พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับการสมาชิกชมรมพระวังหน้า ปัจจุบันนี้ หากสมัครผ่านผม จะสมัครได้ยากมาก เนื่องจากการรับสมาชิกใหม่ ต้องผ่านวิธีการของผม ซึ่งผมจะดูโดยมีการคิดคะแนน หลังจากนั้น ผมจะเปิดประชุมให้สมาชิกชมรมพระวังหน้า ลงความเห็นว่า ยินดีให้รับสมัครและรับรองผู้ที่สมัครสมาชิกชมรมพระวังหน้าว่า จะไม่ผิดระเบียบของชมรมฯ

    และการลงคะแนนของชมรมฯ ต้องได้ 2 ใน 3 เสียงของผู้มีอำนาจลงมติของชมรมฯ ( 1.ประธานชมรมฯ 2.รองประธานชมรมฯ และ 3.เลขานุการของชมรมฯ ก็คือผม )

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอบคุณมากครับ คุณ sithiphong สำหรับความรู้เรื่องพิมพ์เมตตาสามโลก
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียนคุณอนัตตัง

    เรื่องที่คุณอนัตตัง แจ้งความประสงค์ที่จะสมัครสมาชิกชมรมพระวังหน้า

    ผมมาบอกว่า การสมัครสมาชิกชมรมพระวังหน้า โดยสมัครผ่านที่ผม ยากมาก เนื่องจากผ่านการลงคะแนนในตารางแล้ว ผมยังต้องเปิดรับความเห็นของสมาชิกชมรมพระวังหน้า ซึ่งต้องให้สมาชิกชมรมพระวังหน้า ลงความเห็นว่าให้รับคุณอนัตตังและรับรองคุณอนัตตังว่า คุณอนัตตัง ไม่ทำผิดในระเบียบของชมรมพระวังหน้า

    เรื่องการลงความเห็นของสมาชิกชมรมพระวังหน้า (ตั้งแต่ 7 ท่าน) ในการรับรองคุณอนัตตัง เป็นไปได้ยากมากครับ

    โมทนาสาธุครับ

    ตารางนี้ครับ

    [​IMG]


    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เตือนยุงรำคาญนาข้าว ระบาด! เสี่ยงโรคไข้สมองอักเสบ



    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม



    เตือนยุงรำคาญนาข้าว ระบาดช่วงน้ำท่วม ชี้เสี่ยงต่อโรคไข้สมองอักเสบ เผยบินได้ไกลกว่า 3 กิโลเมตร เปลี่ยนพฤติกรรมกินเลือดคนแทนเลือดสัตว์

    วิกฤติการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ในบางพื้นที่สถานการณ์ก็เริ่มคลี่คลายแล้ว ส่งบางพื้นที่ก็ต้องทนอยู่กับน้ำท่วมขังมานานนับเดือน และแน่นอนนอกจากปัญหาน้ำเน่าเสียที่ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนจิตใจแล้ว ยังมีเจ้าตัวร้ายอย่าง "ยุง" พาหะนำโรคมาสร้างความรำคาญใจให้อีก โดย รศ.ชำนาญ อภิวัฒนศร หัวหน้าภาควิชากีฏวิทยาการแพทย์ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าโรคไข้เลือดออกที่คาดว่าจะระบาดในช่วงน้ำท่วมนั้นจะไม่ค่อยน่าเป็น ห่วงเท่าไร เพราะในช่วงนี้ยุงลายไม่ค่อยขยายพันธุ์มากเท่าฤดูฝน และไม่ใช่ยุงที่มากับน้ำท่วม

    สำหรับยุงที่มากับน้ำท่วมนั้น รศ.ชำนาญ กล่าวว่า เป็น "กลุ่ม ยุงรำคาญนาข้าว" หรือมีชื่อเรียกทางวิชาการว่า "ยุงพาหะรำคาญ" (Culex tritaeniorhynchus) เป็นพาหะโรคไข้สมองอักเสบ ก่อให้เกิดเชื้อไวรัสมากมาย ทั้งเชื้อไวรัสแจแปนิส เอ็นเซฟาไลติส หรือเจอี ซึ่งเชื้อไวรัสดังกล่าวส่วนมากพบในพื้นที่ทำนา และที่เลี้ยงสัตว์ โดย ยุงดังกล่าว สามารถแพร่ขยายพันธุ์ได้ดีในบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง หรือน้ำเน่าเสีย และพบมากบริเวณนาข้าวที่เกิดจากการหมักเน่า และจมน้ำ อีกทั้งยังมีวงจรชีวิตได้ยาวนานกว่ายุงปกติ มีพฤติกรรมออกหากินในช่วงกลางคืน และสามารถบินไกลได้ถึง 3 กิโลเมตรเลยทีเดียว ทั้งนี้จากเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคกลางและภาคเหนือนั้น ทำให้ยุงแพร่พันธุ์ได้ดี ซึ่งขณะนี้ยุงรำคาญนาข้าวกำลังแพร่กระจายไปยังกรุงเทพฯ

    รศ.ชำนาญ ยังกล่าวว่า นอกจากนี้พฤติรรมของยุงยังได้เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม จาก เดิมกินเลือดสัตว์ เช่น วัว ควาย ของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้ และเมื่อเหตุการณ์น้ำท่วมเกิดขึ้น มีการอพยพย้ายสัตว์ไปยังทีต่าง ๆ อีกทั้งยังมีพื้นที่น้ำท่วมขังขยายวงกว้าง ทำให้ยุงเปลี่ยนไปกินเลือกคนแทน ซึ่ง ถ้าเป็นเช่นนั้นโอกาศของชาวบ้านที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคไข้สมองอักเสบก็ จะมีมากขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าว

    แต่อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้เด็กแรกเกิดทุกคนจำเป็นต้องได้รับวัคซีน ป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเป็นมาตรฐานการป้อนกันโรคอยู่แล้ว จึงทำให้อัตราการเป็นโรคนี้ไม่เสี่ยงเท่าไรนัก

