พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    psombat+ สวัสดีตอนเที่ยงครับพี่ท่าน ทานข้าวเที่ยงรึยังครับ แต่ดูจากรูปแล้ววันนี้พี่ท่านคงจะอิ่มบุญเป็นแน่ ขอโมทนาด้วยนะครับพี่ท่านหุหุหุ
     
  2. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    สวัสดีครับ ยินดีครับ
    พึ่งตื่นจากนอนรอบสอง หลังไปตักบาตรมา
    ทานกาแฟ+กล้วยตากอาบน้ำผึ้งไปพลางๆก่อนแล้วครับ หุหุ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระเทพวิสุทธิเมธี วัดระฆังโฆสิตาราม

    28-10-2007, 09:04 AM


    วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6177 ข่าวสดรายวัน


    พระเทพวิสุทธิเมธี วัดระฆังโฆสิตาราม


    คอลัมน์ มงคลข่าวสด



    <table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#400040"><td>[​IMG]
    </td></tr></tbody></table>กล่าว ถึงชื่อ "วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร" หลายคนนึกถึงนามแห่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พระอริยสงฆ์เรืองวิทยาคม อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม และวัตถุมงคล "พระสมเด็จวัดระฆัง" ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 พระชุดเบญจภาคี

    ทำให้ชื่อเสียงของวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร โด่งดังไปทั่วสารทิศ

    กาลเวลาล่วงเลยมาจนถึงทุกวันนี้ ศรัทธาจากสาธุชนที่มีต่อวัดระฆังฯ ยังมิได้ลดลงแต่ประการใด ด้วยวัดระฆังฯ ได้ปรากฏนาม "พระเทพวิสุทธิเมธี" (เที่ยง อคฺคธมฺโม) เจ้าอารามผู้ครองวัดรูปปัจจุบัน พระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธา

    อาจกล่าวได้ว่าท่านเป็นพระนักปราชญ์ พระนักเทศน์ และพระนักพัฒนา รวมทั้งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลกิจการคณะสงฆ์ในพื้นที่เขตปกครองเขตอีสานตอน ล่าง 4 จังหวัด ประกอบด้วย นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ และสุรินทร์

    ปัจจุบันพระเทพวิสุทธิเมธี สิริอายุ 72 พรรษา 49 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 11 และเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า เที่ยง ชูกระโทก เกิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2478 ที่บ้านดอนชมพู ต.บิง อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายโปย และนางสี ชูกระโทก

    ในวัยเยาว์เป็นเด็กที่ซุกซนเที่ยวเล่นสนุกสนานไปวันๆ จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนประชาบาลวัดดอนชมพู

    แม้จะมีนิสัยเกเรตามประสาเด็กวัยรุ่นเลือดร้อน แต่อีกด้านหนึ่งด้วยมีจิตใจใฝ่ธรรม จึงให้ความสนใจในพระพุทธศาสนา จึงได้มาบวชเป็นสามเณร ที่วัดสมอราย ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมีพระครูพรหมวิหารี เป็นพระอุปัชฌาย์

    อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะบวชเป็นสามเณรแล้วก็ตาม แต่ท่านก็ยังมิได้ละทิ้งอุปนิสัยความเป็นเลือดนักสู้ เวลามีคนมาข่มเหงรังแกท่านมักจะต่อสู้อย่างไม่หวาดหวั่นพรั่นพรึง แต่ด้วยความที่มีร่างกายเป็นคนตัวเล็กมักจะเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้

    กระทั่งเจ้าอารามวัดสมอรายเห็นท่าไม่ดี เกรงว่าสามเณรเที่ยงจะไม่เอาดีทางด้านการศึกษาธรรม จึงตัดสินใจนำตัวส่งไปฝากเรียนที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ

    แม้จะได้มีโอกาสมาศึกษาพระปริยัติธรรมถึงเมืองหลวง แต่มิได้ทำให้ความเลือดร้อนตามประสาวัยหนุ่มลดน้อยลงแต่อย่างใด

    กระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาสท่องคาถาชินบัญชร เกิดความปีติสุขจิตใจเป็นสมาธิยิ่ง จนมีคนมาบอกเล่าให้ฟังว่าผู้ใดได้สวดภาวนาพระคาถาชินบัญชรนี้เป็นประจำอยู่ สม่ำเสมอ จะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลสมบูรณ์พูนผล ศัตรูหมู่พาลไม่กลํ้ากราย ไม่ว่าจะไปทางใดย่อมเกิดเมตตามหานิยม

    สามเณรเที่ยงจึงขอตั้งจิตอธิษฐานจะขอท่องคาถาชินบัญชรให้สำเร็จทุกถ้วนความ หากทำได้จะขอเลิกความใจร้อน จะตั้งใจเรียนศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างจริงจัง เพื่อตอบแทนพระคุณบุพการีและสืบทอดพระพุทธศาสนาตลอดไป

    ตั้งแต่นั้นมาสามเณรเที่ยงได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ

    เมื่ออายุครบบวชได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2501 ณ วัดบ้านดอนชมพู ต.บิง อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา โดยมีพระครูพินิจยติกรรม วัดใหม่สุนทร อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เป็นพระอุปัชฌาย์

    ในช่วงนั้นได้กลับไปอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านเกิดเป็นเวลา 2 ปี กระทั่งได้กลับมาที่วัดระฆังฯ เพื่อศึกษาบาลี

    พ.ศ.2514 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม

    ท่านได้สร้างผลงานเป็นคุณูปการมากมายหลากหลายด้าน ทั้งด้านงานปกครองคณะสงฆ์ การศึกษาพระปริยัติธรรม การสาธารณประโยชน์ ด้านการพัฒนา และอื่นๆ อีกมากมาย

    ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2507 เป็นเลขานุการเจ้าสำนักเรียนวัดระฆังโฆสิตาราม พ.ศ.2515 เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม พ.ศ.2517 เป็นรองเจ้าคณะภาค 11

    พ.ศ.2519 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2536 เป็นเจ้าคณะภาค 11 พ.ศ.2547 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม

    พ.ศ.2550 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม

    ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2516 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีวิสุทธิโสภณ

    พ.ศ.2526 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชวิสุทธิเวที

    พ.ศ.2538 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพวิสุทธิเมธี

    เจ้าคุณเที่ยงมีความสามารถในการเขียนกวีธรรมสาธกหรือกลอนธรรมะจำนวนมากมาย อาทิ บทกลอนเพื่อชีวิต ทำดีเริ่มต้นที่ตนก่อน

    "จบดอกไม้ธูปเทียนเหนือเศียรเกล้า

    นั่งคุกเข่าเทพนมบังคมสาส์น

    บูชาพระไตรรัตน์ชัชวาล

    สวดตำนานมนตราพุทธาคม

    หาที่พึ่งทางใจอันใหญ่หลวง

    ปลดเปลื้องบ่วงความรักกามหมักหมม

    เจริญจิตภาวนาฝึกอารมณ์

    ห่างระทมขมขื่นชื่นอุรา"

    เจ้าคุณเที่ยงนอกจากเป็นพระนักปกครองแล้ว ยังเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดระฆังฯ มักได้รับนิมนต์ให้ร่วมพิธีพุทธาภิเษกและอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลชื่อดัง อยู่เป็นประจำ

    เนื่องจากพื้นเพของท่านเป็นชาวโคราช พระของท่านส่วนมากได้ถูกนำไปแจกให้กับลูกศิษย์ลูกหาทางภาคอีสานเป็นส่วนใหญ่

    เกียรติคุณด้านมงคลปูชนียวัตถุที่สร้างชื่อให้กับเจ้าคุณเที่ยง คือ พระสมเด็จเนื้อดินและปิดตาเนื้อดิน สร้างจากเนื้อดินหุ่นหรือดินไทย ที่เหลือจากพิธีการสร้างหล่อรูปเหมือนสมเด็จโต จึงนำดินนั้นมาสร้างเป็นพระเครื่องเนื้อดินมีลักษณะสีดำเกรียม เมื่อปี พ.ศ.2500

    เจ้าคุณเที่ยงมีหลักธรรมคำสอนง่าย ด้วยการใช้เมตตาธรรมในการอบรมสั่งสอนลูกศิษย์และประชาชน ให้เน้นความสำคัญของพระพุทธศาสนาที่มีคุณค่าใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติบ้านเมือง ที่สามารถดำรงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

    "การสวดมนต์ไหว้พระ ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ทำให้จิตใจเกิดความสงบ เมื่อเกิดความสงบแล้ว สมาธิและปัญญาจะเกิดตามมา คนเราขอเพียงมีสมาธิและปัญญาการทำงานให้สำเร็จย่อมไม่ใช่เรื่องยาก"

    ทุกวันนี้ "พระเทพวิสุทธิเมธี" หรือเจ้าคุณเที่ยง ในวัย 72 ปี ยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติศาสนกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยมิรู้เหน็ดเหนื่อย

    http://www.matichon.co.th/khaosod/vi...MHhNQzB5T0E9PQ==


    .

    http://palungjit.org/threads/พระเทพวิสุทธิเมธี-วัดระฆังโฆสิตาราม.97628/

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    โมทนาสาธุครับ


    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ตอนเช้า ผมขออนุญาตเป็นตัวแทนคณะกองทุนหาพระถวายวัด

    ในการอัญเชิญพระวังหน้า และ พระวังหลวง (บรรจุกล่องสเตนเลส) จำนวน 2 กล่อง ไปถวายท่านเจ้าคุณเที่ยง วัดระฆัง เพื่อบรรจุที่เจดีย์(หรือใต้ฐานพระพุทธรูป) และได้ถวายพระกริ่งปวเรศ (เนื้อนาค) รุ่นปีพ.ศ.2434 จำนวน 1 องค์ , พระกริ่งปวเรศ (เนื้อเงินสเตอร์ริงซิลเวอร์) รุ่นปีพ.ศ.2434 จำนวน 1 องค์ , พระวังหน้า (เนื้อพระธาตุ) จำนวน 2 องค์ และ พิมพ์เป็นที่รักของสามโลก (แบบที่ 2) จำนวน 200 องค์

    ตอนยกกล่องสเตนเลส(ที่บรรจุพระเต็ม) ไปที่กุฎิท่าน หมดแรงครับ หนักจริงๆๆๆๆๆ

    ก่อนหน้าที่จะถวาย ก็ได้ซื้อปลาดุก แล้วนำไปปล่อยลงแม่น้ำเจ้าพระยาที่หน้าวัดระฆัง ซื้ออาหารปลา คือขนมปัง และ อาหารปลา เลี้ยงปลา และ เลี้ยงนก

    เห็นน้ำแล้วน่ากลัวครับ กลัวว่า กทม.จะรับมือไม่ไหว

    พอเสร็จงานบุญที่วัดระฆัง ประมาณ 5 โมงเช้า(กว่าๆ) ก็ไปเติมพลังที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือหน้าวัดเครือวัลย์

    พอเติมพลังกันเรียบร้อย ก็เดินทางต่อไปที่บางลำภุ นำรถไปจอดไว้ที่บางลำภู

    ขึ้นแท็กซี่ไปวัดพระแก้ว

    ไปกราบองค์พระแก้วมรกต พระคู่บ้านคู่เมือง ผมได้ขออนุญาตเป็นตัวแทนของคณะกองทุนหาพระถวายวัด ในการอาราธนาองค์พระแ้ก้วมรกต องค์............... , องค์ ................ ในการขอให้ทุกๆพระองค์มาร่วมโมทนาบุญและเป็นพยานบุญในบุญที่คณะกองทุนหาพระถวายวัด ได้ทำในวันนี้

    ต่อมาก็เิดินไปกราบศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ

    หลังจากนั้นก็เดินทางไปที่วัดบวรนิเวศ ไปกราบพระพุทธชินสีห์ ,หลวงพ่อโต และ พระไพรีนินาศ

    มาร่วมโมทนาบุญกับผมและคณะกองทุนหาพระถวายวัดกันครับ
     
  6. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โมทนาสาธุครับ ท่านเจ้าคุณขึ้นเป็นชั้นธรรมแล้วครับ
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รายนามเจ้าคณะภาค-รองเจ้าคณะภาค มหานิกาย พ.ศ. 2553

    เจ้าคณะภาค 11


    พระธรรมธีรราชมหามุนี
    (
    เที่ยง อคฺคธมฺโม ป.ธ.9)

    วัดระฆังโฆสิตาราม
    แขวงศิริราช
    เขตบางกอกน้อย
    กรุงเทพ
    มหานคร 10700

    รองเจ้าคณะภาค อันดับที่ 1
    พระเทพปริยัติมุนี
    (
    สมคิด เขมจารี ป.ธ.9)

    วัดทองนพคุณ
    แขวงคลองสาน
    เขตคลองสาน
    กรุงเทพ
    มหานคร 10600



    รองเจ้าคณะภาค อันดับที่ 2
    พระราชวรเมธี
    (
    แผ่ว ปรกฺกโม ป.ธ.9)

    วัดเทพธิดาราม
    แขวงสำราญราษฎร์
    เขตพระนคร
    กรุงเทพ
    มหานคร 10200


    เขตปกครอง

    นครราชสีมา
    บุรีรัมย์
    ชัยภูมิ
    สุรินทร์

    รวม 4 จังหวัด

    http://www.alittlebuddha.com/html/Thai Monk/Thaimonk03.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2010
  8. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    ขออนุโมทนาสาธุครับ ไปกี่คนอ่ะครับ ท่าทางจะหนักน่าดู
    ปล.1 ก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้านี้ ตอนเย็นเป็นอาหารตามสั่งด้วยนะครับ คนเยอะมาก รสชาดใช้ได้เรยครับ
    ปล.2 ผมเคยเดินอยู่แถวนั้นมา 6 ปีเต็มๆเรยอ่ะครับ
     
  9. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2010
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมไปอ่านในบล็อกคุณอ๊อด

    ไปเห็นรูป

    [​IMG]


