พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    แต่พระพิมพ์ที่ผมไฝ่ฝัน ต้องบอกว่าองค์ที่ไฝ่ฝัน มีอยู่องค์เดียวจริงๆ เป็นองค์เดียวที่อยู่ในพระเจดีย์แห่งหนึ่ง ซึ่งหลวงปู่เป็นผู้ที่สร้างขึ้นเอง ปัจจุบันนั้นได้หายไปแล้ว ลูกชายท่านอาจารย์ประถม(ถ้าจำไม่ผิด) ไปทำหล่นหายครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ส่วนองค์ที่อยากได้มากรองลงไปก็คือ "พระอาหาร" ที่ท่านอภิชิโตภิกขุ เป็นผู้สร้าง และหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรอธิษฐานจิตครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ตั้งจิต [​IMG]
    ไหงถึงฝันเดียวกะผมเลยล่ะทั้งฝันหลัก ฝันรอง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    พระอาหาร ยังมีอยู่อีก 6 องค์ครับ

    แต่อยู่ที่..............

    .
     
  2. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ยินดีด้วยครับ ฝันบางส่วนที่เป็นจริงครับ ว่าแต่ได้รับแล้วจาห้อยหรือเปล่าหนา?
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า ในความคิดเห็นผม มีน่าจะไม่น้อยกว่าหลักแสนกลางๆ แน่นอน

    พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า ที่เป็นพระคะแนนร้อยที่อยู่กับผม(และเคยอยู่กับผม) มีไม่น้อยกว่า 2,000 องค์ และที่คุณปุ๊ ก็น่าจะไม่ต่ำกว่าเป็นพันองค์ นี่แค่ 2 คนเท่านั้น พระสมเด็จที่เป็นพระคะแนนร้อย จะเป็นพระที่มีการตัดขอบโค้งตามขอบกระจก ไม่ใช่พระสมเด็จองค์เล็กๆนะครับ

    นั่นก็หมายความว่า พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า มีการสร้างเป็นจำนวนมาก แต่การสร้างนั้น เป็นการสร้างกันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ต่อมาจนถึงรัชกาลที่ 5 ข้อมูลผมคงบอกได้เพียงเท่านี้ กลัวคนลอกไปอีกแล้วไม่ยอมบอกที่มาและที่ไป หุหุหุ




    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    ผมไม่บอกครับเรื่องของ "เคล็ดแต่ไม่ลับ" แต่"เคล็ดขัดยอก" ก็ตัวใครตัวเผือกนะคร๊าบบบบบบบ


    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    ผมไม่ยุ่งแน่นอนครับ เพราะว่าตัวใครตัวมัน ไม่ว่าจะได้แท้หรือเก๊ ทันหรือไม่ทัน เรื่องของใครเรื่องของมัน
    ถึงผู้ที่ได้ไป จะนำไปห้อยแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ก็เรื่องของเขาเอง ไม่เกี่ยวกับผม แต่เกี่ยวกับคนซื้อ-คนขายแค่นั้น

    พระพิมพ์ที่บูชากันนั้น ต้องตรวจสอบพลังอิทธิคุณก่อนนำไปห้อยเสมอ ถึงแม้ว่าเนื้อหาทรงพิมพ์ถูกต้อง แต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่า ข้างใน(หลงปู่และพลังอิทธิคุณ)จะหนีไปก่อนแล้วหรือเปล่า นั่นเป็นอีกเรื่องนึง ก็อย่างที่ผมเคยบอกไว้ในกระทู้นี้

    แต่ถ้านำบทความไปทำมาหากินและไม่แจ้งที่มาที่ไป ก็ต้องเข้าไปเตือนกัน

    โมทนาสาธุครับ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อดรนทนไม่ได้ ไปเตือนอีกแล้ว

    พระสมเด็จวัดระฆังกรุเพดานวิหาร (กรุสุดท้าย)
    http://palungjit.org/showthread.php?t=119459

    พระสมเด็จของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี)ที่ท่านพุทธาภิเษก ประวัติ-ภาพ4
    http://palungjit.org/showthread.php?p=1053333#post1053333

    พระสมเด็จของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี)ที่ท่านพุทธาภิเษก ประวัติ-ภาพ5
    http://palungjit.org/showthread.php?t=119587
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ PAIPANA [​IMG]
    พระสมเด็จเจ้ากรมท่า พระสมเด็จวังหน้า
    วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๑๑พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายบรรพชิต มีกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธ์ (กรมพระปวเรศน์วริยาลงกรณ์ในกาลต่อมา) ฝ่ายฆราวาสมีกรมพระเทเวศร์วัชรินทร์เป็นประธนและขุนนางระดับสูงมีเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ เป็นประธานได้จัดประชุมกันในพระราชวังสวนดุสิต ในพระบรมมหาราชวัง ได้ตกลงยกเจ้าฟ้าจุลาลงกรณ์กรมขุนพิชิตประชานารถ ซึ่งมีพระชนมายุ ๑๕ พรรษาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ถวายพระนามว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและจะจัดพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นในวันที่ ๑๑พฤศจิกายน ๒๔๑๑โดยยกเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์เป็นผู้สำเร็จราชการไปจนกว่าพระมหากษัตริย์จะมีพระชนมายุครบ๒๐ พรรษา

    ขณะเดียวกันก็เลือกผู้ที่จะเป็นเจ้ากรมวังหน้าที่ประชุมตกลงยกพระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ (พระโอรสในสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ ๒ ของรัชกาลที่ ๔)ขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญสถานมงคล ตั้งแต่วันนั้น

    ในงานนี้เจ้าพระยาภาณุวงษ์มหาโกษาธิบดี เจ้ากรมท่า ว่าที่การคลังกับการต่างประเทศซึ่งเป็นน้องชายของเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ได้ขอพระบรมราชานุญาติสร้างพระพิมพ์ขึ้นจำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์โดยใช้พิมพ์สมเด็จวัดระฆัง ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เป็นแม่แบบเพื่อเป็นศิริมหามงคลเนื่องในการเสด็จเถลิงถวัลย์ครองราชสมบัติ รัชกาลที่ ๕เพื่อแจกจ่ายแก่เจ้านายและประชาชนที่เหลือจะได้บรรจุลงกรุในพระเจดีย์วัดพระแก้วมรกต
    การสร้างพระพิมพ์ครั้งนี้ได้นำพิมพ์ของวัดระฆังมาส่วนหนึ่ง และทำเพิ่มขึ้นอีกมากมายเพื่อเร่งให้ได้พระ๘๔,๐๐๐ องค์ ทันวันงาน พวกช่างวังหน้า วังหลัง วังหลวง อันมีหลวงวิจารณ์เจียรนัยและหลวงนฤมลวิจิตร เป็นหัวหน้า จึงช่วยกันทำแม่พิมพ์พระขึ้นมากมายซึ่งผู้เขียนยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามีกี่พิมพ์ เพราะหาได้ไม่ครบพิมพ์พระเหล่านี้ส่วนมากคล้ายพิมพ์ทรงนิยมของวัดระฆัง เช่นพิมพ์พระประธานพิมพ์เกศบัวตูม พิมพ์เศียรบาตร พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์อกร่องหูยานพิมพ์โบราณเช่น พระรอดลำพูน พระลีลาเม็ดขนุน พระซุ้มกอ พระนางพญา พระผงสุพรรณพระปิดตา พระสังกัจจายน์ เป็นต้น
    ผงวิเศษนั้นได้จากหลวงปู่โตปูนนั้นใช้ปูนกังไสจากประเทศจีน ซึ่งเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีและกรมหมื่นวิไชยชาญเคยไปประเทศจีนแล้วนำมาพร้อมกับสีต่าง ๆเพื่อสร้างเครื่องกังไสลายคราม โดยพระองค์สร้างเตาสังคโลกขึ้นในวังหน้า ดังนั้นการสร้างพระคราวนี้จึงมีการคิดใหม่ทำใหม่ นอกจากมีพิมพ์ใหม่เกิดขึ้นมากมายแล้วได้ทำเป็นพระหลากสี ซึ่งเรียกกันเดี๋ยวนี้ว่าพระเบญจรงค์บ้าง พระปัญจศิริบ้างพระสายรุ้งบ้าง
    ส่วนผสมอื่น ๆ ก็คงใช้แบบที่หลวงปู่โตท่านเคยสร้างพระสมเด็จแต่มีวิธีทำที่ดีกว่าคือแทนที่จะใส่ครกตำกลับใช้เครื่องรางบดยาสมุนไพรที่เป็นร่องแล้วใช้ลูกกลิ้งจานเหล็ก โยกกลับไปกลับมาจึงได้ผงที่ละเอียดมาก จากนั้นจึงนำมาผสมน้ำ และผสมสีลงไปช่างแต่ละคนก็ผสมสีของตนเอง ดังนั้นพระแต่ละองค์จึงมีสีที่แตกต่างก่อนจะอัดมวลสารต่าง ๆ ลงไปก็หยิบผงตะไบทองที่เจ้าของร้านทองแถวสำเพ็งนำมาถวายโปรยลงไปในแม่พิมพ์เล็กน้อย อัดเสร็จก็หยิบผงตะไบทองโรยทับหลังอีกนิดก็อัดอีกทีจึงแกะพระจากพิมพ์วางเรียงไว้ เสร็จแล้วก็นำไปตากแดด ถ้าแดดดี พระแห้งเร็วก็จะเกิดรอยแตกลายงาขึ้น มากบ้างน้อยบ้าง ถ้าพระผึ่งไว้ในร่มจนแห้งการแตกลายงาก็ไม่ปรากฏ องค์พระจะดูสวยงามพระบางองค์ไม่มีผงตะไบทองก็เพราะผงตะไบมีจำนวนจำกัดไม่ครบจำนวนช่าง
    พระส่วนมากหลังเรียบแต่บางองค์ก็มีประทับตราหลังคือตราครุฑบ้าง ธรรมจักรบ้าง ตราธงชาติ ตราเสมา ดอกบัวพระเกี้ยว จปร.เป็นต้น
    พระอีกส่วนหนึ่งไม่ได้ผสมหลายสี ทำแบบพระวัดระฆัง แต่มีสีขาว สีเหลืองสีเขียว สีดำ สีแดง สีฟ้าอ่อน เป็นชุด ๆ ไป พระสีเบญจรงค์มีจำนวนมากที่สุดแต่ละองค์ก็มีสีที่แตกต่างกัน ถ้าช่างพิมพ์พระเป็นคนเดียวกันก็ได้พระออกมาสีใกล้เคียงกัน แต่ไม่เหมือนกันสักองค์แต่ละองค์มีความสวยงามที่แตกต่างกันในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน๒๔๑๑ นั้นพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงได้ถูกนิมนต์มาร่วมพิธีที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ก็ได้มาร่วมในงานครั้งนี้ด้วย
    ในพิธีมหาพุทธาภิเษกพระสมเด็จครั้งนั้นกรมพระยาปวเรศย์วริยาลงกรณ์(พระยศสมัยหลัง) ได้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์สวดชยันโตและเบิกพระเนตร องค์ปลุกเสกมีสมเด็จพระพุฒาจารย์โต หลวงพ่อเงิน บางคลานหลวงปู่คำ วัดอัมรินทร์ หลวงปู่จาด วัดภาณุรังสี ฯ ลฯจะมีใครบ้างผู้เขียนไม่ทราบทั้งหมดงานมหาพุทธาภิเษกพระสมเด็จทำที่วัดบวรสถานสุทธาวาสมีกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญเป็นประธาน ทำพิธียิ่งใหญ่เป็นพิธีหลวงดังนั้นพระชุดนี้จึงเป็นพระหลวง ทำพิธีถูกต้องทุกอย่างพระคณาจารย์สุดยอดของประเทศในสมัยนั้นมาร่วมปลุกเสกจึงทำให้พระชุดนี้มีพลังอิทธิคุณล้ำเลิศ จะหาพระชุดไหนเสมอมิได้
    เมื่อเสร็จแล้วก็แจกจ่ายแก่พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ส่วนประชาชนทั่วไปจะได้รับหรือไม่มิปรากฏหลักฐานเพราะผู้ที่ครอบครองพระชุดนี้ได้ปรากฏในสมัยต่อมามักเป็นเจ้านายระดับสูงต่อมาทางลูกหลานของท่านก็นำมามอบให้ผู้ที่ตนรู้จักและนับถือซึ่งเล็ดลอดออกมาไม่มากนัก จึงหาคนรู้จักพระชุดนี้ได้น้อยเมื่อปรากฏขึ้นก็กลายเป็นพระเหนือตาเซียนคือเซียนไม่เคยพบเห็นมาก่อนจึงปฏิเสธว่าเป็นพระนอกพิมพ์ พระทำขึ้นทีหลัง
    พระที่เหลือจากการแจกจ่ายวันนั้นได้นำบรรจุในกรุเจดีย์ทองระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดารามซึ่งผู้เขียนสันนิษฐานว่าน่าจะบรรจุช่วงบูรณะวัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวังเมื่อพ.ศ.๒๔๒๓-๒๔ เพื่อฉลองพระนครครบ ๑๐๐ ปี ใน พ.ศ.๒๔๒๕การบูรณะคราวนั้นได้มีการชะลอโยกย้ายพระเจดีย์ด้วย จึงน่าจะมีการบรรจุลงกรุคราวนั้นก่อนหน้านั้นจะเก็บพระไว้ที่ไหนมิได้ระบุไว้ในเกร็ดประวัติศาสตร์พระอีกส่วนหนึ่งเก็บไว้บนเพดานโบสถ์วัดบวรสุทธาวาส (พิพิธพัณฑสถานปัจจุบัน)และใต้ฐานพระ ซึ่งกรุนี้แตกเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๓-๒๕๒๔ เช่นกัน แต่มีพระออกมาไม่มากนักffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>