    หัวหน้าภาควิชากีฏวิทยาการแพทย์ ม.มหิดล ยังกล่าวต่อว่า ขณะนี้ในทางกระทรวงสาธารณสุขได้ทำการควบคุมการแพร่พันธุ์ของยุงทุกชนิดที่มา กับน้ำท่วมขังอยู่แล้ว แต่ทางเจ้า หน้าที่ไม่สามารถเข้าไปฉีดกำจัดยุงได้ในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นเวลาออกหากิน เนื่องจากประชาชนไม่เข้าใจ และไม่สะดวกที่จะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปกำจัด ทั้งนี้ ตนจึงอยากให้ประชาชนทำความเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ เพื่อจะได้ช่วยกันตัดวงจรชีวิตยุงรำคาญนาข้าวเสีย เพื่อจะได้ไม่ส่งผลกระทบยาวนานข้ามปี

    ทางด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมากรมควบคุมโรคได้รับการสนับสนุนมุ้งชบสารเคมีฆ่ายุงจากองค์การ อนามัยโลก จำนวน 75,700 หลัง และจากองค์การยูนิเซฟ จำนวน 20,000 หลัง รวมทั้งหมด 95,700 หลัง เพื่อนำไปแจกยังศูนย์พังพิงต่าง ๆ แต่ถ้าหากที่ได้ยังไม่ได้รับ ให้เจ้าหน้าที่นำรายชื่อมาขอรับมุ้งดังกล่าวได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 1422 และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค โทรศัพท์ 0 2590 3333



    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก กรุงเทพธุรกิจ
    [​IMG]


    -http://thaiflood.kapook.com/view34339.html-
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    เปิดเรื่องลึกที่คนไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับ"ในหลวง" ผ่านหนังสือ King Bhumibol Adulyadej: A Life’s Work



    [​IMG]


    เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน สำนักพิมพ์นานาชาติ เอดิซิยองส์ ดิดิเยร์ มิลเยต์ ผู้จัดพิมพ์หนังสือที่ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายเล่มเกี่ยวกับประเทศไทยและ ภูมิภาคเอเชียได้ประกาศจัดพิมพ์หนังสือ King Bhumibol Adulyadej: A Life’s Work ซึ่ง นำเสนอเรื่องราวพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวฯ อย่าง ละเอียดและอ่านง่าย พร้อมข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่า และน่าสนใจในประเด็นที่ไม่ค่อยมีการกล่าวถึงในสื่อสิ่งพิมพ์ อาทิ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ การสืบราชสันตติวงศ์ คณะองคมนตรี และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

    [​IMG]


    <table align="left" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"> <tbody> <tr> <td>
    </td></tr></tbody></table>
    นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษากองบรรณาธิการ เปิดเผยว่า เราได้รวบรวมเรื่องราวที่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราช กรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยเน้นให้ความสำคัญอย่างมากกับความถูกต้องและความสมดุลของข้อมูล เพื่อให้ หนังสือคงไว้ซึ่งความน่าสนใจในระยะยาว หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่่ควรต้องอ่านสำหรับใครก็ตามที่ต้องการทำความ เข้าใจประเทศไทย ระบอบกษัตริย์และพระราชกรณียกิจตลอดรัชสมัยของพระองค์
    “หนังสือเล่มนี้มีความโดดเด่นเพราะได้รับความร่วมมือจากนักเขียน บรรณาธิการและที่ปรึกษากองบรรณาธิการซึ่งล้วนแต่ได้รับความเชื่อถือทั้งใน ด้านความรู้และความเป็นอิสระ” นายอานันท์ เผย


    <table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"> <tbody> <tr> <td>[​IMG]

    [​IMG]
    </td> <td>


    </td></tr></tbody></table>

    “ผมได้อ่านตรวจทานเนื้อหาของหนังสือด้วยตัวเองหลายรอบและทราบดีว่า ทุกบท ทุกตอนในหนังสือ เป็นผลมาจากการพูดคุยถกเถียงกันอย่างออกรสชาติของทีมบรรณาธิการที่มีมุมมอง แตกต่างหลากหลาย มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างกว้างขวาง ตรงไปตรงมา ซึ่งในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นหนังสือที่เราหวังว่าผู้อ่านหนังสือทั้ง ภายในและภายนอกประเทศจะมองเห็นคุณค่า” นายอานันท์ กล่าว


    ด้านมร. ดิดิเยร์ มิลเยต์ ผู้บริหารของสำนักพิมพ์เอดิซิยองส์ ดิดิเยร์ มิลเยต์ ผู้จัดพิมพ์หนังสือ กล่าวว่า เราได้กำหนดเวลาเปิดตัวหนังสือให้ตรงกับโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษาของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 หนังสือเล่มนี้เข้ากับสถานการณ์ในขณะนี้มาก เพราะมีเนื้อหาว่าด้วยพระราชดำริเกี่ยวกับการป้องกันน้ำท่วมและการบริหาร จัดการน้ำ ความท้าทาย ทางเศรษฐกิจและการพัฒนาชนบท”




    “หนังสือเล่มนี้นำเสนอเนื้อหาในรูปแบบที่อ่านง่าย ต่างจากหนังสือเล่มอื่นๆ ในประเด็นเดียวกัน” มร. ดิดิเยร์กล่าว และว่า เป็นการผสมผสานงานเขียนและเรียบเรียงที่โดดเด่น การจัดพิมพ์และการออกแบบรูปเล่มด้วยคุณภาพระดับสูง ในขณะเดียวกันก็มีการพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสรรหา พระบรมฉายาลักษณ์และภาพประกอบที่ผู้คนไม่ค่อยจะได้เห็นมากนักมาบรรจุลงใน หนังสือ


    <table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"> <tbody> <tr> <td>[​IMG]</td> <td>

    </td></tr> <tr> <td>
    [​IMG]


    [​IMG]</td> <td>
    </td></tr></tbody></table>
    [​IMG]


    “หนังสือ King Bhumibol Adulyadej: A Life’s Work จะช่วยให้ผู้อ่านทั้งในประเทศไทยหรือต่างประเทศ เข้าใจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระราชกรณียกิจของพระองค์ได้ดียิ่งขึ้น เพราะเป็นหนังสือที่ อ่านง่ายและไม่น่าเบื่อ” มร. ดิดิเยร์ กล่าว

