พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่าน๊ะ หน้าลุงเม้าเป็นวงกลม หน้าผมเป็นสี่เหลี่ยม เอ้ยังไงหว่าเนี่ย

    ไม่ได้พาดพิงถึงใครนะครับ การเมืองไม่ยุ่งในกระทู้นี้ครับ

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan-6.jpg
      scan-6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.9 KB
      เปิดดู:
      2,669
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?t=102545&page=8

    <TABLE class=tborder id=post857143 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">11/12/2550, 12:04 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #141 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>นายสติ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_857143", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 03:44 PM
    วันที่สมัคร: Mar 2007
    ข้อความ: 55 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 6 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 516 ครั้ง ใน 53 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 66 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_857143 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->รายการที่ได้แจกแจงให้รับทราบข้างต้นนี้จะเห็นว่าค่าอาหารไม่มีใบเสร็จ
    เพราะได้ว่าจ้างร้านอาหารภายในโรงพยาบาลสงฆ์เป็นผู้ทำอาหารกล่องถวายพระนะครับ

    สำหรับวันนี้ 11 ธ.ค. 2550 ผมได้นำเงินไปฝากเข้าทุนนิธิอีกจำนวน
    2,560 บาท ซึ่งยอดเงินจำนวนนี้มีรายละเอียดดังนี้
    1. ท่าน อ.ประถม อาจสาคร ฝากให้เอามาเข้าทุนนิธิเมื่อตอนที่
    ไปกราบคารวะและแจ้งเรื่องการดำเนินงานของทุนนิธิวันที่ 9 ธ.ค.50
    เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท

    2. คุณสิทธิพงศ์ กับภรรยาและครอบครัว และพี่ใหญ่ ได้ฝากผ่านมาทางพี่ใหญ่เพื่อร่วมทำบุญด้วย 1,100 บาท

    3. คุณพุทธันดร ได้ใส่ซองไว้ตั้งแต่งานวันเกิดท่านอ.ประถม อาจสาคร เมื่อเดือน พ.ย. 50 ที่ผ่านมา 300 บาท

    4. คุณอรนุช ปิ่นทองและผม 160 บาท

    รวมเงินทั้งสิ้น 2,560 บาท


    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?t=102952
    ซูชิ/sushi: ระวังพวกที่ชอบกินอาหารญี่ปุ่น จำพวกปลาดิบ.......สยองงงงงงง.


    <TABLE class=tborder id=post843347 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">02-12-2007, 07:05 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>koymoo<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_843347", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 06:14 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2004
    สถานที่: นิสิตคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
    ข้อความ: 2,040 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 1,230 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 5,116 ครั้ง ใน 1,054 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 751 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_843347 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->ซูชิ/sushi: ระวังพวกที่ชอบกินอาหารญี่ปุ่น จำพวกปลาดิบ.......สยองงงงงงง.
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    <!-- / icon and title --><!-- message -->ระวังพวกที่ชอบกินอาหารญี่ปุ่น

    จำพวกปลาดิบ
    ซูชิปลาดิบ!!!!!ระวังให้ดี!!
    ภาพน่ากลัวที่นำมาเสนอนี้
    ไม่ได้หวังให้ท่านผู้อ่านตกใจ
    หากเป็นภาพที่ส่งต่อมา จาก แพทย์ญี่ปุ่น
    ซึ่งอ้างว่าได้ทำการผ่าตัดสมองของผู้ป่วยรายหนึ่ง
    เข้าโรงพยาบาลด้วยอาการปวดศีรษะ อย่างรุนแรง
    ผู้ป่วยคนนี้
    ชื่อโชตะ ฟูจิวาราอยู่ในเมืองกิฟู ประเทศ
    ญี่ปุ่นเข้ารับการรักษาใน
    โรงพยาบาลมาอย่างต่อ7่องด้วยอาการ
    ปวดศีรษะอย่างรุนแรง และต่อ7่องมานับกว่า3ปี
    จากการสอบประวัติในเบื้องต้น
    พบว่าคนไข้
    เป็นนักกินปลาดิบตัวยง
    ไม่ว่าจะเป็นการกิน
    แบบมื้อหลัก
    หรือมื้อรอง
    กระทั่งมื้อทานเล่นคนไข้รายนี้
    กินปลาดิบไปก็ปวดหัว
    แม้จะพยายามหายากินเองหรือไปหาหมอพบแพทย์ก็ยังไม่หายปวดหัวเสียที
    และยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ
    แม้แต่อาการปวดหัวข้างเดียว
    ที่เรียกกันว่าไมเกรนหลังสุด คุณหมอที่ทำการรักษา
    ชักจะงงหนักเข้าไปทุกที่ว่าจะให้ยา ชนิดไหนแบบใด
    ก็ไม่หายซะทีจึงจับนายฟูจิวารา เข้าไป เอ็กซ์เรย์
    อย่างเป็นเรื่องเป็นราวแต่ก็ไม่เห็นผล
    อะไรได้ชัดเจน คุณหมอก็ยิ่งงงหนักเข้าไปอีก
    อาจด้วยไหวพริบของคุณหมอเอง
    ไปสังเกตเห็น
    การเคลื่อนไหว อะไรแบบขะหยุก
    ขะหยิกอยู่ที่ผิวหนัง

    บนศีรษะของคนไข้นั่นแหละที่ทำให้คุณจับ
    คุณฟูจิวารา เข้าห้องผ่าตัดให้ยาสลบ
    แล้วก็ผ่ากะโหลก
    ตรวจสอบตอนนี้ที่เกือบทำให้
    คุณหมอ....พลอยสลบตามคุณฟูจิวารา
    ไปด้วยเพราะไปเจอกับ เจ้าพยาธิ
    กองเบ้อเริ่มคลานกันยั้วเย้ย
    อยู่ตาม7้อสมองพร้อมกับไข่ที่เกลื่อนเต็มไปหมดถึงภาพ
    และเรื่องนี้จะยังไม่ได้รับการยืนยันชัดเจนจากหน่วยงานทางการแพทย์ของญี่ปุ่น
    แต่ภาพที่คณะแพทย์ได้ทำการถ่ายทำไว้
    พร้อมกับส่งผ่านมาถึง เพื่อนๆ
    แพทย์ในเมืองไทยนั้น ทำให้ชวนวิตกกับ
    นักกินปลาดิบชาวไทยยิ่งนักเพราะอาการ
    กับภาพถ่ายที่ปรากฎนี้
    ไม่ได้ต่างกับที่เคยพบจากคนไข้จำนวนมากในเขตภาคอิสาน
    ซึ่งมักนิยมรับทานปลาดิบ ปลาร้า หรืออาหารดิบอื่นๆ
    ซึ่งมีผลที่ไม่แตกต่างกัน ก็ยิ่งน่าวิตกหนักขึ้นไปอีก

    ฉบับนี้จึงขอจบเรื่องชวนสยองนี้ไว้
    แค่อยากบอกอาการกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
    ส่วนรายละเอียด กับทางแก้ไข
    ไว้ว่ากันต่อไปในอนาคต

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    *************************************************

    เห็นแล้วสยอง ถ้าเป็นจริงตามนี้ละก็ ไม่อยากคิดเลย

    ของโปรด และ ของชอบซะด้วย

    สสสสสสสสสสยยยยยยยยยยอออออออออองงงงงงงงงง

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01_1.jpg
      01_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.7 KB
      เปิดดู:
      2,389
    • 02_2.jpg
      02_2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32 KB
      เปิดดู:
      2,463
    • 03_2.jpg
      03_2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.6 KB
      เปิดดู:
      2,445
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คิดบวก ชีวิตบวก >> ว.วชิรเมธี
    http://tamdee.net/note/view2.php?No=1050

