พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นเพียงสมมุติบัญญัติที่ไม่มีอยู่จริงหรือ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 20 มกราคม 2012.

  1. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ทำไมคิดว่าผมสะใจเกี่ยวกับสะกดชื่อผิดล่ะครับ

    คุณยึดชื่ออยู่หรือครับ

    ยังแคร์หน้าตาอยู่หรือครับ

    เรื่องเล็กน้อย แต่มหาศาล ถูกไหมครับ :cool:
     
  2. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    คุณ โอ๊ต กล่าวถูกส่วน หนึ่ง พี่หลง กล่าวถูกส่วนหนึ่ง.....ทำไมว่าอย่างนั้น?...การเห็นอนัตตาจริงจริงนั้นยังไม่ใช่ตอนนี้ จริงจริงอย่างที่คุณโอ๊ตว่า.....ส่วนของพี่หลงการเห็นสภาพธรรมนั้นถูกแล้วแต่การเห็นสภาพธรรม ยังไม่ใช่การเห็นอนัตตาจริงจริงเหมือนกัน จึงยังไม่ใช่ที่สุด.........การเห้นความเปลี่ยนของสภาพธรรม หรือเห็นการรับรู้ของวิญญานขันธิ์วิ่งไปในขันธิ์ อื่นอื่น เกิดดับไปตามขันธิ์ทั้ง สี่....อนัตตา จึงเป็นสิ่งที่อธิบายสภาวะยาก...และ การเห้นอนัตตา ก็ยังไม่ใช่ที่สุดของการภาวนา:cool:
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    แสดงไว้แล้วครับ
     
  4. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    โดยความเป็นปัจจัย ที่เห็นว่ามันไม่เที่ยง เกิดดับสืบต่อ ๑

    โดยลักษณะของธรรมเอง ๑
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เข้าใจผิดที่ว่า จิตเกิดดับสืบต่อ
    ให้ฟังที่พระศาสดาสอนว่า ให้ชำระจิตของตนให้ผ่องใส จะเป็นจิตที่สืบต่อได้อย่างไร
    แสดงว่า ท่านเห็นจิตดุจดังเป็นภาชนะ ท่านสอนให้ดูเวลาที่จิตมีราคะ มีโทสะ ก็จิตดวงนี้แหละ
    ไม่ใช่เกิดแล้วดับหายไป จิตเป็น ของใครของมัน เกิดดับได้ตามเงาของจิต
    เมื่อเรามีอวิชชา จิตนี้ก็ถูกผลักดันโดยอวิชชา
    เมื่อจิตนี้มีปัญญา มันก็หลุดพ้นสิ
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ทีนี้บางคนสงสัยว่าพูดแบบนี้จะกลายเป็นการยึดในตัวตนหรือไม่
    ทั้งๆที่พระศาสดาสอนว่า อย่ามองว่าเวทนาเป็นของตน อย่ามองว่ารูปเป็นของตน
    นั้นก็เพื่อดับสมมติเหล่านั้นให้พบกับสิ่งที่ เที่ยง
    เมื่อพบสิ่งที่เที่ยงแล้วจะไม่ยึดเอา สมมติเหล่านั้น
    การรู้ตามความจริงไม่ใช่เป็นการยึด เรารู้ของแท้ จะต้องไปยึดทำไมในเมื่อมันไม่เคยตายหรือสลายไปเลย

    นั่นแหละท่านให้มองตัวนั้นให้เห็น

    นิพพานไม่ใช่สูญนี่ จะได้ทิ้งไปทั้งหมดให้ จิต ไม่มีแก่นสาร เป็นการปรากฎลอยๆ เกิดแล้วดับ

    ถามว่าเกิดแล้วดับที่ไหน ดูให้ดีๆนะ
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ในอริยมรรคก็ใช้จิตนี้แหละตามรู้ ตามเกาะ ตัวไม่เที่ยง