    จริงๆแล้ว อยากจะแนะนำว่า น่าจะใช้ ลิงค์นี้เป็นลิงค์อ้างอิงมากกว่าครับ

    คาถาสนองกลับผู้กระทำไสยศาสตร์

    http://www.palungjit.org/board/showt...760#post706760

    เนื่องจากเป็นกระทู้ที่ผมได้ไปนำมาครับ


    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
     
  12. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    ขอตัวไปสนามบินก่อนนะครับ สวัสดีครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 9 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, chantasakuldecha+, Pinkcivil, ชวภณ ศ.+, มูริญโญ่</td></tr></tbody></table>

    สวัสดีครับ นำบุญมาฝากทุกๆท่านครับ


    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    โรคฉี่หนู โรคร้ายที่มากับน้ำท่วม


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ในภาวะที่ฝนตกหนักจนทำให้เกิดน้ำท่วมขังในหลาย ๆ พื้นที่ของประเทศไทยนั้น "น้ำท่วม" ที่เต็มไปด้วยเชื้อโรค และสิ่งปฏิกูลมากมาย นอกจากจะนำมาซึ่งโรคตาแดง น้ำกัดเท้า ฮ่องกงฟุต อหิวาตกโรค อุจจาระร่วง ฯลฯ แล้ว อีกหนึ่งโรคที่ร้ายแรงไม่แพ้กันก็คือ "โรคฉี่หนู" นั่นเอง ซึ่งหากใครอยู่มีความจำเป็นต้องเดินลุยเท้า หรืออยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ต้องมาทำความรู้จัก "โรคฉี่หนู" เพื่อป้องกันอย่างเคร่งครัด เพราะโรคนี้มักระบาดในช่วงน้ำท่วม และยังเป็นโรคที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ด้วย

    โรค ฉี่หนู หรือ ไข้ฉี่หนู หรือโรคเล็ปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) เป็นโรคระบาดในคน พบได้บ่อยในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน ซึ่งเป็นฤดูฝน

    การติดต่อของโรคฉี่หนู

    ปกติ แล้ว โรคฉี่หนู จะติดต่อกันโดยการสัมผัส เช่น ปัสสาวะ เลือด เนื้อเยื่อของสัตว์ที่มีการติดเชื้อโดยตรง หรือสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่มีการปนเปื้อนเชื้อโรค และจะติดต่อจากคนสู่คนได้น้อยมาก โดยเชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดย

    [​IMG] การกินอาหาร หรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป

    [​IMG] การหายใจเอาไอละอองของปัสสาวะ หรือ ของเหลวที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป

    [​IMG] ผ่านเข้าทางเยื่อเมือก เยื่อบุต่าง ๆ เช่น ตา และปาก

    [​IMG] ชอนไชเข้าทางผิวหนังตามรอยแผล และรอยขีดข่วน

    [​IMG] ชอนไชเข้าทางผิวหนังปกติที่เปียกชุ่มจากการแช่น้ำนาน ๆ เช่น ในสภาวะน้ำท่วม

    ทั้ง นี้ ระยะฟักตัวของโรคฉี่หนูใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ แต่อาจนานได้ถึง 3 สัปดาห์ ซึ่งอาการส่วนใหญ่จะหายไปภายใน 1 สัปดาห์แรก และหลังจากนั้นอีก 1-3 วัน จะเข้าสู่ระยะที่สอง คือ ระยะมีเชื้อในปัสสาวะ


    กลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคฉี่หนู

    [​IMG] ผู้ที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง

    [​IMG] ผู้ที่อยู่ในบ้านที่มีหนูมาก

    [​IMG] เกษตรกร ชาวนา ชาวสวน

    [​IMG] คนทำงานในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ปศุสัตว์ ประมง

    [​IMG] สัตวแพทย์ แพทย์ เจ้าหน้าที่ในห้องทดลอง

    [​IMG] คนงานในเหมืองแร่ โรงฆ่าสัตว์

    [​IMG] ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามป่าเขา

    [​IMG] กลุ่มผู้เล่นกิจกรรมทางน้ำ เช่น การว่ายน้ำ การเล่นเรือแคนู วินด์เซิร์ฟ สกีน้ำ ไตรกีฬา ฯลฯ


    อาการของ โรคฉี่หนู

    อาการของผู้ติดเชื้อ โรคฉี่หนู มี 2 แบบ คือ

    1.แบบติดเชื้อไม่รุนแรง หรือ โรคเล็ปโตสไปโรซิสแบบไม่เหลือง (anicteric leptospirosis) คือกลุ่มที่ไม่มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ

    [​IMG]ระยะเชื้อเข้ากระแสเลือด (leptospiremic phase) จะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ รู้สึกหนาวสั่น ปวดศีรษะ บริเวณหน้าผาก หรือปวดหลังเบ้าตา ปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง โดยโรคฉี่หนูนี้จะต่างจากโรคอื่นตรงที่จะปวดบริเวณน่อง โคนขา หลัง และหน้าท้องด้วย นอกจากนี้อาจมีอาการเจ็บคอ ไอ เจ็บหน้าอก ผื่น สับสน ไอเป็นเลือด มีไข้

    อาการแสดงที่อาจตรวจพบ ได้แก่ มีเยื่อบุตาแดง ต่อมน้ำเหลืองโต คอแดง กดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อ ตับม้ามโต อาจพบอาการดีซ่านได้เล็กน้อย มีจ้ำเลือดตามผิวหนัง บางรายมีผื่นตามตัว ซึ่งอาการในระยะนี้จะหายไปได้เองภายใน 1 สัปดาห์ และจะไม่มีอาการอยู่ช่วงหนึ่งนาน 1-3 วัน ก่อนจะเข้าสู่ระยะที่สองคือ "ระยะมีเชื้อในปัสสาวะ"

    [​IMG] ระยะมีเชื้อในปัสสาวะ (leptospiruric phase) หรือ ระยะร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งมีอาการจำเพาะ และความรุนแรงน้อยกว่าระยะแรก ผู้ป่วยราวร้อยละ 15 จะมีอาการแสดงออกถึงภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบแบบไร้เชื้อ แต่ส่วนใหญ่จะพบในเด็ก และเป็นเพียงไม่กี่วัน หรือนานเป็นสัปดาห์ จากนั้นจะเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ม่านตาอักเสบ จอตาอักเสบ ซึ่งมักเป็นหลังอาการเริ่มแรกของโรคนานหลายเดือน และคงอยู่ได้นานเป็นปี

    2.แบบติดเชื้อรุนแรง (severe leptospirosis) หรือแบบที่มีอาการเหลือง

    โรคเล็ปโตสไปโรซิสรุนแรง หรือกลุ่มอาการเวล (Weil's Syndrome) พบในกลุ่มที่ได้รับเชื้อในซีโรวาร์ อิกเทอโรฮีมอราเจียอี/โคเปนเฮเกไน ซึ่งอาการเริ่มแรกจะไม่ต่างจากโรคฉี่หนูที่ไม่รุนแรง แต่ไม่มีลักษณะอาการที่แบ่งออกเป็นสองระยะชัดเจน โดยอาการรุนแรง หรืออาการเหลืองจะแสดงออกมาใน 4-9 วัน หลังจากเริ่มมีอาการ โดยกลุ่มคนไข้ที่ติดเชื้อรุนแรง มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ประมาณร้อยละ 5-15%

    ทั้งนี้ เชื้อต่าง ๆ จะเข้าไปอยู่ในบริเวณที่ร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกัน เช่น ลูกตา จะทำให้มีอาการตาอักเสบแดง น้ำตาไหล สู้แสงไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีอาการอื่น ๆ คือ

    [​IMG] มีอาการเพ้อ ไม่รู้สึกตัว หากเชื้อเข้าไปอยู่ในสมอง

    [​IMG] หากเชื้ออยู่ในท่อไต จะทำให้ไตวายเฉียบพลันได้

    [​IMG] เกิดผื่น เช่น ลมพิษ ผื่นแดง

    [​IMG] กล้ามเนื้อที่น่องกดเจ็บอย่างรุนแรง

    [​IMG] มีอาการดีซ่าน คือ ผิวหนังจะมีสีเหลืองมาก ตับโต ประมาณ 20% ของผู้ติดเชื้อมีอาการม้ามโตร่วมด้วย

    [​IMG] มีอาการทางปอด คือ ไอ มีเสมหะปนเลือด เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย จนถึงระบบหายใจล้มเหลว

    [​IMG] มีความผิดปกติของระบบการแข็งตัวของเลือด ซึ่งอาการมีตั้งแต่แบบเล็กน้อย เช่น มีเลือดกำเดา จ้ำเลือดตามผิวหนัง ไปจนถึงอาการรุนแรง เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร เลือดออกในช่องเยื่อหุ้มสมอง เป็นต้น

    [​IMG] อาการอื่น ๆ เช่น กล้ามเนื้อลายสลายตัว เม็ดเลือดแดงแตก เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ตับอ่อนอักเสบรุนแรง ภาวะการทำงานของอวัยวะล้มเหลวหลายระบบ เป็นต้น

    การวินิจฉัยโรคฉี่หนู

    ผู้ป่วยที่มีอาการไข้ขึ้นสูง ปวดกล้ามเนื้อ และเป็นกลุ่มเสี่ยง คือ อยู่ในบริเวณน้ำท่วมขัง เล่นน้ำ หรือย่ำน้ำในช่วงนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อให้ตรวจและวินิจฉัยอย่างถูกต้อง เนื่องจากผู้ป่วยโรคฉี่หนูส่วนใหญ่ที่เสียชีวิต มักจะไม่ได้รับการรักษาโรคฉี่หนูอย่างทันท่วงที เนื่องจากคิดว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา

    การรักษา โรคฉี่หนู

    โรคฉี่หนู สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ซึ่งควรให้ยารักษาโดยเร็วที่สุด ไม่ควรเกิน 4 วันหลังจากมีอาการ และควรให้ยาติดต่อกันอย่างน้อย 7 วัน

    การป้องกัน โรคฉี่หนู

    การป้องกัน โรคฉี่หนู สามารถทำได้โดย

    [​IMG] 1. กำจัดหนูในบริเวณสถานที่อยู่อาศัย

    [​IMG] 2.หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นพาหะของโรคฉี่หนู รวมทั้งการสัมผัสปัสสาวะโค กระบือ หนู สุกร

    [​IMG] 3.หลีกเลี่ยงการทำงานในน้ำ หรือต้องลุยน้ำ ลุยโคลนเป็นเวลานาน ๆ

    [​IMG] 4.หลีกเลียงการว่ายน้ำที่อาจจะมีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่

    [​IMG] 5.ไม่ใช้น้ำ จากแหล่งที่ต้องสงสัยว่าอาจปนเปื้อนเชื้อโรค

    [​IMG] 6.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่วางทิ้งไว้ค้างคืน โดยไม่มีภาชนะปกปิด

    [​IMG] 7.เกษตรกร หรือคนทำงานปศุสัตว์ที่ต้องย่ำในน้ำ ควรสวมชุดป้องกัน เช่น รองเท้าบูท ถุงมือ ถุงเท้า เสื้อผ้า ให้เรียบร้อย

    [​IMG] 8. ทำความสะอาดร่างกายโดยเร็ว หากเดินลงไปในแหล่งน้ำที่สงสัยว่าอาจปนเปื้อนเชื้อ

    โรคฉี่หนู leptospirosis อาการโรคฉี่หนู โรคที่มากับน้ำท่วม




    .



    .
    สาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย เลปโตสไปรา (Leptospira sp.) ซึ่งเป็นเชื้อที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์พาหะ โดยส่วนใหญ่คือ หนู แต่ก็ยังรวมถึงสุกร โค กระบือ แพะ แกะ หรือสัตว์เลี้ยงใกล้ตัวอย่างแมว และสุนัขด้วย
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [FONT=Tahoma,]ทรงห่วง-กทม.วิกฤต ปทุมฯจม น้ำเหนือทะลักกรุง

    4ล้านกระสอบ-ตั้งเขื่อนสู้ กู้รพ.มหาราชเปิดอังคารนี้ สรุปยอดตายแล้ว33ราย



    ในหลวง ทรงห่วงน้ำท่วม ดร. สุเมธเผย ทรงติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิดมาตลอด ทรงเตือน "อย่ารังแกธรรมชาติมาก เพราะธรรมชาติจะโกรธ และลงโทษในที่สุด" อยุธยา-ปทุมธานี อ่วม น้ำเหนือไหลบ่า เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตร ที่ปทุมฯ วุ่นแต่เช้า เขื่อนทรายพัง น้ำทะลักไหลเข้าท่วมเขตเทศบาล สั่งเร่งป้องกันเขตอุตสาหกรรมนวนคร ′อยุธยา′ ยังวิกฤต ที่อ.ท่าเรือ ระดับน้ำยังสูง ขาดอาหาร ยารักษาโรค ส่วนที่ตัวเมืองอยุธยา น้ำเริ่มไหลทะลัก กรมอุตุฯ เตือนพายุกีรีเข้าพม่าแล้ว จะทำให้ฝนตกซ้ำทางภาคเหนือ น้ำเหนือจะมากขึ้น สั่งจับตา 25-27 ต.ค. น้ำทะเลหนุนสูง กทม.-ปริมณฑลอ่วมแน่ สลดซ้ำที่ ′ลพบุรี′ น้ำท่วมบ้านเกือบมิดหลัง ยังถูกไฟไหม้ซ้ำอยู่กลางลำน้ำ

    ในหลวงพระราชทานถุงยังชีพ

    เมื่อ วันที่ 23 ต.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมคณะเดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรที่ ประสบอุทกภัยในเขตอำเภอบ้านหมี่, อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรีกว่า 2 พันครัวเรือน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบภัย โปรดให้นายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาด ไทย เป็นผู้แทนพระองค์ ตรวจเยี่ยมและมอบถุงยังชีพพระราชทานแก่ผู้ประสบภัย ที่ศาลากลางจังหวัดลพบุรี โดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นำไปมอบให้แก่ราษฎรในเขตอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ที่กำลังประสบภัยอยู่ในขณะนี้

    ส่วนสถานการณ์ในขณะ นี้ระดับน้ำเริ่มลดลงเล็กน้อยประมาณ 10 ซ.ม.เท่านั้น ราษฎรยังคงประสบชะตากรรมอยู่ในน้ำอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ตำบลหนองทรายขาว และในวันเดียวกัน นาวาอากาศเอก แพทย์หญิง เพ็ญศรี เกษวิท นายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะแม่บ้านได้นำถุงยังชีพไปมอบให้ราษฎรที่ตำบลป่าตาล อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ได้นำเรือท้องแบนออกไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ไม่ได้ออกมาอยู่ในที่ปลอดภัย ด้วย

