พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  2. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จับหนุ่มไต้หวันปลอมบัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าคาห้างดัง!
    Crime - Manager Online

    </TD><TD vAlign=baseline align=right width=85>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ทีมข่าวอาชญากรรม</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 มกราคม 2553 16:22 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผบช.ก. แถลงผลการจับนายลี เวน หมิง (Lee Wen Ming) อายุ 33 ปี สัญชาติไต้หวัน พร้อมของกลาง บัตรเครดิตปลอมจำนวน 17 ใบ เครื่องบันทึกข้อมูลลงแถบแม่เหล็ก (SKIMMER)1 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 2 เครื่อง หนังสือเดินทางประเทศฮ่องกง 1 เล่ม โดยจับกุมได้ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2553 </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ตร.ท่องเที่ยวรวบหนุ่มไต้หวัน พร้อมของกลางบัตรเครดิตปลอม 17 ใบ และเครื่องบันทึกข้อมูล ขณะผู้ต้องหาเข้าซื้อโน้ตบุ๊กในห้างสยามพารากอนด้วยท่าทางมีพิรุธ จึงเข้าตรวจค้นพบของกลางดังกล่าว ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ อ้างเพื่อนชาวไต้หวันให้บัตรมาตระเวนรูดซื้อสินค้า ตร.คาดผู้ต้องหาน่าเป็นเครือข่ายเดียวกับ 2 ผู้ต้องชาวมาเลย์ที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้

    วันนี้ (18 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผบก.ทท.พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง ผกก.1. บก.ทท. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายลี เวน หมิง (Lee Wen Ming) อายุ 33 ปี สัญชาติไต้หวัน พร้อมของกลาง บัตรเครดิตปลอมจำนวน 17 ใบ เครื่องบันทึกข้อมูลลงแถบแม่เหล็ก (SKIMMER)1 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 2 เครื่อง หนังสือเดินทางประเทศฮ่องกง 1 เล่ม โดยจับกุมได้ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2553

    พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจา เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ธนิต ไทยวัชรามาศ พ.ต.ท.พันธนะ นุชนารถ รองผกก.1 บก.ทท.พบชายต้องสงสัยชาวต่างชาติ อยู่ภายในร้านโซนี่ไทย ศูนย์การค้าสยามพารากอน จึงได้สังเกตพฤติการณ์พบว่า นายลี เวน หมิง ซื้อคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยี่ห้อโซนี่ เป็นเงิน 79,900 บาท โดยชำระเงินด้วยบัตรเครดิตและเดินออกจากร้านด้วยท่าทางรีบร้อน จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อขอตรวจสอบ พบบัตรอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 17 ใบ ใบบันทึกรายการขายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยี่ห้อโซนี่ หนังสือเดินทางประเทศฮ่องกง จากการตรวจสอบกับร้านค้าและประสานงานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ พบว่าบัตรเครดิตทั้ง 17 ใบเป็นของปลอม และหนังสือเดินทางเข้ามาในประเทศไทยที่นำมาแสดงซื้อสินค้าเป็นของปลอม

    พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนขยายผลทราบว่า นายลี เวน หมิง เพิ่งเดินทางเข้าประเทศไทย และพักอยู่ย่านรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่จึงได้พานายลี เวน หมิง ไปนำสัมภาระจากที่พักมาทำการตรวจสอบ พบเครื่องอ่านและบันทึกข้อมูลในแถบแม่เหล็ก หรือเครื่องสกิมเมอร์ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ที่มีโปรแกรมที่ใช้กับเครื่องอ่านและบันทึกข้อมูลแถบแม่เหล็ก รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ก่อคดีอีกจำนวนหนึ่ง สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้รับบัตรเครดิตและหนังสือเดินทางปลอมมาจากเพื่อนชาวไต้หวันชื่ออาเฉิน จากนั้นได้ตระเวนซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง เช่น ห้างดิเอ็มโพเรียม เซ็นทรัลลาดพร้าว ก่อนจะถูกจับกุมได้ในที่สุด

    “จากการตรวจสอบใบบันทึกรายการบัตรปรากฏความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 300,000 บาท คาดว่าผู้ต้องหารายนี้น่าจะมีความเชื่อมโยงกับ 2 ผู้ต้องหาชาวมาเลเซียที่จับกุมได้เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยจับกุมได้ก่อนหน้านี้ในลักษณะเป็นขบวนการตระเวนลักข้อมูลบัตรเครดิตจากเหยื่อในต่างประเทศ ก่อนจะนำมาซื้อสินค้าในประเทศไทย” รอง ผบช.ก.กล่าว

    เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามีเครื่องมือหรือวัตถุประสงค์สำหรับปลอมแปลงบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ใช้หรือมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์โดยรู้ว่าเป็นของปลอม และมีไว้ซึ่งหนังสือเดินทางปลอม ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>5 ประโยชน์ต้องมี..ในการเลือกชนิดกีฬาออกกำลังกาย เพื่อความฟิต พิชิตโรค
    Celeb Online - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 มกราคม 2553 09:42 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> คำถาม: ดิฉันบ้าเล่นโยคะมาก ซื้อคอร์สต่อเนื่องมาเป็นปีแล้วค่ะ เพราะตั้งแต่เล่นมา ปัญหาปวดเมื่อยหายไป และชอบที่ได้หายใจเข้าออกลึกๆ เหมือนได้ฝึกสมาธิ เลยกลายเป็นคนชอบออกกำลังกาย ตอนนี้รู้สึกพลังเหลือเฟือมาก อยากเล่นกีฬาชนิดอื่นเพิ่มอีก ไม่ทราบว่าควรเล่นอะไรดีคะที่เหมาะกับคนวัย 30 กว่า


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=270 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=270>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ต่อคำถามนี้ ต้องเป็น พญ.ปิยะนุช รักพาณิชย์ หัวหน้าศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจและเพอร์เฟคฮาร์ท ฟิตเนสเซ็นเตอร์ สถาบันหัวใจเพอร์เฟคฮาร์ทโรงพยาบาลปิยะเวท เป็นผู้มาอธิบายถึงการออกกำลังกายอย่างถูกต้อง พร้อมแนะนำกีฬาสำหรับผู้ที่กำลังย่างเข้าสู่วัยกลางคนค่ะ

    คำตอบ: “ต้องเลือกออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัย และร่างกายของตัวเราเอง ไม่ใช่ทุกคนวิ่งได้หมด หรือตอนนี้ฮิตโยคะ (Yoga) ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเล่นได้ หรือทุกคนรู้ว่าออกกำลังกายวันละ 30 นาทีดีต่อร่างกาย ช่วงหนึ่งเน้นออกแคมเปญให้คนออกมาเต้นแอโรบิก (Aerobic) โอเค การมีกิจกรรมเป็นสิ่งดี ได้เผาผลาญ ได้ลดน้ำหนัก แต่มันขาด 1 ใน 4 ของการออกกำลังกายในชีวิตประจำวันตามตะวันตก แต่หมอขอเพิ่มอีก 1 ตามตะวันออกเข้าไปด้วย

    ทางตะวันตกแบ่งประเภทการออกกำลังกายเพื่อให้ได้ประโยชน์หลักๆ 4 ข้อคือ

    1) การออกกำลังแบบแอโรบิก อะไรที่มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ อย่างต่อเนื่องชั่วระยะเวลาหนึ่ง เป็นต้นว่า เต้นแอโรบิก เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน กีฬาเหล่านี้จะใช้ออกซิเจนเป็นพลังหลักในการออกกำลังกาย จึงมีผลดีกับระบบหัวใจและปอด

    จากการศึกษาพบว่า การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง 10 นาทีและทำวันละ 3 รอบ จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพไม่แพ้ต่อเนื่องรวดเดียว 30 นาที

    2) การออกกำลังแบบมีแรงต้าน (Resistance) เห็นชัดคือ การยกน้ำหนัก รวมทั้งท่าออกกำลังบางอย่างถึงไม่มีตุ้มน้ำหนักหรือดัมเบลก็ใช่ เช่น การทำท่าซิทอัพ เพราะมีตัวของเราเป็นแรงต้านแรงโน้มถ่วงของโลกเวลาเรายกตัวขึ้น เรียกอีกอย่างว่า การออกกำลังแบบ Strengthening