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width=600 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=590 align=center border=0><TBODY><TR><TD>คิดบวก ชีวิตบวก
    Positive Thinking, Positive Life...
    โดย ท่าน ว.วชิรเมธี


    เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ

    เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ

    เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต

    เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)

    เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ

    เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย

    เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต

    เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี

    เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง

    เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง

    เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ

    เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง

    เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง

    เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม

    เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์

    เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด

    เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า
    นี่คือบททดสอบว่าที่ว่า
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.geocities.com/dhammakosa/43/432100.html

    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]นิทเทศ ๒๑ ว่าด้วย สัมมาสมาธิ (๕๑ เรื่อง)[/FONT]​
    <TABLE width="70%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>[FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]หมวด ก. ว่าด้วยอุทเทศ-วิภาคของสัมมาสมาธิ[/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]อุทเทสแห่งสัมมาสมาธิ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]สมาธิภาวนา มีประเภทสี่[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]หมวด ข. ว่าด้วยลักษณะ-อุปมาของสัมาสมาธิ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]ลักษณะแห่งสัมมาสมาธิชั้นเลิศ ๕ ประการ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]อริยสัมมาสมาธิ มีบริขารเจ็ด [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]การทำหน้าที่สัมดันพธ์กัน ของบริขารเจ็ด[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]๑. กลุ่มสัมมาทิฎฐิ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]๒. กลุ่มสัมมาสังกัปปะ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]๓. กลุ่มสัมมาวาจาก [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]๔. กลุ่มสัมมากัมมันตะ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]๕. กลุ่มสัมมาอาชีวะ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]สัมมาทิฎฐิ เป็นผู้นำในการละมิจฉัตตะ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]สัมมาสมาธิ ชนิดที่มีพรหมวิหารเป็นอารมณ์[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]วิโมกข์แปด [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]รูปฌานและอรูปฌาน ยังมิใช่ธรรมชั้นที่เป็นเครื่องขูดเกลา[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]อุปมาแห่งจิตทีปราศจากนิวรณ์ห้า[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]การบรรลุปฐมฌาน พร้อมทั้งอุปมา[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]การบรรลุทุติยฌาน พร้อมทั้งอุปมา[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]การบรรลุตติยฌาน พร้อมทั้งอุปมา[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]การบรรลุจตุตถฌาน พร้อมทั้งอุปมา [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]อาการที่อยู่ในฌาน เรียกว่าตถาคตไสยา[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]หมวด ค. ว่าด้วยอุปกรณ์-เหตุปัจจัยของสัมมาสมาธิ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]ความรู้ที่ทำให้มีการอบรมจิต[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]บริขารเจ็ด ของอริยสัมมาสมาธิ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]ธรรมเครื่องทำความเต็มเปี่ยมแห่งกำลังของสมาธิ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]สมาธิจากการเดิน (จงกรม) ย่อมตั้งอยู่นาน [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]ลักษณะของผู้ง่ายต่อการเข้าอยู่ในสมาธิ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]หมวด ง. ว่าด้วยหลักการปฏิบัติของสัมมาสมาธิ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]บุพพภาคแห่งการเจริญสมาธิ ๕ ขั้น[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]ขั้นตอนอันจำกัดแห่งปัจจัยของสัมมาสมาธิ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]การกระทำที่ถูกต้องตามกาละ สำหรับสมาธินิมต-ปัคคาหนิมิต-อุเบกขานิมิต[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]สิ่งที่ต้องย้ำวันละ ๓ หน ในวงการสมาธิ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]อนุสสติภาวนา เป็นสิ่งที่เจริญได้ในทุกอิริยาบถ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]สมาธิภาวนาแต่ละอย่าง ๆ อาจทำได้ถึง ๗ ระดับ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier](๑. หมวดตระเตรียม)[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier](๒. หมวดพรหมวิหาร)[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier](๓. หมวดสติปัฎฐาน)[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier](หมวดอานิสงส์)[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]ญาณ เกิดจาสมาธิของผู้ที่มีสติปัญญารักษาตน[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]การดำรงสมาธิจิต เมื่อถูกเบียดเบียนทั้งทางวาจาและทางกาย [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier](๑. อุปมาที่หนึ่ง)[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier](๒. อุปมาที่สอง)[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier](๓. อุปมาที่สาม)[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier](๔. อุปมาที่สี่)[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier](๕. อุปมาที่ห้า)[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]สัญญาในสิ่งไม่เป็นที่ตึงแห่งความยึดถือก็มีอยู่ (โลกุตตรสมาธิ)[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]สมาธิที่เป็นอสัขตมนสิการ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]จากรูปฌานไปสู่อาสวักขยญาณโดยตรง [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]หมวด จ. ว่าด้วยอานิสงส์ของสัมมาสมาธิ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]ประโยชน์ของการเจริญสมาธิ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]นัยที่ ๑ : เห็นความไม่เที่ยงของอายตนิกธรรม [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]นัยที่ ๒ : เห็นความเกิดดับของเบญจขันธ์ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]อานุภาพแห่งสมาธิ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]อานิสงส์ของการหลีกเร้น[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]แม้เพียงปฐมฌาน ก็ชื่อว่าเป็นที่หลบพ้นภัยจากมาร[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]แม้เพียงปฐมฌาน ก็บำบัดกิเลสอันเป็นเครื่องระคายใจได้ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]เจโตสมาธิ ที่สามารถเพิ่มความผาสุกทางกาย[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]ที่นั่ง-นอน-ยืน-เดิน อันเป็นทิพย์ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]ธรรมที่ทำความเป็นผู้มีอำนาจเหนือจิต[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]ญานระงับความรัก-เกลียดที่มีอยู่ตามธรรมชาติ: [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]ญาณในตถาคตพลญาณ มีได้เฉพาะแก่ผุ้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]ธรรมสัญญา ในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]หมวด ฉ. ว่าด้วยโทษของการขาดสัมมาสมาธิ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]นิวรณ์-ข้าศึกแห่งสมาธิ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]นิวรณ์ เป็นเครื่องทำกระแสจิตไม่ให้รวมกำลัง [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]จิตตระหนี่ เป็นสิ่งที่ต่ำเกินไปสำหรับการบรรลุฌาน และทำให้แจ้งมรรคผล[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]หมวด ช. ว่าด้วยปกิณณกะ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]สนิมจิต เทียบสนิมทอง[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]ซึ่งที่เป็นเสี้ยนหนามต่อกันโดยธรรมชาติ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]การอยู่ป่ากับการเจริญสมาธิ สำหรับภิกษุบางรูป[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]ลำดับพฤติจิต ของผู้ที่จะเป็นอยู่ด้วยความไม่ประมาท[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]สัจจสัญญาอันสุขุมยิ่งขึ้นไปตามลำดับ ในรูปฌานสี่ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier][กรณีของปฐมฌาน][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier][กรณีของทุติยฌาน][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier][กรณีของตติยฌาน] [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier][กรณีของจตุตถฌาน][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]เจโตวิมุตติชนิดที่ยังมีอุปสรรค[/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]จบ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]นิทเทศ ๒๑[/FONT]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]สุขสรรค์ พริกบุญจันทร์[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Arial, Courier]พิมพ์เผยแพร่ [/FONT]
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สติปัฏฐานสี่..คือ..ทางสายเอก
    ....นักปฏิบัติจำข้อนี้ก่อน สติปัฏฐานสี่ เรียกว่า ทางสายเอก ทำไมเรียกว่าทางสายเอก เพราะเดินทางมีหลายทาง ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ การเดินทางมีขวากหนาม เดินทางทุรกันดาร เดินทางเรียบ ถ้าไม่มีทางเดินจะไปถึงจุดหมายได้อย่างไร ถ้าเราเหยียบหนามเข้าไปในป่ดงพงไพร ก็จะไปไม่ถึงที่หมาย พระองค์จึงบอกเดินทางสายเอก
    อาตมาปฏิบัติมาทุกอย่างแล้ว ก็มาสรุปได้ข้อนี้เอง คือ สติสัมปชัญญะ อย่าลืมว่า ไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา ข้อปฏิบัติสรุปเหลือ 2 คือ แก่นแท้พระพุทธศาสนา คือ สติสัมปชัญญะ ไม่ลดละภาวนา
    [​IMG]มีสติ
    เข้าไว้ทุกอริยบถ มีสัมปชัญญะรู้ตัว รู้ทั่ว รู้นอก รู้ใน รู้ตาชั่งขึ้นมาดู เอาตราชูขึ้นมาชั่ง
    รู้อย่างนี้จึงจะเรียกว่ารู้ตัว รู้ทั่ว รู้การแก้ปัญหา เหลือ 2 ประการ แก่นแท้ธรรมะอยู่ตรงนี้แน่ๆ ไม่ใช่อยู่ที่อื่น รู้ตัว รู้นอก รู้ใน รู้จิตใจของเรา รู้จิตใจของคนอื่นได้ มันก็ออกในรูปแบบเหลือหนึ่ง คือ ความไม่ประมาท ซึ่งเป็นหลักพระพุทธศาสนา