    เนื้อหาของหนังสือ King Bhumibol Adulyadej: A Life’s Work ได้รับการตรวจทานจากคณะกรรมการที่ปรึกษากองบรรณาธิการ ซึ่งมีอดีตนายกรัฐมนตรี นายอานันท์ ปันยารชุนเป็นประธาน โดยคณะกรรมการที่ปรึกษาประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาที่เกี่ยวข้อง กับพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์ อาทิ ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ ดร. ธีรวัต ณ ป้อมเพชร ดร. ดวงทิพย์ สุรินทาธิป ปราโทย์ ไม้กลัด ดร. พิสุทธิ์ วิจารณ์สรณ์ ดร. สนธิ เตชานันท์ ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล ธีรกุล นิยม และดร. วิษณุ เครืองาม


    ทั้งนี้ ผู้เรียบเรียงเนื้อหาของหนังสือ ได้แก่ นิโคลัส กรอสแมน บรรณาธิการหนังสือ Chronicle of Thailand: Headline News Since 1946 และโดมินิค ฟาวเดอร์ ซึ่งเคยรับหน้าที่บรรณาธิการเรียบเรียงหนังสือ The King of Thailand in World Focus ให้กับสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ซึ่งเขาเคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ มาแล้ว โดยมี กริสรินทร์ จูงศิริวัฒน์ รับหน้าที่หัวหน้าทีมตรวจสอบข้อมูลและค้นคว้ารูปภาพ

    [​IMG]


    <table align="left" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"> <tbody> <tr> <td>
    </td></tr></tbody></table> ขณะที่ เนื้อหาของหนังสือเขียนโดยผู้เชี่ยวชาญในหลายสาขา อาทิ ดร.คริส เบเกอร์ ซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชา ประวัติศาสตร์เอเชียและการเมืองที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และเป็นผู้เขียน หนังสือเกี่ยวกับประเทศไทย หลายเล่ม รวมทั้งหนังสือ A History of Thailand เดวิด สเตร็คฟัสส์ ผู้เขียน Truth on Trial in Thailand รศ. ดร. พอพันธ์ อุยยานนท์ เจ้าของผลงานวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศไทย รวมถึงนักหนังสือพิมพ์ชาวต่างประเทศ ได้แก่ จูเลียน เกียริ่ง อดีตผู้สื่อข่าวประจำกรุงเทพฯ ของนิตยสารเอเชียวีค พอล วิเดล ประธานสถาบันคีนันแห่งเอเชีย อดีตผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวยูพีไอและอดีตนายกสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ แห่งประเทศไทย โรเบิร์ต ฮอร์น ซึ่งเคยเป็นผู้สื่อข่าวประจำประเทศไทยให้กับนิตยสารไทม์และสำนักข่าวเอพี รวมทั้งเขียนบทความให้กับนิตยสารฟอร์จูน บิสซิเนสวีคและอินสติ-ติวชั่นนัล อินเวสเตอร์ และริชาร์ด เออร์ริค ซึ่งทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวประจำประเทศไทยให้กับเดอะ วอชิงตันไทมส์ สถานีวิทยุบีบีซีและเว็บไซต์ของซีเอ็นเอ็น


    หนังสือ King Bhumibol Adulyadej: A Life’s Work เปิดเล่มด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับระบอบกษัตริย์ของไทยและมิติที่เป็นเอกลักษณ์ ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาซึ่งแบ่งออกเป็นสามส่วน คือ พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจและภาพรวมเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งกฎหมาย แบบแผนและจารีต ประเพณีที่เชิดชูและเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ

    สำนักพิมพ์เอดิซิยองส์ ดิดิเยร์ มิลเยต์ ได้จัดพิมพ์หนังสือที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีมาแล้ว 99 เล่ม อาทิ Chronicle of Thailand: Headline News Since 1946, The King of Thailand in World Focus และ Thailand: 9 Days in the Kingdom โดยได้รับการสนับสนุนการจัดพิมพ์ จาก ธนาคารไทยพาณิชย์ เครือปูนซีเมนต์ไทย ธนาคารกรุงเทพ การบินไทย กลุ่มปตท. ไทยเบฟ โตโยต้า บุญรอดบริวเวอรี่ ไรมอนแลนด์ คิงพาวเวอร์ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานทรัพย์สินส่วน-พระมหากษัตริย์ บางกอกโพสต์ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ และ บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์


    <table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"> <tbody> <tr> <td>[​IMG]</td> <td>
    </td></tr></tbody></table>

    [​IMG]


    <table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"> <tbody> <tr> <td>[​IMG]</td> <td>
    </td></tr></tbody></table>
    [​IMG]


    King Bhumibol Adulyadej: A Life’s Work
    มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 โดยมีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานในงานเปิดตัวที่จะจัดขึ้นที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพ

    หนังสือ King Bhumibol Adulyadej: A Life’s Work มีจำหน่ายแล้ววันนี้ตามร้านหนังสือชั้นนำในประเทศไทย อาทิ เอเชียบุ๊คส์และคิโนะคุนิยะ ในราคาเล่มละ 1,200 บาท (40 เหรียญสหรัฐ)

    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322568366&grpid=02&catid=&subcatid=-

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เลขาฯพระราชวังเผยในหลวงทรงชม "แอ๊ด คาราบาว" เก่งมากนำ "พระนาม" มาร้อยเป็นเพลง "ผู้ปิดทองหลังพระ


    [​IMG]

    เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองศุภมงคล 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมืองพัทยาและพสกนิกรชาวไทยที่อาศัยอยู่ในพัทยา ภายใต้ร่วมพระบรมโพธิสมภารมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ จึงได้จัดงาน "ประเทศไทยเป็นที่อยู่สบาย ใต้ร่มโพธิสมภาร" ขึ้น เพื่อให้ชาวไทย และชาวต่างชาติ ทุกหมู่เหล่าได้ร่วมสรรเสริญ และร่วมเฉลิมฉลองฯ อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งประชาชนสามารถร่วมในการถวายพระพร "กึกก้องพระนาม" โดยจัดให้มีการเผยแพร่พระนามเต็มของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการแสดงเทคนิคพิเศษ พร้อมทั้งการร่วมขับร้องเพลง และถวายพระพรอย่างพร้อมเพรียงกันของชาวพัทยา กว่า 50,000 คน โดยใช้บทเพลง "ผู้ปิดทองหลังพระ" ประพันธ์เนื้อร้องและทำนองโดย ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว

    การจัดงาน"ประเทศเป็นที่อยู่สบาย ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร" ได้มีการจัดกิจกรรมนับถอยหลัง 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-5 ธันวาคม 2554 ณ เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีช จ.ชลบุรี โดยภายในงานแถลงข่าวได้รับเกียรติจากคุณดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ,คุณอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา

    คุณดิสธร กล่าวถึงเนื้อหาในเพลง "ผู้ปิดทองหลังพระ" ว่า คนจดพระนามในหลวงได้ยังมีน้อย จึงได้นำพระนามมาเรียบเรียงเป็นเพลงขับร้องโดย "ยืนยง โอภากุล" (แอ๊ด คาราบาว) หลังจากที่พระองค์ทรงได้ฟังและแก้ไขเนื้อเพลงเล็กน้อย

    คุณดิสธร ยังบอกอีกว่าในหลวงทรงชมผู้ร้องเพลงว่าเก่งมาก ในหลวงทรงตรัสว่า "แอ๊ดคาราบาว เก่งมากที่นำชื่อเรามาใส่ในเนื้อเพลงได้"

    ชมคลิปเพลง "ผู้ปิดทองหลังพระ"


    -http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=gsKCFpOICqM-

    -http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1322492069&grpid=09&catid=no-

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    สสส. แจง "ข่าวเอดส์สายพันธุ์ใหม่ เติบโตได้ในน้ำลาย" ยังไม่มีการยืนยันทางวิชาการ


    จากกรณีที่มติชนออนไลน์นำเสนอสกู๊ปข่าวหัวข้อ "จูบคนแปลกหน้าอันตราย!!ติดเอดส์สายพันธุ์ใหม่ ลูกผสม ..เติบโตได้ ในน้ำลาย!" (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322369277&grpid=03&catid=03&utm_source=MatichonOnline&utm_medium=MatichonOnline) ซึ่งอ้างอิงจากเว็บไซต์ สสส. โดยเป็นเนื้อหาที่ สสส.นำข้อมูลมาจากข่าวรายวันในขณะนั้นมาเผยแพร่ในเว็บไซต์ เมื่อวันที่ 11 เดือนมิถุนายน 2552 ตามลิงค์ http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/special_report/9492 นั้น

    ฝ่ายสื่อสารองค์กร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ได้ชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าวไม่ได้เป็นข้อมูลเบื้องต้นจากการดำเนินงานของ สสส. อีกทั้ง ณ ขณะนี้ ข้อมูลตามเนื้อหาข่าวดังกล่าว ยังไม่มีการยืนยันทางวิชาการแต่อย่างใด


    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322546841&grpid=&catid=03&subcatid=0305-

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ปวดบิดใต้ชายโครงขวา'นิ่วในถุงน้ำดี'

    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=458&contentId=178325-


    อาการปวดท้อง มีหลายลักษณะและเกิดขึ้นในบริเวณที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอวัยวะต้นตอของโรค กรณีของ 'นิ่วในถุงน้ำดี' ก็มีอาการเฉพาะตัวที่ผู้อ่านควรรู้ให้เท่าทัน

    ถุง น้ำดี เป็นอวัยวะที่อยู่ใต้ตับทางด้านขวา หรือบริเวณใต้ชายโครงขวา หน้าที่คือเก็บน้ำดีที่ผลิตมาจากตับ และบีบตัวขับน้ำดีลงไปในลำไส้เพื่อย่อยอาหารประเภทไขมัน

    เมื่อมีนิ่วเกิดขึ้นในถุงน้ำดีจะทำให้ถุงน้ำดีทำงานไม่ปกติไปโดยปริยาย ซึ่งมีสาเหตุมาจากการหลั่งคอเลสเตอรอลออกมาในน้ำดีมากเกินปกติ และเยื่อบุผิวภายในถุงน้ำดีมีความผิดปกติจากการติดเชื้อเรื้อรังแบบไม่รู้ ตัวและไม่มีอาการผิดปกติมาก่อน ส่งผลให้สัดส่วนของสารต่างๆ ในน้ำดี ที่ประกอบด้วย น้ำ,คอเลสเตอรอล,ไขมัน และเกลือน้ำดี เสียสมดุล จนเกิดการตกผลึกคอเลสเตอรอลหรือเกลือ และมีหินปูนมาจับตัวร่วมด้วย กลายเป็นก้อนนิ่วในถุงน้ำดี บ้างครั้งเป็นก้อนเดี่ยว หรือเป็นก้อนเล็กๆ หลายก้อน

    สำหรับอาการสำคัญของนิ่วในถุงน้ำดี คือ อาการปวดบิดลึกๆ ในตำแหน่งใต้ชายโครงขวาและร้าวลามไปยังหลังกับลิ้นปี่ โดยอาการปวดมักเกิดขึ้นหลังผู้ป่วยเพิ่งรับประทานอาหารมื้อใหญ่และมีอาหาร ที่ค่อนข้างมันมาก อีกทั้งส่วนใหญ่มักปวดในเวลากลางคืน จะปวดอยู่นาน 15 นาที ถึง 3 ชั่วโมง เกิดเพราะการอุดตันของนิ่วบริเวณปากถุงน้ำดีจนอักเสบ จากนั้นอาการปวดจะเปลี่ยนเป็นอาการคงที่ หายใจลำบาก เนื่องจากเจ็บบริเวณถุงน้ำดี นอกจากนี้ยังอาจพบอาการท้องอืด ไข้ฉับพลัน ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะเป็นสีส้มร่วมด้วย

    อย่างไรก็ตาม แพทย์มักแนะนำว่า หากอาการปวดท้อง ไม่ว่าจะมีลักษณะแบบใดก็ตาม เกิดขึ้นนานกว่า 1 ชั่วโมงไม่หาย ทั้งๆ ที่ตัวผู้ป่วยอาจกินยาเพื่อบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นไปแล้ว ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่ชัดเจน ส่วนผู้ที่มีอาการเข้าข่ายนิ่วในถุงน้ำดี การตรวจที่แน่ชัดคือการตรวจอัลตราซาวนด์

    การรักษา มีทั้งการกินยาสลายนิ่ว ซึ่งต้องกินติดต่อกันเป็นเวลานาน ใช้ได้กับนิ่วบางชนิดเท่านั้น หากหยุดยาก็มีโอกาสเกิดนิ่วขึ้นอีก นอกจากนี้ยังมีการผ่าตัด 2 ชนิด คือ ผ่าตัดเปิดหน้าท้อง จัดเป็นวิธีผ่าตัดรักษาแบบดั้งเดิม มักใช้กับผู้ป่วยที่ถุงน้ำดีอักเสบมากหรือแตกทะลุในช่องท้อง อีกวิธีเป็นการผ่าตัดที่นิยมในปัจจุบัน เรียกว่า การผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง เจาะรูเล็กๆ ที่หน้าท้อง 4 จุด เพื่อใส่กล้องและเครื่องมือผ่านรูที่เจาะไว้ เหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการถุงน้ำดีอักเสบฉับพลัน

