พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?t=22445&page=653

    http://search.sanook.com/knowledge/a...php?q_id=24245

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=images/bg_hd01.gif bgColor=#f7fafe height=30><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=fontbold height=28>คำถาม? : ส.ค.ส. พระราชทาน </TD><TD class=fontbold2 vAlign=center align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/m05.gif></TD></TR><TR><TD width=5 background=images/m04.gif>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f7fafe><TABLE class=fontblacksm cellSpacing=8 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>ส.ค.ส. พระราชทาน
    หมวด : ข้อมูล และความรู้
    สร้างเมื่อ 26-12-2007 โดย DoubtFul</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=fontblacksm cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD>รายละเอียดคำถาม

    ผมอยากทราบว่า ส.ค.ส. พระราชทาน ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ชาวไทยทุกปีนั้น มีประวัติความเป็นมาอย่างไร และพระราชทานมาตั้งแต่ปี พ.ศ.ใด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=images/bg_hd01.gif height=27><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=fontbold>คำตอบ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/m05.gif></TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD background=images/m07.gif>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD background=images/m02.gif>[​IMG]</TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=5 background=images/m04.gif>[​IMG]</TD><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=fontblacksm cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD>โดย :IdealistCity

    สร้างเมื่อ 26-12-2007
    ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้กล่าวถึง กำเนิด ส.ค.ส. พระราชทานฉบับแรก พร้อมบอกเล่าถึง รูปแบบ ความหมาย คุณค่าที่สอดแทรกอยู่ใน ส.ค.ส. พระราชทานแต่ละปีว่า
    ส.ค.ส. พระราชทานแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2529 ซึ่งเป็น ส.ค.ส. พระราชทานสำหรับปี 2530 โดยมีเนื้อความว่า… ถึงเจ้าหน้าที่ และสมาชิกผู้เกี่ยวข้อง กส.9 ขอขอบใจทุกคน และถือโอกาสอวยพร ปีใหม่ ด้วยถ้อยคำต่าง ๆ ให้พิจารณา ดังต่อไปนี้
    เห็นตรง พูดไพเราะ จิตมั่นคง
    หมั่นเพียร งามสุจริต คิดดี
    แจ้งสว่าง สวยงาม สงบร่มเย็น
    เป็นทางขจัดทุกข์โศก บรรลุความสุกความเจริญ
    กส.๙ ปรุง. ๓๑๑๔๓๐ ธ.ค. ๒๕๒๙

    ถ้อยคำที่ปรากฏอยู่ใน ส.ค.ส. ฉบับแรกนี้มีใจความสั้น บริเวณรอบ ๆ ส.ค.ส. ไม่มี การตกแต่งลวดลายใด ๆ โดยแรกเริ่ม ส.ค.ส. พระราชทานฉบับนี้ ได้พระราชทานให้แก่เฉพาะหน่วยงาน เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องที่ทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท โดยทรง Print ออกจากคอมพิวเตอร์ และแฟกซ์พระราชทานไปยังหน่วยงานต่าง ๆ โดยทั่วถึงกัน
    นับแต่นั้นมาพระองค์ก็ได้พระราชทานเรื่อยมาโดยทุกข้อความและถ้อยคำที่ปรากฏอยู่ใน ส.ค.ส. พระราชทานแต่ละปี จะประมวลขึ้นจากสภาพเหตุการณ์บ้านเมือง โดยมุมหนึ่งได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ที่ประเทศชาติต้องประสบในรอบระยะ 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถึงแม้ว่าคำอวยพรดังกล่าวจะเป็นเพียงถ้อยคำสั้น ๆ แต่ก็มากด้วยคุณค่า ความหมายและคติเตือนใจที่มุ่งเน้นในการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนชาวไทยมีขวัญ กำลังใจ ต่อสู้ และฝ่าฟันอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าอย่างไม่ ย่อท้อ
    สำหรับรูปแบบของ ส.ค.ส. พระราชทาน นับจากปีแรกซึ่งยังไม่มีการตกแต่งลวดลาย ใด ๆ เรื่อยมาจนถึงช่วงระหว่างปี 2532-2537 ได้เริ่มมีการประดับประดาเป็นรูปทรง ส.ค.ส. มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลวดลายเส้นตรง เส้นเฉียง รูปดาวต่าง ๆ เก๋ไก๋ จนกระทั่งปี 2538 เป็นต้นมา ลวดลายที่ปรากฏจะยากขึ้นตามลำดับ มีภาพเครื่องดนตรีหลากชนิด ภาพหัวใจ ภาพประกอบในพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นจากฝีพระหัตถ์แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งสิ้น
    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ส.ค.ส. พระราชทาน และ ภาพ ส.ค.ส. พระราชทาน ในปีต่างๆ
    http://search.sanook.com/knowledge/p...?page_id=11141


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=fontblacksm cellSpacing=8 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>http://search.sanook.com/knowledge/p...?page_id=11141

    ส.ค.ส. พระราชทาน [ แก้ไข ][ เก็บไว้เป็นเรื่องที่ติดตาม ]

    สร้างเมือ 13-12-2007 โดย IdealistCity

    </TD><TD align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=fontblackmini>ส.ค.ส. พระราชทาน ปี 2550</TD></TR></TBODY></TABLE>



    </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#f7fafe><TABLE class=fontblacksm cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD>อีกไม่นาน นาทีแห่งการเฉลิมฉลองความสุขเพื่อต้อนรับวันเวลาแห่งศักราชใหม่จะ เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางความชื่นชมยินดีของผู้คนทุกเชื้อชาติและภาษาในทั่วทุกมุมโลก
    เสียงสะท้อนอันแสดงให้เห็นถึงความสุขดังกล่าว ไม่เพียงแต่จะปรากฎออกมาใน รูปแบบของการมอบของขวัญล้ำค่าให้แก่บุคคลอันเป็นที่รัก การนัดหมายคนรู้ใจมาร่วมดื่มฉลองใน งานเลี้ยงสังสรรค์ หรือการเดินทางไปเยี่ยมเยือนญาติสนิทมิตรสหายที่อยู่ห่างไกล อันล้วนแล้วแต่เป็น กิจกรรมที่นำมาซึ่งความสุขของทุกคนเท่านั้น…..
    แต่ยังหมายรวมถึงความตื่นเต้นดีใจกับการที่เราจะได้ก้าวไปสู่ช่วงเวลาแห่งปีใหม่ ได้พบกับสิ่งใหม่ ๆ ที่คาดหวังไว้ว่าจะต้องดียิ่งขึ้นกว่าปีเก่าอีกด้วย พรปีใหม่ที่ได้รับจากบุคคลหลายคน ที่เรารู้จักนับถือทุก ๆ ปี นับเป็นสิ่งล้ำค่าที่มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาติใดภาษาใดล้วนปรารถนาจะได้รับ เพราะนั่นหมายถึง การนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและผู้ใกล้ชิดตลอดไปทั้งปีนี้และภายภาคหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนไทยแล้ว
    พรสูงสุดเนื่องในโอกาสปีใหม่คงไม่มีถ้อยคำใดจะยิ่งใหญ่ และ นำความปลาบปลื้มยินดีมาสู่ชีวิตและจิตใจได้เท่า "พรพระราชทานปีใหม่แห่งองค์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว" ทุก ๆ ปี นอกจากกระแสพระราชดำรัสอวยพรปีใหม่ที่พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย ผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงในช่วงเวลาเที่ยงคืนตรงของวันที่ 31 ธันวาคม จะนำมาซึ่งความปีติยินดีเป็นล้นพ้นแก่พสกนิกรชาวไทยทุกผู้ทุกนามแล้ว บัตรส่งความสุข หรือ ส.ค.ส. ที่ทรงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนพระองค์ประดิษฐ์ขึ้น และพระราชทานแก่ชาวไทยในคราเดียวกัน ก็นับเป็นสิ่งสูงค่า ที่ยังความซาบซึ้งใจมาสู่ปวงชนชาวไทยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD>[​IMG]</TD><TD></TD><TD width="100%">palungjit.org > พุทธศาสนา > บทสวดมนต์ - พระคาถา > รวมบทสวดมนต์และคาถา </TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG] บทสวด อาฏานาฏิยะปะริตตัง </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://palungjit.org/showthread.php?p=163548

    ขอเชิญฟังพระสวดบทอาฏานาฏิยะปะริตตัง กันครับ
    <!-- currently active users -->
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. กุ้งมังกอน

    กุ้งมังกอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +1,181
    สวาท ดีปีใหม่ขอให้มีความสุขตลอดปี 2551กันทุกคนนะครับ และขอให้เริ่มรวยกันทุกคนตั่งแต่วันนี้เป็นไป จงมีสุขภาพที่แข็งแรง สาธุ สาธุ สาธุ สัมปะติฉามิ เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สแปม! มือถือมหันตภัยฮัลโหลปี 2008
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=150193&NewsType=1&Template=1

    [​IMG]
    วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เวลา 08:42 น.

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top>จำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้นกว่าปีละ 50% จนวันนี้ตัวเลขทะลุ 47 ล้านราย เป็นเหมือนอาหารจานโตที่ดึงดูดให้นักสร้างสแปม หรือ สแปม เมอร์ ลิ้มลอง

    สแปม (Spam) ตามพระราชบัญญัติว่าการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 11 ระบุ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของคนอื่นโดยปกติสุขต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
    หากพูดภาษาชาวบ้าน ต้องบอกว่า สแปม คือ ข้อความขยะ ที่สร้างความรำคาญใจให้ผู้รับ เพราะเป็นข้อความที่ผู้รับไม่ต้องการ หากข้อความใดที่ผู้รับอ่านแล้วพึงพอใจและยินยอมที่จะรับไม่ถือว่าเป็นสแปม

    สแปมเกิดราว 10 ปีที่แล้ว จากแนวคิดของนักการตลาดที่ต้องการใช้การส่งอีเมลผ่านอินเทอร์เน็ตโดยมีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการรับข้อมูล เป็นช่องทางเผยแพร่ข่าวสารเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้า เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายน้อยและส่งได้คราวละมาก ๆ

    จากวันนั้นถึงวันนี้ สแปมยังได้รับความนิยมสูง ส่งผลให้สถานการณ์ของสแปมในคอมพิวเตอร์ปี ค.ศ. 2007 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีปริมาณ 3 ใน 4 ของจำนวนอีเมลทั้งหมด

    และจากการสำรวจของบริษัท ไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พบว่ามีสแปมเมล์ 64% ของอีเมลที่รับ-ส่งทั้งหมด โดยผลสำรวจประจำเดือน พ.ย. 2550 ซึ่งครอบคลุมสถานการณ์เดือน ต.ค. 2550 พบว่ามี อีเมลขยะเพิ่มขึ้นคิดเป็น 75%

