พระดี พิธีใหญ่ รับประกันแท้ทุกรายการ!!! เชิญชม บูชา ในกระทู้ได้เลยครับ"

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย HMMAmulet296, 4 กุมภาพันธ์ 2022.

  1. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1194. พระดีพิธีใหญ่ เหรียญพระพุทธชินราช แม่ทัพภาค 3 สร้าง เนื้อทองแดง ปี 2517 พิธีใหญ่โดยเสด็จเททอง ปิดรายการครับ

    upload_2022-12-13_21-29-5.png

    รุ่นนี้กองทัพภาคที่ 3 จัดสร้างในปีพ.ศ. 2517 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสด็จประกอบพิธีเททอง ณ. วัดสุทัศน์ฯและมีพิธีพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกที่ วัดสุทัศน์ฯกรุงเทพฯ ครั้งที่สอง ประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ พระวิหารหลวงพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลกถือเป็นพิธีพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของวัดศรีรัตนมหาธาตุฯ จังหวัดพิษณุโลก
    ในพิธีครั้งนั้นมีสร้างพระอีกหลายแบบเช่นเหรียญในหลวงทรงผนวช เหรียญพระพุทธชินราช เหรียญพระนเรศวรหลังพระเอกาทศรถ และ พระบูชา เป็นต้น โดยในพิธีการจัดสร้างได้รวบรวมมวลสารชนวนที่เป็นของพระเกจิดังๆ นำมาหล่อซึ่งมีจำนวนมากมาย โดยที่ฐานพระกริ่งชินราชได้พระราชทานราชานุญาติให้ใช้อักษรย่อ ภปร. เป็นครั้งแรกซึ่งถือว่าเป็นมงคลยิ่ง และในพิธีได้นิมนต์พระเกจิดังๆมามากมาย เช่น หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อเนื่อง หลวงพ่อนอ หลวงพ่อเทียม หลวงพ่อพริ้ง หลวงพ่อกี๋ เป็นต้น
    วัตถุมงคล ทั้งหมดได้ทำการตกแต่งเพื่อความสวยงาม "ร่วม 1 ปี" จึงแล้วเสร็จ จากนั้น พลโทสำราญ แพทย์กุล แม่ทัพภาคที่ 3 จึงได้อัญเชิญไปประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ วิหารหลวงพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2517 โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช(วาสนมหาเถระ) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงประกอบพิธีจุดเทียนชัยมหาพุทธาภิเษก และมี "พระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ" ร่วมพิธีพุทธาภิเษกจำนวน 45 รูป อาทิ
    1.พระภาวนาโกศลเถระ วัดปากน้ำภาษีเจริญ
    2.พระโพธิวรคุณ(ไพฑูรย์) วัดโพธิ์นิมิต
    3.พระราชมุนี(มหาบุญโฮม) วัดปทุมวนาราม
    4.พระสังวรวิมลเถระ(หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    5.พระครูพิพิธวิหารการ(หลวงพ่อเทียม) วักษัตราธิราช
    6.พระครูรักขิตวันมุนี(หลวงพ่อถิร) วัดป่าเลไลย์
    7.พระครูญาณวิจักษ์(พระอาจารย์ผ่องจินดา) วัดจักรวรรดิราชาวาส
    8.พระครูนนทกิจวิมล(หลวงพ่อชื่น) วัดตำหนักเหนือ
    9.พระครูกิตตินนทคุณ(หลวงพ่อกี๋) วัดหูช้าง
    10.พระครูโกวิทสมุทรคุณ(หลวงพ่อเนื่อง) วัดจุฬามณี
    11.พระครูสุตาธิการี(หลวงพ่อทองอยู่) วัดใหม่หนองพะอง
    12.หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    13.หลวงพ่ออุตมะ วัดวังวิเวการาม
    14.หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู
    15.หลวงพ่อนอ วัดท่าเรือ
    16.หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    17.หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2022
  2. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1195. พระดีในตำนาน พระกลีบบัวหลวงพ่อเหลือ วัดสร้อยทอง รุ่นแรก 2485 ให้บูชา 1350 บาท


    upload_2022-12-13_21-50-10.png

    วัดสร้อยทองแห่งนี้นั้นในอดีตวัดนี้เคยขึ้นอยู่กับเขตการปกครองของจ.นนทบุรี แต่ปัจจุบันมีการแบ่งเขตกันใหม่จึงทำให้วัดแห่งนี้ย้ายไปขึ้นกับเขตบางซื่อ กทม.

    พระเนื้อว่านพิมพ์กลีบบัว หลวงพ่อเหลือ วัดสร้อยทอง เนื้อว่านผสมผงพุทธคุณ
    สร้างแจกช่วงสงครามอินโดจีน โดย หลวงพ่อรวย วัดสร้อยทอง ปี ๒๔๘๕

    ปลุกเสกโดย พร้อมกริ่งหลวงพ่อเหลือรุ่นแรก พระเกจิอาจารย์ ที่มีชื่อเสียงสมัยนั้นพระกริ่งองค์เป็นหมื่น หลวงพ่อเหลือ วัดสร้อยทอง พุทธคุณสุดยอดยุคสงครามโลก

    วัตุถุมงคลรุ่นนี้มีความศักดิ์สิทธิ์และมีประสบการณ์มากๆ อีกทั้งชื่อท่านก็ดีคือหลวงพ่อเหลือ ชื่อที่เป็นศิริมงคลคือ"เหลือกิน เหลือใช้" และสร้างโดยหลวงพ่อรวย ซึ่งชื่อ ก็เสริมความอุดมพูลทรัพย์ ซึ่งหาได้ยาก ที่ชื่อมงคลจากพระที่ศักสิทธิ์ และพระเกจิ ที่มีเจตนาการสร้างบริสุทธิ์ ชื่ออันเป็นมงคล จะเสริมกันมากขนาดนี้ ตรงกับความหมาย "เหลือกิน เหลือใช้ มั่งคั่ง ร่ำรวย" ซึ่งคนโบราณมีความเชื่อว่า ชื่อนั้นเป็นเคล็ด ที่สำคัญมาก เหมือนฤกร์ วัน เวลา อันเป็นมงคล ทำให้ขลังและศักดิ์สิทธิ์มากนัก

    คาถาบูชาหลวงพ่อเหลือ
    (สวด 3 จบ)

    นะ โม พุท ธา ยะ

    นะ เหลือ ดี
    โม เหลือยิ่ง
    พุท เหลือใช้
    ธา เหลือล้น
    ยะ เหลือรวย

    ก่อนคล้องคอ ท่านควร ทำบุญ
    ถวายเป็นพุทธบูชาซะก่อน
    ระลึกถึงหลวงพ่อเหลือ
    และหลวงพ่อรวย อธิฐาน ขึ้นคอ
     
  3. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1196. สุดยอดเมตตา มหานิยม มหาเสน่ห์ พระขุนแผน-กุมารทอง เนื้อผงงาคชสาร หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม สวยเดิม ใต้ฐานติดแผ่นคาถาเงิน พ.ศ.2548 ให้บูชา 800 บาท

    upload_2022-12-14_10-12-30.png

    upload_2022-12-14_10-13-17.png

    upload_2022-12-14_10-12-46.png
    พระขุนแผน กุมารทอง เนื้อผงงาคชสาร หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ยอดพระเกจิอาจารย์ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา พระเครื่องของท่านล้วนแล้วแต่สร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้มากมายทั้งทางด้านคงกระพันชาตรี ค้าขาย โชคลาภ แม้เวลาที่ท่านมรณะภาพแล้วยังบันดาลโชคลาภให้กับประชาชนและศิษยานุศิษย์ พระเครื่องที่ท่านสร้างและอธิษฐานจิตปลุกเสกส่วนใหญ่จะงดงามด้วยพุทธศิลป์ เพราะได้จ้างช่างฝีมือดีมาแกะพิมพ์ ผู้ที่บูชาพระที่งดงามด้วยพุทธศิลป์และพุทธคุณสูง ถือเป็นของดีสมควรมีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่งครับ

    เนื่องบในมงคลพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ของ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณ พระมงคลสิทธิการ (หลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข) ศิษย์อาวุโสของหลวง พ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อพร้อม วัดพระงาม หลวงพ่อสุข วัดห้วยจรเข้ และโยมปู่แย้ม ปิ่นทอง หลวงพ่อพูลได้จัดพิธีไหว้ครูแสดงกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อพระบูรพาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทสรรพวิทยามหาพุทธาคมเป็นประจำทุกปีในวันวิสาขบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6) ซึ่งปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2548 เป็นวันที่เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ด้วยแรงอำนาจของครูบาอาจารย์ทุกองค์ลงมาประสิทธิ์เป็นเดชทวีคูณ และในปีนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ได้จัดสร้างพระขุนแผน-กุมารทอง เมตตามหานิยม ซื้อง่าย ขายดีมีกำไร เงินทองไหลมานะชาลีติ เพื่อมอบให้เป็นที่ระลึกแก่ศิษยานุศิษย์ ถือเป็นรุ่นสุดท้ายที่ทันหลวงปู่ปลุกเสกครับ



     
  4. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1197. พระผงเมตตาพิมพ์พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหหอม ให้บูชา 850 บาท


    upload_2022-12-14_10-44-26.png


    upload_2022-12-14_10-44-45.png


    จัดสร้างขึ้นในปี 2512 โดยสร้างจากเนื้อผงพุทธคุณ ผงปถมัง ผงตรีนิสิงเห ผงอิทธิเจ ผงมหาราช และผงวิเศษอื่นๆอืกทากมาย หลวงพ่อเงินทุ่มเทแรงกายแรงใจบรรจงสร้างและปลุกเสกเดี่ยวเรื่อยมา เวลาหยิบแจกให้กับญาติโยมศิษย์ยานุศิษย์ หลวงพ่อเงินท่านมักจะเรียกพระรุ่นนี้ว่า "พระของฉัน"

