พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.raja.mbu.ac.th/index.php?option=com_content&task=view&id=40&Itemid=1&lang=

    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2>พุทธศาสนิกชนทั่วโลกจะมีกิจกรรมในช่วงฤดูฝนนั่นคือวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาซึ่งเป็นประเพณีของชาวพุทธและเป็นวินัยบัญญัติสำหรับพระภิกษุสามเณรที่จะต้องอยู่จำพรรษาในช่วงฤดูฝน ชาวไทยจึงคุ้นเคยกับวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาเป็นอย่างดี ปีนี้ตรงกับวันที่ 29-30 กรกฎาคม 2550

    ภายหลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วได้ทรงเสวยวิมุติสุขตลอดเจ็ดสัปดาห์ ในคราวที่พระองค์ประทับอยู่ ณ ควงไม้อชปาลนิโครธนั้น ได้มีพระปริวิตกแห่งจิตเกิดขึ้นดังข้อความในพระวินัยปิฎก มหาวรรคว่า
     
  2. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    โธ่ให้เดาตั้งนานว่าใคร บอก สาธุครับทีเดียว แบบท่านปา-ทานว่าเลย เห็นภาพไอติมกับแป๊ะก๊วยลอยมาเลย ว่าแต่ไปเขาไหนมาเอ่ยเนี่ย ....สงสัยมาจากเขาไปไหนมาแน่เลยครับ
    สาธุครับ(เอาบ้าง)
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตอบคำถามพระธาตุเจดีย์ ๙ แห่ง รับมอบพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุอนุรุทธ พระธาตุสิวลี
    http://palungjit.org/showthread.php?p=862940#post862940

    ขออนุญาตคุณเพชรด้วยนะครับ นำรูปออร่าของผมมาให้ชมกันครับ

    เมื่อวันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม 2550 ผมไปถ่ายรูป(ออร่า) มา 2 รูปนะครับ

    โดยรูปแรกจะใส่พระพิมพ์
    [​IMG]



    รูปที่สองไม่ใส่รูปพระพิมพ์ (สีขาวที่หน้าผม ผมขอปิดหน้าผมเองนะครับ)
    [​IMG]



    .
    <!-- / message --><!-- attachments -->
    <!-- / message --><!-- sig --><TABLE class=tborder id=post862848 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 06:46 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#54 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>:::เพชร:::<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_862848", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:24 AM
    วันที่สมัคร: Jul 2006
    อายุ: 42 ปี
    ข้อความ: 2,008 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 14,465 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 20,253 ครั้ง ใน 2,062 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 2240 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]






    </TD><TD class=alt1 id=td_post_862848 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">สวยมากครับ auraของพระเครื่อง ก่อนสวมใส่พระเครื่องนี้ก็สวยมากเหมือนกัน รังสีสีม่วงนี้เป็นสีประจำจักราที่ ๗ ตำแหน่งของจักรนี้อยู่ตรงกึ่งกลางกระหม่อม ส่วนมากจะเป็นรังสีของผู้ที่เจริญสมาธิเป็นประจำ เมื่อสวมใส่พระเครื่องแล้วถ่ายในระยะเวลาใกล้เคียงกัน หากตัดเรื่องของอารมณ์(emotion)ออกไปไม่นำมาพิจารณา ถือว่าเป็นอารมณ์เดียวกันกับก่อนการสวมใส่พระเครื่อง เห็น aura เป็นสีขาวสว่างมากตรงกลาง ข้างบนมีสีม่วง และข้างล่างมีสีเขียว หากนำหลักของศาสตร์การบำบัดด้วยสี(colour healing)มาร่วมวิเคราะห์ด้วย พระเครื่ององค์นี้มีสีม่วงเป็นสีของฌานสมาธิขององค์ผู้เสก ขนาดของพื้นที่ขยายวงกว้างออกไป สีขาวบ่งบอกว่าถึงความว่าง ความบริสุทธิ์ รังสีสีเขียวหมายถึงการเติบโต ความมั่งคั่ง และการบำบัดโรคไข้เจ็บ รวมความว่า พระเครื่ององค์นี้หวังผลทางด้านการคุ้มครอง ปกป้องด้วยอำนาจอิทธิคุณของฌานสมาธิขององค์พระผู้เสก โน้มนำให้ผู้สวมใส่เข้าถึงกระแสบารมีธรรมได้รวดเร็ว ร่วมด้วยพลังเมตตารังสีสีขาวที่กระจายออกโดยรอบ ให้ผลเรื่องความคล่องตัวในการติดต่อการงาน เรียกว่าทางเปิดสะดวก และรังสีสีเขียวหวังผลด้านแคล้วคลาด และโชคลาภ การสวมใส่พระเครื่องนี้ยังเป็นการช่วยขยายอาณาบริเวณของ aura รอบร่างกายปกติของเราออกไปอีก...

    ขอบคุณคุณหนุ่มที่นำมาให้ชมกันครับ<!-- / message --><!-- sig -->







    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    **************************************************

    ขอบคุณคุณเพชรที่ช่วยวิเคราะห์ให้นะครับ

    (good)

    ศูนย์พัฒนาพลังชีวิต และ สถาบันเทคโนโลยีทางจิต
    อ.สถิตฐ์ธรรม เพ็ญสุขษ์
    http://www.powerlifecenter.com/

    สถาบันวิทยาศาสตร์ทางจิต
    http://www.intermindscience.org/

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2007
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ 3a3y3lue [​IMG]
    หากินกันหน้าด้านๆ โถสังคมเวป เห็นละเบื่อ อุตส่าห์ไม่ได้เข้ามา2เดือน ยังเหมือนเดิมเลย

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เรื่องธรรมดาครับน้องเอ
    เขาเลือกทางเดินของตนเอง แต่จะเลือกเดินทางไหนก็แล้วแต่เขา
    สงสารแต่พระโพธิสัตว์ที่พระองค์ท่านปราถนาจะขนสัตว์นรกไปพระนิพพานจนตนสุดท้ายครับ

    *******************************************

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" width="100%" colSpan=2>3a3y3lue [​IMG]
    สมาชิก

    </TD></TR><TR vAlign=top><TD></TD><TD class=smallfont vAlign=bottom align=right>กิจกรรมล่าสุด: เมื่อวานนี้ 11:36 AM

    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- / main info - avatar, profilepic etc. --><!-- button row --><TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR align=middle><TD class=vbmenu_control>Download vCard</TD><TD class=vbmenu_control>เพิ่ม 3a3y3lue ในรายชื่อคู่หูของคุณ </TD><TD class=vbmenu_control>Add 3a3y3lue to Your Ignore List </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- / button row -->
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat width="50%">Forum Info</TD><TD class=tcat width="50%">Contact Info</TD></TR><TR vAlign=top><TD class=panelsurround align=middle>
    วันที่สมัคร: 06-11-2007


    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>ข้อความ</LEGEND><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>Total Posts: 9 (0.24 posts per day) <!-- Start Post Thank You Hack -->
    Total Thanks: 26
    ได้รับอนุโมทนา 11 ครั้ง ใน 7 โพส ​
    </TD></TR><TR><TD>Find all thanked posts by 3a3y3lue <!-- End Post Thank You Hack --></TD></TR><TR><TD>ข้อความล่าสุด:
    </TD></TR><TR><TD>หาข้อความทั้งหมดของคุณ 3a3y3lue</TD></TR><TR><TD>หากระทู้ทั้งหมดที่คุณ 3a3y3lue ตั้งขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET> User Notes: [โพส User Note]



    </TD><TD class=panelsurround align=middle><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>อีเมล์:
    </TD></TR><TR><TD>ข้อความส่วนตัว:
    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เรา"ไม่รู้"ว่าเขามาจากไหน

    แต่เรา"รู้"ว่าเขาไปไหน
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    โธ่ให้เดาตั้งนานว่าใคร บอก สาธุครับทีเดียว แบบท่านปา-ทานว่าเลย เห็นภาพไอติมกับแป๊ะก๊วยลอยมาเลย ว่าแต่ไปเขาไหนมาเอ่ยเนี่ย ....สงสัยมาจากเขาไปไหนมาแน่เลยครับ
    สาธุครับ(เอาบ้าง)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    "เขา" บอกว่าอยู่บนภู "เขา" ครับ
    แต่ตอนนี้ "เขา" คงนั่งสะดุ้งกันบ้างครับ

    .
     
  7. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ขอบคุณครับที่บอกแต่ก็งงงงงงอยู่ดีตกลงไปไหนอ่ะครับแล้วเราเราไหนครับ(555คำถามล่อเป้า)(one-eye)
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ช่วยกันเช่าพระของหลวงพ่อฤาษีฯรายได้ทั้งหมดมอบให้ทางเวปเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ
    http://palungjit.org/showthread.php?p=863091#post863091

    <TABLE class=tborder id=post862533 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 11:36 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#930 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>กระพี้<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_862533", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:49 AM
    วันที่สมัคร: Dec 2006
    ข้อความ: 1,260 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 1,793 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 9,626 ครั้ง ใน 1,260 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 1097 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_862533 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->มาร่วมส่งพระประมูลหารายได้เข้าเวปครับ โอนเงินไปทางเวปแล้วผมจะออกค่าส่งพระไปให้เองครับ ประมูลราคาเท่าไรคุณจ่ายแค่นั้นแล้วแจ้งที่อยู่มาทางผม การประมูลไม่จำกัดจำนวน จะสิ้นสุดวันเสาร์ที่ 22 ธันวาคมนี้ เวลา 22.00 น. โดยให้คุณพัฒนาจัดการเรื่องการประมูลครับ

    สมเด็จหลวงปู่ครูบาวงศ์ รุ่นหลังเกศา เส้นขาวใสเป็นแก้ว พระท่านน่าเก็บไว้บุชาครับ เปิดราคาทำบุญ
    • เปิดราคาประมูลเริ่มต้น 200 บาท
    [​IMG]

    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- attachments --></TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลัก...ยิ้ม [​IMG]
    250 บาท

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    350 บาทครับ

    **********************************************

    แอบไปประมูลอีกสักรอบครับ

    .

    <!-- / message --><!-- sig -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3712.jpg
      IMG_3712.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.6 KB
      เปิดดู:
      368
    • IMG_3713.jpg
      IMG_3713.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.5 KB
      เปิดดู:
      361
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.banfun.com/culture/newyear.html

    <TABLE width=780 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=580>วันนี้ตรงกับ วันศุกร์ที่ ๑๔ ธันวาคม ปีพระพุทธศักราช ๒๕๕๐ </TD><TD align=right width=100></TD></TR></TBODY></TABLE>


    <CENTER><!--BEGIN WEB STAT CODE--><SCRIPT language=javascript1.1> page="Culture : ประเพณีวันขึ้นปีใหม่";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.1 src="http://hits.truehits.in.th/data/c0001674.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://tracker.truehits.in.th/func/th_donate_1.4.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://tracker.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT><!-- END WEBSTAT CODE --><TABLE style="FONT-SIZE: 16pt; COLOR: #0000ff; FONT-FAMILY: CordiaUPC" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780><TBODY><TR><TD width=50 bgColor=#ffffff>
    </TD><TD width=680>ประเพณีวันขึ้นปีใหม่