    หนทางหลีกไกลจากนิ่วในถุงน้ำดี คือ รักษาระดับคอเลสเทอรอลในเลือดให้เป็นปกติ และควบคุมอาหารการกิน ไม่กินของมันๆ หรือของทอดมากเกินไป ขณะที่การกินอาหารจำพวกแป้งที่ไม่ขัดสี, ผักและผลไม้สด, ข้าวโอ๊ต และถั่ว สามารถช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
    takecareDD@gmail.com

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อย่ากู้เงินเพื่อซื้อกองทุนรวม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>30 พฤศจิกายน 2554 01:39 น</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง
    และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน

    David Karas ที่ปรึกษาการลงทุนในแคนาดาที่ได้รับ License CFA ถูกลูกค้าชื่อ George French อายุ 58 ปี เกษียณแล้ว ฟ้องร้องด้วยข้อหาให้คำแนะนำการลงทุนที่ไม่เหมาะสม เพราะไปแนะนำให้ลูกค้ากู้ยืมเงินมาซื้อกองทุนรวม จนลูกค้าขาดทุนไปถึง $1.5 million (45 ล้านบาท) ทั้งนี้ บริษัทที่เขาสังกัดคือ Investia Financial Services Inc. ในโตรอนโต คานาดา ก็ถูกฟ้องด้วย โดย George French ระบุว่าเขาตกเป็นเหยื่อของกลยุทธ์การลงทุนที่ออกแบบมาเพื่อให้ที่ปรึกษาการลงทุนร่ำรวยด้วยเงินของลูกค้า

    David Karas นับเป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการกองทุนรวมมาก เคยได้รับรางวัลผู้ทำยอดขายกองทุนรวมสูงสุดจากบริษัทที่เขาสังกัดในช่วงปี 1989-2009 ปัจจุบันนี้เขาไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ขายกองทุนรวมแล้ว แต่ยังมีทะเบียนให้ขายประกันได้ และที่ทำงานแห่งใหม่ของเขาชื่อ Investors Source Wealth Management Inc ก็ทำกิจการให้คำแนะนำวางแผนการลงทุนกับการบริหารภาษีด้วย

    ทนายความของลูกค้าที่ฟ้องร้อง David Karas ยืนยันว่ามีลูกค้าของ David Karas อีกประมาณ 20 รายได้ติดต่อมาที่ทนายความเพื่อให้ทำคดีฟ้องร้อง Karas เช่นเดียวกัน และระบุว่ามีลูกค้าทั้งหมดประมาณ 150 รายที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับ George French ลูกความของเขา

    ก่อนหน้าที่ George French จะได้รับคำแนะนำการลงทุนจาก David Karas ในปี 2000 เขามีเงินสะสมเพื่อเกษียณ $380,000 (11.4 ล้านบาท) อยู่ในบัญชีเงินฝากธนาคาร เขาไม่เคยสมรส และไม่ต้องเลี้ยงดูใคร จำนวนเงินนี้จึงน่าจะเพียงพอที่จะใช้จ่ายในวัยเกษียณตามลำพังได้

    George French เล่าว่า David Karas แนะนำให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อมาซื้อกองทุนรวมที่บริษัทของ Karas บริหาร โดยนำกองทุนรวมในส่วนที่ลูกค้ากู้เงินมาลงทุนไปเป็นหลักประกันการกู้ของลูกค้า และกู้มากเท่าไร ทั้งบริษัทและ Karas ก็จะยิ่งได้ค่าตอบแทนมากขึ้นเท่านั้น และในปี 2006 Karas ได้เปิดบริษัทเองชื่อ Financial Victory Associates โดยมีเป้าหมายจะให้บริการแนะนำลูกค้าว่าเมื่อไหร่ถึงควรจะซื้อและขายกองทุนรวม โดย Karas แจ้งลูกค้าว่าลูกค้าสามารถลดโอกาสที่จะขาดทุนจากการลงทุนได้หากสมัครใช้บริการนี้ แต่ Karas ก็ไม่ได้แจ้งลูกค้าว่าการมีค่าธรรมเนียมอีก 0.75% สำหรับการใช้บริการนี้จะยิ่งทำให้ลูกค้ายากที่จะได้กำไรจากการลงทุนในกองทุนรวมโดยการกู้เงินมาลงทุน

    นอกจากนี้ Karas ยังแนะนำและขายประกันให้ลูกค้าโดยไม่ได้พิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่อีกด้วย George French บอกว่าเขาหลงเชื่อในคำแนะนำของ Karas ซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพระยะยาวโดยต้องจ่ายค่าพรีเมี่ยมสูงถึง $22,000 (660,000 บาท) ต่อปี

    George French เชื่อคำแนะนำของ Karas จึงได้กู้เงินกว่า 1 ล้านเหรียญ (กว่า 30 ล้านบาท) มาซื้อกองทุนรวม โดยพอร์ตโฟลิโอการลงทุนในกองทุนรวมที่เขาได้รับคำแนะนำให้ซื้อนั้นประกอบไปด้วยกองทุนหุ้น 92% กับกองทุนตราสารหนี้ 8% เขาจึงไม่มีการออมในเงินสดเลย และเมื่อตลาดหุ้นถล่มทลายในปี 2008 George French ก็พบกับปัญหาหนักหนาสาหัสในยามเกษียณ

    การกู้เงินมาลงทุน เหมาะสมกับเราหรือเปล่า ?