    หลวงพ่อเงิน จันทสุวัณโณ หรือ พระราชธรรมาภรณ์ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งนครปฐมอีกรูปหนึ่ง และชื่อหลวงพ่อเงินนั้นเคยมีพระรุ่นเก่าปรากฏนามนี้เช่นกันท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเช่นเดียวกัน อย่างเช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน เป็นต้น ท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นบุคคลที่ประชาชนให้ความเคราพกันเป็นส่วนใหญ่ เป็นพระนักพัฒนา และเป็นบุคคลที่มีจิตที่เมตตาต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า และในสมัยนั้นท่านก็เป็นแกนนำในการพัฒนาบ้านเรือนและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและท่านจะอบรมสั่งสอนให้ประชาชนทำแต่ความดี และท่านเองก็จะคอยพัฒนาช่วยเหลือวัดและบ้านที่เก่าหรือชำรุดก็ตาม โดยในการพัฒนานั้น ประชาชนก็จะให้ความร่วมมือกันเสมอ งานทุกอย่างจึงสำเร็จลุล่วงได้ดี ท่านได้รับการยกย่องจากประชาชนว่า เทพเจ้าแห่งดอนยายหอม
     
  5. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1198. เหรียญ๘๒ปี เนื้อตะกั่ว หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ปี 2549 ให้บูชา 650 บาท


    upload_2022-12-14_11-46-54.png



    เหรียญหลวงปู่เจือเนื้อตะกั่ว สะดุ้งกลับ กลับร้ายกลายเป็นดี ขณะอายุ ๘๑(เหรียญลงไว้ ๘๒ ตามความเชื่อให้หลวงปู่เจือมีอายุเพิมอีก ๑ ปี) ปี ๒๕๔๙ ซึ่งตำราของสำนักวัดกลางบางแก้ว จะมีตำราเกี่ยวกับสะดุ้งกลับ กลับร้ายกลายเป็นดี หลวงปู่เคยเล่าให้ฟังว่า เวลาสวดมนต์พุทธาภิเศกจะมีบทสวดและต้องสวดถอยหลัง เช่น ๑ ๒ ๓ แล้วก็ต้องว่ากลับ คือ ๓ ๒ ๑ เช่นเดียวกับพระคาถาของสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถือน วัดราชสิทธาราม(วัดพลับ) ซึ่งท่านเป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังษี วัดระฆังโฆษิตารามวรวิหาร กรุงเทพ
     
  6. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1199. พระผงปิดตาตะกรุด 3 กษัตริย์ ครูบาสร้อย ขันติสาโร วัดมงคลคีรีเขตต์ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก แซยิด ๖๕ ปี ให้บูชา 888 บาท

    upload_2022-12-14_12-3-1.png

    หลวงปู่ครูบาสร้อย ขนฺติสาโร
    เกจิผู้เรืองวิทยาคมแห่งลุ่มแม่น้ำเมย
    เป็นลูกศิษย์หลวงปู่สุข แห่งวัดโพธิ์ทรายทอง จ.บุรีรัมย์
    และยังเป็นสหธรรมมิกกับหลวงปู่หงษ์ สุสานทุ่งมน
    "ครั้งหนึ่ง ราว พ.ศ.253- กว่าๆ เกิดการสู้รบกัน ระหว่างทหารพม่ากับทหารกะเหรี่ยง ตอนนั้นกะเหรี่ยง KNU ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ และกระเหรี่ยง DKBA ซึ่งนับถือศาสนาพุทธ ยังไม่แตกความสามัคคีกัน จึงได้รวมกำลังพล เข้าต่อสู้กับกองกำลังของทหารพม่า ระหว่างการรบนั้น ทหารพม่าได้ยิงเครื่องลูกระเบิด ข้ามมาตกในฝั่งไทย ในบริเวณเขตวัดมงคลคีรีเขตร์ หลายสิบลูก ปรากฎว่าลูกกระสุนด้าน ไม่ระเบิด จึงเป็นที่ฮือฮากันอย่างมาก แต่ครูบาสร้อย ท่านได้บอกแต่เพียงว่า ดินในวัดมันนุ่ม ลูกปืนจึงไม่ระเบิด"

     
  7. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1200. พระเกจิเรืองวิทยาคมแห่งเมืองเหนือ พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อแขก กาวิโร วัดสันป่าลาน จ.ตาก ให้บูชา 999 บาท (พลังจิตท่านสุดยอดครับ แม้แต่ครูบาวังยังให้การยอมรับ)

    upload_2022-12-14_12-14-11.png

    upload_2022-12-14_12-19-33.png

    upload_2022-12-14_12-19-52.png

    ***หลวงพ่อแขก สุดยอดเกจิของจังหวัดตากอีกรูปหนึ่ง ที่สร้างพระเครื่องไว้หลายรุ่น หลายชนิด แต่ไม่มากเหมือนครูบาวัง *** พระผงรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 2 สำหรับพระผงรุ่นที่ 1 นั้นด้านหลังจะเรียบไม่มียันต์ใดๆ แต่...หลวงพ่อจะใช้แม่พิมพ์เดียวกันทั้งรุ่น 1 และ รุ่น 2 *** ผมมีประวัติการสร้างพระผงของครูบาแขกรุ่นที่ 1 เป็นสุดยอด สุดเมตตาก็ว่าได้ คือ สมัยที่ผมอยู่บ้านป่ายางตก สามเงา ผมได้รู้จักกับหมอแดงชาวบ้านป่ายาง หมอแดงแกมีพ่อชื่ออาจารย์สอน บ้านอยู่หลังค่ายวชิรปราการ ครั้งหนึ่งผมได้เดินทางไปกับหมอแดงเพื่อไปเยี่ยมพ่อที่หลังค่ายดังกล่าว และอาจารย์สอนก็สะสมพระเหมือนกัน ได้ยกพระออกมาให้ผมได้ชม อาจารย์สอนแกมีพระร่วงเปิดโลกเนื้อชินเงินอยู่ 1 องค์ แกหวงมาก แกเล่าให้ฟังว่า แกได้ลายแทงสมบัติบนเขาพระเมิน อยู่หลังบ้านน้ำรึม แล้วแกก็ขึ้นไปบนเขาตามลายแทงที่บอกมา อาจารย์สอนคนนี้เก่งกล้าวิชาอาคมมาก พอถึงบนยอดเขาพระเมินแกก็พบลูกศรบนหินชี้ไปหลายทิศ ในที่สุดแกก็พบถ้ำสมบัติ ในถ้ำบนเขาพระเมินตามลายแทงนั้นมีพระ มีพระร่วงอยู่ตรงกลาง 1 องค์ มีแท่งผงทำพระผงอยู่มากมาย มีกลินหอม อาจารย์สอนได้นำลงมาจากในถ้ำทั้งหมด คราวนี้อาจารย์สอนนี้มีความสนิทสนมกับครูบาแขกมานมนานแล้ว ทุกปีตอนเข้าพรรษาอาจารย์สอนก็จะไปนอนที่วัดสันป่าลาน ข่าวว่าแกก็ร้อนวิชาเหมือนกัน พออาจารย์สอนได้แท่งผงทำพระจากยอดเขาพระเมินทั้งหมดแล้วก็นำไปถวายหลวงพ่อแขก หลวงพ่อแขกได้นำผงทั้งหมดทำพระผงรุ่น 1 ขึ้นมา เมื่อคราวที่ผมไปหาอาจารย์สอนนั้นผมได้ขอผงจากอาจารย์สอนมานิดหน่อย เท่าที่สังเกตดูจะเป็นผงสอพอง สีออกมอๆมีกลินหอม อาจารย์สอนบอกว่าเวลาจะออกจากบ้านให้นำผงพระเมินผสมกับแป้งทาหน้าจะเป็นมหานิยมดี *** พระผงรุ่น 1 ของหลวงพ่อแขกหายากมาก ผมมีเพียง 1 องค์ เท่าที่พบเห็นส่วนมากจะเป็นรุ่น 2 - 3 พระผงรุ่น 1 จะมีน้ำหนักเบามาก เป็นผงดินสอพองจากเขาพระเมินล้วนๆ และมีเกษาผสมอยู่ด้วย พระผงรุ่น 1 นี้อาจารย์สอนเป็นผู้ช่วยหลวงพ่อแขกทำทุกขั้นตอน หลวงพ่อแขกยอมรับความเก่งกล้าวิชาอาคมของอาจารย์สอนมาก หลวงพ่อแขกเป็นศิษย์เอกครูบาทองอยู่ สุดยอดเกจิแห่งวัดพระบรมธาตุ บ้านตาก *** ผมว่าพระผงรุ่น 2 องค์ที่งลนี้น่าจะมีส่วนผสมของพระผงจากเขาพระเมินบ้างเพราะผงคล้ายผงจากเขาพระเมินมาก แต่จะแก่ปูนขาวไปบ้าง มีน้ำหนัก ผงจะแน่น ส่วนรุ่น 1 นั้นเนื้อจะฟ่ามเบา ครับผม *** คราวนี้ลองมาวิเคราะห์ถึงแท่งผงที่อาจารย์สอนได้มาจากลายแทงบนยอดเขาพระเมินว่ามีความสำคัญอย่างไรถึงได้ถูกเก็บไว้อย่างดีในถ้ำบนยอดเขา ใครเป็นผู้ทำผงนี้ขึ้นมา ใครนำไปเก็บไว้ เก็บไว้เมื่อไร สรุปแล้วแท่งผงนี้น่าจะเป็นผงวิเศษที่สุดยอดเกจิรูปใดรูปหนึ่งทำไว้ในสมัยโบราณ คงเจะเตรียมไว้ทำพระสมเด็จหรือผงอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นใครที่ได้พระผงรุ่น 1 - 2 ของครูบาแขกก็นับว่าโขคดี มีเมตตาแรง เป็นมหานิยมกับผู้ที่พบเห็น ใครที่ยังไม่มีแฟนน่าจะเก็บไว้นะครับ สุดยอดเมตตามหานิยมทำมาค้าขายเข้าหาเจ้านาย ครับพี่น้อง ***
     