    ตัวอย่างของพระวังหน้านั้น เช่น สมเด็จวังหน้า ,สมเด็จกรมเจ้าคุณท่า ,กรุวัดท้ายตลาด, ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญท่านได้นำพระไปบรรจุกรุที่วัดท้ายตลาดหรือพระหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญท่านนำพระไปถวายให้กับหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ (ท่านอ.ประถม อาจสาคร ท่านบอกว่า ชื่อของหลวงพ่อแก้ว นั้น ท่านชื่อ สุขแต่ที่ผู้คนเรียกท่านว่าหลวงพ่อแก้วนั้น เนื่องจากพระที่ท่านแจกเปรียบกับแก้วสารพัดนึก นั้นเอง)<O:p></O:p>
    ที่มาของบทความและเอกสารอ้างอิง
    1. วิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯและพระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า
    เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วมบุญนาค)
    ซึ่งเขียนโดย ท่านปรัศนี ประชากร(เป็นนามปากกาของท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร )
    2. ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 13
    3. พระราชประวัติวังหน้า
    4. ประวัติเจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี(ท้วม บุนนาค) เจ้าคุณกรมท่าฉบับนายนัฐวุฒิ สุทธิสงคราม
    ทุกเล่มมีที่หอสมุดแห่งชาติ<O:p></O:p>
    5. บรรณานุกรม ทีเด็ด...พระสมเด็จ ฉบับปฏิรูป ของอาจารย์พน นิลผึ้ง
    6. หนังสือพระสมเด็จกรุวัดพระแก้ว(วังหน้า) เล่มที่1-2 เล่มนี้มีประวัติการสร้างโดยละเอียด
    7. หนังสือสมเด็จพระแก้วมรกต ของคุรเทพ สุนทรศารทูล
    8. หนังสือสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ที่ข้าพเจ้ารู้จัก<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    Tel. 08-5806-9964<O:p></O:p>
    E-mail : Paipana_53@hotmail.com
    http://www.tarad.com/superland<O:p></O:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เรียนคุณ PAIPANA

    เวลาที่คุณลอกข้อมูลมา ควรแจ้งที่มาที่ไปด้วย บางข้อความจะไม่เคยมีปรากฎอยู่ในหนังสือเล่มไหนๆเลยที่คุณแจ้งมา(ที่มาของบทความและเอกสารอ้างอิง) ผมเคยแจ้งคุณมาแล้วครั้งนึง นี่ก็เป็นอีกครั้งนึง และยังไม่รู้ว่าจะต้องแจ้งอีกกี่ครั้ง

    แต่ที่สำคัญ ควรให้เกียรติกับผู้เขียนด้วย ควรแจ้งที่มาที่ไป ไม่ใช่คุณนำข้อมูลจากที่นึง แล้วนำมามั่วกับข้อมูลอีกที่นึง


    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้ <!-- / sig -->

    http://palungjit.org/showthread.php?t=22445&page=799

    <TABLE class=tborder id=post1051193 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 07:56 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#15963 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1051193", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 05:21 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 20,420 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 1,578 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 118,951 ครั้ง ใน 16,424 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 13623 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1051193 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->http://www.tarad.com/superland/

    ข้อเขียนคัดลอก อ้างอิงหรือเขียนขึ้นเอง ทุกท่านสามารถคัดลอกและอ้างอิงได้ เพื่อเป็นวิทยาทานครับ
    <O:p</O:p

    พระสมเด็จเจ้ากรมท่า พระสมเด็จวังหน้า
    วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๑๑พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายบรรพชิต มีกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธ์ (กรมพระปวเรศน์วริยาลงกรณ์ในกาลต่อมา) ฝ่ายฆราวาสมีกรมพระเทเวศร์วัชรินทร์เป็นประธนและขุนนางระดับสูงมีเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ เป็นประธานได้จัดประชุมกันในพระราชวังสวนดุสิต ในพระบรมมหาราชวัง ได้ตกลงยกเจ้าฟ้าจุลาลงกรณ์กรมขุนพิชิตประชานารถ ซึ่งมีพระชนมายุ ๑๕ พรรษาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ถวายพระนามว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและจะจัดพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นในวันที่ ๑๑พฤศจิกายน ๒๔๑๑โดยยกเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์เป็นผู้สำเร็จราชการไปจนกว่าพระมหากษัตริย์จะมีพระชนมายุครบ๒๐ พรรษา

    ขณะเดียวกันก็เลือกผู้ที่จะเป็นเจ้ากรมวังหน้าที่ประชุมตกลงยกพระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ (พระโอรสในสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ ๒ ของรัชกาลที่ ๔)ขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญสถานมงคล ตั้งแต่วันนั้น

    ในงานนี้เจ้าพระยาภาณุวงษ์มหาโกษาธิบดี เจ้ากรมท่า ว่าที่การคลังกับการต่างประเทศซึ่งเป็นน้องชายของเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ได้ขอพระบรมราชานุญาติสร้างพระพิมพ์ขึ้นจำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์โดยใช้พิมพ์สมเด็จวัดระฆัง ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เป็นแม่แบบเพื่อเป็นศิริมหามงคลเนื่องในการเสด็จเถลิงถวัลย์ครองราชสมบัติ รัชกาลที่ ๕เพื่อแจกจ่ายแก่เจ้านายและประชาชนที่เหลือจะได้บรรจุลงกรุในพระเจดีย์วัดพระแก้วมรกต
    การสร้างพระพิมพ์ครั้งนี้ได้นำพิมพ์ของวัดระฆังมาส่วนหนึ่ง และทำเพิ่มขึ้นอีกมากมายเพื่อเร่งให้ได้พระ๘๔,๐๐๐ องค์ ทันวันงาน พวกช่างวังหน้า วังหลัง วังหลวง อันมีหลวงวิจารณ์เจียรนัยและหลวงนฤมลวิจิตร เป็นหัวหน้า จึงช่วยกันทำแม่พิมพ์พระขึ้นมากมายซึ่งผู้เขียนยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามีกี่พิมพ์ เพราะหาได้ไม่ครบพิมพ์พระเหล่านี้ส่วนมากคล้ายพิมพ์ทรงนิยมของวัดระฆัง เช่นพิมพ์พระประธานพิมพ์เกศบัวตูม พิมพ์เศียรบาตร พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์อกร่องหูยานพิมพ์โบราณเช่น พระรอดลำพูน พระลีลาเม็ดขนุน พระซุ้มกอ พระนางพญา พระผงสุพรรณพระปิดตา พระสังกัจจายน์ เป็นต้น
    ผงวิเศษนั้นได้จากหลวงปู่โตปูนนั้นใช้ปูนกังไสจากประเทศจีน ซึ่งเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีและกรมหมื่นวิไชยชาญเคยไปประเทศจีนแล้วนำมาพร้อมกับสีต่าง ๆเพื่อสร้างเครื่องกังไสลายคราม โดยพระองค์สร้างเตาสังคโลกขึ้นในวังหน้า ดังนั้นการสร้างพระคราวนี้จึงมีการคิดใหม่ทำใหม่ นอกจากมีพิมพ์ใหม่เกิดขึ้นมากมายแล้วได้ทำเป็นพระหลากสี ซึ่งเรียกกันเดี๋ยวนี้ว่าพระเบญจรงค์บ้าง พระปัญจศิริบ้างพระสายรุ้งบ้าง
    ส่วนผสมอื่น ๆ ก็คงใช้แบบที่หลวงปู่โตท่านเคยสร้างพระสมเด็จแต่มีวิธีทำที่ดีกว่าคือแทนที่จะใส่ครกตำกลับใช้เครื่องรางบดยาสมุนไพรที่เป็นร่องแล้วใช้ลูกกลิ้งจานเหล็ก โยกกลับไปกลับมาจึงได้ผงที่ละเอียดมาก จากนั้นจึงนำมาผสมน้ำ และผสมสีลงไปช่างแต่ละคนก็ผสมสีของตนเอง ดังนั้นพระแต่ละองค์จึงมีสีที่แตกต่างก่อนจะอัดมวลสารต่าง ๆ ลงไปก็หยิบผงตะไบทองที่เจ้าของร้านทองแถวสำเพ็งนำมาถวายโปรยลงไปในแม่พิมพ์เล็กน้อย อัดเสร็จก็หยิบผงตะไบทองโรยทับหลังอีกนิดก็อัดอีกทีจึงแกะพระจากพิมพ์วางเรียงไว้ เสร็จแล้วก็นำไปตากแดด ถ้าแดดดี พระแห้งเร็วก็จะเกิดรอยแตกลายงาขึ้น มากบ้างน้อยบ้าง ถ้าพระผึ่งไว้ในร่มจนแห้งการแตกลายงาก็ไม่ปรากฏ องค์พระจะดูสวยงามพระบางองค์ไม่มีผงตะไบทองก็เพราะผงตะไบมีจำนวนจำกัดไม่ครบจำนวนช่าง
    พระส่วนมากหลังเรียบแต่บางองค์ก็มีประทับตราหลังคือตราครุฑบ้าง ธรรมจักรบ้าง ตราธงชาติ ตราเสมา ดอกบัวพระเกี้ยว จปร.เป็นต้น
    พระอีกส่วนหนึ่งไม่ได้ผสมหลายสี ทำแบบพระวัดระฆัง แต่มีสีขาว สีเหลืองสีเขียว สีดำ สีแดง สีฟ้าอ่อน เป็นชุด ๆ ไป พระสีเบญจรงค์มีจำนวนมากที่สุดแต่ละองค์ก็มีสีที่แตกต่างกัน ถ้าช่างพิมพ์พระเป็นคนเดียวกันก็ได้พระออกมาสีใกล้เคียงกัน แต่ไม่เหมือนกันสักองค์แต่ละองค์มีความสวยงามที่แตกต่างกันในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน๒๔๑๑ นั้นพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงได้ถูกนิมนต์มาร่วมพิธีที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ก็ได้มาร่วมในงานครั้งนี้ด้วย
    ในพิธีมหาพุทธาภิเษกพระสมเด็จครั้งนั้นกรมพระยาปวเรศย์วริยาลงกรณ์(พระยศสมัยหลัง) ได้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์สวดชยันโตและเบิกพระเนตร องค์ปลุกเสกมีสมเด็จพระพุฒาจารย์โต หลวงพ่อเงิน บางคลานหลวงปู่คำ วัดอัมรินทร์ หลวงปู่จาด วัดภาณุรังสี ฯ ลฯจะมีใครบ้างผู้เขียนไม่ทราบทั้งหมดงานมหาพุทธาภิเษกพระสมเด็จทำที่วัดบวรสถานสุทธาวาสมีกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญเป็นประธาน ทำพิธียิ่งใหญ่เป็นพิธีหลวงดังนั้นพระชุดนี้จึงเป็นพระหลวง ทำพิธีถูกต้องทุกอย่างพระคณาจารย์สุดยอดของประเทศในสมัยนั้นมาร่วมปลุกเสกจึงทำให้พระชุดนี้มีพลังอิทธิคุณล้ำเลิศ จะหาพระชุดไหนเสมอมิได้
    เมื่อเสร็จแล้วก็แจกจ่ายแก่พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ส่วนประชาชนทั่วไปจะได้รับหรือไม่มิปรากฏหลักฐานเพราะผู้ที่ครอบครองพระชุดนี้ได้ปรากฏในสมัยต่อมามักเป็นเจ้านายระดับสูงต่อมาทางลูกหลานของท่านก็นำมามอบให้ผู้ที่ตนรู้จักและนับถือซึ่งเล็ดลอดออกมาไม่มากนัก จึงหาคนรู้จักพระชุดนี้ได้น้อยเมื่อปรากฏขึ้นก็กลายเป็นพระเหนือตาเซียนคือเซียนไม่เคยพบเห็นมาก่อนจึงปฏิเสธว่าเป็นพระนอกพิมพ์ พระทำขึ้นทีหลัง
    พระที่เหลือจากการแจกจ่ายวันนั้นได้นำบรรจุในกรุเจดีย์ทองระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดารามซึ่งผู้เขียนสันนิษฐานว่าน่าจะบรรจุช่วงบูรณะวัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวังเมื่อพ.ศ.๒๔๒๓-๒๔ เพื่อฉลองพระนครครบ ๑๐๐ ปี ใน พ.ศ.๒๔๒๕การบูรณะคราวนั้นได้มีการชะลอโยกย้ายพระเจดีย์ด้วย จึงน่าจะมีการบรรจุลงกรุคราวนั้นก่อนหน้านั้นจะเก็บพระไว้ที่ไหนมิได้ระบุไว้ในเกร็ดประวัติศาสตร์พระอีกส่วนหนึ่งเก็บไว้บนเพดานโบสถ์วัดบวรสุทธาวาส (พิพิธพัณฑสถานปัจจุบัน)และใต้ฐานพระ ซึ่งกรุนี้แตกเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๓-๒๕๒๔ เช่นกัน แต่มีพระออกมาไม่มากนัก<O:p</O:p

