พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แบงก์ชาติแนะ ปชช.ตรวจเช็กสถานะธนาคาร ป้องกันความเสี่ยงเงินฝาก
    http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9510000043167
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">11 เมษายน 2551 12:05 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td align="left" height="12" valign="bottom">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="160"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="4" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" height="1" valign="middle" width="165">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> <td background="/images/linedot_vert3.gif" width="4">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> ธปท.แนะวิธีเช็กสถานะแบงก์พาณิชย์ ช่วยป้องกันความเสี่ยงของเงินฝาก ก่อนเริ่มใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก 11 ส.ค.นี้ เชื่อไม่ทำให้ลูกค้าแห่ถอนเงิน เพราะมีการคุ้มครองความเสี่ยงเงินฝากทั้งแบงก์เล็ก-แบงก์ใหญ่ เท่าเทียมกัน และจะปรับลดการคุ้มครองลงแบบขั้นบันได

    วันนี้ (11 เม.ย.) นายณัฐ ตาปสนันทน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการสายจัดการกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่พระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ.2551 (พ.ร.บ.) มีผลบังคับใช้วันที่ 11 ส.ค.นี้ ไม่น่าจะทำให้ลูกค้าถอนเงินจากธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กไปฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่

    เนื่องจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะให้การคุ้มครองเงินต้นแก่ผู้ฝากเงินในจำนวนเท่ากันทุกธนาคาร ปีแรกจะให้ความคุ้มครองเต็มจำนวน ปีที่ 2 ลดลงเหลือ 100 ล้านบาท ปีที่ 3 เหลือ 50 ล้านบาท ปีที่ 4 เหลือ 10 ล้านบาท และในปีที่ 5 เป็นต้นไปเหลือ 1 ล้านบาท อีกทั้งในต่างประเทศ ที่มีสถาบันคุ้มครองเงินฝากก็ไม่ปรากฎว่ามีปัญหาเรื่องการไหลออกของเงินฝากไปยังธนาคารใดธนาคารหนึ่ง

    สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวล ว่า สถาบันการเงินที่ฝากเงินไว้จะมีความมั่นคงหรือไม่นั้น ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้จากการดูราคาหุ้นของธนาคาร รวมถึงสังเกตพฤติกรรมการฝากเงินของรายใหญ่ หากมีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น รายใหญ่ถอนเงินออกไปทั้งก้อน ก็เป็นข้อบ่งชี้ให้ผู้ฝากรายย่อยระวังตัวมากขึ้น ในการตรวจสอบความมั่นคงของสถาบันการเงินนั้นๆ

    “การให้ความคุ้มครองแก่ผู้ฝากเงินจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ฝากเงินไม่ให้ได้รับผลกระทบเมื่อสถาบันการเงินแห่งใดแห่งหนึ่งเกิดปัญหา โดยผู้ฝากจะได้รับเงินคืนโดยเร็วภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ยื่นขอรับเงินในวงเงินที่คุ้มครอง แต่ในส่วนที่ไม่ได้รับคุ้มครองก็ต้องรอขั้นตอนการชำระบัญชีต่อไป โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะให้การคุ้มครองธนาคารพาณิชย์ทั้งของไทยและต่างชาติ รวมถึงบริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ที่ฝากเงินในรูปของสกุลเงินบาท แต่ไม่คุ้มครองถึงบัญชีเงินฝากของผู้ที่มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศ”

    ทั้งนี้ หลังจากที่มีการใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าว ก็จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากสถาบันการเงินต่างๆ ในอัตราไม่เกิน 1% ของเงินฝาก ซึ่งจะนำมาเป็นเงินไว้ชดเชยให้ผู้ฝากเงินหากสถาบันการเงินมีเหตุให้ปิดตัวไป และจะช่วยลดภาระของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินลงประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  2. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ขอให้คุณเพชรโชคดีในการเดินทาง และประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาครับ ว่าแต่ดินจากในหลุมนี่ น่ากัวจัง กึ๋ยส์.(evil)
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table style="width: 480px;"><tbody><tr><td valign="top">
    </td> <td valign="top">
    หยุดปัญหาผมร่วง-หงอกด้วยอาหาร
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=55669&NewsType=2&Template=1

    ใครที่ไม่อยากผมร่วง-หงอก วันนี้เกร็ดความรู้มีอาหารที่กินแล้วช่วยหยุดปัญหาผมร่วง-หงอก มาบอกกัน....
    หยุดผมร่วง - ควรกินกล้วย ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินบี มีสรรพคุณป้องกันผมร่วงได้ดี มีสารอาหารบำรุงเส้นผมที่ดีมาก การกินกล้วยเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยรักษาเส้นผม ให้อยู่คู่กับหนังศีรษะได้นานวัน

    ชะลอผมหงอกหรือผมสีดอกเลา - กินถั่วลิสงอบเนย ร่วมกับเกร็ดขนมปังที่อบมาร้อน ๆ ก่อนมื้ออาหาร สามารถหยุดยั้งการเปลี่ยนสีผม เนื่องจากอาหารดังกล่าวอุดมไปด้วยวิตามินบี ที่หยุดการเปลี่ยนเป็นสีดอกเลาได้ และทำให้ผิวหนังดูดีขึ้นอีกด้วย ถ้าไม่ชอบถั่วลิสง ลองมันฝรั่งอบร้อน และชุบเนยแทน

    จำไว้ว่าการกินอาหารเฉพาะอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ไม่ใช่ช่วยให้สวย หล่อภายใน 2-3 วันต้องกินอย่างต่อเนื่องทุกวันอย่างน้อย 3-6 เดือนขึ้นไป
    ถ้าไม่อยากผมร่วง-หงอก ก็หาอาหารที่แนะนำมากินกันได้.
    </td></tr></tbody></table>
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [FONT=Tahoma,]อย่าใช้อารมณ์กับเด็ก
    [/FONT][FONT=Tahoma,]วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6346 ข่าวสดรายวัน

    http://matichon.co.th/khaosod/view_...nid=TURNd053PT0=&day=TWpBd09DMHdOQzB4TkE9PQ==
    [/FONT][FONT=Tahoma,]
    ธรรมะใต้ธรรมาสน์

    ไต้ ตามทาง



    จะเล่าความจริงให้ท่านฟัง เกี่ยวกับตัวของข้าพเจ้าเอง ในสมัยที่ข้าพเจ้าเป็นเด็ก ข้าพเจ้าไม่ชอบการดุด่าและเฆี่ยนตี ชอบความสุภาพอ่อนโยน ถ้าถูกดุวันไหนก็ทานอาหารไม่ได้เอาทีเดียว คุณแม่ท่านรู้ดีท่านจึงมิได้ดุด่าอย่างรุนแรง ถ้าโกรธ...ท่านก็เพียงใช้ฝ่ามือตบตะโพกสองสามแปะเท่านั้น คุณพ่อไม่เคยเฆี่ยนตีเลยจนข้าพเจ้าโต

    ถ้าทำอะไรผิด...