    </TD><TD width=50 bgColor=#ffffff></TD></TR><TR><TD width=50></TD><TD width=680>
    แต่เดิมนั้น เราถือเอาวันแรม ๑ ค่ำเดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับคติแห่งพุทธศาสนา ซึ่งถือช่วงเหมันต์หรือหน้าหนาวเป็นการเริ่มต้นปี ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงไปตามคติพราหมณ์ คือถือเอาวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๕ เป็นวันขึ้นปีใหม่ ครั้งภายหลัง เมื่อทางราชการนิยมใช้วันทางสุริยคติ จึงได้ถือเอาวันที่ ๑ เมษายน เป็นวันปีใหม่ มาตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๓๒ และเมื่อถึงปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ทางราชการก็ได้มีการประกาศเปลี่ยนแปลง ให้เอาวันที่ ๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับบรรดาอารยะประเทศ
    บางทีอาจจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า แต่ก่อนเราถือวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยด้วย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ วันสงกรานต์นั้นจะตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๕ ของทุกปี จนในปีพ.ศ. ๒๔๓๒ วันสงกรานต์นี้ตรงกับวันที่ ๑ เมษายน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ จึงประกาศให้ใช้วันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ และได้ใช้เรื่อยมา สาเหตุก็เพราะสอดคล้องกับธรรมเนียมโบราณ คือในปีนั้น ตรงกันทั้งวันสงกรานต์และวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๕
    ได้มีการใช้วันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยแต่นั้นเรื่อยมา แม้ว่าในปีต่อไปจะไม่ตรงกับวันสงกรานต์ ทั้งนี้เพื่อให้มีกำหนดวันทางสุริยคติที่แน่นอนตายตัวลงไป
    จันทรคติ คือ การนับวันเดือนปี โดยใช้การโคจรของพระจันทร์เป็นเกณฑ์ คือ นับขึ้นแรม นับเดือนอ้าย ยี่ สาม สี่ ฯลฯ นับปีชวด ฉลู ขาล เถาะ ฯลฯ เรียกว่า การนับทางจันทรคติ
    สุริยคติ คือ การนับวันเดือนปี โดยใช้การโคจรของพระอาทิตย์เป็นเกณฑ์ คือวิธีการนับอย่างในปัจจุบัน เช่น วันจันทร์ อังคาร พุธ เดือน มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม และปี พ.ศ. ปี ค.ศ. ต่างๆ ฯลฯ
    ต่อมาในวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ คณะรัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ ประกาศให้ใช้วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับประเทศอื่นๆ เป็นสากลทั่วโลก และใช้เรื่อยมาถึงปัจจุบัน


    การทำบุญวันขึ้นปีใหม่
    ================
    เมื่อใกล้ถึงเทศกาลปีใหม่ ประชาชนจะพากันเก็บกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับไฟและธงชาติตามสถานที่สำคัญๆ
    ครั้นถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ก็จะมีการทำบุญเลี้ยงพระ ไปวัดเพื่อประกอบกิจกุศลต่างๆ เช่น ฟังพระธรรมเทศนา ถือศีลปฎิบัติธรรม แต่บางคนก็แค่ทำบุญตักบาตร ตอนกลางคืนบางแห่งอาจจัดเทศกาลกินเลี้ยงเป็นที่ครื้นเครงสนุกสนาน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
    เช้าวันที่ ๑ มกราคม จะมีการทำบุญตักบาตร ไปท่องเที่ยวหรือเยี่ยมเยือนญาติผู้ใหญ่ผู้ที่เคารพนับถือ มีการมอบของขวัญและบัตรอวยพรให้แก่กัน
    สำหรับในต่างจังหวัด จะมีการทำบุญเลี้ยงพระที่วัด และอุทิศส่วนกุศลไปให้แก่ญาติที่ล่วงลับ กลางคืนมีการละเล่นพื้นบ้าน หรือจัดมหรสพมาฉลอง

    คติข้อคิดในวันปีใหม
    ================
    เมื่อวันเวลาผันเปลี่ยนเวียนไปครบ ๑ ปี เราได้อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงวันขึ้นปีใหม่ ขอให้ลองมองย้อนหลังกลับไปคิดดูว่า วันเวลาที่ผ่านมานั้นเราได้ใช้มันอย่างคุ้มค่าหรือเปล่า และได้กระทำคุณงามความดีอันใดไว้บ้าง ควรหาโอกาสกระทำให้ยิ่งขึ้นทุกปี ในขณะเดียวกันเราได้กระทำความผิดหรือสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องไว้หรือไม่ หากมีต้องรีบปรับปรุงแก้ไขตัวเอง

    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    อ้างอิง : ประเพณี พิธีมงคล และวันสำคัญของไทย เรียบเรียงโดย ธนากิต
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dhammathai.org/store/talk/view.php?No=333

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>...ภาวนาอันดับหนึ่ง ศีลอันดับสอง... <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>เราไปเทศน์ที่ไหนไม่พ้นที่จะพูดถึงเรื่องการภาวนา
    ถึงจะไม่รู้ไม่เห็นอะไรก็ตาม
    ผลแห่งการภาวนาของเรามีผลมาก เป็นอันดับหนึ่ง
    ทาน ศีลอะไรเป็นอันดับที่สอง

    อันดับที่หนึ่งก็คือการภาวนา
    ยิ่งรู้ยิ่งเห็นแล้วยิ่งปลูกศรัทธาความเชื่อมั่น
    ในผลของตนที่ทำขึ้นมาเรื่อยๆ

    ทีนี้ก็หนุนทาน หนุนศีล หนุนความดีทุกอย่าง
    แล้วหิริโอตตัปปะความสะดุ้งกลัวต่อบาปต่อกรรมทั้งหลาย
    มันจะรู้เข้ามา อันใดที่ควรกลัวมันจะปัดปุ๊บๆ เลยในหัวใจนั่นแหละ

    อย่างพระโสดาท่าน เพียงท่านสำเร็จโสดา
    นั่นคือเข้าสู่ความจริงแล้ว
    เชื่อบาปเชื่อบุญเชื่อกรรมแล้วนั่น
    ฝังแล้ว เมื่อฝังแล้วท่านจึงมีธรรมประจำใจ
    เป็นนิสัยขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

    เพราะฉะนั้นพระโสดาจึงไม่มีการรับศีล
    เป็นสมุจเฉทวิรัติโดยอัตโนมัติไปเลย
    คือหิริโอตตัปปะสะดุ้งกลัวต่อบาปต่อกรรมไปในนั้นเสร็จเลย
    เช่นรับศีล ๕ ศีล ๘ ศีลอะไรนี้
    หากว่าอยู่กับหมู่กับเพื่อนท่านก็นำบรรดาประชาชนรับเท่านั้น


    ผู้ที่เป็นพระโสดานั้นท่านจะไม่มีเจตนาว่าตั้งใจจะรับศีล
    เพราะศีลเราด่างพร้อยหรือขาดทะลุ ไม่มี
    เป็นแต่เพียงเป็นผู้นำๆ นี่เรียกสมุจเฉทวิรัติของพระอริยบุคคล
    สมุจเฉทวิรัติของปุถุชนนี้ตั้งความงดเว้นไว้ตลอดวันตาย
    นี้เรียกว่าวิรัติตลอดวันตายเลย


    ส่วนพระอริยบุคคล เช่น ขั้นพระโสดาขึ้นไปนี้
    จะเป็นสมุจเฉทวิรัติโดยอัตโนมัติตลอดวันตายเหมือนกัน ไม่ได้ตั้งท่าตั้งทาง
    เรื่องหิริโอตตัปปะสะดุ้งกลัวต่อบาปต่อกรรมทั้งหลายนี้ เป็นขึ้นมาเองๆ

    นี่ละออกจากภาวนา ออกจากการได้ยินได้ฟัง
    รู้เห็นธรรมเป็นความจริงแล้วปลูกขึ้นมาทุกอย่าง
    ขึ้นชื่อว่าความจริง ความจอมปลอมปัดออกๆ ท่านเป็นอย่างนั้น

    ไปที่ไหนเราก็ได้เทศน์เสมอเรื่องภาวนา
    เพราะเป็นหลักสำคัญมาก
    มันจะไม่เป็นก็ตาม การภาวนาของเราก็มีผลมากตลอดอยู่แล้วนี่อันหนึ่ง
    แล้วยิ่งจะได้รู้สิ่งนั้นเห็นนี้ยิ่งจะแตกกระจัดกระจายออกไป ฝังลึกลงโดยลำดับ
    เรื่องเชื่อบุญเชื่อกรรมไม่ต้องบอก เป็นขึ้นมาเอง


    แล้วกระจายออกไปความเชื่อ กระจายกว้างขวางลึกซึ้งไปเรื่อยๆ
    นี่เกิดขึ้นจากการภาวนา การที่เราได้ยินได้ฟังจากครูจากอาจารย์นี่ก็เป็นบทหนึ่ง
    แต่สู้บทภาวนาที่ประจักษ์ขึ้นในเจ้าของไม่ได้จากครูบาอาจารย์สอนแล้วทำอย่างนั้นๆ
    อันนี้จะเป็นที่แน่ใจตัวเองได้โดยลำดับ จึงอยากให้พี่น้องทั้งหลายได้ภาวนา

    ที่สรุปลงมานี้คือจากการภาวนานะ
    การภาวนาจึงพิสดารมากทีเดียว
    สิ่งไม่เคยรู้เคยเห็นไม่เคยคาดเคยคิด
    เป็นขึ้นมาได้ไม่สงสัย ก็กิเลสอันเดียวเท่านั้นปิดไว้
    พอเปิดนี้จ้า มันก็เห็น เปิดมากเปิดน้อยเห็น
    เปิดจ้าหมด เห็นกระจ่างเต็มหัวใจเลย
    เป็นอย่างนั้นนะ ต่างกัน จึงอยากให้ภาวนา

    ไปที่ไหนทุกวันนี้มักจะเทศน์ทางภาวนา
    เพราะความสงสาร อยากให้ตั้งหลักตั้งเกณฑ์ไว้ในจุดภาวนา
    ถึงจะไม่ได้ความแปลกประหลาดอัศจรรย์
    การภาวนานี้มีอานิสงส์มากยิ่งกว่าการสร้างบุญทั้งหลายนะ
    จะได้สั่งสมบุญกุศลตลอด

    จะรู้เห็นอะไรไม่เห็นอะไรก็ตาม
    ส่วนบุญกุศลเกิดขึ้นจากการภาวนา
    เป็นรากฐานสำคัญและมีอานิสงส์มากด้วย
    จึงขอให้พากันตั้งอกตั้งใจทำภาวนา
    บำรุงลำต้นให้ดี กิ่งก้านสาขาดอกใบจะแตกกระจายออกไป

    : หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=250&CatID=2
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา : คุณ I am... http://dhammajak.net <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD align=right>ลูกโป่ง [DT02577] [ วันพุธ ที่ 28 พฤศจิกายน 2550 เวลา 09:08 น. ]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dhammathai.org/store/talk/view.php?No=343


    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>พระคาถาสิวลี ภาวนาเพื่อให้ชีวิตไม่ขาดเงินและเกิดโชคลาภ <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    ไม่มีพระท่านใดจะช่วยเราได้ หากเราไม่สร้างบุญด้วยตัวเราเอง


    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>คาถาบูชาพระสิวลี (หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท)
    สีวะลี จะ มะหาเถโร ปัจจะยะลาภะปูชิโต มะนุสโสเทวะตาอินโท
    พระมายะโม ยักขาวา ปิตัสสะ นิรันตะรัง ปะนะ ลาภะ สักการเรอาเน็นติ
    นิจจัง สิวะลิดเถรัสสะลาโภจะ สักกาโร โหติ สีวะลีมะหาเถรันจะปูชะกัสสะ
    สะทาวาปิ คาถันจะ สังวัดตะนัสสะลาโภจะ สักกาโรโหติเถรัสสะ อานุภาเวนะ
    ลาโภเมโหตุสัพพะทาเอเตนะ สัจจะวัดเชนะ ลาโภเมโหตุ สัพพะทาฯ

    คำอาราธนาพระสิวลี
    สีวลี จะ มะหาเถโร เทวะตา นะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ
    สีวลี จะ มะหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง
    วันทามิ สัพพะทา สีวลี เถรัสสะ เอตัง คุณัง สวัสติลาภัง ภะวันตุ เมฯ

    คำบูชาพระสิวลี
    อิมินา สักกาเรนะ สีวลีเถรัง อะภิปูชะยามิ
    เมื่อบูชาแล้วกำหนดภาวนาในใจว่า
    สีวลี จะ มะหาเถโร อินโท พรัมมาจะ ปูชิตัง สัพพะลาภัง ประสิทธิเม
    เถรัสสะ อานุภาเวนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุเมฯ

    คำอธิษฐานขอลาภจากพระสิวลี (แต่งโดยหลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ) คำไหว้บูชาขอลาภจากพระฉิมพลี (พระสีวลีเถระ) มีดังนี้
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
    สีวะ สีมะหา เถรัง วันทามิหัง สีวะ สีมะหา เถรัง วันทามิหัง สีวะ สีมะหา เถรัง วันทามิหัง มะหาสีวลี เถโร มะหาลาโภ โหติ มะหาสีวลี เถโร ลาภัง เม เท ถะ

    พระคาถาหัวใจพระฉิมพลี
    สาธุ สิวลีจะมหาเถโร
    นะชาลิติ ปะสิทธิลาภา ปะสันนะจิตตา สะทา โหนติ ปิยัง มะมะ สัพเพชะนา พะหูชะนา สัพเพทิสา สะมาคะตา กาละโภชะนา วิภาละโภชะนา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ ปิยัง มะมะ

    คาถาบูชาพระสิวลี (แบบย่อ)
     
  12. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    โธ่ให้เดาตั้งนานว่าใคร บอก สาธุครับทีเดียว แบบท่านปา-ทานว่าเลย เห็นภาพไอติมกับแป๊ะก๊วยลอยมาเลย ว่าแต่ไปเขาไหนมาเอ่ยเนี่ย ....สงสัยมาจากเขาไปไหนมาแน่เลยครับ
    สาธุครับ(เอาบ้าง)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    พี่ท่าน
    รู้แล้วหรือว่าผมจักไปไหน สาธุ
    หากพบกัน ก็ขอเรียนถามครับ
    ตอนนี้งานมาก แถมพลังดันในจิตก็มากตาม

    และวิธีที่พี่ใหญ่แนะนำ เนียนมากครับ
    สาธุ สาธุครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“จรัญ” สั่งสอบการสร้างพระสมเด็จเหนือหัวแอบอ้างเบื้องสูง!</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>14 ธันวาคม 2550 17:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>แผ่นพับโฆษณษพระสมเด็จเหนือหัว</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ปลัด ยธ.สั่งดีเอสไอ-ปปง.ตรวจสอบการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว อาจเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน หลังสำนักพระราชวัง ระบุ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้าง

    วันนี้ (14 ธ.ค.) นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักพระราชวัง ชี้แจงว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ที่มีการติดป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั่วกรุงเทพฯ โดยระบุว่า รายได้จากการจัดสร้าง จะนำเข้าสมทบทุนมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ เพื่อจัดสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ พร้อมกับมีการนำตราพระมงกุฎประทับไว้หลังองค์พระ และแอบอ้างว่า ได้ใช้มวลสารจากดอกไม้พระราชทาน ว่า ได้สั่งการให้ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าไปดูแลและตรวจสอบ ว่า มีการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ โดยตนกำชับให้เร่งเก็บข้อมูลให้เร็วที่สุดไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลาย เพราะหากมีการหลอกลวงประชาชน ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นศาสนา สถาบัน และประชาชน ที่ถูกฉ้อโกง

    โดยในช่วงบ่ายวันนี้ (14 ธ.ค.) ดีเอสไอ ได้จัดชุดสืบสวนเข้าหารือกับสำนักพระราชวัง เพื่อรวบรวมข้อมูล และแบ่งทีมไปหารือกับกรมการศาสนา เพื่อขอหลักฐานเกี่ยวกับระเบียบในการจัดสร้างวัตถุมงคล รวมถึงส่งชุดไปรวบรวมข้อมูลจากวัดสุทัศน์เทพวรารามวรมหาวิหาร และมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์

    พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่า กรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่ง เป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ของ ปปง.จึงถือเป็นคดีพิเศษ ที่ดีเอสไอสามารถเข้าสืบสวนรวบรวมหลักฐานได้

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการชี้แจงของสำนักพระราชวัง ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว เว็บไซต์หลายแห่งที่เปิดรับจองพระสมเด็จเหนือหัวได้ประกาศปิดการซื้อขายและการโฆษณาผ่านเว็บไซต์แล้ว โดยมีประชาชนผู้เสียหายที่เช่าพระสมเด็จเหนือหัวไปบูชา เข้ามาเขียนกระทู้ตำหนิผู้จัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว พร้อมทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาดำเนินคดี ส่วนบรรยากาศในวัดสุทัศน์ และมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดสุทัศน์ ไม่มีการติดป้ายโฆษณาให้เช่าพระสมเด็จเหนือหัวแล้ว แต่ป้ายโฆษณายังคงมีปรากฎให้เห็นตามร้านค้าโดยรอบวัดสุทัศน์ฯและถนนหลายสายในเขตกรุงเทพฯ

    รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น วัดสุทัศน์ และมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ยืนยันว่า ถูกแอบอ้างชื่อไปใช้ในการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว โดยผู้จัดสร้างพระเคยบวชเป็นเณรที่วัดสุทัศน์แล้วสึกออกไป

    สำหรับแผ่นพับโฆษณาพระสมเด็จเหนือหัว มีรายละเอียดเกี่ยวกับความสำคัญของมวลสารที่ใช้ผสมลงในองค์พระ โดยระบุว่า เป็นดอกไม้จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเป็นเครื่องบูชากัณฑ์เทศน์ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายบูรพกษัติยาธิราช รวมทั้งพิธีการปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ พร้อมทั้งบรรยายวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ที่จะนำเงินไปสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้างอนุสรณ์ชิ้นสำคัญเป็นตำนานคู่ประวัติศาสตร์ชาติไทย แต่ไม่ได้ระบุสถานที่จัดสร้าง โดยพระสมเด็จเหนือหัวจัดทำให้เช้าบูชา แบ่งเป็น 5 สี 5 ภาค ได้แก่ สีขาววัดระฆัง ภาคกลาง สีเขียวพระแก้ว ภาคอีสาน สีเหลือง ภาคเหนือ สีชมพูทิพย์ ภาคตะวันออก และสีน้ำทะเล ภาคใต้ โดยเปิดให้เช่าบูชาองค์ละ 999 บาท

    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา สำนักพระราชวัง ออกชี้แจงถึงกรณีที่ขณะนี้มีกลุ่มแอบอ้าง จัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว และมีการระบุว่า รายได้จากการจัดสร้างจะนำเข้าสมทบทุนมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ เพื่อจัดโครงการสร้างอุโบสถ สองกษัตริย์ พร้อมกับมีการนำตราพระมงกุฎประทับไว้หลังองค์พระ ทั้งนี้ การจัดสร้างดังกล่าว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับทางสำนักพระราชวังแต่อย่างใด

    พร้อมกันนี้ เมื่อมีการตรวจสอบไปยังมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปรากฏว่า ทางมูลนิธิไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้าง และการที่ผู้จัดสร้างนำตราพระมงกุฎไปประทับหลังองค์พระนั้น ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะไม่มีการขอพระราชทานอนุญาต จากทางสำนักพระราชวัง

    ขณะที่มวลสารในการจัดสร้างที่มีการอ้างว่า เป็นดอกไม้พระราชทานนั้น ทางสำนักพระราชวังได้ชี้แจงว่า ตั้งแต่มีการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ปรากฏว่า ทางผู้จัดสร้างไม่เคยขอพระราชทานดอกไม้เพื่อนำไปใช้เป็นมวลสาร เรื่องที่เกิดขึ้นจึงเป็นการแอบอ้างและทำให้ประชาชนเข้าใจผิด

    ทั้งนี้ จากการตรวจสอบถึงขั้นตอนการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ปรากฏว่า ไม่มีการระบุผู้จัดสร้างที่ชัดเจน ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดว่า พระสมเด็จเหนือหัว เกี่ยวข้องกับทางสำนักพระราชวัง และทำให้เกิดความเสียหายกับทางสำนักพระราชวังเป็นอย่างมาก
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รู้แล้วครับ รู้ว่าจักไปไหน

    ไปเล่นลมครับ

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://thai.mindcyber.com/modules.php?name=Sections&op=printpage&artid=254

    กระจกส่องกรรม
    [​IMG] ... สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหาร เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครลาวัตถี สมัยนั้นแล สุภมาณพโตเทยยบุตร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ยังที่ประทับ แล้วไดัทักทายปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้น ผ่านคำทักทายปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว ได้นั่ง ณ ที่ควร ส่วนข้างหนึ่ง ฯ
    สุภมาณพ โตเทยยบุตร พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ทูล ถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอ แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พวกมนุษย์ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่ ปรากฏ ความเลวและความประณีต คือ มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=277 border=0><TBODY><TR><TD width=142> มีอายุสั้น </TD><TD width=135>มีอายุยืน</TD></TR><TR><TD>โรคมาก</TD><TD width=135>มีโรคน้อย</TD></TR><TR><TD>มีผิวพรรณทราม </TD><TD>มีผิวพรรณงาม</TD></TR><TR><TD>มีศักดาน้อย</TD><TD>มีศักดามาก</TD></TR><TR><TD>มีโภคะนัอย</TD><TD>มีโภคะมาก</TD></TR><TR><TD>เกิดในสกุลต่ำ </TD><TD>เกิดในสกุลสูง</TD></TR><TR><TD>ไร้ปัญญา </TD><TD>มีปัญญา</TD></TR></TBODY></TABLE> พระผู้มีพระภาคตรัสว่า... ดูกรมาณพ สัตว์ทั้งหลาย
    "มีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้"
    ส. ข้าพระองค์ย่อมไม่ทราบเนื้อความโดยพิสดารของ อุทเทศที่พระโคดมผู้เจริญตรัสโดยย่อ มิได้จำแนกเนื้อความโดย พิสดารนี้ได้ ขอพระโคดมผู้เจริญได้โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระ องค์ โดยประการที่ข้าพระองค์จะพึงทราบเนื้อความแห่งอุเทศนี้ โดยพิสดารได้เถิด ฯ
    พ. ดูกรมาณพ ถ้าอย่างนั้นท่านจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เรา จะกล่าวต่อไป...
    จูฬกัมมวิภังคสูตร พระสุตตันปิฎก เล่ม 6 มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน

    ..... หากผู้ใดเคยแบ่งปันข้าวปลาอาหารคาวหวานและน้ำ ดื่มให้แก่คนตกทุกข์ได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักกันหรือคนยาก จนข้นแค้น หากเกื้อกูลช่วยเหลือให้เขาได้กินจนอิ่มท้องและพ้น จากทุกข์ทรมานในความอดอยากหิวโหย
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงเป็นผู้ที่มีความอุดมสมบูรณ์พร้อม ในเรื่อง อาหารการกินมิได้ขาด ตลอตชีวิตจะไม่มีวันต้องอดอยาก แม้ บางคนมีฐานะด้อยมิได้ร่ำรวยอย่างเศรษฐี แต่ก็จะมีความ สมบูรณ์พูนสุขในเรื่องอาหารอย่างมิได้เป็นทุกข์เป็นกังวลใดๆ เลย
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    .... หากผู้ใดเคยแบ่งปันเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มให้แก่คนยาก จนที่ตกทุกข์ลำบาก บริจาคเสื้อผ้าเป็นทาน ให้เขาได้มีสวมใส่ พ้นจากความขาดแคลนและเป็นทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเก่าที่ ใช้แล้วหรือให้ทานด้วยเสื้อผ้าใหม่ก็ตาม รวมถึงผู้ที่มักชอบถวาย สบง จีวร แก่พระภิกษุสงฆ์เสมอ
    ในชาตินี้
    .... ผู้นั้นจึงมักมีเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่เพียบพร้อมสวมใส่ ตลอดชีวิต แม้ว่าบางคนอาจมีฐานะด้อยมิได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐี แต่ก็จะได้มีเสื้อผ้าดีๆ ใส่อย่างอุดมสมบูรณ์ มิต้องคอยเป็นทุกข์ เป็นกังวลในเรื่องเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มแม้แต่น้อย
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยมีส่วนร่วมลงมือลงแรง ช่วยทำการ ซ่อมสะพานข้ามคลอง หรือซ่อมทางสัญจรไปมาต่างๆให้แก่ สาธารณะโดยไม่ได้คิดหวังค่าจ้างค่าตอบแทนใดๆ หรือหากเคย ช่วยบริจาคเงินทองในการสร้างสะพานหรือถนนหนทางต่างๆ ให้ เกิดเป็นประโยชน์แก่คนหมู่มากในชุมชนแห่งใดแห่งหนึ่ง ไม่ว่า จะลงแรงกายแรงใจหรือแรงเงินก็ตาม
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงมีพาหนะเอาไว้ใช้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งอาจ จะมีรถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ หรือเรือก็เป็นได้ โดยไม่ต้องพบกับ ความลำบากในการเดินทาง หากผู้ใดมียวดยานพาหนะหลาย อย่าง เรียกว่ามีทั้งรถ เรือ หรือเครื่องบินส่วนตัว ก็แสดงว่าได้ ช่วยซ่อมสร้างสะพานหรือทางสัญจรเอาไว้มากในชาติที่แล้ว ชาติปัจจุบันจึงมียวดยานพาหนะใช้อย่างสะดวกและบริบูรณ์
    <!--pagebreak-->
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://thai.mindcyber.com/modules.php?name=Sections&op=printpage&artid=254