    ตัวอย่างของพระวังหน้านั้น เช่น สมเด็จวังหน้า ,สมเด็จกรมเจ้าคุณท่า ,กรุวัดท้ายตลาด, ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญท่านได้นำพระไปบรรจุกรุที่วัดท้ายตลาดหรือพระหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญท่านนำพระไปถวายให้กับหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ (ท่านอ.ประถม อาจสาคร ท่านบอกว่า ชื่อของหลวงพ่อแก้ว นั้น ท่านชื่อ สุขแต่ที่ผู้คนเรียกท่านว่าหลวงพ่อแก้วนั้น เนื่องจากพระที่ท่านแจกเปรียบกับแก้วสารพัดนึก นั้นเอง)


    ***************************************

    นี่ก็ลอกไป แล้วก็ไม่บอกว่า ที่มามาจากไหน บอกก็บอกไปแล้วว่า "ควรแจ้งแหล่งที่มาที่ไปด้วย" จะไปหาข้อมูลจากหนังสือที่ไหนๆ ก็ไม่มี นี่แหละหนา "คน" ถ้ารู้น่าจะรู้ให้ลึกกว่านี้ว่า รูปเป็นอย่างไร และท่านใดเป็นผู้วาดหนอ<O:p</O:p
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้ <!-- / sig -->
    http://palungjit.org/showthrea...22445&page=799
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    บ่ช่ายพุทธพาณิชย์ แต่มีราคา ทำบุญก็บ่หู้ น่ายินดี พระหลวงปู่ ขจรขจายไกลครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://palungjit.org/showthrea...22445&page=800
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    คุณnongnooo รู้จักสังขยาไหมครับ

    ลอกมาอ่านแล้วไปดู แล้วก็เข้าใจเอง สุดท้ายต้องเหมาไปหาสมเด็จโต เพื่ออัพราคา ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่า แท้เป็นอย่างไร หรืออย่างไรจึงเรียกว่าแท้ / เก๊เป็นอย่างไร หรืออย่างไรจึงเรียกว่าเก๊

    สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า มีทั้งทันและไม่ทันสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านอธิษฐานจิต เนื้อหาทรงพิมพ์เดียวกัน มีทั้งทันและไม่ทัน แถมมีเก๊อีก

    ต้องระวังและใช้การพิจารณามากๆหน่อยนะครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    มาขอเล่าเรื่อง "สังขยา" สักนิด

    ณ ร้านน้ำผลไม้แห่งหนึ่ง มีน้ำทุกประเภทขาย เช่น น้ำมะนาว ,น้ำส้ม ,น้ำลำไย ,น้ำเก็กฮวย ,น้ำใบบัวบก ,น้ำชา ,กาแฟ ,โอวัลติล ,ช็อคโกแล็ต ,น้ำแดง ,น้ำเขียว ฯลฯ

    บ๋อย "สวัดดีครับ วันนี้รับอะไรดีครับ หรือว่าเหมือนเดิม"

    nongnooo "วันนี้รู้สึกว่าอากาศร้อน ขอน้ำส้มสักหน่อย"

    บ๋อย "แหม วันนี้ทานน้ำนางเอกเลยนะครับ โปรดรอสักครู่"

    เวลาผ่านไปสัก 5 นาที

    nongnooo "น้องๆ น้ำส้มพี่ได้ยัง ทำไมนานจัง"

    บ๋อย "ได้แล้วครับ" พร้อมทั้งรีบเดินและถือแก้วน้ำที่เป็นสีแดง

    nongnooo "อ้าว พี่สั่งน้ำส้ม แล้วเอาอะไรมาให้เนี่ย"

    บ๋อย "นี่ก็น้ำส้มที่พี่สั่ง ไม่ใช่หรือครับ"

    nongnooo "เฮ้ย น้ำส้มอะไร สีแดง"

    บ๋อย "ผมจะไปถาม จานchaipat (เจ้าของร้าน) ให้นะครับ"
    พร้อมทั้งเดินไปหาจานchaipat คุยกันสักครู่ จานchaipat ก็ได้เดินมาหาคุณnongnooo

    จานchaipat "น้ำส้มที่ร้านเราเป็นพิเศษครับ สูตรพิเศษ ใช้น้ำส้ม 2 ส่วน ,น้ำมะนาว 1 ส่วน และน้ำแดง 5 ส่วนครับ"

    nongnooo "????????"


     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เป็นสิ่งที่ดี ,เป็นทั้งเจตนารมย์และอุดมการณ์ ที่จะเผยแพร่พระเกียรติยศหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ,พระอภิญญาใหญ่ ,หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,เผยแพร่เกียรติยศของช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,ช่างสิบหมู่จากประเทศจีน ,ช่างชาวบ้าน ฯลฯ

    แต่ผู้ที่ลอกไป ควรจะให้เกียรติกับผู้ที่เขียนบทความ ไม่ใช่ว่ามั่วไปมั่วมา แถมเรื่องพระพิมพ์ก็มั่วอีก ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยัดให้สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีอธิษฐานจิตเพียงองค์เดียว

    แต่ผมจะไม่บอกนะครับว่า ใช่หรือไม่อย่างไร ให้เป็นวาสนาบารมีของผู้อ่านเอง และจะเชื่อผมหรือไม่ ผมก็ไม่สนใจว่าจะมีใครมาเชื่อผมหรือเปล่า ผมถือว่าได้เคยเตือนไปแล้ว หากว่าได้เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ ก็จะพอทราบเรื่องได้ว่า พระพิมพ์เป็นอย่างไร

    นี่ขนาดผมลงไม่ถึง 5 % ขององค์ความรู้ที่ผมมีอยู่ ........ ยิ่งถ้าเป็นคุณปุ๊ หรือท่านอื่นๆนำมาลง สงสัยว่า จะถูกลอกไปหมด และลอกไปเป็นRef.ในการแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตนเอง

    นี่แหละ "คน"

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 13 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 10 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, chaipat+, jiant </TD></TR></TBODY></TABLE>

    กราบสวัสดีครับ อากาละมังchaipat ครับ

    เหนื่อยจริงๆ แถมยังง่วงอีก ตอนนี้กำลังคัดลอกเรื่องของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าจะนำไปอ่าน เพิ่มเติมความรู้ซะหน่อย ขออนุญาตอากาละมังchaipat ด้วยนะครับ

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 13 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 10 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, chaipat+, jiant </TD></TR></TBODY></TABLE>

    กราบสวัสดีครับ อากาละมังchaipat ครับ

    เหนื่อยจริงๆ แถมยังง่วงอีก ตอนนี้กำลังคัดลอกเรื่องของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าจะนำไปอ่าน เพิ่มเติมความรู้ซะหน่อย ขออนุญาตอากาละมังchaipat ด้วยนะครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    กำลังสั่งให้เครื่องprinter พิมพ์อยู่ รวมแล้ว 143 หน้า

    ต้องไปหาค้นคว้าข้อมูลมาเพิ่มเติมอีก งานที่จะทำนี้ ประเมินคร่าวๆแล้ว หนักมากพอสมควร เนื่องจากไม่กล้าที่จะให้ข้อมูลที่ผิดๆ กลัวเหมือนกัน กลัวว่าเกิดชาติต่อๆไป จะโง่ (จะแถมบ้าหรือเซ่อหรือเปล่านั้นไม่รู้) กลัวจริงๆ

    ยังต้องขออาศัยและพึ่งกับอากาละมังchaipat ด้วยนะครับ สำหรับหนังสือที่ผมจะเขียนขึ้นมา และคงจะขออาศัยและพึ่งพากับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ท่านอื่นๆด้วย ขอบคุณล่วงหน้าครับ


    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอเก็บข้อมูลไว้สักหน่อยครับ
    สำหรับนักลอกที่ไม่ได้แจ้งที่มาของ "บทความบางส่วน"

    http://www.tarad.com/superland/

    [​IMG]
    <TABLE class=stoke1 width=764><TBODY><TR><TD width=756 bgColor=#ffffff><!-- Shop Profile -->พระสมเด็จ



    พระสมเด็จ ( PRASOMDEJ )<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    พระสมเด็จ ศูนย์กลาง ให้บูชาและร่วมกันช่วยเหลือสังคม และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พระสมเด็จที่เกิดจากการพุทธาภิเษก ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และร่วมวิเคราะห์ทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ถึงความจริงที่มิใช่หวังผลทางพุทธพาณิชย์ แต่เพื่อจะดำรงไว้ถึงพระคุณอันประเสริฐแห่ง เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และให้ประชาชนโดยทั่วไปสามารถมีวัตถุมงคลของท่านไว้เคารพบูชาอันจะเป็นมงคลแก่ตนเองและครอบครัวสืบไป
    <o:p></o:p>
    ด้วยจิตรคารวะ<o:p></o:p>
    ไพรพนา


    <!-- End Shop Profile --></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- Shop News --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=765 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 40px; PADDING-LEFT: 40px; PADDING-BOTTOM: 15px; PADDING-TOP: 30px" width=765 bgColor=#ffffff><!-- Shop News -->ข่าวสารของร้านค้า


    อนุโมทนาบุญทุกท่าน…<o:p></o:p>
    วันนี้ผมขออนุญาตรวบรวมการศึกษาค้นคว้า พระสมเด็จของ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่ท่านพุทธาภิเษกมาให้ท่านได้ศึกษา และร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้<o:p></o:p>
    พระสมเด็จเจ้ากรมท่า<o:p></o:p>
    พระสมเด็จวังหน้า<o:p></o:p>
    พระสมเด็จตะกั่วห่อชาวัดลครทำ<o:p></o:p>
    พระสมเด็จเพดานโบสถ์วัดระฆัง (กรุสุดท้าย)<o:p></o:p>
    พระสมเด็จยายขำ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    พระสมเด็จของ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่ท่านพุทธาภิเษก<o:p></o:p>
    การพิจารณาต้องรอบรู้ทั้งทางด้านรูปธรรม และนามธรรม คือทั้งศาสตร์ และศิลป์ ค้นคว้าจาก<o:p></o:p>
    ตำราที่เป็นศาสตร์ วิเคราะห์ตามแนวทางแห่งวิทยาศาสตร์ นำทั้งสองสิ่งมาควบรวมเข้าด้วยกันจะเป็นการศึกษาอย่างองค์รวมที่เป็นความรู้ในระดับสังเคราะห์ หมั่นศึกษาหาความรู้ให้มากๆนะครับ ถ้าเราอยากได้สิ่งใดต้องมีความรู้ในสิ่งนั้นๆให้ถ่องแท้ เราจะได้ไม่เสียโอกาส และตกเป็นเหยื่อ ถ้าเรากังวลว่าสิ่งที่เราทำ เรามี จะไม่ได้รับการยอมรับ สังคมพระหาเล่นกันอย่างไรเราต้องยึดอย่างนั้น อาจจะจริง และอาจจะไม่จริงก็ได้โดยเฉพาะในสกุลพระสมเด็จ แท้จริงแล้วอยู่ที่เราได้รู้จักศึกษาหาความรู้เท่าใดมากกว่า และที่สำคัญคือการเคารพด้วยความศรัทธามากกว่าเชื่อตามกระแสสังคม เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ถือได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของเรา ได้สร้างคุณงามความดีและสร้างพระสกุลสมเด็จไว้มากมายมหาสาน เพื่อจุดมุ่งหวังในการสืบต่อถึงพระพุทธศาสนาอีกทั้งปกป้องคุ้มครองประชาชนชาวไทย ต่อไปในปัจจุบันและกาลข้างหน้า ด้วยอิทธิคุณแห่งพระสมเด็จ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การนับถือด้วยความศรัทธาเป็นมงคลแห่งชีวิต<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ในโลกปัจจุบันที่คนในสังคมต้องต่อสู้กับปัญหานานัปการ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม การได้ที่พึ่งไม่ว่าทางกายหรือทางใจล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่หาแต่จะมีกี่คนที่ได้พบกับมันอย่างแท้จริง เราคงได้เห็นได้ทราบจากปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น เช่น การค้นพบสิ่งที่เขาบอกว่าศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ สิ่งของ มนุษย์ หรือแม้กระทั่งสัตว์ ผู้คนก็จะแห่แหนแย่งกันเข้าเคารพกราบไหว้ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้นๆ โดยปราศจากสติ สิ่งที่เราได้มาอาจจะเป็นเพียงก้อนดิน ก้อนหิน หรือสิ่งใดก็ตาม ที่หาคุณค่าไม่ได้เลย แต่สิ่งที่เราเสียก็คือเราเสียสติ การกระทำใดๆที่ขาดสติผลที่ตามมาก็คือ ตกเป็นเหยื่อ เสียทรัพย์ ความทุกข์ยาก และทุกข์ตรมไม่มีที่สิ้นสุด สตินั้นคือความระลึกได้ถ้าขาดสติก็ระลึกไม่ได้นั่นเท่ากับขาดหรือไม่เกิดปัญญา <o:p></o:p>
    การจะนับถือสิ่งใดๆก็แล้วแต่ต้องนับถือด้วยความศรัทธา และความศรัทธาก็ต้องเกิดจากการมีสติไตร่ตรองอย่างมีเหตุผล ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นอยู่ และแตกดับ ท้ายสุดเราจะเกิดปัญญา และปัญญาจะทำให้เกิดมงคลแห่งชีวิต พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนให้มนุษย์มีเหตุมีผลในการดำรงชีวิตอยู่ในโลกด้วยหลักของกาลามสูตร 10 ประการ อันได้แก่ <o:p></o:p>
    1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา
    2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆกันมา
    3. อย่าปลงใจเชื่อ ค้วยการเล่าลือ
    4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
    5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก
    6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมาน
    7. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
    8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฏีที่พินิจไว้แล้ว<o:p></o:p>