    ′ลพบุรี′ จมบาดาลกว่า 2 เมตร

    สำหรับสถานการณ์น้ำ ท่วมในเขตตำบลป่าตาล อ.เมือง จ.ลพบุรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมู่บ้านริมชล หมู่บ้านเกิดชนะ และหมู่บ้านเหมราช ยังจมบาดาลเหมือนเดิม ระดับน้ำสูงประมาณ 2 เมตร การเดินทางติดต่อกับภายนอกยังอาศัยเรือท้องแบนเป็นหลัก โดยสำนักชลประทานที่ 10 โคกกะเทียม เร่งทำคันกั้นน้ำที่ไหลทะลักเข้ามาจากคลองอนุศาสนันท์ (ชัยนาท-ป่าสัก) ในเขตหมู่ 3 ต.ป่าตาล เป็นระยะทางยาวกว่า 200 เมตร โดยกั้นไปแล้วประมาณ 150 เมตร เหลืออีกประมาณ 50 เมตร ก็จะกั้นสำเร็จ และสามารถที่จะช่วยให้ชาวบ้านในเขตตำบลป่าตาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมู่บ้านริมชล หมู่บ้านเกิดชนะ และหมู่บ้านเหมราช ไม่ต้องจมอยู่อีกต่อไป

    ไฟไหม้บ้านวอดกลางสายน้ำ

    เวลา 11.45 น. พ.ต.ต.สุเมธ จงเนติวิศิษฐ์ ร้อยเวร สภ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 4 ต.บ้านกล้วย อ.บ้าน หมี่ จ.ลพบุรี ซึ่งอยู่ท่ามกลางสภาพน้ำท่วมสูงท่วมหัว จึงประสานเรือท้องแบนเพื่อเข้าไปในที่เกิดเหตุด้วยความทุลักทุเล เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่าบ้านได้ถูกไฟไหม้วอดไปครึ่งท่อนบน ซึ่งอยู่เหนือน้ำได้ถูกไฟไหม้ไปหมด โดยไฟได้ลุกลามไปยังบ้านข้างอีกๆ อีก 1 หลัง แต่เจ้าของบ้านสามารถดับได้ทัน

    จากการสอบสวนนายนิธิพันธ์ ใจพันธ์ อายุ 59 ปี บ้านเลขที่ 59 หมู่ 4 ต.บ้านกล้วย อ.บ้าน หมี่ จ.ลพบุรี บอกว่าบ้านได้ถูกน้ำท่วมอยู่ ขณะเกิดเหตุตนได้ขึ้นไปรับถุงยังชีพอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลืออยู่บนถนน แต่พอทราบว่าไฟไหม้บ้านก็ไม่รู้จะทำอย่างไร รถดับเพลิงก็เข้าไปไม่ได้ ไฟจึงไหม้วอดไปทั้งหลัง ตนหมดตัวแล้ว น้ำท่วมบ้านแถมยังถูกไฟไหม้จนไม่เหลืออะไรแล้ว

    ′ปทุมธานี′น้ำทะลักท่วมแต่เช้า

    เมื่อ เวลา 09.00 น. วันที่ 23 ต.ค. เขื่อนป้องกันน้ำท่วมของเทศบาลเมืองปทุมธานี ซึ่งเป็นคันกั้นน้ำด้วยกระสอบทรายได้แตกทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระที่มีระดับ สูงกว่า 1.20 เมตร น้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมตลาดสดเทศบาลเมืองปทุมธานีจมอยู่ในบาดาลเพียงชั่ว พริบตา ชาวบ้านร้านตลาดขนข้าวของหนีน้ำกันอย่างชุลมุนแต่ไม่ทัน

    พ่อ ค้าแม่ค้าในตลาด กล่าวว่า สาเหตุที่น้ำไหลทะลักเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว เกิดจากเรือหางยาวที่วิ่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาชนกระสอบทราย 1 ลูกที่กั้นเป็นเขื่อนป้องกันน้ำเข้าท่วมตลาดเทศบาลตกลงทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้า พระยาที่มีระดับสูงอยู่แล้วไหลทะลักเข้าเพียง 5 นาที สูงเกือบ 1 เมตร ขณะเดียวกันนายไกร บุญบันดาล นายอำเภอเมืองปทุมธานี รุดตรวจสอบที่เขื่อนพัง และเร่งให้เจ้าหน้าที่เทศบาล และป้องกันภัยนำกระสอบทรายจำนวน 1,000 กระสอบมาเสริมคันเขื่อนให้หนาขึ้นและเร่งสูบน้ำออกเพื่อช่วยเหลือเป็นการรีบ ด่วน แต่น้ำมีจำนวนมากเริ่มไหลเข้าท่วมถนนเทศบาลเมืองปทุมธานีระดับน้ำได้ไหล กระจายออกไปเป็นวงกว้างในตัวเมืองปทุมธานี

    ชาวบ้านเสริมแนวกั้นแต่ไร้ผล

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ชาวบ้านบ้านต.บ้านกระแชง อ.เมืองปทุมธานี กว่า 300 คน ช่วยกันกรอกกระสอบทราย หลังระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นกว่าเดิมประมาณ 30 ซ.ม. ทำให้เขื่อนที่กันน้ำเดิมรับไม่ไหว น้ำเริ่มล้นเขื่อนบ้านกระแชง หลากเข้าท่วมถนนข้ามฝั่งถนน ส่วนที่ต.บ้านปทุม ต.บ้านงิ้ว และ ต.บ้านเชียงรากน้อย อ.สามโคก ขณะนี้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาล้นข้ามถนน ทำให้ประชาชน ต่างออกมาเร่งทำแนวเสริมกันน้ำที่สูงกว่าพื้นถนนไปแล้วกว่า 40 ซ.ม. เจ้าหน้าที่จากอบจ. ประสานนำรถแบ็กโฮมาตักดินกั้นเป็นแนวกั้นน้ำเพิ่มอีกชั้น เนื่องจากเกรงว่าน้ำจะข้ามถนนเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน พืชผลทางการเกษตร และนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งมีโรงงานผลิตสินค้านำเข้าและส่งออกที่สำคัญของจ.ปทุมธานี

    ′อ.ท่าเรือ′วิกฤตน้ำมิดหลังคา

    ที่ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ม.6 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ ว่าชาวชุมชนที่อยู่รอบๆ หน้าวัดสะตือ ขณะนี้ได้รับความลำบากอย่างหนัก น้ำท่วมสูงถึง 2 เมตร การเดินทางมารับของแจกไม่สะดวก เพราะมีเรือในชุมชนน้อยมาก ประกอบกับการประปาได้ระงับการจ่ายน้ำเพราะน้ำท่วมมิเตอร์ ชาวบ้านต้องการน้ำดื่มและอาหารกึ่งสำเร็จรูปเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับชาวบ้านในเขตต.จำปา อ.ท่าเรือ ที่อยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ท้ายเขื่อนพระราม 6 บริเวณบ้านชุมแสง บ้านจำปา บ้านสวนทับทิม ระดับน้ำสูงท่วมมิดหลังคามาเกือบสัปดาห์แล้ว ชาวบ้านเดือดร้อน ไร้ที่อยู่อาศัยและขาดอาหารประทังชีวิต

    พระสงฆ์ต้องลงเรือไปสวดมนต์

    ส่วน ที่อำเภออื่นๆ ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระ ยายังคงขึ้นสูงต่อเนื่อง เพิ่มจากระดับเดิมอีก 10 ซ.ม. ซึ่งวันนี้เป็นวันออกพรรษา การเดินทางไปมาไม่สะดวก พบว่าที่วัดกำแพงแก้ว ต.สะพานไทย อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านต้องใช้เรือพายไปทำบุญ นอกจากนี้ทางวัดต้องจัดหาเรือมาอำนวยความสะดวกรับส่งชาวบ้าน ไปร่วมทำบุญตักบาตรในวันออกพรรษา เพราะระดับสูงกว่า 1 เมตร ท่วมบริเวณวัด พระอุโบสถ ส่วนพระสงฆ์ต้องลงเรือท้องแบนเพื่อไปศาลาการเปรียญ ถึงแม้น้ำจะท่วมบ้านเรือน ชาวบ้านยังคงมีจิตศรัทธาออกมาร่วมทำบุญตักบาตรจำนวนมากจนแน่นศาลาการเปรียญ

    ′อ่างทอง′ก็อ่วมน้ำทะลัก

    ที่ จ.อ่างทอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระแสน้ำที่มีกำลังแรงได้กัดเซาะชั้นใต้ดินพนังเขื่อนกั้นน้ำ บางส่วนเอ่อล้นไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในชุมชนบ้านรอ ต.บางแก้ว เขตเทศบาลเมืองอ่างทอง และมีแนวโน้มว่ากระแสน้ำจะไหลเข้าท่วมศูนย์ราชการ โรงพยาบาล นอกจากนี้ กระแสน้ำได้ไหลซึมแนวคันกั้นน้ำเข้าท่วมถนนด้านหลังโรงเจเพ่งอังตั้ว ตั้งแต่เชิงสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ไปจนเกือบถึงวัดสนามชัย ต.ตลาดหลวง ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจ

    ′ชัยนาท′เร่งเสริมกระสอบทราย

    ที่ จ.ชัยนาท นายวรทัศน์ วานิชอังกูร นายอำเภอสรรพยา เปิดเผยว่า ขณะนี้เขื่อนเจ้า พระยาระบายน้ำเพิ่มขึ้นล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. น้ำระบายท้ายเขื่อนฯ 3,080 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พื้นที่อำเภอสรรพยา ทั้ง 7 ตำบล ประกอบ ด้วย ตำบลตลุก หาดอาษา โพนางดำออก โพนางดำตก เขาแก้ว บางหลวง และตำบลสรรพยา น้ำเข้าท่วมทั้งเกือบหมด โดยเฉพาะริมแม่น้ำเจ้าพระยา บ้านเรือนประชาชนเดือดร้อนกว่า 5,200 หลังคาเรือน ที่ยังป้องกันได้อยู่คือที่เทศบาลตำบลโพธิ์พิทักษ์ และเทศบาลตำบลสรรพยาบางส่วน เร่งกรอกกระสอบทรายวางแนวป้องกันสูงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับระดมแจกจ่ายถุงยังชีพตามจุดต่างๆ กว่า 1,600 ชุด โดยนายจำลอง โพธิ์สุข ผู้ว่าฯ ชัยนาท และเหล่ากาชาดจังหวัดชัยนาท ลงเรือสำรวจความเสียหาย และรับทราบความเดือดร้อนของราษฎรในพื้นที่อำเภอสรรพยาทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้า พระยาอย่างเร่งด่วน

    ด.ช.13 สังเวยกระแสน้ำ

    เช้าวัน เดียวกัน พ.ต.ท.ณรงค์ ซิ้มสวัสดิ์ สว.(หน.) สภ.หนองน้อย อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท รับแจ้งจากชาวบ้านพบศพเด็กจมน้ำบริเวณฝายวังหมัน หมู่ที่ 4 ตำบลวังหมัน จึงรุดไปตรวจสอบพบศพด.ช.ยุทธชัย อยู่คง อายุ 13 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/1 หมู่ 4 ตำบลวังหมัน อำเภอวัดสิงห์ นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนวัดวังหมันจมน้ำเสียชีวิตอย่างน่าสงสาร ทั้งนี้ ด.ช.ยุทธชัย ลงไปเล่นน้ำที่ท้ายฝายวังหมันกับเพื่อนๆ 4 คน ซึ่งน้ำไหลแรงมากจนจมหายไปต่อหน้าเพื่อนๆ ตั้งแต่ค่ำวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา กระทั่งวันนี้จึงเจอศพลอยขึ้นมา โดยถูกน้ำพัดพาไปห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร

    ′สระบุรี′สะพานข้ามป่าสักชำรุด

    ที่ จ.สระบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่าน อ.แก่งคอย อ.เมืองสระบุรี และ อ.เสาไห้ ได้เอ่อล้นตลิ่ง ไหลท่วมบ้านเรือนนับร้อยหลังคาเรือน โดยเฉพาะบริเวณริมตลิ่งถูกน้ำท่วมจนมิดหลังคาบ้านรวมทั้งรีสอร์ตหลายแห่งและ ฟาร์มแพปลาทับทิมในแม่น้ำ ถูกกระแสน้ำพัดพาจมหายไปได้รับความเสียหาย ประชาชนไร้ที่อยู่ หน่วยแพทย์และเจ้าหน้าที่พยาบาล จากร.พ.เสาไห้ และร.พ.แก่ง คอยระดมยาเวชภัณฑ์แจกจ่ายแนะนำให้การช่วยเหลือทุกวัน

    จาก การที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักสูงขึ้นเกือบ ติดคอสะพานอำนวยสงครามซึ่งเป็นสะพานเก่าแก่ อายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี ใช้สัญจรข้ามแม่น้ำป่าสัก มีความยาวราว 200 เมตร ปรากฏว่า ขณะที่รถยนต์วิ่งข้ามสะพาน มีอาการสั่นสะเทือนจากแรงน้ำไหลเชี่ยวเนื่องจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่ได้ เร่งระบายน้ำ 1,300 ลบ.เมตรต่อวินาที ทำให้เกิดการวิตกเกรงว่าสะพานอาจชำรุดได้

    สิงห์บุรีก็จม-ทางขาด

    สถานการณ์ น้ำจังหวัดสิงห์บุรี ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้น ระดับน้ำที่อำเภออินทร์บุรี น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเขื่อนเจ้าพระยาได้ระบายน้ำลงในแม่น้ำเจ้าพระยา 3,000 ลบ.ม./วินาที ชาวบ้านที่อาศัยอยู่สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยากว่า 1,000 หลังคาเรือน ถูกน้ำท่วมพากันขนย้ายข้าวของหนีกันวุ่นวาย โดยเฉพาะในตลาดสดอินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์ บุรี พื้นที่ราบลุ่มบางแห่ง ระดับน้ำสูงจากพื้นกว่า 1 เมตร รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ พ่อค้า แม่ค้าพากันขนข้าวของหนีน้ำมากางเต็นท์อาศัยอยู่บริเวณริมคันคลองชลประทาน การสัญจรไปมาของประชาชนต้องนั่งเรือพายเท่านั้น ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสิงห์บุรี ต้องนำรถสุขาเคลื่อนที่ มาจอดรถบริการประชาชน