    แบ่งเป็นสแปมเมล์ที่มีเนื้อหาล่อลวง (scams) หรือปลอมแปลงทำให้ผู้รับเข้าใจผิดเพื่อเอาข้อมูล (Fraud) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นรวมเป็น 19% จาก 18% ใน ต.ค. และ 13% ในเดือน ก.ย., สแปมเมล์เกี่ยวกับการขายสินค้า 27%, เกี่ยวกับการเงิน 15%, เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ 9% และเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยว 6% เป็นต้น

    นายนพชัย ตั้งไตรธรรม ที่ปรึกษาทางเทคนิค บริษัท ไซแมนเทค กล่าวว่า เนื้อหาของสแปมเมล์ที่ล่อลวงในปัจจุบันจะสอดคล้องกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เช่น การรณรงค์เรื่องภาวะโลกร้อน และการเริ่มต้นของโอลิมปิก 2008 ซึ่งเป็นการพัฒนาความน่าสนใจของอีเมลขยะ โดยแหล่งกำเนิดของอีเมลขยะเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากอเมริกาเหนือและยุโรป เพราะมีจำนวนผู้ใช้คอมพิวเตอร์มาก ส่วนอีเมล ขยะที่เกิดขึ้นจากประเทศในแถบเอเชียมีเพียง 10%

    รูปแบบของสแปมเมล์ในปี 2007 พบว่า สแปมรูปภาพ (Image Spam) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีแนวโน้มการแพร่กระจายที่ลดลงเรื่อย ๆ เช่นกัน โดยสแปมที่แนบไฟล์ พีดีเอฟ และ ซิป หรือ Attachment Spam (PDF, zip ฯลฯ) เกิดขึ้นและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีสัดส่วนลดลงอย่างรวดเร็วด้วย และปี 2007 ก็เป็นปีแรกที่มีการนำข้อมูลเสียงเอ็มพี3 และวิดีโอมาใช้ในการส่งสแปม

    ส่วนพัฒนาการของสแปมเมล์ล่าสุด จะมาในรูปแบบอีเมล เปล่า ๆ โดยใช้การคาดเดาชื่ออีเมลเพื่อส่งพร้อมแฝงมัลแวร์มาด้วย เมื่อเจ้าของอีเมลเผลอเปิด มัลแวร์จะฝังตัวในเซิร์ฟเวอร์ทันที และใช้เซิร์ฟเวอร์ของคุณเป็นศูนย์กลางสำหรับส่งสแปมเมล์

    วกกลับมาเรื่องสแปมในโทรศัพท์มือถือ ตัวป่วนที่ไม่ เลือกว่าโทรศัพท์มือถือของคุณจะมีราคาแพงลิบฟังก์ชันเพียบ หรือ โทรศัพท์มือถือราคาถูกที่มีเพียงฟังก์ชันสำหรับโทรฯออก-รับสาย และส่งเอสเอ็มเอส

    “แนวคิดการเกิดสแปมในโทรศัพท์มือถือเหมือนการเกิดสแปมเมล์ในโลกของอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้เป็นช่องทางในการทำตลาดและเผยแพร่ข้อมูล ผ่านทางเอสเอ็มเอส, เอ็มเอ็มเอส, แวปพุชเมล์, คอลเซ็นเตอร์ และการโทรฯหาโดยตรง โดยข้อความที่ได้รับจะถือว่าเป็นข้อความขยะหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเนื้อหาที่ส่งมาผู้รับยินยอม รับหรือไม่ หากเป็นข้อมูลที่สนใจก็ไม่ถือ ว่าเป็นข้อความขยะ” นายนพชัย กล่าว

    ขณะที่กำลังอ่านสกู๊ปเรื่องนี้หลายคนคงกำลังได้เอสเอ็มเอสให้ร่วมเล่นเกมเพื่อลุ้นโทรศัพท์มือถือ หรือเชิญชวนให้โหลดริงโทน เพื่อลุ้นรับค่าบริการฟรี หากอ่านแล้วพอใจข้อความนี้ไม่ถือว่าเป็นสแปม

    จุดเด่นของสแปมบนโทรศัพท์มือถือที่หมดสิทธิเถียง คือ ผู้รับข้อความต้องอ่านก่อนลบทุกครั้ง (หรือคุณจะเถียง) เพราะฟังก์ชันการใช้งานบังคับให้ต้องเปิดอ่านก่อนลบทิ้ง ต่างจากสแปมในโลกอินเทอร์เน็ตที่สามารถลบทิ้งได้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดอ่าน

    ดังนั้น ความน่าสนใจของการทำสแปมบนโทรศัพท์มือถือจึงเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น

    นายนพชัย กล่าวว่า ในต่างประเทศสแปมสร้างความรำคาญให้กับผู้บริโภคและเข้าข่ายล่อลวงให้เสียเงิน เช่น ประเทศอังกฤษ เมื่อ 2 ปีที่แล้วมีการฟ้องร้องผู้ที่ส่งสแปมเชิญชวนโหลดริงโทน ซึ่งเมื่อหลงกดโหลดเพลง เจ้าของเครื่องโทรศัพท์ มือถือจะเสียเงินในทุกขั้นตอนที่กดโดยไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับสิงคโปร์ก็เคยเกิดกรณีดังกล่าว แต่สถานการณ์สแปมบนโทรศัพท์มือถือของไทยยังไม่รุนแรง เพราะยังอยู่ในภาวะที่ผู้บริโภคยอมรับได้ เพียงแต่จะเป็นตัวป่วนที่สร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้ที่ไม่ยินยอมรับข้อความ

    ส่วนพัฒนาการก้าวต่อไปของสแปมบนโทรศัพท์มือถือ นายนพชัย กล่าวว่า เป็นไปได้ที่จะพัฒนาสู่สแปมที่แฝงมัลแวร์ หรือการฝังตัวเองไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของโทรศัพท์มือถือ มุ่งเจาะกลุ่มโทรศัพท์มือถือที่มีฟังก์ชันเพียบพร้อม (โทร ศัพท์มือถือราคาแพง) รองรับการใช้งานบลูทูธเพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยจะแพร่กระจายผ่านบลูทูธ และพัฒนาให้สามารถแพร่กระจายได้ทั้งโทรศัพท์มือถือที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการไมโครซอฟต์วินโดว์ส และซิมเบี้ยน

    ใช้วิธีป่วนเช่นเดียวกับสแปมในโลกอินเทอร์เน็ต ที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ของคอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลางในการส่งข้อมูลไปยังอีเมลอื่น ๆ ซึ่งมัลแวร์ในโทรศัพท์มือถือก็จะ ใช้โทรศัพท์มือถือของคุณทำหน้าที่ส่งข้อความขยะไปยังโทรศัพท์มือถือเครื่องอื่น ๆ เช่นกัน

    ผลเสียที่จะตามมา คือ โทรศัพท์มือถือของคุณ แบตเตอรี่หมดเร็ว, ต้องจ่ายเงินค่าบริการบูลทูธโดยไม่เกิดประโยชน์ และข้อมูลในเครื่องอาจโดนเหล่าสแปมเมอร์ ขโมยไป

    ...หมายเลขบัญชีเงินฝาก, รหัสบัตรเอทีเอ็ม และรหัสบัตรเครดิต คงไม่เป็นความลับอีกต่อไป

    อ่านถึงตรงนี้แล้ว อย่าเพิ่งกังวลใจ เพราะมีวิธีป้องกันอย่างง่าย ๆ มาบอก ...ทุกครั้งที่ได้รับข้อความสแปมให้อ่านอย่างมีสติ อย่าหลงเชื่อ เพราะถ้าหลงเชื่อและกดดาวน์โหลดหรือกรอกข้อมูลเพื่อเล่นเกม ข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของคุณอาจถูกขโมยทันที

    เทคโนโลยีที่มาพร้อมความสะดวกสบาย ก็ต้องมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ ทางที่ดีต้องรู้จักใช้อย่างมีสติ.
    น้ำเพชร จันทา
    namphetc@dailynews.co.th
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    7 มงคลพระวิปัสสนา กองทัพธรรมกรรมฐาน
    http://matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXpNREF4TURFMU1RPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd09DMHdNUzB3TVE9PQ==

    วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6242 ข่าวสดรายวัน

    [​IMG]

    1.พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล วัดดอนธาตุ จ.อุบลราชธานี

    [​IMG]


    2. หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดศรีอุบลรัตนาราม จ.อุบลราชธานี

    3. หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม จ.นครพนม

    4. หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย

    5. หลวงปู่รอด นันตโร วัดทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี

    6. หลวงปู่ขาว อนาลโย จ.อุดรธานี

    7.พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ



    ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ข่าวสด ขอนำภาพเก่าของพระปรมาจารย์สายกรรมฐาน กองทัพธรรมสายวิปัสสนา พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมากด้วยเมตตา มาให้ได้สัมผัสและเก็บสะสม เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่แฟนานุแฟน

    ทั้งหมด 7 รูปด้วยกัน เริ่มจากพระอาจารย์ใหญ่สายนี้

    พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล วัดดอนธาตุ จ.อุบลราชธานี

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดศรีอุบลรัตนาราม จ.อุบลราชธานี

    หลวงปู่รอด นันตโร วัดทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี

    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย

    หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม จ.นครพนม

    หลวงปู่ขาว อนาลโย จ.อุดรธานี

    และพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ฟอร์ติเน็ตทำนายไวรัสปี 2008
    วันอังคารที่ 1 เดือนมกราคม พศ. 2551
    (วันที่ 29 ธันวาคม 2550 เวลา 10:01:30 น.)