    [​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยมีส่วนรวมในการซ่อมแซมโบสถ์ วิหาร ในวัด มิว่าจะโดยการลงทุนด้วยเงินทองหรือลงแรงกายแรงใจ ก็ตาม และนอกจากการช่วยซ่อมแซมแล้ว ถ้าหากผู้ใดเคยมี ส่วนร่วมลงแรงหรือสมทบทุนในการสร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้าง วิหาร สร้างศาสนสถานหรือสำนักปฏิบัติธรรมต่างๆ ก็นับว่า อยูในเกณฑ์
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงมีบ้านเรือนที่พักอาศัยใหญ่โตหรูหรา หรือ มีตึกมีอาคารเป็นที่ทำการค้า ยิ่งไปกว่านั้นอาจเป็นเจ้าของศูนย์ การค้าหรือห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นธุรกิจของตนเองอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และคฤหาสถ์หรือตึกอาคารนั้นก็เป็นที่รู้จักและชื่นชม ของบุคคลทั่วไป กล่าวได้ว่านอกจากจะมีทรัพย์เป็นคฤหาสถ์ หรือตึกอาคารใหญ่โตแล้ว ยังเป็นที่เคารพนับถือของคนต่างๆ ประสาผู้มีบุญมีวาสนาไม่ธรรมดา
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยจัดหาดอกไม้สด ที่มีทั้งกลิ่นหอมสดชื่น และความสวยสดมาถวายพระ ไม่ว่าจะเป็นพระภิกสงฆ์ในวัด หรือพระพุทธรูปที่ตั้งไว้บูชาในที่ต่างๆ ก็ตาม หรือบุคคลที่มีจิต โจงดงามไม่ถือโทษโกรธเคือง รู้จักให้อภัยและยินยอมผ่อนปรน ยกโทษให้ผู้อื่นอยู่เสมอ เช่นนี้ก็นับว่าอยู่ในเกณฑ์ทั้งสิ้น</B>
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่มีรูปลักษณ์งดงามกว่าคนธรรมดา ทั่วไป มิว่าคนผู้นั้นจะเป็นบุรุษหรือสตรีจะมีใบหน้าที่งดงามเป็น ที่ต้องตาต้องใจแก่ผู้ได้พบเห็น มีรูปร่างงามสมส่วนตลอด ร่างกาย เป็นที่นิยมของคนทั่วไปด้วยว่าตั้งแต่เกิดก็มีความงาม มีความสง่าเป็นพิเศษ เมื่อมีอายุแก่ตัวไปก็ยังดูงามและดูสง่า เสมอไป เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยได้จัดหาน้ำมันไปถวายสำหรับจุดโคมไฟ ในโบสถ์วิหารหรือวัดวาอารามต่างๆ อยู่เป็นนิจ หรือทุกครั้งทุก คราวที่เข้าวัดไปทำบุญไหว้พระนั้น มักจะต้องจุดตะเกียงหรือ โคมไฟพร้อมบริจาคเงินถวายค่าเติมน้ำมัน หรือจัดหาน้ำมันไป ถวายด้วยเป็นประจำสม่ำเสมอ
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจะได้เป็นบุคคลที่มีดวงตางดงามสดใส กล่าว ได้ว่าดวงตาคู่นั้นจะมีทั้งความงามและความบริบูรณ์คือมีสายตา ที่ดีตั้งแต่เกิดไปจนแก่เฒ่า ไม่มีสายตาที่สั้นหรือฝ้าฟางอย่าง คนอื่นทั่วไป ใครพบใครเห็นก็ต้องชื่นชมยอมรับในดวงตาคู่นั้น ตราบบั้นปลายของชีวิต
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ...... หากผู้ใดเคยมีส่วนร่วมในการบริจาคยารักษาโรคให้ แก่คนยากเข็ญที่เจ็บไข้ได้ป่วย โดยบริจาคเป็นยารักษาโรคหรือ เงินทองสำหรับการชื้อยารักษาโรคก็ตาม แต่ถ้าการบริจาคยา นั้นแล้วทำให้เกิดประโยชน์แก่คนไข้อนาถา ช่วยให้ทุเลาจากโรค ภัยไข้เจ็บได้ตามสมควรก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ อย่างน่าอัศจรรย์ ยากที่จะเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยหรือต้องมีทุกข์ถึงขั้น ล้มหมอนนอนเสื่อ กล่าวได้ว่านับตั้งแต่เกิดจนถึงวัยเฒ่าชราก็จะ ยังคงแข็งแรง และมีสุขภาพดีเป็นพิเศษกว่าบุคคลอื่นๆ ทั่วไป
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยมีส่วนร่วมในการช่วยซ่อม หรือสร้าง ศาลาพักร้อนให้แก่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นศาลาพักร้อนริมทาง หรือศาลาพักภายในวัดวาอาราม หรือมีสวนร่วมในการลงมือ ลงแรงหรือบริจาคเงินทองก็แล้วแต่ ถ้าเคยช่วยให้ชาวบ้านชาว เมืองได้มีประโยชน์ในศาลาพักใดๆ ก็ตาม ถือว่ามีส่วนในการ นั้นทั้งสิ้น
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงมีแต่ความสงบร่มเย็นในการดำรงชีวิต และ มีผู้คนเคารพยกย่องตลอดไป บรรดาชาวบ้านหรือคนทั่วไปล้วน แล้วแต่นิยมรักโคร่ มาแวดล้อมมานับถือและยินดีช่วยเหลือ ตามแต่จะขอแรง นับได้ว่าเป็นคนมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ มี บริวาร มีเกียรติ เป็นที่กว้างขวางในสังคม
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยให้เกียรติและปฏิบัติต่อคนไร้ญาติขาด มิตรเป็นอย่างดีราวกับว่าเขาเป็นคนเท่าเทียมกับตน ไม่เคยคิด ดูถูกดูหมิ่นหรือหัวเราะเยาะบุคคลที่ไร้ญาติขาดมิตรหรือเป็นคน กำพร้า ไม่เคยขับไล่ผลักไส แต่กลับให้ความโอบอ้อมอารีและ ยินดีช่วยเหลือเกื้อกูลพวกเขาตามควร
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงอบอุ่นและบริบูรณ์ไปด้วยพ่อแม่ญาติพี่น้อง ที่ดี มีความสมัครสมานกลมเกลียว ช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วยดี ตลอดไป ผู้นั้นจะไม่มีวันเป็นคนกำพร้าขาดพ่อหรือแม่ ไม่มีวัน เป็นคนโดดเดี่ยวไร้ญาติขาดมิตร ในครอบครัวจะอยู่ดีมีสุข สมบูรณ์เพราะมีพ่อแม่คอยเป็นหลักให้ความอบอุ่น และคอย ค้ำจุนพร้อมด้วยญาติมิตรอีกพรั่งพร้อม
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยร่วมทำบุญทำทานกับใครๆ เขาทั่วไป ที่มาบอกบุญ ไม่ว่าจะเป็นกฐิน ผ้าป่า หรือบริจาคทำบุญให้ แก่ตู้บริจาคของวัดวาอารามทั่วไป หรือร่วมอนุโมทนาทำบุญ กับงานบวช งานศพ งานวัด งานกุศลต่างๆ หรือแม้แต่เป็น การทำบุญทั่วไปในลักษณะอื่นๆ ใดๆ ก็ตาม
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงได้มีสามีหรือภริยาที่ดีงาม ซึ่งกล่าวได้ว่าผู้ที่ จะมาเป็นคู่ชีวิตของบุคคลนั้นจะเป็นคนที่มีรูปโฉมงาม มีนิสัย ใจคอที่ดี และบุคคลผู้นี้ก็ยังจะได้ลูกเขย หรือลูกสะใภ้ที่ดีเป็น เกียรติเป็นศรีสง่าให้แก่ครอบครัว บรรดาชาวบ้านทั่วไปต่าง ชื่นชมในคู่ของท่านหรือในลูกเขยลูกสะใภ้ของท่านอย่างน่าภาค ภูมิใจไม่น้อย
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยทำบุญทำทานด้วยการสละเงินไปซื้อ สัตว์ใดๆ ก็ตามที่เขาจะนำไปฆ่าไปแกงกินเป็นอาหาร เมื่อขอซื้อ แล้วก็นำเอาสัตว์เหล่านั้นไปปล่อยให้เขาได้มีชีวิตตามธรรมชาติ สืบต่อไป ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ตั้งแต่ กุ้ง หอย ปู ปลา นก หมู เป็ด ไก่ จนถึงวัว ควาย หากขอซื้อชีวิตเขาแล้วนำ ไปปล่อยเพื่อไม่ให้เขาต้องถูกฆ่าตายก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์นี้
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่มีอายุมั่นขวัญยืน กล่าวคือตั้ง แต่เกิดมาจนกระทั่งแก่เฒ่าก็จะมีสุขภาพดี ไม่ต้องเป็นทุกข์กับ การเจ็บป่วยจนตาย จะเป็นผู้ที่แก่ลงอย่างมีความสุขมีอายุยืน นาน ไม่ถึงแก่ความตายในวัยที่ไม่ควร ได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ให้แก่บรรดาลูกๆ หลานๆ เพราะมีบุญบารมีเช่นนี้แล
    <!--pagebreak-->
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://thai.mindcyber.com/modules.ph...page&artid=254