    เขื่อนพระรามหกเร่งระบายน้ำ

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนพระรามหก ปล่อยน้ำลงมาสมทบจำนวนมากทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ป่าสัก ลพบุรี และแม่น้ำน้อย เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว น้ำทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านและบ้านเรือนจมบาดาลขยายวงกว้างอย่างหนักทั้ง 16 อำเภอ

    นายไมตรี ปิตินานนท์ ผู้อำนวยการโครง การชลประทานพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปล่อยน้ำมาที่ 1,294 ลบ.ม.ต่อวินาที เขื่อนพระรามหก ปล่อยน้ำที่ 1,250 ลบ.ม.ต่อวินาที ทั้ง 2 เขื่อนปล่อยน้ำลดลงกว่าเมื่อวานส่วนเขื่อนเจ้าพระยา ปล่อยน้ำที่ 3,073 ลบ.ม.ต่อวินาที มากกว่าเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 195 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอีก 15-20 เซนติเมตร และปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ป่าสัก ลพบุรีและแม่น้ำน้อยไหลรวมกันผ่านหน้าศูนย์ศิลปาชีพบางไทรจะมีมวลน้ำอยู่ที่ 3,400 ลบ.ม.ต่อวินาที ถ้าภายใน 3-4 วันมีฝนตกลงมาจะทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 4,000 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งน่าเป็นห่วงกรุงเทพฯ ต้อง เตรียมรับมือต่อไป ล่าสุดระดับน้ำเจ้าพระยาสูงอย่างต่อเนื่องเพิ่มอีก 20 เซนติเมตรไหลเข้าท่วมที่ อ.บางบาล วัดกว่า 30 แห่ง บ้านเรือนประชาชนจมบาดาล<table align="right" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#400040"><td>[​IMG]
    1.เดินสาย-นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เดินลุยน้ำทักทายชางบ้านในตัวเมืองชัยภูมิระหว่างออกตรวจปัญหาน้ำท่วมและมอบ ถุงยังชีพกว่า 2,000 ชุด ให้ประชาชนในพื้นที่ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 23 ต.ค.
    2.เจ้าพระยาล้นที่ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
    3.เริ่มจม - น้ำจากลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ไหลบ่าเข้าท่วมถนนทางไปอ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา สูงเกือบ 50 ซ.ม.ทำให้การสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก เมื่อวันที่ 23 ต.ค.
    4.รอดตาย - ศูนย์การบินทหารบกนำเฮลิคอปเตอร์ นำอาหารและน้ำดื่ม ไปแจกที่บ้านหนองกรด อ.พัฒนานิคม จ.ลพ บุรี หลังถูกน้ำท่วมล้อมหมู่บ้านจนอดอาหารมาหลายวัน สร้างความดีใจให้กับชาวบ้าน
    5.หลายหมู่บ้านปราจีนฯยังจม
    6.น้ำตัดขาดถนนบุรีรัมย์ - นครราชสีมา
    7.เร่งกู้- ทหารจากกองทัพภาคที่ 2 ลำเลียงรถที่จมอยู่ใต้น้ำในโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ออกมา เพื่อเร่งฟื้นฟูสภาพพื้นที่ ตามพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการทางการแพทย์ได้ ในวันที่ 26 ต.ค.นี้ ตามข่าว
    8.ใจบุญ - ชาวบ้านหมู่ 6 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พายเรือฝ่าน้ำท่วมด้วยความยากลำบาก ไปทำบุญที่วัดสะตือในวันออกพรรษา ขณะที่ระดับน้ำสูงถึง 2 เมตร เมื่อวันที่ 23 ต.ค.
    </td></tr></tbody></table>

    อยุธยาจม-บางจุดสูงกว่า 2 เมตร

    อ.เสนา แม่น้ำน้อยทะลักท่วมตลาดบ้านแพน ระดับน้ำสูง 1-2 เมตรโรงพยาบาลเสนา อ.พระนครศรีอยุธยา น้ำได้ทะลักเข้าคลองเมืองรอบเกาะอยุธยาทะลักท่วมหมู่บ้านวังแก้ว 250 หลังคาเรือน ต.ท่าวาสุกรี ในเขตเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา หมู่บ้านศรีกรุง 200 หลังคาเรือนและตลาดน้ำอโยธยาตลาดแห่งใหม่ จมบาดาลเสียหายนับ 100 ล้านบาท ต.ไผ่ลิง ในเขตเทศบาลเมืองอโยธยา และหมู่บ้านทองธรณี ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งโบราณสถานชั้นใน เช่น วัดเจ้าหญ้า ต.คลองสระบัว และวัดมเหยงคณ์ ที่ อ.บางปะอิน บ้านเรือนประชาชนและวัดที่ตั้งอยู่ริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาถูกน้ำท่วมอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูง 2-3 เมตร ชาวบ้านต้องนอนผวาคอยดูว่า น้ำจะมาเพิ่มอีกเมื่อไร และเริ่มขนของไว้ที่สูงแล้ว

    ′วัดพนัญเชิง′เสริมกระสอบทราย

    ส่วน ที่ อ.บางไทร หน้าศูนย์ศิลปาชีพปริมาณน้ำจำนวนมากไหลเข้าสู่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี และเข้าสู่ กทม. ส่วนแม่น้ำป่าสักและลพบุรีปริมาณน้ำยังเพิ่มต่อเนื่องไหลเข้าท่วม อ.ท่าเรือ อ.นครหลวง อย่างหนักระดับสูงกว่า 4 เมตร ธารน้ำใจช่วยเหลือสิ่งของต่างๆ ได้หลั่งไหลเข้าไปช่วยเกือบทุกหน่วยงาน ที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร ต.คลองสวนพลู อ.พระ นครศรีอยุธยา เป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมากราบไหว้หลวงพ่อโต ที่วัดตั้งอยู่ริมแม่น้ำมีแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยาไหลมาบรรจบกัน ทำให้ระดับน้ำสูงกว่าพื้นชั้นใน 1.50 เมตร เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายวางป้องกันอย่างแน่นหนาสูงกว่า 2 เมตร

     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [FONT=Tahoma,]พายุกีรีเข้าพม่ากระทบถึงไทย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมชลประทาน เผยแพร่ข้อมูล สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ว่า ยังคงมีปริมาณน้ำจากพื้นที่ภาคเหนือไหลลงมาสมทบรวมกันทางตอนเหนือของเขื่อน เจ้า พระยาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงวันที่ 25-27 ต.ค. จะเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง จึงคาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านอ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา จะมีปริมาณน้ำเกณฑ์สูงถึง 3,500-4,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

    จากพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า พายุไซโคลนกีรี ในอ่าวเบงกอล ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งพม่าแล้ว และจะอ่อนกำลังลงในระยะต่อไป แต่จะทำให้ภาคเหนือ มีฝนกระจาย ประมาณร้อยละ 60 ของพื้นที่ ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้มีน้ำเหนือไหลลงมาสมทบทางตอนล่างต่อเนื่องได้อีก แต่คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์ไม่มาก จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ตลอดจนแนวลำน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง ขนย้ายสิ่งของ สัตว์เลี้ยง ยานพาหนะ ขึ้นไปในที่สูง รวมทั้งตรวจสอบความแข็งแรงของกำแพงป้องกันตลิ่ง เพื่อความปลอดภัยด้วย และขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

    นนท์-กทม.น้ำสูงอีก 40 ซ.ม.

    ด้าน นายธีระ วงศ์แสนนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ขณะนี้น้ำเหนือคาดว่ามีอยู่ประมาณ 6,000 ล้านลูกบาศก์เมตรได้เริ่มไหลลงมายังเขื่อนเจ้าพระยาแล้ว จึงจำเป็นต้องเร่งระบายน้ำมากขึ้นเป็น 3,073 ลูกบาศก์เมตร/วินาที อีกทั้งต้องเฝ้าติดตามว่า จะมีฝนตกในพื้นที่จ.กำแพงเพชรและตากอีกหรือไม่ เพราะหากมีฝนตกลงมาอีก จะทำให้การระบายลำบากมากยิ่งขึ้น

    ในส่วน มาตรการป้องกันน้ำท่วมของจังหวัดปทุมธานี นนทบุรีและกรุงเทพฯนั้น จะต้องดูคันกั้นน้ำมีความแข็งแรงหรือไม่ คาดว่าระดับน้ำจะสูงอีกประมาณ 30-40 เซนติเมตร หากคันกั้นแข็งแรงเชื่อจะสามารถรับน้ำไว้ได้แน่ สำหรับจังหวัดที่มีความเป็นห่วงคือปทุมธานีและนนทบุรี เนื่องจากวันที่ 27 ต.ค.นี้ ปริมาณน้ำเหนือจะไหลลงมา ขณะที่น้ำทะเลหนุนสูงทำให้น้ำสูงเพราะขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายัง ไม่ถึงจุดสูงสุด อย่างไรก็ตาม หากประชาชนสงสัยสามารถโทร.สอบถามได้ที่ โทร.สายด่วน 1460

    ในหลวงทรงห่วงสถานการณ์

    ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงประชาชนที่ได้ รับความเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วม ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอุทิศเวลาทั้งหมดเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ ชาติ โดยเฉพาะเรื่องน้ำที่คนไทยได้รับผลกระทบทั้งจากภัยน้ำท่วม ภัยแล้ง ซึ่งทั้งหมดอยู่ในความสนพระราชหฤทัยของพระองค์ท่าน และจะเห็นได้ว่าแต่ละจุดแต่ละพื้นที่ ก่อนที่พระองค์ท่านจะเสด็จฯประทับโรงพยาบาลศิริราช รับสั่งลงมาประชุมหน่วยงานต่างๆ พยายามพระราชทานคำเสนอแนะต่างๆ และกลไกต่างๆ ก็เดินไปได้ด้วยดี และมีการประสานงานกันทุกหน่วยราชการ เพราะน้ำเกี่ยวข้องกับองค์กรมากมาย น้ำก้อนเดียวอาจจะผ่านเหนือจรดใต้ ฉะนั้น การประสานงานเป็นเรื่องที่สำคัญโดยเฉพาะการบริหารจัดการที่มีความสำคัญมาก และที่ผ่านมาหลายปีก่อนที่มีน้ำทะลักเข้ามาก้อนใหญ่ทุกคนก็เฉย แต่เมื่อพระองค์ท่านอดทนไม่ไหวก็เลยรับสั่งเรียกหน่วยงานต่างๆ มาประชุม และทรงถามว่าน้ำเดินทางเท่าไหร่ระยะเวลาเท่าไหร่แต่ละชั่วโมงมาถึงไหน เพื่อวางระบบการเตือนภัยให้ทันท่วงที แต่ครั้งนี้ความรู้สึกของตนรัฐบาลอาจจะทำอยู่แล้ว แต่จุดศูนย์กลางมองไม่ค่อยออก แม้ว่าแต่ละหน่วยจะพยายามทำเต็มที่ตามที่เห็น

    ต้องช่วยกันแก้ปัญหา

    "การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจะต้อง ประสานความร่วมมือหลายหน่วย ถ้าวางแผนดีๆ และใช้ข้อมูลที่ดีจัดการบริหารปัญหาก็จะทุเลา ทั้งนี้ ต้องเรียนให้ทราบว่าเท่าที่ติดตามมานาน แม้ว่าผมจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ แต่เรื่องธรรมชาติ เรามีความเป็นห่วงไม่รู้จะสู้อย่างไร เพียงแต่จะต้องปรับตัวเข้าหาธรรมชาติ และบริหารทำให้กระทบกระเทือนน้อยที่สุด และพร้อมกันนั้นก็มีประโยชน์ให้กับเราแม้ว่าจะทำร้ายเรา หรือ ทำความยากลำบากให้เรา แต่ก็เป็นประโยชน์ ดังนั้น จุดกลางที่จะต้องเก็บไว้เท่าไหร่ ปล่อย เท่าไหร่ จะต้องคำนวณให้ละเอียด และจะต้องฝากไปอีกจุดหนึ่งส่วนของธรรมชาติที่จะต้องซึมซับเอาไว้คือป่า และพื้นที่โดยธรรมชาติ โดยระบบที่มีอยู่แล้ว และรู้กันว่าเราทำลายกันอยู่ทุกวัน ทั้งเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าทำให้ฟองน้ำธรรมชาติหดหายไป และปล่อยให้น้ำไหลมาเป็นจำนวนมาก และเก็บไว้ไม่ไหว" ดร.สุเมธ ระบุ

    มูลนิธิชัยพัฒนาเร่งช่วยประชาชน

    ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมว่า มูลนิธิชัยพัฒนารอจังหวะที่จะเข้าไปช่วยเหลือประชาชน และที่มูลนิธิชัยพัฒนายังไม่ได้เข้าไปเพราะพระองค์ท่านแบ่งภารกิจ โดยให้ทางราชประชานุเคราะห์ฯ เข้าไปดูแลก่อน โดยจะเป็น การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการบรรเทาเบื้องต้น แต่พอน้ำลดก็จะเข้าไปร่วมกันฟื้นฟู เพราะจะมีปัญหามากทั้งส่วนไร่นา ส่วนกรณีที่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงเรื่องน้ำท่วมโรงพยาบาลนั้น ตอนนี้โรงพยาบาลหลายแห่งเกิดน้ำท่วมทำให้เกิดความยากลำบากของประชาชนที่จะไป รักษาตัวจากอาการเจ็บป่วย รวมถึงการย้ายคนป่วย คนเจ็บ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งผ่าน นายดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ให้พยายามกั้นไม่ให้น้ำใหม่เข้าไป ถือเป็นการ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อให้โรงพยาบาลสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