    9. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้
    10.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของ<o:p></o:p>

    เช่นนี้แล้ว เราๆท่านๆคงจะต้องใช้สตินึกคิดถึงสิ่งที่เราจะเชื่อว่าเป็นจริงอย่างมีเหตุและผลอันเป็นที่ประจักษ์ เท่านี้ชีวิตเราก็คงจะไม่ถูกซ้ำเติมจากสิ่งเลวร้ายในสังคมแห่งโลกใบนี้ ซึ่งมีความดีอยู่มากเหลือเกิน <o:p></o:p>


    *** ข้อความที่เขียนคัดลอกมาให้อ่านนี้มีความที่จะประสงค์แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ตระกูลพระสมเด็จที่เกิดจากการพุทธาภิเษกของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เนื่องด้วยผมเองได้รับตกทอดมาจากญาติผู้ใหญ่เป็นจำนวนมากพร้อมกับหนังสือประวัติของท่านหลายสิบเล่ม จึงเริ่มศึกษาค้นคว้าทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ในการวิเคราะห์ถึงหลักแห่งความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นพระสมเด็จในสกุลวัดระฆัง วัดบางขุนพรหม วัดไชโย วังหน้า กรุวัดพระแก้ว (ปัญจสิริ) เพราะรุ่นเราไม่มีใครเกิดทันหรอกครับ การจะตัดสินความถูกผิดด้วยกล้องส่องพระอันเดียวคงเป็นไปไม่ได้จึงต้องอาศัยตรรกอื่นๆประกอบด้วย เราจึงต้องใช้การค้นคว้าศึกษาหาความรู้เป็นสำคัญ ผมเองอาจจะโชคดีอยู่บ้างที่บรรพบุรุษย์เป็นคนวังหลัง และพอมีเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรง และตำราต่างๆหลายสิบเล่มแต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่พอครับจำเป็นที่จะต้องศึกษาเทียบเคียงจากหลักการทางวิทยาศาสตร์ และวัตถุโบราณ<o:p></o:p>
    ฯลฯ ผมเองอยู่ในแวดวงนักวิชาการ การหาข้อมูลก็อาจจะง่ายขึ้น และเท่าที่ได้ศึกษาหาความรู้ก็เชื่อได้<o:p></o:p>
    ว่าพระในสกุลสมเด็จที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านได้พุทธาภิเษกนั้นมีมาก<o:p></o:p>
    มายหลายแบบหลายพิมพ์ และในปัจจุบันยังมีอยู่มาก ผมเองที่ไม่คิดที่จะกระทำการใดๆในเชิงพุทธพาณิชย์ ผมพอเพียงและมีความสุขแล้ว ต้องการเผยแพร่การศึกษาค้นคว้า และหวังเพียงว่าในโอกาสต่อไปจะได้เป็นประโยชน์แก่สังคมเท่านั้น ***<o:p></o:p>
    ข้อเขียนคัดลอก อ้างอิง หรือเขียนขึ้นเอง ทุกท่านสามารถคัดลอก และอ้างอิงได้ เพื่อเป็นวิทยาทาน ครับ<o:p></o:p>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระสมเด็จเจ้ากรมท่า พระสมเด็จวังหน้า
    วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๑๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายบรรพชิต มีกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธ์ (กรมพระปวเรศน์วริยาลงกรณ์ในกาลต่อมา) ฝ่ายฆราวาสมีกรมพระเทเวศร์วัชรินทร์เป็นประธน และขุนนางระดับสูงมีเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ เป็นประธาน ได้จัดประชุมกันในพระราชวังสวนดุสิต ในพระบรมมหาราชวัง ได้ตกลงยกเจ้าฟ้าจุลาลงกรณ์ กรมขุนพิชิตประชานารถ ซึ่งมีพระชนมายุ ๑๕ พรรษาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ถวายพระนามว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและจะจัดพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๑๑ โดยยกเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์เป็นผู้สำเร็จราชการไปจนกว่าพระมหากษัตริย์จะมีพระชนมายุครบ ๒๐ พรรษา

    ขณะเดียวกันก็เลือกผู้ที่จะเป็นเจ้ากรมวังหน้า ที่ประชุมตกลงยกพระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ (พระโอรสในสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ ๒ ของรัชกาลที่ ๔) ขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญสถานมงคล ตั้งแต่วันนั้น

    ในงานนี้ เจ้าพระยาภาณุวงษ์มหาโกษาธิบดี เจ้ากรมท่า ว่าที่การคลังกับการต่างประเทศ ซึ่งเป็นน้องชายของเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ ได้ขอพระบรมราชานุญาติสร้างพระพิมพ์ขึ้นจำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ โดยใช้พิมพ์สมเด็จวัดระฆัง ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เป็นแม่แบบ เพื่อเป็นศิริมหามงคลเนื่องในการเสด็จเถลิงถวัลย์ครองราชสมบัติ รัชกาลที่ ๕ เพื่อแจกจ่ายแก่เจ้านายและประชาชน ที่เหลือจะได้บรรจุลงกรุในพระเจดีย์วัดพระแก้วมรกต
    การสร้างพระพิมพ์ครั้งนี้ ได้นำพิมพ์ของวัดระฆังมาส่วนหนึ่ง และทำเพิ่มขึ้นอีกมากมายเพื่อเร่งให้ได้พระ ๘๔,๐๐๐ องค์ ทันวันงาน พวกช่างวังหน้า วังหลัง วังหลวง อันมีหลวงวิจารณ์เจียรนัย และหลวงนฤมลวิจิตร เป็นหัวหน้า จึงช่วยกันทำแม่พิมพ์พระขึ้นมากมาย ซึ่งผู้เขียนยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามีกี่พิมพ์ เพราะหาได้ไม่ครบ พิมพ์พระเหล่านี้ส่วนมากคล้ายพิมพ์ทรงนิยมของวัดระฆัง เช่นพิมพ์พระประธาน พิมพ์เกศบัวตูม พิมพ์เศียรบาตร พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์อกร่องหูยาน พิมพ์โบราณเช่น พระรอดลำพูน พระลีลาเม็ดขนุน พระซุ้มกอ พระนางพญา พระผงสุพรรณ พระปิดตา พระสังกัจจายน์ เป็นต้น
    ผงวิเศษนั้นได้จากหลวงปู่โต ปูนนั้นใช้ปูนกังไสจากประเทศจีน ซึ่งเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี และกรมหมื่นวิไชยชาญเคยไปประเทศจีนแล้วนำมาพร้อมกับสีต่าง ๆ เพื่อสร้างเครื่องกังไสลายคราม โดยพระองค์สร้างเตาสังคโลกขึ้นในวังหน้า ดังนั้น การสร้างพระคราวนี้จึงมีการคิดใหม่ทำใหม่ นอกจากมีพิมพ์ใหม่เกิดขึ้นมากมายแล้ว ได้ทำเป็นพระหลากสี ซึ่งเรียกกันเดี๋ยวนี้ว่าพระเบญจรงค์บ้าง พระปัญจศิริบ้าง พระสายรุ้งบ้าง
    ส่วนผสมอื่น ๆ ก็คงใช้แบบที่หลวงปู่โตท่านเคยสร้างพระสมเด็จ แต่มีวิธีทำที่ดีกว่าคือแทนที่จะใส่ครกตำ กลับใช้เครื่องรางบดยาสมุนไพรที่เป็นร่องแล้วใช้ลูกกลิ้งจานเหล็ก โยกกลับไปกลับมา จึงได้ผงที่ละเอียดมาก จากนั้นจึงนำมาผสมน้ำ และผสมสีลงไป ช่างแต่ละคนก็ผสมสีของตนเอง ดังนั้นพระแต่ละองค์จึงมีสีที่แตกต่าง ก่อนจะอัดมวลสารต่าง ๆ ลงไปก็หยิบผงตะไบทองที่เจ้าของร้านทองแถวสำเพ็งนำมาถวาย โปรยลงไปในแม่พิมพ์เล็กน้อย อัดเสร็จก็หยิบผงตะไบทองโรยทับหลังอีกนิดก็อัดอีกที จึงแกะพระจากพิมพ์วางเรียงไว้ เสร็จแล้วก็นำไปตากแดด ถ้าแดดดี พระแห้งเร็ว ก็จะเกิดรอยแตกลายงาขึ้น มากบ้างน้อยบ้าง ถ้าพระผึ่งไว้ในร่มจนแห้ง การแตกลายงาก็ไม่ปรากฏ องค์พระจะดูสวยงาม พระบางองค์ไม่มีผงตะไบทองก็เพราะผงตะไบมีจำนวนจำกัดไม่ครบจำนวนช่าง
    พระส่วนมากหลังเรียบ แต่บางองค์ก็มีประทับตราหลังคือตราครุฑบ้าง ธรรมจักรบ้าง ตราธงชาติ ตราเสมา ดอกบัว พระเกี้ยว จปร.เป็นต้น
    พระอีกส่วนหนึ่งไม่ได้ผสมหลายสี ทำแบบพระวัดระฆัง แต่มีสีขาว สีเหลือง สีเขียว สีดำ สีแดง สีฟ้าอ่อน เป็นชุด ๆ ไป พระสีเบญจรงค์มีจำนวนมากที่สุด แต่ละองค์ก็มีสีที่แตกต่างกัน ถ้าช่างพิมพ์พระเป็นคนเดียวกัน ก็ได้พระออกมาสีใกล้เคียงกัน แต่ไม่เหมือนกันสักองค์ แต่ละองค์มีความสวยงามที่แตกต่างกัน ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๑๑ นั้น พระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงได้ถูกนิมนต์มาร่วมพิธีที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ก็ได้มาร่วมในงานครั้งนี้ด้วย
    ในพิธีมหาพุทธาภิเษกพระสมเด็จครั้งนั้น กรมพระยาปวเรศย์วริยาลงกรณ์(พระยศสมัยหลัง) ได้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ สวดชยันโตและเบิกพระเนตร องค์ปลุกเสกมีสมเด็จพระพุฒาจารย์โต หลวงพ่อเงิน บางคลาน หลวงปู่คำ วัดอัมรินทร์ หลวงปู่จาด วัดภาณุรังสี ฯ ลฯ จะมีใครบ้างผู้เขียนไม่ทราบทั้งหมด งานมหาพุทธาภิเษกพระสมเด็จทำที่วัดบวรสถานสุทธาวาส มีกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญเป็นประธาน ทำพิธียิ่งใหญ่เป็นพิธีหลวง ดังนั้นพระชุดนี้จึงเป็นพระหลวง ทำพิธีถูกต้องทุกอย่าง พระคณาจารย์สุดยอดของประเทศในสมัยนั้นมาร่วมปลุกเสก จึงทำให้พระชุดนี้มีพลังอิทธิคุณล้ำเลิศ จะหาพระชุดไหนเสมอมิได้
    เมื่อเสร็จแล้วก็แจกจ่ายแก่พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ ส่วนประชาชนทั่วไปจะได้รับหรือไม่มิปรากฏหลักฐาน เพราะผู้ที่ครอบครองพระชุดนี้ได้ปรากฏในสมัยต่อมามักเป็นเจ้านายระดับสูง ต่อมาทางลูกหลานของท่านก็นำมามอบให้ผู้ที่ตนรู้จักและนับถือ ซึ่งเล็ดลอดออกมาไม่มากนัก จึงหาคนรู้จักพระชุดนี้ได้น้อย เมื่อปรากฏขึ้นก็กลายเป็นพระเหนือตาเซียน คือเซียนไม่เคยพบเห็นมาก่อนจึงปฏิเสธว่าเป็นพระนอกพิมพ์ พระทำขึ้นทีหลัง
    พระที่เหลือจากการแจกจ่ายวันนั้นได้นำบรรจุในกรุเจดีย์ทอง ระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งผู้เขียนสันนิษฐานว่าน่าจะบรรจุช่วงบูรณะวัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวังเมื่อ พ.ศ.๒๔๒๓-๒๔ เพื่อฉลองพระนครครบ ๑๐๐ ปี ใน พ.ศ.๒๔๒๕ การบูรณะคราวนั้นได้มีการชะลอโยกย้ายพระเจดีย์ด้วย จึงน่าจะมีการบรรจุลงกรุคราวนั้น ก่อนหน้านั้นจะเก็บพระไว้ที่ไหนมิได้ระบุไว้ในเกร็ดประวัติศาสตร์ พระอีกส่วนหนึ่งเก็บไว้บนเพดานโบสถ์วัดบวรสุทธาวาส (พิพิธพัณฑสถานปัจจุบัน) และใต้ฐานพระ ซึ่งกรุนี้แตกเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๓-๒๕๒๔ เช่นกัน แต่มีพระออกมาไม่มากนัก <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตัวอย่างของพระวังหน้านั้น เช่น สมเด็จวังหน้า ,สมเด็จกรมเจ้าคุณท่า ,กรุวัดท้ายตลาด, ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญท่านได้นำพระไปบรรจุกรุที่วัดท้ายตลาด หรือพระหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญท่านนำพระไปถวายให้กับหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ (ท่านอ.ประถม อาจสาคร ท่านบอกว่า ชื่อของหลวงพ่อแก้ว นั้น ท่านชื่อ สุข แต่ที่ผู้คนเรียกท่านว่าหลวงพ่อแก้วนั้น เนื่องจากพระที่ท่านแจก เปรียบกับแก้วสารพัดนึก นั้นเอง)<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ความแตกต่างระหว่างพระพิมพ์วังหน้า วังหลวง กับพระพิมพ์โดยทั่วไป
    1. พระพิมพ์วังหน้าหรือวังหลวง สร้างขึ้นในพระราชวังหน้า หรือพระราชวังหลวง โดยเกิดจากพระบัณฑูรของท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) หรือพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ส่วนพระพิมพ์ทั่วๆไปสร้างขึ้นในวัด หรือโรงงาน<o:p></o:p>