    ท่านมักสอนในเวลากลางคืน

    หรือบางทีก็บ่นให้รู้สึกว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด

    ข้าพเจ้าจึงเป็นเด็กที่มีความสุขในอ้อมแขนของคุณพ่อคุณแม่

    แต่พี่สาวของข้าพเจ้าคนหนึ่งมักดุเสมอ

    ดุข้าพเจ้าทีไรก็ถูกคุณแม่ห้ามทุกทีว่า อย่าดุน้อง...พูดกันดีๆ

    ต่อมาก็ต้องไปอยู่วัดกับหลวงลุง หลวงลุงท่านเป็นคนเจ้าระเบียบและพูดน้อย ดูอาการท่านเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา ไม่ค่อยพูดจาอะไรกับใคร ท่านเดินตามแนวเก่าคือต้องบังคับกันเสมอ ข้าพเจ้าเกิดความลำบากใจ ความจริงท่านทำด้วยความรักแต่เด็กๆ ไม่รู้ เลยทำให้เกิดความกลัวและหนีจากวัดบ่อยๆ หนีไปก็ไม่พ้น...ถูกนำกลับมาอีก และถูกเฆี่ยนเป็นการใหญ่ พอเผลอก็หนีอีก เป็นอย่างนี้บ่อยๆ จนอยู่กันไม่ได้ แม้คุณพ่อคุณแม่จะนำกลับไปอีกก็ไม่ยอมไป เกิดโรคกลัวต่อไม้เรียวเต็มที ต้องย้ายที่ใหม่คือเข้าโรงเรียน

    ได้เรียนมาด้วยดีในชั้น ป.1-2 พอถึง ป.3 คุณครูที่สอนท่านเคร่งครัด และตีเก่งอีก...โรคเก่ากลับมาอีก..หนีโรงเรียนต่อไป เขาจับมาส่ง ถูกครูถามว่าทำไมหนีโรงเรียน? บอกคุณครูว่ากลัวไม้เรียวที่ครูตีบ่อยๆ คุณครูหัวเราะ และบอกว่าต่อนี้ไปจะไม่ตีแล้ว ขอให้มาโรงเรียนทุกวันเถิด ข้าพเจ้าก็มาโรงเรียนทุกวัน ครูก็ไม่ตีดังแต่ก่อน การเรียนก็ดำเนินไปจนสอบไล่ได้ผ่านชั้นประถมไป

    ท่านผู้ฟังคงนึกว่าเรื่องส่วนตัวเอามาเล่าทำไม ที่เล่ามาเพื่อให้เห็นโทษของการลงโทษในทางที่ตึงเกินไป

    ตามปกตินั้น คนเรามีสัญชาตญาณแห่งความกลัวด้วยกันทั้งนั้น ถ้าเราเอาวิธีทำให้กลัวมาใช้ เป็นการกระทำที่บังคับจิตใจของเด็กมากเกินไป จิตใจของเด็กก็หดหู่ ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากอยู่บ้าน มองเห็นพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นศัตรูไป จึงทำให้ตีตนออกห่าง และห่างออกไปจนเสียคนไปก็มาก เด็กตามแถวหน้าโรงหนังมาจากครอบครัวที่พ่อแม่ใช้วิธีขู่เข็ญไม่น้อย คนที่มีนิสัยมักโกรธ เหี้ยมโหดดุร้าย ถ้าสืบดูประวัติให้ดีก็จะพบว่ามาจากพ่อแม่ที่ดุร้าย ฉะนั้นการลงโทษเด็กจึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังให้มากสักหน่อย

    พ่อแม่บางคนนั้นพอเห็นลูกทำอะไรผิดแล้วก็ไม่มีการยับยั้งเลย...ฟาดเปรี้ยงเข้าให้ไม่เลือกที่ สุดแต่จะถูกตรงไหน บางทีเด็กต้องเสียหูเสียตาเพราะการลงโทษแบบนี้ ขอให้คิดไว้ในใจก่อนว่าเด็กไม่เดียงสาเขายังไม่รู้ชัดว่าอะไรถูก อะไรผิด เขาทำอะไรก็มักตามผู้ใหญ่เสมอ ผู้ใหญ่นี่แหละ...เป็นผู้ที่ควรถูกเฆี่ยนก่อน เพราะว่าแสดงละครไม่ดีให้เด็กเห็น แล้วตนก็ไม่สำนึกว่าตนผิด ไปลงโทษเด็กด้วยอำนาจโทสะเป็นการกระทำที่ใช้ไม่ได้

    จงจำไว้ในใจว่า...

    ถ้าเกิดความโกรธ อย่าลงโทษเด็กเป็นอันขาด

    เพราะการลงโทษเด็กขณะนั้นขาดความรู้สึกผิดชอบ

    มักลงโทษเกินกว่าเหตุไปเสมอ

    วันก่อนอ่านหนังสือพิมพ์ ได้พบข่าวเรื่องผู้หญิงทรมานเด็กด้วยวิธีการต่างๆ อันเป็นเรื่องทารุณทั้งนั้น คนแบบนี้เขาเรียกว่ายักขิณีไม่ใช่หญิงธรรมดา บางคนโกรธจัดถึงกับพูดว่าเดี๋ยวแม่กินเนื้อเสียนี่ อย่างนี้มิใช่ถ้อยคำของคน แต่เป็นถ้อยคำของมารร้ายที่เข้ามาสิงอยู่ในใจแล้ว

    อย่าปล่อยให้มารร้ายลงโทษลูกของท่านเลย

    จงขับเจ้ามารร้ายออกไปจากใจของท่านเสียก่อนเถิด

    เราทำโทษเด็กเพื่ออะไร? เป็นปัญหาที่ควรถามก่อน

    คำตอบก็มีว่า...

    เพื่อให้เข็ดหลาบ จักไม่กระทำแบบนั้นต่อไป จุดหมายอยู่ที่ให้เขารู้ตัวว่าเขาผิดและจะไม่ทำความผิดต่อไปอีก เอาละเป็นอันได้ความแล้ว

    ลองคิดต่อไปอีกว่า...ไม่มีทางอื่นบ้างเชียวหรือ ที่จะทำให้ลูกน้อยรู้ว่าการกระทำเช่นนั้นมันเป็นความผิด

    มีอยู่ถมไปที่จะทำได้โดยไม่ต้องเฆี่ยนตีกัน

    ในประการแรก เราควรจะค้นหาสมุฏฐานเสียก่อนว่า ทำไมเด็กจึงชอบทำอย่างนั้น ทำไมเด็กจึงประพฤติแบบที่ผู้ใหญ่เรียกว่าซุกซน ความซุกซนของเขาเป็นความเสียหายหรือ?