  8. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1201. เหรียญรุ่นแรก ครูบาราศรี(ตุ๊เจ้าเสือดาว) ถ้ำเสือดาว จ.เชียงใหม่ ปี 2518 ให้บูชา 1350 บาท

    upload_2022-12-14_13-49-19.png




    สร้างด้วยกัน2พิมพ์2แบบ คือ
    * เหรียญภาคพระภิกษุ (เหรียญรูปเหมือน ปลงเกศา-หนวดเคราแล้ว)
    จัดสร้างเฉพาะเนื้อทองแดง 3700 เหรียญ
    * เหรียญภาคทุกขกริยา (เหรียญรูปเหมือน ตอนที่ปล่อยผมเผ้าหนวดเครายาว มุ่นเกล้าคล้ายฤาษี)
    เนื้อทองแดงสร้างจำนวน5000เหรียญ
    เนื้อเงินและเนื้อนวะโลหะ จำนวนเพียงเล็กน้อย
    เหรียญรุ่นนี้แกะแม่พิมพ์โดยช่างเกษม มงคลเจริญ เป็นเหรียญที่งดงามมาก มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำแบบใคร ด้านหน้าเหรียญมีเลข 4ตัว กำกับอยู่ คือเลข ๗,๑๑,๑๓และ๓๕ แต่ละตัวเลขมีความหมายดังนี้
    * เลข๗ อยู่เบื้องบน หมายถึงการบำเพ็ญตบะ ไม่พูดกับมนุษย์ถึง7ปี
    * เลข๑๑ อยู่ด้านขวาของเหรียญ หมายถึงท่านไม่ได้นอนมา11ปี แล้ว
    * เลข๑๓ อยู่ด้านซ้ายของเหรียญ หมายถึงท่านได้ปฏิบัติธุดงควัตรครบ13ประการ โดยครบถ้วน
    * เลข๓๕ อยู่กึ่งกลางเหรียญ หมายถึงอายุของท่าน

    ทุกเหรียญตอกโค๊ตดาว บริเวณสังฆาฏิ ถ้ามีตอกโค๊ด บน ไหลซ้าย
    คุณ ชินพร นำไปให้หลวงปู่ทิมเสกเพิ่ม อีกประมาณ 6 เดือนก่อนท่านมรณภาพ