    [​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยมีจิตใจเมตตาปรานีต่อบรรดาสัตว์ต่างๆ ทั้งหลายทั้งปวง โดยนำเอาเศษอาหารที่เหลือ หรืออาหารสัตว์ มาให้ทานแก่สัตว์นั้นๆ ให้ได้กินจนอิ่มอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นนก แมวหรือสุนัข ซึ่งมิได้เป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านของตนมาแต่แรก
    ในชาตินี้
    .... ผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่มีชีวิตค่อนข้างสมบูรณ์ไปตลอด ในด้านฐานะนั้นไม่ว่าจะรวยหรือไม่ก็ตาม แต่จะเป็นผู้ที่แวด ลัอมไปด้วยบุตร บริวาร และบ่าวไพร่คอยปรนนิบัติดูแลคอย รับใช้อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นแห่งหนแห่งใดก็มีแต่คนคอย เคารพนับถืออยู่เสมอ ชีวิตอุดมไปด้วยข้าวปลาอาหารบริบูรณ์ ไม่ขัดสน และจะไม่ได้รับภยันตรายใดๆ จากสัตว์ร้ายเลย
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยยื่นมือให้ความช่วยเหลือบุคคลที่อยู่ท่าม กลางความทุกข์หรือจนตรอกกับสภาพมุมอับของชีวิต แม้จะ เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ยินดีให้ความช่วยเหลืออย่างเต็ม กำลังทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะทางด้านกำลังทรัพย์ หรือคำแนะนำ ในการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มโจ โดยจะต้องประพฤติตนให้การ ช่วยเหลือเช่นนี้อยู่เป็นประจำจึงจะถือว่าอยู่ในเกณฑ์
    ในชาตินี้
    .... คนผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่มีแต่ผู้คนนิยมชื่นชมรักใคร่ และคอยให้การช่วยเหลืออยู่เสมอ ไม่ว่าจะมีฐานะร่ำรวยหรือ ยากจนก็ตาม เมื่อถึงคราวเกิดปัญหาติดขัดประการใดก็จะมีผู้ คอยยื่นมือให้ความช่วยเหลือสนับสนุน เมื่อไปถึงที่ใดก็จะได้รับ น้ำใจไมตรีที่จริงใจตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องเป็นทุกข์เป็นกังวล ว่าใครจะมาคิดร้ายแม้แต่น้อย
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    .... หากผู้ใดเคยมีจิตใจเมตตาอารี ได้เสียสละทั้งทรพัย์สิน เงินทองและข้าวของต่างๆ ตลอดจนเรี่ยวแรงกำลังของตนใน การช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่เสมอ เป็นต้นว่าเด็ก กำพร้า คนยากคนจน คนพิการ คนชราที่ถูกทอดทิ้ง หรือคน ที่ยากเข็ญ ถ้าได้มีส่วนช่วยเหลือเจือจุน ให้เขาได้พ้นทุกข์ก็อยู่ ในเกณฑ์ทั้งสิ้น
    ในชาตินี้
    .... เมื่อเกิดมาโนชาตินี้ ผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่มีผู้คนมาก มายให้ความเคารพนับถืออย่างแท้จริง กล่าวได้ว่าเป็นผู้อยู่ใน ตำแหน่งอันมีศักดิ์มีศรี อุดมไปด้วยเกียรติยศถาบรรดาศักดิ์ ผู้คนทั้งหลายล้วนรักโคร่และยกย่องกันทั่วไป มีชีวิตสมบูรณ์ พรั่งพร้อม ด้วยทั้งนี้สืบเนื่องมาจากได้ให้เกียรติผู้อื่นโดยไม่คิด รังเกียจและดูแคลนในฐานะของเขานั่นเอง
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ... หากผู้ใดเคยนำเอาข้าวลารเป็นถังบ้าง เป็นกระสอบ บ้าง บริจาคแก่ชาวบ้านที่ตกละกำลำบากเนื่องจากประสบภัย ต่างๆไม่ว่า น้ำท่วม ไฟไหม้ พายุ จนบ้านแตกสาแหลกขาด ทำให้ต้องพลัดพรากจากถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอน ซึ่งกำลังได้ รับความทุกข์ความเดือดร้อน ได้มีขัาวสารไว้หุงหากินประทัง ชีวิตต่อไป
    ในชาตินี้
    ... คนผู้นั้นจึงเกิดมาเป็นคนที่มั่งคั่งร่ำรวยเป็นยิ่งนัก ตลอดชีวิตจะได้เป็นเจ้าของที่ดิน ที่พำนักอาศัยเป็นของตนเอง นอกจากมีบ้านช่องห้องหับเป็นมรดก มีบริวาร มีอำนาจ ผู้คน มากมายให้การยกย่องสรรเสริญ ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากอานิสงส์ ที่ได้ช่วยเหลือผู้คนที่กำลังตกทุกข์ได้ยากไว้อย่างมากมายนั่นเอง
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยให้ความเคารพนบนอบในคนเฒ่าคน ชรา ให้ความนับถือยกย่องในนักปราชญ์ราชบัณฑิตหรือผู้รู้ทั้ง มวล โดยการให้ความเคารพนับถือนี้มีอยู่ในนิสัย ในความประ พฤติอยู่เป็นนิจศีล มิได้เคยทำการใดๆ ที่เป็นการลบหลู่ดูแคลน หรือปฏิบัติไม่ดีไม่งามต่อคนเฒ่าคนชรา หรือบรรดานักปราชญ์ ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่มีชีวิตยั่งยืนนาน และเต็มเปี่ยม ไปด้วยบุญวาสนาบารมี ผู้คนทั่วไปล้วนแต่จะให้ความนับถือ และยกย่องไปตลอต อีกทั้งยังจะเป็นบุคคลที่มีสติปัญญาปราด เปรื่อง ได้ดำรงอยู่ตำแหน่งฐานะอันมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และ มีอายุมั่นขวัญยืน
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยหมั่นเพียรศึกษาพระสูตรคัมภีร์ต่างๆ หรือท่องบทสวดมนต์ภาวนาอยู่เป็นกิจวัตร มิว่าขอคำชี้แนะ จากผู้ทรงคุณธรรมปัญญา หรือเข้าใกล้ผู้มีภูมิธรรมปัญญาดี เข้าใกล้บุคคลที่ศรัทธาในต้นเหตุผลกรรม ไม่เหยียดหยามคนที่ รู้น้อยกว่า ขาดไหวพริบสติปัญญา
    ในชาตินี้
    ... ผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญาอัน ชาญฉลาด เป็นผู้ดีมีความรอบรู้อย่างน่าทึ่ง มีไหวพริบและ ปฏิภาณดีเลิศ หากผู้ใดมีความฉลาดปราดเปรื่องมีความรู้และ มีการศึกษาในระดับสูงเป็นถึงด็อกเตอร์หรือศาสตราจารย์ ก็ แสดงว่าในซาติที่แล้วเป็นผู้หมั่นเพียรในการศึกษาพระสูตรคัมภีร์ และสวตมนต์ภาวนาจนเป็นนิสัยนั่นเอง
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยได้นำหนังสือออกแจกจ่ายไปตามวัด โรง เรียนโรงพยาบาล เรือนจำ ฯลฯ เพื่อให้ผู้คนได้อ่านได้ศึกษา ได้เพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคหนังสือที่ ใช้แล้วหรือร่วมสมทบทุนพิมพ์หนังสือธรรมะ หนังสือที่มีสาระ ประโยชน์ อีกทั้ง ได้เสียสละแรงกายออกไปบอกบุญเพื่อหาทุน ในการพิมพ์เผยแพร่แจกจ่ายเป็นธรรมทานอยู่อย่างสม่ำเสมอ
    ในชาตินี้
    .... คนผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่มีคุณธรรมในจิตใจเหนือกว่า คนทั่วไป รู้จักที่จะแยกแยะผิดชอบชั่วดีต่อบุคคลหรือเรื่องราว ต่างๆได้ชัดเจน กล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์และสายตาที่ กว้างไกล คิดอ่านเรืองราวเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างแยบยล ดำเนินชีวิตด้วยความผาสุกโดยไม่ตัองมาเป็นทุกข์เป็นกังวลใน เรื่องการเป็นอยู่อาศัย บุคคลเช่นนี้เองที่จะเป็นที่พึ่งและนำความ หวังอันสันติสุขมาสู่โลก
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยได้นำเอาเรื่องราวเกี่ยวกับกฏแห่งกรรม ที่มีอุทาหรณ์สอนใจไปบอกเล่าแก่บุคคลทั่วไปอยู่เสมอ มิว่าจะ เป็นการเล่าสู่กันฟัง หรือเขียนหนังสือให้อ่านกันทั่วไป หากได้ บอกเล่าและถ่ายทอดเรื่องกฏแห่งกรรมให้คนจำนวนมากได้ฟัง และนำไปคิดไปสอนใจตนอย่างมีประโยชน์บ้างก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงได้ดำรงชีวิตอย่างเปี่ยมบุญบารมีในระดับ พิเศษ จักได้รับเอาแต่ผลบุญกุศลจากธรรมชาติมากมายตลอด ไป กล่าวได้ว่าเป็นบุคคลที่มีวาสนาสูง ชีวิตมีเกียรติมีศักดิ์และ ตั้งอยู่ในความบริสุทธิ์ เป็นที่เคารพนบนอบแก่คนทั่วๆไป ชีวิต ไม่ต้องตกต่ำลำบากอย่างที่คนธรรมดาจักได้พบ
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    .... หากผู้ใดเมื่อได้ยินได้รู้ หรือได้เห็นถึงความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานของสัตว์น้อยใหญ่ไม่ว่า วัว ควาย หมู เป็ดไก่ ฯลฯ ที่ถูกฆ่าเพื่อนำเอาชีวิตเลือดเนื้อมาเป็นอาหารของมนุษย์ แล้ว บังเกิดจิตเมตตาสงสาร หยุดการกระทำปาณาติบาตเลิก เบียดเบียนโดยไม่กินไม่ซื้อไม่ขายไม่เลี้ยงดูและไม่ฆ่าชีวิตสัตว์ ทั้งหลาย
    ในชาตินี้
    ..... คนผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่สูงด้วยจิตเมตตาอันประเสริฐ กล่าวคือมีชะตาชีวิตที่แคล้วคลาดจากเคราะห์ภัยอันตรายต่างๆ ต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่เลวร้ายอันเนื่องมาจากบุพกรรม ที่มีมาแต่อดีตชาติเหมือนคนทั่วไป บุคคลเช่นนี้จึงพร้อมด้วย คุณสมบัติที่จะได้รับการฉุดโปรดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากได้ บังเกิดมหาโพธิจิตอันเป็นจิตเดิมที่สว่างไสวให้ได้สำเร็จโพธิสัตว์ มรรคในอนาคตกาล
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ...หากผู้ใดเคยประพฤติตนเป็นลูกทรพีใจโฉดโหดเหียม เมื่อไม่พอใจก็เข้าทุบตีทำร้ายผู้เป็นพ่อเป็นแม่ของตน หรือไม่ก็ ขว้างปาท่านด้วยสิ่งของ หรือผลักท่านจนเซจนล้ม หรือทำ ร้ายทารุณในลักษณะใดๆ ก็ตามให้ท่านไดัรับความเจ็บปวดและ ช้ำใจ
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงเกิดมาเป็นคนพิกลพิการ กล่าวคือเป็นผู้ที่ ถือกำเนิดมาเป็นคนง่อยเปลี้ย ต้องพบกับความลำบากไป ตลอดไม่อาจดูแลช่วยเหลือตัวเองได้เพราะเป็นง่อย มือและ แขนหงิกงอ ปากเบี้ยวพูดไม่ชัด ที่แย่ไปกว่านั้นอาจสูญเสียขา เพราะพิการไปหมดทั้งสองข้างอีกด้วย
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    .... หากผู้ใดเคยแกลงทำลายสะพานข้ามแม่น้ำลำคลอง หรือหนทางสัญจรต่างๆให้เกิดการชำรุดเสียหาย จนเป็นเหตุให้ บรรดาชาวบ้านมิอาจใช้เส้นทาง หรือสะพานนั้นสัญจรไปมาได้ ตามปกติดังเดิมอีก หากการแกล้งทำลายของผู้นั้นนำความ เตือดร้อนมาให้ผู้อื่น ไม่ว่าเป็นการทำลายทางอ้อมกล่าวคือผู้ที่ รับผิดซอบสร้างสะพาน ถนนหนทาง ทุจริตโดยการตัดงบ ก่อสร้างจนเป็นเหตุทำให้โครงสร้างเสียหายขึ้นมาภายหลังก็ถือ ว่าอยู่ในเกณฑ์
    ในชาตินี้
    ... ผู้นั้นจึงกลายเป็นบุคคลที่ต้องพิการ ขาข้างโตข้าง หนึ่งหรือทั้งสองข้างจะพิกลพิการไปไม่สมประกอบ กล่าวได้ว่า อาจเกิดมาขาลีบขาเป๋ หรือพบเจออุบัติเหตุใดให้ต้องพิการใน ภายหลัง ชีวิตต้องได้รับความทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ ในความไม่สมบูรณ์แบบเป็นคนธรรมดาทั่วไป
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ... หากผู้ใดเคยเป็นลูกที่ดื้อดึงเกเร กล้าที่จะต่อว่าพ่อ แม่ได้อย่างตามแต่ใจตน บางคราวก็ตวาดกราดเกรียว บาง คราวก็ด่าทอพ่อแม่จนท่านบังเกิดความเสียใจ หรือบางคราวก็ ใช้ถ้อยคำจาบจ้วงเสียดสีอย่างไม่สมควร บางคราวก็พูดจา หยาบคายต่อผู้เป็นพ่อเป็นแม่ของตน
    ในชาตินี้
    . .. ผู้นั้นจึงต้องตกอยู่สภาพของคนที่พิกลพิการ เป็น ใบ้ หูหนวก ไม่สามารถพูดจาเอื้อนเอ่ยอย่างคนปกติธรรมดา ทั่วไปได้ อีกทั้งยังไม่สามารถที่จะได้ยินได้ฟังสรรพเสียงนานา ในโลกก็ได้อีก เสียงของตนที่เปล่งออกมาก็น่าเกลียดเป็นยิ่งนัก จึงมักมีแต่ความทุกข์อยู่ในใจไม่สร่างคลายไปชั่วชีวิต
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    .... หากผู้ใดเคยมีความคิดลบหลู่ดูแคลนในพระธรรมคำ สอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมิใช่เพียงแค่ไม่เชื่อ หรือไม่ศรัทธาเท่านั้น อีกทั้งกล่าวเสียๆ หายๆ ทำนองลบหลู่ ด้วยเข้าใจว่าเป็นตำนานหรือนิยายที่แต่งขึ้น ซึ่งตนนั้นไม่เคย เปิดใจรับฟังและใช้ปัญญาพิจารณาเหตุผลแม้แต่น้อย
    ในชาตินี้
    .. ผู้นั้นจึงตกอยู่ในสภาพของคนพิการ ไม่สามารถที่ จะได้ยินได้ฟังเสียงใดๆ กล่าวได้ว่าคนผู้นั้นอาจหูหนวกมาตั้ง แต่เกิดหรืออาจเพิ่งเกิดการหูหนวกในช่วงโตขึ้นมาแล้วก็เป็นได้ แต่ตลอดชีวิตของตนย่อมจะมีแต่ความทุกข์และปมดัอยที่ฝังใจ ไปตราบจนวันตายกับสภาพของตนที่ตัองหูหนวก และอยู่ในโลก เงียบไปตลอตชีวิต
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ... หากผู้ใดเคยจัดหารูปภาพและเรื่องราวลามกอนาจาร จัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือโปสเตอร์ VDO หรือ CD ให้ผู้ คนทั่วไปได้อ่านได้ดูกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าผู้ขาย ผู้ซื้อ ผู้ผลิต หรือผู้อื่นคิดในการจัดทำออกขาย ไปจนถึงผู้ที่หมกมุ่นถับเรื่อง ลามกอนาจารก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ทั้งสิ้น
    ในชาตินี้
    ... ผู้นั้นจึงตกอยู่ในสภาพของคนพิการ ต้องทนทุกข์อยู่ ในโลกมืดชั่วชีวิต อาจจะตาบอดมาแต่กำเนิด หรือเพิ่งสูญเสีย นัยน์ตาเอาเมื่อตอนโตก็เป็นได้ แต่ตราบจนวันตายนั้นก็จะไม่มี โอกาสได้มองเห็นความงามหรือความชัดเจนของโลกใบนี้เหมือน คน ปกติ ทั่วไป
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยประพฤติปฏิบัติไม่ติดต่อผู้ที่เป็นบ่าวไพร่ ไม่ว่าจะเป็นลูกน้อง บริวาร คนรับใช้ของตนเองหรือของผู้อื่น หากตนมักดูถูกดูแคลน ชิงชังรังเกียจ มักใช้วาจาถากถาง เย้ยหยันหรือชอบหาเรื่องกลั่นแกล้งข่มเหงรังแกให้เขาได้รับความ ทุกข์และความอับอาย
    ในชาตินี้
    .... ผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่มีรูปโฉมอัปลักษณ์น่ารังเกียจ รูปร่างต่ำเตี้ยแคระแกร็นผิดสัดส่วนปกติของคนธรรมดาทั่วไป หน้าตาก็ขี้ริ้วขี้เหร่จนน่าเกลียด ไม่ว่าจะมีฐานะความเป็นอยู่ ดีเลิศเพียงใดก็ยังเป็นทุกข์ขมขื่น ไร้ความรู้สึกภาคภูมิใจในรูป โฉมของตนไปตลอด
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยดูหมิ่นดูแคลน หรือแสดงท่าทีเย้ยหยัน บุคคลที่เป็นพิธีสงฆ์องค์เจ้า เหล่านักบวช ฤๅษี ชี พราหมณ์ หรือผู้ปฏิบัติบำเพ็ญธรรม ซึ่งเธอว่าเป็นบุคคลที่ควรแก่การ เคารพ นับถือ ถ้าผู้ใดมักดูถูกเหยียดหยามหัวเราะเยาะเย้ย หรือ แสดงท่าทีชิงชังรังเกียจก็นับว่าอยู่ในเกณฑ์
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงต้องตกอยู่ในสภาพของคนพิกลพิการ เป็น คนหลังโก่งหลังค่อม มีรูปร่างไม่สมประกอบ ต้องทนทุกข์อยู่ กับสภาพร่างกายอันไม่สง่างามนั้นไปตลอดชีวิต แม้ว่าจะมีฐานะ ความเป็นอยู่ดีอย่างไร ก็ยังคงจะมีความทุกข์ฝังตรึงอยู่ในใจ เสมอ ไม่อาจวางท่วงท่าให้งามสง่าน่าเกรงขามได้เลย
     
