พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. gnip

    gnip สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +14
    ขอเป็นกำลังใจในการเดินทางและขอให้ค้นพบในสิ่งที่ปรารถนาด้วยค่ะ

    ธรรมรักษาค่ะ
     
  2. gnip

    gnip สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +14
    ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้เข้ามาพูดคุยกันสักเท่าไร
    ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ และขอแสดงความยินดีกับท่านที่ได้รับรางวัลในโครงการธนาคารแห่งความดีของท่านเพชรด้วยค่ะ แต่ถือว่าเยี่ยมทุกท่านนะคะไม่มีใครได้ 0 เลยสักคน
    ขอปรบมือให้ทุกท่านค่ะ...
     
  3. gnip

    gnip สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +14
    <meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cuser%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Browallia New"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]
    [/FONT]

    [FONT=&quot]ธรรมะใกล้ตัว[/FONT][FONT=&quot]
    พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช

    คุณดังตฤณขอให้หลวงพ่อช่วยเขียนบทความ<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]เพื่อลงหนังสือธรรมะออนไลน์[/FONT][FONT=&quot]
    หลวงพ่อนึกภาพของหนังสือชนิดนี้ไม่ออก
    จึงไม่ทราบว่าควรจะเขียนเรื่องอะไรดี
    แต่ก็ปฏิเสธคุณดังตฤณไม่ลง
    เพราะรักน้ำใจและเคยช่วยกันเผยแผ่ธรรมะมานานแล้ว

    ไหน ๆ หนังสือของคุณดังตฤณก็ชื่อว่า "ธรรมะใกล้ตัว"
    หลวงพ่อจึงขอเล่าให้พวกเราฟังเกี่ยวกับความใกล้ตัวของธรรมะเสียก่อน
    เพราะ "ชาวพุทธ" จำนวนมากมักคิดว่าธรรมะเป็นเรื่องไกลตัว เช่น

    (๑) ธรรมะเป็นเรื่องของคนอื่น เช่น คนแก่ คนเจ็บหนักคนอกหัก <o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]นักโทษประหาร หรือเป็นเรื่องของพระ ฯลฯ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    (๒) ธรรมะอยู่ที่อื่น เช่น อยู่กับพระหรืออยู่กับวัด และ<o:p></o:p>[/FONT]

    [FONT=&quot]
    (๓) ธรรมะเป็นเรื่องในเวลาอื่น คือเวลาในอนาคต
    ส่วนปัจจุบันขอเอาเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆ เสียก่อน
    เอาไว้แก่แล้วจึงจะค่อยหันมาศึกษาธรรมะ เป็นต้น

    กล่าวโดยสรุป คนส่วนมากมักเห็นว่า
    ธรรมะเป็นเรื่องของใครก็ได้ ที่ไม่ใช่ตัวเรา
    ความรู้สึกเหล่านี้เกิดจากทัศนะที่ว่าธรรมะเป็นเรื่องไกลตัวทั้งสิ้น

    แต่ถ้าพวกเราได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ดี
    จะพบว่าธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างยิ่ง
    หลวงพ่อจึงเห็นว่าคุณดังตฤณมาถูกทางแล้ว
    ที่ชวนให้พวกเราสนใจธรรมะใกล้ตัว

    คำว่า "ใกล้ตัว" มีความหมายได้หลายนัย
    อย่างแรกก็คือ ใกล้ในด้านตัวบุคคล
    หมายความว่า ถ้าจะแสวงหาธรรมะก็ไม่ต้องไปแสวงหาที่คนอื่น
    เพราะธรรมะอยู่กับคนที่เราใกล้ชิดที่สุด คือตัวเราเอง
    ซึ่งในประเด็นนี้ขอให้ลองศึกษาอริยสัจจ์ดูได้

    ในบรรดาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น
    อริยสัจจ์เป็นธรรมที่ครอบคลุมธรรมทั้งปวง
    ถ้าปราศจากอริยสัจจ์ก็คือปราศจากพระพุทธศาสนา
    และอริยสัจจ์ข้อแรกนั้นเริ่มต้นด้วยทุกขสัจจ์
    ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงระบุไว้ชัดเจนเลยว่า อุปาทานขันธ์คือทุกข์

    สิ่งที่เรียกว่าอุปาทานขันธ์ก็คือรูปนาม/กายใจของเรานี้เอง
    และทรงสอนว่า ภารกิจต่อทุกข์คือการรู้
    ดังนั้น ถ้าพวกเราเพียงแต่สนใจคอยตามรู้กาย ตามรู้ใจของตนเองเนือง ๆ
    ก็คือการทำกิจต่อทุกขสัจจ์แล้ว

    หากเราตามรู้จนจิตยอมรับความจริงว่ากายนี้ใจนี้ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง
    จิตก็จะเข้าถึงธรรมในระดับพระโสดาบัน
    หากเรียนรู้จนจิตปล่อยวางความยึดถือกายและใจ
    จิตก็จะเข้าถึงธรรมในระดับพระอรหันต์

    พวกเราเห็นหรือยัง ว่าธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัวเพราะเป็นเรื่องของตัวเราเอง
    ดังนั้น ธรรมะจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวในอีกแง่มุมหนึ่งคือ ใกล้ในด้านสถานที่
    เพราะไม่ว่าเราอยู่ที่ไหน ธรรมะก็อยู่ที่นั่น
    เราไม่จำเป็นต้องเที่ยวแสวงหาธรรมะไกลตัวเลย
    เพียงมีสติตามรู้กายใจของตนเองด้วยจิตที่ตั้งมั่นมีสัมมาสมาธิ
    เราจะอยู่ที่ไหน เราก็เห็นธรรมะที่นั่น

    อีกอย่างหนึ่ง ธรรมะเป็นของใกล้ตัวในด้านเวลา
    เพราะธรรมะไม่ได้อยู่ในอดีตหรืออนาคตอันห่างไกล
    แต่ปรากฏอยู่ที่กายที่ใจในปัจจุบันนี้เอง
    พวกเราควรหยุดการแสวงหาธรรมภายนอก
    แล้วพัฒนาสติและสัมมาสมาธิขึ้นมา
    เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเรียนรู้ทุกข์คือกายกับใจของเราเองที่กำลังปรากฏในปัจจุบัน
    แล้วจะพบว่าความทุกข์ทางใจเริ่มหล่นหายเป็นลำดับ ๆ ไปทีเดียว
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]--><o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]_/|\_ _/|\__/|\_
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    [/FONT]<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cuser%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Browallia New"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->[FONT=&quot]http://www.dungtrin.com/mag[/FONT]
     