    ข้อมูลการจัดสร้างวัตถุมงคล ชุดนี้กิตติศัพท์ ในเรื่องการปฏิบัติอันเด็ดเดี่ยวของครูบาราศี หรือ "ตุ๊เจ้าเสือดาว" นั้น เป็นที่รับรองกันโดยทั่วไป ทั้งในวงการบรรพชิตและคฤหัสถ์ในจังหวัดเชียงใหม่ พระราชสิทธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ ซึ่งเป็นพระอารามสำคัญยิ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ถึงกับกล่าวว่า "มีองค์เดียวในโลกที่สามารถปฏิบัติได้ถึงขนาดนี้"
    พระครูพิพัฒน์คณาภิบาล อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากัมมัฏฐานประจำจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดเมืองมางและวัดตะโปทาราม ก็กล่าวว่า "เป็น องค์แรกของโลกที่สามารถปฏิบัติได้ครบถ้วนซึ่งธุดงควัตรทั้ง ๑๓ ประการ และบำเพ็ญบารมีได้สูงถึงขนาดนี้ โดยที่มิได้เป็นบ้า หรือวิกลวิการไปเสียก่อน
    อีกตอนหนึ่ง พระครูพิพัฒน์ฯ ได้กล่าวว่า "องค์อื่นอาจจะมี แต่ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้พบเห็น"
    ตลอด เวลาท่านครองผ้าไตรจีวรเพียงชุดเดียว ไม่ว่าหน้าร้อน หน้าหนาว หรือหน้าฝน ไม่เคยใช้ผ้าห่มหรือผ้าอื่นใดอีก และผ้าไตรจีวรนั้น ท่านจะใช้จนกว่าจะผุเปื่อยขาดไป จึงจะยอมเปลี่ยนใหม่ ใครเอาไปถวายท่านก็ไม่รับ
    นอก จากไม่เคยใช้ผ้าห่มแล้ว มุ้งหมอนใด ๆ ท่านก็ไม่เคยใช้ ท่านนั่งอยู่แต่ในกลด ซึ่งกางอยู่ในถ้ำหรือในกุฏิตลอดเวลา เรือดยุงริ้นไรจะแห่กันไปราวีโจมตีท่านสักเท่าใด ท่านก็ทนอยู่ในสภาพอย่างนั้นได้ตลอดมา
    ท่าน ไม่เคยนอนเช่นพระสงฆ์ธรรมดาเลย เป็นเวลานานติดต่อกันถึง ๑๑ ปีเต็ม ๆ แล้ว ยามจะหลับพักผ่อน ก็หลับในสมาธิ หลับในญาณ นั่งคอตั้งตรงตลอดเวลาแม้ในยามเจ็บไข้ ซึ่งบางครั้งก็หนักเอาการท่านก็ไม่ยอมนอน
    ตั้งแต่ บวชมา ท่านไม่เคยไปเยี่ยมญาติโยมที่บ้านเลย อยู่แต่ในป่าขึ้นเขา-เข้าถ้ำเป็นประจำตลอดมา แม้ในตอนหลังจะมีผู้สร้างกุฏิถวาย กุฏินั้นก็อยู่ในป่าช้า หน้าถ้ำเสือดาว อันเป็นสถานที่สงบวิเวก วังเวง น่ากลัวจริง ๆ เฉพาะอย่างยิ่งในยามค่ำคืน เพราะอยู่ห่างไกลบ้านเรือนผู้คน และในย่านถ้ำเชียงดาวนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้กันเลยจนบัดนี้
    นอก จากนี้ท่านยังปฏิบัติแปลก ๆ ออกไปอีก เป็นต้นว่าไม่ยอมพูดจากับมนุษย์ใด ๆ เป็นเวลา ๗ ปี (เริ่มแต่เข้าพรรษาปี ๒๕๐๗ จนถึงออกพรรษาปี ๒๕๑๓) ไม่ยอมให้มนุษย์ทั่วไปได้พบเห็นท่านอยู่เป็นเวลาช้านาน แม้ในเทศกาลสงกรานต์ เมื่อมีผู้ไปขอรดน้ำท่าน ท่านก็จะยื่นมือออกมาให้รดพอเป็นพิธีเท่านั้น ท่านเพิ่งจะออกมาให้ผู้มีศรัทธาได้สรงน้ำและเห็นตัวท่านเมื่อ ๓ ปีมานี้เอง และปีหนึ่ง ๆ ก็จะออกมาให้เห็นเพียงวันเดียว คือวันที่ ๑๕ เมษายน เท่านั้น
    อย่างดีของผู้ที่ได้มีโอกาสไปนมัสการท่าน ก็คือได้ฟังแต่เสียงของท่านเท่านั้น!!!
    แต่ กระนั้นก็น่าประหลาด ที่ยังมีผู้พอใจหลั่งไหลไปนมัสการท่านไม่เว้นแต่ละวัน วันละมาก ๆ ด้วย เฉพาะอย่างยิ่งในระยะหลัง ๆ ที่ท่านเริ่ม "แสดงออก" โดยการแต่งหนังสือแจก และเทศนาสั่งสอน
    อัน ถ้ำเสือดาวนั้น ได้ชื่อว่าเป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์ มีความอัศจรรย์เร้นลับอยู่มาก (หากมีโอกาสจะได้นำรายละเอียดมาเสนอในภาคพิสดารของประวัติท่านครูบาราศรีต่อ ไป) นอกจากนี้ยังมีความ "เฮี๊ยน" พิลึกเอาการอยู่ทีเดียว ใครบุญไม่ถึง บารมีไม่พอ ก็จะมีอันเป็นไป ไม่สามารถบำเพ็ญอยู่ได้เลย อย่างเก่งก็จะอยู่ได้เดือนเดียวเท่านั้น ผีดุ ไข้ป่า อสรพิษ ความมืดอับอากาศชื้นภายในถ้ำ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญเพียรทั้งสิ้น
    นอกจากนี้ ยังมีโจรผู้ร้ายชุกชุม ชอบเข้าไปปล้น - ฆ่าพระที่ไปปฏิบัติในอาณาบริเวณนี้อยู่เสมอๆ
    การที่ครูบาราศรีสามารถปฏิบัติอยู่ได้ตลอดมา เป็นเวลากว่า ๑๐ ปีนั้น ย่อมแสดงว่าท่านจะต้องใจเด็ดและมี "ดี" มีอานุภาพเหนือพวกมารร้ายใดๆ ตลอดทั้งท่านจะต้อง "เหนือ" กว่าบรรดานักบวชใด ๆ ด้วยกัน ที่เคยเข้าไปบำเพ็ญภาวนาในถ้ำแห่งนี้ในยุคหลัง ๆ ทั้งสิ้น
    หาก จะมองกันอีกนัยหนึ่ง ก็กล่าวได้ว่าการที่ท่านอาจหาญเข้าไปบำเพ็ญอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ในสถานที่อันน่าสพึงกลัว ท่ามกลางภยันตรายรอบด้านนั้น แสดงถึงตัวท่านไม่อาลัยในชีวิต และตั้งใจที่จะ "ตัด" ตัวเองให้ขาดจากโลกอย่างแท้จริง
    ด้วย ความเด็ดเดี่ยวของท่านดังกล่าวมานี้แหละ ที่ทำให้ท่านได้รับความเคารพศรัทธาจากผู้คนเป็นอันมาก มีผู้เพียรไปนมัสการท่านจากทั่วทุกภาคของประเทศไทย มีทั้งนายทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พ่อค้า คหบดี ประชาชนธรรมดา นักบวชทั้งไทย - จีน จนแทบไม่น่าเชื่อว่า "พระป่า" ที่ปลีกตัวเองอยู่ห่างไกลจากโลกถึงปานนั้น จะมีผู้ให้ความสนใจในองค์ท่านถึงขนาดนั้น
    หลาย คนบอกว่าได้เพียรไปคารวะท่านหลายปีมาแล้ว และไม่เคยเห็นตัวท่านเลย เพิ่งได้เห็นเมื่อตอนท่านออกมาให้รดน้ำ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ปี ๒๕๑๘ นี้ ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษที่ท่านออกมานอกกุฏิ เป็นเวลาติดต่อกันถึง ๕ วัน คือตั้งแต่วันที่ ๑๕ - ๑๙ เมษายน ๒๕๑๘ เพราะท่านจะอำลาเพื่อธุดงค์ไปอินเดียโดยไม่มีกำหนดกลับ
    ใน จำนวนนี้ มีอยู่รายหนึ่งที่บอกชื่อ - สถานที่อยู่ไว้โดยละเอียดก็คือ ส.ต.ท.สมจิตต์ ชื่นสำราญ ปัจจุบันอยู่ที่ตึกแถวเลขที่ ๓๓/๒๙ ติดอู่รถเมล์ขาว ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเดิมเป็นตำรวจประจำอยู่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเชียงดาว มีความเคารพศรัทธาท่านมาก แม้จะโยกย้ายไปอยู่สถานที่ใด ๆ ก็ตาม เขาจะต้องหาโอกาสขึ้นไปนมัสการท่านอยู่เสมอ เป็นเวลากว่า ๒ ปีมาแล้ว แต่เพิ่งจะได้เห็นองค์จริงเมื่อ ๑๗ เมษายน ๒๕๑๘ นี้เอง ตำรวจผู้นี้ได้เผชิญอภินิหารเกี่ยวกับท่านเมื่อเร็ว ๆ นี้ด้วย จึงเพิ่มศรัทธายิ่ง ๆ ขึ้น นอกไปจากความชอบใจในการปฏิบัติอันเด็ดเดี่ยว ที่ได้มีมาช้านานแล้ว
    ต่อ ไปนี้คือตัวอย่างในเรื่องอภินิหารบางประการของท่านครูบาราศรี (ตุ๊เจ้าเสือดาว) เท่าที่รวบรวมมาได้ในเวลาอันสั้น และเท่าที่หน้ากระดาษจะอำนวยให้
    อภินิหารเส้นเกศา
    ใน ระยะ ๒ - ๓ ปี ที่ท่านเริ่มเปิดเผยตัว ให้ผู้คนได้สรงน้ำบ้าง ฟังธรรมจากท่านบ้าง รับแจกหนังสือจากท่านบ้าง ฯลฯ นี้เอง ก็ได้มีผู้คนไปนมัสการเพิ่มขึ้นทุกที และในจำนวนนี้มีหลายคนได้เอ่ยปากขอพระท่าน ซึ่งท่านไม่มี ไม่เคยสร้าง และไม่คิดจะสร้างด้วย เพราะมิใช่จุดประสงค์ของท่าน ในการที่ออกไปบำเพ็ญภาวนา แต่เมื่อมีผู้คนรบเร้ามากขึ้น ท่านก็เลยเอาเส้นเกศาของท่านที่ยาว ๆ มาพับเป็นขดเล็ก ๆ ขึ้น ห่อด้วยกระดาษพลาสติก เย็บด้วยเครื่องเย็บกระดาษอย่างเรียบร้อยแถมมีเข็มกลัดติดให้ด้วย เมื่อมีคนไปขอพระท่าน ท่านก็เอาเกศาเหล่านั้นแจกให้ไป ซึ่งก็น่าประหลาดที่เส้นเกศาดังกล่าว ได้ไปก่ออภินิหารมากมายหลายราย เป็นที่น่าอัศจรรย์
    จาก การเปิดเผยของแม่ชีศิริวรรณ แห่งวัดถ้ำเชียงดาว ซึ่งได้ติดตามดูพฤติการณ์ของท่านมาตั้งแต่ต้น จนเกิดศรัทธาในตัวท่านเป็นอย่างยิ่ง เป็นผู้หนึ่งที่ใกล้ชิดติดต่อท่านอยู่เสมอ ได้เล่าให้ฟังว่า เส้นเกศาของท่านใช้ป้องกันผีปอบได้ชะงัด ในปัจจุบันชาวบ้านป่ายังต้องเผชิญกับภัยจากผีปอบ - ผีกะอยู่เสมอ และเกศาของท่านก็ใช้ได้ผล เท่าที่ทราบมาก็คือที่บ้านม่วงฆ้อง ตำบลวังจ่อม บ้านทุ่งละคร อำเภอเชียงดาว และที่เชียงใหม่แถบชานเมือง เช่นที่สันทราย สารภี ตลอดจนที่ลำพูน ก็ได้รับแจ้งว่าเส้นเกศาของท่านเป็นที่ประจักษ์ในทางคุ้มครองป้องกัน ภยันตรายอยู่โดยทั่วไป
    มี อยู่รายหนึ่งเป็นหญิงสูงอายุอยู่บ้านม่วงฆ้องเชียงดาว เป็นโรคหืด มีอาการหอบทรทุกข์ทรมานมาช้านาน รักษาเท่าใดก็ไม่หาย จึงได้ทดลองอาราธนาเอาเส้นเกศาของท่านมาแช่น้ำ อธิษฐานทำเป็นน้ำมนต์กินต่างยา ก็ปรากฏว่าไม่เกิน ๓ วันผ่านไป อาการได้ทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อได้รับประทานติดต่อกันไปนาน ๆ ก็หายขาดไปได้อย่างน่าประหลาด
    ส.ต.ท. สมจิตต์ ชื่นสำราญ ก็ได้เล่าว่าตัวเขาได้รอดพ้นจากอุบัติเหตุบนเส้นทางเชียงใหม่-ฝาง ตรงบ้านร่องธาร ซึ่งเป็นทางภูเขาเต็มไปด้วยหุบเหว เมื่อ ๑๙ - ๒๐ มีนาคม ๒๕๑๘ นี้เอง ด้วยเส้นเกศาของท่านที่อาราธนาติดตัวอยู่เสมอ และเขาเองนิยมไปไหนมาไหนด้วยรถจักรยานยนต์ อันอาจเป็นอันตรายได้ง่ายอีกด้วย เขาจึงหวงแหนและภูมิใจในเส้นเกศา ซึ่งได้รับมาจากมือของท่านเป็นอย่างยิ่ง
    อีกราย หนึ่ง เรื่องเกิดที่กาญจนบุรี เมื่อปลายเดือนเมษายน ๒๕๑๘ ที่ผ่านมานี้เอง สตรีผู้หนึ่งครรภ์แก่ถึงคราวจะคลอด ปวดท้องทรมานอยู่หลายวัน ก็คลอดไม่ออกสักที มีแต่อาการดิ้นของทารกปรากฏอยู่เสมอ แพทย์แผนปัจจุบันที่ไปตรวจอาการจึงบอกว่า ครรภ์ยังไม่ถึงกำหนด จึงยังไม่คลอด แต่ก็ปวดทรมานอยู่อย่างนั้น โดยไม่มีใครสามารถช่วยเหลืออะไรได้ ในที่สุดจึงต้องหันเข้าพึ่งทางไสยศาสตร์ นึกถึงเส้นเกศาของท่าน"ตุ๊เจ้าเสือดาว" ซึ่งได้ไปจากพระอาจารย์องค์ หนึ่งในกรุงเทพฯ ขึ้นมาได้ จึงอัญเชิญมาอาราธนาแช่น้ำ อธิษฐานเป็นน้ำมนต์ช่วยปัดเป่า เพราะมิฉะนั้นก็เหลืออีกทางเดียวคือ ผ่าตัด!
    ในที่สุดก็คลอดทารกนั้นออกมาได้ ด้วยน้ำมนต์แช่เส้นเกศาของท่านนั้นเอง แต่ปรากฏ ว่าทารกเมื่อคลอดออกมานั้น ตัวเขียวใกล้จะเน่าอยู่แล้วแสดงว่าตายมานานแล้ว อย่างที่เรียกกันว่าตายพราย การดิ้นอยู่ในท้องได้นั้น เป็นการหลอกของผีทารกนั่นเอง!
    นอกจากนี้ก็ปรากฏว่า ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๔ ตำบลบ้านถ้ำเชียงดาวก็รอดอันตรายจากกระสุนปืนผู้ร้ายได้อย่างหวุดหวิด ด้วย "พระ" ซึ่ง สร้างจากเส้นเกศาของท่าน ทำให้ผู้ใหญ่บ้านคนนี้ มีความเคารพศรัทธาในท่านเป็นยิ่งนัก กับยังมีสตรี สองแม่ - ลูกคู่หนึ่ง ซึ่งเคยไปตักน้ำถวายท่านอยู่เสมอ ๆ ก็ถูกผู้ร้ายลอบยิง แต่ไม่เป็นอันตราย โดยกระสุนเพียงแต่ถูกต้นแขนของผู้เป็นแม่เพียงแค่ไหม้พองไปเท่านั้น ทั้งนี้ก็ด้วย "พระ" จากเส้นเกศาของท่านครูบาราศรีนี้ทั่งสิ้น
    ผู้เขียนเคยเอาเส้นเกศาของท่าน ให้สุภาพสตรีผู้ชำนาญทางวิปัสสนาผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อพล สระบุรี ก็ได้ความว่า "แรง" อย่างน่าอัศจรรย์ แรงยิ่งกว่าพระเครื่องบางองค์เสียอีก
    ขณะนี้ได้ทราบข่าวว่าเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งใฝ่ใจในทางนี้ กำลังเสาะแสวงหาเส้นเกศาของ "ตุ๊เจ้าเสือดาว" เป็นอย่างยิ่ง ผู้ใดมีไว้ในครอบครองต้องถือว่าเป็นมงคลวิเศษอย่างหนึ่ง
    ญาณพิเศษ