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=15128&catid=14

    ดูเหมือนว่าจะไม่มีวิธีการใหม่ๆ เกิดขึ้นมากนักสำหรับพวกหัวขโมยไซเบอร์ แม้ว่าโดยภาพรวมของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ที่ผ่านมา เราจะเห็นการสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลไปกับวิถีทางของการหาประโยชน์จากอินเตอร์เน็ต ด้วยการหารายได้แทบจะทั้งหมดจากวิธีการโจมตีที่ได้พัฒนาขึ้นและจำนวนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แต่ไม่ควรจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกต่อไปเพราะองค์กรต่างๆ เริ่มตื่นตัวและมีความต้องการอย่างที่สุดสำหรับการปกป้องตัวเองจากอะไรก็ตามแต่ที่แอบรอซุ่มและเตรียมพร้อมโจมตีด้วยความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น

    เมื่อครั้งที่ริชาร์ด สตีนนอน ห้วหน้าฝ่ายการตลาดของฟอร์ติเน็ตและผู้ดูแลด้านความปลอดภัยได้ออกมาเปิดเผยถึง 10 อันดับภัยร้ายประจำปี 2007 เราจะพบว่าหลายๆ เหตุการณ์เป็นไปตามนั้น เช่น -ปริมาณรายได้ที่เพิ่มขึ้นของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (แค่ TJX เพียงอย่างเดียวสามารถแฮกเงินไปจากบัญชีเครดิตการ์ดได้ถึง 90 ล้านเหรียฐสหรัฐและมากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐที่เป็นหนี้ด้วยความจำยอมโดยไม่รู้ตัว), -การโจมตีไปยัง DNS ต่อเนื่องตลอดทั้งปี , ไม่สามารถระบุตัวอาชญากรได้ , ความนิยมในวินโดวส์ วิสต้า ที่นำไปสู่เหตุการณ์ ซีโร่ อิมแพค (วิสต้าไม่ได้เป็นเพียงแค่ช่วงแวลาแห่งการรอเพื่อบุกโจมตีของอาชญากรรมไซเบอร์, มัลแวร์แบบใหม่ๆ หรือธุรกิจการจารกรรมเท่านั้น)

    โดยในปี 2008 สตีนนอน ได้แสดงทัศนะไว้อย่างน่าสนใจในเรื่องพฤติกรรมการโจมตีผ่านเครือข่าย ความต้องการด้านซอฟต์แวร์ แอพลิเคชั่น, พาณิชย์อิเลคทรอนิค และความนิยมในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) เหล่านี้เป็นช่องทางในการสร้างรายได้ทวีคูณให้กับ อาชญากร ไซเบอร์ ที่พยายามรุกต่อไปจาก 5 พันล้านเพิ่มไปจนถึง 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    สรุปการคาดการณ์ 10 อันดับภัยคุกคามที่ในปี 2551

    1.Facebook widgets เป็นช่องทางหนึ่งในการแพร่กระจายมัลแวร์ ทั้งที่มันเป็นแค่เกม,เป็นเครื่องมือในการเทียบเคียงหรือรายการหนังสือที่โปรดปราน

    2.กูเกิ้ลประกาศตัวเป็นผู้นำด้านเครือข่ายสังคมที่ไม่ต้องสูญเสียความเป็นส่วนตัว

    3.จะมีความเสี่ยงสูงมากที่ Salesforce.com AppStore จะเกิดช่องโหว่และทำให้ข้อมูลสูญหายได้

    4.รัฐบาลสหรัฐจะต้องใช้ความพยายามอย่างสูงที่ไม่สามารถจัดการได้ทั้งหมดในการกำหนดความต้องการสำหรับเพิ่มความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าการบุกรุก

    5.Ex-Soviet ยังคงมีความพยายามในระยะไกลที่จะใช้อาวุธอื่นๆ เข้าคุกคาม ด้วยการโจมตีเพื่อให้เกิดการหยุดการให้บริการแบบกระจาย Distributed Denial of Service (DDos) Attack ด้วยยุทธวิธีการปล่อยจรวดของยุคดิจิตอล

    6.อาชญากรต้องหาทางเข้าใกล้และพยายามทำความคุ้นเคย เป้าหมายของอาชญากรรมไซเบอร์อยู่ที่การมุ่งเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ด้วยการโจมตี

    7.ความพยายามที่จะทำลายตลาดทางการเงินด้วยการเพิ่มแผนการที่ละเอียดยิ่งขึ้น ด้วยอีเมล์ประเภทปล่อยข่าวลวงสำหรับปั่นหุ้น (pump-and-dump) ที่ใช้การโจมตีแบบ DDoS

    8.โลกจะต้องให้การต้อนรับพายุโทรจัน

    9.พวกก่อการร้ายทั้งหลายจะต้องนำ DDoS มาเป็นอาวุธในการเข้ารุกรานธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และเว็บไซต์ที่ใช้เป็นช่องทางของสื่อ

    10.เกมคอนโซลที่ใช้ Wii จะกลายมาเป็นเครื่องสื่อสารเหนือกว่าอินเตอร์เน็ต

    แล้วมาคอยดูกันว่า คำเตือนเหล่านี้จะเป็นจริงหรือไม่ !!
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.thairath.co.th/news.php?section=society&content=73639

    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">องค์พระเลิศล้ำนำเทรนด์โลก [1 ม.ค. 51 - 00:31]

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>
    ตลอดเวลากว่า 6 ทศวรรษของการครองสิริราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช มิเพียงแต่จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก และทรงเป็นองค์ราชันที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก แต่องค์พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย ยังทรงเป็นพระประมุขที่เปี่ยมด้วยพระวิสัยทัศน์กว้างไกลเลิศล้ำนำเทรนด์โลก!!
    ปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งชาวโลกกำลังตื่นตัวอยู่ในขณะนี้ อันที่จริงแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจที่เน้นแนวทาง การช่วยแก้ปัญหาเรื่องปรากฏการณ์เรือนกระจก มาตั้งแต่ปี 2494 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าไม้, การปลูกป่าธรรมชาติ และป่าเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ยังได้พระราชทานแนวคิดให้กรมชลประทาน เร่งดำเนินการป้องกันแก้ไขปัญหาโลกร้อนก่อนสายเกินแก้ เพราะทรงเป็นห่วงว่าประเทศไทยอาจเป็นพื้นที่เสี่ยง ที่จะได้รับผลกระทบอย่างสาหัสจากภาวะโลกร้อน และอุทกภัย

    [​IMG]
    ในช่วงที่ประเทศไทยประสบวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ เมื่อปี 2540 อันเนื่องมาจากฟองสบู่แตก สร้างความบอบช้ำแก่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ ทรงพลิกวิกฤติของชาติให้เป็นโอกาส ด้วยการชี้แนะปรัชญาใหม่ในการดำรงชีวิต และปฏิบัติตนของพสกนิกรทุกระดับชั้น เพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤติ และ สามารถดำรงอยู่ได้ท่าม กลางความผันผวนของเศรษฐกิจทุนนิยม นั่นคือ การใช้ชีวิตตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึงเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง นอกจากพระราชดำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง จะได้รับการบรรจุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ.2545-2549) ปรัชญาดังกล่าวยังได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติ โดยสหประชาชาติ ภายใต้การนำของ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • soc1.jpg
      soc1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.7 KB
      เปิดดู:
      667
    • soc2.jpg
      soc2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.7 KB
      เปิดดู:
      746
    • soc3.jpg
      soc3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.9 KB
      เปิดดู:
      255
    • soc4.jpg
      soc4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29 KB
      เปิดดู:
      259
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2008
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สมเด็จพระสังฆราชประทานพระพรให้พุทธศาสนิกชนบำเพ็ญทานรักษาศีลเจริญภาวนา
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000155428

    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>31 ธันวาคม 2550 15:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานพระพรปีใหม่ 2551 ทรงขอให้บำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เพื่อความผาสุก แก่ตนเอง และชาติบ้านเมือง

    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระพรปีใหม่ 2551 ความว่า "ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2551 ขอให้ท่านทั้งหลายหมั่นบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เพื่อความผาสุก แก่ตนเอง และชาติบ้านเมือง ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจบุญกุศล อำนวยให้ท่านทั้งหลาย เจริญสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล ตลอดไป ทั่วกัน" ขออำนวยพร




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. s3057780

    s3057780 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +4,323
    ขอโมทนาบุญรวมทั้งหมดทั้งมวลกับทุกท่านด้วยครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เปิดโผ ... ธุรกิจ แจ๋ว – จ๋อย ประจำปีชวด
    http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9500000152938
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 มกราคม 2551 11:55 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> จากการเก็บข้อมูลโดยโครงการศึกษาวิเคราะห์และเตือนภัย SMEs รายสาขา (SAW) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยธุรกิจ SMEs สาขาที่มีแนวโน้มขยายตัว กับสาขาที่ต้องพึงระวังเป็นพิเศษประจำปี 2551

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=598 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=598>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=558 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=558>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=510 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=510>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=266 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=266>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการ SAW </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการ SAW อธิบายเสริมว่า ข้อสังเกตปัจจัยสำคัญในการขยายตัวของภาคธุรกิจ SMEs ในปีหน้า (2551) กลุ่มที่มีการส่งออกโดดเด่น และมีผลตอบแทนจากการทำงานสูง จะเป็นสาขาที่มีเทคโนโลยี มีนวัตกรรม หรือภูมิปัญญาช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องมือเฉพาะด้าน เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยาสมุนไพรไทย ยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ เป็นต้น ตลอดจนมีกระบวนบริหารจัดการ เพื่อลดต้นทุนการผลิต ตัวอย่างเช่น กลุ่มสิ่งพิมพ์ที่คาดว่าส่งออกจะโตถึง 40% เพราะผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ มีการรวมกลุ่มคลัสเตอร์ที่ชัดเจน สามารถลดต้นทุนการผลิต และเสริมความเข้มแข็งในหมู่สมาชิกได้ดีอย่างยิ่ง อีกทั้ง เครื่องจักรและระบบการพิมพ์ของผู้ประกอบการไทยได้รับความเชื่อถือจากนานาชาติ ทำให้มีศักยภาพแข่งขันในตลาดสากลได้

    ขณะที่จากข้อมูลข้างต้นทั้งด้านอัตราขยายตัวการส่งออก และผลตอบแทนจากการดำเนินงาน พบว่า SMEs สาขาที่ควรระวังเป็นพิเศษในปี 2551 เช่น เฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอและเครื่องนุ่มห่ม หนังและผลิตภัณฑ์หนัง แก้ว และเซรามิก และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า ล้วนเป็นสาขาที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากราคาค่าน้ำมันแพง ทำให้แม้ยอดขาย หรือยอดสั่งผลิตจะโตขึ้นก็ตาม แต่กำไรที่ได้กลับลดลง อีกทั้ง ยังได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็ง และมีคู่แข่งขันอย่างจีน และเวียดนามเข้ามาแย่งตลาดอีกด้วย

    ทั้งนี้ แนวทางการปรับตัว ต้องพยายามรวมกลุ่มคลัสเตอร์ให้ชัดเจน เพื่อลดค่าใช้จ่ายการผลิต และพยายามลดความสูญเสียจากขั้นตอนการผลิตให้ได้มากที่สุด ซึ่งยอมรับว่าทางปฏิบัติจริงทำได้ค่อนข้างยาก แต่ก็จำเป็นต้องพยายามกันต่อไป ส่วนการพัฒนาดีไซน์ หรือใส่นวัตกรรมเพิ่มค่าให้ผลิตภัณฑ์นั้น จำเป็นต้องพัฒนาควบคู่กันไป ซึ่งปัจจุบันด้านนี้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวได้ดีขึ้นมากแล้ว