    2. มวลสารที่ใช้นั้น พระพิมพ์วังหน้าหรือวังหลวง จะมีมวลสารต่างๆเช่น ปูนเพชร (ซึ่งนำเข้ามาจากเทือกเขาฮันซุย ประเทศจีน ในสมัยปลายรัชกาลที่ 4 และสมัยรัชกาลที่ 5 ,ผงวิเศษหรือผงมูลกัจจายน์ที่พระภิกษุสงฆ์ได้เรียนบาลี ,เศษทองคำ ซึ่งได้มาจากหน่วยสุวรรณกิจ (เป็นหน่วยงานที่ทำทองในพระราชวังหน้าและพระราชวังหลวง) ,เหล็กไหล หรือขี้เหล็กไหล ,จ้าวน้ำเงิน ,เศษเพชร เศษพลอย ฯลฯ ส่วนมวลสารที่ใช้สร้างพระพิมพ์ทั่วๆไป เป็นปูนธรรมดา ,ผงเสกของคณาจารย์ต่างๆ<o:p></o:p>

    3. พิธีพุทธาภิเษก พระพิมพ์วังหน้าหรือวังหลวง ถ้าสร้างขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 24002428 จะนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส วังหน้า แต่ก็มีบางพิมพ์(เป็นส่วนน้อย)ที่นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดมหาธาตุ แต่ถ้าสร้างขึ้นหลังจากปี พ.ศ. 2428 จวบจนปลายรัชกาลที่ 6 จะนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดพระแก้ว <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 coordsize="21600,21600" o:spt="75" o:preferrelative="t" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" filled="f" stroked="f"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><v:path o:extrusionok="f" gradientshapeok="t" o:connecttype="rect"></v:path><o:lock v:ext="edit" aspectratio="t"></o:lock></v:shapetype><v:shape id=_x0000_i1025 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ส่วนพระทั่วๆไป ก็นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดนั้นๆ
    <v:shape id=_x0000_i1026 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>
    4. ผู้อธิษฐานจิต พระพิมพ์วังหน้าหรือวังหลวง ถ้าสร้างขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2400 2428 หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรท่านมาอธิษฐานจิตให้ (แล้วแต่ว่าจะเชิญองค์ไหนมา) แต่ถ้าพระที่สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. 2415 สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านจะมาอธิษฐานจิตให้ด้วย แต่ถ้าสร้างขึ้นหลังจากปี พ.ศ. 2428 จวบจนปลายรัชกาลที่ 6 ก็จะเป็นพระคณาจารย์ในยุคนั้นอาจจะเชิญครุบาอาจารย์ของคณาจารย์มาร่วมอธิษฐานจิตด้วย <v:shape id=_x0000_i1027 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>ส่วนพระทั่วไปนั้น จะเป็นคณาจารย์ในยุคนี้เป็นผู้อธิษฐานจิตหรือคณาจารย์อาจจะเชิญครุบาอาจารย์ของคณาจารย์มาร่วมอธิษฐานจิตด้วย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ที่มาของบทความและเอกสารอ้างอิง
    1. วิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯ และพระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า
    เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุญนาค)
    ซึ่งเขียนโดย ท่านปรัศนี ประชากร (เป็นนามปากกาของท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร )
    2. ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 13
    3. พระราชประวัติวังหน้า
    4. ประวัติเจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี(ท้วม บุนนาค) เจ้าคุณกรมท่า ฉบับนายนัฐวุฒิ สุทธิสงคราม
    ทุกเล่มมีที่หอสมุดแห่งชาติ<o:p></o:p>
    5. บรรณานุกรม ทีเด็ด...พระสมเด็จ ฉบับปฏิรูป ของอาจารย์พน นิลผึ้ง
    6. หนังสือพระสมเด็จ กรุวัดพระแก้ว(วังหน้า) เล่มที่1-2 เล่มนี้มีประวัติการสร้างโดยละเอียด
    7. หนังสือสมเด็จ พระแก้วมรกต ของคุรเทพ สุนทรศารทูล
    8. หนังสือสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ที่ข้าพเจ้ารู้จัก<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระสมเด็จตะกั่วห่อชาวัดลครทำ ( ละคร หรือ ละคอน )<o:p></o:p>
    วัดลครทำ เป็นวัดราษฎร์ ตั้งอยู่ใน ตำบลบ้านช่างหล่อ อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดกรุงเทพฯ (ธนบุรี เดิม) ใกล้กับวัดระฆัง สร้างในปี พ.ศ. ใดไม่มีหลักฐานแน่ชัด ทราบจากหลักฐานในหอสมุดของวัดจากข้อเขียนของพระมหาเฮง อิฏฐาจาโร ฉบับ พ.ศ. 2499 เพียงแต่ว่าสร้างในรัชสมัยสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ผู้สร้างวัดนี้มีอาชีพเป็นนายโรงละครนอกชื่อนายบุญยัง ชาวบ้านเรียกกันว่า นายบุญยัง ละครนอก เหตุที่เรียกกันอย่างนี้ก็เพราะในยุคนั้น ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นยุคที่มีการฟื้นฟูศิลปะวิทยาการและวัฒนธรรมที่เคยมีตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แบ่งเป็นละครใน และละครนอก (ละครในฝึกเฉพาะในวังเป็นผู้หญิงล้วน ส่วนละครนอกฝึกภายนอกวังและห้ามใช้ผู้หญิงเป็นผู้ชายล้วน)<o:p></o:p>
    ในสมัยนั้นมีละครอยู่สองคณะคือละครในของเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี และละครนอกของนายบุญยัง นายบุญยังมีฐานะดีมากอันเนื่องมาจากเป็นนายละคร และเป็นผู้ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง จึงได้สร้างวัดขึ้นในบริเวณนี้ ชาวบ้านได้ช่วยกันตั้งชื่อว่า วัดลครทำ <o:p></o:p>
    เรื่องราวของวัดละครทำนั้นมีเรื่องเกี่ยวพันกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) คือท่านได้สร้างพระเจดีย์นอนสององค์ไว้ที่วัดนี้ โดยหลักฐานจากเรื่องเล่าในหนังสือประวัติเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) ของพระมหาเฮง อิฏฐาจาโร ฉบับ พ.ศ. 2499 ดังความว่า<o:p></o:p>
    ในการก่อสร้างนั้นปรากฎว่า เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) ได้สร้างถาวรวัตถุหลายอย่าง และท่านมักสร้างของแปลกๆ ของโตๆ และท่านได้สร้างพระเจดีย์นอนที่หลังโบสถ์วัดละครทำไว้สององค์หันหน้าเข้าหากัน (ปัจจุบันรื้อทิ้งแล้ว) มูลเหตุที่ท่านได้สร้างพระเจดีย์นอนนั้นเล่ากันว่าเกิดจากท่านได้ปรารภว่า แต่เดิมพระเจดีย์ที่สร้างกันนั้นสำหรับบรรจุ พระธรรม เรียกกันว่า พระธรรมเจดีย์ แต่ในกาลปัจจุบันความประสงค์แปรเปลี่ยนไปเป็นเพื่อบรรจุอัฐิธาตุของสกุลวงศ์ หรืออุทิศให้ผู้ตาย จัดเป็นอนุสาวรีย์เฉพาะบุคคล ดังนั้นท่านจึงได้สร้างพระเจดีย์นอนไว้เป็นปริศนาธรรม ซึ่งมีความหมายว่า ต่อไปเบื้องหน้าจะไม่มีผู้ใดสร้างพระธรรมเจดีย์อีกแล้ว <o:p></o:p>
    พระอาจารย์จิ้ม กันภัย (พระภิกษุวงศ์ สุธรรมโม) ปัจจุบันอายุ 85 ปี (65 พรรษา ) จำพรรษาอยู่ที่วัดดงมูลเหล็ก บางกอกน้อย เป็นผู้ที่ได้ครอบคลองพระสกุลสมเด็จไว้มากมาย<o:p></o:p>
    ได้เล่าถึงมูลเหตุในการสร้าง พระเจดีย์นอน ความว่า<o:p></o:p>
    คราวหนึ่ง เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) ได้มาเป็นพระอุปัชฌาย์ที่วัดละครทำและได้ปรารภกับสานุศิษย์ถึงการสร้างพระเจดีย์นอนและการบรรจุพระสมเด็จเพื่อเป็นที่เคารพสักการะแก่ประชาชนในกาลข้างหน้าจึงได้สร้างพระสมเด็จตะกั่วห่อใบชาขึ้น <o:p></o:p>
    พระสมเด็จตะกั่วห่อชา พระอาจารย์จิ้ม กันภัย ได้เล่าให้ฟังว่าในสมัยนั้นมีชาวจีนที่มีความเคารพนับถือ <o:p></o:p>
    เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) ได้นำชาชั้นดี (การรักษาคุณภาพของชาในสมัยโบราณต้องห่อด้วยแผ่นตะกั่วบาง ) มาถวายมากมาย และตะกั่วห่อใบชาเหล่านี้เองที่เป็นที่มาของการสร้างพระสมเด็จตะกั่วห่อชา ซึ่งเป็นพระสมเด็จเนื้อโลหะ หลังแบบทุกองค์ มีความหนาประมาณ 0.6 มิลลิเมตร อ่อนนิ่ม ผิวพระแห้ง ปรากฏสนิมแดง คราบไขขาว คราบปูน สึกกร่อนตามอายุ บางองค์ด้านหลังมีจารพระคาถาไว้ด้วย(แต่พบเป็นส่วนน้อยมาก) มีด้วยกันหลายพิมพ์ ได้แก่ พิมพ์ทรงพิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงฐานเส้นด้าย พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ทรงสังฆาฏิ พิมพ์ทรงฐานแซม พิมพ์ทรงประมูล พิมพ์ทรงหน้าหมอน หรืออาจกล่าวได้ว่าพระสมเด็จเนื้อผงของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) มีพิมพ์อย่างไร พระสมเด็จตะกั่วห่อชาก็จะมีอย่างนั้น <o:p></o:p>
    การค้นพบ ในราวปี พ.ศ. 2503 2504 ทางวัดละครทำได้รื้อพระอุโบสถหลังเดิมเพื่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ โดยได้พบพระชุดนี้ในพระอุโบสถ และในวิหาร ส่วนในพระเจดีย์นอนทั้งสององค์ที่นักสะสมพระในสมัยนั้นเข้าใจว่าจะมีพระสมเด็จกลับไม่มี (ในเรื่องนี้ คุณธงชัย พลอยช่าง สกุลเดิม อิศรางกูร ณ อยุธยา ปัจจุบันอายุ 66 ปี เป็นผู้ชำนาญการทางด้านช่างปั้น เล่าว่า ขณะนั้นมีอายุได้ 19 ปี ได้มีโอกาสเข้าไปดูพระชุดนี้ในพระอุโบสถ และในวิหาร เห็นว่ามีจำนวนมากอยู่ ประมาณพันเศษเห็นจะได้ ตอนแรกยังไม่มีใครรู้มากนักแต่ต่อมาสักสองสามวันเห็นจะได้นักสะสมพระก็แห่กันมาเต็มวัด แต่พระส่วนใหญ่จะตกอยู่กับหลวงตาจิ้ม ท่านเองได้มาสี่องค์ ซึ่งได้ใส่ตลับขึ้นคอบูชามาจนถึงปัจจุบัน) ซึ่งพระสมเด็จส่วนใหญ่หรือแทบจะทั้งหมดตกอยู่กับ พระอาจารย์จิ้ม กันภัย เนื่องด้วยได้ทราบข่าวจากช่างที่ทำการรื้อบูรณะ ซึ่งเป็นสานุศิษย์ ท่านจึงได้ขอบูชาไว้เป็นส่วนใหญ่ นักสะสมพระรุ่นเก่าๆพอจะทราบอยู่บ้างแต่เนื่องจากพระส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้จึงไม่แพร่หลาย คงแจกให้เฉพาะผู้ที่มีความศรัทธา และสานุศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้นซึ่งในปัจจุบันถือเป็นวัตถุโบราณที่หายากมาก และไม่นิยมทำการตลาดในแง่พุทธพาณิชย์ แต่ในแง่ <o:p></o:p>
    อิทธิคุณ คุณสุคนธ์ เพียรพัฒน์ ในกลุ่มธนาคารกรุงไทย นายแพทย์วัฒนะ ฐิตะดิลก นายแพทย์สำเริง รัตนระพี ดร. ชัยพร พิบูลศิริ (ผู้ชำนาญการทางด้านวัตถุโบราณ) และอีกมากมายหลายท่านล้วนคลอบครอง และได้มีประสบการณ์ โดยหลวงพ่อวงศ์ หรือครูชัยยะวงศ์สา แห่งวัดพระบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน ได้ตรวจสอบด้วยการทรงฌาณสำรวมจิตพบพลังอิทธิคุณจากการนั่งปรกของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    อ้างอิง<o:p></o:p>