    ใครบอกให้เปลี่ยนไปเกาะรู้ตัวอื่นได้
    ใครบอกให้ปล่อยรู้ตัวนี้ไปเกาะรู้ตัวอื่น

    นี่มันมี ผัสสะเกิด ใครรู้ตาม เวทนาเกิด ใครรู้ตามกันทัน
    ถ้าตัวหนึ่งดับ ตัวหนึ่งเพิ่งเกิดจะรู้ตามทันกันได้ไหม
    พิจารณา
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
      [๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุจะพึงหวังว่า เราพึงกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น ของ
    บุคคลอื่นด้วยใจ
    คือ จิตมีราคะ ก็รู้ว่าจิตมีราคะ หรือจิตปราศจากราคะ ก็รู้ว่าจิตปราศจากราคะ
    จิตมีโทสะ ก็รู้ว่าจิตมีโทสะ หรือจิตปราศจากโทสะ ก็รู้ว่าจิตปราศจากโทสะ จิตมีโมหะ ก็รู้ว่า
    จิตมีโมหะ หรือจิตปราศจากโมหะ ก็รู้ว่าจิตปราศจากโมหะ จิตหดหู่ ก็รู้ว่าจิตหดหู่ หรือจิต
    ฟุ้งซ่าน ก็รู้ว่าจิตฟุ้งซ่าน จิตเป็นมหรคต ก็รู้ว่าจิตเป็นมหรคต หรือจิตไม่เป็นมหรคต ก็รู้ว่า
    จิตไม่เป็นมหรคต จิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า ก็รู้ว่าจิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า หรือจิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า ก็รู้ว่า
    จิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า จิตเป็นสมาธิ ก็รู้ว่าจิตเป็นสมาธิ หรือจิตไม่เป็นสมาธิ ก็รู้ว่าจิตไม่เป็นสมาธิ
    จิตหลุดพ้น ก็รู้ว่าจิตหลุดพ้น หรือจิตไม่หลุดพ้น ก็รู้ว่าจิตไม่หลุดพ้นเถิด ดังนี้ ภิกษุนั้น
    พึงเป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล หมั่นประกอบธรรมเครื่องระงับจิตของตน ไม่ทำฌานให้เหินห่าง
    ประกอบด้วยวิปัสสนา พอกพูนสุญญาคาร
      
    คำว่า ธรรมคือ เครื่องระงับจิตของตน แสดงว่า จิตของตนนี้มีอยู่ และกำเริบไปในอาการต่างๆ ตัวอาการต่างๆนั้นแหละคือ ตัวไม่เที่ยง

    ทีนี้ จิตนี้ เป็นอย่่างไร ตอบว่า ถ้ามันไม่กำเริบซะอย่่างเดียว มันก็ไม่ต้องไปเรียกว่าอะไร จะให้มันเป็นจิตเที่ยงแท้ก็ไม่ใช่ จะว่ามันปรากฎขึ้นก็ไม่มี
    จะว่ามันสูญก็ไม่สูญ จะว่ามันมีตัวตน มันก็ไม่มี นั่นแหละธรรมธาตุ หรือ อมตะธาตุ ก็เลยไม่เรียกว่า จิตในขั้นสุดท้าย เรียกว่า นิพพานบ้าง ปรินิพพานบ้าง ดับไม่เหลือบ้าง
     
  9. อโศ

    อโศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,689
    ค่าพลัง:
    +5,830
    ขันธ์ ๕ เป็นเครื่องมือของกิเลส ห่อหุ้มจิต

    ทำให้มองไม่เห็นความจริง "จิตที่แท้จริงที่ถูกกิเลสปกคลุมจิต"


    จึงสำคัญผิดคิดว่า "จิตเป็นขันธ์ ๕"



    สาเหตุ ที่มองเห็นตัวกิเลสที่ห่อหุ้มจิต ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็น"ตัวจิต"

    เพราะไม่ได้ชำระจิตให้ผ่องใสด้วยสัมมาสมาธิ ทำให้ตัวกิเลสนิวรณ์๕ หนาเแน่นห่อหุ้มจิต


    จึงสำคัญผิด มองเห็น "อาการเกิด-ดับ เป็นเรื่องของจิต"


    เพราะยังไม่เข้าใจในเรื่อง "ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา"


    ทำให้เข้าใจผิดไปว่า "อาการเกิด-ดับ เป็นเรื่องของจิต"




    พิจารณาให้ดี "อาการเกิด-ดับ" เป็นเรื่องความไม่เที่ยง ปรวนแปร เป็นทุกข์ ยึดถือไม่ได้