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    “จรัญ” สั่งสอบการสร้างพระสมเด็จเหนือหัวแอบอ้างเบื้องสูง!
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“จรัญ” สั่งสอบการสร้างพระสมเด็จเหนือหัวแอบอ้างเบื้องสูง!
    http://www.manager.co.th/Crime/ViewN...=9500000148481
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>14 ธันวาคม 2550 17:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>แผ่นพับโฆษณษพระสมเด็จเหนือหัว</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ปลัด ยธ.สั่งดีเอสไอ-ปปง.ตรวจสอบการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว อาจเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน หลังสำนักพระราชวัง ระบุ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้าง

    วันนี้ (14 ธ.ค.) นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักพระราชวัง ชี้แจงว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ที่มีการติดป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั่วกรุงเทพฯ โดยระบุว่า รายได้จากการจัดสร้าง จะนำเข้าสมทบทุนมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ เพื่อจัดสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ พร้อมกับมีการนำตราพระมงกุฎประทับไว้หลังองค์พระ และแอบอ้างว่า ได้ใช้มวลสารจากดอกไม้พระราชทาน ว่า ได้สั่งการให้ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าไปดูแลและตรวจสอบ ว่า มีการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ โดยตนกำชับให้เร่งเก็บข้อมูลให้เร็วที่สุดไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลาย เพราะหากมีการหลอกลวงประชาชน ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นศาสนา สถาบัน และประชาชน ที่ถูกฉ้อโกง

    โดยในช่วงบ่ายวันนี้ (14 ธ.ค.) ดีเอสไอ ได้จัดชุดสืบสวนเข้าหารือกับสำนักพระราชวัง เพื่อรวบรวมข้อมูล และแบ่งทีมไปหารือกับกรมการศาสนา เพื่อขอหลักฐานเกี่ยวกับระเบียบในการจัดสร้างวัตถุมงคล รวมถึงส่งชุดไปรวบรวมข้อมูลจากวัดสุทัศน์เทพวรารามวรมหาวิหาร และมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์

    พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่า กรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่ง เป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ของ ปปง.จึงถือเป็นคดีพิเศษ ที่ดีเอสไอสามารถเข้าสืบสวนรวบรวมหลักฐานได้

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการชี้แจงของสำนักพระราชวัง ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว เว็บไซต์หลายแห่งที่เปิดรับจองพระสมเด็จเหนือหัวได้ประกาศปิดการซื้อขายและการโฆษณาผ่านเว็บไซต์แล้ว โดยมีประชาชนผู้เสียหายที่เช่าพระสมเด็จเหนือหัวไปบูชา เข้ามาเขียนกระทู้ตำหนิผู้จัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว พร้อมทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาดำเนินคดี ส่วนบรรยากาศในวัดสุทัศน์ และมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดสุทัศน์ ไม่มีการติดป้ายโฆษณาให้เช่าพระสมเด็จเหนือหัวแล้ว แต่ป้ายโฆษณายังคงมีปรากฎให้เห็นตามร้านค้าโดยรอบวัดสุทัศน์ฯและถนนหลายสายในเขตกรุงเทพฯ

    รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น วัดสุทัศน์ และมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ยืนยันว่า ถูกแอบอ้างชื่อไปใช้ในการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว โดยผู้จัดสร้างพระเคยบวชเป็นเณรที่วัดสุทัศน์แล้วสึกออกไป

    สำหรับแผ่นพับโฆษณาพระสมเด็จเหนือหัว มีรายละเอียดเกี่ยวกับความสำคัญของมวลสารที่ใช้ผสมลงในองค์พระ โดยระบุว่า เป็นดอกไม้จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเป็นเครื่องบูชากัณฑ์เทศน์ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายบูรพกษัติยาธิราช รวมทั้งพิธีการปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ พร้อมทั้งบรรยายวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ที่จะนำเงินไปสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้างอนุสรณ์ชิ้นสำคัญเป็นตำนานคู่ประวัติศาสตร์ชาติไทย แต่ไม่ได้ระบุสถานที่จัดสร้าง โดยพระสมเด็จเหนือหัวจัดทำให้เช้าบูชา แบ่งเป็น 5 สี 5 ภาค ได้แก่ สีขาววัดระฆัง ภาคกลาง สีเขียวพระแก้ว ภาคอีสาน สีเหลือง ภาคเหนือ สีชมพูทิพย์ ภาคตะวันออก และสีน้ำทะเล ภาคใต้ โดยเปิดให้เช่าบูชาองค์ละ 999 บาท

    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา สำนักพระราชวัง ออกชี้แจงถึงกรณีที่ขณะนี้มีกลุ่มแอบอ้าง จัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว และมีการระบุว่า รายได้จากการจัดสร้างจะนำเข้าสมทบทุนมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ เพื่อจัดโครงการสร้างอุโบสถ สองกษัตริย์ พร้อมกับมีการนำตราพระมงกุฎประทับไว้หลังองค์พระ ทั้งนี้ การจัดสร้างดังกล่าว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับทางสำนักพระราชวังแต่อย่างใด

    พร้อมกันนี้ เมื่อมีการตรวจสอบไปยังมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปรากฏว่า ทางมูลนิธิไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้าง และการที่ผู้จัดสร้างนำตราพระมงกุฎไปประทับหลังองค์พระนั้น ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะไม่มีการขอพระราชทานอนุญาต จากทางสำนักพระราชวัง

    ขณะที่มวลสารในการจัดสร้างที่มีการอ้างว่า เป็นดอกไม้พระราชทานนั้น ทางสำนักพระราชวังได้ชี้แจงว่า ตั้งแต่มีการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ปรากฏว่า ทางผู้จัดสร้างไม่เคยขอพระราชทานดอกไม้เพื่อนำไปใช้เป็นมวลสาร เรื่องที่เกิดขึ้นจึงเป็นการแอบอ้างและทำให้ประชาชนเข้าใจผิด