    เมื่อก่อนเราเข้าใจว่ามีประโยชน์ต่อการสร้างความแข็งแรงของเซลล์กล้ามเนื้อ แต่เดี๋ยวนี้มีการศึกษาค้นพบว่า ถ้าคนที่เป็นโรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง ออกกำลังกายแบบนี้จะเพิ่มไขมันที่ดีให้กับร่างกายด้วย ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน แค่ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็พอ

    3) การออกกำลังกายแบบยืดคลายกล้ามเนื้อ (Flexibility) ก็โยคะนั่นแหล่ะ ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดี ทำให้กล้ามเนื้อข้อต่อและเนื้อเยื่อรอบข้อมีการเคลื่อนไหวอย่างถูกต้อง เสริมสร้างความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ช่วยป้องกันการปวดต่างๆ ที่มักเกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น

    แต่คนที่เริ่มฝึกโยคะ โดยเฉพาะคนที่อายุมาก ควรได้รับการสอนตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจากอย่างถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ ไม่เช่นนั้นโอกาสเกิดการบาดเจ็บจะสูงมาก

    4)การออกกำลังกายเพื่อฝึกการทรงตัว (Balance) โยคะก็ใช่ รำมวยจีน ไท้เก็ก ไทชิ ใช่หมด หมอขอเน้นสำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงคนวัย 30 ขึ้นไปด้วย สังเกต ใส่ส้นสูง เดี๋ยวพลิกข้อเท้าแพลง เดินแล้วพื้นไม่เท่ากัน การทรงตัวเสีย การรับความรู้สึกของข้อเท้ามันไม่ได้ สะดุดโน้นนี่นั่นนู้น คนเรายิ่งอายุมากขึ้นการทรงตัวจะเสื่อมเองโดยธรรมชาติ

    ดังนั้น การฝึกสร้างความสมดุลในการทรงตัวจะช่วยลดปัญหาการหกล้มเมื่อสูงวัยได้เป็นอย่างดี หรือขณะที่ยังวัยกลางคนจะเดินมั่นคงขึ้น ไม่ข้อเท้าพลิกง่ายๆ


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หมอขอเพิ่มข้อ 5 ซึ่งสำคัญมาก

    5) ออกกำลังกายแบบประสานลมหายใจ (Breathing) ได้แก่ ชนิดกีฬาที่เน้นการเคลื่อนไหวของร่างกายให้สัมพันธ์กับการหายใจ หมอถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ควรจะฝึกประกอบไปด้วย ไม่ใช่เอาแต่วิ่งหรือยกน้ำหนัก ปกติคนเราหายใจตื้นมาก เรียกว่าใช้ศักยภาพของปอดที่มีอยู่ไม่เต็มที่เหมาะสม แต่ถ้าเราฝึกหายใจให้ถูกต้องจะทำให้ร่างกายได้ประโยชน์รับออกซิเจนได้มากขึ้น

    การออกกำลังกายแบบตะวันออกทั้งหลายที่มีการเคลื่อนไหวช้าๆ อย่าง โยคะ ไท้เก็ก ไทชิ รำมวยจีน รวมทั้งแบบตะวันตก พิลาทีส (Pilatese) จะเน้นประสานระหว่างร่างกายและการหายใจ ผลพลอยได้อีกอย่างคือ ทำให้จิตใจจดจ่อก่อให้เกิดสมาธิ

    ถามว่ากีฬาชนิดไหนจะให้ครบประโยชน์ทั้งห้า ..ไม่มีหรอกค่ะ หมอแนะให้ออกกำลังกายแบบผสมผสาน ไม่สนับสนุนให้ออกกำลังกายอย่างใดอย่างหนึ่งไปตลอดด้วย สมมติวิ่งอย่างเดียว เดี๋ยวก็มีเรื่องปวดตามมา ฉะนั้นต้องผสมหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน

    ทีนี้ในการออกกำลังกายต้องมีพื้นฐานอันหนึ่ง ในภาษาอังกฤษคือ เรื่อง Core Muscle หมอใช้คำว่า กล้ามเนื้อช่วงลำตัว ที่เห็นก็มี พิลาทีส ที่เน้นเรื่องกล้ามเนื้อช่วงลำตัวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อลำตัวด้านข้าง และเน้นการวางท่าทาง (Posture) ในชีวิตประจำวัน ทำให้ช่วยลดและป้องกันอาการบาดเจ็บจากการปวดหลัง ปวดเข่า ปวดคอ ได้ค่อนข้างเยอะ

    แต่ไม่ได้หมายความว่า พิลาทีสจะดีกว่าวิ่ง ดีกว่าโยคะนะคะ อย่างที่หมอบอกต้องเล่นกีฬาแบบผสมผสานค่ะ

    หมอไม่ได้บังคับให้ออกกำลังกายทุกวันนะคะ เพราะเข้าใจว่ามันยากมาก ตัวหมอเองก็ไม่ได้ออกกำลังกายทุกวันนะ ออกจริงๆ จังๆ เป็นเรื่องเป็นราว อาทิตย์ละหนึ่งวันเอง และแค่ชั่วโมงเดียวด้วย แต่หมอจะพยายามออกกำลังกายเท่าที่หมอจะทำได้ในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น การออกกำลังกายแบบแอโรบิก หมอใช้วิธีเดินในที่ทำงาน เดินขึ้นเดินลง เดินเท่าที่จะทำได้ ถามว่าพอมั้ย ก็ไม่พอนะ มันต้องอะไรที่ใช้ energy เยอะกว่านี้ แต่ดีกว่าไม่พยายามทำอะไรเลย กระทั่งคุยกับคุณขณะนี้ หมอแขม่วท้องด้วย เป็นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อสะโพก เพื่อความยืดหยุ่น

    การทรงตัวเช่นกัน เราสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน เวลาหมอยืนรอลิฟท์ หมอจะยืนขาเดียว โดยต้องทำให้ถูกหลัก ไม่ใช่เอียงไปเอียงมา แรกๆ อาจเอียง แต่หลังๆ จะดีขึ้น มันฝึกได้ ร่างกายของเรามันฝึกได้เสมอ การทรงตัวเป็นอะไรที่หมอทำตลอดเวลา

    ผู้สูงอายุประมาณ 20-30% ตาย เพราะเป็นผลพวงมาจากการล้ม การหกล้มส่วนหนึ่งก็มาจากการทรงตัวไม่ดี เดินแล้วหกล้ม ล้มแล้วกระดูกสะโพกหัก กระดูกหลังยึด คนสูงวัยเข้าโรงพยาบาลด้วยเรื่องเหล่านี้เยอะ เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่

    เรื่องเหล่านี้เป็นอะไรที่เรารู้อยู่แล้วว่า ในอนาคตต้องเกิดแน่ เราก็ควรป้องกันเสียก่อน”


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพาน” ภาพที่ “มาโนชญ์” เขียนนาน 8 เดือน วันละ 18 ชม.
    http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000008526

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 มกราคม 2553 16:38 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>รายงานโดย...ฮักก้า

    ต้องม้วนแล้วนำไปขึงเฟรมใหม่บนห้องแสดงงาน เพราะภาพขนาด 240x 290 ซม.ที่เขียนด้วยเทคนิคสีอะคริลิคบนผ้าใบ ชื่อ “ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน” ผลงานของ มาโนชญ์ เพ็งทอง ศิลปินชาว อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะสามารถผ่านช่องประตูของหอศิลป์