    ถ้า "อาการเกิด-ดับ เป็นเรื่องของจิต"
    แสดงว่า จิตนี้ไม่เที่ยง ปรวนแปร เป็นทุกข์ ยึดถือไม่ได้



    จิตไม่ได้เป็นตัวทุกข์
    แต่สาเหตุที่ทำให้จิตเป็นทุกข์ เพราะจิตมีอุปทานในขันธ์๕


    ทำให้เกิดความยึดมั่นถือมั่น เกิดตัญหาอุปทาน



    ดังนั้น อาการเกิด-ดับ เป็นเรื่องของขันธ์ ๕

    เพราะขันธ์๕ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา


    ศึกษาใน "อนัตตลักขณสูตร " พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้

    รูปไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา


    เวทนาไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา


    สัญญาไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา


    สังขารไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา


    วิญญาณไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา


    พระพุทธองค์ ไม่ได้แสดงไว้ว่า "จิตไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา"
    ในพระสูตรนี้

    ทรงสอนให้รู้เท่าทัน อาการของขันธ์๕ เป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา


    พระพุทธองค์
    ไม่ได้สอน "จิตเป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2012
  10. อโศ

    อโศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,689
    ค่าพลัง:
    +5,830
    ถ้าหากว่า "อาการเกิด-ดับ เป็นเรื่องของจิต"

    แสดงว่า จิตนี้
    เกิด-ดับ ไม่เที่ยง ปรวนแปร เป็นทุกข์ ยึดถือไม่ได้



    คำถามว่า...ถ้าหาก จิตของพระอริยะเจ้า
    เกิด-ดับ ไม่เที่ยง ปรวนแปร เป็นทุกข์ ยึดถือไม่ได้

    จิตพระอริยะเจ้า เกิด-ดับ สลับเปลี่ยนมาเป็น
    จิตปุถุชนหรือเปล่า...

    เพราะว่า อาการเกิด-ดับ เป็นเรื่องความไม่เที่ยง ปรวนแปร เป็นทุกข์ ยึดถือไม่ได้


    คำว่า "สมุทเฉจประหาร" ของพระอริยเจ้า จะประหารกิเลสสิ้นเชิงในจิตใจได้อย่างไร

    หากว่า จิตนี้เป็นตัวทุกข์
    เกิด-ดับ ไม่เที่ยง ปรวนแปร เป็นทุกข์ ยึดถือไม่ได้

    พระอริยะ จะดับทุกข์ภายในจิตได้อย่างไร เพราะจิตเอาแน่นอนเชื่อถือไม่ได้



    ถ้าหาก จิต
    เกิด-ดับ ตั้งมั่นไม่ได้ เป็นจิตที่ไม่มีสมาธิตั้งมั่น พระอริยะเป็นแบบนั้นหรือเปล่า...

    พระอริยะ ท่านจะเอาอะไรไปรู้เรื่อง "อาการเกิด-ดับ" หากทำสมาธิไม่เป็น ทำจิตตั้งมั่นไม่ได้

    หรือว่า ท่านรู้
    "อาการเกิด-ดับ" เพราะเชื่อตามกันมา ไม่ได้เห็นจริงจากการปฏิบัติของตน


    ช่างเป็นพระอริยะ ที่น่าอดสูเหลือเกิน รู้ "อาการเกิด-ดับ" ทั้งที่ไม่ได้เห็นจริงจากการปฏิบัติของตน


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2012
  11. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ภิกษุน้อมไปสู่บรรพชา ๑ ผู้น้อมไปสู่ความเงียบสงัด
    แห่งใจ ๑ ผู้น้อมไปสู่ความไม่เบียดเบียน ๑ ผู้น้อมไปสู่
    ความสิ้นอุปาทาน ๑ ผู้น้อมไปสู่ความสิ้นตัณหา ๑ ผู้น้อม
    ไปสู่ความไม่หลงไหลแห่งใจ ๑ ย่อมมีจิตหลุดพ้นโดย
    ชอบ เพราะเห็นความเกิด และความดับแห่งอายตนะ
    ภิกษุมีจิตหลุดพ้นแล้วโดยชอบ มีจิตสงบนั้น ไม่ต้องกลับ
    สะสมทำกิจที่ได้ทำแล้ว กิจที่จำจะต้องทำก็ไม่มี เปรียบ
    เหมือนภูเขาที่ล้วนแล้วด้วยศิลาเป็นแท่งทึบอันเดียวกัน
    ย่อมไม่สะเทือนด้วยลม ฉันใด รูป เสียง กลิ่น รส
    ผัสสะ และธรรมารมณ์ ทั้งที่น่าปรารถนา และไม่น่า
    ปรารถนาทั้งสิ้น ย่อมทำท่านผู้คงที่ให้หวั่นไหวไม่ได้ ฉัน
    นั้น จิตของท่านตั้งมั่น หลุดพ้นแล้ว ท่านย่อมพิจารณา
    เห็นความเกิด และความดับของจิตนั้นด้วย.
     