    ค่ำ วันหนึ่งของต้นเดือนมกราคม ๒๕๑๘ ขณะที่พระอาจารย์รูปหนึ่งจากกรุงเทพฯ กำลังก้าวขึ้นไปบน “หอสังเกตการณ์ธรรมชาติ” หน้าถ้ำเสือดาว อันเป็นกุฏิโกโรโกโสของ “ตุ๊เจ้าเสือดาว” ในสายตาของมนุษย์ทั่วไปนั่นเอง ก็มีเสียงร้องทักออกมาจากในกุฏิมืด ๆ โดยไม่เห็นเจ้าของเสียงว่า “อ้าว! นั่นมีเด็กมาด้วยรึ?”
    ทำ เอาพระอาจารย์รูปนั้นต้องสะดุ้งเล็กน้อย เพราะวันนั้นท่านไปเยี่ยมท่านครูบาราศี หรือ “ตุ๊เจ้าเสือดาว” ตามลำพัง มิได้มีลูกศิษย์ติดตามไปด้วยเลย มีแต่เพื่อนพระภิกษุด้วยกันตามไปห่าง ๆ บ้างเท่านั้น
    แต่ ทว่าในย่ามของพระอาจารย์รูปดังกล่าวนี้มี “พระสิทธัตถะกุมาร” เป็นพระผงขนาดค่อนข้างเขื่องรูปกุมารกำลังก้าวเดิน ซึ่งสร้างขึ้นจากผงพระเจ้าสิบชาติ เป็นผงเก่าแก่รวบรวมไว้ช้านาน จากพระเกจิอาจารย์ยอด ๆ ในอดีต สร้างขึ้นโดยอาศัยบุญญาบารมีของพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีต เมื่อยามท่านจะไปไหนมาไหน ท่านก็อาราธนาพระกุมารผู้ประเสริฐองค์นี้ติดตามไปด้วยทุกครั้ง ซึ่งมนุษย์ธรรมดาสามัญ จะไม่มีวันล่วงรู้เลยว่าพระอาจารย์รูปนี้ท่านมี “เพื่อนกายสิทธิ์” ติดตามไปด้วย แม้ในหมู่เพื่อนพระสงฆ์ที่ไปด้วยกันก็ตาม
    จาก เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ทำให้พระอาจารย์รูปนี้เชื่อมั่นในทันทีว่า “ตุ๊เจ้าเสือดาว” นี้ มิใช่พระภิกษุสงฆ์ธรรมดาแน่นอน เพราะมี “ญาณ” พิเศษ สามารถเห็นสิ่งเร้นลับเหนือวิสัยมนุษย์สามัญได้
    เมื่อ ท่านกลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว จึงเอาดวงของ “ตุ๊เจ้าเสือดาว” ไปให้โหรอาวุโสท่านหนึ่งซึ่งมีความชำนาญในการพยากรณ์แม่นยำยิ่งกว่าตาเห็น เพราะโหรท่านนี้สำเร็จวิปัสสนาชั้นสูงด้วย ในการนี้ท่านมิได้เล่าอะไรให้ฟังทั้งสิ้น นอกจากบอกแต่เพียงว่าเจ้าของดวงนี้ มีนามว่า “ราศี” เท่านั้น
    จากการตรวจดวงอย่างคร่าว ๆ ในชั้นแรกนั้นเอง โหรท่านนั้นก็กล่าวออกมาอย่างไม่น่าเชื่อว่า
    “คน ๆ นี้อดีตเป็นคนที่ได้ระดับญาณสูง เป็นบุคคลสำคัญมาก เป็นนักบวชที่ปฏิบัติได้ยอดเยี่ยมอย่างหาผู้เสมอได้ยาก แต่ไม่ชอบสังคมกับมนุษย์ มักจะมีการสมาคมกับเทพ – พรหมเป็นส่วนใหญ่
    ทำเอาพระอาจารย์รูปนี้ฟังแล้วต้องสะดุ้งอีกครั้งหนึ่ง
    โหร ท่านนั้นยังกล่าวต่อไปอีกว่า พระภิกษุรูปนี้จะสำเร็จอรหันต์ตอนอายุ ๔๗ – ๔๙ ปี ตอนนี้ยัง “ติด” อยู่ในฤทธิ์ต่าง ๆ จึงยังไม่อาจสำเร็จได้ แต่ก็สำเร็จอภิญญา ๕ บรรลุขั้นพระอริยบุคคลไปแล้ว
    อีก เรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้เผชิญมาเอง เมื่อไปนมัสการท่านครั้งแรกเมื่อตอนสายวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๑๘ ซึ่งก่อนหน้านั้น ๒ วัน ตอนพลบค่ำผู้เขียนได้ไปมาครั้งหนึ่งเพียงชั่วเวลาครู่เดียว กับพรรคพวกราว ๑๐ คนเศษ มีทั้งพระทั้งฆราวาส มีผู้แจ้งแก่ท่านว่าผู้เขียนก็ไปด้วย โดยมิได้เห็นตัวกัน จากนั้นก็รีบกลับกันเพราะค่ำมืดแล้ว ต่อจากนั้นอีกสองวันจึงได้กลับไปใหม่ เพื่อขอฟังเรื่องราวจากท่านซึ่งในการนี้ก็มิได้เห็นตัวท่านตามเคยเพราะ ท่านอยู่ภายในกลดซึ่งอยู่ในกุฏิ ผู้ที่ไปคุยกับท่านต้องยืนออรอบกุฏิทั้งสิ้น และขณะนั้นมีผู้คนนักท่องเที่ยว ที่ชอบซอกซอนซุกซนออกจากถ้ำเชียงดาวแล้วเตลิดดั้นด้นขึ้นไปทางเหนือ พลุกพล่านไปถึงกุฏิท่านมากพอดูทีเดียว แต่ก็น่าแปลกแท้ ๆ ที่พอถึงเวลาท่านจะแสดงธรรมให้ฟัง ท่านสามารถระบุได้ว่ามีผู้ฟังกี่คน เป็นพระสงฆ์กี่รูป อุบาสก – อุบาสิกากี่คน ซึ่งบางคนก็มิได้ไปในคณะเดียวกัน เพิ่งไปพบหน้ากันเดี๋ยวนั้นเอง ยิ่งกว่านั้นพอใกล้เวลาจะแสดงธรรม ท่านได้เรียกชื่อผู้เขียนอย่างชัดเจน ราวกับเคยเรียกกันมาช้านานแล้ว ว่าให้เป็นผู้กล่าวนำในเชิงอาราธนาเป็นการอารัมภบทสักเล็กน้อย ทั้งนี้เพราะในขณะนั้นผู้เขียนไปยืนอยู่ชิดกุฏิยิ่งกว่าใครเพื่อน ทำเอาต้องสะดุ้งใจเป็นครั้งแรก ว่าท่านรู้จักตัวผู้เขียนได้อย่างไร?
    ต่อ มาอีก ๓ สัปดาห์ – ๙ เมษายน ๒๕๑๘ อันเป็นวันเกิดของท่านครบ ๓๕ ปีบริบูรณ์ได้ทราบว่าท่านจะออกบิณฑบาตเป็นครั้งสุดท้ายก่อนอำลาธุดงค์ไป อินเดีย ผู้เขียนจึงเดินทางขึ้นไปนมัสการและใส่บาตรท่านในวันนั้น เนื่องจากแท็กซี่ที่นัดไว้ไปรับที่เชียงใหม่ช้าไปเล็กน้อย จึงทำให้ไปถึงถ้ำเชียงดาวเมื่อราว ๘.๓๐ น. ขณะรถผ่านทางแยกจากถนนใหญ่ มุ่งไปยังถ้ำเชียงดาวนั้นเอง เมื่อใกล้จะถึงวัดถ้ำเชียงดาวก็ได้เห็นผู้คนออกมายืนออเป็นกลุ่มหน้าบ้าน ตลอดเส้นทาง ทราบภายหลังว่ามาคอยใส่บาตรท่าน “ตุ๊เจ้าเสือดาว” เมื่อเหลือระยะทางอีกราว ๑ กม. จะถึงถ้ำเชียงดาว พระสงฆ์ที่ไปด้วยกันก็บอกว่าท่านมาแล้วโดยกำลังรับบิณฑบาตจากชาวบ้านอยู่ ข้างทาง ผู้เขียนจึงให้หยุดรถ แล้วรีบคว้ากล้องถ่ายรูป วิ่งไปหาท่านทันที ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นตัวจริงท่าน พอเข้าใกล้ท่านก็ยกมือขึ้นไหว้ ยังมิทันจะพูดอะไรออกไป ท่านก็เอ่ยปากทักก่อนว่า “อ้อ...สะเทื้อนรึ?” (ชื่อของผู้เขียน) ทำเอาผู้เขียนเองสะดุ้งเป็นครั้งที่ ๒ และคิดว่าพระองค์นี้ถ้าจะไม่ใช่พระธรรมดาเสียแล้ว!
    ต่อ มาเมื่อมีโอกาสได้สนทนากับท่าน ก็ได้เพียรพยายามสอบถามท่าน ถึงการได้ “ทิพยจักขุญาณ” ว่าได้เมื่อใด ได้อย่างไร ซึ่งท่านก็ไม่ได้ตอบตรง ๆ เข้าใจว่าเกรงจะเป็นการโอ้อวด ท่านบอกแต่เพียงว่าท่านมุ่งปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นเป็นที่ตั้ง มิได้หวังอะไรนอกเรื่องนอกราว แต่เมื่อได้คุยกับท่านไปนาน ๆ หลาย ๆ ครั้งเข้า เรื่องราวต่าง ๆ บางเรื่องก็เผยออกมาเอง เช่น ท่านเล่าว่าครั้งหนึ่งเมื่อท่านเข้าไปบำเพ็ญอยู่ในถ้ำเสือดาวได้ไม่นานนัก ขณะที่กำลังหลับตาทำสมาธิภาวนาอยู่ ก็เห็นพวกเมืองลับแลหลายคนมาปรากฏ (ท่าน อธิบายว่าพวกเมืองลับแลนี้กายหยาบใกล้เคียงกับมนุษย์ คนที่ได้สมาธิขั้นต้น หรือมีพรสวรรค์อยู่บ้าง ก็อาจแลเห็นได้ถ้าหากสภาพแวดล้อมและจิตใจอำนวย และพวกนี้มีอยู่มากในบริเวณถ้ำหลวงเชียงดาว) ครั้น ท่านลืมตาขึ้นภาพนั้นก้หายไป พอหลับตาใหม่ก็ปรากฏอีกและเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกัน ท่านจึงรู้ว่าเป็นเรื่องของพวกมนุษย์อีกโลกหนึ่ง และท่านเริ่มได้ทิพยจักขุญาณขั้นต้นแล้ว!
    แต่ เมื่อถามถึงเหตุการณ์เร้นลับบางประการ ทั้งในอดีต – อนาคตหลายเรื่อง ท่านไม่ยอมตอบท่านบอกว่าเรื่องของการพยากรณ์ท่านไม่สนใจ เป็นเรื่องอาจิณไตยแม้พระสงฆ์บางพวกจะนิยมชมชอบแต่พระอริยบุคคลที่มุ่ง ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น จะไม่ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย
    จากเรื่องราวดังกล่าวนี้ ทำให้ผู้เขียนเชื่อได้ว่า ครูบาราศี หรือ “ตุ๊เจ้าเสือดาว” นี้ ท่านได้ทิพยจักขุญาณแน่นอน
    ปลงเกศา – แผ่นดินไหว
    “งานสำคัญก็จวนเสร็จแล้ว หลังจากนี้อีก ๓๐ ราตรี โลกทำท่าว่าจะแตก จะเกิดปรากฏการณ์ขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของแผ่นดิน...”
    นี่ เป็นคำพูดของครูบาราศีกับพระอาจารย์รูปหนึ่ง ซึ่งมีช่างภาพ น.ส.พ. “ไทยนิวส์” ประจำจังหวัดเชียงใหม่ แม่ชีศิริวรรณและคฤหัสถ์อีกหลายคน ร่วมฟังอยู่ด้วย ขณะนั้นเป็นเวลาราว ๑๓ น.เศษ ของวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๑๘ ซึ่งเป็นเวลที่ท่านเพิ่งปลงเกศา – หนวดเคราเสร็จใหม่ ๆ หลังจากที่มิได้แตะต้องมาเป็นเวลา ๕ ปีแล้ว จนใคร ๆ พากันเรียกท่านว่า “พระฤาษีเสือดาว” วันนั้นตอนเที่ยงจึงได้โกนเสียที เพราะท่านจะเดินธุดงค์ไปอินเดีย และปรากฏตัวให้คนทั่วไปได้พบเห็นท่าน เช่น ภิกษุธรรมดาทั่วไป เมื่อโกนเกศาเสร็จก็มีการถ่ายภาพในอิริยาบถต่าง ๆ ไว้เป็นที่ระลึก เสร็จแล้วท่านก็ได้เอ่ยวาทะดังกล่าวออกมา ซึ่งขณะนั้นไม่มีใครฟังรู้เรื่องว่าหมายถึงอะไรกัน
    ที่ ท่านพูดว่า “งานสำคัญ” จวนเสร็จแล้วนั้น พอจับความต่อมาได้ว่าหมายถึงท่านได้แต่งหนังสือ “วาทะพระศาสดา” อันเป็นบทนิพนธ์ล่าสุด และสำคัญที่สุดจบแล้ว ซึ่งสันนิษฐานว่าท่านจะต้องปฏิบัติธรรมผ่านขั้นสำคัญบรรลุล่วงไปได้แล้วอีก ขั้นหนึ่ง จึงปรากฏผลงานนิพนธ์เล่มนี้ออกมา และหนังสือนี้ก็สามารถพิมพ์แจกจ่ายได้ทันวันเกิดอายุครบ ๓๕ ปี เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๑๘ พอดี ท่านจึงถือว่าท่านได้ปฏิบัติภารกิจสำคัญในเมืองไทยสำเร็จหมดแล้ว จึงเตรียมตัวธุดงค์ไปอินเดียสืบต่อไป
    จากนั้นท่านได้กล่าวต่อไปอีกว่า
    “มันมีอะไร ๆ ที่น่าคิดอยู่แต่เป็นเรื่องของอาจิณไตย...”
    หลัง จากวันดังกล่าวผ่านไปได้ ๑ เดือนกับ ๑ วัน ก็มีปรากฏการณ์เกี่ยวกับแผ่นดินอย่างน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นจริง ๆ นั่นก็คือเมื่อเวลา ๑๐.๓๘ น.ของวันจันทร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ ก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ของเมืองไทยในรอบ ๓๐ ปี
    ชาว เชียงใหม่ – เชียงดาวเล่าว่าที่นั่นไหวรุนแรงมาก และไหวเฉพาะซีกตะวันตก อันเป็นดินแดนที่ท่านจะเดินธุดงค์ตรงไปสู่อินเดียเท็จจริงอย่างไรไม่ทราบได้ และผู้เขียนไม่อาจกล่าวได้ว่าการปลงเกศาของครูบาราศีในวันนั้น จะมาสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้อย่างไร เพราะเป็นเรื่องของอาจิณไตย! แต่เรื่องของเรื่องก็เป็นไปแล้วดังที่ได้กล่าวมาในตอนนี้นี่แหละ และท่านได้พูดไว้ก่อนหน้าจะเกิดแผ่นดินไหวถึง ๓๑ วัน
    พระพุทธองค์ สมเด็จพระบรมศาสดา ได้ตรัสกับพระอานนท์เกี่ยวกับสาเหตุที่จะทำให้แผ่นดินไหว ปรากฏอยู่ในมหาปรินิพพานสูตร ดังนี้
    “อานนท์ ที่จะทำให้แผ่นดินไหวนั้น ด้วยเหตุ ๘ ประการ คือ
    ๑.ลม กำเริบ ๒.ท่านผู้มีฤทธิ์บันดาล ๓.พระโพธิสัตว์จุติจากชั้นดุสิตลงสู่พระครรภ์ ๔.พระโพธิสัตว์ประสูติ ๕.พระตถาคตเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ๖.พระตถาคตเจ้าทรงประกาศอนุตตรธรรมจักรให้เป็นไป ๗.พระตถาคตเจ้าทรงปลงอายุสังขาร และ ๘.พระตถาคตเจ้าปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ เหตุทั้ง ๘ อย่างนี้เป็นปัจจัยที่จะให้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่แต่ละอย่างๆ”
    อนึ่ง ขอเรียนให้ท่านผู้อ่านได้ทราบอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า โหรสำคัญของเมืองไทยในยุคปัจจุบันนี้ท่านหนึ่ง ได้ให้คำพยากรณ์เกี่ยวกับครูบาราศี ที่น่าทึ่งอยู่หลายตอน เช่น ตอนหนึ่งมีดังนี้
    “...ยุค ต่อไปนี้การปฏิบัติธรรมจะบรรลุผลตามที่ตนตั้งจิตอธิษฐานเอาไว้ในอายุ ๔๗ หรือ ๔๙ อย่างแน่นอน และเมื่อสำเร็จแล้วแผ่นดินจะไหวอีกครั้งหนึ่ง หรือมีแสงสีอันมหัศจรรย์เกิดขึ้นบนฟากฟ้า”
     