    ครั้นจะตัดความยุ่งยากด้วยการเก็บเอาไว้ที่บ้านไม่นำออกมาแสดงเสียเลย ก็ดูจะน่าเสียดาย เพราะผลงานชิ้นใหญ่ชิ้นนี้ที่มาโนชญ์ใช้เวลาสร้างสรรค์นานถึง 8 เดือน วันละ 18 ชั่วโมง และไม่เคยนำออกแสดงที่ไหนมาก่อน ควรจะได้เคลื่อนย้ายมาจัดแสดงในนิทรรศการ“ภาพปริศนาธรรมไทย” นิทรรศการแสดงเดี่ยวผลงานศิลปะ ในรอบ 10 ปี ของเขาซึ่งจัดแสดงให้ชมระหว่างวันที่ 16 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2553 ณ ห้องนิทรรศการชั้น 2 หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    ไม่เพียงภาพจะประกอบไปด้วย เหตุการณ์สำคัญ 3 เหตุการณ์ คือ ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน แต่ในภาพยังปรากฎโครงร่างของพระพุทธองค์ในความว่าง และคำว่า “ตถาตา” ในบึงบัว เพื่อให้ขณะที่ผู้ชมจ้องมองไปที่ภาพ สัมผัสกับสิ่งที่พระพุทธองค์พร่ำสอนมานานว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเช่นนั้นเอง" และขณะเดียวกันหากว่าเราค้นหาความว่างในจิตใจพบ พุทธะก็จะปรากฎต่อเราเช่นกัน

    มาโนชญ์เขียนภาพนี้ขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2548-2549 เขาจำได้ว่าวันที่เขียนภาพชิ้นนี้เสร็จสมบูรณ์ เป็นวันที่วงการวรรณกรรมไทยได้สูญเสีย กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ นักเขียนรางวัลซีไรต์ปี 2539 และเขาก็ได้ละจากงานที่ทำมาตลอดระยะเวลาหลายเดือน เดินทางไปร่วมงานศพ

    ทำไมภาพเขียนชิ้นนี้จะต้องใช้เวลาสร้างสรรค์ นานถึง 8 เดือน และต้องขลุกอยู่กับมันตั้งวันละ 18 ชั่วโมง นอกจากมาโนชญ์จะให้เหตุผลว่า มันเป็นภาพเขียนในแนวเหมือนจริงที่ต้องใช้เวลาในการเก็บรายละเอียดสูง และเป็นภาพที่มีขนาดใหญ่ เขายังได้ถือโอกาสใช้ช่วงเวลาของการทำงานชิ้นนี้ขัดเกลาจิตใจของตัวเองไปด้วย โดยก่อนหน้านี้เขาได้ยินได้ฟังมาว่าพระพุทธเจ้ารวมทั้งท่านพุทธทาส ที่ชาวพุทธหลายคนศรัทธาและเลื่อมใส ต่างใช้เวลาทำงานวันละ 18 ชั่วโมง

    “เราทำงานศิลปะเพื่อขัดเกลาจิตใจตัวเอง เพราะฉนั้นขณะที่ทำงาน เราจะไม่ไปสนใจอย่างอื่น เราจะอยู่กับจิตตัวเองไปตลอด แล้วเราก็จะไม่ให้อะไรจรเข้ามา เราจะอยู่กับความรู้สึกตัวตลอด แล้วเราก็เรียนรู้แล้วด้วยว่า เวลามันไม่ได้มีอยู่จริง เมื่ออะไรที่มันไม่มีอยู่จริง แม้กระทั่งตัวเราไม่มีอยู่จริง ข้างนอก และเวลาก็ไม่ได้มีอยู่จริง เพราะฉนั้นเราจะอยู่กับจิตของเราล้วนๆแล้วก็ทำหน้าที่ไปตามทักษะที่เรามี เช้าขึ้นมาก็นั่งทำงาน อาบน้ำ กินข้าวเสร็จ ก็นั่งทำงาน ง่วงตอนไหนก็งีบไปสักสิบนาที ตื่นขึ้นมาเขียนต่อ หิวก็ไปกินข้าว ง่วงตอนไหนก็หลับตอนนั้น ไม่มีเรื่องเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง มันมีแต่เรื่องของวิถีชีวิตกับการทำงาน นั่งทำไปๆด้วยความตั้งอกตั้งใจ พอดูวันที่เราถึงจะรู้ว่าเราลุมา แปดเดือนแล้ว”

    มาโนชญ์ เป็นอดีตบรรณาธิการ นิตยสาร ไฮ – คลาสและเจ้าของผลงานหนังสือ “ลมหายใจในไพรพฤกษ์” และ “สู่แดนพุทธภูมิ” ขณะที่ผลงานศิลปะของเขาตัวอย่างเช่นผลงานชุดล่าสุดนี้ ได้นำหลักคิดทางพระพุทธศาสนามาถ่ายทอดผ่านภาพเขียน อันเป็นภาพปริศนาธรรมซึ่งมีเนื้อหาในเชิงอุปมาอุปไมย

    “ภาพเขียนของผมมีความมุ่งหมายที่ใช้เป็นเสมือนเครื่องมือของการทำความเข้าใจเรื่องราวภายในของจิตมนุษย์ เพื่อการเรียนรู้ทุกข์และทำใจได้ เพื่อว่าช่วงเวลาหนึ่ง ของการเดินทางมาเยือนโลกใบนี้ ท่านจะสามารถชื่นชมโลกได้อย่างสุขใจ และจากไปด้วยใจอันผ่องแผ้ว”

    บรรพบุรุษของมาโนชญ์เป็นมโนราห์และหนังตะลุง ที่เดินทางไปทุกย่านทุกตำบลเพื่อนำเอาคติชีวิตและหลักธรรมคำสอนของศาสนาไปมอบให้แก่ผู้คนผ่านการแสดงในยุคที่สังคมปักษ์ใต้ ขาดทั้งวัดและโรงเรียน

    มาถึงยุคของเขาจึงมีความตั้งใจที่จะใช้ทักษะในด้านการเขียนภาพที่ตัวเองมีอยู่ สานต่อจากบรรพบุรุษ ด้วยความเชื่อที่ว่า การได้ช่วยให้เพื่อนมนุษย์เข้าถึง รู้แจ้งเห็นจริงเรื่องอนัตตาและดับทุกข์ได้ คือสุดยอดของศิลปิน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ตรวจร่างกายประจำปี จำเป็นแค่ไหน/ เอมอร คชเสนี
    Quality of Life - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย เอมอร คชเสนี</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 มกราคม 2553 01:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> แพทย์มักรณรงค์ให้ตรวจร่างกายประจำปี อาจจะเป็นต้นปี ปลายปี หรือทุกๆ วันเกิด เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำเมื่อครบรอบปี เป็นการตรวจคัดกรองหาโรคหรือภาวะบางอย่างที่สามารถรักษาได้ในระยะแรก ซึ่งการรักษาในระยะต้นๆ จะได้ผลดีกว่า และอาจช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเรื้อรังต่างๆ ได้ แต่ก็แนะนำให้เลือกตรวจเท่าที่จำเป็นเท่านั้น แล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่า “เท่าที่จำเป็น”

    สำหรับคนทั่วไป การตรวจร่างกายประจำปีจะประกอบไปด้วยการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง ซึ่งจะช่วยประเมินภาวะน้ำหนักเกิน การวัดความดันโลหิตจะช่วยตรวจว่ามีความดันโลหิตสูงหรือไม่

    การตรวจเลือด จะทำให้ทราบความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ปริมาณเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด ช่วยตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจาง วัดระดับน้ำตาลเพื่อตรวจหาเบาหวาน วัดระดับไขมันในเลือด คอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอร์ไรด์ เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด วัดระดับกรดยูริคซึ่งสัมพันธ์กับการเกิดโรคเก๊าท์ รวมทั้งตรวจการทำงานของตับและไต

    การตรวจปัสสาวะว่ามีภาวะทางเดินปัสสาวะอักเสบหรือไม่ และตรวจคัดกรองโรคไตบางชนิด

    การตรวจอุจจาระเพื่อหาพยาธิในอุจจาระ และตรวจหาภาวะเลือดออกจากทางเดินอาหาร หากมีเลือดในอุจจาระควรตรวจว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือไม่

    การเอกซเรย์ทรวงอกเพื่อตรวจสภาพปอดและหัวใจ ตรวจหาวัณโรค โรคปอดเรื้อรังบางชนิด หรือรอยโรคผิดปกติอื่นๆ

    การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เพื่อหาความผิดปกติของหัวใจหรือภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ อาจจะเริ่มตรวจเมื่ออายุ 40 ปี และตรวจซ้ำตามที่แพทย์แนะนำ