    - จากหนังสือ ประวัติ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม เรียบเรียงโดย พระคูกัลยาณานุกูล และประวัติเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม เรียบเรียงโดย พระมหาสมคิด ปิยวัณโณ ป.ธ.9 กรกฎาคม 2550 <o:p></o:p>
    - จากหนังสือ สี่สมเด็จ เรียบเรียงโดย นายสุคนธ์ เพียรพัฒน์ สำนักพิมพ์ แออล ซี เพรส 2527<o:p></o:p>
    - ประสบการณ์ตรง พระอาจารย์จิ้ม กันภัย วัดดงมูลเหล็ก กรุงเทพฯ<o:p></o:p>
    - อ้างอิงเพิ่มเติม ประสบการณ์ตรง คุณธงชัย พลอยช่าง (สกุลเดิม อิศรางกูร ณ อยุธยา) บ้านช่างหล่อ บางกอกน้อย กรุงเทพฯ <o:p></o:p>
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระสมเด็จวัดระฆัง กรุเพดานวิหารวัดระฆังโฆสิตาราม (กรุสุดท้าย) <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ในปี พ.ศ. 2515 เป็นปีที่ครบ 100 ปี ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านสิ้นชีพิตักษัย ได้มีการค้นพบพระสมเด็จบนเพดานวิหารวัดระฆัง จะด้วยเหตุใดไม่ปรากฏชัดทราบแต่เพียงว่าทางวัดไม่ได้มีการบอกกล่าวให้ประชาชนได้ทราบเลยคงรู้กันเฉพาะในหมู่พระภิกษุไม่กี่รูป ช่างที่เข้าบูรณะ และบุคคลใกล้ชิดเท่านั้น ประจวบกับในขณะนั้นทางวัดได้จัดสร้างพระสมเด็จขึ้นมาใหม่มีพิธีและงานฉลองอย่างมโหฬาร เนื่องเป็นปีที่ครบรอบท่านสิ้นครบ 100 ปี<o:p></o:p>
    พระสมเด็จที่พบนี้กล่าวว่าวางสุมกองไว้บนเพดานวิหารมิได้มีการใส่ภาชนะใดปกปิดไว้มากถึงหลายพันองค์ แต่ที่แปลกและสำคัญเป็นอย่างยิ่งก็คือพระสมเด็จที่พบนั้น ปิดทองล่องชาด ทั้งสิ้น ( พระสมเด็จที่ปิดทองล่องชาด จัดเป็นพระสมเด็จที่มีการจัดทำเป็นพิเศษมอบให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ในสมัยนั้น ) พิมพ์งามชัดเจน สมกับเป็นพระสมเด็จที่สร้างในยุคท้ายๆ ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นพิมพ์ที่ช่างหลวง ( ช่างสิบหมู่ )ได้แกะถวาย รักชาดทองยังไม่หลุดลอก พบเพียงความแห้ง แกร่ง มีฝุ่นเกาะอยู่ทั่วไป บางองค์พบรอยทางเดินปลวก ขี้มอด เกาะติดแต่มีจำนวนไม่มากนัก ส่วนแบบพิมพ์ของพระมีมากมายนับได้เป็นร้อยกว่าพิมพ์ และมีลักษณะเป็นพิมพ์แปลกๆที่มีความหมายทางพระพุทธศาสนาหลายอย่างหลายประการ ส่วนพิมพ์พระหลักที่มีความสำคัญคือพิมพ์วัดระฆัง พิมพ์วัดบางขุนพรหม ก็พบมาก <o:p></o:p>
    จากข้อเขียนของ พ.ต.ต. จำลอง มัลลิกะนาวิน เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า พระสมเด็จเนื้อผงปิดทองล่องชาดเพดานวิหารวัดระฆังรุ่นนี้เมื่อได้นำมาลบทองและชาดออก ปรากฏว่าลบยากเพราะเป็นของโบราณทำด้วยความประณีตและฝีมืออย่างแท้จริง ทองคำเปลวที่นำมาติดนั้นจะสุกอร่ามไม่หมองค้ำเลย เมื่อลบออกแล้วเนื้อในขององค์พระจะงามมาก มีแตกลายงา แต่ละพิมพ์เนื้อจะไม่ค่อยเหมือนกัน <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จากหนังสือประวัติวัดระฆังโฆสิตารามและประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้กล่าวไว้ในหน้า 140 มีข้อความดังนี้<o:p></o:p>
    กล่าวกันว่า ภายหลังเจ้าคุณสมเด็จฯ ถึงมรณภาพ พระสมเด็จที่ใส่บาตร สัต และกระบุง ตั้งไว้ที่หอสวดมนต์นั้น ได้ขนย้ายเอาไปไว้ที่ในพระวิหารวัดระฆัง (ว่าเอาไว้ที่บนเพดานวิหารก็มี) โดยมิได้มีการพิทักษ์รักษากันอย่างไร เป็นต้นว่าประตูวิหารก็ไม่ได้ใส่กุญแจ ในปีหนึ่งเป็นเทศกาลตรุษสงกรานต์มีทหารเรือหลายคนมาเล่นการพนันที่หน้าวัด เช่น หยอดหลุมทอยกองเป็นต้น จะเนื่องด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ ทหารเรือเหล่านั้นได้วิวาทชกต่อยตีรันกันเป็นกาหล ทหารเรือคนหนึ่งได้เข้าไปเอาพระสมเด็จในวิหารมาอมได้ 1 องค์ แล้วกลับมาชกต่อยตีรันประหัตประหารกันต่อไป ที่สุดปรากฏว่าทหารเรือคนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างไร แม้รอยฟกช้ำก็ไม่มี ส่วนทหารเรือคนอื่นๆต่างได้รับบาดเจ็บที่ร่างกาย มีบาดแผลมากบ้างน้อยบ้างทุกคน อีกเรื่องหนึ่งว่า คราวหนึ่งมีชายคนหนึ่งอยู่บ้านตำบลไชโย จังหวัดอ่างทอง ป่วยเป็นโรคอหิวา คืนวันหนึ่งฝันว่า เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ มาบอกว่า ยังไม่ตาย ให้ไปเอาพระสมเด็จที่บนเพดานวิหารวัดระฆังมาทำน้ำมนต์กินเถิด พวกญาติได้พยายามแจวเรือกันมาเอาพระสมเด็จไปอธิษฐานทำน้ำมนต์ให้กินก็หายจากโรคนั้น ทั้งสองเรื่องที่เล่ามานี้ ว่าเป็นมูลให้เกิดคำเล่าลือถึงอภินิหารพระสมเด็จเป็นประถม <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อ้างอิง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    - จากหนังสือประวัติวัดระฆังโฆสิตารามและประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พิมพ์โดยเสด็จพระราชกุศลเสด็จพระ<o:p></o:p>
    ราช ดำเนินพระราชทานพระกฐิน ณ วัดระฆังโฆสิตาราม เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 ได้กล่าวไว้ในหน้า 140 <o:p></o:p>
    - จากหนังสือภาพ-ประวัติ พระสมเด็จโต ศึกษา ค้นคว้า เขียนและจัดพิมพ์โดย พ.ต.ต. จำลอง มัลลิกะนาวิน 1 มีนาคม 2517<o:p></o:p>
    - จากบทความเรื่อง 100 ปี ที่สมเด็จจากไป ของ นายฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ ในหนังสือ อนุสรณ์ 100 ปี สมเด็จพระพุฒาจารย์<o:p></o:p>
    (โต พรหมรังสี) 22 มิถุนายน 2515<o:p></o:p>
    - จากเรื่องเล่าประสบการณ์ตรง พระอาจารย์จิ้ม กันภัย วัดดงมูลเหล็ก กรุงเทพฯ (ปัจจุบัน อายุ 85 ปี 65 พรรษา)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระสมเด็จยายขำ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ยายขำเดิมทีนั้นเป็นนางข้าหลวงอยู่ในวังหลัง และมีหน้าที่นำภัตราหารถวายแด่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ที่วัดระฆังเป็นประจำทุกวัน เมื่อถวายแล้วระหว่างนั่งรอนำสำรับกลับก็ช่วยบรรดาพระ เณร และลูกศิษย์ของท่านโขลกมวลสารต่างๆ ตลอดจนการพิมพ์เป็นองค์พระ ดีบ้างเสียบ้างอยู่เป็นนิจ กล่าวกันว่านางปฏิบัติเช่นนี้จนกระทั่ง ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านสิ้นชีพิตักษัย (ปี พ.ศ. 2415) และ การที่ยายขำปฏิบัติเช่นนี้อยู่นานจึงรอบรู้ส่วนผสมทุกอย่างตลอดวิธีทำพระสมเด็จ ประกอบกับยายขำมีความสนใจในพระพิมพ์ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จึงได้ขอแม่พิมพ์จากวัดระฆังประมาณ 3-4 พิมพ์ อีกทั้งมวลสารบนหิ้งบูชาบางส่วน <o:p></o:p>
    เมื่อท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านสิ้นใหม่ๆ พระสมเด็จที่ท่านได้สร้างไว้ยังไม่ค่อยมีผู้ใดสนใจ มากนัก กล่าวกันว่า ภายหลังเจ้าคุณสมเด็จฯ สิ้นชีพิตักษัย พระสมเด็จที่ใส่บาตร สัต และกระบุง ตั้งไว้ที่หอสวดมนต์นั้น ได้ขนย้ายเอาไปไว้ที่ในพระวิหารวัดระฆัง (ว่าเอาไว้ที่บนเพดานวิหารก็มี) โดยมิได้มีการพิทักษ์รักษากันอย่างไร เป็นต้นว่าประตูวิหารก็ไม่ได้ใส่กุญแจ จนกระทั่งก่อนจะมีอหิวาตกโรคระบาดใหญ่ วันหนึ่งมีคนชาวอ่างทอง ป่วยเป็นอหิวาตกโรค จะตายมิตายแหล่ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ไปเข้าฝัน บอกว่ายังไม่ถึงที่ตาย ให้รีบไปวัดระฆังไปเอาพระสมเด็จที่เก็บไว้ในวิหารน้อยเอามาอธิษฐานทำน้ำมนต์กินก็จะหาย ญาติๆจึงรีบพายเรือไปวัดระฆัง ได้พระสมเด็จที่วิหารน้อยไปทำน้ำมนต์ให้คนป่วยกินจนหายป่วย ใน ปี พ.ศ. 2416 เกิดอหิวาตกโรคระบาด(โรคห่า) มีคนตายเป็นอันมาก จากกรุงเทพฯ ไปจนถึงอยุธยา-ไชยนาท อุทัย ประชาชนมุ่งหน้าสู่วัดระฆัง เพื่อขอพระสมเด็จไปทำน้ำมนต์ให้คนป่วยกิน พระสมเด็จที่มีอยู่เริ่มหมดลง มีหลายคนเก็บไว้จำนวนมากอยู่ และได้นำมาขายในราคาองค์ละ 3 5 ตำลึง ก็มีคนหาซื้ออยู่มาก ยายขำทราบดังนั้นจึงนำแม่พิมพ์และผงวิเศษของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ทำพระสมเด็จขึ้นมาขาย เล่ากันว่ายายขำร่ำรวย กลายเป็นเศรษฐีคนหนึ่งในวังหลัง เมื่อยายขำเสียชีวิต พระที่ยายขำทำเหลืออีกหลายร้อยองค์ ลูกหลานสร้างเจดีย์องค์เล็กตั้งริมฝั่งกำแพงติดแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อบรรจุอัฐิของยาย แล้วนำพระที่ยายสร้างบรรจุไว้ เวลาผ่านไปเกือบร้อยปี ประมาณ ปี พ.ศ. 2475 น้ำเซาะตลิ่งจนเจดีย์เอียง จึงพบพระในเจดีย์มากมาย คนจึงแตกตื่นพระกรุยายขำ เนื่องเพราะพระสมเด็จนี้ พิมพ์ใช่ เนื้อใช่ ความเก่าได้ และผู้คนได้หาเช่าซื้อกันในราคา 100 – 130 บาท ในปัจจุบันบางท่านเรียกว่าพระสองคลองก็มี <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    อ้างอิง จากข้อเขียนของอาจารย์ ตรียัมปวาย จากคำบอกเล่าของ คุณหลวงศรี สารบาญ และพระยารัถยานุรักษ์ เจ้ากรมสุขาภิบาล <o:p></o:p>
    จากข้อเขียนของอาจารย์ ประถม อาจสาคร ในวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จ <o:p></o:p>
    จากประสบการณ์ของพระอาจารย์ จิ้ม กันภัย วัดดงมูลเหล็ก กรุงเทพฯ (ปัจจุบันอายุ 84 ปี 64 พรรษา) ฟังเรื่องเล่าจากคุณปู่ดำ กันภัย (เกิด พ.ศ. 2414 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2500 ปี อายุ 86 ปี) บ้านช่างหล่อ บางกอกน้อย กรุงเทพฯ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    *** จากข้อเขียนของอาจารย์ ประถม อาจสาคร ในวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จ... และจากประสบการณ์ของอาจารย์ จิ้ม กันภัย วัดดงมูลเหล็ก กรุงเทพฯ ฟังเรื่องเล่าจากคุณปู่ดำ กันภัย มีข้อมูลที่คล้ายคลึงกันหลายประการ เป็นต้นว่า การทำพระของยายขำนั้นพิมพ์ใช่ เนื้อใช่ แต่พระไม่แห้ง และต่อมาเมื่อถูกต่อว่าจากผู้ใหญ่หลายๆท่านได้มีการนำพระที่ทำได้ให้พระผู้ใหญ่ในหลายวัดในฝั่งธนบุรี ปลุกเสกให้โดยทำพิธีในพระอุโบสถ์หลังจากทำวัดเช้า โดยเฉพาะพระอาจารย์ทับ <o:p></o:p>
    แห่งวัดสุวรรณาราม เป็นต้น และกล่าวกันว่าเป็นพระที่มี อิทธิคุณ ทางด้านอยู่ยงคงกระพัน (มหาอุด) ***
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รายการสินค้า