    พระพุทธเจ้าบอกว่า ทำอะไรอย่าทำให้เป็นเหตุแห่งความประมาท จะตายได้ จะขาดเหตุขาดผล ขาดต้นขาดปลาย หลักแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาก็มาจากทางสายเอก ก็จะจับจุดได้ว่าเอกตรงไหน เอกที่เดินทางสายเอเชีย ไม่มีขวากหนาม รถยนต์ของท่านจะไม่ชอกช้ำ ถ้าท่านเดินทางสายจัตวาก็จะโขลกเขลกมีหนามมีหลุมมีบ่อ ท่านจะเลือกเดินอย่างไร

    จงเลือกเดินทางสายเอก ทางสายเอกทางบกก็แห้งตลอด ทางน้ำก็เรือแล่นได้เลย ไม่มีหาดไม่มีตอ ก็เรียกว่าทางสายเอก แต่เดินทางสายเอก ถ้าท่านขาดสติสัมปชัญญะ มีความประมาทอยู่ในจิตใจของท่าน ท่านก็ไม่พบหลักพระพุทธศาสนาในตัวท่าน

    กรรมฐานอยู่ตรงไหน ไม่ใช่พุทโธนะ ตั้งสติไว้มือสอง เท้าสอง สมองหนึ่ง เป็นที่พึ่ง เหยียบทั้งเบรค เหยียบคลัช มือถือเกียร์ ตาหูก็ว่องไว จิตใจก็ดีด้วย นี่ทางสายเอกอยู่ตรงนี้ บางคนไม่เอาตาดู หูไม่ฟัง ปากไม่นิ่ง คนที่มีความรู้ขาดสติ ไม่มีทางสายเอก เอาปากไปก่อน พูดลามปาม ขาดสติสัมปชัญญะ
    พระพุทธเจ้าบอกทางสายเอกตรงนี้ เชิงปฏิบัติการ ตัวสตินี่สำคัญมาก และมีสัมปชัญญะอยู่ในตัวเองขึ้นมา จะเกิดความคิดออกมา คือปัญญาไม่ประมาท ถ้าท่านเจริญกรรมฐานได้จะเกิดปัญญา เกิดความรู้เหตุผลข้อเท็จจริงในการแก้ไข คือศีลธรรม ท่านจะมีสุขภาพจิตดีขึ้น ท่านจะอดทนต่องานและมีความขันติอดทนตลอดไป

    สรุปทางสายเอก จะไม่หลงไม่ลืม จะไม่ประมาทในชีวิต จะไม่มีทางที่จะเสียหาย ถึงจะเสียหายบ้างก็น้อยลงไป จะลืมอะไรก็น้อยที่สุด