  12. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    หลวงปู่ มันไม่มีอวิชาสวะ ไม่มีอวิชาสังโยชน์ ไม่มีอวิชานุสัยละก็ กิเลสกรรมวิบากมันไม่มี จิตไม่มีนามรูปของขันธ์แล้ว มันเหนือนามรูปของขันธ์หมดแล้ว สังคตะมันเหนือขันธ์ ๕ อสังคตะมันเหนือขันธ์ ๕ วิราคะธรรมก็เหนือขันธ์แล้ว ขันธ์ ๕ ยังมีนามรูปยังติดต่อกันได้อยู่ อายาตนะธาตุนี่ ขันธ์ ๕ นี่ ส่วนนิพพานไม่เกิดไม่ดับนี่ จิต เจตสิก รูปปรมัตถ์นี้มันเกิดดับเป็นอสังคตะธรรม ไม่มีสัตว์มีคน ไม่มีภพไม่มีชาติ ส่วนเกิดดับเป็นสังคตะธรรม ไม่เกิดไม่ดับเป็นอสังคตะธรรม วิราคะธรรมไม่มีราคะ หมดราคะไปถึงโลกุตตระแล้วนั่น ปราศจากราคะ โทสะ โมหะ จะมาเผาแล้วเขาติด ไม่ได้แล้ว

    หลวงปู่ บุดดา


    ในสังสารวัฏฏะที่ยาวนานนี้ บางท่านคงเคยเกิดเป็นหญิง เป็นชาย มากันแล้วทุกท่าน

    เราเคย เป็นขอทาน และเศรษฐีกันมา แล้วทุกท่าน

    เราเคย เป็นเดรัจฉาน เป็นเทวดา เป็นพรหม เป็นมหนุษย์ และสัตว์นรก กันมาแล้วทุกท่าน

    ท่านว่า จิตพรหม จิตเดรัจฉาน จิตมหนุษย์ เป็นจิดดวงเดียวกัน ไม่เกิดไม่ดับหรือไม่


    ใกล้เข้ามาอีกหน่อย

    ในความหยั่งสู่ครรภ์ ในการเกิด ในการชรา ในการตาย

    หรือปฏิสนธิจิต จุตติจิต ภวังคจิต

    หรือตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย

    ท่านว่าเป็นการ เกิดดับของจิตสืบต่อภพชาติได้หรือไม่


    ใกล้เข้ามาอีกนิด

    ในแต่ละวัน ทันทีที่ตื่น ลืมตาขึ้นมากระทบอารมณ์ที่ตาเห็นนั่น

    หรือ การที่อารมณ์หนึ่งเกิดพร้อมกับการรู้อารมณ์หนึ่ง

    อารมณ์หนึ่งดับไปพร้อมกับรู้นั้นที่ดับไป

    ท่านว่าเก็นการเกิดดับของจิตได้หรือไม่


    ใกล้เข้ามาอีก

    หากจิตไม่เกิด ไม่ดับ ไม่แปรปวน แล้วไซร์

    จิตในส่วนอดีตที่ดับไปแล้ว ขณะนี้มีอยู่หรือ

    ขณะนี้จิตที่กำลังรู้อยู่ ซึ่งกำลังจะดับลงมีอยู่หรือ

    ในอนาคตจิตยังไม่มีอยู่ ทำไมถึงรู้ว่าปัจจุบันเป็นปัจจัยให้รู้ในอนาคตมีอยู่หรือ


    ใกล้เข้ามาอีก

    ก็จิตประภัสสร จิตโทสะ จิตราคะ จิตกุศล จิตอกุศล มรรคจิต ผลจิต

    เป็นสิ่งเดียวกัน ไม่ใช่เหตุปัจจัย สิ่งหนึ่งดับ สิ่งนี้จึงดับ สิ่งนี้เกิดสิ่งนี้จึงเกิดหรือ