    นอกจากนี้ยังควรตรวจตา หู และฟัน โดยตรวจสุขภาพฟันและช่องปากทุก 6 เดือน สำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปควรตรวจตาทุก 2-3 ปี แต่หากมีประวัติโรคต้อหินในครอบครัวควรตรวจปีละครั้ง และเมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไปอาจตรวจการได้ยินทุก 5 ปี

    ผู้ชายที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ควรตรวจมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยการคลำต่อมลูกหมากและการเจาะเลือดเพื่อหาสาร PSA (Prostate Specific Antigen) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ผลิตจากต่อมลูกหมาก

    สำหรับผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วควรตรวจหามะเร็งปากมดลูก หรือแม้จะยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แต่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ก็ควรตรวจทุก 1-3 ปี

    การตรวจที่กล่าวมาเป็นการตรวจพื้นฐาน แต่สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคบางอย่าง ก็อาจต้องตรวจพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติม

    สำหรับผู้หญิงทั่วไป การตรวจคลำเต้านมของตัวเองเดือนละครั้งร่วมกับการตรวจร่างกายโดยแพทย์ ก็จะช่วยตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมได้ดี แต่แพทย์บางท่านก็จะแนะนำให้ตรวจ Mammogram ในผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ไม่จำเป็นต้องตรวจทุกปี ยกเว้นตรวจพบความผิดปกติ มีก้อนในเต้านม หรือในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านมก่อนอายุ 40 ปี ก็ควรตรวจ Mammogram ก่อนอายุ 40 ปี

    การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ยกเว้นมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือมีความเสี่ยงสูงอาจตรวจเร็วกว่านั้น

    การตรวจ EST (Exercise Stress Test) เป็นการตรวจการทำงานของหัวใจด้วยการวิ่งบนสายพาน ส่วนใหญ่แนะนำให้ตรวจในผู้ที่มีอาการหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เช่น มีอาการเจ็บหน้าอก หรือเหนื่อยหอบขณะออกกำลังกาย หรือผู้ที่ไม่มีอาการหลอดเลือดหัวใจอุดตัน แต่มีอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง เช่น นักบิน นักดับเพลิง หรือมีความเสี่ยงในเรื่องต่อไปนี้ 2 ประการขึ้นไป คือ สูบบุหรี่ เป็นโรคเบาหวาน มีไขมันสูง อ้วน มีประวัติโรคหลอดเลือดหัวใจในครอบครัวที่เป็นตั้งแต่อายุยังน้อย

    การตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูกในผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน ซึ่งมีประวัติในครอบครัวเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน

    ดังเช่นที่กล่าวแล้วว่าการตรวจร่างกายประจำปีโดยละเอียดนั้นไม่จำเป็นนักเพราะสิ้นเปลือง เลือกตรวจเฉพาะสิ่งที่สำคัญและจำเป็น ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยเสี่ยงของแต่ละบุคคลทั้งเพศ อายุ ลักษณะอาชีพการงาน ประวัติการเจ็บป่วย รวมทั้งประวัติการเป็นโรคของคนในครอบครัวซึ่งอาจจะถ่ายทอดทางพันธุกรรม จะดีกว่าเหมาตรวจเหมือนกันสำหรับทุกคน โดยอาจจะปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกการตรวจที่เหมาะสม

    การตรวจพิเศษบางอย่างอาจไม่คุ้มค่า เช่น การตรวจเลือดเพื่อหาสารที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งบางชนิด การตรวจเอกซเรย์เต้านมในคนที่ไม่มีข้อบ่งชี้ การตรวจมวลกระดูก การตรวจอัลตราซาวนด์ตับ หรืออาจก่อให้เกิดผลเสียในกรณีที่ผลการตรวจขั้นต้นนั้นผิดปกติ แต่เมื่อตรวจเพิ่มเติมโดยละเอียดแล้วไม่พบโรค ทำให้ต้องสิ้นเปลืองเงินจำนวนมาก ดังนั้นอาจให้แพทย์ตรวจร่างกายดูก่อนว่าคุ้มหรือไม่กับการตรวจด้วยวิธีพิเศษ แม้แต่การตรวจเอกซเรย์ปอดซึ่งราคาไม่แพง แต่หากตรวจพร่ำเพรื่อเกินไปก็อาจสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

    อีกประการหนึ่ง มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ตรวจพบความผิดปกติเล็กน้อย แต่เก็บมาวิตกกังวลจนถึงขั้นเครียด แทนที่จะควบคุมอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้สุขภาพดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีไม่น้อยที่หมอสั่งยาให้ทันทีหลังจากที่ตรวจพบความผิดปกติเล็กน้อย แทนที่จะแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้เจ็บป่วยอีก

    แพทย์อีกหลายท่านจึงแนะนำว่าการตรวจร่างกายประจำปีควรเป็นการตรวจหาความเสี่ยงต่อโรค ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้น เมื่อทราบความเสี่ยงแล้วก็ร่วมกันหาหนทางป้องกันความเสี่ยงอย่าให้เป็นโรคนั้น

    ดังนั้นโรงพยาบาลควรมีระบบรองรับผู้ป่วย มีเวลาซักประวัติ เพื่อสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคน เช่น พฤติกรรมการรับประทานอาหารตลอดจนการไม่ออกกำลังกาย ทำให้เกิดโรคอ้วน เบาหวาน ไขมันและคอเลสเตอรอลสูง เกิดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ หรือผู้ที่ต้องทำงานยกของหนักอยู่ทุกวัน ส่วนใหญ่จะมีปัญหาปวดหลัง ปวดเข่า ก็ควรได้รับคำแนะนำว่าจะยกของหนักอย่างไรไม่ให้ปวดเมื่อย หรือหากต้องทำงานในโรงงานที่มีเสียงดังและเต็มไปด้วยฝุ่นละออง อาจเสี่ยงต่อโรคปอดหรือหูตึง ก็ควรได้รับคำแนะนำว่าจะทำงานอย่างไรในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นโดยไม่เจ็บป่วย ซึ่งจะได้ผลดีกว่าการตรวจเหมือนๆ กันตามแพคเกจที่โรงพยาบาลจัดไว้แล้ว

    อย่างไรก็ตาม ยังมีโรคอีกมากที่การตรวจสุขภาพไม่สามารถตรวจพบโรคได้ในระยะแรกๆ ดังนั้นถึงแม้ผลการตรวจสุขภาพจะเป็นปกติดี ก็ยังควรใส่ใจรักษาสุขภาพ เลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงบุหรี่ สุรา ยาเสพติด พักผ่อนให้เพียงพอ และปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ภัยแล้ง ส่งสัญญาณรุนแรง น้ำในอ่างเก็บน้ำลดฮวบ



    ภัยแล้ง ส่งสัญญาณรุนแรง น้ำในอ่างเก็บน้ำลดฮวบ

    http://hilight.kapook.com/view/45649



    [​IMG]


    "ภัยแล้ง" ส่งสัญญาณ "รุนแรง" น้ำในอ่างเก็บลดฮวบฮาบ ทั่วไทย (มติชนออนไลน์)

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งปี 2553 เริ่มส่งสัญญาณให้เห็นความรุนแรงขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว โดยจากการตรวจสอบข้อมูลสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลางทั่วประเทศของกรมชลประทาน เมื่อวันที่ 21 มกราคม พบว่าจากปริมาตรความจุน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งหมดรวม 52,603 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 72 ขณะที่ปริมาตรน้ำที่ใช้การได้ 28,758 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 39 ของความจุ น้อยกว่าปี 2552 จำนวน 4,568 ล้านลูกบาศก์เมตร

    ส่วนสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ มีปริมาตรน้ำความจุในอ่างเก็บน้ำทั้งหมด 49,825 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 72 ขณะที่ปริมาตรน้ำใช้การได้มีอยู่ 26,298 ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าปี 2552 จำนวน 4,115 ล้านลูกบาศก์เมตร

    สำหรับอ่างเก็บน้ำภูมิพล ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำในอ่าง 7,937 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 59 ของความจุ เทียบกับปี 2552 น้อยกว่า จำนวน 919 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำในอ่าง 5,087 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 53 ของความจุ ถือว่าน้อยกว่าปี 2552 จำนวน 2,265 ล้านลูกบาศก์เมตร

    นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวปริมาณน้ำในปีนี้ว่า จะเพียงพอสำหรับการปลูกข้าวได้จำนวน 9.5 ล้านไร่เท่านั้น ขณะที่ตัวเลขการคาดการณ์ผลผลิต พบว่าเกษตรกรจะปลูกข้าวเป็นจำนวนถึง 12 ล้านไร่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงจำเป็นต้องเร่งทำการประชาสัมพันธ์ให้ชาวนาชะลอการปลูกข้าว และหยุดการปลูกข้าวชั่วคราว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการแย่งชิงน้ำเกิดขึ้น



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก มติชนออนไลน์
    [​IMG]
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2010
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กินเกิดกลิ่น-กินกลบกลิ่น

    กลิ่นปาก อาหาร กินเกิดกลิ่น กินกลบกลิ่น


    [​IMG]


    กินเกิดกลิ่น-กินกลบกลิ่น (เดลินิวส์)

    อาหารการกินมีผลทำให้เกิดกลิ่นปาก แต่จะมีกลิ่นฉุนมาก ฉุนน้อย หรือจะสามารถขจัดกลิ่นออกไปได้โดยง่าย หรือยากก็ขึ้นอยู่กับชนิดของอาหารที่รับประทานเข้าไปด้วย

    ยกตัวอย่างอาหารที่รู้กันดีว่าจะทำให้เกิดกลิ่นปาก อย่าง กระเทียม พืชสมุนไพรมากประโยชน์ แต่ส่งกลิ่นฉุนอย่างฉกาจ แถมยังเป็นพืชชนิดที่จำเป็นกับการปรุงอาหารส่วนใหญ่ และยังมีหัวหอมแดง หัวหอมใหญ่ ต้นหอม ที่รับประทานแล้วจะทิ้งกลิ่นฉุนชัดเจนไว้พอ ๆ กับกระเทียม

    ส่วนพืชผักที่ได้รับการกล่าวขาน เข้าขั้นถ้ารับประทานแล้วควรลดการเจื้อยแจ้วเจรจา นั่นคือ สะตอ ลูกเนียง ลูกเหรียง และกระถิน นอกจากนี้ยังมีกุยช่าย ชีส รวมทั้งอาหารประเภทมากโปรตีน เนื้อ นม ไข่ ถั่ว เต้าหู้ แต่กลิ่นอาจเจือจางลงไปสักหน่อย

    ตรงกันข้ามกับอาหารที่ช่วยกลบกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ มีทั้ง อะโวคาโด อาเซลนัท น้ำมะนาว ใบสะระแหน่ ใบกะเพรา ใบผักชีฝรั่ง กานพลู โยเกิร์ตไขมันต่ำ

    หรือลองกลั้วปากด้วยน้ำยาบ้วนปากจากธรรมชาติสูตรเปรี้ยวซ่า ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ด้วยตนเอง เพียงเตรียมน้ำขิงคั้นสด 1 ช้อนช้า น้ำมะนาว 2 ช้อนชา และน้ำอุ่น 1 แก้ว ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วกลั้วปากวันละครั้งหลังการแปรงฟันในตอนเช้า เพื่อกลิ่นปากที่สะอาดให้ความรู้สึกสดชื่น

    [​IMG]



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ดีเอสไอแฉผู้บริหาร8ธนาคาร เอื้อเอกชนปล่อยกู้บริษัทเอกชน 33,000ล้านบาท ด้านตำรวจเศรษฐกิจเตือนภัยให้สังเกตหมายเลขโทรศัพท์+66 แก๊งตุ๋นต่างชาติ
    สโมสรตำรวจ-นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวในงานสัมมนาเรื่องมาตรการของภาครัฐและเอกชนต่อกรณีทุจริตที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งจัดโดยชมรมตรวจสอบและป้องกันการทุจริต สมาคมธนาคารไทยว่า เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาดีเอสไอได้รับการร้องทุกข์จากธนาคารใหญ่แห่งหนึ่งว่า มีบริษัทเอกชนมาขอเปิดวงเงินกู้และมีพฤติการณ์ฉ้อโกง มีเจตนาทุจริตเพื่อเบี้ยวหนี้ นำหลักฐานการทำสัญญาซื้อขายสินค้าการเกษตรกับต่างชาติมาแสดงและขอเปิดวงเงินที่เรียกว่า Packing Credit เป็นวงเงินหลายพันล้านบาท
    หลังอนุมัติเงินกู้จึงได้มีการทยอยขอใช้วงเงิน พร้อมกับการทยอยแสดงเอกสารใบสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ และขอใช้วงเงินแต่ละครั้งมีตั้งแต่ 500 ล้านบาท 800 ล้านบาท และ 1,200 ล้านบาท เมื่อดีเอสไอและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เข้าไปตรวจสอบก็พบเรื่องน่าตกใจว่า การตกลงซื้อขายสินค้าเกษตรเป็นเพียงฉากบังหน้า ซึ่งมีวงเงินการซื้อสินค้าเพียงเล็กน้อย แต่มีการปลอมเอกสารการซื้อ ดีเอสไอจึงตั้งข้อสังเกตถึงการอนุมัติวงเงินดังกล่าวของผู้บริหารธนาคารว่ามีความรอบคอบหรือไม่ บางวงเงินใช้ผู้ค้ำประกันเพียงคนเดียว
    จากการตรวจสอบเชิงลึก ได้มีการเรียกผู้บริหารธนาคารดังกล่าวมาให้ข้อมูลว่า อนุมัติวงเงินได้อย่างไร ใช้ดุลพินิจด้วยความรอบคอบหรือไม่ และได้อนุมัติตามมาตรฐานของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ ในที่สุดธนาคารดังกล่าวได้ขอถอนคำร้องแจ้งความ และไม่ขอให้ดำเนินคดีกับบริษัทเอกชน แต่ดีเอสไอยืนยันที่เดินหน้าตรวจสอบต่อ เพราะถือว่าความผิดฐานฉ้อโกงได้เกิดขึ้นแล้ว โดยผลการสอบสวนพบว่าบริษัทดังกล่าวได้ทำเอกสารเท็จ เพื่อขอกู้ยืมเงินในลักษณะเดียวกันกับธนาคารอีก 8 แห่ง รวมเป็นวงเงินที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 33,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของดีเอสไอ
    นายธาริต กล่าวด้วยว่า การฉ้อโกงธนาคาร 8 แห่ง เป็นคดีในลักษณะเดียวกับการฉ้อโกงธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ของนายราเกซ สักเสนา เนื่องจากพบว่าบริษัทมีเจตนาฉ้อโกงชัดเจน อย่างไรก็ตามต้องพิจารณาว่าผู้บริหารมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร โดยผู้บริหารธนาคารของรัฐ จะต้องรับผิดเพิ่มตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ เช่นเดียวกับกรณีเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    ขณะที่ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์จะต้องรับผิดตาม พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ ซึ่งใช้บังคับกับผู้บริหารธนาคารที่มีส่วนบกพร่องในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้เกิดความเสียหายกับธนาคาร โดยผู้บริหารต้องรับผิดชอบในทุกระดับชั้น ตั้งแต่บอร์ด กรรมการผู้จัดการ รองกรรมการผู้จัดการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการปล่อยสินเชื่อ ทั้งในฐานะตัวการและผู้สนับสนุน
    พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (ปศท.) กล่าวว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับการเงินการธนาคารจะมีความรุนแรงมากขึ้น มีการนำตกแต่งบัญชีและหลักฐานการกู้เงินของผู้กู้ และตกแต่งหลักทรัพย์ค้ำประกันกับธนาคาร โดยธนาคารที่ไม่ได้ตรวจสอบอย่างรอบคอบ ทำให้ได้หลักทรัพย์ค้ำประกันที่มีมูลค่าต่ำ ขณะที่ผู้กู้ก็ไม่มีศักยภาพในการใช้คืน
    นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มอาชญากรรมเศรษฐกิจมีการพัฒนาวิธีการหลอกลวงประชาชน โดยตั้งศูนย์คอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์ไปหลอกลวงเหยื่อให้โอนเงินผ่านธนาคาร และมีการเปิดบัญชีเพื่อซื้อบัตรเอทีเอ็มจากคนไทยเพื่อนำไปทำธุรกรรมทางการเงิน ทั้งนี้พบว่ามีหลายหน่วยงานราชการถูกแอบอ้างชื่อและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเพื่อสร้างความเชื่อถือ หากพบว่ามีเบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย เครื่องหมาย “+66 ตามด้วยรหัส ” แสดงว่าเป็นเบอร์ที่โทรมาจากต่างประเทศ ดังนั้น ขอให้ประชาชนตั้งสติและใช้ความระมัดระวัง อย่าหลงเชื่อโอนเงิน

    กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    <TABLE borderColor=#cccccc cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    "ดีเอสไอ"สอบ"บิ๊ก"แบงก์ 8 แห่ง บ.ยักษ์ค้าข้าวใช้เอกสารปลอมกู้3.3 หมื่นล.ตั้งข้อสงสัยร่วมกันฉ้อโกง

    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>"ดีเอสไอ"ลุยสอบผู้บริหารแบงก์ 8 แห่ง ปล่อยกู้ให้ผู้ส่งออกสินค้าเกษตรหละหลวม รวมกว่า 3.3 หมื่นล้าน ก่อนถูกเบี้ยว พบทำเอกสารซื้อขายปลอม ชี้หากพบผิดตาม พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน ต้องรับผิดชอบกราวรูด ตั้งแต่บอร์ด-กก.ผจก. รวมถึง จนท.ที่ปล่อยสินเชื่อ

    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]
    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>

    นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวเมื่อวันที่ 21 มกราคม ในงานสัมมนาเรื่อง "มาตรการของภาครัฐและเอกชนต่อกรณีทุจริตที่เกิดขึ้นในประเทศไทย" ที่สโมสรตำรวจ จัดโดยชมรมตรวจสอบและป้องกันการทุจริต สมาคมธนาคารไทยว่า เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ดีเอสไอได้รับการร้องทุกข์จากธนาคารใหญ่แห่งหนึ่งว่า มีบริษัทเอกชนมาขอเปิดวงเงินกู้ มีพฤติการณ์ฉ้อโกง มีเจตนาทุจริตเพื่อเบี้ยวหนี้ นำหลักฐานการทำสัญญาซื้อขายสินค้าการเกษตรกับต่างชาติมาแสดง ขอเปิดวงเงินที่เรียกว่า "แพคกิ้ง เครดิต" หลายพันล้านบาท หลังอนุมัติเงินกู้ มีการทยอยขอใช้วงเงิน พร้อมกับทยอยแสดงเอกสารใบสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศและขอใช้วงเงินแต่ละครั้ง ตั้งแต่ 500 ล้านบาท 800 ล้านบาท และ 1,200 ล้านบาท



    นายธาริตกล่าวว่า เมื่อดีเอสไอและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เข้าไปตรวจสอบ พบเรื่องน่าตกใจว่า การตกลงซื้อขายสินค้าเกษตรเป็นเพียงฉากบังหน้า มีวงเงินการซื้อสินค้าเพียงเล็กน้อย แต่มีการปลอมเอกสารการซื้อขาย ดีเอสไอจึงตั้งข้อสังเกตถึงการอนุมัติวงเงินดังกล่าวของผู้บริหารธนาคารว่า มีความรอบคอบหรือไม่ บางวงเงินใช้ผู้ค้ำประกันเพียงคนเดียว


    อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเชิงลึก มีการเรียกผู้บริหารธนาคารมาให้ข้อมูลว่า อนุมัติวงเงินได้อย่างไร ใช้ดุลพินิจด้วยความรอบคอบหรือไม่ และได้อนุมัติตามมาตรฐานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ ในที่สุดธนาคารดังกล่าวขอถอนคำร้องแจ้งความ และไม่ขอให้ดำเนินคดีกับบริษัทเอกชน แต่ดีเอสไอยืนยันที่เดินหน้าตรวจสอบต่อ เพราะถือว่า ความผิดฐานฉ้อโกงเกิดขึ้นแล้ว ผลการสอบสวนพบว่า บริษัทดังกล่าวทำเอกสารเท็จเพื่อขอกู้ยืมเงินในลักษณะเดียวกันกับธนาคารอีก 8 แห่ง รวมเป็นวงเงินที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 33,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของดีเอสไอ


    นายธาริต กล่าวด้วยว่า การฉ้อโกงธนาคาร 8 แห่ง เป็นคดีในลักษณะเดียวกับการฉ้อโกงธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ของนายราเกรซ สักเสนา เนื่องจากพบว่า บริษัทมีเจตนาฉ้อโกงชัดเจน อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาว่าผู้บริหารมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร โดยผู้บริหารธนาคารของรัฐต้องรับผิดเพิ่มตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 เช่นเดียวกับกรณีเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขณะที่ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์จะต้องรับผิดตาม พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ ใช้บังคับกับผู้บริหารธนาคารที่มีส่วนบกพร่องในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้เกิดความเสียหายกับธนาคาร โดยผู้บริหารต้องรับผิดชอบในทุกระดับชั้น ตั้งแต่บอร์ด กรรมการผู้จัดการ รองกรรมการผู้จัดการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการปล่อยสินเชื่อ ทั้งในฐานะตัวการและผู้สนับสนุน



    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่นายธาริตกล่าวถึงคือ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลข้าวจากสต๊อครัฐบาลกว่า 2 ล้านตัน และบริษัท เพรซิเดนท์ฯ ได้ไปกู้เงินจากต่างธนาคารต่างๆ อาทิ ไทยธนาคาร, กรุงไทย, กรุงเทพ, ทหารไทย, ยูโอบี และฮ่องกงแบงก์ จำนวน 12,000 ล้านบาทโดยอ้างสิทธิการเป็นเจ้าของข้าวดังกล่าวไปค้ำประกัน แต่ปรากฏว่าทางบริษัท เพรซิเดนท์ฯ ไม่สามารถรับมอบข้าวได้ตามสัญญา จึงถูกยกเลิก และต่อมาธนาคารหลายแห่งได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกต่อตำรวจและดีเอสไอให้ดำเนินคดีกับบริษัท เพรซิเดนท์ฯ ซึ่งในส่วนของคดีแพ่ง ทางศาลล้มละลายกลางตัดสินให้บริษัท เพรซิเดนท์ฯ และผู้บริหารเป็นบุคคลล้มละลาย และพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไปแล้ว


    ด้าน พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (รอง ผบก.ปอศ.) กล่าวว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับการเงินการธนาคารจะมีความรุนแรงมากขึ้น มีการตกแต่งบัญชีและหลักฐานการกู้เงินของผู้กู้ และตกแต่งหลักทรัพย์ค้ำประกันกับธนาคาร โดยธนาคารที่ไม่ได้ตรวจสอบอย่างรอบคอบ ทำให้ได้หลักทรัพย์ค้ำประกันที่มีมูลค่าต่ำ ขณะที่ผู้กู้ไม่มีศักยภาพใช้คืน


    พ.ต.อ.กิตติ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มอาชญากรรมเศรษฐกิจมีการพัฒนาวิธีการหลอกลวงประชาชน โดยตั้งศูนย์คอลล์เซ็นเตอร์ โทรศัพท์ไปหลอกลวงเหยื่อให้โอนเงินผ่านธนาคาร และเปิดบัญชีเพื่อซื้อบัตรเอทีเอ็มจากคนไทย นำไปทำธุรกรรมทางการเงิน ทั้งนี้ พบว่ามีหลายหน่วยงานราชการถูกแอบอ้างชื่อและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเพื่อสร้างความเชื่อถือ หากพบว่ามีเบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย เครื่องหมาย "+66 ตามด้วยรหัส" แสดงว่าเป็นเบอร์ที่โทร.มาจากต่างประเทศ ดังนั้น ขอให้ประชาชนตั้งสติและใช้ความระมัดระวัง อย่าหลงเชื่อโอนเงิน