    ทรงเตือนอย่ารังแกธรรมชาติ

    เมื่อ ถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะมีคนบางคนไม่ยึดกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับการรักป่า ดร.สุเมธ กล่าวว่า อันนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่เรื่องภัยธรรมชาติตอนนี้เกิดขึ้นทั่วโลก ประชาชนทำมาหากินใช้ประโยชน์กับธรรมชาติ โดยไม่ได้คำนึง และรักษาทะนุถนอม มีแต่คำว่ายั่งยืนไม่ได้ปฏิบัติจริง มีการตัดไม้ทำลายป่า และใช้ประโยชน์อย่างไม่คำนึงถึง

    "ตอนผมไปถวายงานกับพระองค์ท่านหลาย สิบปีแล้ว พระองค์ท่านทรงเตือนพวกเราว่าระวังนะ อย่าไปรังแกธรรมชาติ หากไปรังแกมากๆ เขาจะโกรธเอา และเขาจะทำร้ายเรา ซึ่งก็เป็นจริงตลอด เรื่องพวกนี้เราถูกเตือนหมดแล้ว น้ำ ลม พายุ เฉียดบ้านเราไป เหลือเพียงแต่ไฟยังไม่เกิดขึ้น แต่ประเทศที่มีภูเขาไฟถูกเตือนหมดแล้ว สิ่งที่เราเรียกร้องให้รักษาแผ่นดิน ให้รักษาชาติบ้านเมือง สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนประกอบของดิน น้ำ ลม ไฟ ทั้งนี้ พระราชกรณียกิจ 60 กว่าปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับดิน น้ำ ลม ไฟ ทั้งนั้น คือ รักษาแผ่นดินเพื่อให้พวกเรามีชีวิตอย่างผาสุก ดิน น้ำ ลม ไฟ ก็คือชีวิตเราที่จะต้องรักษา หากไม่รักษาก็จะส่งผลกระทบ" ดร.สุเมธ ระบุ

     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [FONT=Tahoma,]มาร์ค′ตรวจน้ำท่วมชัยภูมิ

    เช้า วันเดียวกันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม เข้าร่วมงานด้วย และคณะเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังสนามกีฬาจ.ชัยภูมิ หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางด้วยรถยนต์ไปยังบ้างกุดละลม ต.หนองนาแซง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำท่วมและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ในพื้นที่

    สั่งเสริมแนวริมเจ้าพระยา

    เวลา 13.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับจากตรวจเยี่ยมน้ำท่วม จ.ชัยภูมิ เข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือกับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางลงพื้นที่น้ำท่วมในจ.ชัยภูมิ ว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาและขอบอกว่าขณะนี้การ รายงานสถานการณ์น้ำและภาวะอากาศส่งตรงมาที่ตนทุกเช้า นอกจากนั้นยังมีอุปสรรคและปัญหาในการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงานรายงานเข้า มาด้วย โดยที่ผ่านมาเราพยายามใช้วิธีการกระจายอำนาจ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว เช่น การขยายวงเงินในการให้ความช่วยเหลือของแต่ละจังหวัด ยกเว้นกรณีที่เกินความสามารถของจังหวัดก็ให้ทำเรื่องร้องขอมา นอกจากนั้นหน่วยงานต่างๆ ยังมีการประสานงานให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา

    นาย อภิสิทธิ์กล่าวว่า ภาพรวมของสถานการณ์ น้ำท่วมขณะนี้ อาทิ ภาคเหนือนั้นนำเริ่มลดลงแล้ว แต่น้ำได้ไหลไปยังพื้นที่ใหม่ ที่ได้มีการแจ้งเตือนภัยกันไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยมีการประสาน งานกับแต่ละจังหวัด ส่วนภาคกลาง มีสภาพปัญหาน้ำท่วมขังเป็นเวลานานและมีการระบายน้ำค่อนข้างช้า เช่น ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง อยุธยา และมีปริมาณน้ำเหนือไหลลงมาค่อนข้างมาก จึงได้กำชับให้จังหวัดที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำ เช่น ปทุมธานีต้องมีการเสริมแนวคันกั้นน้ำ เพราะหลังจากนี้จะเป็นช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุน ในวันที่ 24 ต.ค.นี้

    ผู้ว่าฯกทม.กำหนดแผนป้องกัน

    วัน เดียวกัน ที่ศาลาว่าการกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.แถลงมาตรการป้อง กันและความพร้อมในการรับมือป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ กทม.ว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำที่เกิดขึ้น เรียกว่า Perfect Storm หรือสถานการณ์น้ำที่มาเจอกัน 3 น้ำ คือ น้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำทะเลหนุนสูงพร้อมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณน้ำเหนือที่ไหลหลากมาจำนวนมาก จนเขื่อนต่างๆ ไม่สามารถรองรับได้ โดยล่าสุดในวันนี้ (23 ต.ค.) กรมชลประทานได้ระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนพระราม 6 ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อออกทะเลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน กทม. 4,323 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่บริเวณปากคลองตลาดสูงสุดในช่วงเช้า เวลา 07.00 น. อยู่ที่ระดับ + 1.76 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.)

    เตรียมกระสอบทรายกั้นน้ำ4ล.ใบ

    ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์กล่าวว่า สำหรับการเตรียมพร้อมรับมือและการป้องกันปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน กทม.ได้กำหนด 5 มาตรการ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำล้นทะลักเข้าท่วมพื้นที่กทม. ดังนี้ 1.สั่งการให้นำกระสอบทรายจำนวน 200,000 ใบ จากที่ได้สำรองไว้ 4,000,000 ใบ อุดจุดฟันหลอทุกจุดตามแนวเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา นอกแนวคันกั้นน้ำทั้ง 2 ฝั่ง 2.นำกระสอบทรายไปเสริมแนวคันกั้นน้ำให้สูงขึ้นตามจุดเสี่ยงน้ำท่วมในพื้นที่ ต่างๆ 3.ประสานกับกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด เพื่อปล่อยน้ำจากเขื่อนอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดโอกาสการเกิดน้ำท่วมให้มากที่สุด ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำไหลงมามีปริมาณมาก 4.สร้างสะพานไม้และทางเดินชั่วคราวครอบคลุม 27 ชุมชนในพื้นที่ 13 เขตที่เสี่ยงน้ำท่วม และ 5.เตรียมพร้อมเครื่องสูบน้ำขนาด 4-20 นิ้ว จำนวนกว่า 1,065 เครื่อง ติดตั้งไว้ในจุดสำคัญต่างๆ และพร้อมใช้งานทันทีหากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม

    ยอมรับสถานการณ์ขั้นวิกฤต

    เมื่อ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กรมชลประทานแจ้งเตือนให้กทม.เสริมแนวกระสอบทรายริม เจ้าพระยาให้สูงขึ้นอีก 1 เมตร จากเดิมที่มีความสูง 2.5 เมตรนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า เนื่องจากแนวคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาของกทม.มีระยะทาง 77 กิโลเมตร ดังนั้น จึงไม่สามารถทำได้ทั้งหมด อีกทั้งขณะนี้ ตนยังไม่คิดว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะสูงเกิน 2.5 เมตร

    "ผมลืม ขอเทวดามาเนรมิตให้ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่กทม.จะวางกระสอบทรายเป็นล้านๆ ใบได้เสร็จภายใน 2 วัน เนื่องจากแนวคันกั้นน้ำของ กทม.มีระยะทางยาวถึง 77 กิโลเมตร" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว และว่า ยอมรับว่าสถาน การณ์อยู่ในขั้นวิกฤต แต่ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก เพราะกทม.จะดูแลสถานการณ์อย่างดีที่สุด และยืนยันว่าขณะนี้แนวเขื่อนของกทม.ยังอยู่ในภาวะที่รับน้ำได้

    อเมริกาออกแถลงการณ์ช่วยเหลือ

    ผู้ สือข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมดังกล่าว เว็บไซต์เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย ลงแถลงการณ์ของนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ มีใจความว่า ในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ และประชาชนในสหรัฐอเมริกาขอแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตและความเสียหาย ในไทยจากเหตุการณ์น้ำท่วม ทางสถานทูตสหรัฐในกรุงเทพฯ ได้เสนอที่จะให้ความช่วยเหลือด้านการบรรเทาทุกข์ และประสานงานกับรัฐบาลไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมที่จำเป็น ทางสหรัฐต่างห่วงใยและเป็นกำลังใจให้กับราชอาณาจักรไทยในฐานะพันธมิตร ที่ยาวนานของสหรัฐ

    โคราชน้ำลด-แต่รถยังจม

    ที่ จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ น้ำท่วมในพื้นที่เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ว่า ขณะนี้พื้นที่หลายจุดระดับน้ำเริ่มลดระดับลงบ้างแล้วแต่ก็ยังมีบางพื้นที่ ที่ระดับน้ำยังคงท่วมสูงอยู่อย่างเช่นบริเวณโรงพยาบาลเซนต์แมรี่ ภายในโรงพยาบาลยังคงมีระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร รถยนต์และรถจักรยานยนต์จำนวนกว่า 200 คัน ยังจมน้ำเหลือให้เห็นแต่เพียงหลังคารถเท่านั้น ซึ่งตลอดทั้งวันเจ้าของรถยนต์คันที่จมน้ำพยายามเร่งนำรถยนต์ของตัวเองขึ้นมา จากน้ำ เพื่อที่จะนำไปซ่อมแซมให้กลับมาใช้ได้ดังเดิม ขณะนี้บ้านเรือนที่อยู่ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมาระบบน้ำประปาสามารถใช้ได้ ตามปกติ ขณะที่ระบบไฟฟ้ายังใช้การได้เกือบหมด ส่วนพื้นที่ที่มีระดับน้ำท่วมสูง เช่น หมู่บ้านวีไอพี หลังร.พ.เซนต์แมรี่ ระบบไฟฟ้ายังไม่สามารถใช้การได้ ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาระดับน้ำเริ่มลดลงบ้าง แล้วประมาณ 20 เซนติเมตร

    ทหารเร่งกู้ร.พ.มหาราช

    และ จากกรณีที่นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง เดินทางมาตรวจเยี่ยมคนไข้ แพทย์ พยาบาล ที่ร.พ.มหาราชนครราชสีมา ภายหลังเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จากนั้นนายดิสธร ได้แจ้งให้นายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.นครราชสีมา และผู้บริหารร.พ.มหาราชฯ ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมทรงรับสั่งให้กู้วิก ฤตร.พ.มหาราชนครราชสีมาให้ได้โดยเร็วนั้น ในวันนี้ พลโทธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2, นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา พร้อมด้วยชลประทานจังหวัดนครราชสีมา ได้ตรวจดูความคืบหน้าการก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำล้อมรอบตึกผู้ป่วยอุบัติเหตุ และคนไข้ฉุกเฉิน รวมทั้งตึกผู้ป่วยนอกโดยใช้กระสอบทรายของกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 2 และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน อื่นๆ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 6 เครื่อง เพื่อสูบน้ำออกจากบริเวณอาคาร เพื่อเป็นการสนองพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงรับสั่งแนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วมในร.พ.มหาราช โดย ภาพรวมแล้วระดับน้ำภายในร.พ.มหาราชฯลดลงเฉลี่ย 10 ซ.ม. อยู่ที่ระดับ 70-80 ซ.ม. รถบรรทุกขนาดใหญ่เท่านั้นที่สามารถสัญจรผ่านเข้า-ออก เพื่อรับส่งเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาล คนไข้ และญาติๆ ที่ไปเยี่ยมผู้ป่วยหนักที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล

    คาดเปิดรับผู้ป่วยได้ในวันอังคาร

    แพทย์ หญิง ดวงตา อ่อนสุวรรณ รอง ผอ. ฝ่ายแผนและสารสนเทศ ร.พ.มหาราชนครราช สีมา กล่าวว่า ทางร.พ.ได้น้อมรับพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหา กรุณาธิคุณพระราชทานแนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วมร.พ. ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 2 ได้ดำเนินการสร้างแนวเขื่อนกั้นน้ำจากภายนอกโดยรอบพื้นที่ใจกลางของร.พ. แล้วสูบน้ำด้านในออก เพื่อเตรียมพร้อมเปิดให้บริการผู้ป่วยได้ในวันที่ 26 ต.ค.นี้ โดยจะเปิดให้บริการที่แผนกผู้ป่วยนอก รับเฉพาะ ผู้ป่วยนัดติดตามการรักษาและผู้ป่วยรับยาต่อเนื่องของแผนกอายุรกรรม กุมารเวชกรรม หู คอ จมูก ส่วนหน่วยให้บริการเบื้องต้นปฐมภูมิที่จัดที่โรงแรมพีกาซัส และร.ร.สุรนารี ยังคงให้บริการเหมือนเดิมและทางร.พ.ยืนยันว่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญๆ ไม่ได้ความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งนี้ และร.พ.มีความพร้อมที่จะให้บริการแก่ประชาชนหากการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเป็นผล สำเร็จ

    ปราจีนฯก็จม-น้ำทะลักท่วมสูง

    ที่จ.ปราจีนบุรี สถานการณ์น้ำท่วมยังมีหลายพื้นที่ อำเภอนาดี ถูกน้ำท่วมจำนวน 6 ตำบล 30 หมู่บ้าน อำเภอกบินทร์บุรี ถูกน้ำท่วม 13 ตำบล 91 หมู่บ้าน ส่วนที่ชุมชนตลาดเก่าในเขตเทศบาลตำบลกบินทร์ระดับน้ำยังสูง 150 เซนติเมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือพายเป็นพาหนะในการเข้าออก ชุมชุนบ้านริมน้ำ หมู่ 12 ต.กบินทร์ ชาวบ้านต้องอาศัยเต็นท์นอนที่ทางอบต.กบินทร์บุรี จัดเตรียมไว้ให้เป็นที่พักอยู่ชั่วคราว เพราะระดับน้ำยังสูงอยู่ และในตลาดเทศบาลตำบลกบินทร์ระดับน้ำลดลงเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว พ่อค้าแม่ค้าเข้าไปค้าขายได้ตามปกติ ที่อำเภอศรีมหาโพธิ ถูกน้ำท่วม 8 ตำบล 43 หมู่บ้าน ถนนได้รับความเสียหาย 24 สาย และที่อำเภอประจันตคาม กระแสน้ำจากอำเภอกบินทร์บุรีได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การ เกษตรอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านต้องขนย้ายสิ่งของหนีน้ำไปยังที่สูง กระแสน้ำได้ขยายวงกว้างเข้าท่วมพื้นที่จำนวน 2 ตำบล คือตำบลเกาะลอย และตำบลบ้านทาม รวม 9 หมู่บ้าน ที่อำเภอเมืองปราจีนบุรี ถูกน้ำท่วม 6 ตำบล 57 หมู่บ้าน อำเภอบ้านสร้าง ถูกน้ำท่วม 6 ตำบล 41 หมู่บ้าน