    แม้จะมีผู้แนะนำการลงทุนหรือผู้ขายกองทุนในปัจจุบันพยายามแนะนำให้ลูกค้ากู้ยืมในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำเงินไปซื้อกองทุนรวม แต่ที่จริงแล้วจะไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าการกู้ยืมเงินมาลงทุนในกองทุนรวมจะทำให้เราได้กำไร

    ได้ยินกับหูว่าผู้ขายบางคนแนะนำลูกค้าว่าการใช้เครดิตการ์ดซื้อกองทุนจะได้แต้มสะสม ได้รางวัลต่างๆ มากมาย โดยอัตราดอกเบี้ยจากเครดิตการ์ดจะคิดต่ำกว่าปกติหรือไม่คิดดอกเบี้ยระยะหนึ่ง และอัตราดอกเบี้ยนั้นคุ้มกับอัตราภาษีเงินได้ที่ลูกค้าจะได้รับยกเว้น เพราะนำไปซื้อกองทุนอย่าง RMF และ LTF แต่เขาไม่ได้บอกลูกค้ามีความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดขาดทุนได้โดยเฉพาะในช่วงสั้นๆ หากลงทุนในกองทุนรวมนั้น นอกจากนี้ ยังเคยได้รับโทรศัพท์บ่อยๆ จากบางธนาคารต่างประเทศ ที่พนักงานขายเรียกร้องให้ใช้วงเงินจากบัตรเครดิตไปซื้อกองทุน โดยบอกว่าหุ้นขึ้นแล้วได้กำไรคุ้มดอกเบี้ยแน่นอน

    การขายกองทุนรวมต้องไม่เป็นแบบนี้ เราต้องยึดมั่นในจริยธรรมของการแนะนำลูกค้า ไม่ไปเน้นที่ต้องทำให้ได้เป้าโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมของการให้คำแนะนำ

    สิ่งที่ บลจ. บัวหลวง จะแนะนำก็คืออย่าตกเป็นเหยื่อของการขยายตลาดบนความเสียหายของลูกค้าซึ่งคนขายไปแนะนำให้ลูกค้ากู้มาซื้อกองทุน เอาของรางวัลมาล่อใจ ลูกค้าใช้เครดิตการ์ดซื้อกองทุนรวม RMF และ LTF ได้ แต่เมื่อถึงเวลาที่บัตรเครดิตเรียกเก็บเงิน คุณจะต้องจ่ายชำระทั้งหมดเต็มจำนวน มิฉะนั้น คุณอาจเป็นเหมือน George French

    บลจ.ที่มีแบงค์หนุน ได้ประโยชน์กว่าลูกค้า แบงค์แม่ก็ได้ประโยชน์ แล้วทำไม บลจ.บัวหลวง ถึงออกมาค้านวิธีการขายแบบนี้ล่ะเพราะเราต้องการเป็นมิตรแท้ตลอดเส้นทางลงทุนของทุกคน ไม่ได้ห่วงหรอกว่ารายได้จะไม่ดี มันดีมากค่ะ ยิ่งสายป่านยาวๆ ยิ่งทำได้มาก แล้วแบงค์ใหญ่ต่างๆ สายป่านพวกเราเหล่านี้จะสั้นละหรือ

    ไม่เลย หากเราทุ่มตลาดกัน เราทำได้อยู่แล้ว แต่คนที่รับกรรมคือลูกค้า เข้าใจยังคะ

    -http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9540000152154-

    .
     
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ของจริงรู้สึกว่า เคยลงให้ชมกันแล้วนะ..หุ...หุ...ทำซะขนาดนั้น นึกว่า ใส่ยาดำมากไปหน่อย..55555 ทำไปด้ายยยยยยยย
     
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หลายท่านไม่รู้จักยาดำ ยาดำคืออะไร?? ก็คือส่วนยางสีเหลืองของต้นว่านหางจระเข้นั่นแหละครับ ที่ผมเคยสะตุยาดำทำแบบนี้ ลองดูสีของยาดำก่อนที่จะสะตุนะครับว่ามันเหมือนขนาดไหน...
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    หลากสูตรมะขามป้อม แก้ไอขับเสมหะ

    วันพุธ ที่ 30 พฤศจิกายน 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    เมื่อเจ็บคอก็มักมีอาการไอและมีเสมหะ ซึ่งถ้าปล่อยไว้ ไอบ่อยๆ ก็ยิ่งเจ็บและระคายคอหนักขึ้น อีกทั้งอาจสร้างความรำคาญแก่คนรอบข้าง และขัดจังหวะการสนทนา

    สำหรับผู้ที่ไม่ชอบการรับประทานยาเพื่อรักษาอาการ ก็มักจะใช้วิธีกินหรือจิบน้ำมะนาว และดื่มน้ำอุ่นมากๆ ช่วยบรรเทา แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่า 'มะขามป้อม' ที่รสฝาดเปรี้ยว ขมและอมหวาน ก็มีสรรพคุณแก้ไอ และขับเสมหะเช่นเดียวกัน โดยสูตรมะขามป้อมที่สามารถนำมาทำเป็นยาสามัญประจำบ้านนี้ ทำง่ายไม่มีพิษภัย

    สูตรแรกอย่างเบสิก เมื่อมีอาการไอก็แค่เคี้ยวผลมะขามป้อมให้ละเอียด แล้วกลืนลงคอทั้งเนื้อและน้ำ หรืออาจค่อยๆ เคี้ยวและดูดกลืนเอาเฉพาะน้ำก็ได้

    ส่วนสูตรต่อมา คัดผลมะขามป้อมที่แก่จัด โขลกพอแหลก ผสมกับเกลือเล็กน้อย แล้วอมหรือเคี้ยวกลืนลงคอไป ขณะที่สูตรสุดท้าย ให้ใช้ผลมะขามป้อมไปตำให้ละเอียด จากนั้นคั้นเอาแต่น้ำ ได้แล้วผสมเกลือเล็กน้อย ใช้จิบบ่อยๆ จะช่วยบรรเทาให้อาการไอและเสมหะเบาบางลง ทั้งนี้หากเป็นอยู่นานไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
     
  19. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    [​IMG]
    นองน้ำแลเลือดจะนอง'ญาณ'ของพระพรหมวชิรญาณ
    นองน้ำแลเลือดจะนอง'ญาณ'ของพระพรหมวชิรญาณ : เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู / ภาพ ศูนย์ภาพเนชั่น

    โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่ใช้ทายกาลล่วงหน้าหรือดูการล่วงหน้า ใช้สำหรับพยากรณ์ผลกรรมของมนุษย์โดยอาศัยดวงดาวเป็นเครื่องพยากรณ์ แสดงเหตุและผลของดวงดาว ทำให้สามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าของวิถีทางของมนุษย์ และเหตุการณ์ของโลกทั่วๆ ไป ทั้งนี้ตามหลักพุทธศาสนา ตามที่แสดงไว้ในกัมมวิภังคสูตร ๑๔ ประการ คือ บางคนอายุยืน บางคนอายุสั้น บางคนมีโรคน้อย บางคนมีโรคมาก บางคนมีผิวพรรณดีบางคนมีผิวพรรณทราม บางคนมีศักดามาก บางคนมีศักดาน้อย บางคนมีทรัพย์สมบัติมาก บางคนมีทรัพย์สมบัติน้อย บางคนมีตระกูลสูง บางคนมีตระกูลต่ำ บางคนมีปัญญามาก บางคนมีปัญญาน้อย

    ในทางพระพุทธศาสนา ได้มีพุทธานุญาตให้พระภิกษุสงฆ์เรียนรู้วิชาโหราศาสตร์ในเรื่องฤกษ์ยาม เพื่อจะได้รู้เวลาทำอุโบสถสังฆกรรม อันเป็นกิจในพระพุทธศาสนา จึงได้มีชื่อ วัน เดือน ปี และฤกษ์แสดงไว้ท้ายบอกวัตรพระเป็นประเพณีสืบต่อมา

    ปัจจุบันมีพระสงฆ์ที่ขึ้นชื่อว่า “ดูหมอแม่น” หลายสิบรูป และหนึ่งในจำนวนนี้ คือ พระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมังกโร) หรือ เจ้าคุณพรหมฯ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าอาวาสวัดยานนาวา ซึ่งที่ผ่านมามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักธุรกิจ นักการเมืองทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล แวะเวียนไปหาไม่เคยขาด

    เจ้าคุณพรหม บอกว่า โหราศาสตร์ไม่ใช่ศาสตร์แห่งความหลุดพ้น พระพุทธเจ้าใช้คำว่า “เดรัจฉานวิชา” หรือ “โลกิยวิชา” ด้วยซ้ำ เพียงแต่สามารถเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์บรรเทาทุกข์ในระดับโลกิยชน ที่ยังอยู่ในโลกนี้ได้ เพียงแต่ไม่ควรเชื่ออย่างงมงายเท่านั้น สิ่งที่ประเสริฐที่สุดก็คือ การประพฤติธรรม ทุกศาสตร์มีประโยชน์ ผู้ที่ฉลาดหรือผู้ที่มีปัญญาต้องรู้จักนำความรู้จากโหราศาสตร์มาใช้ให้เป็นประโยชน์ เหมือนการพยากรณ์อากาศ เขาไม่ได้พยากรณ์ให้ฟังแค่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นั่นที่นี่ แต่ต้องการให้คนฟังวางแผนล่วงหน้า

    โหราศาสตร์ดาราศาสตร์เป็นเรื่องของหลักสถิติที่มีการบันทึกกันมาอย่างต่อเนื่อง ในอดีตเราใช้ดวงดาวในการคำนวณเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทุกวันนี้แม้ว่าเราจะมีดาวเทียมในการพยากรณ์อากาศ แต่ดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงใช้ได้อยู่ ไม่ว่าศาสตร์อะไร ถ้าเราใช้เป็นย่อมเกิดประโยชน์การที่เรารู้เรื่องโหราศาสตร์เรารู้เอาไว้เพื่อที่จะป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ถ้าใช้ไม่เป็นย่อมเกิดโทษ ถ้าบอกว่าดวงไม่ดี แล้วนอนอยู่บ้านเฉยๆ คงไม่ใช่ ยังต้องทำงานปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่า ต้องทำด้วยความระมัดระวัง

    ทั้งนี้ เจ้าคุณพรหมจะเน้นย้ำเสมอๆ ว่า อย่ามงาย เชื่อสิ่งใดโดยไม่มีเหตุผล ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย คนหวังปกติสุขก็ต้องทำความดีเป็นปกติ โหราศาสตร์เป็นเพียงศาสตร์สื่อชี้ให้เห็นแนวทางกว้างๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเตรียมตัวรับกับสถานการณ์นั้น ด้วยความไม่ประมาท เช่น มีการพยากรณ์ล่วงหน้าว่ากรุงเทพฯ น้ำจะท่วมมาตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๔ หากเราหาวิธีป้องกันแต่เนิ่นๆ ความเสียหายคงไม่มากอย่างที่เป็นอยู่ อย่างที่วัดได้หากระสอบทรายมาทำแนวป้องกันตั้งแต่น้ำเข้าอยุธยา รัฐบาลชุดนี้ในช่วงเข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ สนใจแต่เรื่องอื่นไม่ได้สนใจเรื่องภัยธรรมชาติเท่าที่ควร คิดว่าการบริหารงานตามปกติจะเอาอยู่แต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่เพราะน้ำมามากกว่าปกติ

    อย่างไรก็ตามเท่าที่ได้ศึกษาด้านโหราศาสตร์ ในปี ๒๕๕๔ นี้ เป็นเพียงแค่การทดสอบ ความเสียหายที่ปรากฏยังถือว่าไม่มาก เมื่อเปรียบกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี ๒๕๕๕ ซึ่งจะหนักว่าปีนี้ทุกด้าน ไม่เฉพาะเรื่องธรรมชาติเพียงอย่างเดียว เรื่องเหตุบ้านการเมืองก็สาหัสไม่แพ้ พ.ศ.๒๕๕๔ โดยเฉพาะในช่วงรอยต่อระหว่าง พ.ศ.๒๕๕๔ กับ พ.ศ.๒๕๕๕ ก็ต้องระวังในเรื่องความแตกแยกทางความคิด

    "ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๕ จะมีปัญญาหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคมความวุ่นวายของประเทศชาติจะไม่ธรรมดาหนักและร้ายแรงยิ่งกว่าเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กลางปีนองเลือดพอปลายปีน้ำก็นอง และจะอยู่ต่อเนื่องไปอีก ๒ ปี คือ พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ.๒๕๕๗ เมื่อขึ้น พ.ศ.๒๕๕๘ บ้านเมืองจะสงบสุข เศรษฐกิจจะรุ่งเรือง" เจ้าคุณพรหมกล่าว