    [/FONT]</TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    .....มติชนออนไลน์

    http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=246768</TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dsi.JPG
      dsi.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.6 KB
      เปิดดู:
      60
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2010
  12. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เรื่องที่"คุณน้องนู๋"เป็นห่วงในงานบุญนี้หลังจากการ post การทำบุญพระบูชาพระกรุลำพูนนี้ก็คือ เรื่องราคาทำบุญขององค์พระบูชา ผมก็ตะหนักถึงข้อนี้ดี ในภาวะการณ์เช่นนี้ ผมได้เกริ่นให้คุณน้องนู๋ฟังว่า หากวันที่ย้ายจาก"หมวดพระเครื่อง"(ขออภัยที่ต้องพาดพิงถึง)มายัง"หมวดประชาสัมพันธ์" และมีแผนกย่อยใน"แผนกทำบุญอื่นๆ" หากมุ่งความสนใจในพระพิมพ์มาก่อนเรื่องอื่นใด ก็จะเปรียบว่าหมวดพระเครื่องเป็นถนนใหญ่แถวสีลม-บางรัก หมวดประชาสัมพันธ์เป็นถนนใหญ่แถวหนองจอก-ร่มเกล้า และแผนกทำบุญอื่นๆเป็นซอยเล็กซอยน้อยที่อยู่ห่างไกลความเจริญของหนองจอก-ร่มเกล้า หากวันนั้นคิดจะมุ่งเรื่องการพาณิชย์ในความหมายที่ต้องลงทะเบียนร้านค้าให้เป็นเรื่องเป็นราวเพราะเป็นกติกาการจัดระเบียบที่ตกลงกันเพื่อป้องกันพระปลอม พระเก๊ เรื่องเงินๆทองทั้งหลาย รวมทั้งความมีตัวตนของผู้ให้บูชา หากคิดเพียงแค่นั้น วันนั้นพวกเราไปขึ้นทะเบียนร้านค้ากันตั้งนานแล้วครับ เงินค่าลงทะเบียนก็ถูกแสนถูกเมื่อเทียบกับผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับ แต่พวกเราเลือกที่จะทำเพื่ออุดมการณ์ในใจบางอย่าง จึงทำเพื่อความชอบ ความรัก ความสบายใจ เงินทองซื้อพวกเราไม่ได้..

    เมื่อคุณน้องนู๋สอบถามผมว่ากังวลใจหรือไม่ หากไม่มีผู้สนใจ เพราะนั่นหมายถึงไม่มีปัจจัยในการสร้างบุษบกประดิษฐานพระโมคคัลลานะให้แล้วเสร็จ ผมกลับไม่กังวลใจแต่อย่างใด เพราะเหตุว่า พระกรุนี้เป็นกรุที่ฟ้าประทานให้ จึงต้องคัดกรองหลายชั้น ผู้นั้นต้องมีศรัทธาเต็มเปี่ยมเหนือปัจจัยทางโลก เพราะผมไม่ได้เอาเงินเข้ากระเป๋าแต่อย่างใด ผมสละความโลภมอบพระฤาษีสุกกทันตฤาษี และพระฤาษีวาสุเทพ จำนวนรวม ๖๐ องค์ หากคิดเป็นปัจจัยทางโลก ผมต้องไม่น้อยกว่า ๑๒๐,๐๐๐ บาทเป็นอย่างน้อย แต่ในวันนั้นท่านอาจจะทำบุญเพียง ๑ สลึงให้กับทางมูลนิธิพระดาบสโดยตรงด้วยตนเองโดยไม่ต้องมาแจ้งผมว่าทำบุญกันคนละเท่าไหร่ เพราะผมมุ่งหมายให้ท่านเกิดความสบายใจที่สุด ไม่ต้องมาห่วงปัจจัยใด ทั้งนี้ท่านมีจิตที่อยากทำเพื่อพ่อหลวงซักครั้ง ท่านก็ได้โอกาสนั้นแล้ว เรื่องมอบพระปางเปิดโลกให้ผู้ร่วมบุญธรรมทานจำนวน ๑๐ ท่าน ทั้งๆที่หากนำมาตีค่าเป็นตัวเงินของพระปางเปิดโลกนี้ตามที่ผม post ราคาตลาดที่ให้เช่าหากันให้ดูไปแล้ว ก็เกินมูลค่าไม่ทราบเป็นร้อยเป็นพันเท่า แต่มอบเพราะทั้ง ๑๐ ท่านสละปัจจัยเป็นธรรมทานให้คนอื่นๆอีก ๑๐๐ คน ผลที่ได้มากกว่านั้นมาก ซึ่งวันนี้ก็มีบางท่านได้ฟัง ได้ปฎิบัติตามคำสอนตามกรรมฐานนั้นหลายท่านแล้ว ยังแจกจ่ายให้กับผู้คนทั่วไปอีกเป็นบุญต่อบุญกันไป และผมยังมอบพระเปิดโลกอีก ๙ องค์แก่ผู้ที่ให้สัจจาธิษฐานเพื่อปฎิบัติสมาธิถวายในหลวงในระหว่าง ๒๑.๐๐ น.-๒๑.๐๕ น. เพียงวันละ ๕ นาที ทั้งนี้เพื่อความสม่ำเสมอ และต่อเนื่องของการปฏิบัติ และความรุดหน้าในธรรมของท่านเอง เวลาผ่านมาเป็นปีแล้ว จะมีกี่ท่านทำได้ตามที่ให้สัจจะไว้ และบางท่านก็เกรงจะเสียสัจจะก็ได้สละสิทธิ์การจองจำนวน ๔ ท่าน...


    การต่างๆที่ผมดำเนินมาด้วยเจตนาบริสุทธิ์นี้แล้ว เพียงมุ่งหวังให้งานสร้างบุษบกฯที่มีผู้ร่วมบุญช่วยกันมานี้ได้อานิสงค์ผลบุญกันถ้วนหน้า และเป็นการสละซึ่งความโลภ ความหลง ทางกาย วาจา ใจของผมเองเท่านั้น เมื่อหมดวาระในการมอบครั้งนี้แล้ว วันหนึ่งของกายสังขารมาถึงกาลแตกดับ ผมก็จะมอบไว้ให้กับพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ลำพูน หรือบรรจุพระธาตุมหาเจดีย์เพื่อสืบศาสนาให้ครบ ๕,๐๐๐ ปี และเพราะระลึกได้ว่า หมดจากโลกนี้ไปหากยังไม่เข้าถึงพระนิพพานเพียงไรก็ยังต้องวนเวียนในวัฎสงสารอยู่ ก็ขอให้ได้พบกรุพระลำพูนนี้ตราบเท่าที่ผมปรารถนาให้ได้พบเจอแบบง่ายๆ ไม่ต้องใช้ความพยายามลำบากลำบนในการค้นหาเช่นที่ผ่านมา ให้เป็นไปตามวาระ หมดวาสนา หมดบุญก็ไม่ได้พบ ไม่ได้เจออีก จนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพาน...

    ความนิยมในพระพิมพ์ของแต่ละรุ่น แต่ละสมัยก็ถูกแยกแยะด้วยคนที่ต้องการ คุณค่าในพระพิมพ์ก็ยังคงมีอยู่แม้ท่านจะสนใจ หรือไม่ก็ตาม คนที่รู้ค่าก็จะเสาะแสวงหาแม้ด้วยปัจจัยที่สูงเพียงใดก็ตามที

    ผมได้บอกกับคุณน้องนู๋ว่า ในเมื่อผู้คนสนใจพระพิมพ์ พระเครื่องในความต้องการของตลาดขณะนั้นๆเป็นอย่างมาก อีกทั้งปัจจัยการสร้างบุษบกฯก็ต้องใช้ซื้อทองคำเปลว และค่าแรงของช่างสิบหมู่ อาจจะใช้ปัจจัยเพียงแสน หรือสองแสน หรือสามแสน ผมก็จำเป็นจะต้องนำวัตถุมงคลในความต้องการของตลาดออกให้บูชาเพื่อการนี้ และหากเหลือเงินอีก ก็จะเอาใช้ในงานบุญอื่นๆข้างหน้าซึ่งยังต้องใช้ปัจจัยอีกมากมาย เช่นสวนสมุนไพรและสถานปฏิบัติธรรม เป็นต้น ผมได้บอกคุณน้องนู๋ว่า หากวันนั้นมาถึง ผมก็จะนำ"สมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงินลอยองค์ รุ่น ๒" ออกให้บูชา โดยตั้งราคาไว้สูงกว่าพระบูชากรุลำพูนไว้ถึง ๑๐-๒๐ เท่า และจะปรับราคาตามตลาดไปทุกระยะเหมือนเขาทำกันทั่วไป ในเมื่อท่านต้องการความนิยมเช่นนั้น..