    ทั้งนี้ จากการตรวจสอบถึงขั้นตอนการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ปรากฏว่า ไม่มีการระบุผู้จัดสร้างที่ชัดเจน ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดว่า พระสมเด็จเหนือหัว เกี่ยวข้องกับทางสำนักพระราชวัง และทำให้เกิดความเสียหายกับทางสำนักพระราชวังเป็นอย่างมาก
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เคย post บอกไปแล้วว่าภูมิปัญญาของวังหน้าวังหลวงที่สร้าง"พระปัญจสิริ"นั้นไม่ธรรมดา แบบนี้เทียบไม่ติดครับ...
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://thai.mindcyber.com/modules.ph...page&artid=254

    [​IMG]แต่ปางก่อน
    .... หากผู้ใดเคยเป็นคนที่มีจิตใจเหี้ยมโหดและประพฤติ ตนเกะกะเกเรเป็นอันธพาล มักจะหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้อื่น จนสร้างศัตรูไปทั่ว ไม่ว่าจะไปถึงที่ใดแทนที่จะผูกมิตรสร้างเพื่อน แต่กลับคอยหาเรื่องชกต่อยเป็นนิสัย และทำร้ายผู้อื่นอย่าง อำมหิตไร้ความปรานี แม้มีเรื่องไม่ถูกใจเพียงเล็กน้อยก็สามารถ ทุบตี หรือทำร้ายผู้อื่นให้เลือดตกยางออกหรือบาดเจ็บสาหัสปาง ตายได้
    ในชาตินี้
    ..... คนผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่จะต้องพบแต่ความโดดเดี่ยว เคว้งคว้างตลอดชีวิต กล่าวไดัว่าตั้งแต่เกิดจนตายล้วนมีชีวิตที่ ลำบากยากเข็ญ จะทำสิ่งใดก็มีอุปสรรคและปราศจากคนคอย ช่วยเหลือเจือจุน ชีวิตต้องระหกระเหเร่ร่อน ไร้ญาติขาดมิตร ต้องอดมื้อกินมื้อ สิ้นไรัแม้กระทั่งที่พักพิง มีแต่ความทุกข์ยาก ลำบากทั้งความเป็นอยู่และทั้งจิตใจไปตลอด
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    .... หากผู้ใดเคยกระทำการทุจริตคอรัปชั่น ไม่ว่าจะเป็น การยักยอกทรัพย์รับสินบน โกงกิน ไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่หรือ กระทำการใดอันเป็นเหตุให้เสื่อมเสียต่อวงการ ยิ่งไปกว่านั้นยัง หาทางกอบโกยผลประโยชน์ในช่วงจังหวะที่ตนได้รับหนัาที่หรือ ดำรงตำแหน่ง โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาว่าจะทำ ให้สังคมหรือบ้านเมืองมีความเดือดร้อนเสียหายเพียงใด
    ในชาตินี้
    ... คนผู้นั้นจึงต้องเกิดเป็นคนที่มีสติวิปลาสฟั่นเฟือน เป็นคนบ้าไม่รู้ความ เป็นโรคเกี่ยวกับสมอง ระบบประสาท ความจำเสื่อม ปัญญาอ่อน หรือเป็นโรคจิตชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รังเกียจแก่คนทั่วไป และ อาจใช้ชีวิตอย่างคนปกติ ได้ไปจนวันตาย
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ... หากผู้ใดเคยเป็นคนอกตัญญูต่อผู้มีคุณ คือผู้ที่เคย มีบุญคุณต่อตนนั้นมีเรื่องทุกข์ร้อนมาขอความช่วยเหลือ ซึ่งตน ควรจะเป็นฝ่ายช่วยเหลือเขาบ้างเพื่อทดแทนคุณ แต่ตนกลับ ปฏิเสธ ไม่ใส่ใจจะตอบแทนและไม่มีความเห็นอกเห็นใจที่จะคิด ช่วยเหลือใครแม้แต่น้อยทั้งๆ ที่สามารถพอจะช่วยได้เป็นอย่างดี
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงต้องกลายเป็นคนที่คอยรับใช้ผู้อื่นไปตลอด กล่าวได้ว่าตลอดชีวิตส่วนใหญ่ของคนผู้นี้ตกอยู่ในฐานะของบ่าว ไพร่ที่ต้องคอยก้มหน้ารับใช้ตามแต่คนอื่นจะบงการ ชีวิตส่วน ใหญ่ต้องทนทุกข์และขมขื่นใจ ถึงแม้ว่าตนเองจะเป็นผู้มีฐานะ ความเป็นอยู่สุขสบาย แต่ในใจก็ยังคงทุกข์ตรมในสภาพของ ตนอยู่เรื่อยไป
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยเป็นคนที่มีจิตใจไม่รู้จักประมาณตนเอง ไม่เคยรู้จักชื่นชมผู้อื่น ในใจมักคิดอิจฉาริษยาผู้อื่นเป็นกิจวัตร เมื่อเห็นผู้ใดมีดีมีเด่นกว่าตัวก็คิดอิจฉาริษยาเอาไว้ก่อน แทนที่จะ ชื่นชมหรือมองในจุดที่ดีของเขา คิดแต่จะให้ตนดีเด่นเกินกว่า ใครเสมอ
    ในชาตินี้
    ..... คนผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่สังคมรังเกียจ ไม่ว่าจะเป็น คนที่มีรูปงามเพียงใด หรืออาจจะมีฐานะดีอย่างไรก็ตาม แต่ เพื่อนฝูงก็พากันติฉินนินทา พากันรังเกียจราวกับว่าตนเป็น คนมีกลิ่นตัวแรง ชีวิตจึงเป็นทุกข์เป็นกังวลเหมือนคนมีปมด้อย เพราะขาดความเชื่อมั่นและปราศจากการชื่นชมจากคนรอบข้าง
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยกระทำการล่วงเกินลูกเมียของผู้อื่นโดย ที่ลูกเมียเขามิได้เต็มใจ แต่ตนกลับใช้เล่ห์กลอุบาย ใช้กำลังหรือ ใช้โอกาสทีเผลอเข้าไปประพฤติมิดีมิงาม ไปล่วงล้ำก้ำเกินใน ลูกเมียของผู้อื่น มิว่าจะสำเร็จสมใจตนหรือไม่ก็ตาม แต่การ กระทำที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นมลทินติดตัวเขาไปตลอด
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างไปตลอด จนวันตาย กล่าวไดัว่าบุคคลผู้นั้นแม้จะมีฐานะที่ดี มีชีวิตสุข สบายเพียงใดก็ตาม แต่จะต้องเป็นทุกข์และทรมานในเรื่องคู่ ครอง มีชีวิตอยู่อย่างเปลี่ยวกายเปลี่ยวใจไร้คู่ขาดเพื่อนชีวิต ไปจนถึงวัยแก่เฒ่า ชีวิตต้องเงียบเหงาขาดความอบอุ่นอย่าง น่าเวทนา หรืออาจต้องเกิดเป็นกะเทย เป็นคนผิดเพศผิด ธรรมชาติ
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยปฏิบัติตนอย่างร้ายกาจต่อคู่สามีหรือ ภริยาของตนเป็นนิสัย ไม่ เคยให้เกียรติและให้ความรักใคร่อย่าง ที่สมควร กลับเอาแต่ดุด่าว่ากล่าว คอยจับผิดคอยตำหนิติเตียน อยู่ร่ำไป ต่อหน้าผู้อื่นก็ข่มเหงกดขี่เขา ลับหลังผู้คนก็ยิ่งบ่นด่า ชี้หน้าใส่ ไม่มีการให้เกียรติกันตามที่ถูกที่ควร
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงต้องตกอยู่ในสภาพร้างคู่ กล่าวคือเมื่อได้ แต่งงานแลัว ไม่นานก็ต้องหย่าร้างแยกทางกัน ไม่ว่าจะแต่งกี่ ครั้งก็ต้องหย่า ชีวิตส่วนใหญ่ตกอยู่ในสถาพเป็นม่าย ที่มีแต่ ความตรมตรอมใจ ต้องอ้างว้างเปล่าเปลียว ไม่มีความสุขและ ความอบอุ่นใจแม้แต่นัอย
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยเป็นผู้ที่มีจิตใจคับแคบ มีอกุศลจิต คือ มิมีความยินดีในการช่วยเหลือเจือจุนคนตกทุกข์ได้ยาก และมัก คิดในทางไม่ดีต่อผู้อื่นอยู่เสมอ แม้มิได้ลงมือกระทำการเบียด เบียนใครก็ตาม แต่ถ้าคิดแต่สิ่งไม่ดีมีอคติต่อผู้อื่น ก็ถือว่ามีจิต ใจ คับแคบ เช่นกัน
    ในชาตินี้
    ..... คนผู้นั้นจึงต้องเกิดเป็นพ่อแม่ที่มีลูกไม่ได้ดีดังใจ แม้ ตนจะมีความรักลูกมากมาย และเฝ้าอบรมพร่ำสอนลูกอย่างไร ลูกมักกระทำออกนอกลู่นอกทาง หรือไม่ลูกของตนนั้นก็มัก ประสบความล้มเหลวในหนัาที่การงานอยู่เสมอ ตัวลูกเองก็มี แต่ความทุกข์กังวล ผู้เป็นพ่อแม่ก็พลอยมีแต่ความชอกช้ำใจ ไปตลอตชีวิตด้วย
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยทำความเสื่อมเสียให้แก่บรรดาผู้ปฏิบัติ ธรรมไม่ว่าพระสงฆ์องค์เจ้า ฤๅษี ชี พราหมณ์ นักแสวงบุญ หรือผู้บำเพ็ญในสำนักต่างๆโดยการพูดจาใส่ร้ายป้ายสี หรือใช้ คำพูดในทางใดๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลเหล่านั้น โดยไม่เป็นความจริง ซึ่งเรื่องที่ใส่ร้ายใส่ไคลัท่านให้มัวหมอง นั้นล้วนแต่เป็นเรื่องที่ตนเป็นผู้ก่อขึ้นทั้งสิ้น
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงต้องพบเจอกับความทุกข์ยากในภัยอันเกิด จากอัคคี ไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้ไฟดูดไฟช๊อต หรือถูกฟ้าผ่าเอา ก็ตาม แต่ตลอดชีวิตนั้นจะต้องผจญกับปัญหาเรื่องราวต่างๆ หรือเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความเดือดรัอนราวกับถูกเพลิงไฟแผด เผาให้ต้องร้อนอกร้อนใจอย่างหาความสุขไม่ได้ไปจนกว่าชีวิต จะมอดไหม้
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    .....หากผู้ใดเคยนึกคิดอย่างเป็นสุขใจเสมอทุกคราวที่ได้ พบเห็น หรือได้ยินได้ฟังเรื่องราวอันทุกข์เศร้าของผู้ที่ตกระกำ ลำบากหรือประสบเคราะห์กรรมจนทุกข์เข็ญ ถ้ามีชาวบ้านพบ ความหายนะหรืออยู่ในสภาพน่าเวทนา แทนที่ตนจะแสดง ความเห็นใจ แต่กลับรู้สึกยินดีและสาสมใจที่มีคนตกทุกข์ได้ยาก เช่นนั้นเสมอ
    ในชาตินี้
    ..... คนผู้นั้นจึงมักจะประสบกับโรคภัยสารพัดที่มารุม ล้อมคุกคาม ให้เกิดความทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจอยู่ เสมอๆ ไม่ว่าวันนี้จะมีฐานะร่ำรวยหรือยากจนก็ตาม แต่จะต้อง ประสบกับโรคที่หมอหมดทางรักษาเยียวยา กล่าวได้ว่าตั้งแต่ เล็กจนถึงวัยชรามีแต่โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนจนหมดความสุข
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยมีจิตใจโหดร้ายทารุณ ชอบจับสัตว์มา ทรมานเล่นอย่างสาแก่ใจ หรือหาความเพลิดเพลินกับการนำ สัตว์เหล่านั้นมาต่อสู้ประชันขันแข่งเป็นต้นว่า ชนไก่ ชนวัว หรือ กัดปลา ฯลฯ โดยไม่คำนึงว่าสัตว์นั้นจะได้รับความเจ็บปวด เพียงใด มิว่าสัตว์นั้นจะเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ หรือสัตว์ใหญ่ หาก ผู้ใดเคยจับเอามาทารุณอย่างไร้ความปราณีในลักษณะ ใดๆ ก็ตาม ที่ทำให้เขาไดัรับบาดแผลหรือบาดเจ็บก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์
    ในชาตินี้
    .... ผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่ต้องประสบพบกับโรคร้าย อัน เป็นที่น่ารังเกียจแก่คนทั่วไป กล่าวได้ว่าคนผู้นั้นอาจต้องเป็น โรคเรื้อนหรือโรคอื่นใดก็ตามที่เนื้อตัวจะเกิดเป็นแผลพุพอง หรือ แผลเน่าเปื่อยอันมีแต่น้ำเลือดน้ำหนอง ทำให้ได้รับความทุกข์ ทรมานจากความเจ็บปวดและมีแต่ผู้คนรังเกียจ
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    .....หากผู้ใดเคยใช้วาจาในทางที่ผิด มักพูดจาใส่ร้ายป้ายสี ยุยงให้ผู้คนเกิดความเข้าใจผิดต่อกัน จนกระทั่งมีผู้ได้รับความ เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นการยุแหย์ให้คนสองฝ่ายมีความเกลียด ชังกัน หรือยุแหย่ให้คนต้องทะเลาะบาดหมางต่อกัน หรือใส่ไคล้ สร้างเรื่องจนเป็นเหตุให้คนเดือดร้อนไปทั่ว ถึงกับถูกไล่ออก จากงานหรือครอบครัวแตกร้าว ยิ่งไปกว่านั้นอาจทำให้คน เขัาใจผิดจนถึงขั้นฆ่าผู้อื่นหรือฆ่าตัวตาย
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่ไม่ว่าจะมีสภาพความเป็นอยู่สุข สมบูรณ์แค่ไหนอย่างไร แต่ก็จะต้องพบเจอกับความเจ็บป่วย แบบทุกข์ทรมานไม่น้อย กล่าวคือต้องอาเจียนออกมาเป็นโลหิต ด้วยการเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเหตุอื่นๆ ใดๆ ก็ตาม แต่จะต้องกระอัก เลือดออกมาเสมอ และต้องทนทุกข์ทรมานด้วยอาการของโรค จนถึงกาลอวสานของชีวิต
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยทำการใดๆ ก็ตามที่เป็นผลให้บุคคลอื่น เกิดความเสื่อมเสีย ไม่ว่าจะเป็นการเสียเกียรติ เสียศักดิ์ศรี เสียชื่อเสียง เสียทรัพย์สิน หรือเสียใจไปตลอดชีวิตจนคิดฆ่าตัว ตาย และ ว่าการกระทำนั้นจะโดยวิธีการพูดจาใส่ร้ายหรือใช้ เล่ห์เหลี่ยมวางแผนชั่วร้ายใดๆ ก็ตาม แต่ถ้าวิธีนั้นทำให้คนดี คนบริสุทธิ์ได้รับความเสียหายขึ้นมาได้ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงต้องประสบกับการจบชีวิตด้วยการม่าตัวตาย ไม่ว่าจะเป็นการยิงตัวตาย กระโดดตึกตาย กระโดดน้ำตาย ผูกคอตาย กินยาตาย ฯลฯ โดยที่ตนเป็นผู้ตัดสินใจลงมือเอง หรือถูกผู้อื่นบีบบังคับก็ตาม ถึงแม้ว่าตลอดชีวิตจะอยู่ดีมีสุข เพียงใด แต่เมื่อถึงคราวตายก็จะต้องมีเหตุให้จบชีวิตด้วยการ ฆ่าตัวตาย อย่าง แน่นอน
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยกระทำการทรยศหรือคิดร้ายต่อผู้อื่นโดย เฉพาะอย่างยิ่งเป็นบุคคลที่เขาเคยมีบุญมีคุณกับตน ให้การ ชุบเลี้ยงหรือส่งเสริมสนับสนุนในหน้าที่การงาน แต่ตนมองไม่ เห็นความดีกลับตอบแทนด้วยการคิดคดทรยศหักหลัง หรือคิด ร้ายต่อผู้มีพระคุณให้ไดัรับความเดือดรัอนเสียหาย และเสียใจ ในการกระทำของตน
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงเกิดมาเป็นสุนัข ซึ่งเป็นสัตว์ที่เกิดมารับใช้ เจ้านายของมันด้วยความจงรักภักดีไปจนวันตาย มีชีวิตอยู่ อย่างน่าเวทนา บ้างต้องเตร็ดเตร่หากินตามถนน บ้างต้องนอน กลางดินหากินตามกองขยะ ทั้งนี้ชีวิตบาปซึ่งต้องเวียนมาเกิด เป็นสุนัขนั้น การเป็นอยู่อาจทุกข์เข็ญแร้นแค้นหรือสุขสบาย ก็ขึ้นอยู่กับกรรมได้ทำไว้นั่นเอง
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    .... หากผู้ใดมีจิตคิดละโมบประกอบมิจฉาชีพ ด้วยการ วางแผนต้มตุ๋นหลอกลวงผู้อื่น ฉกฉวยเอาผลประโยชน์มาเป็น ของตนโดยเจ้าของไม่ยินยอม เพื่อมาปรนเปรอความอยากด้วย วิธีที่สกปรก ทำให้มีผู้ได้รับความเดือดรัอนเสียหายจนถึงขั้น หมดเนื้อหมดตัว เมื่อต้องการผลประโยชน์ใดก็ไม่คิดพยายาม หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง แต่กลับใช้เล่ห์เหลี่ยมกล อุบายหลอกลวงต้มตุ๋นเอาจากผู้อื่นเสมอ
    ในชาตินี้
    ..... คนผู้นั้นจึงต้องเกิดมาเป็นหมู ถูกเลี้ยงด้วยอาหารที่ เป็นของเหลือและบูดเน่า ด้วยจริตนิสัยเดิมเป็นผู้ที่มีความ ละโมบโลภมากจึงกินอย่างเหลือเฟือสมใจจนตัวอ้วนพี แล้วถูก ส่งไปฆ่าทั้งที่ตนไม่ยินยอม เพื่อสังเวยเลือดเนื้อและเครื่องในจน หมดไส้หมดพุงเช่นเดียวกันกับที่ดินได้ทำไว้
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยหยิบยืมเงินทองของผู้อื่นมาแล้ว แตไม่ ยอมใช้หนี้คืนให้กับผู้เป็นเจ้าหนี้ แม้ว่าตนมีเงินพอที่จะใช้คืน แต่กลับไม่ใช้คืนเขาไป ทั้งที่เจ้าหนี้ก็มาทวงขอเงินคืนตามสัญญา แต่ก็ดื้อดึงอ้างว่ายังไม่มีเงิน โดยไม่นึกถึงยามลำบากเมื่อไปขอ หยิบยืม เขาให้ตนมาด้วยความเห็นใจ
    ในชาตินี้
    ..... คนผู้นั้นจึงต้องเกิดเป็นวัว ควาย หรือม้า ซึ่งเป็น พาหนะให้คนใช้งาน ตลอดชีวิตต้องถูกใช้งานอย่างหนัก แม้ เหน็ดเหนื่อยลำบากแค่ไหนก็ต้องยินยอมทำทุกอย่างด้วยความ ซื่อสัตย์ และก้มหน้ารับใช้โดยไม่อาจขัดขืนเพราะถูกสนตะพาย บังคับให้ออกแรงเพื่อเป็นการใช้หนี้และกรรมที่ทำไว้
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยประพฤติตนเป็นคนชอบเปลือยกายอวด คนอื่น เคยเป็นนางระบำโป๊ คือเคยถ่ายรูปโป๊ลามกอนาจาร นุ่งเสื้อผ้าน้อยชิ้น เผยให้เห็นของสงวนที่ควรปกปิด ไม่ว่าชาย หรือหญิงหากเคยเปลืองผ้าโชว์สัดส่วน หรือโชว์เนื้อหนังมังสา มาก่อนก็ถือว่าอยู่ ในเกณฑ์ทั้งสิ้น
    ในชาตินี้
    ..... คนผู้นั้นจึงต้องเกิดมาเป็นโค ไม่ว่าจะเป็นโคเนื้อ หรือโคนม เป็นสัตว์ที่ต้องกินหญ้ากินฟางเป็นอาหารเพื่อรักษา ศีล ชดเชยในครั้งที่เป็นมนุษย์ได้ปฏิบัติตัวให้อยู่ในศีลธรรม อันดีงาม และต้องมารับกรรมด้วยการแบกเต้านมอันหนักอึ้ง ที่คอยผลิตน้ำนมออกมาอย่างเจ็บปวด และสุดแสนทรมานเมื่อ ถูกรีดนม เพื่อใชักรรมตามประสาจิตใจที่ไร้ยางอายนั่นเอง
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยเป็นนักบวชผู้ทรงศีล แต่กลับไม่ถือศีล ภาวนาตั้งมั่นอยู่ ในทางธรรม ขาดความสำรวมประพฤติตนไม่ เหมาะสม กล่าวคือมีใจหยาบหนาด้วยกิเลสเกาะกุมละโมบโลภ มากในลาภสักการะ หลงในชื่อเสียงบารมี เอาสมบัติส่วนรวม มาเป็นส่วนตัว ซึ่งเป็นการทำลายภาพพจน์ชื่อเสียงของศาสนา ด้วยความลุ่มหลงมัวเมา จนเป็นที่ติฉินนินทาของชาวบัาน
    ในชาตินี้
    ..... คนผู้นั้นจึงต้องเกิดมาเป็นเต่าที่มีร่างกายอยู่ในกระ ดอง เนื่องจากอดีตชาติไม่รู้จักสำรวมในศีล จึงต้องเกิดมาใน ร่างของเต่าเพื่อบำเพ็ญอย่างสำรวมระวังในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ฝึกความอดทนและต้องทนลำบากเพื่อชดใช้กรรมด้วย อายุขัยที่ยาวนานกว่าสัตว์ชนิดอื่น แม้จะต้องดำรงชีวิตอยู่ใต้ ท้องทะเลลึก บำเพ็ญอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางความหนาวเหน็บ
    <!--pagebreak-->[​IMG]แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดชอบคลุกคลีหมกมุ่นอยู่กับแหล่งบันเทิง บาร์ ไนท์คลับ ผับ ดิสโก้เธค คาราโอเกะ สถานเริงรมย์ต่างๆ หรือมั่ว สุมอยู่กับแหล่งอบายมุขไม่ว่าแหล่งยาเสพติด แหล่งการพนัน อันเป็นสถานที่ที่สะอาดไม่บริสุทธิ์
    ในชาตินี้
    ..... คนผู้นั้นจึงต้องเกิดมาเป็นหนองเป็นแมลงวัน ชอบ คลุกคลีอยู่กับบริเวณที่สกปรกเน่าเหม็นเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่ อาศัยเป็นตันว่ากองขยะ หรือซากศพของสัตว์ที่ตายแล้ว หรือ มูลสัตว์ที่สกปรกและเน่าเหม็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตามจริตและ นิสัยเดิมของตนที่ชอบมั่วสุมอยู่ในแหล่งอบายมุขนั่นเอง
     
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    55555 ไม่ต้องสงสัยเลยครับว่า ล่อเป้าจริงๆ เรื่องพาไปไหนนี่ต้องไปขอปรึกษาคุณหนุ่มครับ เพราะเขาคนนี้ถนัดพาคน"ไปอยู่"ยังสถานที่นั้น อิอิ.. เป็นปัญหาคาใจที่คน"ไปอยู่"จะไม่สงสัยอีกต่อไป เสียดายที่"คนไปอยู่"กลับมาเล่าให้"คนที่ยังไม่ไปอยู่"ฟังไม่ได้ เลย"ได้ไปอยู่"เรื่อยๆ เสียดาย...คนตายได้อ่านแต่ไม่เข้าใจ..<!-- / message --><!-- sig -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...