    ลองหัดค้นหาเหตุผลดูบ้าง ในข้อที่เด็กทำอะไรผิดไปนั้น เราควรนึกไว้ก่อนว่า ทำไมเด็กจึงทำอย่างนั้น เขาคงได้เห็นตัวอย่างแบบนั้นจากใครสักคนหนึ่ง ถ้าพบว่าตัวอย่างอยู่ที่ใคร จงตัดต้นตอออกทำลายตัวอย่างนั้นเสีย สมมติว่าพี่เลี้ยงเป็นตัวอย่าง ก็อย่าให้เขาทำให้เด็กเห็นต่อไป นี่วิธีหนึ่ง เรียกว่า เอาแบบชั่วๆ ออกไปเสียให้ห่าง

    ต่อไป...ควรพูดกับเด็กดีๆ อ่อนหวาน พูดให้เขาได้รู้ว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความชั่ว เป็นคนชั่ว พ่อแม่ไม่รักในการกระทำของลูกเช่นนั้น ลูกอยากให้พ่อแม่รักไหม? ถ้าอยากให้พ่อแม่รัก ขอลูกอย่าทำอย่างนี้ต่อไป นี่คือการเตือนมิให้เขาทำผิด

    คนทำผิดมักอาศัยเครื่องยั่วให้ทำผิด อยู่ๆ จะทำความผิดหาได้ไม่ จงมองหาเครื่องที่ยั่วให้เด็กทำผิดให้พบ แล้วนำออกไปให้ห่าง เด็กก็คงไม่ทำความผิดในรูปนั้นอีกต่อไป ผู้ใหญ่ก็ไม่ต้องลงโทษให้เด็กเสียกำลังใจ เด็กก็ไม่ต้องเจ็บเนื้อหนังเพราะความผิดนั้นๆ

    เรื่องความซุกซนของเด็ก เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่รำคาญอยู่มาก และมักบ่นว่า แหม! อ้ายหนูนี่ชอบซนจริง ยายหัวหมุนทุกวัน เรามักได้ยินคุณย่าคุณยายบ่นเสมอ เด็กอีกคนหนึ่งหงิมเหมือนตุ๊กตา...คุณยายก็ชอบใจ

    ความจริงเรื่องของเด็กต้องไม่อยู่นิ่ง

    ถ้าอยู่นิ่งก็ไม่ใช่เด็ก

    ธรรมดาเด็กกำลังก้าวหน้าเจริญทั้งกายทั้งใจ

    ถ้าเขาหยุดเคลื่อนไหว อวัยวะก็ไม่เจริญงอกงาม

    ความซนจึงเป็นคุณสมบัติของเด็กประการหนึ่ง

    แต่ว่าพี่เลี้ยง หรือบิดา มารดา ไม่เอาใจใส่เขามากจนเกินไป คอยช่วยเหลือเขามากเกินไป จนเด็กไม่ต้องทำอะไรอย่างนี้ก็ไม่ถูก คนเลี้ยงมีหน้าที่เพียงแต่ดูเด็กไว้เท่านั้น ดูอย่าให้เขามีอันตราย ให้เขามีเสรีบ้าง เราก็ไม่ต้องบ่นว่าเด็กซุกซน แต่ต้องมีระเบียบ เราต้องมีทางชดเชยให้กับเขาบ้าง

    เด็กที่เดินได้แล้วก็ชอบเดินเป็นธรรมดา ให้สังเกตคนที่หัดถีบรถจักรยานเป็นใหม่ๆ เขาต้องถีบตลอดเวลาที่เขามีรถพอจะถีบได้ เขาถีบเพื่อให้เกิดความชำนาญนั่นเอง เด็กที่เดินได้ก็ใคร่ที่จะเดินมากๆ เป็นธรรมดา จงมีที่ให้เขาได้เดินอย่างสบาย ไม่มีอะไรที่จะเกิดความเสียหายแก่เขา เขาก็คงไม่ซุกซนออกนอกทางไปไหน

    ความลำบากตรงที่เราไม่มีห้องสำหรับเด็ก ผู้ใหญ่นั่งนอนตรงไหนก็เอาเด็กไว้ตรงนั้นด้วย ถ้าในห้องนั้นมีของหลายอย่าง หนูน้อยเขาอยากจะดูว่ามันเป็นอะไร เขาเห็นนาฬิกาเดินติ๊กๆ เขาก็สงสัย อยากเปิดดูว่ามันมีอะไรอยู่ข้างใน จึงได้มีเสียงดังอย่างนั้น เราจะไปว่าเขาซุกซนได้อย่างไร เขาทำถูกตามวิสัยเขาแล้ว เราผู้ใหญ่ทำผิดเองที่ปล่อยเขาไว้ในห้องที่เต็มไปด้วยสิ่งที่เด็กไม่รู้ไม่เข้าใจ

    เคยเห็นลูกฝรั่ง พ่อแม่ไปทำงาน ปล่อยเด็กไว้ในห้องคนเดียวกับของเล่นเล็กๆ น้อยๆ หนูน้อยก็ยุ่งอยู่ในห้องนั้นไม่ไปไหน ถึงเวลาจะอาบน้ำ กินอาหาร ก็มีผู้ใหญ่พอไปให้กินให้อาบ จบแล้วก็เข้าห้องต่อไป เด็กอยู่ได้เรียบร้อยไม่ยุ่งไม่กวนพ่อแม่แต่ประการใด ส่วนลูกของเราโดยมากคอยอุ้มอยู่ตลอดเวลา คอยเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลา ว่าที่จริงก็เป็นการกระทำที่ผิดอยู่มากเหมือนกัน แต่ทำกันจนชิน จึงมองไม่เห็น

    ฉะนั้น จึงใคร่ขอแนะนำว่า...อย่าถนอมเด็กของท่านจนเกินไป

    ปล่อยเด็กให้เขามีอิสระบ้าง

    ให้เขาได้อยู่ตามลำพังในห้องของเขาบ้าง

    เด็กจะเรียนรู้ในเรื่องพึ่งตัวเองเป็นลำดับ

    ถ้าลูกของท่านชอบเคลื่อนไหวที่ท่านเรียกว่าซุกซน ก็จงแก้ด้วยวิธีมีอะไรๆ ให้เขาได้เล่นเป็นกีฬาบ้าง ถ้าเขามีของเล่น มีเครื่องบริหารกายอยู่บ้าง ใจของเขาก็คงเรียบร้อยไปได้ ผู้เลี้ยงเด็กจึงไม่ต้องวิตกเรื่องเด็กซน เพราะเด็กซนมีสมองดี ว่องไว แต่ควรวิตกถึงเด็กหงิมๆ เป็นผ้าพับไว้ ซึ่งจะเป็นคนเฉื่อยชาในกาลข้างหน้า และอย่าได้ลงโทษเด็กที่ท่านเรียกว่าซุกซนเลย จงพยายามกล่อมเกลาความซนของเขาให้เข้าแนวทางดีกว่า ซึ่งก็ไม่ยากอะไรนัก

    ขอให้จำไว้เป็นหลักสำหรับบทนี้ว่า...