  4. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309

    ประมาณนี้ครับสุดยอดผมว่าดูแล้วสนุกดีแต่เขาว่าใช้มากจะทำลายเนื้อเยื้อต่าง เขาเอาภาพถ่ายของเนื้อเยื่อหรือกล้ามเนื้อไม่รู้ของไตหรือหัวใจให้ดูมั่งครับหนูที่ใช้epoแบบว่าดูไม่ได้เลย และเขาบอกถ้าเลือดเข้มข้นมากจะทำให้เป็นลิ่มเลือด ที่หัวใจ แต่ก็อย่างที่พี่หมอบอกเขาบอกว่ามีโทษมากกว่าประโยชนื
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตอนนี้ อายุเยอะ แขวนช้อนแล้วครับ ไตรกลีเซอราย(น้องหมอ ถ้าสะกดไม่ถูก บอกด้วยนะครับ) เริ่มสูงไปนิดหน่อยแล้ว แถม ผบทบ.จะให้เข้าหลักสูตรลดน้ำหนักอยู่ด้วยครับ

    แต่ถ้าเป็นเมื่อสัก 10 ปีที่แล้ว สู้ไม่ถอยแน่นอน เคยไปเที่ยวพัทยา ไปกินอาหารเย็นกัน คนอื่นเต็มที่ 3 จาน ผมคนเดียว ข้าว 4 จานแบบพิเศษ (พวกข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ข้าวมันไก่ ข้าวไก่ทอด) และก๋วยเตี๋ยวน้ำพิเศษ อีก 1 ชามครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    ช่วงเวลาของคนๆหนึ่ง รู้สึกถึงชีวิตต่างๆกัน หากยังถึงวันสุดท้ายก็คงไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ได้คิดอะไร หรือคิดแล้วไม่ได้อะไร! ก็ยังไม่อยากไปคิด..

    ช่วงวัยหนุ่มเร่งสร้างฐานะ หวังลาภยศเงินทอง ให้มากที่สุด เพราะเงินทองที่หาได้ต้องเอาไว้จับจ่าย เอาไว้รักษาตัว เอาไว้เที่ยวเตร่..

    พอแก่ชรา เงินทองก็ได้เอาไว้ใช้ตามที่ตั้งใจจริงๆ

    พอวันตายใกล้มาถึง ทำไมถึงไม่อยากได้อะไรเลย ขออย่างเดียว ไม่อยากตาย นึกถึงบุญก็ไม่เคยได้สร้าง ความดีก็ยังไม่มากจนถึงกับต้องนำมาเอื้อนเอ่ย หมดแล้วชีวิตนี้ ต้องไปเริ่มกันใหม่ในชาติหน้า และชาติต่อๆไป แล้วจะสิ้นสุดที่ไหน และสิ้นสุดเมื่อไหร่.....
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    สถานที่ไปนี้ ต้องขอนำเบี้ยแก้วังหน้าไป ๑ คู่ และลูกสะกดวังหน้าไปอีก ๔ ลูก ว่าจะเอาวางไว้ตรงมุมห้อง ๔ มุมพร้อมสู้รบตบมือเต็มที่ ไม่ทำเขาก่อน แต่ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน..
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    แอบมาบอก คุณเพชร นำไปทั้งไม้ครู ,กฤชวังหน้า ,เบี้ยแก้ 2 ตัว ,ลูกสะกด 6 ลูก
    เบี้ยแก้ 2 ตัว และลูกสะกด 2 ลูก คุณเพชรติดตัวตลอดเวลาครับ

    คุณgnip รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ต้องทำหลายๆทางครับ อีกทั้งยาปัจจุบัน และทานผลไม้ที่มีวิตามิน C กันให้เยอะๆครับ
    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เย็นนี้ ผมจะไปงานเลี้ยงที่ทำงาน เลี้ยงปีใหม่ครับ

    ผมจะไปทานเผื่อทุกๆท่านนะครับ

    เมื่อก่อน เพื่อนผมนำบัตรบุฟเฟต์ของโรงแรมแม่น้ำมาให้ ไปกัน 4 ท่าน มีอยู่ 2 ท่านทานกันได้คนละนิดหน่อย ผมกับเพื่อนอีกท่านนึง เวียนตัก 8 รอบ 4 รอบหลัง รอบละ 2 จานครับ บัตรราคาท่านละ 350 บาท กินกันไปคุ้มแสนคุ้มครับ

    ตอนนี้ทานไม่ได้เยอะแบบนั้นแล้ว สงสัยว่า อายุจะเยอะขึ้น

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ newcomer [​IMG]
    คุณหนุ่มบรรยายเห็นภาพเลย ครับ
    นานมาแล้ว เคยไปทานบุฟเฟต์ของโรงแรมแม่น้ำ
    จะมีเมนูพิเศษ ตรงซุ้มอาหารจีน คือ เป็ดปักกิ่ง ครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เพื่อนๆที่ทำงานบอกว่า ถ้าไอ้สองคนนี้นั่งโต๊ะไหน อย่าไปนั่งด้วย เดี๋ยวกินไม่ทันครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ katicat [​IMG]
    เดี๋ยวหาคู่ดวลให้นะคะ ไปกัน6คน กินบาร์บีคิวพลาซ่าชุดครอบครัว16ชุดค่ะ ไม่รวมข้าวและอาหารอื่นๆนะคะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    วันนี้ไปทาน เนื่องในโอกาสปีใหม่ มีการนำของขวัญไปจับสลากกัน มีคนที่ไม่ได้ไปร่วมงานหลายคน ผู้ที่ไปก็ลงมติว่า ให้ตัดสิทธิสำหรับผู้ที่ไม่ไป ก็เลยมีการจับสลากกัน สามรอบ

    รอบแรก ให้เจ้านายจับชื่อขึ้นมา เมื่อได้ชื่อแล้ว ก็ให้เจ้าตัวที่ถูกจับชื่อขึ้นมา มาจับสลาก(ของรางวัล) พอได้ของขวัญแล้ว ก็จับรายชื่อขึ้นมาต่อ รอบแรกได้ของขวัญกันทุกคน

    รอบสอง เหลือของขวัญเพียง 5 ชิ้น โดยมีชิ้นใหญ่อยู่ 1 ชิ้น( มีการลงมติให้นำไปจับครั้งหลัง) สรุปเหลือของขวัญ 4 ชิ้น ก็เริ่มจับสลากกันเหมือนเดิม ปรากฎว่า ผมได้มาอีกรอบ จากจำนวนคน 12 คน