    http://jaideedee.com/samati/LJ sai-ak.htm
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ประวัติตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชไทย
    http://www.dharma-gateway.com/monk/monk-04.htm
    ปลื้ม โชติษฐยางกูร
    คำบรรยายกฎหมายคณะสงฆ์ ชั้นปริญญาตรี คณะพุทธศาสตร์ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
    พิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๒๐, หน้า ๑๕๐–๑๕๘
    [​IMG]
    ๑. ประวัติตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชไทย
    สมเด็จพระสังฆราช เป็นประมุข เป็นที่เคารพสักการะของคณะสงฆ์และเป็นผู้นำหมู่สงฆ์ที่เรียกว่า “สกลมหาสังฆปริณายก” ตำแหน่งนี้มีมานานตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย มีจารึกไว้ในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ราว พ.ศ. ๑๘๓๕ ว่า “พระนครสุโขทัย มีสังฆราช มีปู่ครู มีมหาเถร มีเถร” ตามตำนานคณะสงฆ์ พระนิพนธ์สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้อธิบายถึงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชไว้ตอนหนึ่งว่า “สังฆราชเห็นจะเป็นสังฆนายกชั้นสูงสุด ตำแหน่งปู่ครู ตรงกับคำที่เราเรียกว่า พระครูในทุกวันนี้ เป็นตำแหน่งสังฆนายกรองลงมาจากสังฆราช สันนิษฐานว่าเอาอย่างมาจากยศพราหมณ์ ซึ่งมีตำแหน่งพระราชครู พระครูผู้สอนแบบประเพณี แต่พระมหาเถระและเถระที่กล่าวไว้ในศิลาจารึกนั้น เห็นจะมีความหมายว่า พระภิกษุที่มีพรรษาอายุและทรงคุณธรรมในทางพระศาสนาเป็นมาเถระและเถระตามวินัยบัญญัติ มิได้เป็นสมณศักที่พระเจ้าแผ่นดินทรงตั้ง”
    และในตอนหนึ่งทรงนิพนธ์ไว้ว่า “ในประเทศสยาม เมื่อพระนครสุโขทัยเป็นราชธานีเห็นจะมีสังฆราชมากกว่าองค์เดียว ด้วยวิธีการปกครองราชอาณาจักรในครั้งนั้น หัวเมืองใหญ่ที่ห่างไกลราชธานีเป็นเมืองประเทศราช แม้เมืองใกล้ราชธานี ที่เป็นเมืองใหญ่ ก็ตั้งเจ้านายออกไปปกครองอย่างทำนองประเทศราช เมืองใหญ่เมืองหนึ่งน่าจะมีสังฆราชองค์หนึ่งเป็นสังฆนายกในเมืองนั้น ความที่กล่าวนี้มีเค้าเงื่อนที่ปรากฏในทำเนียบชั้นหลัง ยังเรียกเจ้าคณะเมืองว่าพระสังฆราชอยู่หลายเมือง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงเปลี่ยนเป็นสังฆปาโมกข์ในรัชกาลที่ ๔ ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชมีประจำสังฆมณฑลตลอดมา จนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา และสมัยกรุงรัตโกสินทร์ แต่ไม่มีทำเนียบหรือพระประวัติไว้โดยละเอียด เพิ่งมีทำเนียบเป็นหลักฐานในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นี้เองนับแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลปัจจุบัน มีพระมหาเถระได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จสังฆราช ๑๘ องค์ รวมทั้งองค์ปัจจุบัน มีพระนามสองอย่าง ถ้าเป็นเจ้านายเชื้อพระวงศ์ มีคำนำหน้าพระนามว่า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า หรือ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า เป็นสามัญชนมีคำนำหน้าว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
    [​IMG]
    ข้อความเฉพาะส่วนนี้คัดมาจาก http://www.mahathera.com/somdej/somdej.html
    สมเด็จพระสังฆราช เป็นตำแหน่งที่มีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ดังมีหลักฐานจากศิลาจารึก ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้จารึกคำว่าสังฆราชไว้ด้วย
    สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก เป็นตำแหน่งสมณศักดิ์สูงสุดฝ่ายพุทธจักรของคณะสงฆ์ไทย ทรงเป็นประธานการปกครองคณะสงฆ์ ตำแหน่งนี้น่าจะมีที่มาจากคณะสงฆ์ไทย นำแบบอย่างมาจาก ลัทธิลังกาวงศ์ ซึ่งพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้ทรงอัญเชิญพระเถระผู้ใหญ่ของลังกา ที่เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาฝ่าย เถรวาทในประเทศไทย
    ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้เพิ่มตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเป็น สกลมหาสังฆปรินายก มีอำนาจว่ากล่าวออกไปถึงหัวเมือง โดยมีพระสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าคณะใหญ่ฝ่าย คามวาสี เป็นสังฆราชขวา สมเด็จพระวันรัตเจ้าคณะฝ่ายอรัญวาสี เป็นสังฆราชซ้าย องค์ใดมีพรรษายุกาลมากกว่า ก็ได้เป็นพระสังฆราช ในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา พระอริยมุนี ได้ไปสืบอายุพระพุทธศาสนาที่ลังกาทวีป มีความชอบมาก เมื่อกลับมาได้รับสมณศักดิ์สูงขึ้นตามลำดับจนเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระเจ้าเอกทัศน์มีพระราชดำริให้คงราชทินนามนี้ไว้ จึงทรงตั้งราชทินนามสมเด็จพระสังฆราชเป็น สมเด็จพระอริยวงศาสังฆราชาธิบดี และมาเป็น สมเด็จพระอริยวงศาญาณ ในสมัยกรุงธนบุรี และได้ใช้ต่อมาจนถึง รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ จึงได้ทรงปรับปรุงเพิ่มเติมเป็น สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ซึ่งได้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
    ตามทำเนียบสมณศักดิ์ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ที่มีตำแหน่งสังฆปรินายก ๒ องค์ ที่เรียกว่า พระสังฆราชซ้าย ขวา ดังกล่าวแล้ว ยังมีคำอธิบายอีกประการหนึ่งว่า สมเด็จพระอริยวงศ์ เป็นพระสังฆราชฝ่ายขวาว่า คณะเหนือ พระพนรัตน์เป็นพระสังฆราชฝ่ายซ้ายว่า คณะใต้ มีสุพรรณบัฏจารึกพระนามเมื่อทรงตั้งทั้ง ๒ องค์ แต่ที่สมเด็จพระพนรัตน์ โดยปกติไม่ได้เป็นสมเด็จ ส่วนพระสังฆราชฝ่ายขวานั้นเป็นสมเด็จทุกองค์
    จึงเรียกว่าสมเด็จพระสังฆราช จึงเป็นมหาสังฆปรินายก มีศักดิ์สูงกว่าพระสังฆราชฝ่ายซ้าย ที่พระพนรัตน์แต่เดิม ทรงยกเกียรติยศเป็นสมเด็จแต่บางองค์ มาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงเป็นสมเด็จทุกองค์ เมื่อครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี วิธีการปกครองพระราชอาณาจักรในครั้งนั้น หัวเมืองใหญ่ที่ห่างไกลจากราชธานี เป็นเมืองประเทศราชโดยมาก แม้เมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ราชธานี ก็ตั้งเจ้านายในราชวงศ์ออกไปครอง ทำนองเจ้าประเทศราช เมืองใหญ่แต่ละเมือง จึงน่าจะมีสังฆราชองค์หนึ่ง เป็นสังฆปรินายกของสังฆบริษัทในเมืองนั้น ดังปรากฏเค้าเงื่อนในทำเนียบชั้นหลัง ยังเรียกเจ้าคณะเมืองว่าพระสังฆราชอยู่หลายเมือง จนมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ จึงได้ทรงเปลี่ยนมาเป็นสังฆปาโมกข์
    พระสงฆ์ฝ่ายคามวาสีและอรัญวาสีนี้มีมาแต่ครั้งพุทธกาล คือฝ่ายที่พำนักอยู่ใกล้เมืองเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย เรียกว่า คามวาสี อีกฝ่ายหนึ่งบำเพ็ญสมณธรรมในที่สงบเงียบตามป่าเขา ห่างไกลจากบ้านเมืองเรียกว่า อรัญวาสี ภิกษุ แต่ละฝ่ายยังแบ่งออกเป็นคณะ แต่ละคณะจะมีพระราชาคณะปกครอง หัวหน้าพระราชาคณะเรียกว่า สมเด็จพระราชาคณะ
    แบบแผนการปกครองคณะสงฆ์ของไทย เริ่มจัดวางหลักตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย มีการพัฒนาเพิ่มเติมใน สมัยกรุงศรีอยุธยาและต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ก็ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยมาตามลำดับ จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ การปกครองคณะสงฆ์ก็ยังจัดโดยมีตำแหน่งเปรียบเทียบดังนี้
    สกลสังฆปรินายก ได้แก่สมเด็จพระสังฆราช
    มหาสังฆนายก ได้แก่เจ้าคณะใหญ่
    สังฆนายก ได้แก่เจ้าคณะรอง
    มหาสังฆปาโมกข์ ได้แก่เจ้าคณะมณฑล
    สังฆปาโมกข์ ได้แก่เจ้าคณะจังหวัดที่เป็นพระราชาคณะ