    การลงโทษเด็กด้วยอำนาจโทสะเป็นสิ่งไม่ควรทำ

    เด็กทุกคนไม่อยากกระทำความผิด

    แต่ทำไปเพราะความไม่รู้

    ...จงให้เขารู้เสียก่อนว่าอะไรผิด

    แล้วเขาก็จะไม่ทำสิ่งนั้นเป็นอันขาด

    เพราะปกติเด็กอยากให้ผู้ใหญ่รักตน

    ถ้ารู้ว่าทำอย่างนั้นผู้ใหญ่ไม่รัก เขาก็คงเลิกไปเอง

    ความรักความเมตตาต่อกัน เป็นแนวทางของความดีอันยั่งยืน

    ความรัก...คือ...การเสียสละ

    เรารักสิ่งใด เราก็ต้องเสียสละสิ่งนั้น

    มารดาบิดารักลูก ก็เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูก
    [/FONT]
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [FONT=Tahoma,]เตือนนักเปิบสงกรานต์"หมูดิบ-จะหูดับ" สธ.แจงหากเปลี่ยนแก้วหูเทียมข้างละ1ล้านบาท

    http://matichon.co.th/khaosod/view_n...dOQzB4TkE9PQ==

    พะเยา - นายศิริศักดิ์ วรินทราวาท รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังที่เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานมหกรรม "ลาบ หลู้ หมูดิบ หูดับ ต้านภัยโรคสเตรบโตคอกคัส ซูอิส" ณ โรงเรียนบ้านทุ่งกล้วย ต.ทุ่งกล้วย อ.ภูซาง ว่า โรคนี้มีสุกรเป็นพาหะ จะมีเชื้อดังกล่าวอยู่ในโพรงจมูกและในช่องปากของสุกร โอกาสได้รับเชื้อดังกล่าวมีสองทางคือ จากการกินเนื้อหมูดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ และการสัมผัสกับหมูที่มีเชื้อโรค หลังจากได้รับเชื้อ 1-3 วันผู้ป่วยจะมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ มีไข้สูง ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ อาเจียน บางรายไม่รู้สึกตัว โคม่า ชักกระตุก อัมพาต หนักกว่านั้นบางรายมีอาการอักเสบของเยื่อบุหัวใจ ข้ออักเสบ ปอดอักเสบ ตาพร่า มีโอกาสตายร้อยละ 20-30 นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อน หรือที่เรียกว่าอาการหูดับหรือหนวก พบได้ประมาณร้อยละ 50-80 ของผู้ป่วย

    รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่ ต.ทุ่งกล้วย อ.ภูซาง พฤติกรรมการบริโภคที่เป็นพิษเกิดขึ้นในหลายพื้นที่มักจะเกิดในช่วงเทศกาลสำคัญๆ ซึ่งต้องเตือนภัยให้ระวังกันอย่างมาก ที่ อ.ภูซาง หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อปีที่ผ่านมา ทางการยังไม่ได้สำรวจว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคหูดับจำนวนเท่าใด ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้หูจะไม่ได้ยินต้องฝึกอ่านปากของคู่สนทนา ทำให้สื่อสารกับผู้อื่นลำบากมาก การใส่เครื่องช่วยฟังก็ช่วยได้ไม่มากนัก แต่หากจะทำการเปลี่ยนแก้วหูเทียม ซึ่งสามารถทำได้แต่ค่าใช้จ่ายสูงมากประมาณ 1 ล้านบาทขึ้นไป
    [/FONT]
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [FONT=Tahoma,]เตือนว่าที่ครูเรียนรู้ตลอดชีวิต
    http://matichon.co.th/khaosod/view_...nid=TURNek1RPT0=&day=TWpBd09DMHdOQzB4TkE9PQ==

    [/FONT][FONT=Tahoma,]วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6346 ข่าวสดรายวัน[/FONT]
    [FONT=Tahoma,]
    มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ปัจฉิมนิเทศนักศึกษา ป.บัณฑิต (วิชาชีพครู) รุ่นปีการศึกษา 2549 โดยมี

    รศ.ดร.ชิรวัฒน์ นิจเนตร อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (มรภ.) เป็นประธานปัจฉิมนิเทศนักศึกษา ป.บัณฑิต (วิชาชีพครู) โดยมีผศ.ดร.นิคม จารุมณี เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับ ครู : กับแนวโน้มทางการศึกษาไทย ว่า ครู จะต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง มีคุณธรรมนำความรู้ มีการพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง มีความเชี่ยวชาญในการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา เชี่ยวชาญการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา เรียนรู้การปฏิวัติการเรียนรู้ เชี่ยวชาญวิจัยในชั้นเรียน เชี่ยวชาญการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการเรียนรู้ การเปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู จึงเป็นการส่งเสริมให้ผู้มีการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาเฉพาะได้ศึกษาเพิ่มเติมทางด้านการศึกษา นักศึกษาที่เข้าศึกษาไม่เพียงแต่มีสมรรถภาพในวิชาชีพครูเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังได้รับการขัดเกลาให้สามารถเป็นครูที่ดีได้อีกด้วย

    "การสำเร็จการศึกษา มิได้หมายความว่าเป็นการเสร็จสิ้นการเรียนรู้และการแสวงหาความรู้ เพราะการศึกษาหาความรู้และการเรียนรู้ เป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินไปตลอดชีวิตการสำเร็จการศึกษาของท่าน" ผศ.ดร.นิคมกล่าว
    [/FONT]
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พิธีสักการะน้ำชา
    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000042151
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">14 เมษายน 2551 09:56 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">เด็กหญิงจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยไถหนัน กำลังโชว์การแสดงในพิธีเปิด</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เมื่อเร็วๆนี้ ทางไต้หวันได้ชัดพิธีสักการะจอมปราชญ์ขงจื่อ (ขงจื๊อ) ด้วยน้ำชาขึ้นที่ลานศาลเจ้าขงจื่อในไถหนันทางตอนใต้ของไต้หวัน โดยตั้งชื่องานว่า “สักการะขงจื่อด้วยชาไต้หวัน กลิ่นสุคนธ์นั้นขจรไปทั่วเมือง” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการสักการะขงจื่อด้วยน้ำชา โดยมีวัตถุประสงค์ให้ชาวเมืองหันมาสนใจความหมายของวัฒนธรรมการชงชา และฟื้นฟูประเพณีการใช้น้ำชาในการสักการะอริยปราชญ์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาใหม่