    ใกล้เข้ามาอีก

    หากอารมณ์ต่างๆเป็นเงาของจิตแล้วไซร์

    แล้วอะไรเล่า เป็นธรรมส่วนเหตุทำให้อารมณ์ต่างปรากฏให้จิตรู้ ถ้าไม่ใช่ตัวมูลจิตเอง
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ที่พูดมาทั้งหมด เพราะเอ็งไปสังเกตุเอาเฉพาะ สมมติที่แปรปรวน
    แต่ยังไปไม่ถึงความตั้งมั่น เอาเท่านั้นแหละนะ
     
  14. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    หลงเอ๋ย นั่นมันตอบแบบตำราชัดๆ

    ไวพจน์ใช้แทนกันได้ในบางโอกาสเท่านั้น ไม่ใช่ทุกครั้งไป

    จิตหลุดพ้นในพระสูตรพระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้ตั้งมากมาย กิริยาจิตใช้คำว่าวิมุตติ นิโรธ

    ส่วนวิญญาณหลุดพ้นนั้น พระพุทธพจน์ไม่เคยมีมาก่อนในพระพุทธพจน์ใช่หรือไม่?

    กิริยาของวิญญาณใช้คำว่า นิรุชฌ์ อัสดง ต่างกันชัดเจน

    ใช่แทนกันได้ ไม่ได้บอกว่าคุณภาพต้องเหมือนซักหน่อยใช่หรือไม่?

    หลงเอ๋ย ยังจะดันไปให้ได้จริงๆเลยนะ

    เฮ้อ!!! พระพุทธพจน์ชัดๆขนาดนั้น ไม่อายจริงหรือ?

    เพราะเห็นความเกิด ความดับแห่งอายตนะนั้น

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  15. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ควรจะรู้รอบ รู้ทั่ว รู้ชัด

    ทั้งในส่วนอดีต ส่วนปัจจุบัน ส่วนอนาคต

    ส่วนที่ไม่มีแล้ว ส่วนที่มีอยู่กำลังจะเสื่อมไป และส่วนที่ยังมาไม่ถึง

    เรื่องความตั้งมั่น คำว่าตั้งมั่นก็บอกอยู่แล้วอยู่ในอารมณ์เดียว

    การที่ไปรู้อยู่ที่อารมณ์เดียว แน่วแน่ในสิ่งเดียว

    เหมือนย่ำเท้าอยู่กับที่ย้ำๆที่จุดเดิม มันก็เห็นเป็นอัตตาขึ้นมา

    ก็คลายความยึดมั่น สำคัญในจิตไม่ได้

    การจะรู้ว่าเข็มสั้นนาฬิกาเดินอยู่หรือไม่นั้น ไม่ได้หมายเอาแต่ความจำว่าเดินอยู่

    หรือมาผ่านๆแล้วว่ามันไม่เดินหรือเดินไม่ได้ ต้องใส่ใจดูการทำงานของมันด้วย

    วินาทีนี้ กับวินาทีที่ล่วงไปแล้วก็เป็นคนละขณะ ขณะจิตเกิดดับรับอารมณืมันแว๊บเดียวเอง


    เวลาสะดุุดตาภาพวัตถุ ผัสสะเกิด จำได้ รู้ได้ขึ้นมาทันทีเลยมั๊ย

    ก่อนหน้านี้มีรู้อย่างนี้ปรากฏไหม

    ส่วนที่รู้ทางตา กับสติระลึกได้ รู้ทางใจ

    ก่อนหน้านี้มีอยู่ไหม

    เพราะว่ามันไม่เที่ยง ไม่ได้ไปทำให้มันเป็นอัตตาขึ้นมา มีแต่ปัจจัยการเกิด แล้วดับไป


    ผมถามหน่อยว่า มันต่างจากรูปพรหม อรูปพรหมตรงไหน
     
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    หลงเอ๋ย ทำไมต้องแก้พระสูตรหละ

    เพื่ออะไร? พระพุทธพจน์ตรัสไว้ชัดเจนมากๆอยู่แล้ว

    ที่ยกมาก็เอาลิ้งมาให้ตามไปอ่านต้นฉบับใช่หรือไม่?