    เมื่อถามถึง "รัฐบาลนี้จะอยู่ครบวาระหรือไม่?" เจ้าคุณพรหม ตอบว่า “ถ้าดวงอย่างนี้แล้ว บวกกับขาดความสามัคคี ไม่ประสานประโยชน์ต่อกันให้ดี ต่างคนต่างจะเอาปะโยชน์ใส่ตัว ไม่ตกลงกันให้ดี ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นก็เกิดขึ้นง่าย อุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะเรารักชาติ รักศาสนา รวมทั้งรักสถาบันพระมหากษัตริย์แต่ปาก ไม่ได้รักเพราะจิตสำนึกของความเป็นคนไทย”


    ยุติทุกปัญหาด้วยธรรม


    “ความแม่นยำเป็นสิ่งที่หมอดูปรารถนามากที่สุด แต่คราวนี้อาตมาได้แต่สวดมนต์ภาวนาขออย่าให้เป็นตามที่ดูไว้เลย” นี้เป็นคำยืนยันของเจ้าคุณพรหม

    พร้อมกันนี้ เจ้าคุณพรหมแนะนำว่า เมื่อเรารู้ว่าในอนาคตอาจจะเกิดอะไรขึ้น เราสามารถป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ และทุกอย่างที่พยากรณ์ไว้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากเราตั้งตัวอยู่บนความไม่ประมาท เอาหลักของพระพุทธเจ้ามาใช้ มีหลักปฏิบัติเพื่อป้องกัน คือ ทาน ศีล และภาวนา

    ทาน แปลว่า การให้, การแบ่งปัน, การเสียสละ, การเอื้อเฟื้อ หมายถึงการให้ทานด้วยจิตใจที่ดี งาม การคลายความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว ความโลภในจิตใจมนุษย์ ส่งผลให้เกิดความ ใส สว่าง สะอาดของจิตใจขึ้นมา

    ศีล เป็นข้อปฏิบัติตนขั้นพื้นฐานในทางพระพุทธศาสนา คือทำให้กาย วาจา ใจ สงบไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เพื่อควบคุมความประพฤติทางกายและวาจาให้ตั้งอยู่ในความดีงามมีความปกติสุข เพื่อประโยชน์ขั้นพื้นฐานคือความสุขและไม่มีการเบียดเบียนกันในสังคม

    ภาวนา แปลว่า การเจริญ การอบรม การทำให้มีให้เป็นขึ้น หมายถึง การทำจิตใจให้สงบและทำปัญญาให้เกิดขึ้น ด้วยการฝึกฝนอบรมจิตไปตามแบบที่ท่านกำหนดไว้ ซึ่งเรียกชื่อไปต่างๆ เช่น การบำเพ็ญกรรมฐาน การทำสมาธิ การเจริญภาวนา การเจริญจิตภาวนา

    “ความไม่สงบไม่ว่าจะที่หนใดในโลกมีอยู่ตลอดเวลา ถ้าพวกเราลดความเห็นแก่ตัวลงมา มีความพอเพียง ไม่ให้แก่ตัวเกินไป นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมของบ้านเมือง ยึดพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมานฉันท์ ประนีประนอม ปัญหาย่อมไม่เกิดขึ้น เรามีปัญญาชนจำนวนมาก แต่เป็นมิจฉาปัญญา ปัญญาดิบที่ขาดสติ ทุกวันนี้สถาบันการศึกษามุ่งเน้นแต่จะสอนวิชาชีพโดยละทิ้งวิชาชีวิต” เจ้าคุณพรหมกล่าวทิ้งท้าย
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นิทานเซน : เครื่องผูกมัดไม่ขาดออก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>30 พฤศจิกายน 2554 09:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>



    <CENTER>《皆因绳未断》</CENTER>

    ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินทางจากบ้านไปยังอารามเซน ระหว่างทางพบเหตุการณ์ที่น่าสนใจ จึงคิดใช้เหตุการณ์นี้ทดสอบความรู้ทางธรรมของอาจารย์เซน เมื่อไปถึงเขาจึงเอ่ยถามอาจารย์เซนว่า "สิ่งใดเรียกว่าเวียนว่าย?"

    อาจารย์ตอบว่า "เครื่องผูกมัดไม่ขาดออก"

    ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงนิ่งอึ้ง จากนั้นจึงกล่าวด้วยความสงสัยใจว่า "อาจารย์ ท่านทราบได้อย่างไร วันนี้ระหว่างทางกระผมบังเอิญพบโคตัวหนึ่งถูกสนตะพายและผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ เจ้าโคทำท่าจะเดินออกมากินหญ้าแต่มันเวียนซ้ายเวียนขวากลับไม่สามารถหลุดออกมาได้ดังใจ เดิมทีกระผมคิดว่าในเมื่อท่านอาจารย์ไม่เห็นเหตุการณ์ย่อมตอบคำถามของกระผมไม่ได้ ไม่คิดว่าเพียงเอ่ยปากก็ตอบได้ถูกต้องทันที"

    อาจารย์เซนจึงตอบว่า "ที่ประสกถามคือเหตุการณ์ ส่วนที่อาตมาตอบคือเหตุผล ประสกถามเรื่องโคโดนสนตะพายจึงไม่อาจปลดเปลื้องตนเองออกมา ส่วนอาตมาตอบคือเรื่องจิตใจที่ไม่อาจปลดเปลื้องโซ่ตรวนจากเรื่องทางโลก ตรรกะเดียวกันสามารถอรรถาธิบายได้ร้อยพันเรื่อง" จากนั้นจึงเทศนาต่อว่า "ชื่อเสียงคือพันธนาการ ผลประโยชน์คือพันธนาการ ความทะยานอยากคือพันธนาการ กิเลสและความห่วงกังวลในแดนโลกีย์ล้วนคือพันธนาการ เหตุแห่งทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ประสกสามารถปลิดปลงได้กี่มากน้อย เวไนยสัตว์และโคล้วนเป็นเช่นเดียวกัน ถูกผูกมัดจากความทุกข์ยากกังวลนานาประการ เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในกองกิเลสและตัณหา ไม่สิ้นสุด"

    เมื่อฟังจบชายผู้นั้นจึงเข้าใจและบรรลุธรรมในที่สุด

    ปัญญาเซน : พันธนาการเกิดที่ใจ เมื่อปลดได้จึงหลุดพ้น

    ที่มา : หนังสือ 《禅的故事精华版》, 慕云居 เรียบเรียง, สำนักพิมพ์ 地震出版社, 2006.12, ISBN 7-5028-2995-4


    -http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000151653-

    .

    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000151653

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...