    ทั้งนี้ ขงจื่อเป็นปราชญ์ในสมัยชุนชิว เป็นผู้ที่เน้นการสอนให้นำเอาคุณธรรม หลักการปกครองมาปรับใช้กับรูปแบบของการใช้ชีวิตในโลก ไม่ว่าจะเป็นคุณธรรมอันพึงมีระหว่างบิดา-บุตร กษัตริย์-ขุนนาง สามี-ภรรยา พี่-น้อง และเพื่อน-เพื่อน ว่าควรจะประพฤติปฏิบัติเช่นไรเพื่อให้ความสัมพันธ์แต่ละขั้วของมนุษย์ในสังคมดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับหลักจริยธรรมและคุณธรรม – ไชน่านิวส์

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ขั้นตอนการรับส่งน้ำชาในพิธี</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ผู้สูงอายุที่เข้ามาร่วมงาน โดยคาดสายที่มีข้อความวา “เราดื่มชา เราจึงอายุยืน”</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ผู้คนมากมายที่สนใจมาเข้าร่วมงาน</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    "แอ๋วสงกรานต์ม่วนใจ๋" เตือนภัยรู้เท่าทันแก๊งตุ๋นบัตรเครดิตข้ามชาติ!
    http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000042645
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">14 เมษายน 2551 13:17 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td align="left" height="12" valign="bottom">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="160"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="4" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">นายอาเช็ค ชาวไต้หวันเป็นหัวหน้าใหญ่ </td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">นายอาเช็ค ชาวไต้หวันเป็นหัวหน้าใหญ่ </td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ห้องเช่าในอาคารที่ทำการในประเทศจีน</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ภาพพล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น ประสานตำรวจจีนบุกเข้าไปจับกุมแก๊งต้มตุ๋นแก๊งนี้ </td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">อุปกรร์ที่แก๊งต้มตุ๋นใช้ในการโทรศัพท์ข้ามประเทศหลอกเหยื่อ</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">พล.ต.ต.ปัญญา ร่วมสอบปากคำผู้ต้องหา</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" height="1" valign="middle" width="165">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> <td background="/images/linedot_vert3.gif" width="4">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> อาชญากรรมทางเศรษฐกิจถือเป็นอาชญากรรมรูบแบบใหม่ ที่อาศัยความเจริญทางเทคโนโลยี หลอกลวงเหยื่อ จนหมดเนื้อหมดตัว ไม่กี่วันก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน ร่วมกับกองบัญชาการสอบสวนกลาง บุกทลายเครือข่ายแก๊งตุ๋นบัตรเครดิตรายใหญ่สุดในเอเชียมีชาวไทย มาเลเซีย เกาหลี ไต้หวันและจีน จำนวน 135 ราย

    องค์กรของแก๊งข้ามชาติดังกล่าว ถือเป็นเครือข่ายใหญ่สุดในเอเซีย มี นายอาเช็ค ชาวไต้หวันเป็นหัวหน้าใหญ่ นายอาซิม นายหม่าเซาเซง และ นายหม่า เหวย ตง เป็นสมุนระดับแกนนำรับผิดชอบด้านการเงิน โดยมีสาขาในไทย มาเลเซีย เกาหลี ไต้หวัน ซึ่งในมาเลเซียถูกโจมตีก่อน จนรัฐบาลต้องออกกฎหมายป้องกันการทำธุรกรรมทางบัตรเครดิต

    ย้อนไป เมื่อปี 2548 นายอาเช็ค ร่วมกับพวกตั้งแก๊งขึ้นมาโดย ได้ให้พนักงานโทรศัพท์สุ่มหมายเลขเหยื่อในประเทศต่างๆ อ้างว่าถูกหวยล็อตโต้ในประเทศโน้นประเทศนี้ เหยื่อบางรายเกิดความละโมบ หลงเชื่อ จากนั้นจะถูกสอบถามเหยื่อว่ามีเงินในบัญชีเท่าไหร่ เพื่อจ่ายค่าภาษี ก่อนลวงเหยื่อ ให้ไป ที่ตู้เอทีเอ็มแล้วให้ทำรายการตามที่ผู้ต้องหาบอก เมื่อวิธีดังกล่าวถูกจับได้ไล่ทัน นายอาเช็ค จึงหันมาให้วิธีการใหม่ หลอกเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารและสรรพพากร อ้างว่าจะได้ภาษีคืน หรือ หลอกว่าเป็นหนี้บัตรเครดิต เป็นต้น

    นางหวังหลิง ลิน หรือหมวย ถูกส่งตัวเข้ามายังเมืองไทย จ้างคนไทยเปิดบัญชีธนาคารหัวละ 2,500 บาท แล้วหาคนไทย บินไปทำงาน คอลเซ็นเตอร์ (call center) ที่ ตึก โย่ว หยี ต้า ซ่า เมืองเมืองซัวเถา ประเทศจีน จากนั้นได้ใช้โทรศัพท์ผ่านระบบ internet (VOIP) Voice over Internet Protocol โดยผ่าน CHAINA TELECOM NETWORK มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน โทรสุ่มเข้ามาหลอกลวงให้ผู้เสียหายในประเทศไทย โดยใช้ เบอร์ 02 – 850 9999 และ 02 – 850 0946 หรือ เบอร์ส่วนตัว ( ไม่โชว์เบอร์ ) ทั้งนี้ผู้ต้องหายังสร้างโปรแกรมสร้างเสียงให้คล้ายทำงานในออฟฟิศ

    ส่วนในทีม call center แบ่งออกเป็น 3 ชุด ชุดแรกจะทำหน้าที่หลอกถามข้อมูล ชุดที่ 2 จะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือฝ่ายกฎหมาย ส่วนชุดที่ 3 จะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่จากแบงก์ชาติทำหน้าที่เกลี้ยกล่อม จนกระทั่งให้หลงเชื่อเหยื่อไปทำบัญชีที่ตู้เอทีเอ็ม โดยให้ทำธุรกรรมเป็นภาษาอังกฤษซึ่งเหยื่อไม่สามารถรู้ว่าได้โอนเงินตัวเองไปใส่ในบัญชีคนร้ายแล้ว เมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินแล้ว นางหวังหลิง จะแจ้งยอดไปเมืองจีนให้ นายหม่า เหวยตง ก่อนให้ทีมงานไปกดเงิน แล้วโอนกลับไปให้ นายหม่า เหวยตง ผ่าน บริษัท พาราไดซ์ แอนด์ ซัน แทรเวล จำกัด ซึ่งเปิดเป็นบริษัทท่องเที่ยว