  9. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    สวัสดียามเช้าครับ
     
  10. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1202. พระดีพิธีใหญ่ พระพิมพ์ขุนแผน พิมพ์เล็ก หลังพระอาจารย์ธรรมโชติ เนื้อดินเผา ปี ๒๕๒๐ ให้บูชา 650 บาท



    upload_2022-12-15_7-40-50.png



    พระพิมพ์ขุนแผน หลังพระอาจารย์ธรรมโชติ เนื้อดินเผา

    เมื่อปี 2520 ผู้ว่าราชการจัหวัดสุพรรณบุรี ในขณะนั้น ได้มีความประสงค์ที่จะบูรณะวิหาร ด้านหลังโบสถ์วัดเขานางบวช จังหวัดสุพรรณบุรีซึ่งสันนิฐานเชื่อกันว่า เป็นวิหารที่พระอาจารย์ธรรมโชติ พระเกจิอาจารย์ยุคปลายกรุงศรีอยุธยา ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านบางระจัน ได้เคยมาใช้เป็นที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ดังนั้นคณะกรรมการจึงได้มีความเห็น ให้ดำเนินการจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นเพื่อมอบให้กับผู้ร่วมบริจาคทำบุญ โดยได้จัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อมอบเป็นที่ระลึก แก่ผู้รวมทำบุญ คือเหรียญ และพระพิมพ์เนื้อดินเผา

    และเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2520 ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีพร้อมคณะกรรมการ ได้เดินทางไปประกอบพิธีบวงสรวงและขออนุญาตต่อดวงวิญญาณของพระอาจารย์ธรรมโชติ ณ วัดเขานางบวช พร้อมทั้งยังขอขมาและขออนุญาตพระอาจารย์ธรรมโชติเพื่อขุดดินในวิหารที่พระอาจารย์ธรรมโชตินั่งวิปัสสนาเอา ไปเป็นมวลสารด้วย

    พระพิมพ์ขุนแผนนื้อดินเผา หลังพระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นพระเนื้อดินเผาที่มีแร่ปะปน อยู่ บางองค์แร่ธาตุที่ปะปนอยู่ได้ละลายออกมาคลือบผิวของอ งค์พระคล้ายกับผิวเคลือบของโอ่งมังกรเคลือบ โดยมวลสารสำคัญ ประกอบไปด้วย ดินใจกลางเมืองซึ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ขอไปที่จังหวัดต่างๆทั่วประเทศ รวมทั้งดินทุกวัดในจังหวัดสุพรรณบุรีอีกด้วย
    และได้จัดพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2520 ที่วัดเขานางบวช
    โดยพระเกจิอาจารย์ที่มาร่วมพิธีมีดังต่อไปนี้
    1.หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    2.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    3.หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
    4.หลวงพ่อทรัพย์ วัดตลุก
    5.หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม
    6.หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง
    7.หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย
    8.หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช
    9.หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
    10.หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
    11.หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ (ตั้งแต่ ลำดับที่ 11- 20 อยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี)
    12.หลวงพ่อสำราญ วัดปราสาททอง
    13.หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดอู่ทอง
    14.หลวงพ่อเจริญ วัดธัญญวารี
    15.หลวงพ่อทองหยด วัดชีสุขเกษม
    16.หลวงพ่อทองหยด วัดวังจิก
    17.หลวงพ่อสม วัดดอนบุพผาราม
    18.หลวงพ่อสุบิน วัดท่าช้าง
    19.หลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย
    20.หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว
    21.หลวงพ่อเพียว วัดโพธิ์ทองเจริญ
    22.หลวงพ่อไสว วัดเขาพระ
     