    ใครกันแน่ที่แก้พระพุทธพจน์ในพระสูตร ตถาคตไม่เคยกล่าว แต่อาจาริยวาทรจนาขึ้นมาเองเฉยเลยก็มี

    สติปัฏฐานสูตรชัดๆ จิตวิมุตติก็รู้ชัดว่าจิตวิมุตติ ยังจะจิตติดคิดอีกหรือ?

    ขนาดพระพุทธพจน์ชัดๆ ยังจะเอาสีข้างถูให้ชนะอีกหรือหลง?

    ถ้าไม่รู้จักสติปัฏฐาน๔ตามความเป็นจริงแล้ว

    ก็อย่าเสียเวลาหลงบ้าอยู่กับวิปัสนึกเองเออเองอยู่เลย...

    จำเอาไว้นะหลงเอ๋ย เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  17. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ๒๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับ จะพึงเข้าไปยึดถือเอา
    ร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูต ๔ นี้ โดยความเป็นตน ยังชอบกว่า แต่จะ
    เข้าไปยึดถือเอาจิตโดยความเป็นตนหาชอบไม่ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะร่างกาย
    อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ เมื่อดำรงอยู่ ปีหนึ่งบ้าง สองปีบ้าง สามปี
    บ้าง สี่ปีบ้าง ห้าปีบ้าง สิบปีบ้าง ยี่สิบปีบ้าง สามสิบปีบ้าง สี่สิบปีบ้าง ห้าสิบปี
    บ้าง ร้อยปีบ้าง ยิ่งกว่าร้อยปีบ้าง ย่อมปรากฏ แต่ว่าตถาคตเรียกร่างกายอันเป็น
    ที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง จิตเป็นต้นนั้น
    ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน ฯ


    [๒๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย วานรเมื่อเที่ยวไปในป่าใหญ่จับกิ่งไม้ ปล่อย
    กิ่งนั้น ยึดเอากิ่งอื่น ปล่อยกิ่งที่ยึดเดิม เหนี่ยวกิ่งใหม่ต่อไป แม้ฉันใด ร่างกาย
    อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ที่ตถาคตเรียกว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณ
    บ้าง จิตเป็นต้นนั้นดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน ก็ฉัน
    นั้นแล ฯ

    .....................

    ก็คำตอบ นำมาจากพระไตรปิฏกนั้นแล

    เราไม่กล้าไปปฏิรูปอะไรหรอก
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    หลานรัก ก็ต้องชัดเจนสิ จิตเห็นจิตสังขาร(อาการของจิต)เป็นไปได้

    แต่ที่พวกตำรานิยมชอบโม้นั้น คือจิตผู้รู้เห็นจิตผู้รู้เกิดๆดับๆ นั่นมันตำรานิยม

    ก็ถามไปไม่เคยคิดตอบกลับเลย เอาแต่เล่นเล่ห์เหลี่ยมไปวันๆเท่านั้น

    จำเอาไว้นะหลงเอ๋ย เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  19. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นเนื้อหาสนทนารึเปล่า

    หรือเป็นบทความ เห็นเขาต่ำกว่า แย่กว่า เรื่องประโยชน์เพียงอย่างเดียว

    จิตวิมุตติ กับ จิตไม่วิมุตติ เป็นจิตเดียวกัน หรือเป็นคนละขณะ คนละสภาพธรรม
     
  20. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    หึ กลับไปอ่านที่ตอบนายหลงมาใหม่ไป!

    ใส่ใจธรรมชาติที่เกิดในชีวิตประวันแต่ละขณะบ้าง

    ไม่ศึกษาให้เข้าใจก่อนปฏิบัติ ไปนั้งหลับตาหายใจทิ้ง ไม่ดีหรอก

    ทุกข์มันไม่ได้มีแต่ในสมาธิ มันมีทั้งชีวิต
     

แชร์หน้านี้

Loading...