    ก็เป็นความในใจที่อยากบอกกล่าวกันให้ทราบ ผมไม่อยากให้เกิดความจำเป็นอย่างนั้นเลยจริงๆ..<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
     
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    และที่สำคัญ ผมยังได้บอกกับคุณน้องนู๋อีกว่า กรณีนี้ของผมเล้กน้อยมาก เมื่อเทียบกับงานของคุณหนุ่ม เพราะทั้งมากมาย และการต่อต้านจากผู้ไม่หวังดี และผู้ไม่เข้าใจ ของคุณหนุ่มยากกว่างานของผมหลายเท่านัก..

    post ของผมอาจจะดุดันไปบ้าง แต่นำเสนอจากข้อเท็จจริง บ่อยครั้งที่ผมได้คุยกับคุณหนุ่มในเรื่องการบูชาพระวังหน้า ในเมื่อเป็นของจริง ของแท้ และอยากได้ ก็ต้องจ่ายให้สมคุณค่าของสิ่งนั้น พระที่เข้าพิธีนับวันจะหมดไป จะไปหาจากที่ไหน ทั้งพระ ทั้งพิธี ทั้งองค์ผู้เสกจะไปนิมนต์ท่านจากไหนมาอีก ผู้เข้าใจในคุณค่าล้วนต่างเข้าใจในข้อนี้ดี....
     
  15. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    โมทนาสาธุ ครับ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    โมทนาสาธุครับ

    ไว้พบกันอีกครั้งวันจันทร์(25 มกราคม 2553)หน้านี้ครับ

    เครื่องคอมฯผม ยังไม่ได้ยกไปซ่อมเลยครับ

    .
     
  17. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ผมว่าเมื่อท่านเพชรมาเปิดใจ ผมก้น่ามาเล่าให้อ่านกันผ่านบอร์ดเพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบในน้ำใจของท่านเพชรครับ
    เริ่มจากการตั้งราคาและพระพิมพ์สกุลลำพูนที่เห็น ณ.ทันที่เปิดอ่านความรู้สึกก้แว่บขึ้นมาว่าเอ๊ คุณเพชรใจร้อนหรือปล่าววางราคางานบุญไว้สูงมากจะมีใครสนใจมั้ยเพราะกลุ่มผู้สนใจจริงๆคงไม่เข้ามาพบ ว่าไปก็เกิดอารมณ์ห่วงทันที แต่ก็เพียงแค่คิดแล้วก็ไปพักผ่อน ปรากฎว่าเวลาเช้าที่ผมเข้ามาในพลังจิตก้เห็นpm จากท่านเพชรมาว่าคุณน้องนู๋ จะมีคอมเม้นท์อะไรเกี่ยวกับพระกรุนี้รึเปล่าเชิญเต็มที่เลยครับ ก็ด้วยความที่ต้องรีบส่งเจ้าโด ก็เลยแจ้งไปว่าสายหน่อยผมจะโทรไปคุย ซึ่งหลังจากผมส่งเจ้าโดแล้วก้ติดต่อไป ว่าแหมเหมือนรับจิตที่เป็นห่วงได้เลยครับ ผมก็แจ้งว่า ผมมี2เรื่อง 1.เรื่องพระพิมพ์ที่ลง พระระดับ5-600ปีนี้ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ผมตอบสั้นๆได้ว่าดีมาก ผมไม่ติดใจใดๆครับเยี่ยมมากๆ สำหรับท่านที่รู้ค่านี่ไม่ต้องบรรยายแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ติดใจใดๆ ดีเยี่ยมอยู่แล้ว ที่มีคือข้อ2. ผมแจ้งว่าระดับราคาที่ตั้งนั้นเหมือนกับจะไม่ค่อยตรงกลุ่มที่จะทราบค่าเท่าใดนัก ปัจจัยงานบุญอาจจะไม่ได้ ซึ่งผมห่วงมาก แต่ฟังจากคุณเพชรตอบกลับมาผมก้โล่งใจว่าได้เตรียมการไว้อยู่แล้วที่จะมีขั้นตอนต่อไป ก็คงเหมือนที่ท่านเพชรว่าไว้อ่ะครับ จริงๆรายละเอียดมีมากผมเล่าแค่สั้นๆครับ ถ้าผมจะสรุปให้ชาววังหน้าทราบก็คือ พระพิมพ์นั้นดีมากราคาและการพบ ยากมากครับผู้ที่มีหวงแหนทั้งนั้นครับผมเชื่อว่าเป็นงานบุญจริงๆไม่เช่นนั้นท่านเพชรคงเก็บเงียบไม่นำออกมาหรอกครับ ก็พยายามเอาใจช่วยอยู่ครับ เหมือนที่พวกเราได้ยินกันบ่อยๆ ไงครับว่าพระท่านเลือกคนใครมีวาสนาก็จะได้พบ ได้บูชาสักการะท่านครับ ใครไม่มีวาสนาแม้พบเจอก็ไม่อาจได้ไปครับ หุ หุ
     
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ผมคิดว่า น้อยครั้งที่คุณน้องนู๋จะ post ข้อความอะไรที่เกินความจำเป็น ส่วนมากจะเป็นประโยคสั้นๆ ข้อความสั้นๆ และบอกก็บอกไม่หมด ทำให้อยากแล้วจากไป มีครั้งนี้ที่คุณน้องนู๋"อธิบาย"เป็นกรณีพิเศษ ขอบคุณครับสำหรับความห่วงใย...

    เงินไม่ได้หายากสำหรับผม และคณะครับ แผน ๒ คือนำพระในความนิยมออกมาร่วมด้วยช่วยกัน แผน ๓ ใช้การลงทุนตามแนวทางที่ตนเองถนัด ผมเชื่อว่า คุณหนุ่ม คุณน้องนู๋ และคุณnewcomer ทราบดีในเรื่องนี้ อีกทั้งไม่เปลืองแรงมาก และรวดเร็วอีกต่างหาก ผมคิดว่า ยังไม่ต้องใช้ทั้งแผน ๒ และ ๓ เพราะผู้มีวาสนามีแน่ครับ..

    เรื่องของการบูชาพระพิมพ์ที่มีราคาสูงนั้น ความจริงมันมีวิธีการอยู่ ผมบอกใบ้ให้ว่าเป็นเรื่องของ"ตัวเลขทางบัญชี"ที่ผมศึกษามา และสามารถเอื้อประโยชน์ทั้งส่วนตัว และกิจการได้ บางท่านก็นึกออกแล้วว่าควรทำยังๆไง...
     
  19. sorakran2007

    sorakran2007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +945
    ข้าพเจ้าขอโมทนาในบุญกุศลของท่านทั้งหลาย

    ที่ได้ทำมาดีแล้ว

    ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงอนาคต

    ตราบเท้าเข้าสู่พระนิพพาน

    และขอโมทนาในบุญกุศลที่เกิดขึ้นในกระูทู้นี้ด้วยนะครับ

    สาธุๆ
     
  20. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โมทนาสาธุ ขอเอาใจช่วยครับพี่เพชร

    วันนี้วันเสาร์ ขึ้น 8 ค่ำเดือน 3..ช่วงบ่าย พี่หนุ่ม สิทธิพงศ์ จักได้มอบพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าพระนามสมณะโคดม จำนวนหลายโถ เพื่อบูชาพระคุณแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กับสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยืนนานครบ 5,000 ปี ให้ไว้แก่พี่เอื้อยนำไปประดิษฐาน ณ วัดสำคัญต่างๆทั่วประเทศ...จึงขออนุโมทนาในกุศลอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยครับ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...