  11. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1203. พระผงรัตนเกษม หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง ออกที่ วัดพลับพลา จ.นนทบุรี ปี 2517 หรือเรียกรุ่นนี้ว่า รุ่น ฟ้าลั่น ให้บูชา 750 บาท


    upload_2022-12-15_7-48-29.png


    upload_2022-12-15_7-52-36.png


    ประวัติพระผงรัตนเกษม หลวงพ่อเกษม เขมโก

    เมื่อปี พ.ศ.2517 วัดพลับพลา จังหวัดนนทบุรี กำลังดำเนินการสร้างพระอุโบสถแต่ขาดทุนทรัพย์ จึงคิดไปขอพึ่งบารมีหลวงพ่อเกษม ขอสร้างเหรียญและพระผงรุ่นสร้างโบสถ์วัดพลับพลา และหลวงพ่อเกษมได้อนุญาตให้สร้างตามประสงค์เมื่อวันที่20 สิงหาคม พ.ศ.2517 ทางวัดพลับพลาโดยหลวงพ่อพระครูสิรินนทคุณเจ้าอาวาส จึงได้ดำเนินการจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้น 3 รายการ คือ
    1.เหรียญรูปเหมือน หลวงพ่อเกษม เนื้อทองคำ เงิน นวโลหะ และทองแดง
    2.พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อเกษม
    3.พระปิดตาเขมโก
    เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้นำขึ้นไปให้หลวงพ่อเกษมปลุกเสก เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2517 เวลา 19.39. น. ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ในการพิธีมนต์นี้ได้มีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นซึ่งท่านพระครูสิรินนทคุณได้บันทึกไวัดังนี้ ในวันปลุกเสกนั้นเป็นเวลากลางคืนทางเหนือหมดฝนแล้วได้ เวลาหลวงพ่อเกษมเดินออกจากกุฏิที่พักของท่าน พอมาถึงศาลามุงแฝก (หญ้าคา) ปะรำพิธีปลุกเสก ข้าพเจ้ากับคณะกรรมการและทุกคนในที่นั้นได้ยินเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยง ชาวลำปางจึงตั้งชื่อพระรุ่นนี้ว่า รุ่นฟ้าลั่น ปัจจุบันนี้ชาวลำปางเก่าๆยังจำชื่อรุ่นฟ้าลั่นได้ พระชุดนี้เริ่มออกจำหน่ายจ่ายแจก ในวันที่ 9 ตุลาคม 2517 ที่วัดพลับพลา จังหวัดนนทบุรี ได้เงินสมทบจากพระชุดนี้จนสร้างพระอุโบสถวัดพลับพลาสำเร็จ
    อยู่มาเมื่อปี 2536 ทางวัดได้จัดเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังอุโบสถ ขาดทุนทรัพย์ จึงนำพระชุดนี้ในส่วนที่เหลือ คือเหรียญเนื้อทองแดงประมาณ 200 เหรียญ พร้อมพระผงปิดตาเขมโก และ พระผงรัตนเกษม ออกมาให้เช่าบูชาจนได้เงินค่าเขียนภาพจิตรกรรมสำเร็จ เงินเหลือจากค่าจ้างเขียนภาพก็นำไปสร้างโรงครัวและห้องน้ำ 18 ห้อง ทุกวันนี้เหรียญหลวงพ่อเกษมและพระปิดตาเขมโกหมดลงแล้ว คงเหลือแต่พระผงรัตนเกษม หรือ พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อเกษม รุ่นสร้างโบสถ์วัดพลับพลา ปี 2517 เท่านั้น
    หลังจากนั้นทางวัดได้นำพระผงรูปเหมือนหลวงพ่อเกษม หรือ พระผงรัตนเกษม ในส่วนที่เหลือออกให้เช่าบูชาอีกครั้ง โดยท่านพระครูสิรินนทคุณได้มีลิขิตอธิบายดังนี้ ข้าพเจ้าได้ทราบว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อเกษมได้ละสังขารไปแล้ว เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2539 ข้าพเจ้าได้รำลึกถึงพระคุณของหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่มีเมตตาต่อวัดพลับพลามาในอดีต คือได้เมตตาอนุญาตวัดพลับพลาจัดสร้างเหรียญและพระผงรูปเหมือนของหลวงพ่อเกษมเพื่อแจกจ่ายให้แก่คณะศรัทธาบริจาคทรัพย์สร้างอุโบสถจนสำเร็จตามโครงการ ข้าพเจ้าจึงปรึกษากรรมการวัดว่าพวกเราควรหาทางตอบแทนพระคุณของท่านบ้าง เพื่อทำบุญอุทิศไปให้ท่าน จึงได้นำพระผงรัตนเกษมที่เก็บไว้จำนวน 2000 องค์ ไปมอบให้ท่านประธานจัดงานศพ คือ เจ้าประเวทย์ ณ ลำปาง เพื่อสมทบทุนมูลนิธิหลวงพ่อเกษม เขมโกต่อไป โดยมอบให้เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2539 พร้อมรับเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมถวายในวันนั้นด้วย หลังจากเจ้าประเวทย์ได้รับมอบพระผงรัตนเกษมแล้ว ท่านคิดว่าการก่อสร้างของสุสานไตรลักษณ์หรือสิ่งอื่นภายในเมืองลำปาง โดยเฉพาะในสุสานไตรลักษณ์นั้นไม่มีอะไรจะปลูกสร้างแล้วหรือว่าจะสร้างต่อไป มูลนิธิของหลวงพ่อเกษมก็มีเพียงพอจึงปรึกษากันว่าสำหรับพระผงรัตนเกษม 2000 องค์นี้ ควรจะได้สร้างอะไรสักอย่างที่เป็นอนุสรณ์ของหลวงพ่อเกษม ถวายให้วัดพลับพลา พอดีวัดพลับพลากำลังจะดำเนินการสร้างศาลาการเปรียญขนาด 10 x 15 เมตร อยู่ เนื่องจากของเก่าไม่พอต้อนรับประชาชนในเวลาเทศกาล เจ้าประเวทย์จึงเมตตามอบพระผงรัตนเกษมกลับคืนให้วัดพลับพลาเพื่อดำเนินการต่อไป และขอให้ตั้งชื่อศาลาการเปรียญว่า ศาลาการเปรียญเขมโก
    นี่ก็เป็นอันว่าพระผงรัตนเกษมที่เคยสร้างพระอุโบสถวันพลับพลาเมื่อ ปี พ.ศ.2517 จะได้กลับมาสร้างศาลาการเปรียญให้วัดพลับพลาอีกครั้งในปี พ.ศ.2539 หรือ 22 ปีให้หลัง


    สำหรับพระผงรัตนเกษม ที่เหลือตกค้างจากการออกให้บูชาในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ยังได้นำเข้าปลุกเสกพิธีใหญ่ที่วัดพลับพลาในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ โดยมีพระคณาจารย์ปลุกเสก ดังนี้

    ๑.หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    ๒. หลวงพ่อคำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ลพบุรี
    ๓.หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์ ลพบุรี
    ๔. หลวงพ่อคล้าม วัดกุ่มหัก สระบุรี
    ๕.หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช อยุธยา
    ๖.หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์
    ๗.หลวงพ่อชื่น วัดตำหนักเหนือ นนทบุรี
    ๘.หลวงพ่อแก้ว วัดปทุมวนาราม อยุธยา
    ๙.หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม อ่างทอง
    ๑๐.หลวงพ่อเส็ง วัดบางนา ปทุมธานี
    ๑๑.หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก ระยอง
    ๑๒.หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    ๑๓. หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณ์ กทม.
    ๑๔. หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง นนทบุรี
    ๑๕.หลวงพ่อโต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม.
    ๑๖. หลวงพ่อพระโพธิวรคุณ วัดโพธินิมิต กทม.
    ๑๗.หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม นครปฐม
    ๑๘. หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ เพชรบุรี
    ๑๙. หลวงพ่อจ้วน วัดเขาลูกช้าง เพชรบุรี
    ๒๐. หลวงพ่อพยนต์ วัดเกตุมวดีย์ สมุทรสาคร
    ๒๑. หลวงพ่อพระพุทธมนต์วราจารย์ วัดสุทัศน์ฯ กทม.
    ๒๒. หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม อ่างทอง
    ๒๓. หลวงพ่อกาหลง (ไม่ทราบวัด) จังหวัดจันทบุรี
    ๒๔. หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ นนทบุรี
    ๒๕. หลวงพ่อสะอาด วัดฝาง นนทบุรี
     
  12. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1204.พระรอด วัดศรีหมวดเกล้า ปี ๒๕๑๗ มีสมเด็จพระสังฆราช เสด็จในพิธี มี หลวงพ่อเกษม เขมโก,หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค, ครูบาวัง วัดบ้านเด่น, หลวงพ่อเมือง และ เกจิชื่อดัง ณ ยุคนั้น ปลุกเสกมากมายครับ ให้บูชา 550 บาท


    upload_2022-12-15_10-28-36.png

    พระรอด วัดศรีหมวดเกล้า ปี ๒๕๑๗ หลวงพ่อเกษม เขมโก ครูบาวัง วัดบ้านเด่น หลวงพ่อเมือง หลวงพ่อมุมวัดปราสาทเยอร์และเกจิชื่อดัง
    สร้างพร้อมพิมพ์ใบโพธิ์ แจกในงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม( บางขุนพรหม ๑๗) เป็นที่ระลึกให้พระสงฆ์ที่ร่วมในพิธี มวลสารมีส่วนผสมผงสมเด็จบางขุนพรหมหลายๆยุค ผงว่าน ผงธูป เกสรดอกไม้ น้ำพุทธมนต์ (มีข้อมูลในหนังสือรวมเล่ม)
    .. โดยมีพระเกจิดังร่วมปลุกเสกมากมาย อาทิ
    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราชฯ
    หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์
    อาจารย์นอง วัดทรายขาว
    หลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอเหนือ
    หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ และพระเกจิดังๆในยุคนั้นอีกหลายท่าน
     
  13. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    พระดีที่อยากแนะนำครับ