    ด้านผู้ต้องหาชาวไทยรายหนึ่งบอกกับพนักงานสอบสวนว่า มีคนมาว่าจ้างให้ไปทำงานเมืองจีน โดยได้ขึ้นเครื่องจากสุวรรณภูมิ ไปลงที่ ฮ่องกง โดยมีคนมาเลย์ไปรับ และนั่งรถบัสต่อไปอีกประมาณ 3-4 ชั่วโมง จากนั้น ไปลงที่เมืองกวางโจว เข้าไปในเมืองสภาพเหมือนตลาด เข้าไปที่อาคารตึกแถวแบบคล้ายอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นโดยชั้นล่างเป็นร้านขายของ ขึ้นไปชั้นบนบริเวณชั้นที่ 2 มีห้องใหญ่ ข้างในมีโต๊ะวางเป็นแถวเหมือนห้องเรียน ประมาณ20 โต๊ะ แต่ละโต๊ะจะมีโทรศัพท์แบบโทรศัพท์บ้านวางอยู่ โดยจะทำงานที่นั่น ชุดละ 3 คน ต่อ 1โต๊ะ ทำงานตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 20.00 น. ของแต่ละวัน (เวลาที่จีน) การพักอาศัยจะพักอยู่ที่ชั้น 3 และ4 โดยคนทำหน้าที่โทรศัพท์จะเป็นคนไทยและมีคนที่คุมอยู่ที่นั่น เป็นคนไต้หวัน และมาเลเซีย

    นายเดชา รงศ์สุวรรณ อายุ 46 ปี เหยื่อที่สูญเงินจากการต้มตุ๋นของแก๊งวดังกล่าวเล่าวว่า มีหญิงสาวโทรมาบอกว่า ตนค้างชำระเงินบัตรเครดิตกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด จำนวน 90,000 กว่าบาท โดยได้ไปรูดเงินซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว จึงตอบกลับไปว่า ไม่เคยทำบัตรเครดิตกับธนาคารดังกล่าวเลย จากนั้นหญิงสาวคนดังกล่าวบอกว่า แสดงว่ามีคนแอบอ้างแล้ววางสายไป ต่อมาหญิงสาวอีกรายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์โทรมาถามว่ามีเงินในบัญชีเท่าไหร่ ตนบอกไปว่ามี 2 บัญชี ธนาคารกรุงเทพและกสิกรไทย แสนกว่าบาท หญิงสาวคนดังกล่าวบอกว่างั้นเพื่อเป็นการป้องกันบุคคลแอบอ้างหรือสวมรอยให้ตนรีบไปที่หน้าตู้เอทีเอ็มภายใน 15 นาที เพื่อทำรายการป้องกันการสวมรอย จึงหลงเชื่อทำรายการเป็นภาษาอังกฤษทั้ง 2 ธนาคาร หลังจากนั้นเมื่อไปเช็กยอดเงินที่ธนาคารปรากฦฏว่าเงินในบัญชีหายไปเกลี้ยง

    พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. หัวหน้าคณะทำงานสืบสวนปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และบัตรอิเล็กทรอนิกส์ และอาชญากรรมข้ามชาติ กล่าวว่าขบวนการนี้ถือว่าเป็นขบวนการที่ใหญ่มาก เบื้องต้นมีเหยื่อที่ถูกหลอกกว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหาย เป็นพันล้านบาท โดยพฤติกรรมแก๊งนี้จะซุ่มโทร.ประมาณ 100 สายต่อวัน ซึ่งจะหลอกเหยื่อได้สำเร็จ 3-10 ราย ได้เงินประมาณ 7-9 แสนบาท

    "ขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังเรื่องการทำบัญชีทางการเงินต่างๆ ให้ติดต่อธนาคารโดยตรง ไม่ต้องกลัวถ้า ธนาคารโทรมาบอกว่าเป็นหนี้ ให้ตัดสายทิ้งเลย ค่อยไปติดต่อทีหลัง"พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวฝากทิ้งท้าย

    แก๊งมหาภัยแก๊งนี้ ทำงานกันเป็นทีม หลอกลวงเหยื่อให้ติดกับ ด้วยการสุ่มโทรศัพท์ดังกล่าว ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาท อย่าได้ทำตามคำบอกเล่าของต้นสาย เที่ยวสงกรานต์ปีนี้ จะปลอดภัยจากบรรดาแก๊งต้มตุ๋น 18 มงกุฏทุกรูปแบบ หากเรา รู้เท่าทัน และทราบถึงกลวิธีหลอกลวงเหยื่อของพวกมัน!!</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?t=123377

    MBNY <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1111286", true); </script>
    Administrator
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:46 PM
    วันที่สมัคร: Sep 2004
    ข้อความ: 3,365 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 52,367 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 16,780 ครั้ง ใน 1,799 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 50000 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    <!-- icon and title --> หลักบริหารเชิงพุทธศาสตร์
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- / icon and title --> <!-- message --> หลักบริหารเชิงพุทธศาสตร์


    โดย ขุนพลน้อย - โพสต์เมื่อ เมษายน 12th, 2008
    Tagged: พุทธวิถี



    [​IMG]



    การบริหารงานสมัยใหม่จำเป็นต้องอาศัยวิทยาการด้านการบริหารจัดการเข้ามาสนับสนุนองค์กร อีกทั้งหลักการบริหารที่นำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาใช้ก็มีมานานแล้ว ดังเช่น หลักสัปปุริสธรรม ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ 7 ประการ คือ


    1. ธัมมัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักเหตุ คือ รู้ความจริง รู้หลักการ รู้กฎเกณฑ์ รู้กฎแห่งธรรมได้ รู้กฎเกณฑ์แห่งเหตุผล และรู้จักหลักการที่จะทำให้เกิดผล รวมความว่า การบริหารจัดการองค์กร ผู้บริหารจำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงอย่างถูกต้อง เพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กรให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล รู้จักการวิเคราะห์ความจริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อันว่า "สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป เป็นธรรมดา" โดยพิจารณาหลักการและเกณฑ์แห่งเหตุผลมาบริหารองค์กร


    2. อัตถัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักผล หรือความมุ่งหมาย คือ รู้ความหมาย รู้ความมุ่งหมาย รู้ประโยชน์ที่ประสงค์ รู้จักผลที่เกิดขึ้น สืบเนื่องจากการกระทำตามหลัก หมายถึง การบริหารงานองค์กรให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ และรู้ถึงประโยชน์ขององค์กรที่นำไปสู่ความมั่นคง และไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อองค์กร ในที่นี้ก็หมายถึงการมีแผนงานที่ดี การวางแผนที่วิเคราะห์ผลกระทบด้านต่าง ๆ