    จ.พิจิตรน้ำปิงไหลทะลัก

    ที่ จ.พิจิตร นายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากประกอบกับแม่น้ำปิงที่มาจากด้านอำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร ไหลบ่าเข้าท่วมหลายหมู่บ้านใน 4 หมู่บ้าน ต.บึงนาราง อ.บึงนาราง ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรที่ไม่เคยถูกน้ำท่วมมาก่อน ถูกน้ำท่วมเสียหายจำนวนเกือบ 200 หลังคาเรือนระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 1 เมตร เจ้าหน้าที่ได้เร่งนำอาหาร ถุงยังชีพช่วยเหลือราษฎรเป็นการบรรเทาทุกข์เบื้องต้นแล้ว สำหรับน้ำป่าดังกล่าวมีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและจะไหลบ่าไปท่วมด้าน ตำบลบางลาย เพื่อลงสู่แม่น้ำยมต่อไป

    ′ยโสธร′น้ำชีเอ่อท่วมนาข้าว

    จ.ยโสธร สถานการณ์ระดับน้ำในลำน้ำชี ช่วงสะพานข้ามลำชีเขต อ.เมืองยโสธร ไปจนถึงเขต อ.ค้อวัง จ.ยโสธร รอยเชื่อมต่อกับ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ปริมาณน้ำชีล้นตลิ่งในช่วงที่ไม่มีพนังกั้นน้ำ ทะลักเข้าท่วมต้นข้าวที่กำลังตั้งท้อง ตามไร่นาของพี่น้องประชาชนทั้งฝั่งยโสธร และฝั่ง อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ตามที่ลุ่มลำน้ำชีในระดับสูงโดยเฉลี่ยประมาณ 2 เมตร นาข้าวที่กำลังตั้งท้องกว่า 20,000 ไร่ จมใต้น้ำเป็นรอบที่สอง ในขณะที่ชาวบ้านที่มีที่นาอยู่ใกล้ที่น้ำยังท่วมไม่ถึง หรืออยู่ตามรอยต่อเขตน้ำที่กำลังจะทะลักจากลำชีไหลเข้าท่วมได้ระดมจ้างรถ เกี่ยวข้าว เก็บเกี่ยวต้นข้าวหนีน้ำท่วม ทั้งๆ ที่รวงข้าวยังไม่แก่จัด เพื่อให้ความสูญเสียลดน้อยลง

    ′โคราช′น้ำยังล้นเขื่อนหลายแห่ง

    ที่ จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปริมาณ น้ำในอ่างเก็บน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบ สำนัก งานชลประทานที่ 8 นครราชสีมา ปริมาณน้ำเริ่มลดลงเรื่อยๆ เฉลี่ย ชม.ละ 1 ซ.ม. ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 ต.ค. อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีปริมาณน้ำ 372 ล้าน ลบ.เมตร เกินความจุที่สามารถกักเก็บได้ 314 ล้าน ลบ.เมตร ระดับน้ำสูงกว่าสันบานระบายน้ำ 1.18 เมตร โดยมีน้ำล้นสปิลเวย์ อาคารระบายน้ำ ที่จะต้องระบายน้ำออกมาตามคลองชลประทานลำตะคอง 8.5 ล้าน ลบ.เมตร ต่อวัน และอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย มีปริมาณน้ำ 119 ล้าน ลบ.เมตร เกินความจุที่สามารถกักเก็บได้ 110 ล้าน ลบ.เมตร ทำให้มีระดับน้ำสูงเกินปากกระ โถน หรือสปิลเวย์ ที่จะต้องระบายออกวันละ 4.2 ล้าน ลบ.เมตร สถานการณ์ในขณะนี้ แม้จะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังต้องเฝ้าระวังในพื้นที่ อ.เมือง, อ.โนนสูง, อ.เฉลิมพระเกียรติ, อ.ปักธงชัย, อ.พิมาย, อ.โชคชัย, อ.จักราช เนื่องจากระดับน้ำบางแห่งยังทรงตัว หรือลดมาเพียงเล็กน้อย

    ถนนหลายสายยังอัมพาต

    ส่วน เส้นทางสัญจรที่ถูกน้ำท่วมขังพื้นผิวถนน คือ ทางหลวงหมายเลข 204 เส้นทางเลี่ยงเมือง ถ.สามแยกปักธงชัย-จอหอ บริเวณช่วงหลักกิโล เมตรที่ 7-8 หน้าศาลปกครอง นครราชสีมา รถทุกชนิดผ่านได้ แต่ต้องเคลื่อนตัวได้ช้าๆ ทางหลวง หมายเลข 205 ถ.สุรนารายณ์ หน้า อบต.บ้านเกาะ อ.เมือง ถึง ทางแยกจอหอ รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ทางหลวงหมายเลข 2 ถ.มิตรภาพ หนอง คาย บริเวณหน้าสถานีอนามัยบ้านขนาย ต.บ้านเกาะ ถึง ทางแยกจอหอ รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ทางหลวงหมายเลข 226 ตอน นครราชสีมา-ตำบลท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 16-18 ผ่านได้เฉพาะรถยนต์ขนาดใหญ่ ทางหลวงหมายเลข 224 ตอน อ.โชคชัย-อ.ครบุรี ช่วง กม.1-2 รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ต้องใช้ทางเลี่ยง ทางหลวง 2421 ถ.เลียบคลองชลประทาน

    ถนนเข้าอ.พิมายสั่งปิดตาย

    ทาง หลวง 224 ตอน อ.ครบุรี-อ.เสิงสาง ช่วง กม.16-17 ทางขาด รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ต้องใช้เส้นทางเลี่ยง จาก อ.เสิงสาง ไป ตัวเมืองนคร ราชสีมา ทางหลวง 2317 ทางไป อ.หนองกี่ บุรีรัมย์ เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 24 เส้นทางเลี่ยงเมือง ถ.โชคชัย-สีคิ้ว แล้วเลี้ยวขวาเข้า ตัวเมืองนครราชสีมา จาก อ.เสิงสาง ไป อ.ครบุรี ใช้เส้นทางเลี่ยง ทางหลวงหมายเลข 2317 ทางไป อ.หนองกี่ บุรีรัมย์ ถึงแยกบ้านดอนแขวน แล้วเลี้ยวซ้ายเข้า ทางหลวงหมายเลข 2365 ทางไป ต.โคกกรวด อ.ครบุรี ทางหลวงหมายเลข 2 ถ.มิตรภาพ หนองคาย ตอน ต.ตล่าดแค อ.โนน สูง ถึงทางแยกบ้านวัด อ.คง ช่วงผ่านลำสวายเรียง หลัก ก.ม.ที่200-203 รถทุกชนิดผ่านได้ แต่เคลื่อนตัวช้าๆ และทางหลวงหมายเลข 206 ตอน อ.พิมาย-อ.ห้วยแถลง ทางหลวงหมายเลข 2175 ตอน อ.พิมาย-อ.ชุมพวง รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ล่าสุด เส้นทางเข้าตัวอำเภอพิมาย ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนต้องประกาศปิดเส้นทาง

    ยันจระเข้ไม่หลุดจากบ่อเลี้ยง

    วัน เดียวกัน นายศักดิ์ชัย ชาติพุดซา นายกสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อ.เมือง นครราชสีมา นำผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีกระแส ข่าวระบุมีจระเข้ที่เลี้ยงอยู่ในบ่อปลาอ้อม พันธุ์ปลา เลขที่ 60 บ้านช่องลม หมู่ 5 ต.หนองกระทุ่ม อ.เมือง มีบ่อเดียวในเขตเมือง และได้รับอนุญาตจากกรมประมง โดยพื้นที่ถูกน้ำท่วมขัง ได้หลุดออกมาสร้างปัญหา พบว่าจระเข้จำนวน 300 ตัว ยังอยู่ปกติ ไม่มีการหลุดเล็ดลอดออกไปแต่อย่างใด ซึ่งมีการสร้างคอกสี่เหลี่ยม ก่อด้วยปูนซีเมนต์สูงกว่า 1.20 เมตร และยังมีการจัดเวรยามเฝ้าดูแลอย่างดี ขอให้ชาวโคราชอุ่นใจ

    เร่งกู้ซากรถ-โดนโก่งราคา

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า จากการตระเวนตรวจสอบพื้นที่ในเขต 15 ชุมชน ของเทศบาลนคร นครราชสีมา ที่ตั้งอยู่ริมคลองส่งน้ำลำตะคอง ตลอดระยะทางกว่า 9 ก.ม. ในเส้นทางน้ำที่ไหลผ่านก่อนจะออกไปยัง อปท.รอบนอก ตั้งแต่ช่วง สายที่ผ่านมา ได้มีกองคาราวานบรรเทาทุกข์ ของ หน่วยงานต่างๆ ได้ลงพื้นที่ นำถุงยังชีพ และอาหาร-น้ำดื่ม ออกไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ประสบความเดือดร้อน ซึ่งระดับความสูงของน้ำได้เริ่มลดระดับลงมาบ้างเล็กน้อย การสัญจรเข้า-ออก ยังมีเพียงชุมชนหลังโรงพยาบาลเซนต์แมรี่แห่งเดียว ที่รถยนต์ขนาดใหญ่ไม่สามารถแล่นเข้าไปได้ เนื่องจากระดับน้ำท่วมขังสูงเกิน 1.20 เมตร จนท.หลายหน่วยงานต้องระดมเรือติดเครื่องยนต์มาให้บริการชาวบ้านที่มีอยู่ หลายพันคน ซึ่งต้องบริการจัดการ โดยแบ่งเป็นเที่ยวและสายต่างๆ นอกจากนี้ บรรดาเจ้าของรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมขังในลานจอดรถโรงพยาบาลเซนต์แมรี่จำนวนกว่า 500 คัน ได้มาติดต่อ จนท.ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสานนำรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมไปซ่อมแซม โดยมีผู้ประกอบการรถยก ทั้งในพื้นที่ และต่างจังหวัด มาให้บริการจอดรอ พร้อมแจกนามบัตร ซึ่งมีการโก่งราคาจากเดิม ที่คิดอัตราในระยะทางไม่เกิน 20 ก.ม. 2,500 บาท ปรับเป็น 4 พันบาท แต่ก็มีผู้มาติดต่อขอใช้บริการตลอดเวลา นอกจากนี้หลายพื้นที่ โดยเฉพาะโครงการบ้านจัดสรรหลายแห่ง ส่วนใหญ่ ระดับความสูงเฉลี่ย 50-80 ซ.ม. น้ำไม่สามารถไหลได้ เนื่องจากถูกกั้นด้วยกำแพงของโครงการ ทำให้เริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมา

    อ.โนนสูงระดับน้ำยังท่วมสูง

    ที่ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา พื้นที่อันตราย คือ ต.กุดโบสถ์ และ ต.สระตะเคียน อ.เฉลิม พระเกียรติ เขต อปท. 3 แห่ง แม้ระดับน้ำจะอยู่ภาวะทรงตัว แต่กระแสน้ำยังคงไหลแรง คือ ต.พระพุทธ ต.ท่าช้าง และ ต.ช้างทอง อ.โนนสูง ที่มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะนี้สูงกว่า 1 เมตร จนท.ต้องเร่งอพยพชาวบ้านมาพักอาศัยพื้นที่สูง คือ ต.ลำมูล, ต.จันอัด, ต.เมืองปราสาท ต.หลุมข้าว, ต.บิง, ต.ตลาดแค และ ต.ธารประสาท อ.พิมาย ระดับน้ำที่ไหลท่วมพื้นผิวถนน เส้นทางแยกจาก ถ.มิตรภาพ หนองคาย เข้าสู่ ตัวอำเภอพิมาย หลังจากที่ต้องปิดการจราจร เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ระดับน้ำลดระดับลงมา แต่การสัญจรต้องเป็นรถปิกอัพ และรถยนต์ขนาดใหญ่เท่านั้น โดยพื้นที่มีน้ำท่วมขังสูงกว่า 1 เมตร คือ ต.ทุ่งสัมฤทธิ์, ต.ในเมือง, ต.ธารละหลอด และ ต.กระเบื้องใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ติดลำน้ำมูล ส่วน อ.ปักธงชัย โดยเฉพาะเขตเทศบาลตำบลเมืองปัก และ อปท.ที่มีพื้นที่ติดคลองระบายน้ำชลประทาน ลำพระเพลิง มีแนวโน้มเริ่มดีขึ้น มีหลายหน่วยงานระดมเข้าไปช่วยเหลือ

    ระดมแพทย์รับมือหลังน้ำลด

    น.พ.วรัญญู สัตยวงศ์ทิพย์ ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังจากออกตรวจติดตามความพร้อมรับผู้ป่วยในสถานการณ์การเกิดอุทกภัยตามโรง พยาบาล ในพื้นที่รับผิดชอบ ขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากทีมแพทย์เคลื่อนที่จาก ร.พ.ราชวิถี สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ รวมทั้งทีมแพทย์จากโรงพยาบาลจังหวัดใกล้เคียง จาก จ.บุรีรัมย์, สุรินทร์, ขอนแก่น, สระบุรี และ จ.ราชบุรี ในการติดตามรักษาผู้ป่วย ที่ต้องมารับยาต่อเนื่อง และอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งเรากำลังเร่งดำเนินการจัดส่งยา เวชภัณฑ์ ที่จำเป็น โดยเฉพาะยาน้ำกัดเท้า รองเท้าบู๊ต ชุดทำแผล ยาทากันยุง โดยเฉพาะยาฆ่าเชื้อรา ซึ่งใช้รักษาโรคน้ำกัดเท้า กำลังเป็นที่ต้องการมากที่สุด สต๊อกยา เริ่มขาดแคลน จึงขอรับการสนับสนุนในส่วนตรงนี้เร่งด่วน เพื่อรองรับกับความต้องการที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ และรถบรรทุกขนาดใหญ่ของทหาร เพื่อลำเลียงทีมแพทย์-พยาบาล เข้าไปรักษาผู้ป่วยที่ติดค้างอยู่ตามบ้านเรือน หรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหนักส่งสถานพยาบาลที่มีความพร้อม