    <!-- Modules Content Product --><!--beau innnnnnnnnnnnnnnnn--><!-- Code Html --><TABLE style="PADDING-BOTTOM: 25px" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><!-- End Code Html --><!-- Code Html --><TBODY><TR vAlign=top><TD style="PADDING-RIGHT: 15px"><!-- Picture --><TABLE class=ProductPictureBorder height=80 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=80 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End Picture --></TD><TD>พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000001
    ราคา 500,000.00 บาท
    รายละเอียด: 1. พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่
    คุณลักษณะ พิมพ์ใหญ่ เนื้อหนึกนุ่มค่อนข้างขาว ลงรักสมุกสีดำ ปิดทองทับ รักทองลอกตามกาลเวลา เนื้อพระแตกลายงาเฉพาะด้านหน้า ด้านหลังเรียบแบบธรรมชาติ มีร่องลึกเล็กๆบางจุด พบรอยที่เรียกว่าปูไต่ หนอนด้น เป็นบางส่วน ขนาดกว้างที่ฐาน 2.2 ซ.ม. สูง 3.6 ซ.ม. (ประมาณ)
    คุณไพรพนา 085-806-9964 E-mail : the_boy_click5@hotmail.com
    http://www.tarad.com/superland

    [​IMG]

    </TD></TR><!-- End Code Html --><!-- Code Html --><TR vAlign=top><TD style="PADDING-RIGHT: 15px"><!-- Picture --><TABLE class=ProductPictureBorder height=80 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=80 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End Picture --></TD><TD>พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ฐานคู่ [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000002
    ราคา 400,000.00 บาท
    รายละเอียด: พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ฐานคู่
    คุณลักษณะ พิมพ์ฐานคู่ เนื้อหนึกนุ่มสีขาวอมเหลือง เนื้อจัดมาก แตกลายงาหยาบๆด้านหน้า พระไม่ได้ใช้ถูกเก็บรักษาไว้ ด้านหลังเรียบแบบธรรมชาติ ปรากฏมวลสาร มีร่องลึกเล็กๆบางจุด เกาะ แก่ง พบรอยที่เรียกว่าปูไต่ หนอนด้น เป็นบางส่วน สวยงามมาก ขนาดกว้างที่ฐาน 2.1 ซ.ม. สูง 3.3 ซ.ม. (ประมาณ)
    คุณไพรพนา 085-806-9964 E-mail : the_boy_click5@hotmail.com
    http://www.tarad.com/superland

    [​IMG]

    </TD></TR><!-- End Code Html --><!-- Code Html --><TR vAlign=top><TD style="PADDING-RIGHT: 15px"><!-- Picture --><TABLE class=ProductPictureBorder height=80 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=80 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End Picture --></TD><TD>พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมพิมพ์ใหญ่ [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000003
    ราคา 300,000.00 บาท
    รายละเอียด: พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมพิมพ์ใหญ่
    คุณลักษณะ พิมพ์ใหญ่ เนื้อ ขาวอมน้ำตาล ปรากฏคราบกรุไขขาวทั่วองค์ ด้านหลังเรียบแบบธรรมชาติขนาดกว้างที่ฐาน 2.3 ซ.ม. สูง 3.5 ซ.ม. (ประมาณ)
    คุณไพรพนา 085-806-9964 E-mail : the_boy_click5@hotmail.com
    http://www.tarad.com/superland

    [​IMG]

    </TD></TR><!-- End Code Html --><!-- Code Html --><TR vAlign=top><TD style="PADDING-RIGHT: 15px"><!-- Picture --><TABLE class=ProductPictureBorder height=80 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=80 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End Picture --></TD><TD>พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมพิมพ์ทรงเจดีย์ (เล็ก) [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000004
    ราคา 300,000.00 บาท
    รายละเอียด: พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมพิมพ์ทรงเจดีย์ (เล็ก)
    คุณลักษณะ พิมพ์ฐานคู่เนื้อขาว ด้านหน้า-หลังปรากฏคราบกรุแบบคราบกระเบนบางๆทั่วองค์ พระไม่ผ่านการใช้ถูกเก็บรักษาไว้ สวยมาก ขนาดกว้างที่ฐาน 2.2 ซ.ม. สูง 3.4 ซ.ม. (ประมาณ)
    คุณกวินทร์ 085-806-9964 E-mail : the_boy_click5@hotmail.com

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE style="PADDING-BOTTOM: 25px" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD></TD></TR><!-- End Code Html --><!-- Code Html --><TR vAlign=top><TD style="PADDING-RIGHT: 15px"><!-- Picture --><TABLE class=ProductPictureBorder height=80 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=80 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End Picture --></TD><TD>พระสมเด็จตะกั่วห่อชาวัดลครทำ พิมพ์ใหญ่ [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000005
    ราคา 20,000.00 บาท
    รายละเอียด: พระสมเด็จตะกั่วห่อชาวัดลครทำ เป็นพระสมเด็จเนื้อโลหะ หลังแบบทุกองค์ มีความหนาประมาณ 0.6 มิลลิเมตร อ่อนนิ่ม ผิวพระแห้ง ปรากฏสนิมแดง คราบไขขาว คราบปูน สึกกร่อนตามอายุ บางองค์ด้านหลังมีจารพระคาถาไว้ด้วย(แต่พบเป็นส่วนน้อยมาก) มีด้วยกันหลายพิมพ์ ได้แก่ พิมพ์ทรงพิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงฐานเส้นด้าย พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ทรงสังฆาฏิ พิมพ์ทรงฐานแซม พิมพ์ทรงประมูล พิมพ์ทรงหน้าหมอน หรืออาจกล่าวได้ว่าพระสมเด็จเนื้อผงของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) มีพิมพ์อย่างไร พระสมเด็จตะกั่วห่อชาก็จะมีอย่างนั้น
    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: http://พลังจิต
    [​IMG]


    </TD></TR><!-- End Code Html --><!-- Code Html --><TR vAlign=top><TD style="PADDING-RIGHT: 15px"><!-- Picture --><TABLE class=ProductPictureBorder height=80 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=80 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End Picture --></TD><TD>พระสมเด็จตะกั่วห่อชาวัดลครทำ พิมพ์ไกเซอร์ (อกครุฑ เศียรบาตร) [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000006
    ราคา 20,000.00 บาท
    รายละเอียด: พระสมเด็จตะกั่วห่อชาวัดลครทำ เป็นพระสมเด็จเนื้อโลหะ หลังแบบทุกองค์ มีความหนาประมาณ 0.6 มิลลิเมตร อ่อนนิ่ม ผิวพระแห้ง ปรากฏสนิมแดง คราบไขขาว คราบปูน สึกกร่อนตามอายุ บางองค์ด้านหลังมีจารพระคาถาไว้ด้วย(แต่พบเป็นส่วนน้อยมาก) มีด้วยกันหลายพิมพ์ ได้แก่ พิมพ์ทรงพิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงฐานเส้นด้าย พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ทรงสังฆาฏิ พิมพ์ทรงฐานแซม พิมพ์ทรงประมูล พิมพ์ทรงหน้าหมอน หรืออาจกล่าวได้ว่าพระสมเด็จเนื้อผงของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) มีพิมพ์อย่างไร พระสมเด็จตะกั่วห่อชาก็จะมีอย่างนั้น
    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: http://พลังจิต
    [​IMG]


    </TD></TR><!-- End Code Html --><!-- Code Html --><TR vAlign=top><TD style="PADDING-RIGHT: 15px"><!-- Picture --><TABLE class=ProductPictureBorder height=80 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=80 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End Picture --></TD><TD>พระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า พิมพ์ใหญ่ (พิมพ์พระประธาน) [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000007
    ราคา 5,000.00 บาท
    รายละเอียด: พระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า พิมพ์ใหญ่ (พิมพ์พระประธาน)
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE style="PADDING-BOTTOM: 25px" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD></TD></TR><!-- End Code Html --><!-- Code Html --><TR vAlign=top><TD style="PADDING-RIGHT: 15px"><!-- Picture --><TABLE class=ProductPictureBorder height=80 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=80 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End Picture --></TD><TD>พระสมเด็จยายขำ พิมพ์ใหญ่ [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000015
    ราคา 3,000.00 บาท
    รายละเอียด: *** จากข้อเขียนของอาจารย์ ประถม อาจสาคร ในวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จ... และจากประสบการณ์ของอาจารย์ จิ้ม กันภัย วัดดงมูลเหล็ก กรุงเทพฯ ฟังเรื่องเล่าจากคุณปู่ดำ กันภัย มีข้อมูลที่คล้ายคลึงกันหลายประการ เป็นต้นว่า การทำพระของยายขำนั้นพิมพ์ใช่ เนื้อใช่ แต่พระไม่แห้ง และต่อมาเมื่อถูกต่อว่าจากผู้ใหญ่หลายๆท่านได้มีการนำพระที่ทำได้ให้พระผู้ใหญ่ในหลายวัดในฝั่งธนบุรี ปลุกเสกให้โดยทำพิธีในพระอุโบสถ์หลังจากทำวัดเช้า โดยเฉพาะพระอาจารย์ทับ แห่งวัดสุวรรณาราม เป็นต้น และกล่าวกันว่าเป็นพระที่มี อิทธิคุณ ทางด้านอยู่ยงคงกระพัน (มหาอุด) ***
    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: http://พลังจิต
    [​IMG]

    </TD></TR><!-- End Code Html --><!-- Code Html --></TBODY></TABLE><!-- End Code Html --><!-- End Modules Content Product --><!-- End Shop Product --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=788 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 40px; PADDING-LEFT: 40px; PADDING-BOTTOM: 15px; PADDING-TOP: 30px" bgColor=#ffffff><!-- Shop Payment -->วิธีการชําระเงิน

    <!-- Modules Content Payment --><!-- End Modules Content Payment -->
    <!-- Modules Content Payment --><!-- End Modules Content Payment -->
    <!-- End Shop Payment --></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=788 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 40px; PADDING-LEFT: 40px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 30px" bgColor=#ffffff height=108><!-- Shop Contactus -->ติดต่อเรา