    รอบสาม มีการจับสลากกัน(รางวัลชิ้นใหญ่ 1 ชิ้น) โดยให้ทุกๆคนจับชื่อขึ้นมา ชื่อใครโดยจับขึ้นมา ให้ถือว่า คัดออก และให้ผู้ที่โดนจับชื่อคัดออก เป็นคนที่จับชื่อคนต่อไป มีการลุ้นกันตลอด งานนี้ผมโดนจับออก

    เจ้านายเห็นสนุกตาม ก็เลยมีการมอบเงินให้ โดยให้จับสลากกันสองรอบ รอบละ 500 บาท แต่สองรอบหลัง ในครั้งแรกที่จับชื่อออก โดยให้เจ้านายเป็นคนที่จับชื่อออก เจ้านายบอกว่า หากผมจับรายชื่อใครออกเป็นคนแรก ผมให้รางวัล 100 บาท จะได้ไม่โดนโวย ปรากฎว่า ผมอดทั้งสองครั้ง แต่ผู้ที่โดนจับสลากออกเป็นคนแรก ปรากฎว่า เป็นคนๆเดียวกัน แต่ที่ฮาที่สุด ทั้งสองรอบหลัง โดยเป็นเงินรางวัล 500 บาท 2 ครั้ง ผู้ที่ได้ ก็เป็นคนเดียวกันอีก วันนี้เป็นวันของน้องคนนี้โดยแท้

    อาหารก็พอใช้ได้นะครับ แต่ไม่ลงร้าน เดี๋ยวจะเป็นการโฆษณาครับ

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สื่อสารบอกความรู้สึก
    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdNUzB4TUE9PQ==

    คอลัมน์ สดจากจิตวิทยา

    นฤภัค ฤธาทิพย์-กรมสุขภาพจิต



    เขียนได้พูดคุยกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งมีเรื่องน้อยอกน้อยใจสามีของตนเอง ในเรื่องการเลือกสถานที่พักผ่อนในวันหยุด ฝ่ายสามีเข้าใจว่าภรรยาไม่พอใจเพราะไม่ต้องการไปพักผ่อนร่วมกับญาติของตน แต่ภรรยาไม่พอใจที่สามีตัดสินใจโดยไม่ปรึกษากันก่อน ทั้งที่ได้มีการวางแผนร่วมกันไว้แล้วมาเปลี่ยนแปลงภายหลังโดยไม่บอกกล่าว ด้วยความเข้าใจที่ไม่ตรงกันจึงทำให้เกิดอาการงอนไม่พูดจากันไปหลายวัน

    เรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ในการใช้ชีวิตร่วมกัน โดยต่างฝ่ายต่างคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคิดหรือรู้สึกอย่างไร แต่ขาดการสื่อสารที่ชัดเจนให้รับรู้ร่วมกัน ดังนั้น แนวทางในการแก้ไขคือการหาโอกาสพูดกันตรงๆ ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นและสาเหตุของความไม่พอใจ มิใช่เอาแต่คิดน้อยอกน้อยใจและรอให้อีกฝ่ายรับรู้ด้วยตนเอง ซึ่งเขาอาจไม่รับรู้หรือเข้าใจไม่ตรงกับเราก็เป็นได้ และเมื่อยังขาดการสื่อสารให้เข้าใจตรงกันปัญหาเติมๆ ซ้ำๆ ก็จะเกิดขึ้นอยู่เสมอ นำมาซึ่งความเบื่อหน่ายและเรื่องราวขัดแย้งให้เกิดขึ้นในชีวิตคู่

    อย่าคิดว่าคนสองคนเมื่อใช้ชีวิตร่วมกันจะต้องรับรู้และเข้าใจความคิดของกันและกันในทุกเรื่อง แม้จะอยู่ด้วยกันมานาน แม้จะดูเข้าอกเข้าใจกัน แต่การสื่อสารก็ยังเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตร่วมกัน เมื่อเกิดความไม่เข้าใจ ไม่พอใจกันขึ้น หาโอกาสพูดคุยถึงความคิดความรู้สึกของกันและกัน เพื่อให้เกิดการรับรู้ที่ตรงกัน และร่วมกันหาทางออกที่ลงตัวสำหรับคนสองคน
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สคบ.เตือนผู้ซื้อบ้านคดีทะลักศาล "กู้ไม่ผ่าน"จัดสรรสบช่องตีความยึดเงินจอง-ดาวน์
    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02rea01080152&day=2009-01-08&sectionid=0217


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เปิดสถิติ สคบ.เรื่องร้องเรียนซื้อบ้าน ไม่ได้บ้านยังล้นสำนักงาน เผยปัญหา "กู้ ไม่ผ่าน-สร้างไม่เสร็จ-เลี่ยงจัดสรร" ยังท็อปฮิต เตือนผู้ซื้อบ้านอ่านสัญญาให้ละเอียด ประเด็น "กู้ไม่ผ่าน-กู้ได้ไม่เต็มวงเงิน" กลายเป็นกับดักเปิดช่องว่างให้ผู้ประกอบการยึดเงินจอง-เงินดาวน์มาแล้ว ล่าสุดคดีทะลัก 96 ราย คาดแนวโน้มปี"52 ปัญหาลักไก่แบบนี้จะสูงต่อเนื่อง



    แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากการเก็บสถิติรับเรื่องร้องเรียนของผู้บริโภคเกี่ยวกับสัญญาและอสังหาริมทรัพย์ผ่าน สคบ.ในรอบปีงบประมาณ 2551 ที่ผ่านมา (ต.ค.2550-ก.ย.2551) พบว่ามีจำนวน 2,190 ราย ลดลงประมาณ 10% จากปีงบประมาณ 2550 (ต.ค.2549-ก.ย.2550) ที่มีเรื่องร้องเรียนจำนวน 2,470 ราย

    ทั้งนี้ สำหรับสถิติเรื่องร้องเรียนรอบปีงบประมาณ 2551 สามารถแบ่งแยกออกเป็น 6 กลุ่มคือ 1) กรณีสิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดิน 830 ราย 2) กรณีอาคารชุดและอาคารพาณิชย์ 328 ราย 3) กรณีเช่าพื้นที่ เช่าห้องพัก และเช่าอาคาร 110 ราย 4) กรณีที่ดิน 38 ราย 5) กรณีสัญญาว่าจ้างก่อสร้างบ้าน 56 ราย และ 6) กรณีสินค้าและบริการ อาทิ บัตรเครดิต รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ฯลฯ 828 ราย