    ′ขอนแก่น′ทะลักจมนา 4 หมื่นไร่

    ที่ จ.ขอนแก่น นายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผู้ว่าฯ ขอนแก่น พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น ลงพื้นที่ที่บ้านขนวน ต.กุดกว้าง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น เพื่อเยี่ยมชาวบ้านที่ประสบภัยจากน้ำท่วม ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยน้ำได้เข้าท่วมในพื้นที่ตำบลกุดกว้าง อ.หนองเรือง หลายหมู่บ้าน ชาวบ้านต้องช่วยกันลำเลียงวัว ควาย และสิ่งของหนีน้ำไปไว้ที่โรงเรียนบ้านโนนดู่ มีพื้นที่ทางการเกษตรเสียหายกว่า 4 หมื่นไร่ นอกจากนี้ ถนนสายที่จะไปอำเภอภูเวียง จากปากทางแยกถนนมะลิวัลย์ ถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 50 ซ.ม. ทั้งนี้ ทางจังหวัดสั่งเฝ้าระวังน้ำในลำน้ำชี เพราะวันแม่น้ำชีเริ่มล้นตลิ่งแล้วและมาถึงอำเภอเมืองขอนแก่น ส่วนน้ำที่เขื่อนอุบลรัตน์ระดับน้ำเกิน 100% ของความจุอ่าง จึงมีการระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง และที่อำเภอชนบท น้ำได้ไหลเข้าท่วมที่บ้านท่าม่วง ต.ศรีบุญ เรือง 3 หมู่บ้าน มี ม.1-2-3 มีราษฎรประมาณ 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน บ้านท่าข่อย ต.ชนบท 2 หมู่บ้าน 200 ครัวเรือน บ้านหนองหวาย ต.ศรีบุญเรือง 1 หมู่บ้าน 50 ครัวเรือน บ้านวังเวิน ต.ศรีบุญเรือง 100 ครัวเรือน บ้านกุดหล่ม ต.ศรีบุญเรือง 100 ครัวเรือน ทำให้พื้นที่การเกษตรมีนาข้าว ไร่อ้อย ข้าวโพด ได้รับความเสียหายจำนวนมาก

    น้ำจากโคราชมาถึงจ.บุรีรัมย์

    ที่ จ.บุรีรัมย์ นายโสภณ ชารัมย์ รมว.คมนาคม เดินทางมาตรวจสถานการณ์น้ำท่วมบริเวณสะพานข้ามลำมาศ ต.หนองคู อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พบว่าน้ำจาก จ.นครราชสีมา ยังคงไหลมาสมทบและเข้าท่วม อ.ลำปลายมาศขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะบริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 226 บริเวณสะพานข้ามลำน้ำมาศระหว่าง ต.หนองคู อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ กับ อ.ห้วยแถลง จ.นคราชสีมา ที่ถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ พร้อมกับสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับ ความเดือดร้อนในขณะนี้ โดยเฉพาะถนนสายหลัก สายรองระหว่างหมู่บ้าน ตำบล ที่ได้รับความเสียหาย ให้กรมทางหลวงชนบท แขวงการทาง เร่งสำรวจความเสียหายและช่วยเหลือโดยเร่งด่วน

    คนปทุมฯเร่งทำคันกั้นน้ำ

    สำหรับ สถานการณ์น้ำท่วมของชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในจ.ปทุมธานี พื้นที่ ถนนปทุม-เชียงราก ต.บ้านปทุม, ต.บ้านงิ้ว, ต.เชียงรากน้อย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เย็นวันนี้ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เร่งทำกระสอบทรายกั้นริมถนนกั้นน้ำจากแม่ น้ำเจ้าพระยา ที่ล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน วัด และโรงเรียน อีกทั้งขณะนี้ปริมาณน้ำมากจนล้นข้ามถนน ชาวบ้านต้องเร่งช่วยกันกั้นคันกระสอบทรายป้องกันน้ำไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่ ชั้นใน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีบ้านเรือนประชาชน หมู่บ้าน และเป็นย่านนิคมอุตสาห กรรมที่สำคัญ เจ้าหน้าที่จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นำรถแบ็กโฮ ตักดินเพื่อกั้นเป็นแนวกั้นเพิ่มอีกชั้น และนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำออกจากบ้านเรือนและวัดลงคลองเล็ก เพื่อป้องกันน้ำ ส่วนด้านการจราจรในเส้นทางดังกล่าวซึ่งเป็นทางสวนเป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากมีน้ำเข้าท่วมล้นถนนแล้ว จึงมีการประชาสัมพันธ์ให้หลีกเลี่ยงกันใช้เส้นทางถนนปทุม-เชียงราก และใช้เส้นทางถนน 347 ปทุมฯ-ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เพื่อความสะดวกในการสัญจร

    สั่งระวัง 24-27 ต.ค.น้ำทะเลหนุน

    นาย ประณต วรรณรักษ์ ผอ.โครงการชลประทานจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ปริมาณน้ำเพิ่มกว่าเดิม เนื่องจากมีการระบายน้ำจากบางไทร ลงแม่น้ำเจ้าพระยาในวันนี้ ความเร็วการระบายน้ำอยู่ที่กว่า 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำสูงกว่าระดับน้ำทะเลปกติอยู่ที่ 2.6 เมตร ซึ่งทำให้น้ำเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่พักอาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มากกว่าเมื่อวานนี้ เนื่องจากวันนี้ มีการระบายเพิ่มขึ้น ประกอบกับเมื่อคืนที่ผ่านมา อิทธิพลของน้ำทะเลหนุน ประมาณ 24 ซ.ม. เป็นช่วงจังหวะที่ทำให้พื้นที่ จ.ปทุมธานีประสบเหตุพอดี และคาดว่าในวันที่ 24-27 ต.ค.นี้ จะเกิดอิทธิพลน้ำทะเลหนุนอีก ชาวบ้านในพื้นที่ อ.เมืองและอ.สามโคกต้องรับมือกับปริมาณน้ำที่เข้าท่วมด้วยการตรวจสอบระดับ น้ำในแนวกั้นกระสอบหากเพิ่มระดับขึ้นให้กั้นเพิ่มเพื่อป้องกันน้ำเข้าท่วม

    อพยพเด็ก-คนชราไปที่สูง

    นาย ชาญ พวงเพ็ชร์ นายกอบจ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า ได้เร่งนำทรายและกระสอบทรายมาให้กับประชาชน แล้วได้นำรถแบ็กโฮตักดินขึ้นมากั้นน้ำที่กำลังจะเอ่อข้ามถนนในพื้นที่ ซึ่งจะข้ามเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่อีกฝั่งของถนน ชาวบ้านหลายคนต่างพากันหวั่นวิตกเนื่องจากทราบว่าในค่ำคืนนี้ระดับน้ำจะสูง เพิ่มขึ้นอีก จึงมีการเฝ้าระวังน้ำท่วมและมีการขนย้ายข้าวของ คนชรา และเด็ก ให้ไปอยู่บ้านญาติที่ไม่เกิดน้ำท่วม เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น หากน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นมากกว่าแต่ไม่เกิน 1 เมตร ทาง อบจ. คิดว่ายังรับมือไหว แต่หากขึ้นมากกว่าที่ตั้งไว้ อาจจะเอาไม่อยู่

    ชัยนาทต้องออกมานอนริมถนน

    ที่ จ.ชัยนาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจำลอง โพธิ์สุข ผู้ว่าฯ ชัยนาท ลงเรือออกตรวจพื้นที่น้ำท่วมพื้นที่อำเภอสรรพยา มอบถุงยังชีพผู้ประสบภัย 2,000 ชุด ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำ 3,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ข้อมูล ณ เวลา 18.00 น.) ทำให้พื้นที่น้ำท่วมขยายวงกว้าง โดยที่อำเภอสรรพยาถูกน้ำท่วม 7 ตำบล บ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ 5,913 หลังคาเรือน มีผู้อพยพขึ้นมาอาศัยริมถนนสายคันคลองมหาราช และสายชัยนาท-สิงห์บุรี ซึ่งทางจังหวัดให้ความช่วยเหลือผู้อพยพอยู่ริมถนนอย่างเร่งด่วนแล้ว

    กทม.เร่งเปิดประตูระบายน้ำ

    เมื่อ เวลา 15.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เรียกผู้อำนวยการเขต 13 เขต ริมแม่น้ำเจ้าพระยามาประชุมหารือ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีสำนักการระบายน้ำ (สนน.) รายงานสรุปสถานการณ์ว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา สนน. ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเสริมความสูงของแนวกระสอบทรายขึ้นอีก 30 เซนติเมตร จากเดิมที่สูง 2.5 เมตร ในจุดที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำจำนวน 10 กว่าจุดแล้ว เช่น ชุมชนริมแม่น้ำ เขตบาง กอกน้อย บางพลัด และดุสิต เป็นต้น ทั้งนี้ หลังจากที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มมีระดับที่สูงขึ้น กทม.ได้ดำเนินการปิดประตูระบายน้ำที่มีอยู่ทั้งหมด จำนวน 214 ประตู เพื่อป้องกันน้ำเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน และให้สถานีสูบน้ำที่มีอยู่ 157 แห่ง สูบน้ำออกเจ้าพระยาทั้งหมด ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำเหนือก้อนใหญ่จะไหลลงมาถึง กทม.ในอีก 1-2 วันข้างหน้านั้น เชื่อว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาน่าจะอยู่ที่ระดับ 2 เมตรเศษ ซึ่งจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่แนวคันกั้นน้ำของ กทม.รับได้ แต่ที่จะได้รับผลกระทบ คือชุมชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำจะอยู่ที่ระดับแนวกั้นน้ำ

    เปิดประตูน้ำช่วยจ.ปทุมฯ ไม่ได้

    ส่วน กรณีที่นายกเทศมนตรี ต.ธัญบุรี จ.ปทุม ธานี ร้องขอให้ กทม.เปิดประตูระบายน้ำ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านใน จ.ปทุมธานี เพราะน้ำจากเหนือจะลงมาเพิ่มอีกนั้น กทม.ยืนยันว่า โดยสภาพของพื้นที่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากพื้นที่ของ กทม.ต่ำกว่า จ.ปทุมธานี มีลักษณะคล้ายแอ่งกระทะ ขณะที่จ.ปทุมธานีเหมือนอยู่ขอบกระทะ หากกทม.เปิดประตูระบายน้ำเมื่อใด น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาจะล้นทะลักเข้ามาถึงกรุง เทพฯ ชั้นในตามแนวคลองแสนแสบ คลองบางซื่อ ซึ่งจะทำให้ถนนหลายสาย เช่น สุขุมวิท เพชรบุรี พหลโยธิน และลาดพร้าว อยู่ในสภาพจมน้ำทันที

    สรุปยอดตายแล้ว 33 ราย

    เวลา 17.00 น. สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์น้ำท่วมทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 10-23 ต.ค. รวมทั้งสิ้น 33 ราย

     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    กรมทางหลวงประกาศเส้นทางน้ำท่วม


    ชี้ประชาชนที่ต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง-ต้องการความช่วยเหลือ ได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 และตำรวจทางหลวง 1193
    วันนี้ (24 ต.ค.) รายงานข่าวจากสำนักงานประชาสัมพันธ์ กรมทางหลวง แจ้งว่า ตามที่มีวิกฤตการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศนั้น ในขณะนี้ มีเส้นทางที่ระดับน้ำสูง และบางสาย ทางมีสภาพชำรุดจนการจราจรผ่านไม่ได้ ดังนี้

    จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 3 สายทาง

    1.ทางหลวงหมายเลข 1 "ทางน้ำ (ม่วงหัก)-สี่แยกเดชาติวงศ์ ท้องที่อำเภอเมือง น้ำท่วมจุด U-TURN สะพานเดชาติวงศ์ สูง 170 ซม. ที่ กม.339+776 ให้ใช้จุด U-TURN ที่กำหนดให้แทน "นครสวรรค์-เก้าเลี้ยว ท้องที่อำเภอบรรพตพิสัย น้ำท่วมสูง 50 ที่ กม. 7-10 ให้ใช้ทางหลวงชนบทสายกระทุมโทน-บางแก้ว-ตาขีด แทน"

    2.ทางหลวงหมายเลข 122 "ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ด้านตะวันตก ท้องที่อำเภอเมือง น้ำท่วมจุด U-TURN สะพานด้านเหนือ สูง 180 ซม. ที่ กม.8-9 ให้ใช้จุด U-TURN ที่กำหนดให้แทน"

    3.ทางหลวงหมายเลข 1072 "หนองเบน-ลาดยาว-วังซ่าน ท้องที่อำเภอลาดยาว น้ำท่วมสูง 40 ซม. ที่ กม.12-29 เป็นแห่ง ๆ ให้ใช้ทางหลวงชนบท นว1001 หนองสังข์-ลาดยาว"

    จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 3 สายทาง

    1.ทางหลวงหมายเลข 32 "บางปะอิน-นครหลวง ท้องที่อำเภอปางปะอิน และอุทัยธานี น้ำท่วมจุด U-TURN ใต้สะพาน จำนวน 5 แห่ง สูง 20-40 ซม. ที่ กม.4-20

    2.ทางหลวงหมายเลข 3236 "อยุธยา-เสนา-บ้านสาลี ท้องที่อำเภอบางบาล น้ำท่วมจุด U-TURN ใต้สะพานสีกุก สูง 130 ซม. ที่ กม.10-11"

    3.ทางหลวงหมายเลข 3467 "สามเรือน-กลางวังแดง ท้องที่อำเภอนครหลวง น้ำท่วมสูง 80 ซม. ที่ กม.0-5 ให้ใช้เส้นทางสาย 329 ตอนนครหลวง-บางปะหัน แทน" "นครหลวง-ท่าเรือ ท้องที่อำเภอท่าเรือ น้ำท่วมสูง 90 ซม. ที่ กม.14-17 ให้ใช้เส้นทางสาย 329 ตอนนครหลวง-บางปะอิน แทน"