    3. อัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักตน คือ รู้จักเราว่าเรานั้น โดยฐานะภาวะเพศ ความรู้ ความสามารถ และคุณธรรมเป็นอย่างไรและเท่าใด แล้วประพฤติให้เหมาะสม รู้จักที่จะปรับปรุงต่อไป ในที่นี้หมายถึง รู้จักองค์กรที่เราบริหารเป็นอย่างดีว่าจุดด้อยจุดแข็งอย่างไร มีขีดความสามารถอย่างไร รู้จักปรับองค์กรให้ทันต่อเหตุการณ์ที่มีผลกระทบ รวมทั้งการบริหารความแตกต่างที่จะทำให้องค์กรเป็นเลิศ มีประสิทธิภาพ และมั่นคงถาวร


    4. มัตตัญญุตา ความผู้รู้จักประมาณ คือ ความพอดีในการจ่ายโภคทรัพย์ ในที่นี้หมายถึง การบริหารการเงิน หรือการขยายกิจการ ต้องพิจารณาให้รู้จักประมาณในความเพียงพอขององค์กร ขีดความสามารถขององค์กร ขีดความสามารถของทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร รวมทั้งการแข่งขันที่รอบคอบและรู้จักประมาณขีดความสามารถขององค์กร


    5. กาลัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักกาล คือ รู้กาลเวลาอันเหมาะสมและระยะเวลาในการประกอบกิจ ในที่นี้หมายถึง การบริหารจัดการ จะต้องมีความเข้าใจถึงระยะเวลาที่เหมาะสม การสร้างโอกาสขององค์กรจะต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ในเวลานั้นๆ ว่าควรจะดำเนินการอย่างไร อะไรควรงด อะไรควรกระทำ เวลาใดควรขยายกิจการหรือช่วงเวลาใดที่จะบริหารองค์กรให้ประสบผลสำเร็จต่อองค์กรมากที่สุด


    6. ปริสัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักชุมชน คือ รู้กิริยาที่จะประพฤติต่อชุมชนนั้น ว่าควรจะดำเนินการอย่างไร การบริหารจัดการ จำเป็นต้องปฏิสัมพันธ์กับองค์กรต่างๆ ทั้งที่เป็นพันธมิตรและคู่แข่ง การสร้างสรรค์ หรือการประสานงานกับชุมชนหรือกลุ่มบุคคลที่มีผลต่อองค์กร คือ เข้าถึง เข้าใจ และพัฒนา เป็นการบริหารจัดการที่สร้างความสัมพันธ์ด้วยเมตตา ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อชุมชนหรือสาธารณชน จะเป็นภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร


    7. ปุคคลัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักบุคคล คือ รู้จักความแตกต่างของบุคคลว่าโดยอัธยาศัย ความสามารถ และคุณธรรมตลอดถึงรู้ในความสามารถของบุคคล และใช้มอบงานที่เหมาะสมให้การบริหารจัดการ ในการรู้บุคคลเปรียบเสมือนการพัฒนาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่จะต้องมีการพัฒนา และบริหารบุคคลในองค์กรให้บุคลากรในองค์กร รวมถึงการทำงานเป็นหมู่คณะ การติดต่อสื่อสารกับบุคคลต่างๆ ด้วยความเป็นมิตรไมตรี รวมทั้งมีความจริงใจต่อกัน




    ผู้เขียน: กนก แสนประเสริฐ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ



    ที่มา: ข่าวสด http://www.phrathai.net/node/808
     
  10. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    มัวแต่จะไปอาบน้ำก่อนเลยยังไม่ได้แจ้ง ของฝากจากเพชรบุรี ท่านปา-ทานจะเป็นขนมหม้อแกงกับ ขนมบ้าบิ่นครับ ของคุณตั้งใจ จะเป็น พระผงพระสังกัจจารย์ หลวงพ่อคูณ ปี 36ครับ .....(ping)
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ ผมตาลาย นั่งดูพระหลายร้อยองค์ ตาลาย แถมนั่งมึนๆด้วย

    ขอบคุณมากครับสำหรับขนม


    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องที่ผมมีความคิดเห็นในการทำหนังสือเกี่ยวกับพระพิมพ์และวัตถุมงคลต่างๆของทั้งวังหน้าและวังหลวง นั้น ในตอนนี้นั้น ผมคงยกเลิกการทำหนังสือแล้วครับ เนื่องจากสาเหตุที่ผมเอง ไม่มีผู้ที่ถ่ายรูปให้ผม และเนื่องจากการถ่ายรูป เป็นการถ่ายรูปอย่างรีบเร่ง จากสาเหตุหลายๆประการ เมื่อไม่ได้ถ่ายรูปแล้วนั้น คงไม่สามารถที่จะนำมาถ่ายรูปได้อีก

    การศึกษาและการค้นคว้้า ย่อมขาดหลักฐานเรื่องต่างๆไป ทำให้ไม่สมบูรณ์ ผมเป็นคนที่ถ้าทำอะไรแล้วทำไม่ดี ไม่อยากทำ

    คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม ,ตามวาระและโอกาสที่จะพึงมีในอนาคต และตามวาสนาบารมีต่อกันในทุกๆเรื่อง


    เมื่องานสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ผมคงจะไปตามวิถีแนวทางของผมเอง

    แต่การศึกษาผมเองก็ต้องศึกษาต่ออย่างแน่นอน และความรู้ที่ผมจะได้ในโอกาสต่อไป ผมจะเก็บไว้กับตัวผม และจะให้ตายตามตัวผมไป เนื่องจากความตั้งใจที่จะทำหนังสือเพื่อที่จะเผยแพร่ความรู้ต่างๆได้หมดลงไปแล้ว


    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ก่อนพูด ผมเป็นนายของคำพูด
    หลังพูด คำพูดเป็นนายผม

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เรื่องที่ผมมีความคิดเห็นในการทำหนังสือเกี่ยวกับพระพิมพ์และวัตถุมงคลต่างๆของทั้งวังหน้าและวังหลวง นั้น ในตอนนี้นั้น ผมคงยกเลิกการทำหนังสือแล้วครับ เนื่องจากสาเหตุที่ผมเอง ไม่มีผู้ที่ถ่ายรูปให้ผม และเนื่องจากการถ่ายรูป เป็นการถ่ายรูปอย่างรีบเร่ง จากสาเหตุหลายๆประการ เมื่อไม่ได้ถ่ายรูปแล้วนั้น คงไม่สามารถที่จะนำมาถ่ายรูปได้อีก

    การศึกษาและการค้นคว้้า ย่อมขาดหลักฐานเรื่องต่างๆไป ทำให้ไม่สมบูรณ์ ผมเป็นคนที่ถ้าทำอะไรแล้วทำไม่ดี ไม่อยากทำ

    คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม ,ตามวาระและโอกาสที่จะพึงมีในอนาคต และตามวาสนาบารมีต่อกันในทุกๆเรื่อง


    เมื่องานสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ผมคงจะไปตามวิถีแนวทางของผมเอง

    แต่การศึกษาผมเองก็ต้องศึกษาต่ออย่างแน่นอน และความรู้ที่ผมจะได้ในโอกาสต่อไป ผมจะเก็บไว้กับตัวผม และจะให้ตายตามตัวผมไป เนื่องจากความตั้งใจที่จะทำหนังสือเพื่อที่จะเผยแพร่ความรู้ต่างๆได้หมดลงไปแล้ว


    .



