎิปันโนโดยแท้ ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ มีสีลา จาระวัตร เป็นที่หน้าเลื้อมใสเป็นอย่างยิ่งแก่ศรัทธาประชาชนที่ได้เข้าสักการะกราบไหว้ แล้วจะอบอุ่นสบายใจ เป็นที่สุดจากคำบอกเล่าของบุคคลที่เข้านมัสการท่าน อีกทั้งท่านยังเชี่ยวชาญในสรรพวิชาพุทธาคม ซึ่งท่านก็ได้เมตตาปัดเป่าทุกข์ ให้แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาและผู้เคารพสักการะที่เดินทางมากราบนมัสการท่านอยู่เสมอ

    นกระทั่งในปี พ.ศ.๒๕๔๓ ในวัยร่วมร้อยปี ท่านจึงเดินทางกลับมาพำนักที่วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย) และเป็นกำลังสำคัญในการบูรณะ สร้างเสนาสนะให้แก่วัดทุ่งปุยโดยมีพระครูสุคนธ์บุญญากร เจ้าอาวาสวัดทุ่งปุยเป็นผู้คอยอุปัฏฐากดูแล แต่ด้วยวัยที่ชราภาพมาก สุขภาพร่างกายของท่านจึงร่วงโรยไปตามวัฏสังสาร

    วันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๔๖ หลวงปู่ครูบาอินเข้าโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่เป็นครั้งสุดท้าย จนกระทั่งถึงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๖ เวลา ๑๓.๑๕ น. อาการเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ จนถึงเวลา ๑๙.๔๐ น. ท่านก็จากไปอย่างสงบ สิริรวมอายุ ๑๐๑ ปี พรรษา ๘๑

    หลังจากมรณภาพ คณะศรัทธาลูกศิษย์ลูกหา ได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศล สวดพระอภิธรรม และบรรจุสรีระสังขารหลวงปู่ที่ไม่เน่าเปื่อย แห้งแข็งและปิดทองไว้จนเหลืองอร่ามในโลงแก้ว และจัดสถานที่ให้ศรัทธาสาธุชนได้กราบนมัสการบนกุฏิวรวุฒิคุณ วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย) และได้จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท ได้อย่างสมเกียรติ สมสมณะฐานะของท่าน ระหว่างวันที่ ๓๐ มกราคม-๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ณ เมรุชั่วคราว วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย)


    ((((((นี่เป็นเพียงสังเขปประวัตินะครับ หากท่านใดสนใจประวัติหลวงปู่แบบ Full version ผมเขียนไว้แล้วที่เวปไซต์ของหลวงปู่ครับ))))))
    http://www.krubain.com/

    เปิดให้บูชา 499 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท

    DSCF1460.JPG DSCF1463.JPG
     
  18. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    ที่จองไว้ไม่ทราบยังเอาใหมครับขอบคุณครับ
     
  19. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    เหรียญพระชัยหลังช้าง ภ.ป.ร. ปี 2530

    <big>เหรียญพระชัยหลังช้าง ภ.ป.ร. ปี 2530

    </big>
    ประวัติความเป็นมาของพระชัยที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบ ย้อนหลังไปถึงสมัยอยุธยา พระเดชพระคุณพระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) แห่งวัดอัมพวัน เล่าไว้ถึงที่มาของพระพุทธชัยมงคลคาถา พาหุงฯ ๘ บท และพระชยปริตร มหาการุณิโกฯ ควบคู่กับพระราชประเพณีอัญเชิญพระชัยหลังช้างไปในราชการสงคราม ว่ามีมาตั้งแต่ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยจะทรงอัญเชิญพระชัยไปในราชการสงคราม กู้บ้านกู้เมืองเป็นปกติ หากเสด็จทางสถลมารคก็จะอัญเชิญพระชัยขึ้นประดิษฐานบนหลังช้าง จึงได้ชื่อว่าพระชัยหลังช้าง