    สังฆวาห ได้แก่เจ้าคณะจังหวัดที่เป็นพระครู
    ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาเปลี่ยนคำนำพระนามพระบรมราชวงค์ผู้ดำรงสมณศักดิ์ในตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชขึ้นใหม่ว่า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ทรงเศวตฉัตร ๕ ชั้น พระราชวงค์ชั้นรองลงมา เท่าที่ปรากฏ มีชั้นหม่อมเจ้าผู้ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช มีคำนำหน้า พระนามว่า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงฉัตร ๕ ชั้น
    ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๕๐๕ ได้บัญญัติถึงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชได้ว่า ในกรณีตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการประกาศนาม สมเด็จพระราชาคณะ ที่มีอาวุโสสูงสุดโดยพรรษา เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำพระนามสมเด็จพระราชาคณะ ๔ รูป คือ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ สมเด็จพระวันรัต สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ และสมเด็จพระพุฒาจารย์ เสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แล้วนำกราบถวายบังคมทูล ให้พระมหากษัตริย์ทรงวินิจฉัย และจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ สถาปนาสมเด็จพระราชาคณะรูปใดรูปหนึ่ง ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชต่อไป
    [​IMG]
    ๒. การสถาปนา
    พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช การสถาปนาฐานันดรศักดิ์ และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นอำนาจของพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นการถวายพระราชอำนาจไว้ให้ทรงสถาปนาได้ตามพระอัธยาศัยตามที่ทรงพระราชดำริเห็นสมควร ในการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช มีข้อควรทราบอยู่ ๓ ประการ คือ
    ๑. คุณสมบัติของผู้ควรได้รับการสถาปนา
    ๒. พิธีการสถาปนา
    ๓. ความเห็นของมหาเถรสมาคม
    คุณสมบัติของผู้ควรได้รับการสถาปนา
    ๑. ต้องเป็นสมเด็จพระราชาคณะ
    ๒. มีพรรษาสูงสุด หรืออาวุโสสูงสุด *
    ๓. มีศีลสมาจารวัตรเพียงพร้อม ไม่ด่างพร้อย เป็นที่เคารพสักการะของคณะสงฆ์ และประชาชน และ
    ๔. ได้บำเพ็ญศาสนกิจเป็นประโยชน์แก่พระศาสนา และราชอาณาจักรเป็นอย่างมาก ทั้งยังสามารถปฏิบัติภารกิจต่อไปได้
    * มาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราช บัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ บัญญัติให้เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุด
    พิธีการสถาปนา
    ๑. การดำเนินการ
    ๒. การตั้งพระราชพิธีสถาปนา
    การดำเนินการสถาปนา
    เมื่อตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง กระทรวงศึกษาธิการ โดยกรมการศาสนา ซึ่งมีอธิบดีเป็นเลขาธิการมหาเถรสมาคม จะรวบรวมพระประวัติและผลงานของสมเด็จพระราชาคณะทุกรูปเสนอรัฐมนตรีว่าการกรทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา แล้วนายกรัฐมนตรีนำขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อพระมหากษัตริย์ทรงพิจารณาวินิจฉัยสถาปนารูปใดรูปหนึ่งขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชตามพระราชอัธยาศัย แล้วจะมีพระบรมราชโองการประกาศสถาปนานายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
    การตั้งพระราชพิธีสถาปนา
    แต่เดิมไม่ได้กำหนดพิธีสถาปนาขึ้นเป็นพิเศษ โดยถือเอาวันเฉลิมพระชนมพรรษา หรือวันฉัตรมลคลเป็นวันพิธีสถาปนาร่วมกับพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาหรือฉัตรมงคล แล้วแต่เวลาสถาปนาจะอยู่ใกล้กับวันพระราชพิธีใด ต่อมาเมื่อครั้งทรงสถาปนาสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (จวน อุฎฐายี) ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชใน พ.ศ. ๒๕๐๘ ทรงดำริว่า ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชสำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงสมณศักดิ์สูงสุด เป็นสกลมหาสังฆปริณายก ประธานาธิบดีสงฆ์ ทรงเป็นที่เคารพสักการะและเป็นจุดรวมศรัทธาปสาทะของพุทธบริษัท ทั้งในและนอกราชอาณาจักร สมควรจัดพิธีสถาปนาขึ้นเป็นพิเศษต่างหาก ไม่ถือเอาวันเฉลิมพระชนมพรรษา หรือวันฉัตรมงคลเป็นวันสถาปนา ตั้งแต่นั้นมา
    พิธีการ จะทรงมีพระกระแสรับสั่งให้สำนักพระราชวัง จัดพิธีการกำหนดวัน เวลา และรายการตามพระราชประเพณีขึ้น ท่ามกลางสังฆมณฑลอันประกอบด้วยกรรมการมหาเถรสมาคม โดยสมณศักดิ์เจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด พระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี คณะรัฐมนตรี ประธานรัฐสภาฯ ประธานศาลฎีกา ณ พระอุโบสถพระศรีรัตนศาสดาราม มีการจารึกพระสุพรรณบัฏ เมื่อได้เวลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินมายังพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมา แล้วทรงประเคนผ้าไตรแด่พระสงฆ์กรรมการมหาเถรสมาคม เสด็จไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพระรัตนตรัย ทรงศีล สมเด็จพระราชาคณะทรงถวายศีลจบ ทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้พนักงานอาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการการสถาปนา จบแล้วสมเด็จพระราชาคณะนำสวดสังฆานุโมทนา เสด็จไปถวายน้ำมหาสังข์ทักษิณาวัฏ พระสุพรรณบัฏ พระตราตำแหน่ง พัดยศ เครื่องสมณศักดิ์แด่สมเด็จพระสังฆราช พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา โหรลั่นฆ้องชัย พราหมณ์เป่าสังข์ ภูษามาลาแกว่ง บัณเฑาะว์ พนักงานประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ พระสงฆ์ตามอารามทั่วราชอาณาจักร เจริญชัยมงคลคาถาและย่ำระฆัง แล้วในหลวงทรงถวายใบปวารณาแด่พระสงฆ์ในสังฆมณฑล พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ทรงหลั่งน้ำทักษิโณทก จบแล้วเสด็จพระสังฆราชขึ้นประทับอาสน์สงฆ์กลางพระอุโบสถ พระเถรผู้ใหญ่ ผู้แทนพระบรมวงศานุวงศ์ หัวหน้าคณะรัฐบาล ผู้แทนองคมนตรี ประธานสภา ประธานศาลฎีกา เข้าถวายเครื่องสักการะเสร็จแล้วสมเด็จพระสังฆราชทรงออกไปรับเครื่องสักการะของบรรพชิตญวนและจีนแล้วเสด็จกลับ เป็นเสร็จพิธี
    ความเห็นของมหาเถรสมาคม
    แม้กฎหมายมิได้บัญญัติไว้ว่า การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช จะต้องได้รับความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคมก็ตาม แต่รัฐบาลจะต้องสอบถามความเห็นของกรรมการมหาเถรสมาคม นำขึ้นทูลเกล้าถวายพร้อมทั้งพระประวัติผลงานของสมเด็จพระราชาคณะ เพื่อทราบความเห็นของฝ่ายสงฆ์ด้วย ในคำประกาศสถาปนาจะปรากฏสังฆทรรศนะอันเป็นมติของมหาเถรสมาคมอยู่ด้วย ตามทางปฏิบัติ กรรมการมหาเถรสมาคมจะถวายให้เป็นพระราชอำนาจที่จะทรงดำริวินิจฉัยตามพระราชอัธยาศรัย (ขอให้สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้ามีพระมหากรุณา ทรงพระราชดำริสถาปนาตามพระราชอัธยาศัย เป็นการเหมาะสมอย่างยิ่ง กรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูปเต็มใจที่จะสนองพระเดชพระคุณ) เหตุผลก็เพราะว่า สมเด็จพระสังฆราชเป็นพระประมุข เป็นสังฆบิดร ผู้ปกครองสังฆมณฑล ควรเป็นที่ยอมรับเคารพสักการะของคณะสงฆ์มาก่อน หากไม่ฟังเสียงอาจเกิดเสียหายทางการปกครอง และการพระศาสนาได้
    [​IMG]
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ๓. อำนาจหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