    จากสถิติดังกล่าวสังเกตว่าประเด็นปัญหาที่ได้รับร้องเรียนเข้ามาเป็นอันดับต้นๆ ประกอบด้วย 1) ปัญหากู้ไม่ผ่านหรือกู้ได้ไม่เต็มวงเงินที่ขอกู้นำไปสู่ปัญหาผู้ประกอบการยึดเงินจอง โดยมีจำนวนผู้ร้องเรียนกรณีนี้ถึง 96 ราย ซึ่งถือว่าสูงผิดปกติ 2) มีการก่อสร้างแต่ไม่แล้วเสร็จ และ 3) บริษัทหลีกเลี่ยงกฎหมายจัดสรรที่ดินและกฎหมายควบคุมอาคาร โดยเฉพาะปัญหากู้ไม่ผ่านหรือกู้ได้ไม่เต็มวงเงินฯ เป็นประเด็นที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามาค่อนข้างมาก ทั้งกรณีสิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดินและกรณีอาคารชุดและอาคารพาณิชย์ โดยมีจำนวน 76 ราย และ 20 รายตามลำดับ

    ประเด็นที่น่าสนใจคือ เริ่มมีปรากฏการณ์ "ยึดเงินจอง" หรือบ่ายเบี่ยงไม่คืนเงินจองเนื่องจากปัญหาการอนุมัติวงเงินกู้ของสถาบันการเงิน นายพิฆเนศ ต๊ะปวง ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา สคบ. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เหตุผลที่มีเรื่องร้องเรียนปัญหากู้ไม่ผ่านหรือกู้ได้ไม่เต็มวงเงินเริ่มมีเข้ามาค่อนข้างมาก อาจเป็นเพราะที่ผ่านมา สถาบันการเงินต่างๆ เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย และเท่าที่ทราบในปีนี้ธนาคารทุกแห่งยังคงยึดนโยบายตามเดิม ดังนั้นจึงอยากแนะนำ ผู้บริโภคให้ตรวจสอบข้อความที่ระบุในสัญญาอย่างรอบคอบ

    เพราะลักษณะปัญหาที่ผู้บริโภคร้องเรียนส่วนใหญ่มักเกิดจากการ "กู้ได้ไม่เต็มวงเงิน" มากกว่า "กู้ไม่ผ่าน" ดังนั้นถึงแม้ในสัญญาจะซื้อจะขายระบุว่าผู้บริโภคจะได้รับคืนเงินจองหรือเงินมัดจำในกรณีกู้ไม่ผ่าน แต่ไม่ได้หมายความรวมถึงกรณีกู้ผ่านแต่ได้ไม่เต็มวงเงิน เช่น ยื่นกู้ 1 ล้านบาท แต่แบงก์อนุมัติ 8 แสนบาท เป็นต้น

    "จุดอ่อนของปัญหาลักษณะนี้คือ ผู้ประกอบการบางรายอาจระบุในสัญญาว่า ยินดีคืนเงินจองกรณีกู้ไม่ผ่าน แต่ปัญหาคือ ผู้ซื้อบ้านส่วนใหญ่จะกู้ผ่าน แต่ได้ไม่เต็มวงเงินที่ขอ ดังนั้น การตีความจึงเกิดปัญหาได้ เพราะผู้บริโภคตีความว่าเป็นการกู้ไม่ผ่าน แต่ผู้ประกอบการตีความว่ากู้ผ่านแต่ได้ไม่เต็มวงเงิน ดังนั้นจึงมีสิทธิตามสัญญาที่จะริบเงินจองหรือเงินมัดจำได้ ปัญหาไม่ได้หยุดแค่นั้น เพราะการไม่คืนเงินจองจะรวมถึงเงินดาวน์ด้วย ซึ่ง สคบ.พยายามไกล่เกลี่ยแต่บางรายก็จะยินยอมคืนเงินเพียงครึ่งหนึ่งของเงินจองและเงินดาวน์ แต่ก็มีบางรายที่ต้องส่งคดีขึ้นถึงการพิจารณาของศาล"

    ส่วนเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการก่อสร้างแต่ไม่แล้วเสร็จถือเป็นอีกปัญหาที่น่าเป็นห่วง โดยนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2551 ที่ผ่านมา สคบ.ได้รับร้องเรียนเกี่ยวกับคอนโดมิเนียม ที่ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามกำหนดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจาก 1) เป็นคอนโดฯที่ไม่ผ่านการจัดทำรายงาน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (สวล.) จึงไม่สามารถก่อสร้างต่อได้ และ 2) สถาบันการเงินยุติการปล่อยสินเชื่อพัฒนาโครงการเนื่องจากมียอดขายต่ำกว่าเป้า

    อย่างไรก็ตาม หากโครงการนั้นๆ มีแนวโน้มก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามกำหนด มีคำแนะนำว่าผู้บริโภคควรมีหนังสือไปยัง ผู้ประกอบการเพื่อแจ้งความต้องการหยุดพักการจ่ายเงินดาวน์เพื่อใช้เป็นหลักฐานต่อไป ไม่เช่นนั้นอาจเข้าข่ายละเมิดสัญญาหากว่าผู้บริโภคผิดนัดชำระเงินติดต่อกัน 3 เดือน โดยไม่แจ้งให้ผู้ประกอบการรับทราบ

    นายพิฆเนศกล่าวด้วยว่า ถ้าพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจซบเซามีความเป็นไปได้ว่าสถิติเรื่องร้องเรียนในปีนี้อาจกลับมาเพิ่มขึ้นสูง สะท้อนจากสถิติเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับสัญญาและอสังหาริมทรัพย์ในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2551 มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 90 ราย เป็น 135 ราย โดยคาดว่าเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการขอกู้ไม่ผ่านและก่อสร้างไม่แล้วเสร็จจะยังคงเป็นประเด็นปัญหาอันดับต้นๆ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอแจ้งหมายกำหนดการยกฉัตร ที่พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

    [​IMG]

    แผนที่ การเดินทางไปที่ สนส.ผาผึ้งครับ
    [​IMG]

    http://palungjit.org/showthrea...61#post1785661
    http://palungjit.org/showthrea...14#post1785514

    การสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ปัจจุบันนี้ใกล้จะสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว คงเหลือการตกแต่งภายใน ,ภายนอก อีกบางส่วน งบประมาณเท่าที่ผมทราบมายังคงค้างอยู่อีก ประมาณ 1-1.5 ล้านบาท

    ร่วมด้วยช่วยกันนะครับ ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้วครับ

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้
    ร่วมกันสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิมาโดยตลอดครับ
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คำขวัญวันเด็กตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
    http://www.dailynews.co.th/web/html/...e=2&Template=1


    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>วันนี้ถือเป็นวันเด็กแห่งชาติ และในทุก ๆ ปีก็ต้องมีคำขวัญวันเด็ก วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์จึงขอนำคำขวัญวันเด็กตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาบอก...
    คำขวัญวันเด็ก เป็นคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล ป.พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมา จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
    คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ของนายกรัฐมนตรีในปีต่าง ๆ
    พ.ศ.2499 - จอมพล ป.พิบูลสงคราม - จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม
    พ.ศ.2502 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า
    พ.ศ.2503 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด
    พ.ศ.2504 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย
    พ.ศ.2505 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด
    พ.ศ.2506 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด
    พ.ศ.2507- งดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
    พ.ศ.2508 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี
    พ.ศ.2509 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี
    พ.ศ.2510 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย
    พ.ศ.2511 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง
    พ.ศ.2512 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ
    พ.ศ.2513 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส
    พ.ศ.2514 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ
    พ.ศ.2515 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ
    พ.ศ.2516 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
    พ.ศ.2517 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ - สามัคคีคือพลัง
    พ.ศ.2518 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ - เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี
    พ.ศ.2519 - หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช - เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้
    พ.ศ.2520 - นายธานินทร์ กรัยวิเชียร - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย

    พ.ศ.2521 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
    พ.ศ.2522 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - เด็กไทยคือหัวใจของชาติ
    พ.ศ.2523 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
    พ.ศ.2524 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม
    พ.ศ.2525 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
    พ.ศ.2526 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม
    พ.ศ.2527 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา
    พ.ศ.2528 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม
    พ.ศ.2529 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
    พ.ศ.2530 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม

    พ.ศ.2531 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
    พ.ศ.2532 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
    พ.ศ.2533 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
    พ.ศ.2534- พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา
    พ.ศ.2535 - นายอานันท์ ปันยารชุน - สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม
    พ.ศ.2536 - นายชวน หลีกภัย - ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
    พ.ศ.2537 - นายชวน หลีกภัย - ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
    พ.ศ.2538 - นายชวน หลีกภัย - สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
    พ.ศ.25309 - นายบรรหาร ศิลปอาชา - มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด
    พ.ศ.2540 - พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ - รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด
    พ.ศ.2541 - นายชวน หลีกภัย ขยัน - ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
    พ.ศ.2542 - นายชวน หลีกภัย ขยัน - ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
    พ.ศ.2543 - นายชวน หลีกภัย - มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
    พ.ศ.2544 - นายชวน หลีกภัย - มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
    พ.ศ.2545 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส
    พ.ศ.2546 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี
    พ.ศ.2547 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน
    พ.ศ.2548 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด
    พ.ศ.2549 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด
    พ.ศ.2550 - พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ - มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข
    พ.ศ.2551 - พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ - สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม
    พ.ศ.2552 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี
    อ่านจบก็คงทราบแล้วว่าในแต่ละปีมีคำขวัญว่าอะไรกันบ้าง สำหรับวันเด็กปีนี้ ขอให้เด็ก ๆ มีความสุขและเป็นเด็กดีของคุณพ่อคุณแม่ด้วย.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นำมาฝากท่านโด และลูกหลานชาววังหน้าครับ
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 11 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 7 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, ake7440+, ice17, nongnooo+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ไปพักผ่อนแล้วนะครับ พรุ่งนี้ยังมีภาระกิจอีกหลายประการที่ต้องทำ

    ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
     
  15. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    Triglyceride ไตรกลีเซอไรด์ อาจจะเขียนอย่างนี้นะครับ ยอมรับตามตรงว่าศัพท์เฉพาะนั้น หากสังเกตจะเห็นว่าผมมักจะทับศัพท์เป็นอังกฤษ
    ก็ไม่ใช่ว่าดัดจริตพูดไทยคำอังกฤษคำ เพราะผมพูดอังกฤษไม่คล่อง แต่ว่าด้วยความที่ผมใช้ประจำจนผมเขียนภาษาไทยไม่ถูก หรือ ไม่แน่ใจนัก และ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้นำไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้
    ผมจึงมักจะทับศัพท์ไว้ สรุปง่ายๆว่า อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจแต่คิดว่าเขียน ไตรกลีเซอไรด์ ครับผม
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอบใจครับน้องหมอ

    ต้องไปพักผ่อนแล้วครับ

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อ "พริกป่น" เสี่ยงต่อสาร "อะฟลาท็อกซิน" .........ไม่แพ้ถั่วลิสง
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1231550930&grpid=01&catid=02

    [​IMG]


    รู้หรือไม่ ถ้าเราเก็บรักษา "พริกป่น" ไม่ดีโดยปล่อยให้มีความชื้น จะส่งผลให้เกิดสารอันตราย "อะฟลาท็อกซิน" ได้ไม่แพ้ "ถั่วลิสง" แล้วพริกป่นสำเร็จรูปที่เราทานกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันล่ะ จะ "ปลอยภัย" ต่อสุขภาพแค่ไหนกัน

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>

    เกิดเป็นไทยกินอาหารอะไรก็ต้องแซ่บไว้ก่อน "พริก" จึงกลายเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งที่คนไทยขาดแทบไม่ได้ แถมยังเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ สามารถพัฒนาในระดับอุตสาหกรรมเพื่อผลิตสินค้าหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ยา ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ ยาฆ่าแมลง ส่วนผสมของสายเคเบิ้ล หรือผลิตภัณฑ์แก้ง่วง