    ในขณะที่ในพระชัยในยุครัตนโกสินทร์มีที่มาจากพระราชจริยาวัตรในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงบูชาพระพุทธรูปประจำพระองค์นี้มาตั้งแต่ยังทรงเป็นสามัญชน ครั้นขึ้นป็นแม่ทัพก็จะอาราธนาพระชัยขึ้นหลังช้างโดยเสด็จราชการสงครามกู้แผ่นดินเป็นปกติเช่นกัน กลายมาเป็นพระราชประเพณีสร้างพระชัยวัฒน์ประจำรัชกาลสืบมา

    ด้วยประวัติความเป็นมาดังกล่าวย่อมเป็นที่น่าศรัทธาน่าสักการะพระชัยเพื่ออานิสงส์แห่งความมีชัยชนะนัก หากแต่เดิมประชาชนทั่วไปยากที่จะเข้าถึงเข้าสักการะบูชาพระชัยได้ ด้วยพระชัยวัฒน์ประจำรัชกาลทุกองค์จะประดิษฐานอยู่ ณ หอพระสุราลัยพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง
    "เหรียญพระชัยหลังช้าง" เหรียญดังพิธีดีอีกเหรียญหนึ่งที่หยิบยกมากล่าวถึง เป็นเหรียญที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ แห่งวัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร ในนามคณะสงฆ์ได้ดำเนินการจัดสร้างขึ้น สืบเนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 60 พรรษา ในปี พ.ศ.2530

    เป็นเหรียญปั๊มด้านหน้าเป็นรูปพระชัยวัฒน์ที่เรียกกันว่า "พระชัยหลังช้าง" ด้านหลังเป็นพระปรมาภิไธยย่อ "ภปร." มีอักษรปรากฏบนเหรียญว่า "5 ธันวาคม 2530" และ "คณะสงฆ์สร้างในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ"

    "เหรียญพระชัยหลังช้าง" เป็นเหรียญดีเพราะพิธีการจัดสร้างเปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งเจตนาการจัดสร้างเพื่อนำรายได้จากการบริจาคบูชานั้น ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2530 ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร มีพระเกจิอาจารย์ดังปลุกเสกมากมาย ประการสำคัญยิ่ง เหรียญพระชัยหลังช้าง มีสมเด็จพระสังฆราชถึง 2 พระองค์ ปลุกเสก นั้นคือ สมเด็จพระสังฆราช (วาส) วัดราชบพิธฯ และสมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร ที่ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช เมื่อปี พ.ศ.2532

    และ"เหรียญพระชัยหลังช้าง"มีสมเด็จพระราชาคณะที่ร่วมปลุกเสกอีก คือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา สมเด็จพระวันรัต วัดโสมนัสวิหาร สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปทุมคงคา สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) วัดสระเกศ เมื่อครั้งยังเป็นที่พระพรหมคุณาภรณ์

    แล้วยังมีพระเกจิอาจารย์ดังแห่งยุคนั้น อาทิ หลวงพ่อแพ แห่งวัดพิกุลทอง จังหวัดสิงห์บุรี พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) วัดท่าซุง หลวงพ่อชื้น วัดญาณเสน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระครูสันติวรญาณ (สิม) วัดถ้ำผาปล่อง พระอุดมสังวรเถร (อุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรี พระครูฐาปนกิจสุนทร (เปิ่น) วัดบางพระ จังหวัดนครปฐม หลวงปู่ม่น วัดเนินตาหมาก จังหวัดชลบุรี พระครูเกษมธรรมนันท์ (แช่ม) วัดดอนยายหอม พระครูปริมานุรักษ์ (พูล) วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม

    ที่สำคัญ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง ท่านเคยกล่าวไว้กับลูกศิษย์ของท่านว่า เหรียญพระชัยหลังช้างนี้เป็นเหรียญที่มีพุทธานุภาพดีมากๆ