    ในส่วนภาคบริการที่มีผลตอบแทนจากการทำงานโดดเด่นนั้น ดร.ณัฐพล ระบุว่า มีความเกี่ยวเนื่องกับบริการ หรือที่ปรึกษาด้านลดต้นทุนพลังงาน หรือเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจหรือองค์กร ส่วนกลุ่มควรระวังนั้น มาจากปัจจัยขาดความสามารถในการแข่งขันกับรายใหญ่ เช่น บริการร้านสปาเล็กๆ เปิดตามห้องแถวต่างๆ ซึ่งระยะ 2-3 ปีหลังที่ผ่านมา เกิดขึ้นจำนวนมาก จนปัจจุบันเกินความต้องการของตลาด และเมื่อผู้บริโภคจะเลือกใช้บริการจริงๆ จะตัดสินใจใช้บริการของรายใหญ่ เพราะมั่นใจในคุณภาพมากกว่า เช่นเดียวกับสาขาโรงแรม ภัตตาคาร หรือบริการท่องเที่ยว ผู้บริโภคมักจะเลือกใช้บริการของรายใหญ่ ส่วนธุรกิจจากผู้ประกอบการรายเล็กๆ อย่าง SMEs จะมีรายได้เข้ามาก็เฉพาะช่วงหน้าท่องเที่ยวเท่านั้น

    ขณะที่บริการคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ ประสบปัญหาอำนาจในการต่อรองต่ำ จนไม่สามารถแข่งขันกับรายใหญ่ได้ ส่วนภาคบริการรับเหมาก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ งานจะน้อยลง เพราะผู้บริโภคมีพฤติกรรมเก็บออมมากขึ้น การจะก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์จะทำเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ ส่วนการก่อสร้างเพื่อหวังขายเก็งกำไรจะลดลง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คำทำนายหรือจะถึงคราวสิ้นชาติ(๒๕๕๑) โดยหลวงพ่อเจริญ วัดป่ามะม่วง(มรณภาพไปแล้ว)
    http://palungjit.org/showthread.php?p=893634#post893634

    <TABLE class=tborder id=post893634 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead id=currentPost style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 09:12 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>เทวตา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_893634", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 04:09 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2006
    อายุ: 20 ปี
    ข้อความ: 253 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 16 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 2,784 ครั้ง ใน 253 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 313 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_893634 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->คำทำนายหรือจะถึงคราวสิ้นชาติ(๒๕๕๑) โดยหลวงพ่อเจริญ วัดป่ามะม่วง(มรณภาพไปแล้ว)
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->คำทำนายหรือจะถึงคราวสิ้นชาติ

    เมื่อประมาณปี 2516 มีคณะรัฐมนตรี นายทหาร นายตำรวจยศนายพัน กลุ่มหนึ่ง มาเรียนถามหลวงพ่อเจริญ วัดป่ามะม่วง ให้ท่านช่วยทำนาย
    ว่าพวกกระผมจะทำการปฏิวัติ การนี้จะสำเร็จหรือไม่ แล้วผมจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่

    ความจริงท่านไม่อยากยุ่งเรื่องการเมือง แต่จะบอกให้รู้ว่า
    หลวงพ่อเจริญท่านตอบว่าสำเร็จ แต่จะอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 เดือน
    หลังจากนั้น นักศึกษานักเรียน ประชาชนจะออกมาขับไล่จนคุณอยู่ไม่ได้ ไม่ดี
    อย่าไปทำเลย

    คุณเคยเห็นทะเลซุงไหม!

    อีก 15 ปีหลังจากนี้ (2531)ทะเลซุง
    จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ภาคใต้ น้ำจะท่วมถึงยอดตาล
    วัดวาอารามจะพังพินาศ คนจะล้มตายจำนวนมาก

    และต่อจากนั้นอีก 20 ปี(2551)
    แผ่นดินจะถูกแยก ต่างชาติจะเข้ามายึดแผ่นดินไทย
    คนไทยจะไม่มีที่อยู่ โดนขับไล่
    ทุกอย่างที่กล่าวมานี้เป็นกฎแห่งกรรม
    จงไปบันทึกเอาไว้ ถ้าไม่จริงอาตมายอมถูกปรับ

    ท่านกล่าวอีกว่า.....
    อาตมาจะมรณภาพวันที่ 14 ตุลาคม2521 เวลาเที่ยง12.45 น.
    ด้วยอุบัติเหตุรถคว้ำคอหักตาย และท่านก็มรณภาพวันนั้นจริงๆ

    อ่านจากหนังสือ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ของ สุทัสสา อ่อนค้อม
    ก็ภาวนาอย่าให้หลวงพ่อเจริญท่านทำนายถูกเลยครับ..... คนไทยแย่กันแน่ๆ
    *********************
    อ้างอิงข้อความจากลานธรรม โดยคุณ คนโคราช
    ********************

    เกี่ยวกับผู้เขียน
    คุณ สุทัสสา อ่อนค้อม คือ นามปากกาของ รองศาสตราจารย์ ด.ร สุจิตรา รณรื่น
    รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะมนุษย์ศาสตร์ สถาบันราชภัฏธนบุรี


    ซึ่งงานเขียนส่วนใหญ่จะหนักไปแนวธรรมะ แต่ก็ไม่ได้เป็นงานเขียนที่หนักเกินไปอย่างที่นิยมอ่ านกันก็จะเป็น นารีผล มักกะลีผล ซึ่งอย่าเพิ่งคิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับต้นไม้ในป่าห ิมพานต์ที่ออกลูกเป็นคนโดยตรงหรอกนะครับ เป็นพระประวัติ ของพระเทพสิงหบุราจารย์ ... หลวงพ่อจรัญ เจ้าคณะจังหวัด สิงห์บุรี
    ผ่านพระครูเจริญ เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วง ในเรื่อง นารีผล และ มักกะลีผล ตอนนี้คุณสุทัสสา ก็เขียนประวัติท่านมาถึง เรื่อง... วัฏจักรแห่งชีวิต ที่กำลังพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยาสาร กุลสตรี


    เป็นเรื่องราวที่น่าหาอ่านมาก ๆ นะครับหลวงพ่อจรัญเอง
    ท่านก็เป็นพระที่เก่งในด้านวิปัสสนากร รมฐานมาก

    มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ผมเองก็ไปนมัสการท่านอยู่บ่อย ๆ
    นอกจากนี้ ยังมีนวนิยายอีกหลายเรื่องที่น่าอ่าน
    อย่าง คนเหมือนกัน ดั่งฉัตรแก้วกั้นเกศ ไฟไหนเล่าร้อนเท่าไฟนรก
    หรือ สัตย์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


    แถมยังมีคอลัมน์ตอบปัญหาธรรมะ และการนั่งวิปัสนากรรมฐาน ใน กุลสตรี อีก
    ก็คือ คอลัมน์ ใต้ร่มมณฑารพ


    คุณสุทัสสา อ่อนค้อม ได้รับรางวัลความเรียงชนะเลิศ
    จากองค์กรนักคิดใหม่ เรื่อง.... การสร้างสันติภาพโลกแบบยั่งยืน

    ที่มาข้อมูล จากคุณ อติรูป (คลิ๊ก ) (http://www.sakulthai.com/webboard/Qu...v.asp?GID=5434)
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>

    *********************************************************

    ผมไปอ่านมาเจอ ใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยครับ

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทิ้งชีวิตเก่า เพื่อต้อนรับปีใหม่
    http://matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01lad01010151&day=2008-01-01&sectionid=0115


    วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10888



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    "ในเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์คนหนึ่งแล้ว ต้องพร้อมยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้ได้"

    "แน่นอนว่าความเสียใจไม่มีวันหมด แต่เราสามารถสร้างความสุขขึ้นมาใหม่ได้"

    "ในเมื่อเรามีชีวิตอยู่ มี 2 แขน 2 ขา ต้องเดินหน้าต่อไป ไม่มีคำว่าถอยหลังเป็นอันขาด"

    เข้าสู่ช่วงปีใหม่ หลายๆ คนอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองหลายๆ อย่าง บ้างก็เปลี่ยนการแต่งตัว บ้างก็เปลี่ยนข้าวของเครื่องใช้ หรือหาสิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเอง หรือไปเที่ยวพักผ่อนตามต่างจังหวัด เยี่ยมบ้านเกิด เก็บเกี่ยวความสุขเติมเต็มกับชีวิตเพื่อเริ่มต้นในวันปีใหม่ต่อไป

    แต่...ท่ามกลางความสุขของใครหลายๆ คน ก็ยังมีอีกหลายชีวิตที่ต้องทนอยู่กับ "ความทุกข์" ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ความเจ็บปวดที่เข้าแทรกแซง ความทรมานในจิตใจที่พวกเขาอยากจะลบเลือนให้หายไป

    พวกเขา คือคนที่สูญเสีย คือคนที่ต้องการการเยียวยา คือ คนที่ยากจะลืมความทุกข์ที่อยู่ในจิตใจ และพวกเขาภาวนาให้ "ปีใหม่" เป็นช่วงเวลาที่จะเติมความสุขให้กับพวกเขา

    ปีใหม่..ที่ก้าวผ่านมาจะช่วยเยียวยาให้พวกเขาลุกขึ้นยืน และยืนหยัดต่อสู้ได้อย่างไร

    หญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้ม ตัวเล็กร่างบาง ภายนอกของเธอดูเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ราวกับว่าไม่เคยผ่านเรื่องร้ายๆ มาเลย แต่ภายนอกที่สุดแสนธรรมดานี้ เธอยิ้มที่มุมปากพร้อมเผยว่า "ฉันโดนผู้ชายหลอกมา 2 ปี"

    เธอเล่าพร้อมกับอุ้มเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ วัย 6 เดือน ที่เธอบอกว่าเป็นลูกชายของเธอกับผู้ชายเลวๆ คนนั้น

    "ฉันรู้จักกับหมอที่ประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง จากการไปตรวจสุขภาพประจำปี เขาซักไซ้ประวัติคนไข้ตามปกติ เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีมากๆ พอเขารู้ว่าฉันทำกิจการโรงรับจำนำ ก็เริ่มตีสนิทมากขึ้น ทำทีสนใจพระที่คนมาจำนำ บอกอยากเช่าต่อ จึงติดต่อกันเรื่อยมา เราสนิทกันมาก ไปมาหาสู่กัน และเราก็ได้เสียกัน พักหลังเขาเริ่มมาหยิบยืมเงินขอไปทำธุระ เอาของจำนำไปโดยไม่ขออนุญาต ผ่านไป 3 เดือน มีผู้หญิงโทร.มาหาฉันบอกว่าเป็นภรรยาของหมอ ถ้าไม่เลิกยุ่งจะเอาน้ำกรดมาสาด" เธอพูดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจ
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    สมนึก โตสิงห์และภรรยา