    "พริกป่น" เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมไม่แพ้กัน แต่พริกป่นนั้น จำเป็นต้องเก็บไว้ในที่แห้งสนิท เพราะเกิด "เชื้อรา" ง่าย เมื่อเกิดเชื้อราขึ้นแต่เราบริโภคเข้าไป ก็จะได้รับสาร "อะฟลาท็อกซิน" เป็นของแถม จากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า พริกป่นเป็นอาหารที่เสี่ยงต่อการเกินสารอะฟลาท็อกซินได้ง่าย ไม่แพ้ "ถั่วลิสง" ยิ่งในปัจจุบันประเทศไทยนำเข้าพริกป่นจากต่างประเทศมากขึ้น ความเสี่ยงจึงมีมากขึ้นตามไปด้วย เพราะผู้บริโภคขาดข้อมูลแหล่งผลิตสินค้า


    เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง เราจึงเก็บตัวอย่าง "พริกป่น" ที่บรรจุในซองสำเร็จรูป 2 ยี่ห้อยอดนิยม ได้แก่ "ไร่ทิพย์" และ "ข้าวทอง" พร้อมด้วยพริกป่นบรรจุซองขายในห้างอีก 5 ยี่ห้อ ได้แก่ ตราเจเจ ตราบางช้าง ตรามือที่ 1 ตรานักรบและตราศาลาแม่บ้าน รวมทั้งพริกป่นแบบแบ่งขายใตตลาดสด จากนั้นไปนำส่งห้องทดสอบ สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อตรวจหาสารอะฟลาท็อกซิน


    ผลการทดสอบ


    พบการปนเปื้อนสาร "อะฟลาท็อกซิน" ในพริกป่นเกือบทุกตัวอย่าง แต่ปนเปื้อนในปริมาณไม่มากจนน่าห่วง คือ พบน้อยกว่าที่ อย.กำหนดไว้ที่ไม่เกิน 20 ไมโครกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม ทั้งนี้ ตามปกติแล้วเรามักไม่บริโภคพริกป่นในปริมาณมาก เพียงแค่เติมเพื่อชูรสชาติเท่านั้น จึงไม่น่ากังวลต่อการบริโภค อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรประมาท ทางที่ดีที่สุดจึงเป็นการเลือกพริกแห้งมาคั่วพริกป่นทานเอง หากซื้อจากแม่ค้า ก็ควรเลือกซื้อจากเจ้าที่เชื่อถือได้และหมุนเวียนสินค้าไว


    คำแนะนำ

    1.ควรเก็บพริกป่นในที่แห้งสนิทและใช้ช้อนกลางตักเสมอ
    2.ไม่ควรซื้อพริกป่นในปริมาณมาก เพื่อเก็บไว้ทานนานๆ
    3.พริกป่นที่ทำเอง จะสะอาดและเผ็ดกว่าที่ทำขาย เราสามารถทำเองได้ง่ายๆ โดยการนำพริกสดไปตากแห้งแล้วคั่วจนหอม จากนั้นให้นำใส่เครื่องปั่นหรือโขลกให้แหลก
    4.ควรเลือกซื้อพริกป่นจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน ตรวจสอบวันผลิตทุกครั้ง



    (ติดตามอ่านบทความดีๆ จากฉลาดซื้อได้ที่ หมวด "คอลัมน์พิเศษ")


    **********************



    ที่มา นิตยสาร "ฉลาดซื้อ" ฉบับที่ 94 เขียนโดย กองบรรณาธิการฉลาดซื้อ


    (ติดต่อ "ฉลาดซื้อ" ได้ที่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 4/2 ซ.วัฒนโยธิน แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 โทรศัพท์ 0-2248-3734-7 โทรสาร 0-2248-3733 อีเมล webmaster@consumerthai.org)

     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เริ่มต้นปีใหม่ให้ดี ด้วยการ"อย่าทำ"แบบนี้?
    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01lad01100152&sectionid=0115&day=2009-01-10
    คอลัมน์ สรรหามาเล่า

    โดย raikorn@hotmail.com



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ปีใหม่ กลายเป็น "จุดเริ่มต้น" ให้ใครหลายคน คิดเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ ให้ตัวเองหรือกลายเป็นช่วงเวลาที่หลายคนคิดจะเริ่มต้นลงมือแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ ที่ยังไม่ได้ลงมือทำสักที?

    อย่างเช่น ฉันจะเริ่มต้นออกกำลังกาย ฉันจะกำจัดความอ้วนออกไปจากชีวิตให้ได้ละปีนี้ ฉันจะต้องขยันทำงาน ให้ได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกให้ได้ ฯลฯ ฟังดูคุ้นๆ มั้ยค่ะ?

    เชื่อว่า ที่ว่ามานั้น น่าจะเป็น รีโซลูชั่น (Resolution) หรือความตั้งใจที่ใครหลายคนนึกอยากจะทำ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยน พ.ศ.ใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีนะ แต่ที่อยากจะเล่าสู่กันฟังวันนี้ ก็คือว่า ความตั้งใจทำสิ่งดีๆ อาจไม่ทำให้เกิดผลลัพธ์ดีๆ ตามมาเสมอไป

    ส่วนหนึ่ง อาจเป็นเพราะเราไม่รู้ "วิธี" ที่จะตั้งโจทย์ ที่จะทำให้เกิดความล้มเหลวน้อยที่สุดนั่นเอง และเรื่องนี้ก็มีองค์กรการกุศลชื่อว่า ไมนด์ (Mind) ของอังกฤษ ที่ทำงานให้บริการด้านสุขภาพจิตแก่สาธารณชน ได้ออกมาให้ข้อมูล "เตือน" กันตั้งแต่ต้นปีว่า การ "ตั้งเป้าหมาย" ในปีใหม่ ที่จะปรับปรุงตัว ปรับปรุงชีวิตให้ดีขึ้น ส่วนมากมักจะทำให้เจ้าของชีวิตเหล่านั้น รู้สึก "แย่" มากขึ้นกว่าเดิม

    ในรายงานของ ไมนด์ เตือนก่อนเลยว่า หากใครไม่อยากรู้สึก "ล้มเหลว" กับตัวเอง โปรดเลี่ยงการตั้งเป้าหมายที่จะแก้ไขความไม่สมบรูณ์พร้อมด้านร่างกาย อย่างเช่น ความพยายามจะลดน้ำหนัก เพราะการตั้งเป้าแบบนี้จะทำให้เกิดความรู้สึก "ติดลบ" กับรูปลักษณ์ของตัวเอง และนำไปสู่ความรู้สึกขาดความมั่นใจ ความรู้สึกไร้ความหวัง กระทั่งก่อให้เกิดอาการซึมเศร้าแบบอ่อนๆ ได้