    กล่าวสำหรับพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์รัชกาลปัจจุบันนี้ มีความเป็นมาสืบเนื่องจากราชประเพณีหล่อพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล เริ่มเมื่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงมีพระราชดำริว่า พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำพระองค์ที่เชิญไปในราชการศึกสงคราม ซึ่งเรียกกันว่า "พระชัยหลังช้าง" นั้น ได้เชิญไปประดิษฐานหน้าพุทธบัลลังก์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เพราะเป็นพระพุทธรูปคู่บารมีมาด้วยกัน จึงขาดพระพุทธปฏิมาสำหรับถวายสักการะ ณ พระราชมณเฑียร จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ขึ้นแทน ถวายพระนามว่า พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล

    ในรัชกาลต่อมา เมื่อประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว ถือเป็นราชประเพณีที่จะต้องหล่อพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์สืบมาทุกรัชกาล

    พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 ยังไม่ได้สร้างพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล ในการพระราชพิธีจึงต้องเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ของรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นสมเด็จพระบรมอัยกาธิราช เป็นพระพุทธรูปประธานในงานพระราชพิธี ครั้น พ.ศ.2495 เสด็จพระราชดำเนินกลับจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาประทับพระนคร พ.ศ.2506 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาลตามราชประเพณี และโปรดเกล้าฯ ให้ นายพิมาน มูลประมุข เป็นช่างปั้นหุ่นพระพุทธรูป

    พระเครื่องและเหรียญที่ระลึกที่มีพระปรมาภิไธยย่อ "ภปร" ประดิษฐานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือด้านหลัง ถือว่าเป็นสิ่งมงคลที่น่าเก็บสะสมบูชาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเหรียญพระพุทธรูปของ วัดต่างๆ ที่มีตรา ภปร.ประดิษฐานอยู่ด้านหลังนั้นมีอยู่จำนวนมากเช่นกัน
    หลายๆ รุ่นมีพิธีการสร้างที่เข้มขลัง และมีพุทธศิลป์ที่งดงามอย่างยิ่ง ดั่งเช่นเหรียญพระพุทธ หรือเหรียญพุทธคุณ พระปรมาภิไธยย่อ ภปร.ที่เรียกขานกันว่า "เหรียญพระชัยหลังช้าง" สร้างโดยคณะสงฆ์ทั้ง 2 นิกายในปีมหามงคลเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 60 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 5 ธ.ค.2530 "เหรียญพระชัยหลังช้าง" มีเนื้อทองคำ, เนื้อเงิน, เนื้อกะไหล่ทอง

    มูลเหตุที่นำรูป พระชัยหลังช้างมาจัดสร้างเพื่อเทิดพระเกียรติล้นเกล้าทั้งสอง พระองค์ ด้วยเห็นว่าพระชัย (หลังช้าง) เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง คู่บุญญาบารมีของปฐมกษัตริย์แห่งราชจักรีวงศ์ ควรที่ประชาชนจะมีไว้สักการบูชา เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในพระองค์

    ดังเช่น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรุงเทพฯ ได้ลิขิตไว้ว่า"เหรียญพระชัยหลังช้าง" "หากอยู่กับบ้านก็คุ้มบ้าน หากอยู่กับตัวก็คุ้มตัว" และเพื่อเป็นการยืนยันคำพูดดังกล่าว ท่านจึงได้จัดพิมพ์หนังสือเรื่อง "ปรากฏการณ์อันน่าพิศวงเกี่ยวด้วยเหรียญพระชัย (หลังช้าง)" ขึ้น โดยรวบรวมเรื่องราวจากผู้ที่ได้รับประสบการณ์จากเหรียญนี้มากมายหลายท่าน
    เหรียญพระชัยหลังช้าง ความเป็นมาของ "พระชัยวัฒน์" เดิมมีพระนามว่า "พระชัย" หรือ "พระไชย" ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ออกพระนามเพิ่มว่า "พระไชยวัฒน์" และได้เปลี่ยนพระนามมาเป็น "พระชัยวัฒน์" ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

    พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลปัจจุบัน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร มีฉัตรปรุ 5 ชั้นปักกั้น หน้าตักกว้าง 7 นิ้ว สูงจากทับเกษตรถึงยอดพระรัศมี 9 นิ้ว มีพัดแฉกหล่อด้วยเงินปักข้างหน้า ที่ฐานมีคำจารึก ซึ่งเป็นต้นแบบในการนำมาสร้าง เหรียญพระชัยหลังช้าง
    ผู้ใดมีเหรียญนี้รุ่นใดรุ่นหนึ่งอยู่แล้ว ก็ขอให้รับรู้ถึงความพิเศษยิ่งของพระชัยหลังช้าง ขออย่าลืมเลือนในคุณค่าสุดวิเศษยิ่งในมือ ขอจงสักการะบูชาให้ซึ้งถึงดวงใจอย่างภาคภูมิ สมดังพระราชปณิธานแห่งองค์สมเด็จพระปฐมบรมมหากษัตริยาธิราชเจ้า จอมบดินทร์ปิ่นสยาม มหาราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่สะท้อนกู่ก้องประดุจสีหนาทบันลือด้วยตอนหนึ่งในพระราชนิพนธ์ นิราศท่าดินแดงว่า

    ....ตั้งใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา
    ป้องกันขอบขันธสีมา รักษาประชาชนและมนตรี...


    หมายเหตุ
    เหรียญพระชัยหลังช้างหลวงปู่ศรีปลุกเสกปี 2530 (ปลุกเสกหมู่พิธีใหญ่ที่วัดพระแก้ว) วันนั้นครูบาอาจารย์ท่านมากันเยอะมากหลวงปู่ศรีท่านเป็นพระที่นอบน้อมถ่อมตนท่านเลยไม่กล้าปล่อยพลังไปเยอะเกรงว่าจะเป็นการข้ามหน้าข้ามตาครูบาอาจารย์ท่านอื่น(จากคำบอกเล่าของพระลูกศิษย์ใกล้ชิด) ด้วยความรู้สึกที่ว่ายังไม่เต็มที่และไม่เป็นที่น่าพอใจ ท่านจึงได้ขอบูชามาจากวัดพระแก้วจำนวน 1,000 เหรียญ และนำมาปลุกเสกเดี่ยวใหม่อีกครั้งที่วัดป่ากุงปลุกเสกนานถึง 2 ชั่วโมงเต็มๆ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร บูชาไปแจกทหาร 200 เหรียญปรากฎว่ามีประสบการณ์กับทหารหาญมากมายพระชัยหลังช้างของหลวงปู่ 1 องค์คุ้มครองทหารได้ถึง 6 คน เป็นที่รู้กันดีและต้องการในกลุ่มลูกศิษย์ลูกหาเป็นอย่างมาก ***แต่ข้อเสียคือเหมือนกับที่แจกวัดพระแก้วมิได้ตอกโค๊ตเพิ่มหรือทำให้แตกต่างเลยยากต่อการแยกแยะ หากท่านได้พระชัยหลังช้างที่ออกจากวัดป่ากุงจริงจะมีพุทธคุณสูงส่งมากๆ ครับ ***


    เปิดให้บูชา 299 บาทค่าจัดส่ง 40 บาท


    DSCF1494.JPG DSCF1495.JPG

     
  20. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,329
    ค่าพลัง:
    +161
    พระอุปคุตเนื้อผงคลุกรัก หลวงปู่สุข วัดสำโรงเหนือ สมุทรปราการ

    พระอุปคุตเนื้อผงคลุกรัก หลวงปู่สุข วัดสำโรงเหนือ สมุทรปราการ
    พระพิมพ์นี้หายากมากๆ ครับท่านเป็นพระยุคก่อน 2500 ครับ พื้นที่รู้จักกันดี เนื้อผงคลุกรัก เทียบเคียงอายุใกล้กับ พระปิดตาอันโด่งดังของ ลพ.แย้ม วัดด่านสำโรง และ ลพ.เชย วัดบางกระสอบ สภาพสวยสมบูรณ์มากๆ ครับ เลี่ยมใช้มาเดิมๆ

    เปิดให้บูชา 1499 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท

    DSCF1497.JPG DSCF1498.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2016

แชร์หน้านี้

Loading...