    เดิมเมื่อยังไม่มีกฎหมายคณะสงฆ์ สมเด็จพระสังฆราชมีอำนาจหน้าที่ในการปกคองคณะสงฆ์ตามพระธรรมวินัย ระเบียบแบบแผนในฐานะเป็นพระมหาเถรผู้ใหญ่สุดของคณะสงฆ์เท่านั้น อำนาจบัญชาการอันเป็นตัวบทกฎหมายยังอยู่ที่องค์พระมหากษัตริย์ ผู้เป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก และอยู่ที่เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ผู้บริหารกิจการพระศาสนาต่างพระเนตรพระกรรณ ซึ่งออกเป็นพระบรมราชโองการ หรือประกาศให้คณะสงฆ์ถือปฏิบัติหรือวางระเบียบในการปกครอง
    ต่อมาเมื่อประกาศใช้ พ.ร.บ. ลักษณะปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. ๑๒๑ กฎหมายได้กำหนดให้เจ้าคณะใหญ่และเจ้าคณะรอง เป็นมหาเถรสมาคมเป็นที่ทรงปรึกษากิจการคณะสงฆ์และการพระศาสนาในขณะยังว่างสมเด็จพระสังฆราช ต่อเมื่อได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชอำนาจบัญชาการคณะสงฆ์ในสมัยนี้ตกมาอยู่กับองค์สมเด็จพระสังฆราชมากขึ้น สมเด็จพระสังฆราชมีอำนาจในการบัญชาการคณะสงฆ์ หรือมีพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชในกิจการคณะสงฆ์ได้ แต่อำนาจสูงสุดอยู่ที่องค์พระมหากษัตริย์ตามรูปแบบการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั่นเอง
    ต่อมาเมื่อประกาศใช้ พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔ อำนาจหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้าเด่นชัดขึ้น เป็นอำนาจสูงสุดเด็ดขาด ไม่ขึ้นกับองค์พระมหากษัตริย์ หรือฝ่ายบ้านเมืองอีก พระองค์มีอำนาจในการบัญชาการคณะสงฆ์ในฐานะดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก แต่ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย คือ ทรงออกสังฆาณัติโดยคำแนะนำของสังฆสภา ทรงบริหารการคณะสงฆ์ทางคณะสังฆมนตรี และทรงวินิจฉัยอธิกรณ์ทางคณะวินัยธร ผู้ปฏิบัติหน้าที่แต่ละฝ่ายรับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้วกฎหมายให้พระองค์ใช้อำนาจนั้นในฐานะพระประมุขเท่านั้น
    ส่วนอำนาจหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชในฐานะสกลมหาสังฆปริณายกตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ บัญญัติไว้ในมาตรา ๘ ว่า “สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก ทรงบัญชาการคณะสงฆ์และทรงตราพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัยและกฎมหาเถรสมาคม” และมาตรา ๙ ว่า “สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมหาเถรสมาคม”
    ตามกฎหมายนี้ สมเด็จพระสังฆราช ในฐานะสกลมหาสังฆปริณายกทรงบัญชาการคณะสงฆ์โดยพระองค์เองได้ และในฐานะประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ย่อมมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารคณะสงฆ์และกิจการพระศาสนาทั้งหมด ต่างกับสมัยแรกที่อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่พระมหากษัตริย์ สมัยต่อมามีอำนาจแต่เพียงในนามพระประมุขจะใช้อำนาจบัญชาการก็ต้องผ่านสังฆสภา สังฆมนตรี และคณะวินัยธรผ่านสังฆสภา สังฆมนตรี และคณะวินัยธร อำนาจสมเด็จพระสังฆราชในปัจจุบันเท่ากับอำนาจสังฆนายก ประธานสังฆสภา และประธานคณะวินัยธร รวมกัน เพราะองค์กรทั้งสาม คือสังฆสภา คณะสังฆมนตรี คณะวินัยธร ตามกฎหมายปี ๒๔๘๔ รวมเป็นมหาเถรสมาคม ตามกฎหมายนี้จึงแยกพิจารณาเป็น ๒ ส่วนคือ
    ๑. อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก
    ๒. อำนาจหน้าที่ ในตำแหน่งประธานกรรมการมหาเถรสมาคม
    อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก เป็นอำนาจในตำแหน่งพระประมุขโดยตรง มี ๒ อย่างคือ อำนาจบัญชาการคณะสงฆ์กับอำนาจตราพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช อำนาจบัญชาการหมายถึงอำนาจที่จะสั่งการใดๆ อำนาจตราพระบัญชาคือ อำนาจที่จะวางระเบียบหรือแนวทางปฏิบัติใดๆ ได้ เมื่อมีพระดำริเห็นว่าเป็นการสมควรในการบริหารคณะสงฆ์ กฎหมายให้อำนาจไว้อย่างกว้างๆ มีข้อจำกัดเพียงว่า การบัญชาการและการตราพระบัญชานั้น ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม หากขัดแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม ก็ไม่มีผลบังคับ คำสั่งหรือพระบัญชานั้นใช้ไม่ได้
    อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งประธานกรรมการมหาเถรสมาคม นับเป็นอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการบริหาร และการปกครองคณะสงฆ์ร่วมกับมหาเถรสมาคม ซึ่งมีอำนาจออกกฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ หรือออกคำสั่ง เพื่อให้การปกครองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ต้องไม่ขัดกับกฎหมายและพระธรรมวินัย ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๘ มหาเถรสมาคมเป็นสถาบันบริหารการคณะสงฆ์ส่วนกลาง ซึ่งรวมอำนาจสังฆสภา คณะสังฆมนตรี และคณะวินัยธร ตามกฎหมายเก่าเข้าไว้ อำนาจของสมเด็จพระสังฆราชในตำแหน่งนี้ จึงกว้างขวางและมีความรับผิดชอบสูงสุดในการบริหารคณะสงฆ์ร่วมกับมหาเถรสมาคม
    [​IMG]
    ทำเนียบสมเด็จพระสังฆราช กรุงรัตนโกสินทร์
    ๑. สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) วัดระฆังโฆสิตาราม พ.ศ. ๒๓๒๕–๒๓๓๗
    ๒. สมเด็จพระสังฆราช (สุก) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ พ.ศ. ๒๓๓๗–๒๓๕๙
    ๓. สมเด็จพระสังฆราช (มี) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ พ.ศ. ๒๓๕๙–๒๓๖๒
    ๔. สมเด็จพระสังฆราช “ญาณสังวร” (สุก) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ พ.ศ. ๒๓๖๓–๒๓๖๕
    ๕. สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ พ.ศ. ๒๓๖๕–๒๓๘๕
    ๖. สมเด็จพระสังฆราช (นาค) วัดราชบูรณะราชวรวิหาร พ.ศ. ๒๓๘๖–๒๓๙๒
    ๗. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พ.ศ. ๒๓๙๔–
    ๒๓๙๖
    ๘. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ วัดบวรนิเวศวิหาร พ.ศ. ๒๓๙๖–๒๔๓๕
    ๙. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุส.สเทว) วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม
    พ.ศ. ๒๔๓๖–๒๔๔๒
    ๑๐. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส วัดบวรนิเวศวิหาร พ.ศ. ๒๔๔๒–๒๔๖๔
    ๑๑. พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
    พ.ศ. ๒๔๖๔–๒๔๘๐
    ๑๒. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติส.สเทว) วัดสุทัศนเทพวราราม
    พ.ศ. ๒๔๘๑–๒๔๘๗
    ๑๓. สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นพวงศ์) วัดบวรนิเวศวิหาร
    พ.ศ. ๒๔๘๘–๒๕๐๑
    ๑๔. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตติโสภณ มหาเถระ) วัดเบญจมบพิตร
    ดุสิตวนาราม พ.ศ. ๒๕๐๓–๒๕๐๕
    ๑๕. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทยมหาเถระ) วัดสระเกศราช
    วรมหาวิหาร พ.ศ. ๒๕๐๖–๒๕๐๘
    ๑๖. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายีมหาเถระ) วัดมกุฏกษัตริยาราม
    พ.ศ. ๒๕๐๘–๒๕๑๔
    ๑๗. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณณสิริมหาเถระ) วัดพระเชตุพน
    วิมลมังคลาราม พ.ศ. ๒๕๑๕–๒๕๑๗
    ๑๘. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสนมหาเถระ) วัดราชบพิธสถิต
    มหาสีมาราม พ.ศ. ๒๕๑๗–๒๕๓๑
    ๑๙. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑ.ฒโน) วัดบวรนิเวศ
    วิหาร พ.ศ. ๒๕๓๒-ปัจจุบัน
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมได้ร่วมทำบุญงานศพคุณพ่อ(ตา)ของเพื่อนท่านนึง ซึ่งเพื่อนท่านนี้ได้ขอให้ผมนำเงินที่จะทำบุญงานศพไปทำบุญอะไรก็ได้ตามที่ผมต้องการที่จะทำ โดยให้ระบุชื่อของคุณพ่อ(ตา)ของเพื่อนท่านนี้