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เธอเล่าต่อว่า หมอก็ยอมรับว่ามีภรรยาอยู่แล้วจริง แต่ฉันก็ใจอ่อนยอมคบกับเขาต่อ เพราะลูกอ้อนที่เขามี แถมยังหยิบยืมเงินไปอีก ตอนนี้รวมๆ ก็เป็นล้านแล้ว

    "จนกระทั่งเรามีลูกด้วยกัน เขากลับปัดความรับผิดชอบ หาว่าฉันมีชู้ และพยายามตีตัวออกห่าง ด้วยการให้ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้อ้างว่าเป็นภรรยาโทร.มาต่อว่าเสียๆ หายๆ ฉันโทร.หาเขาก็ไม่รับ และเปลี่ยนเบอร์ ย้ายที่ทำงาน ฉันติดต่อเขาไม่ได้อีกเลย แถมเป็นหนี้เพิ่มขึ้นจากการไปหยิบยืมเงินคนอื่นตอนที่เขาเดือดร้อน และยังไปค้ำประกันรถให้เขาอีก แถมยังมีลูกที่กำลังจะเกิดมาอีก"

    "ฉันท้อใจมาก" เธอน้ำตาคลอและเล่าต่อว่า เครียดมาก ไม่มีที่พึ่งเลย เพราะไม่มีญาติพี่น้องแล้ว กิจการก็กำลังจะเจ๊งจึงให้คนอื่นเช่าตึกต่อและออกมาขายข้าวแกง กระเตงท้องเข็นรถเข็นไปเรื่อยๆ เพื่อเก็บเงินใช้หนี้และเลี้ยงลูก

    ฉันเลือกที่จะเก็บลูกไว้ ยังไงเขาก็เกิดมาจากความรัก แม้สุดท้ายจะเป็นความรักที่หลอกลวงก็ตาม ตอนนี้หนี้ฉันยังไม่หมด เพราะฉันต้องไปหยิบยืมอีกก้อนเพื่อคลอดเจ้าตัวเล็ก และค่าเลี้ยงลูก ค่าเช่าบ้าน ชีวิตทั้งปี 50 เหมือนตกนรกทั้งเป็น"

    เมื่อเข้าสู่ปีใหม่ ฟ้าใหม่ เธอบอกกับตัวเองว่า ต้องเริ่มชีวิตใหม่ด้วย

    "ปีที่ผ่านมาจมอยู่กับความทุกข์อย่างเดียว รู้สึกว่ามีแต่เรื่องแย่ๆ เข้ามาในชีวิต แต่ฉันยังดีกว่าคนอื่นที่พร้อมที่จะลุกขึ้นยืนและก้าวเดินไปข้างหน้า ที่สำคัญจะไม่ยอมแพ้กับชะตาชีวิตตัวเอง ในเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์คนหนึ่งแล้ว ต้องพร้อมยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้ได้ ตอนนี้พยายามเก็บเงินใช้หนี้ และเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนดี ดิฉันถือว่าอดีตเป็นบทเรียนที่สอนให้เราต้องเรียนรู้และเติบโตต่อไป ฝากคนที่กำลังจมอยู่กับความทุกข์ ขอให้ลุกขึ้นมา ยิ้มรับกับวันต่อๆ ไป ทำเพื่อตัวเอง อย่างน้อยก็เจ็บกว่าทำเพื่อคนอื่น" เธอทิ้งท้าย
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    ครอบครัวของคุณชนะชัย อู่ประเสริฐ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    หากจำกันได้เมื่อเดือนกันยายนเกิดข่าวใหญ่พาดหน้าหนึ่งหลายฉบับ "รุ่นพี่รับน้องโหด กลิ้งบนไฟ นอนหมดสติ" และผ่านเพียง 1 เดือน รุ่นน้องคนนี้ก็เสียชีวิตลง ภายใต้ความโศกเศร้าของครอบครัวเป็นอย่างมาก เพราะนายนิพนธ์ โตสิงห์ อายุ 16 ปี เป็นบุตรชายคนที่ 2 ของนายสมนึก โตสิงห์ และนางสุทิน ไม้จีน แม่บุญธรรมของนายนิพนธ์ แน่นอนอยู่แล้วว่าการสูญเสียครั้งนี้สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้กับผู้เป็นพ่อเป็นแม่

    นายนิพนธ์บอกว่า ลูกชายเป็นที่พึ่งของครอบครัว การสูญเสียครั้งนี้นอกจากนำมาซึ่งความเสียใจ ยังขาดกำลังสำคัญในอนาคตอีกด้วย แถมเขายังต้องมาเสียชีวิตในขณะที่เขากำลังจะได้ศึกษาหาความรู้

    "เสียใจมากๆ แต่คนในครอบครัวต้องให้กำลังใจกันอยู่แล้ว เพราะถ้ามานั่งเศร้า ลูกคงไปอยู่บนสวรรค์แล้วเป็นห่วง ตอนนี้เวลาคิดถึงลูกก็จะเข้าไปนั่งเล่นบนเตียง ดูรูป และมองไปวันข้างหน้า ยิ้มกับภรรยา มองโลกในแง่บวกให้มากขึ้น แน่นอนว่าความเสียใจไม่มีวันหมด แต่เราสามารถสร้างความสุขขึ้นมาใหม่ได้ ถ้ามัวแต่ไปจมทุกข์ คนรอบข้างก็จะทุกข์ไปด้วย ให้มองว่ายังมีคนอื่นที่พร้อมจะเข้าใจและอยู่เคียงข้าง อย่าให้พวกเขามาทุกข์กับพวกเราด้วย เหมือนเป็นการทำบุญให้ลูกในทางอ้อมอีกด้วย อีกอย่างทุกเช้าจะตักบาตรให้ พยายามไม่เสียใจ เพราะแก้อะไรไม่ได้แล้ว ต้องทำใจให้ได้"

    ทั้ง 2 คน เป็นเรื่องราวของการสูญเสีย แต่เป็นการสูญเสียคนละแบบ ที่ต้องต่อสู้ให้จิตใจเข้มแข็งและแข็งแรงต่อไป

    ทว่า เรื่องไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เมื่อการสูญเสียของอีกครอบครัว ที่สร้างความเจ็บปวดไม่แพ้กัน เป็นการสูญเสียที่เกิดจากการกระทำของผู้เป็น "พ่อ" เพราะพิษสุรา

    นายชนะชัย อู่ประเสริฐ อายุ 43 ปี เป็นเจ้าของเรื่องเศร้า และไม่อาจลบเลือนให้หายไปในจิตใจได้

    "ผมรับจ้างขับรถบรรทุกขนของ วันนั้นอยู่ที่จังหวัดลำปาง เพื่อนชวนกินเหล้า ก็กินไปเพียง 2-3 แก้วเท่านั้น ตอนนั้นยังไม่รู้สึกเมา หรือมึนแต่อย่างไร และเห็นเป็นเวลาดึกมากแล้วจึงชวนลูกสาวกลับบ้านที่กรุงเทพฯ ระหว่างทางที่ขับกลับบ้านก็ยังไม่รู้สึกมึนแต่อย่างไร ลูกสาวหลับอยู่เบาะข้างๆ ทันใดนั้นรถคันข้างหน้าซึ่งเป็นรถบรรทุกขนดิน เกิดเบรกกะทันหันทำให้รถผมเบรกไม่ทัน ผมจึงหักหลบไปทางขวา แต่กำลังมีรถสวนมา จึงหักกลับไปทางซ้าย ทำให้พุ่งชนรถคันหน้า ก่อนไถลไปลงข้างทางขวาซึ่งเป็นต้นไม้และโพรงหญ้า"

    นายชนะชัยหยุดเล่าพักหนึ่ง ก่อนเล่าต่อว่า พอได้ยินเสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว ก็ได้ยินเสียงลูกสาวร้องโอดโอย ตอนนั้นเราก็เจ็บ ลูกก็เจ็บ ต่างคนช่วยตัวเองไม่ได้ หลังจากนั้นจึงมาอยู่ที่โรงพยาบาล

    "คุณพ่อทำใจดีๆ นะครับ คือว่าทางโรงพยาบาลต้องตัดขาน้องครับ"

    นี่เป็นคำพูดของคุณหมอที่ยังกังวานอยู่ที่หูของผมตลอดเวลา เพราะลูกผมถูดอัดก๊อบปี้กับรถคันหน้าทำให้กระดูกหัก ขาขาด ผมเสียใจมาก อยากเจ็บแทนลูก ถ้าผมไม่ดื่มเหล้าวันนั้นลูกคงไม่ต้องมารับผลแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่เมาก็ตาม" นายชนะชัยถอนหายใจ

    เจ้าของเรื่องเล่าต่อว่า ตอนนี้ลูกสาวอายุ 18 ปีแล้ว เรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนคนพิการปากเกร็ด

    "ผมอยากเจ็บแทนลูกสาว แม้ลูกสาวจะเข้มแข็งมากกว่าผมก็ตาม แต่ก็ไม่อาจย้อนเวลากลับมาได้ ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ และเป็นการเริ่มต้นปีใหม่อย่างมีความสุข คือ ดูแลลูกให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ ในเมื่อเรามีชีวิตอยู่ มี 2 แขน 2 ขา ต้องเดินหน้าต่อไป ไม่มีคำว่าถอยหลังเป็นอันขาด ยังมีคนอื่นที่ลำบากกว่าพวกเรามากมาย ตอนนี้ผมเลิกดื่มเหล้า ทำเพื่อลูก เพื่อครอบครัว และเป็นการป้องกันตัวเองไม่ให้คนอื่นต้องเจ็บปวดเพราะเราอีกต่อไป"

    แม้ชีวิตจะผ่านการล้มลุกคลุกคลาน แต่สิ่งที่ต้องทำต่อไป คือ เดินหน้าเพื่อชีวิตที่เหลืออยู่ ขอให้ทุกคนมีความสุข และหาความสุข มองโลกในแง่ดี เฉกเช่นเดียวกับคนทั้ง 3 นี้

    [​IMG]
     
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    นำมาเล่าสู่กันฟังว่า มีซอยอะไรกันบ้าง อาจจะเป็นซอยของบ้านเราเองก็ได้ รู้แล้วจะได้เตรียมตัวเตรียมใจ หรือจะทำใจก็ตามแต่ ส่วนคนที่ไม่ได้พักอาศัยอยู่แถวนั้น แต่เกิดมีความจำเป็น ต้องไปทำธุระแถวๆ นั้น ก็จะได้ให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ <!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--sizeo:4-->
    <!--/sizeo-->อันดับแรก<!--sizec--><!--/sizec-->