    เหนื่อยนัก พักเสียก่อน
    แต่
    เวลาและโอกาส ไม่เคยคอยใคร


    .
     
  15. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอเชิญชวนร่วมงานบุญซื้อที่ดินและสร้างพระอุโบสถ วัดหลวงพ่อโอภาสี กทม.

    วันนี้ผม,คุณnongnooo และคุณตั้งจิต ได้ไปทำบุญกันที่วัดพุทธบูชา และวัดโอภาสี ที่วัดโอภาสี ผมได้ร่วมบริจาคซื้อที่ดินและสร้างโบสถ์ วัดหลวงพ่อโอภาสี ,ได้ร่วมบริจาคกระเบื้องหลังคาโบสถ์ และสร้างซุ้มเรือนแก้ว พระประธานในพระอุโบสถวัดโอภาสี

    หากท่านใดสนใจที่จะร่วมกันซื้อที่ดินและสร้างพระอุโบสถ วัดโอภาสี ขอเชิญร่วมบริจาคได้ที่วัดนะครับ

    ส่วนหมายเลขบัญชี ผมถามมาแล้วเป็น ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนพระราม 2 หมายเลขบัญชี 228-4-29699-9 แต่ผมไม่ได้ถามชื่อบัญชีมา ผมจะโทร.ไปสอบถามให้นะครับ

    ส่วนหมายเลขโทรศัพท์ของวัดโอภาสี หมายเลข 0-2426-3797 ครับ

    ขอโมทนาบุญกับคุณnongnooo และคุณตั้งจิตทุกๆประการด้วยครับ


    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กำหนดพิธีสรงน้ำองค์หลวงพ่อ โอภาสี
    ณ วัดหลวงพ่อโอภาสี "สวนบางมด"
    127/3 ถนนพุทธบูชา 31 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. โทร.0-2426-3797


    วันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2551 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 5
    กลางคืนมีภาพยนต์

    วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2551 ตรงกับวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 5
    เวลา 17.00 น. พระสงฆ์ 10 รูป เจริญพุทธมนต์

    วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2551 ตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5
    เวลา 10.00 น. พระสงฆ์ 10 รูป เจริญพุทธมนต์
    เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์
    เวลา 13.05 น. พิธีทักษิณาวรรตขบวนแห่เวียนรอบองค์ประสาทจุฬามณี 3 รอบ แล้วเริ่มสรงน้ำองค์หลวงพ่อและพระบรมรูปสมเด็จพระมหาราชทั้ง 5 พระองค์ ซึ่งได้กระทำทุกๆปี ตลอดมาดังเช่นเดิม
    เวลา 15.00 น. มีผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนสร้างพระอุโบสถถวายวัดหลวงพ่อ
    เวลา 16.19 น. เททองซุ้มเรือนแก้วพระพุทธชินราช กลางคืนมีมหรสพสมโภช


    จึงขอเรียนแจ้ง บรรดาศิษยานุศิษย์ และท่านที่เคารพนับถือองค์หลวงพ่อโอภาสี และระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระมหาราชทั้ง 5 พระองค์
    เพื่อความพร้อมเพรียงสามัคคีร่วมจิตร่วมใจ ได้ทราบโดยทั่วถึง ตามวันและเวลาสถานที่ดังกล่าว

    คณะศิษยานุศิษย์และผู้มีศรัทธาร่วมจัดงาน

    http://palungjit.org/showthrea...14#post1116314

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?p=1116346#post1116346
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    กำหนดพิธีสรงน้ำองค์หลวงพ่อ โอภาสี
    ณ วัดหลวงพ่อโอภาสี "สวนบางมด"
    127/3 ถนนพุทธบูชา 31 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. โทร.0-2426-3797


    วันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2551 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 5
    กลางคืนมีภาพยนต์

    วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2551 ตรงกับวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 5
    เวลา 17.00 น. พระสงฆ์ 10 รูป เจริญพุทธมนต์

    วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2551 ตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5
    เวลา 10.00 น. พระสงฆ์ 10 รูป เจริญพุทธมนต์
    เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์
    เวลา 13.05 น. พิธีทักษิณาวรรตขบวนแห่เวียนรอบองค์ประสาทจุฬามณี 3 รอบ แล้วเริ่มสรงน้ำองค์หลวงพ่อและพระบรมรูปสมเด็จพระมหาราชทั้ง 5 พระองค์ ซึ่งได้กระทำทุกๆปี ตลอดมาดังเช่นเดิม
    เวลา 15.00 น. มีผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนสร้างพระอุโบสถถวายวัดหลวงพ่อ
    เวลา 16.19 น. เททองซุ้มเรือนแก้วพระพุทธชินราช กลางคืนมีมหรสพสมโภช


    จึงขอเรียนแจ้ง บรรดาศิษยานุศิษย์ และท่านที่เคารพนับถือองค์หลวงพ่อโอภาสี และระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระมหาราชทั้ง 5 พระองค์
    เพื่อความพร้อมเพรียงสามัคคีร่วมจิตร่วมใจ ได้ทราบโดยทั่วถึง ตามวันและเวลาสถานที่ดังกล่าว

    คณะศิษยานุศิษย์และผู้มีศรัทธาร่วมจัดงาน

    http://palungjit.org/showthrea...14#post1116314

    </td> </tr> </tbody></table>
    ผมไปทำบุญและได้รับเอกสารกำหนดพิธีสรงน้ำองค์หลวงพ่อโอภาสี ผมจึงนำมาแจ้งให้ทราบกันครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    วันนี้ขอขอบคุณและโมทนาบุญกับท่านปา-ทานด้วยนะครับ ทั้ง2วัดไม่เคยไปเลยครับ ก็ได้พบสิ่งที่ดีๆทั้ง2ที่ครับ
    วันนี้ผมขอฝากคติ ตอนไปนั่งฝึก รด.เมื่อกว่า20ปีก่อนในค่ายทหารครับเป็นคติที่ผมนำมาใช้เป็นข้อคิดให้เราต้องรู้จักคิดปรับปรุงตัวเราตลอดครับ
    "จะแน่วแน่ แก้ไขในสิ่งผิด จะรักชาติเท่าชีวิต เป็นผุยผง จะยอมตายหมายมั่นเพื่อเกรียติ์ธำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา"
    .........................
     
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    วันนี้ร้อนกายแต่ใจเย็นสงบดีครับ เว้นแต่มาเจอ ปัญจสิริร.4ครับ5555
     

แชร์หน้านี้

Loading...