    วันนี้ผมได้โอนเงินเพื่อทำบุญตามที่ผมได้แจ้งไว้ข้างบนแล้ว จำนวน 200 บาท โดยโอนเงินร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ เรียบร้อยแล้ว

    ส่วนน้องchaipat ร่วมทำบุญอีก 100 บาท

    ในนาม คุณประมวล รวมจำนวนเงิน 300 บาทครับ

    ขอโมทนาบุญด้วยครับ

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>LTF-RMFครึ่งปีหลังได้ยิลด์แล้ว30% แนะอย่าลงทุนรับสิทธิลดหย่อนภาษีอย่างเดียว
    http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9500000146150
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>11 ธันวาคม 2550 09:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=90 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=90>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> บลจ.งัดกลยุทธ์ชูผลตอบแทนกระตุ้นกองทุนแอลทีเอฟ-อาร์เอ็มเอฟช่วงปลายปี พร้อมแนะผู้ลงทุนอย่าหวังแค่สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษี หลังลงทุนตั้งแต่กลางปีรับผลตอบแทนไปเต็มๆ แล้วกว่า 30% ส่วนเงินลงทุนรวมทั้งระบบของกองทุน 2 ประเภท เงินใหม่ไหลเข้ารวมกันกว่า 25,020 ล้านบาท ด้านตลาดหลักทรัพย์เตรียมจัดงาน "มหกรรม ลดภาษีนาทีสุดท้ายด้วย LTF-RMF" เปิดทางให้บลจ.ขนกองทุนมาขาย ประเดิม 15-16 ธันวาคมนี้

    นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัดกล่าวว่า การลงทุนของประชาชนในกองทุนรวมเพื่อการเรื่องชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) ในช่วงปลายปีนี้คงจะคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มักจะนิยมนำเงินก้อนที่ได้รับในช่วงปลายปีมาลงทุน อีกทั้งยังมีความต้องการที่จะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยทางบริษัทก็มีการเตรียมความพร้อมเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาลงทุนกับบริษัทด้วยการจัดโปรโมชั่นเกี่ยวกับการลงทุน และการนำเสนอผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุนตัดสินใจ

    ทั้งนี้ กองทุนทั้ง 2 ประเภทถือว่ามีผลการดำเนินงานที่ดี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้เป็นที่น่าพอใจ โดยส่วนหนึ่งมาจากภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงที่ผ่านมามีความคึกคักเป็นอย่างมาก และหากประชาชนเข้าไปลงทุนผ่านกองทุนนี้ในตั้งแต่กลางปีก็จะได้ผลตอบแทนไปแล้วกว่า 30% จึงไม่อยากให้นักลงทุนเข้าใจแต่เพียงว่าการลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ประเภทนี้เพียงเพื่อใช้สิทธิ์ในการยกเว้นภาษีจากกรมสรรพากรเท่านั้น

    "เราอยากเน้นย้ำในเรื่องของผลการดำเนินงาน ซึ่งที่ผ่านมาการนำผลการดำเนินงานออกมาให้ข่าวผ่านสื่อ ก็มีส่วนช่วยให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้น ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นการพูดถึงกองทุนหุ้นตัวอื่น แต่เมื่อกองหุ้นของเราดี เขาก็น่าจะเข้าใจว่าการดำเนินงานของทั้ง LTF และ RMF ก็น่าจะดีด้วย ส่วนนักลงทุนที่เข้าใจว่าการลงทุนเป็นเพียงเพื่อการได้รับการยกเว้นภาษี ก็อยากให้คิดใหม่เพราะคนที่มาลงทุนกับเราตั้งแต่กลางปีถึงตอนนี้จะได้รับผลตอบแทนไปแล้วถึง 30%"นางวิวรรณกล่าว

    นางวิวรรณ กล่าวอีกว่า ปัจจัยหนุนของการลงทุนในหลังจากนี้คงเป็นเรื่องของการเมือง และการเลือกตั้งเป็นหลัก ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศในช่วงนี้ คงจะไม่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนมากนักในการเข้าลงทุนผ่านกองทุน LTF และRMF

    ทั้งนี้ การลงทุนของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาของกองทุนที่เข้าไปลงทุนในหุ้นจะให้น้ำหนักหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่ ส่วนหุ้นตัวอื่นก็จะมีการดูเป็นรายตัว ซึ่งสาเหตุที่ตัดสินใจให้น้ำหนักหุ้นในกลุ่มนี้ เนื่องจากมีผลประกอบการที่ดี โดยมีส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมเข้ามาเป็นรายได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานนั้นคงจะต้องจับตาดูเป็นรายตัวอีกระยะ เนื่องจากหุ้นบางตัวของกลุ่มนี้ค่อนข้างจะมีราคาแพงเกินไปทำให้ไม่น่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุน

    สำหรับการขยายตัวของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา มีสัดส่วนของเงินลงทุนใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยเงินลงทุนทั้งระบบของกองทุนรวม LTF ในปีนี้อยู่ที่ 41,555 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,369 บาท เมื่อเทียบกับเงินลงทุนในช่วงสิ้นปี 2549 ส่วนกองทุนรวม RMF มีจำนวนเพิ่มขึ้น 8,651 ล้านบาท อยู่ที่ 34,126 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเงินลงทุนในช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยคิดเป็นเงินลงทุนรวมกันกว่า 25,020 ล้านบาท

    ด้านรายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
    (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.เตรียมจัดงาน "มหกรรม ลดภาษีนาทีสุดท้ายด้วย LTF-RMF" เพื่อกระตุ้นการลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ประเภทเป็น 2 ช่วง โดยในช่วงแรกจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 ธันวาคมนี้ ที่ศูนย์การค้า Esplanade ถนนรัชดา และครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-23 ธันวาคมที่ห้องโถงอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