    อันดับแรก คือ ซอยลาดพร้าว 21 เขตจตุจักร เป็นซอยลึกประมาณ 500 เมตร มีบ้านเรือน อยู่ประมาณ 150 หลัง ทั้งหมดเป็นบ้านพักอาศัย ไม่มีร้านค้า ภายในซอยจึงไม่พลุกพล่าน

    และมีพงหญ้ารก ต้นไม้พุ่มค่อนข้างสูง ยิ่งตอนกลางคืนจะมืดและเปลี่ยวมาก มีการปล้นจี้กันบ่อยครั้งมาก เคยมีการทำร้ายกันจนถึงชีวิตมาแล้ว

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->อันดับที่สอง<!--sizec--><!--/sizec-->

    อันดับที่สอง คือ ซอยวิภาวดี 64 เขตหลักสี่ เป็นซอยที่ตั้งของหมู่บ้านจินตรา โครงการ 4 สภาพในซอยบางแห่งรกร้างและทรุดโทรม การฉกชิงวิ่งราวในยามวิกาลเกิดขึ้นเป็นปกติ

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->อันดับที่สาม<!--sizec--><!--/sizec-->

    อันดับที่สาม คือ ซอยจรัลสนิทวงศ์ 37 เขตบางกอกน้อย เป็นแหล่งมั่วสุมของมิจฉาชีพและนักเสพยา การงัดแงะรถยนต์ และ ลวนลามสตรีเพศ เกิดขึ้นเป็นประจำ กลางคืนจะดูเปลี่ยวและมืด น่าหวาดหวั่นมาก

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->อันดับที่สี่<!--sizec--><!--/sizec-->

    อันดับที่สี่ คือ ซอยจรัลสนิทวงศ์ 89 เขตบางพลัด จุดนัดพบของนักค้ายาเสพติด เป็นที่น่าหวาดกลัวของชาวบ้านทั่วไป ตอนกลางคืนจะเต็มไปด้วยกลุ่มวัยรุ่นและมิจฉาชีพ ดูแล้วเป็นที่น่าอันตรายอีกซอยหนึ่ง

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->อันดับที่ห้า<!--sizec--><!--/sizec-->

    อันดับที่ห้า คือ ซอยสวนผัก 11 เขตตลิ่งชัน เป็นซอยแยกจากถนนสวนผัก ชุมชนใหญ่ย่านชานเมือง กลางคืนจะเปลี่ยวมาก มีการจี้ปล้นกันบ่อย ๆ แล้วคนร้ายก็ลอยนวลไปได้ทุกครั้ง

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->อันดับที่หก<!--sizec--><!--/sizec-->

    อันดับที่หก คือ ซอยภิรมย์ เขตสัมพันธวงศ์ เป็นซอยแยกจากถนนทรงวาด มีวัยรุ่นติดยา เข้าไปมั่วสุมกันทุกวัน กลางคืนเปลี่ยว เหตุปล้นจี้ ลักขโมย งัดแงะรถยนต์ เกิดขึ้นเป็นประจำ

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->อันดับที่เจ็ด<!--sizec--><!--/sizec-->

    อันดับที่เจ็ด คือ ซอยเจริญนคร 23 หรือ ซอยอู่ใหม่ เขตคลองสาน กลางคืนจะเปลี่ยวและมืดมาก การปล้นจี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง รถจักรยานยนต์หายเป็นประจำ

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->อันดับที่แปด<!--sizec--><!--/sizec-->

    อันดับที่แปด คือ ซอยวิมุตยาราม เขตบางพลัด เป็นซอยที่นักเลงนัดหมายมาพบปะ เพื่อปะทะกำลังกันอยู่เป็นประจำ กลางคืนจะเปลี่ยวมาก ทั้งวัยรุ่นและมิจฉาชีพแวะเวียนเข้าออกภายในซอย เป็นว่าเล่น เป็นแหล่งอาชญากรรมและแหล่งมั่วสุมยาเสพติดที่น่ากลัว

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->อันดับที่เก้า<!--sizec--><!--/sizec-->

    อันดับที่เก้า คือ ซอยร่วมรักษา เขตห้วยขวาง เป็นแหล่งซื้อขายยาเสพติดที่ขึ้นชื่อมานับสิบปี และนักจี้ปล้นยังแวะเวียนเข้าออกภายในซอยกันเป็นว่าเล่น

    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->อันดับที่สิบ<!--sizec--><!--/sizec-->

    อันดับที่สิบ คือ ซอยวัดมะกอก ถนนราชวิถี ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นซอยที่เต็มไปด้วย ปัญหายาเสพติดและอันธพาล กลางคืนชาวบ้านไม่กล้าก้าวเท้าออกจากบ้าน ไม่ถูกปล้นจี้ก็อาจถูกทำร้ายทางเพศได้

    <!--coloro:#FF0000--><!--/coloro-->
    <!--sizeo:4--><!--/sizeo-->จาก 50 เขตทั่วกทม

    <!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc-->http://community.thaiware.com/index.php?showtopic=328948
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    6 สุขใจ 4 มั่นใจ ขอคนไทยมีตลอดไป
    http://matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act04010151&day=2008-01-01&sectionid=0130

    โดย ชลวิทย์ เจียรจิตต์ ภาควิชาสังคมวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

    วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10888

    การก้าวย่างของชีวิตประกอบด้วย 2 ตัว คือ ใจ กาย ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ต้องดูแลใจให้ดี กายต้องสมดุล

    ผู้เขียนเข้าใจว่าคนไทยผ่านปี 2550 มาด้วยความโล่งใจ ปีหมูทองมีตำนานมากมาย ทั้งกังวล วิตก ทุกข์ จนถึงขั้นโล่งใจ นักจิตวิทยาวิเคราะห์ปีนี้ คือการฝึกสภาพความอดทนของสภาวะจิตใจขั้นหยาบ ฝึกฝนตนเองให้อดทน ผิดหวัง สมหวัง เฝ้าทน รอคอย

    หลังการเลือกตั้งผ่านมา อาจช้าอุตลุด คลุกวงในด้วยเกมแห่งการช่วงชิงอำนาจที่อ้างประชาชนเป็นความชอบธรรม ที่ดูจะสร้างจริยธรรมอย่างน่าละอายใจ นักจิตวิทยาสังคมชี้ว่าจะให้ดีหยุดความคิดตามข่าวการเมืองช่วงปีใหม่นี้สัก 10 วัน ทำให้ชีวิตผ่อนคลาย ปล่อยวาง โปรดลองทำดู

    ผู้เขียนไม่มีอะไรอวยพรผู้อ่านมติชน ซึ่งเป็นสื่อมวลชนที่ตรงไปตรงมา มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือบนพื้นฐานตามปณิธานมติของมหาชนเป็นหลัก

    อยากให้คนในสังคมไทยมีกำลังใจจาก 10 สิ่ง ในปีหนูสดใสนี้

    1.สุขใจในพระบารมีปกเกล้าชาวไทย เรามีพ่อหลวงปวงชนชาวไทย อันเป็นมงคลของแผ่นดิน และชีวิตที่เกิดมาภายใต้พระบรมโพธิสมภาร

    2.สุขใจในครอบครัว นึกถึงคนในครอบครัว บิดา-มารดา สามี-ภรรยา ลูกๆ ญาติมิตร นึกถึงแต่สิ่งดีงาม

    3.สุขใจกับการดำรงชีวิตในสังคม ผู้คนที่อาศัย คนไทยที่น่ารักเอื้ออาทร

    4.สุขใจกับการมีหลักคำสอนที่ดี คำสอนทางศาสนาเป็นเรื่องสำคัญมาก คนไทยมีศาสนาที่หลากหลายที่ยึดมั่นมาตลอด การปฏิบัติตามหลักคำสอนที่จริงจังตั้งใจย่อมได้ความงดงามสุขใจกับชีวิต

    5.สุขใจกับความฝัน แผนงานที่เราตั้งเป้าจะเป็น วางแผนที่ดีในชีวิตช่วยนำมาซึ่งความสุข มีความหวัง อนาคตดั่งที่คิดไว้

    6.สุขใจกับความดีงามที่ประพฤติดีตลอดมา นึกถึงสิ่งที่ได้ทำดีตลอดปีหมูทอง หรืออดีตที่ผ่านมา นำมาเป็นความภูมิใจ

    การพัฒนาความคิดให้ย้อนกลับว่าตนเองเคยประพฤติสิ่งดีงามมาตลอดยิ่งมีความสุขยิ่ง

    4 มั่นใจ มีแนวทางสำหรับปีใหม่ดังนี้

    1.มั่นใจในตนเอง ภูมิใจ ศรัทธา มั่นใจว่าตนเองมีคุณค่า สร้างสรรค์สิ่งดีงามกับตนเองและสังคมได้

    2.มั่นใจในงานที่ทำอยู่ เป็นความสุขใจกับการได้งานที่ตนรัก ภูมิใจในงานที่ตนดำรงอยู่ ฝึกมองหลายคนที่พลาดหวังกว่าตนเอง ฝึกภูมิใจในงานที่เรามี ยินดีพร้อมมั่นใจกับองค์กร เพื่อนร่วมงาน ตำแหน่งหน้าที่ในงานอย่างทรงคุณค่าสืบไป

    3.มั่นใจกับเศรษฐกิจไทยต้องอยู่ได้ เศรษฐกิจไทยยังไงๆ ก็ดำรงอยู่ได้ อาจลด ขึ้น เฟื่องฟู ถอยร่น อย่าท้อถอย สับสน หลักไม่เที่ยง สรรพสิ่งมี 2 เสมอ คือ ดี กับ ไม่ดี พยายามคิดแบบน้ำครึ่งแก้ว จากน้ำเหลือแค่ครึ่งแก้ว เป็นน้ำมีตั้งครึ่งแก้ว

    4.มั่นใจกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถึงแม้ว่าจะเครียดเรื่องการเลือกตั้งผิดหวัง สมหวัง อย่าท้อถอย จัดตั้งรัฐบาลลำบาก นักการเมืองยึดมั่นในผลประโยชน์งานแต่สมมุติเป็นผลประโยชน์ชาติอย่างไร อย่าได้กังวลใจ

    ถึงอย่างไรก็คือคนไทย ไม่ถึงกับกระโดดถีบ ร่วมสหบาทาแบบสภาไต้หวัน เกาหลี หรืออื่นใดในโลกแน่

    6 สุขใจ 4 มั่นใจ อยากเป็นแนวคิดสร้างสรรค์กับความหวังที่ชีวิตต้องดำเนินไป ทั้งใจและกาย

    อย่าลืมว่า ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว เราดูแลแต่ร่างกาย เคยถนอมจิตใจ เครียด กังวล วิตก สับสน ซึมเศร้า ปี 2551 ขอปรับใจกับทุกปัญหามีทางออก

    ไม่ใช่ทุกทางออกมีแต่ปัญหา มองโลกแบบน้ำมีตั้งครึ่งแก้ว ฝึกปล่อยวาง ยืดหยุ่น พร้อมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ทุกอย่างผ่านมา ผ่านไป ขอให้มีกำลังใจ เชื่อมั่นตนเองว่า "วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน" ขับขานกับ 6 สุขใจ 4 มั่นใจ

    นั้นคือกำลังใจในตัวท่านเอง สวัสดีปีใหม่ 2551 เป็นของมวลหมู่ชาวมิตรอันเป็นมติมหาชนที่ต้องการสร้างสรรค์สังคมไทยอยู่อย่างมีความสุข ปนทุกข์บ้าง

    ท้อได้ แต่อย่าถอย ขอให้โชคดี
     
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พระอาการล่าสุดวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๑ ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์


    สมเด็จพระพี่นางฯพระอาการทรุดลง <HR align=left width="95%" color=#768696 SIZE=1>
    โดย Post Digital 1 มกราคม 2551 17:58 น.

    สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 38 สมเด็จพระพี่นางฯพระอาการทรุดลง ไม่รู้สึกพระองค์ หายพระทัยอ่อน ไตไม่ทำงาน




    แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงประชวร ฉบับที่ 38


    วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ รายงานว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มีพระอาการโดยรวมทรุดลง ไม่รู้สึกพระองค์ หายพระทัยอ่อนลง พระวักกะ (ไต)ไม่ทำงาน คณะแพทย์ฯ ได้ถวายการรักษาตามพระอาการอย่างใกล้ชิด



    จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน



    สำนักพระราชวัง


    วันที่ 1 มกราคม พุทธศักราช 2551

    http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=211722
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ไหว้ 9 พระธาตุ เมืองกรุงฯรับปีใหม่
    http://www.manager.co.th/Travel/View...=9500000153659
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 มกราคม 2551 17:46 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย : หนุ่มลูกทุ่ง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระบรมสารีริกธาตุที่นำมาประดิษฐานที่พระวิหารวัดประยุรวงศาวาส</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ก่อนอื่นต้องขอกล่าว "สวัสดีปีใหม่" แก่ผู้อ่านทุกท่านเสียก่อน สำหรับปี 2551 นี้ก็ได้มีโหรมีหมอดูหลายๆ คนออกมาทำนายทายทักถึงสถานการณ์บ้านเมืองของประเทศไทยที่ฟังดูแล้วไม่ค่อยจะดีนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ความวุ่นวาย ภัยธรรมชาติต่างๆ ฟังดูแล้วก็เหนื่อยใจยิ่งนัก แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่เราทำได้ก็คือดำรงตนอยู่ในความดี ก็น่าจะผ่อนหนักเป็นเบาได้บ้าง

    และเพื่อเป็นการเปิดศักราชใหม่ด้วยความเป็นสิริมงคล ฉันจึงอยากจะพาทุกคนไปกราบ "พระบรมสารีริกธาตุ" เสริมมงคลให้ชีวิตสดใสกันถ้วนหน้าตลอดปีใหม่นี้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เจดีย์สีทองสุกใสคือ "พระศรีรัตนเจดีย์" ในวัดพระแก้ว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>"พระบรมสารีริกธาตุ"-"พระบรมธาตุ"-"พระมหาธาตุ" หรือ "พระธาตุ" นี้ ก็เป็นสิ่งเรียกพระอัฐิธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจากการถวายพระเพลิงพระบรมศพ ได้แก่ กระดูก ฟัน และเถ้าที่เหลือหลังจากการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระองค์ที่เมืองกุสินารา

    สำหรับพระบรมสารีริกธาตุที่มีในกรุงเทพฯ นั้น ก็มีอยู่หลายสิบแห่งด้วยกัน แต่ในวันนี้ฉันขอยกมา 9 แห่ง เผื่อจะเป็นเส้นทางไหว้พระธาตุในกรุงเทพฯ สำหรับคนที่สนใจอยากจะเสริมสิริมงคลในช่วงปีใหม่

    เริ่มจาก "วัดพระศรีรัตนศาสนาดาราม" หรือ "วัดพระแก้ว" กันก่อนเป็นที่แรก สำหรับใครที่ได้มากราบสักการะพระแก้วมรกตอันเป็นพระพุทธรูปสำคัญของประเทศเพื่อสิริมงคลในปีใหม่นี้ ก็อย่าลืมแวะไปกราบ "พระศรีรัตนเจดีย์” ที่ตั้งอยู่บนฐานไพทีใกล้เคียงกับพระมณฑปและปราสาทพระเทพบิดรด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=270 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=270>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บนภูเขาทองก็มีพระบรมสารีริกธาตุ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>พระศรีรัตนเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่รัชกาลที่ 4 ทรงได้มาจากลังกา รูปทรงของพระเจดีย์ก็เป็นทรงลังกา สร้างขึ้นตามแบบเจดีย์วัดพระศรีสรรเพชญ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ด้านนอกประดับด้วยกระเบื้องโมเสกทองจากอิตาลี ยามต้องแสงแดดสีทองจะสว่างสุกใสสวยงามมาก ส่วนภายในเป็นพระเจดีย์องค์เล็กซึ่งมีลักษณะเหมือนกับพระศรีรัตนเจดีย์องค์ใหญ่ที่ครอบไว้ทุกประการ และภายในเจดีย์องค์เล็กนั้นก็เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ จะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในวันสำคัญๆ เท่านั้น

    ไม่ห่างจากวัดพระแก้วเท่าไรนัก เราไปต่อกันที่ "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม" หรือ "วัดโพธิ์" วัดที่ได้ชื่อว่ามีเจดีย์มากที่สุดแห่งหนึ่ง ที่นี่นอกจากจะมีพระพุทธเทวปฏิมากร พระพุทธรูปที่งดงามราวกับเทวดามาสร้างเป็นพระประธานในพระอุโบสถ มีพระพุทธไสยาสน์ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ ที่พระบาทมีลายจำหลักมุกเป็นรูปมงคล 108 ประการ และที่นี่ก็ยังมีพระบรมสารีริกธาตุให้กราบไหว้กันด้วย

    บริเวณที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ก็คือ ในพระเจดีย์หมู่ห้าฐานเดียวที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 พระเจดีย์หมู่ห้าฐานเดียวนี้ประดิษฐานอยู่ตรงมุมพระวิหารคดทั้งสี่ด้าน หมู่เจดีย์ประกอบไปด้วยพระเจดีย์ใหญ่ตรงกลาง และล้อมรอบด้วยพระเจดีย์เล็กอีกสี่องค์อยู่บนฐานเดียวกัน เป็นสถาปัตยกรรมเจดีย์ย่อไม้สิบสองและเจดีย์แบบไม้สิบสองเพิ่มมุม ตัวเจดีย์ประดับด้วยกระเบื้องเครื่องถ้วยตัดประดิษฐ์เป็นลวดลายดอกไม้สวยงาม และที่สำคัญภายเจดีย์ก็บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ทุกองค์ด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระเจดีย์ของวัดโสมนัสฯ อยู่ด้านหลังพระวิหาร</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ย้อนกลับมาแถวท่าพระจันทร์ ที่ "วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์" หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า "วัดมหาธาตุ" ฟังจากชื่อก็รู้แล้วว่าวัดนี้ต้องมีพระบรมสารีริกธาตุแน่นอน และสำหรับผู้ที่ต้องการกราบไหว้พระธาตุ ก็ต้องไปที่ "พระมณฑป" ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของพระอุโบสถ ซึ่งภายในมณฑปนั้นเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ทองศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ นอกจากนั้นเจดีย์องค์นี้ยังถือเป็นศิลปะแบบรัชกาลที่ 1 และเป็นแบบฉบับของเจดีย์สมัยรัตนโกสินทร์ยุคแรกอีกด้วย

    และหากกราบพระธาตุแล้ว ก็อย่าลืมเข้าไปสักการะพระบรมรูปของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท หรือวังหน้าในรัชกาลที่ 1 ผู้ทรงสถาปนาวัด และยังเป็นแม่ทัพคนสำคัญของกองทัพไทยในสมัยเริ่มก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์อีกด้วย

    เดินทางกันต่อไปที่ "วัดบวรนิเวศวิหาร" วัดสำคัญที่นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญๆ อย่างพระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา และพระสุวรรณเขตแล้ว ภายในวัดก็ยังมี "พระเจดีย์" สีทองสุกใสที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 แล้วเสร็จในรัชกาลที่ 4 ภายในคูหากลางองค์เจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์กาไหล่ทอง ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=270 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=270>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระบรมสารีริกธาตุบนชั้นบนสุดของโลหะปราสาท</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>อีกทั้งบนชั้นสองของพระเจดีย์ก็ยังเป็นที่ประดิษฐานพระไพรีพินาศ พระพุทธรูปศิลาปางประทานพร ซึ่งมีผู้นำมาถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระพุทธรูปองค์นี้ต่อมาได้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่พุทธศาสนิกชน

    ข้ามไปยังถนนตะนาว ที่ "วัดมหรรณพาราม" ใกล้กับศาลเจ้าพ่อเสือ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 และมี "หลวงพ่อพระร่วง" พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยที่มีพุทธลักษณะที่งดงาม และเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนเป็นจำนวนมาก ประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหาร

    หลังจากที่ฉันเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อพระร่วงแล้ว ฉันก็ได้มาที่พระเจดีย์ทอง ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 ทรงมีพระราชศรัทธาสร้างขึ้นด้านหลังพระอุโบสถ และบนยอดเจดีย์นั้นก็บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=270 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=270>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของวัดบวรนิเวศ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>จากนั้นเดินทางไปต่อที่ "วัดราชนัดดา" วัดที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานเป็นเกียรติแก่พระราชนัดดา คือ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี วัดราชนัดดานี้มีจุดเด่นอยู่ที่ "โลหะปราสาท" ซึ่งเป็นโลหะปราสาทองค์แรกองค์เดียวของไทย (องค์ที่สามของโลก) มองเห็นได้ชัดเจนงดงามจากถนนราชดำเนิน ซึ่งบนชั้นบนสุดของโลหะปราสาทก็ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย สามารถเดินขึ้นไปสักการะกันได้