    จังหวัดลพบุรี จำนวน 7 สายทาง

    1.ทางหลวงหมายเลข 205 "ม่วงค่อม-ลำนารายณ์ ท้องที่อำเภอชัยบาดาล น้ำท่วมสูง 100 ซม. ที่ กม.226-240 เป็นแห่ง ๆ ให้ใช้สาย 21 ม่วงค่อม-บึงสามพัน แทน

    2. ทางหลวงหมายเลข 311 "ทางเลี่ยงเมืองลพบุรี ท้องที่อำเภอเมือง น้ำท่วมสูง 70 ซม. ที่ กม.9-10 ให้ใช้ทางเขตเทศบาลแทน

    3.ทางหลวงหมายเลข 3016 "ป่าตาล-ป่าหวาย ท้องที่อำเภอเมือง น้ำท่วมสูง 50-90 ซม. ที่ กม.0-5 เป็นแห่ง ๆ ให้ใช้สาย 3196 ทางเลียบคลองชลประทานแทน

    4.ทางหลวงหมายเลข 3019 "เขาพระงาม-โคกกระเทียม ท้องที่อำเภอเมือง น้ำท่วมสูง 50 ซม. ที่ กม.1-2 ให้ใช้สาย 3196 ตอนบ้านหมี่-ลพบุรี แทน"

    5.ทางหลวงหมายเลข 3024 "บ้านหมี่-เขาช่องลม ท้องที่อำเภอบ้านหมี่ น้ำท่วมสูง 100 ซม. ที่ กม.6-13 ให้ใช้สาย 3326 บ้านหมี่-หนองม่วง แทน"

    6.ทางหลวงหมายเลข 205 "โคกสำโรง-ลำนารายณ์ ท้องที่อำเภอชัยบาลดาล น้ำท่วมสูง 90 ซม. ที่ กม.226-242 เป็นแห่ง ๆ ให้ใช้สาย 2089 ตอนน้ำสุด-ลำนารายณ์ แทน

    7.ทางหลวงหมายเลข 2256 "ท่าหลวง-ชัยบาดาล ท้องที่อำเภอชัยบาดาล น้ำท่วมสูง 65 ซม. ที่ กม.0-2 ให้ใช้สาย 21 ชัยบาดาล-บึงสามพัน แทน"

    จังหวัดสระบุรี จำนวน 1 สายทาง

    1.ทางหลวงหมายเลข 3034 "หน้าพระลาน-บ้านครัว ท้องที่อำเภอบ้านหมอ น้ำท่วมสูง 30-50 ซม ที่ กม.13-16ให้ใช้ สาย 3022 ตอนบ้านหมอ-ท่าเรือ แทน"

    จังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 1 สายทาง

    1.ทางหลวงหมายเลข 3502 "สระบัวก่ำ-ดอนไร่ ท้องที่อำเภอหนองหญ้าไซ น้ำท่วมสูง 20 ซม. ที่ กม.17-19 ให้ใช้เส้นทางสาย 4322 ตอน หนองหญ้าไซ้-ด่านช้าง แทน (น้ำไหลเชี่ยว เนื่องจากเขื่อนระบายน้ำออก)"

    จังหวัดอุทัยธานี จำนวน 3 สายทาง

    1.ทางหลวงหมายเลข 3220 "อุทัยธานี-โกรกพระ ท้องที่อำเภอเมือง น้ำท่วมสูง 20 ซม. ที่ กม.8-10 ให้ใช้สาย 32 เอเชีย ตอน นครสวรรค์-อุทัยธานี แทน "

    2.ทางหลวงหมายเลข 3319 "เขาน้อย-ดอนหวาย ท้องที่อำเภอทัพทัน น้ำท่วมสูง 100 ซม. ที่ กม.17-18 ให้ใช้ สาย 3221 ตอนอุทัยธานี-ทัพทัน แทน"

    3.ทางหลวงหมายเลข 3456 "หนองกระดี่-บ้านเขาดาวเรือง ท้องที่อำเภอทัพทัน น้ำท่วมสูง 20-60 ซม.ที่ กม.3-6ให้ใช้ทางสาย 3221 ตอนทัพทัน-อุทัยธานี"

    จังหวัดสุโขทัย จำนวน 1 สายทาง

    1.ทางหลวงหมายเลข 1293 สุโขทัย-บ้านใหม่ ท้องที่อำเภอเมือง น้ำท่วมสูง 20 ซม. ที่ กม.7-8

    จังหวัดลำพูน จำนวน 1 สายทาง

    1.ทางหลวงหมายเลข 106 "บ้านปาง-บ้านแพะ ท้องที่อำเภอบ้านโฮ่ง น้ำท่วมสูง 60 ซม. ที่ กม.112-114 ให้ใช้ทางเบี่ยงเข้าบ้านโฮ่งหลวง แทน"

    จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 4 สายทาง

    1.ทางหลวงหมายเลข 206 "ทางเลี่ยงเมืองพิมาย (ตลาดแค-พิมาย) ท้องที่อำเภอพิมาย น้ำท่วมสูง 60-100 ซม. ที่ กม.0-10 เป็นแห่ง ๆ ให้ใช้สาย 206 ตอนพิมาย-ห้วยแถลง แทน "

    2.ทางหลวง 224 "โชคชัย-ครบุรี ท้องที่อำเภอโชคชัย น้ำท่วมสูง 40 ซม. ที่ กม.1-2 เป็นแห่ง ๆ ให้ใช้ทางสาย 2421 ถนนเลียบคลองชลประทาน แทน ครบุรี-เสิงสาง ท้องที่อำเภอครบุรี น้ำกัดเซาะทางขาด ที่ กม.16-17 เป็นแห่ง ๆ ให้ใช้สาย 2317 ตอนหนองกี่-โชคชัย แทน"

    3.ทางหลวงหมายเลข 226 "นครราชสีมา-อ.เฉลิมพระเกียรติ ท้องที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ น้ำท่วมสูง 30-40 ซม. ที่ กม.15-18 ผ่านได้เฉพาะรถใหญ่ รถเล็กให้ใช้ทางสาย 2298 ห้วยลับ-ด่านเกวียน แทน"

    4.ทางหลวงหมายเลข 2421 "เขื่อนลำพระเพลิง-โชคชัย ท้องที่อำเภอโชคชัย น้ำท่วมสูง 10-40 ซม. ที่ กม.44-46 เป็นแห่ง ๆ ให้ใช้สาย 24 ปักธงชัย-โชคชัย แทน"

    จังหวัดบุรีรัมย์ 1 สายทาง

    1.ทางหลวงหมายเลข 226 "หนองคู-ลำปลายมาศ ท้องที่อำเภอลำปลายมาศ น้ำท่วมสูง 45 ซม. ที่ กม.87-88 ให้ใช้สาย 2208 ประโคนชัย-กระสัง แทน"

    จังหวัดขอนแก่น จำนวน 1 สายทาง

    1.ทางหลวงหมายเลข 2038 "กุดฉิม-หนองบัวลำภู ท้องที่อำเภอหนองเรือ น้ำท่วมสูง 40 ซม. ที่ กม.3-5 ให้ใช้สาย 2133 ศรีบุญเรือง-ภูเวียง แทน"

    กรมทางหลวงจึงขอประกาศให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางทราบโดยทั่วกัน สำหรับประชาชนที่ต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง หรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 และตำรวจทางหลวง 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง

    และสำนักงานประชาสัมพันธ์ 0 2354 6530, 0 2354 6668-76 ต่อ 2014, 2031 ศูนย์บริหารงานอุบัติภัย สำนักบริหารบำรุงทาง 0 2354 6551 ในวัน-เวลาราชการ.



    http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=100083



     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วิธีเรียกกำลังใจ


    คนส่วนใหญ่สนใจแต่ความมั่นคงทางการเงิน ความมั่นคงทางธุรกิจ ความมั่นคงทางอำนาจ ความมั่นคงทางครอบครัว แต่หารู้ไม่ว่า “ความมั่นคงทางใจ” นั้น สำคัญยิ่งกว่า
    โดย...ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย
    ใจ เป็นผู้กำหนดความเป็นไปในชีวิต
    เหมือนพระพุทธวัจนะที่ว่า
    “ใจเป็นใหญ่
    ใจเป็นนาย
    ใจเป็นผู้รังสรรค์
    หากใจดี
    ไม่ว่าพูดหรือทำ
    สุขย่อมตามติดตัว
    ประหนึ่งเงาตามตน”

    ในทางกลับกัน หากใจไม่ดี ทุกอย่างก็พลอยไม่ดีตามไปด้วย เหมือนที่พระพุทธองค์ตรัสว่า
    “ใจเป็นใหญ่
    ใจเป็นนาย
    ใจเป็นผู้รังสรรค์
    หากใจเสีย
    ไม่ว่าพูดหรือทำ
    ทุกข์ย่อมตามติดตน
    ประหนึ่งล้อเกวียนหมุนวนตามรอยเท้าโค”




    วิธีที่จะทำให้ใจดีมีสองอย่าง อย่างหนึ่งก็คือ ฝึกใจให้มีคุณภาพดีอยู่เสมอ ด้วยการเจริญสมาธิภาวนา จนใจมีความมั่นคง (สมาหิโต) นุ่มนวลควรแก่งานทางปัญญา (กัมมนีโย) และบริสุทธิ์ผ่องใสไร้มลทิน (ปริสุทโธ) ซึ่งหากใจของใครมีคุณสมบัติดังกล่าวมานี้ ก็นับว่าเป็นผู้มีความมั่นคงทางใจอย่างยิ่ง
    คนส่วนใหญ่สนใจแต่ความมั่นคงทางการเงิน ความมั่นคงทางธุรกิจ ความมั่นคงทางอำนาจ ความมั่นคงทางครอบครัว แต่หารู้ไม่ว่า “ความมั่นคงทางใจ” นั้น สำคัญเสียยิ่งกว่าความมั่นคงทุกอย่าง เพราะด้วยใจที่มั่นคง ก็จะทำให้ความมั่นคงด้านอื่นๆ ตามมา แต่เมื่อใจไม่มั่นคงเสียแล้ว ไปอยู่ใกล้ทรัพย์ ก็ตกเป็นทาสของทรัพย์ ไปอยู่ใกล้อำนาจ ก็ตกเป็นทาสของอำนาจ มีครอบครัว ก็ทำให้ครอบครัวแตกสลาย
    ความมั่นคงทางใจ จึงเป็นรากฐานของความมั่นคงทุกอย่าง
    วิธีที่จะทำใจให้ดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ การมองโลกในแง่ดี
    การมองโลกในแง่ดี มีหลักการอยู่ 2 ขั้นตอน
    ขั้นตอนที่หนึ่งก็คือ การมองโลกตามความเป็นจริง หมายถึงมองให้รู้ว่า ปัญหาที่แท้ของสิ่งที่ตนกำลังเผชิญอยู่คืออะไร จากนั้นจึงมองต่อไปว่า จากสภาพปัญหาที่เป็นอยู่นี้ เราจะหาวิธี “ได้ประโยชน์” จากปัญหานี้ได้อย่างไร
    เช่น พ่อแม่ที่มีลูกเกเร สอนอย่างไรก็ไม่ฟัง พ่อแม่เลยมองโลกในแง่ร้าย ว่าลูกคนนี้ เป็นเจ้ากรรมนายเวรกับตน ด้วยท่าทีเช่นนี้ ทำให้พ่อแม่พลอย
    เกลียดลูก คิดไปว่า ลูกเกิดมาเพื่อเบียดเบียนชีวิตตนเอง แต่หากมองโลกในแง่ดี ด้วยการตระหนักรู้ว่า ลูกของตนเป็นคนเกเรจริงๆ แต่ว่าการที่มีลูกเกเรนี้แหละ เป็นโอกาสดีที่พ่อแม่จะได้ฝึกทักษะในการเลี้ยงลูกให้เป็นมืออาชีพยิ่งกว่า พ่อแม่ทั่วไปเสียอีก
    เมื่อมีทัศนะอย่างนี้ จึงตั้งใจเลี้ยงลูกอย่างไม่ย่อท้อ และมีกำลังใจในการทำหน้าที่ของตนต่อไปอย่างถึงที่สุด
    การมองโลกในแง่ดี มีผลดีถึงเพียงนี้ จึงเป็นสิ่งที่ควรฝึกฝนให้มีอยู่เสมอ
    ทั้งการฝึกใจด้วยสมาธิภาวนา และการมองโลกในแง่ดี เป็นรากฐานของการเผชิญปัญหาชีวิตที่สำคัญยิ่งทั้งคู่ ถ้าใครฝึกใจด้วยสองวิธีนี้จนจัดเจน ก็เป็นอันว่า มีเครื่องคุ้มภัยในการเผชิญชีวิตอย่างยอดเยี่ยม
    ................................................

    หญิงคนหนึ่ง พกรูปสามีไว้ในกระเป๋าสตางค์อยู่เสมอ เวลามีปัญหาวิกฤตในชีวิตคราวใด เธอมักหยิบรูปสามีใบเล็กๆ ขึ้นมาดูทุกครั้ง
    เพื่อนๆ ของเธอเห็นอากัปกิริยาเช่นนั้น จึงป้องปากกระซิบกระซาบกันว่า เธอคงรักสามีมาก จึงพกรูปสามีไว้ไม่ห่าง
    เมื่อมีโอกาสเธอจึงบอกเพื่อนๆ ว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่เพื่อนๆ คิดเลย เธอไม่ได้รักสามีมาก จนต้องดูรูปเขาทุกครั้งเพื่อเรียกกำลังใจในยามวิกฤต แต่ที่เธอดูรูปเขาบ่อยๆ ไม่ได้เกี่ยวกับความรักสักนิดหนึ่ง แท้ที่จริงนั้น เธอดูรูปสามีบ่อยๆ เพราะคิดว่า
    “สามีคนนี้เลวทรามขนาดไหน เรายังทนอยู่กับเขามาได้ ในโลกนี้...ยังมีปัญหาอะไรอีกบ้างที่เราทนไม่ได้”

    วิธีเรียกกำลังใจ


    .



    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...