    ทั้งนี้ พอล ฟาร์เมอร์ ผู้บริหารของไมนด์ พูดถึงภาพรวมของ "เป้าหมาย" ที่หลายคนชอบตั้งกันว่าจะต้องทำให้ได้ทุกขึ้นปีใหม่ ก็คือ "ส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นปัญหาที่ทำให้ไม่สบายใจหรือเรื่องที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นคง ปลอดภัย อย่างเช่น เรื่องอ้วน, รู้สึกไม่มีความสุขกับงานที่ทำ หรือความรู้สึกผิดที่ไม่ค่อยมีเวลาให้เพื่อนๆ ให้ครอบครัวตลอดปีที่ผ่านมา เวลาตั้งเป้าหมาย เราจึงผลักดันตัวเองให้วิ่งไล่ตามเป้าหมายที่เราอยากจะทำให้สำเร็จในระยะเวลาสั้นๆ แล้วยังตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่เรามักจะล้มเหลวในการทำเป้าหมายเหล่านั้นให้เป็นจริง แล้วก็ลงท้ายด้วย เรากลับรู้สึกแย่มากขึ้นกว่าตอนเริ่มต้นทำตามเป้าหมาย"

    ดังนั้น สิ่งที่น่าจะลองทำ พอล ฟาร์เมอร์ แนะว่า "ในปี 2009 นี้ แทนที่คุณจะตั้งเป้าหมายตั้งมากมายหลายข้อ คุณก็แค่เริ่มต้น คิดบวกกับปีนี้ และคิดถึงสิ่งที่คุณสามารถทำให้เป็นจริงได้"

    แล้ว สิ่งที่ว่านั้น คืออะไรล่ะ ไมนด์บอกว่า ให้ลองปลุกหัวใจให้รู้สึกคึกคัก กระฉับกระเฉง ...พยายามออกไปสัมผัสกับธรรมชาติ .... เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และลองทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนที่คุณอาศัยอยู่ แค่นี้ ก็น่าจะทำให้ปี 2552 อาจจะเป็น "ปีทอง" ของคุณก็ได้ ในเมื่อรู้จักตั้งเป้าหมาย ที่ไม่ไกลเกินเอื้อม!!!
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>ท่องไปกับใจตน-มักกะลีผล...จริงรึ? ต้นไม้ออกลูกเป็นคน
    http://www.komchadluek.net/2009/01/10/x_soc_s001_330952.php?news_id=330952
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4>

    </TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER>

    ได้ยินคำร่ำลือมานานถึงต้นไม้ชนิดหนึ่งสามารถแตกดอกออกผลเป็นผู้หญิง แถมอวบอิ่มเปล่งปลั่งเป็นสาวคราว 15 หยกๆ 16 หย่อนๆ เป็นที่ต้องตาตรึงใจของบรรดาฤาษีที่ปลีกวิเวกไปบำเพ็ญเพียรในป่าลึก ขนาดแย่งกันขึ้นไปเด็ดมาดอมดมชมชื่น

    จนตบะที่ฝึกมาแก่กล้าถึงคราต้องแตกยับดับดิ้นไปตามๆ กัน เรื่องนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเรื่องเหลือเชื่อกึ่งไสยศาสตร์มนต์ดำ จำพวกเหล็กไหล ช้างน้ำ เขี้ยวเสือไฟ ฯลฯ ที่คนหลงเชื่อมักตกเป็นเหยื่อพวก 18 มงกุฎ เอามวลสารแปลกๆ มาหลอกคนมีตังค์ที่เชื่อคนง่าย ผมก็เลยรู้สึกเฉยๆกับเรื่อง มักกะลีผล นึกไปว่าคนจะขายของต้องอวดอ้างสรรพคุณเป็นธรรมดา

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>



    จนเมื่อต้นหนาวคราวน้ำนองเต็มตลิ่ง มีโอกาสไปสักการะพระมหาเจดีย์ชเวดากอง(จำลอง) ที่วัดพระบรมธาตุ อ.บ้านตาก จ.ตาก แม้องค์เจดีย์จะมีขนาดเล็กกว่าของจริงที่ย่างกุ้งหลายเท่า แต่ก็ปิดทองอร่ามงามตาไม่แพ้กัน ทว่า ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้น กลับเป็นหน้าต่างไม้ของพระอุโบสถ ซึ่งนอกจากแกะสลักภาพเล่าเรื่องพุทธประวัติแล้ว ยังมีภาพ มักกะลีผล ในป่าหิมพานต์ กำลังถูกฤาษี นักสิทธิ์ วิทยาธร ปีนขึ้นไปเอามีดตัดขั้วลงมาเชยชม พอตัดได้แล้วก็อุ้มสมผลไม้สาวเหาะหายไปอย่างทะนุถนอม ขณะที่บางคนก็กำลังปีนขึ้นต้นมักกะลีผลด้วยท่วงท่ากระเหี้ยนกระหือรือ
    เห็นภาพนี้เลยนึกได้ว่า เมื่อหลายปีก่อนคุณยุทธวงษ์ วงษ์ทอง กัลยาณมิตรจากสระบุรี และเว็บมาสเตอร์โค้กไทย เคยชวนไปอภิรมย์ชมชื่นภาพจิตรภาพกรรมฝาผนังชิ้นเยี่ยมที่วัดหนองยาวสูง อ.เสาไห้ ซึ่งมีภาพมักกะลีผลเป็นจุดเด่น ช่างเขียนภาพท่านเขียนละเอียดถึงขั้นมีเทวดากับฤาษีราวีกันเป็น ศึกชิงนางผลไม้ คนที่ได้นางไปแล้วก็กำลังทำลับๆ ล่อๆ อยู่หลังโขดหิน เทวดาบางองค์อดใจไม่ไหว อุ้มสมนางผลไม้ไปโอ้โลมปฏิโลมกันโจ๋งครึ่มไม่อายใคร เย้ายวนใจให้กลับมาค้นหาความจริงว่า มักกะลีผล เป็นเรื่องจริงหรือตำนานกันแน่

    พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ให้ความหมายของคำ มักกะลีผล เป็นชื่อต้นไม้ในนิยาย โบราณว่ามีอยู่ที่ป่าหิมพานต์ ออกผลเป็นรูปหญิงสาวงดงาม ห้อยย้อยเป็นระย้า เมื่อครบ 7 วัน ผลก็เน่า, นารีผล ก็เรียก ขณะที่ไตรภูมิพระร่วง บอกว่า มักกะลีผล เป็นต้นไม้วิเศษในป่าหิมพานต์มีผลเป็นรูปสตรีอันพึงใหญ่ได้ 16 ปี แลฝูงผู้ชายได้เห็นก็มีใจรัก โดยเฉพาะเหล่าฤาษี นักสิทธิ์ วิทยาธร ต่างแย่งชิงไปเชยชม ก็เลยมีคำถามอีกว่า แล้วฤาษี นักสิทธิ์ วิทยาธร เป็นใคร ราชบัณฑิตท่านว่า ฤาษี คือนักบวชพวกหนึ่ง มีมาก่อนพุทธกาล สละบ้านเรือนออกไปบำเพ็ญพรตแสวงหาความสงบ บางทีเรียกว่า นักสิทธิ์ แปลว่าผู้สำเร็จส่วน วิทยาธร หรือพิทยาธร เป็นอมนุษย์ พวกหนึ่งคือไม่ใช่คน แต่ก็ไม่ใช่เทวดา เพราะเชื่อว่าวิทยาธรมีวิชากายสิทธิ์ สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ อยู่ในภูเขาหิมาลัย มีหน้าที่ปรนนิบัติพระศิวะ บางตำราว่าพวกนักสิทธิ์ วิทยาธรที่ฝึกจนแก่กล้าจะสามารถเล่นแร่แปรธาตุ ทำปรอทเหลวให้แข็งเป็นก้อน เรียกว่า สำเร็จปรอท ทำให้เหาะได้และร่างกายเป็นหนุ่มตลอดเวลา จนต้องเหาะไปอยู่ป่าหิมพานต์ เพราะเหม็นสาบมนุษย์ เลยได้ไปพานพบ มักกะลีผล นั่นเอง
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    ประมวลเรื่องราวทั้งหมดแล้วถึงแม้จะไม่กล้า ฟันธง และคอนเฟิร์ม แต่ผมเชื่อว่ามักกะลีผล ต้นไม้ที่ออกผลเป็นหญิงสาว...ไม่น่าจะมีจริงน่าจะเป็นภาพลวงตาของบรรดาผู้คนที่ฝึกวิชาอยู่แต่ในป่า ห่างไกลผู้คนและหญิงสาว พอร้อนวิชามากๆ เข้า ก็อาจมองผลไม้อะไรก็ได้ ที่มีส่วนเว้าส่วนโค้ง แล้วเห็นเป็นผู้หญิงอย่างที่ใจกำหนด ตามประสาผู้ที่ยังไม่หมดกิเลส บางทีผลไม้ชนิดนั้นอาจถือเป็นบททดสอบตบะ ของพวกฤาษีประมาณว่ามารไม่มี บารมีไม่เกิด นานวันเข้าก็เลยเรียกขานว่า มักกะลีผล ที่ออกเสียงแล้วคล้ายๆมักนารีผล นั่นเอง (แต่ในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตฯ ไม่มีคำว่า มักนารีผล)
    ชวนให้นึกถึงเรื่องเล่าในพม่าว่าสมัยก่อนพระที่จะเลื่อนขั้นเป็นเจ้าอาวาส หรือสมภาร ต้องผ่านขั้นตอนทดสอบ โดยให้ท่านไปนั่งทำสมาธิเพียงลำพัง ในห้องแคบๆ ที่มีภาพจิตรกรรมเชิงสังวาส หรือ อีโรติก เช่นภาพผู้หญิงอาบน้ำ ฯลฯ วาดสอดแทรกไว้ แล้วจะมีกรรมการคอยตรวจว่า แคนดิเดตสมภาร รูปนั้นสมาธิหลุดแอบเหล่ภาพสาวอาบน้ำหรือไม่ ถ้าสมาธิแก่กล้าเพียงพอก็ขึ้นชั้นสมภารได้ ต่อมาจึงเรียกห้องนั้นว่า ห้องทดสอบสมภาร

    พูดถึงความมีหรือไม่มีอยู่จริงของ มักกะลีผล อยากอุปมากับเรื่องเล่าในพุทธประวัติ ว่า หลังจากตรัสรู้ พระพุทธเจ้าประทับเสวยวิมุติสุขอยู่ที่ต้นอชปาลนิโครธ หรือต้นไทร แล้วมีธิดาพญามารมาร่ายรำยั่วยวน แต่ไม่สำเร็จ แถมตอนมาร่ายรำยังเป็นสาว แต่พอปฏิบัติการสายล่อฟ้าไม่สำเร็จ ก็กลับกลายเป็นคนแก่ เดินยักแย่ยักยันหนีไป ในความเป็นจริง ไม่มีธิดาพญามารที่ไหนหรอก แต่เป็นเรื่องเล่าให้รู้ว่า บุคคลเมื่อบรรลุธรรม ย่อมเอาชนะกิเลสในใจตนได้ ชื่อธิดาพญามารก็บอกอยู่ในตัวแล้ว คือ นางราคะ นางตัณหา และนางอรดี นี่คือชื่อในเชิงสัญลักษณ์ (Symbolic) เพื่อใช้เล่าพุทธประวัติให้ชาวบ้านฟังเข้าใจง่ายๆ เหมือนสมัยนี้ ละครเรตติ้งดี ต้องมีตัวอิจฉา...นั่นแล
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>



    บทสรุปของเรื่อง มักกะลีผล จึงอยากเชิญชวนท่านไปดูสิ่งดีๆที่วัดพระบรมธาตุ อ.บ้านตาก จ.ตาก และที่วัดหนองยาวสูง อ.เสาไห้ จ.สระบุรี เผื่อเวลามีใครเอา มักกะลีผล มาหลอก เอ๊ย...มาเสนอขาย จะได้ชั่งใจให้ดีๆ เพราะหากอยากรวย อยากมีความสุข ไม่มีใครบันดาลให้ได้ แม้แต่มักกะลีผล นอกจากท่องคาถา...ชีวิตคือการต่อสู้อุปสรรคคือยาชูกำลัง... สามเวลาหลังอาหารนั่นแหละดี
    เรื่องและภาพ...ธีรภาพโลหิตกุล
    <CENTER>[​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
    <IFRAME name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=undefined&dt=1231554359265&format=undefinedxundefined&output=html&correlator=1231554359265&eid=6083027&ea=0&frm=1&ga_vid=227661275.1228318893&ga_sid=1231549774&ga_hid=171618409&ga_fc=true&flash=9.0.28.0&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_tz=420&u_his=9&u_java=true&dtd=31" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME>​
    <SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

แชร์หน้านี้

Loading...