    หลังจากขึ้นไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุบนโลหะปราสาทมาแล้ว ก็มาออกแรงปีนกันอีกครั้งที่ "ภูเขาทอง" แห่ง "วัดสระเกศ" เพราะมีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ที่เจดีย์ด้านบน เชื่อว่าน่าจะเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่อยู่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ อีกด้วย

    สำหรับพระบรมสารีริกธาตุของวัดสระเกศนี้ ได้มาจากรัฐบาลอินเดีย ซึ่งขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์ และพิสูจน์ได้ว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นส่วนแบ่งของพระราชวงศ์ศากยราชเพราะมีคำจารึกอยู่ และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงทรงนำมาบรรจุไว้ที่เจดีย์ภูเขาทองนี้ และจัดให้มีงานสมโภช 7 วัน 7 คืน จนกลายเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นที่มาของงานวัดที่เก่าแก่ที่สุดอย่างงานวัดภูเขาทอง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=210 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=210>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภายในมณฑปประดิษฐานพระเจดีย์ทองศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ ในวัดมหาธาตุฯ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>มาต่อกันที่ "วัดโสมนัสวิหาร" วัดที่รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและอุทิศพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระบรมราชเทวี วัดแห่งนี้มีความน่าสนใจทั้งเรื่องของจิตรกรรมฝาผนังในพระวิหารที่เขียนเป็นเรื่องอิเหนา แตกต่างจากวัดอื่นที่มักเขียนเป็นเรื่องพุทธชาดก ส่วนภายในพระอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังทั้งภาพชุดปริศนาธรรม ภาพพุทธประวัติ ภาพธุดงควัตร ภาพพระยืนเพ่งซากศพ นอกจากนี้ที่บานประตูและหน้าต่างนั้นยังเป็นภาพเขียนของเนื้อและผลไม้ที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามและทรงอนุญาตให้พระภิกษุสามเณรฉันอีกด้วย

    ในส่วนของพระบรมสารีริกธาตุของวัดโสมนัสนั้นก็อยู่ด้านหลังพระวิหาร โดยรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงทอดกฐินที่วัดโสมนัสวิหาร และทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ทรงได้รับมาจากอินเดียไว้ที่เจดีย์องค์ใหญ่นี้ และต่อมาใน พ.ศ.2507 ทางวัดโสมนัสวิหารก็ได้อัญเชิญพระบรมธาตุอื่นอีกขึ้นไปบรรจุไว้ในที่เดียวกัน

    มาถึงวัดสุดท้าย เอ่ยไปทุกคนก็ต้องร้องอ๋อ!! เพราะฉันกำลังจะไปที่ "วัดประยุรวงศาวาส" วัดในฝั่งธนฯ ที่เพิ่งจะมีข่าวว่ากรุวัดประยูรฯ แตกไปเมื่อไม่นานมานี้ และการที่กรุแตกนั้นก็ทำให้ได้พบพระบรมสารีริกธาตุถึงสององค์ด้วยกันที่บรรจุอยู่ใน "พระบรมธาตุมหาเจดีย์" และพบพระพุทธรูปเก่าแก่อีกมากมาย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เจดีย์ทองในสมัยรัชกาลที่ 4 ด้านบนบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ที่ว่ากรุแตกนั้นก็เนื่องมาจากว่าเจดีย์องค์นี้ทรุดโทรมลงมาก อีกทั้งยังเอนเอียงไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ทางวัดจึงได้ดำเนินการซ่อมแซมเจดีย์ อีกทั้งยังสำรวจหาสถานที่ที่จะประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากประเทศศรีลังกาเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และในระหว่างซ่อมแซมนั้นจึงได้พบพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุไว้ในเจดีย์อยู่ก่อนแล้วสองกรุด้วยกัน

    ในตอนนี้ที่วัดประยูรฯ จึงมีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ทั้งหมด 3 องค์ด้วยกัน ซึ่งหากใครอยากจะไปกราบสักการะก็เชิญได้ที่พระวิหารของวัดประยูรฯ เพราะทางวัดได้นำพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปที่พบในกรุมาประดิษฐานไว้ให้กราบไหว้กัน อีกทั้งภายในพระวิหารก็ยังมี "พระพุทธนาค" พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ที่เชื่อว่าเป็นพระโบราณคู่กับพระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารวัดสุทัศน์ฯ อีกด้วย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- / message --><!-- sig -->
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไหว้พระ ๙ วัด เพื่อความเป็นสิริมงคล
    http://www.dhammathai.org/watthai/wat9wat.php

    <TABLE cellPadding=5 width=550 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    1. ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร

    (เวลาเปิด-ปิด 05.30 - 19.30 น.)

    คติ " ตัดเคราะห์ ต่อชะตา"
    กิจกรรม สักการะหลักเมือง ไหว้พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง เจ้าพ่อเจตคุปต์ พระเทพไชยศรี เจ้าพ่อหอกลอง ประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์ ตามธรรมเนียมเพื่อความเป็นสิริมงคล " ไหว้หลักเมือง ตัดเคราะห์ ต่อชะตา เสริมวาสนาบารมี "
    สถานที่ตั้ง อยู่บริเวณหัวมุมสวนหลวง ข้างพระบรมมหาราชวัง ถนนหลักเมือง
    แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
    การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 39, 43,
    44, 47, 53, 64, 80, 82, 91, 201, 203
    รถปรับอากาศ สาย 503,508, 512


    <TABLE width=147 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    2. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
    (เวลาเปิด-ปิด 08.30 - 16.00 น.)

    คติ "แก้วแหวนเงินทองไหลมา"
    กิจกรรม ไหว้พระแก้วมรกต พระพุทธรูปสำคัญในภูมิภาคเอเชีย เป็นศูนย์กลางความศรัทธาไทย - ลาว เพื่อความเป็นสิริมงคล " ไหว้พระแก้วมรกต แก้วแหวน เงินทองไหลมาเทมาตลอดปี "
    สถานที่ตั้ง อยู่ในพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
    การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 39, 43,
    44, 53, 59, 64, 80, 82, 91,201, 203
    รถปรับอากาศ สาย 501, 503, 508, 512


    <TABLE width=147 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    3. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
    (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

    คติ "ร่มเย็นเป็นสุข"
    กิจกรรม นมัสการพระพุทธไสยาสน์อันศักดิ์สิทธิ์ (ที่ฝ่าพระบาททั้งสองข้างประดับมุก ลวดลายภาพมงคล 108 ประการ) เพื่อความเป็นสิริมงคล " ไหว้พระนอนวัดโพธิ์ อยู่ดีกินดีตลอดปี "
    สถานที่ตั้ง หลังพระบรมมหาราชวัง ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
    การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 6, 9, 12, 25, 43, 44, 47, 53,
    60, 82, 91, 123,
    รถปรับอากาศ สาย 501, 508


    <TABLE align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    4. ศาลเจ้าพ่อเสือ
    (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

    คติ "มีอำนาจบารมี"
    กิจกรรม ไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือ "ศาลเจ้าเก่าแก่ของลัทธิเต๋า" หนึ่งในสามมหาสถานของพระนครที่ชาวจีนต้องสักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล
    " เสริมอำนาจบารมี "
    สถานที่ตั้ง ถนนตะนาว แขวงเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร
    การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 10, 12, 19, 35, 42, 56, 96


    <TABLE width=147 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    5. วัดสุทัศนเทพวราราม
    (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

    คติ "มีวิสัยทัศน์ที่ดี"
    กิจกรรม ไหว้พระองค์ประธาน (พระศรีศากยมุณี) ที่เก่าแก่ ซึ่งอดีตเคยประดิษฐานอยู่ที่วิหารหลวงวัดมหาธาตุของกรุงสุโขทัย เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดสุทัศนฯ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่บุคคลทั่วไป"
    สถานที่ตั้ง บริเวณเสาชิงช้า ตรงข้ามศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
    การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 10, 12


    <TABLE width=147 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    6. วัดชนะสงคราม
    (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

    คติ "มีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง"
    กิจกรรม ไหว้พระประธานในโบสถ์และรูปเคารพสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (บุญมา) ผู้นับถือความซื่อสัตย์ เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดชนะสงคราม อุปสรรคร้ายพ่ายแพ้"
    สถานที่ตั้ง ถนนจักรพงษ์ แขวงบางลำพู เขตพระนคร
    การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 3, 6, 9, 15, 30, 32, 33, 43, 53, 64, 65, 82, 123
    รถปรับอากาศ สาย ปอ. 6, 509


    <TABLE width=147 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    7. วัดระฆังโฆษิตาราม
    (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

    คติ "มีคนนิยมชมชื่น"
    กิจกรรม สักการะสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และพระประธานที่วัดระฆัง อ่านคาถาชินบัญชร เพื่อความเป็นสิริมงคล " ไหว้พระวัดระฆัง มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดปี "
    สถานที่ตั้ง ถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย
    การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 19, 57, 83
    ท่าเรือ เรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่ารถไฟหรือท่าวังหลังก็ได้ หรือลงเรือข้ามฟากจากท่าช้างไปท่าวัดระฆัง


    <TABLE width=147 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    8. วัดอรุณราชวราราม
    (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

    คติ "ชีวิตรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน"
    กิจกรรม ไหว้พระปรางค์วัดอรุณฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดอรุณ ชีวิตโรจน์รุ่ง ทุกวันคืน"
    สถานที่ตั้ง ข้างกองทัพเรือ ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่
    การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทางสาย 19, 57, 83
    ทางเรือ ลงเรือข้ามฟากที่ท่าเตียนขึ้นที่ท่าวัดอรุณ
    <TABLE width=147 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    9. วัดกัลยาณมิตร
    (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

    คติ "เดินทางปลอดภัย"
    กิจกรรม ไหว้หลวงพ่อซำปอกง (พระพุทธไตรรัตนนายก) พระโตริมน้ำตามตำนาน กรุงศรีอยุธยา ณ วัดกัลยาณมิตร เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้หลวงพ่อซำปอกง โชคดีมีชัยปลอดภัยตลอดปี"
    สถานที่ตั้ง แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี
    การเดินทาง โดยรถประจำทาง สาย 3, 4, 7, 7ก, 9, 21, 37, 56, 82
    รถปรับอากาศ สาย ปอ. 7, 21, 82 (นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างจากโรงเรียนศึกษานารี เข้ามาที่วัดเพราะรถ ประจำทางเข้าไม่ถึง)
    ทางเรือ ลงเรือข้ามฟากที่ท่าปากคลองตลาดขึ้นท่าวัดกัลยาณมิตร
    เพื่อความสะดวกควรเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง
    หรือบริการขนส่งสาธารณะ เนื่องจากสถานที่จอดรถมีจำกัดมาก
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     

แชร์หน้านี้

Loading...