    <!-- Modules Content Contactus --><!-- Contactus -->พระสมเด็จ
    171/7 ถ.พุทธมณฑลสาย2 ฉิมพลี ตลิ่งชัน กทม. กรุงเทพมหานคร ไทย
    โทรศัพท์: 02-8851673 แฟกซ์: 02-8851673 มือถือ: 08-58069964
    เว็บไซต์: http://www.tarad.com/superland
    อีเมล์ติดต่อกับร้านค้า

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า ในความคิดเห็นผม มีน่าจะไม่น้อยกว่าหลักแสนกลางๆ แน่นอน

    พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า ที่เป็นพระคะแนนร้อยที่อยู่กับผม(และเคยอยู่กับผม) มีไม่น้อยกว่า 2,000 องค์ และที่คุณปุ๊ ก็น่าจะไม่ต่ำกว่าเป็นพันองค์ นี่แค่ 2 คนเท่านั้น พระสมเด็จที่เป็นพระคะแนนร้อย จะเป็นพระที่มีการตัดขอบโค้งตามขอบกระจก ไม่ใช่พระสมเด็จองค์เล็กๆนะครับ

    นั่นก็หมายความว่า พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า มีการสร้างเป็นจำนวนมาก แต่การสร้างนั้น เป็นการสร้างกันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ต่อมาจนถึงรัชกาลที่ 5 ข้อมูลผมคงบอกได้เพียงเท่านี้ กลัวคนลอกไปอีกแล้วไม่ยอมบอกที่มาและที่ไป หุหุหุ




    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    ผมไม่บอกครับเรื่องของ "เคล็ดแต่ไม่ลับ" แต่"เคล็ดขัดยอก" ก็ตัวใครตัวเผือกนะคร๊าบบบบบบบ


    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    ผมไม่ยุ่งแน่นอนครับ เพราะว่าตัวใครตัวมัน ไม่ว่าจะได้แท้หรือเก๊ ทันหรือไม่ทัน เรื่องของใครเรื่องของมัน
    ถึงผู้ที่ได้ไป จะนำไปห้อยแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ก็เรื่องของเขาเอง ไม่เกี่ยวกับผม แต่เกี่ยวกับคนซื้อ-คนขายแค่นั้น

    พระพิมพ์ที่บูชากันนั้น ต้องตรวจสอบพลังอิทธิคุณก่อนนำไปห้อยเสมอ ถึงแม้ว่าเนื้อหาทรงพิมพ์ถูกต้อง แต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่า ข้างใน(หลงปู่และพลังอิทธิคุณ)จะหนีไปก่อนแล้วหรือเปล่า นั่นเป็นอีกเรื่องนึง ก็อย่างที่ผมเคยบอกไว้ในกระทู้นี้

    แต่ถ้านำบทความไปทำมาหากินและไม่แจ้งที่มาที่ไป ก็ต้องเข้าไปเตือนกัน

    โมทนาสาธุครับ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    5555ย้ำครั้งที่100พอดีครับ(smile)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อดรนทนไม่ได้ ไปเตือนอีกแล้ว

    พระสมเด็จวัดระฆังกรุเพดานวิหาร (กรุสุดท้าย)
    http://palungjit.org/showthread.php?t=119459

    พระสมเด็จของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี)ที่ท่านพุทธาภิเษก ประวัติ-ภาพ4
    http://palungjit.org/showthread.php?p=1053333#post1053333

    พระสมเด็จของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี)ที่ท่านพุทธาภิเษก ประวัติ-ภาพ5
    http://palungjit.org/showthread.php?t=119587
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การเผยแพร่ความรู้ หากเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้อง เราจะเป็นผู้ที่สร้างปัญญาบารมีให้เกิดขึ้นมา แต่หากเผยแพร่ความรู้ที่ไม่ถูกต้อง ผลกรรมที่เกิดขึ้น จักทำให้เรามีปัญญาทึบหรือด้อยปัญญาไปอีกนาน

    จึงควรระมัดระวังเป็นอย่างมาก สำหรับเรื่องที่เกิดไม่ทัน ต้องค้นคว้าหาความรู้จากผู้ที่รู้จริงๆ ผุ้ที่ปฎิบัติจริงๆ ผู้ที่ทดลองทำมาแล้ว และหนังสือที่เชื่อถือได้ ไม่ใช่เพียงแต่อ่านจากตำรา(อาจจะเป็นอาจารย์กำมะลอเขียนขึ้น ว่าพระแบบนี้ต้องพิมพ์นี้ เนื้อนี้เท่านั้น นอกนั้นตีเป็นเก๊) ขอย้ำต้องระมัดระวังกันนะครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระสมเด็จ โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านอธิษฐานจิต ไม่ว่าจะทันหรือไม่ทันหลวงปู่ท่าน

    ยังมีพระสมเด็จ ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรท่านอธิษฐานจิตเพิ่มขึ้นมาอีก นอกเหนือจากรุ่นที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีอธิษฐานจิต

    แต่

    ยังมีพระสมเด็จที่พระอภิญญาใหญ่ เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ,หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ,หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ,หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ฯลฯ อธิษฐานจิตอีก แถมด้วยยังมีพระสมเด็จบางรุ่น ที่สมเด็จพระสังฆราช(แพ) ท่านอธิษฐานจิตเพิ่มขึ้นมาอีก

    คงจะเป็นการปวดหัวอยู่ไม่น้อย และคงปวดหัวมากขึ้นอีก ถ้าจะบอกว่า มีพระสมเด็จบางรุ่นที่เป็นพิเศษ ก็คือเนื้อพระสมเด็จจะเป็นเนื้อที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านลบผงไว้ แต่หลังจากที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านทิวงคตแล้ว ก็ได้นำผงนั้นมาสร้างเป็นพระสมเด็จ โดยเข้าพิธีพุทธาภิเษกหลวง มีพระอภิญญาใหญ่(ดังกล่าวข้างต้น) มาเป็นองค์อธิษฐานจิตให้

    ขอแถมอีกนิด ยังมีพระผงสุพรรณ ที่สร้างขึ้นก่อน ปีพ.ศ.2415 ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านอธิษฐานจิตให้อีก นี่เป็นเรื่องที่ยิ่งปวดหัวเข้าไปหนักขึ้น (ถ้าไม่ลืม ผมจะนำไปให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านได้ชมกันในวันที่นัดพบร่วมทำบุญและพบปะสังสรรค์ประจำเดือนครับ)

    เรื่องต่างๆเหล่านี้ ไม่มีอยู่ในตำราไหนเลย แต่เรื่องเหล่านี้ผมเองจะพยายามเขียนลงในหนังสือที่ผมจะเขียนขึ้น ผมจะเขียนในลักษณะที่เป็นตำราหรือวิทยานิพนธ์ แต่คงจะไม่ได้นำออกมาขายแน่นอน เรื่องนี้ไม่ชอบ ทำไม่เป็น แต่จะเขียนเพื่อที่จะเป็นแนวทางให้กับเพื่อนๆในกลุ่มไว้ศึกษากัน และอาจจะนำลงเว็บไซด์ที่พี่ท่านนึง จะเปิดขึ้นเพื่อที่จะให้ชมพระพุทธรูปและพระพิมพ์ต่างๆ ในแต่ละยุคแต่ละสมัย ซึ่งมีตั้งแต่สมัยทวาราวดี จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์

    มาบอกเล่าให้ฟังกันเรื่องของพระสมเด็จ ที่มีความน่าอัศจรรย์ในองค์ความรู้ของบรรพบุรุธของคนไทยเราครับ

    หลับฝันดีนะครับทุกๆท่าน เจอกันอีกครั้งวันจันทร์ เครื่องคอมฯผมยังเสียอยู่ ยังไม่ได้ซ่อมครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เรียน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน

    ผมมาแจ้งข่าวเพิ่มเติมเรื่องของการไปร่วมทำบุญและพบปะสังสรรค์กันในครั้งหน้า ผมได้รับข่าวดีมาก เนื่องจากพระอาจารย์รูปหนึ่งที่ผมได้ติดต่อนิมนต์มาร่วมในงาน ทางพี่ท่านนึงแจ้งข่าวมาว่า พระอาจารย์จะลงมา เพื่อแจ้งข่าวงานบุญสร้างศาลาปฎิบัติธรรมที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งยังขาดงบประมาณในการก่อสร้าง ประมาณหนึ่งแสนกว่าบาท

    ดังนั้น ผมจึงมาเรียนพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน ว่า ผมจะนำล็อคเก็ตหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ด้านหลังเป็นหลวงพ่อเงิน 1 องค์ ไปมอบให้กับผู้ร่วมทำบุญ 7,777 บาท ,ล็อคเก็ตหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ด้านหลังเป็นหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก 1องค์ มอบให้กับผู้ร่วมทำบุญ 6,666 บาท ,พระสมเด็จ(เนื้อปูนเพชรผสมพระธาตุ) มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 4,444 บาท ,สมเด็จกลักไม้ขีด มอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญ 5,000 บาท และพระสมเด็จอกครุฑ(รุ่น2) มอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญ 2,000 บาท ,พระสมเด็จ(ที่สร้างก่อนปี พ.ศ.2415 และทันสมเด็จพระพุฒจารย์โต พรหมรังสี ซึ่งแต่เดิมผมจะแจกฟรี) มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 300 บาท อีกทั้งยังมีตะกรุดซึ่งพระอภิญญาใหญ่ท่านอธิษฐานจิต(เช่นหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ,หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าฯลฯ) แจกฟรี ซึ่งหลังจากงานในวันนั้น ผมจะเก็บแล้ว และคงไม่นำออกมาแล้วจนกว่าจะถึงวาระและเหตุอันควร

    และขอเรียนเชิญพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านไปร่วมงานบุญนี้กัน ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดนะครับ

    ส่วนท่านใดจะมาและมากันกี่ท่าน โปรดแจ้งผมก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2551 นี้นะครับ ผมจะได้เตรียมเรื่องอาหารให้เพียงพอกับจำนวนท่านที่จะไปร่วมงานกัน

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt2>[​IMG]
    595.3 KB, ดาวน์โหลด 18 ครั้ง



    </TD><TD class=alt1>ชื่อกระทู้: ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
    ส่งข้อความ: &laquo;ไม่มีข้อมูล&raquo;




    </TD><TD class=alt2>14-03-2007 08:34 AM



    </TD><TD class=alt1 style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" align=middle><INPUT type=checkbox value=yes name=deletebox[292170]></TD></TR><TR><TD class=alt2>[​IMG]
    65.6 KB, ดาวน์โหลด 14 ครั้ง



    </TD><TD class=alt1>ชื่อกระทู้: ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
    ส่งข้อความ: &laquo;ไม่มีข้อมูล&raquo;




    </TD><TD class=alt2>14-03-2007 08:34 AM



    </TD><TD class=alt1 style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" align=middle><INPUT type=checkbox value=yes name=deletebox[292169]></TD></TR><TR><TD class=alt2>[​IMG]
    [​IMG] DSC_0115 8 x 12 ss.jpg
    48.0 KB, ดาวน์โหลด 130 ครั้ง



    </TD><TD class=alt1>ชื่อกระทู้: ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
    ส่งข้อความ: &laquo;ไม่มีข้อมูล&raquo;




    </TD><TD class=alt2>14-03-2007 08:34 AM



    </TD><TD class=alt1 style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" align=middle><INPUT type=checkbox value=yes name=deletebox[292168]></TD></TR></TBODY></TABLE>
    โมทนาสาธุครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สำหรับท่านที่แจ้งเข้ามาแล้วที่จะไปร่วมงานบุญและพบปะสังสรรค์กัน
    1.คุณตั้งจิต 4 ท่าน
    2.คุณพุทธันดร 2 ท่าน
    3.พี่ตุ่น 1 ท่าน
    4.คุณปุ๊ 1 ท่าน
    5.น้องเอ 1 ท่าน
    6.จาน chaipat 2 ท่าน
    7.เพื่อนผม(รัช) 1 ท่าน
    8.คุณkaicp 2 ท่าน
    9.คณะพี่แอ๊ว 3 ท่าน
    10.คุณnongnooo 2 ท่าน
    11.คุณtawatd 1 ท่าน
    12.คุณkwok 1 ท่าน
    13.คุณkhongbeng 1 ท่าน
    รวม 22 ท่าน

    ส่วนท่านอื่นๆที่ประสงค์จะไปร่วมงานบุญและพบปะสังสรรค์กัน ผมรบกวนแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ (โพสลงบอร์ดก็ได้หรือโทร.หาผมก็ได้ครับ)

    เรื่องของอาหารที่จะถวายพระภิกษุ 2 รูป และอาหารที่จะเลี้ยงผู้ที่ไปร่วมงาน ผมจะขอให้ทุกๆท่านที่ไปร่วมงาน ช่วยกันเฉลี่ยค่าใช้จ่ายนะครับ ผมไม่อยากจะรบกวน 2 -3 ท่านที่นำอาหารมาให้เราทานกันทุกๆครั้ง

    ขอขอบคุณและโมทนาสาธุครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...