    โดยภายในงานดังกล่าว จะมีการนำกองทุน LTF-RMF มาให้นักลงทุนได้เลือกตัดสินใจลงทุนจากจำนวนกองทุนทั้งหมด 53 กองทุนจาก 22 บลจ.ด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมีการออกบูทให้คำแนะนำการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่สนใจด้วย และที่ขาดไม่ได้ซึ่งถือเป็นสีสันของเทศกาลกองทุน LTF-RMF ก็คือ โปรโมชั่นแจกแถมที่แต่ละบลจ.งัดออกมาล่อใจสำหรับคนที่ซื้อกองทุนทั้ง 2 ประเภทภายในงานดังกล่าวด้วย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. bcbig_beam

    bcbig_beam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +3,246
    ด้วยความเคารพ เชื่อมั่น ศรัทธา
    "ทางสายเอก"
    ผมได้ไปขึ้นกรรมฐานกับหลวงพ่อจรัญ
    โดยไปปฏิบัติธรรมครั้งแรก 7 วัน ในวาระครบรอบวันเกิดที่ผ่านมา
    ผมได้ความรู้ แนวคิด หลายอย่าง
    โดยไม่สามารถบรรยายเป็นตัวอักษรได้
    เป็น "ปัจจัตตัง" รู้ได้ด้วยตนเอง
    ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ใจเรา เราจะเลือกไปทางใด
    ชนะใจตนเองได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้น "ดวงตาเห็นธรรม"
    คงอยู่ไม่ไกล
    ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านให้คิดดี พูดดี ทำดี ดีดีดีครับ
    "กระทำการด้วยปัญญา รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิตครับ"
    ด้วยความเคารพผู้คิดดีทำดีปฏิบัติดีทุกท่านครับ
    และขอเป็นกำลังใจให้พี่สิทธิพงศ์ในงานบุญทุกอย่างด้วยทุกประการครับ
    โมทนาสาธุครับ
     
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    กลับมาแล้วครับ ขอบคุณและโมทนาบุญด้วยครับ
    nongnooo...
     
  13. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ทั้งเฮียเม้า และท่านปา-ทานนี่ ปิดหน้าไว้กลัว คนจดจำความหล่ออออมากกกกได้เหรอครับเอิ๊ก 5555(eek)
    ว่าไปแล้วแอบไปงานมาวันนึงเหมือนกันครับ หยิบดูพระวังหน้าบางพิมพ์มาดู พอเดินออกมามีคนมาถามว่าพี่ๆ ดีมั้ยครับผมอยากได้...ดีนะเนี่ย ได้ฝึกวิชาพอผ่านชั้นอนุบาลกะเค้าบ้าง เลยชี้แนะไปบางพิมพ์ครับ ได้ศึกษาจากกระทู้นี้ละครับ และยังต้องศึกษาอีกเยอะครับกว่าจะขึ้นชั้น ป.1ได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2007
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ่าน๊ะ หน้าลุงเม้าเป็นวงกลม หน้าผมเป็นสี่เหลี่ยม เอ้ยังไงหว่าเนี่ย

    ไม่ได้พาดพิงถึงใครนะครับ การเมืองไม่ยุ่งในกระทู้นี้ครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    หล่อไปหมดครับ ไปหมดแล้วจริงๆครับ

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    สติปัฏฐานสี่..คือ..ทางสายเอก

    ....นักปฏิบัติจำข้อนี้ก่อน สติปัฏฐานสี่ เรียกว่า ทางสายเอก ทำไมเรียกว่าทางสายเอก เพราะเดินทางมีหลายทาง ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ การเดินทางมีขวากหนาม เดินทางทุรกันดาร เดินทางเรียบ ถ้าไม่มีทางเดินจะไปถึงจุดหมายได้อย่างไร ถ้าเราเหยียบหนามเข้าไปในป่ดงพงไพร ก็จะไปไม่ถึงที่หมาย พระองค์จึงบอกเดินทางสายเอก
    อาตมาปฏิบัติมาทุกอย่างแล้ว ก็มาสรุปได้ข้อนี้เอง คือ สติสัมปชัญญะ อย่าลืมว่า ไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา ข้อปฏิบัติสรุปเหลือ 2 คือ แก่นแท้พระพุทธศาสนา คือ สติสัมปชัญญะ ไม่ลดละภาวนา
    [​IMG]มีสติ
    เข้าไว้ทุกอริยบถ มีสัมปชัญญะรู้ตัว รู้ทั่ว รู้นอก รู้ใน รู้ตาชั่งขึ้นมาดู เอาตราชูขึ้นมาชั่ง
    รู้อย่างนี้จึงจะเรียกว่ารู้ตัว รู้ทั่ว รู้การแก้ปัญหา เหลือ 2 ประการ แก่นแท้ธรรมะอยู่ตรงนี้แน่ๆ ไม่ใช่อยู่ที่อื่น รู้ตัว รู้นอก รู้ใน รู้จิตใจของเรา รู้จิตใจของคนอื่นได้ มันก็ออกในรูปแบบเหลือหนึ่ง คือ ความไม่ประมาท ซึ่งเป็นหลักพระพุทธศาสนา

    พระพุทธเจ้าบอกว่า ทำอะไรอย่าทำให้เป็นเหตุแห่งความประมาท จะตายได้ จะขาดเหตุขาดผล ขาดต้นขาดปลาย หลักแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาก็มาจากทางสายเอก ก็จะจับจุดได้ว่าเอกตรงไหน เอกที่เดินทางสายเอเชีย ไม่มีขวากหนาม รถยนต์ของท่านจะไม่ชอกช้ำ ถ้าท่านเดินทางสายจัตวาก็จะโขลกเขลกมีหนามมีหลุมมีบ่อ ท่านจะเลือกเดินอย่างไร

    จงเลือกเดินทางสายเอก ทางสายเอกทางบกก็แห้งตลอด ทางน้ำก็เรือแล่นได้เลย ไม่มีหาดไม่มีตอ ก็เรียกว่าทางสายเอก แต่เดินทางสายเอก ถ้าท่านขาดสติสัมปชัญญะ มีความประมาทอยู่ในจิตใจของท่าน ท่านก็ไม่พบหลักพระพุทธศาสนาในตัวท่าน

    กรรมฐานอยู่ตรงไหน ไม่ใช่พุทโธนะ ตั้งสติไว้มือสอง เท้าสอง สมองหนึ่ง เป็นที่พึ่ง เหยียบทั้งเบรค เหยียบคลัช มือถือเกียร์ ตาหูก็ว่องไว จิตใจก็ดีด้วย นี่ทางสายเอกอยู่ตรงนี้ บางคนไม่เอาตาดู หูไม่ฟัง ปากไม่นิ่ง คนที่มีความรู้ขาดสติ ไม่มีทางสายเอก เอาปากไปก่อน พูดลามปาม ขาดสติสัมปชัญญะ
    พระพุทธเจ้าบอกทางสายเอกตรงนี้ เชิงปฏิบัติการ ตัวสตินี่สำคัญมาก และมีสัมปชัญญะอยู่ในตัวเองขึ้นมา จะเกิดความคิดออกมา คือปัญญาไม่ประมาท ถ้าท่านเจริญกรรมฐานได้จะเกิดปัญญา เกิดความรู้เหตุผลข้อเท็จจริงในการแก้ไข คือศีลธรรม ท่านจะมีสุขภาพจิตดีขึ้น ท่านจะอดทนต่องานและมีความขันติอดทนตลอดไป

    สรุปทางสายเอก จะไม่หลงไม่ลืม จะไม่ประมาทในชีวิต จะไม่มีทางที่จะเสียหาย ถึงจะเสียหายบ้างก็น้อยลงไป จะลืมอะไรก็น้อยที่สุด

    http://jaideedee.com/samati/LJ sai-ak.htm
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    โมทนาบุญด้วยครับ

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  20. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    แล้วคนเก่าแต่ชื่อใหม่ ชมได้มั๊ยครับ อิอิ


    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ่าน๊ะ หน้าลุงเม้าเป็นวงกลม หน้าผมเป็นสี่เหลี่ยม เอ้ยังไงหว่าเนี่ย

    ไม่ได้พาดพิงถึงใครนะครับ การเมืองไม่ยุ่งในกระทู้นี้ครับ
    .............................................................................
    หน้าสี่เหลี่ยม คุ้นๆนะ เคยไปอยู่อังกฤษใช่เปล่าครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...