    เหรียญสู้ศึก พระเจ้าเสือ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท (พระยาเสือ) จัดสร้างโดย ค่ายมหาสุรสิงหนาท จังหวัดระยอง พัน ร.๗ ผส.นย. จ.ระยอง ปี2521

    upload_2022-12-15_11-7-6.png

    สุดยอดเหรียญประสบการณ์ของ น.ย.๑๙๒ !!!....การดำเนินการจัดสร้างพระบวรราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทของกรมผสมนาวิกโยธินและหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 192 นี้ได้อาศัยกำลังกาย กำลังใจ รวมถึงกำลังทรัพย์ของบรรดาทหารหาญ ข้าราชการ และประชาชนที่มีจิตศรัทธาร่วมกันเสียสละทุนทรัพย์ส่วนตัวในการดำเนินการจัดสร้างให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งเอาไว้ เพื่อเป็นการตอบแทนบรรดาข้าราชการและทหารในกองพันทหารราบที่ 7 กรมผสมนาวิกโยธินและในหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 192 ซึ่งเป็นกำลังสำคัญที่บริจาคเงินร่วมกันสร้างอนุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ตลอดจนข้าราชการฝ่ายทหาร ฝ่ายพลเรือน และประชาชนทุกคนที่มีส่วนร่วมในการสละทุนทรัพย์ส่วนตัว ทางคณะกรรมการฯ จึงได้จัดสร้างพระบรมรูปจำลองขนาดต่างๆ และเหรียญรูปสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ที่มีลักษณะเหมือนพระบรมรูปอนุสาวรีย์มอบให้ผู้บริจาคนำไปสักการะบูชาเพื่อเป็นศิริมงคลและเป็นที่ระลึกถึงวีรบุรุษนักรบกล้าหาญของชาติ รายการวัตถุมงคลที่มีการจัดสร้างทั้งหมด ประกอบด้วย
    - 1. พระรูปจำลอง ขนาด 12 นิ้ว (ไม่รวมฐานและพระมาลา) ลักษณะเป็นโลหะสีเปลือกมังคุด มอบให้ผู้บริจาคเงินจำนวน 1,500 บาท (หนึ่งพันห้าร้อยบาทถ้วน) จัดสร้างจำนวน 65 องค์
    - 2. พระรูปจำลอง ขนาด 7.5 นิ้ว (ไม่รวมฐานและพระมาลา) ลักษณะเป็นโลหะสีเปลือกมังคุด มอบให้ผู้บริจาคเงินจำนวน 600 บาท (หกร้อยบาทถ้วน) จัดสร้างจำนวน 170 องค์
    - 3. พระรูปจำลอง ขนาด 4 เซ็นติเมตร (ไม่รวมฐานและพระมาลา) ลักษณะเป็นโลหะทองเหลือง รมดำ มอบให้ผู้บริจาคเงินจำนวน 40 บาท (สี่สิบบาทถ้วน) จัดสร้างจำนวน 3,700 องค์
    - 4. เหรียญทองแดงรมสีแดง มอบให้ผู้บริจาคเงินจำนวน 20 บาท (ยี่สิบบาทถ้วน) จัดสร้างจำนวน 20,000 เหรียญ และคณะผู้สร้างได้นำเหรียญนี้จำนวนหนึ่งทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (รัชกาลที่9) เพื่อพระราชทานแก่ทหารและตำรวจที่ปฏิบัติราชการสู้รบเพื่อประเทศ
    วัจถุมงคลชุดนี้การทำเครื่องหมายลับ (โค๊ด) ที่วัตถุมงคล เพื่อเป็นการป้องกันเหตุอันไม่ควรเกิดขึ้นบางประการ ทางคณะผู้จัดสร้างได้มีการทำโค๊ดไว้ที่วัตถุมงคลรายการต่างๆ เอาไว้ทุกองค์ ดังนี้
    - 1. พระรูปขนาด 12 นิ้วและขนาด 7.5 นิ้ว มีตอกเลข “๗” ไว้ที่พื้นฐานด้านหลัง
    - 2. พระรูปขนาด 4 เซ็นติเมตร ดำเนินการตอกเลข “๗” ไว้ที่ขอบฐาน ต่อจากอักษรระยอง
    - 3. เหรียญ ตอกอักษร “ส” ไว้ที่พื้นเหรียญแนวสะโพกด้านขวาของพระรูป
    พิธีพุทธาภิเษก เมื่อได้มีการดำเนินการจัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อมอบเป็นที่ระลึกให้กับผู้ที่มีจิตศรัทธาร่วมบุญในการสร้างพระบวรราชานุสาวรีย์ฯ แล้วนั้น เพื่อให้การประกอบพิธีการพุทธาภิเษกมีความเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นนั้น ทางคณะผู้สร้างได้มีการวางแผนการทำงานเป็นลำดับขั้นตอนต่างๆ ดังต่อไปนี้
    - 1. ก่อนการดำเนินการเทโลหะหล่อพระบวรราชานุสาวรีย์ และการจัดสร้างวัตถุมงคลรายการต่างๆ ตามที่กล่าวมานั้น คณะผู้สร้างได้มีการประสานงานส่งแผ่นโลหะให้พระเถระจำนวน 164 องค์ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ช่วยเมตตาลงอักขระและอธิษฐานจิตลงแผ่นโลหะองค์ละ 3 แผ่น ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการทั้งสิ้น 6 เดือน (กันยายน 2520-มีนาคม 2521) โดยรวบรวมแผ่นโลหะจากพระเถระกลับมาได้จำนวน 119 องค์ จากนั้นจึงได้ทำการนำแผ่นโลหะจากพระเถระทั้งหมดหลอมรวมกับโลหะที่ทำวัตถุมงคลทั้งพระรูปจำลอง เหรียญ และพระรูปอนุสาวรีย์ด้วย เรียกได้ว่าวัตถุมงคลชุดนี้ทุกชิ้นมีชนวนโลหะจากพระเถระทั้ง 119 รูปที่ได้เมตตาอธิษฐานจิตมาด้วยทั้งสิ้น
    - 2. พิธีพุทธาภิเษก เริ่มต้นที่การประสานงานพระเถระผู้ทรงวิทยาคุณจำนวน 9 รูป ปลุกเสกเดี่ยว เน้นทางด้านมหาอุตม์ คงกระพันชาตรี ที่วัดของพระเถระต่างๆ รูปละ 1 คืน ตั้งแต่วันที่ 17-30 มีนาคม 2521 ประกอบด้วย
    - วันที่ 17 มีนาคม 2521 พระครูสมุทรธรรมสุนทร (หลวงพ่อสุด) วัดกาหลง จังหวัดสมุทรสาคร
    - วันที่ 19 มีนาคม 2521 หลวงพ่อพุฒ สารสุข วัดวงษ์ภาสนาราม จังหวัดอ่างทอง
    - วันที่ 20 มีนาคม 2521 พระครูสุวรรณศิลาจารย์ (หลวงพ่อทอง) วัดก้อนแก้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา
    - วันที่ 21 มีนาคม 2521 พระครูสังวรกิตติคุณ (หลวงพ่อเอีย) วัดบ้านด่าน จังหวัดปราจีนบุรี
    - วันที่ 22 มีนาคม 2521 หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดสระแก้ว จังหวัดนครราชสีมา
    - วันที่ 23 มีนาคม 2521 หลวงพ่อใหญ่ ฐิตเวโท ถ้ำเขาลูกช้างน้ำตกสาริกา จังหวัดนครนายก
    - วันที่ 25 มีนาคม 2521 พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี จังหวัดกรุงเทพมหานคร
    - วันที่ 26 มีนาคม 2521 หลวงพ่อกัสสปมุนี สำนักสงฆ์ปลิปผลิวนาราม อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง
    - วันที่ 27-30 มีนาคม 2521 พระครูวินัยธร (ยงยุทธ ธัมมโกสโล) วัดเขาไม้แดง จังหวัดชลบุรี
    3. พิธีพุทธาภิเษกในขั้นต่อมาได้กระทำพิธีปลุกเสกรวมทางเมตตาแคล้วคลาด ที่สโมสรพระยาเสือ กองพันทหารราบที่ 7 กรมผสมนาวิกโยธิน ค่ายมหาสุรสิงหนาท อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ในวันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2521 เวลา 20.29-00.19 น. โดยพระเถระ 9 รูปที่มาร่วมพิธีพุทธาภิเษก ประกอบด้วย
    - สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร
    - พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิงห์ สุนทโร) วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
    - พระครูญาณวุฒิกร (หลวงพ่อสวน ฐิติญาโน) วัดบางกระดาน จังหวัดตราด
    - หลวงพ่อคง สุวัณโณ วัดวังสรรพรส อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี
    - พระครูสุนทรธรรมานุศาสตร์ (หลวงพ่อรวย จันทสิริ) วัดท่าเรือแกลง จังหวัดระยอง
    - พระครูกิตตินนทคุณ (หลวงพ่อกี๋ ) วัดหูช้าง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
    - พระครูพิศิษฐชโลปการ (หลวงปู่เกลี้ยง มนุญโญ) วัดเนินสุทธาวาส จังหวัดชลบุรี
    - พระอาจารย์วิเชียร วชิโร วัดเนินสุทธาวาส จังหวัดชลบุรี
    - พระครูวินัยธร (ยงยุทธ ธัมมโกสโล) วัดเขาไม้แดง จังหวัดชลบุรี ( ขอขอบคุณบทความและภาพจากเพจ
    สืบสานตำนานวัดเขาไม้แดง )
    เป็นของดีที่น่าบูชาสำหรับสายบู๊ยิ่งนัก!!!...ประสบการณ์
    เกิดกับทหารกล้ามานักต่อนักสำหรับเหรียญรุ่นนี้


    ประสบการณ์ตั้งแต่วันพุทธาภิเษก

    พิธีพุทธาภิเษกนี้จัดขึ้นเมื่อ วันเสาร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2521 ภายในค่ายมหาสุรศักสีหนาท (พัน.ร.7 กรม ร.3 พล.นย.) จังหวัดระยอง โดยมีพระคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ 9 รูป การพุทธาภิเษกกำหนดให้ เข้าปลุกเสกแบ่งเป็นรอบๆ โดยใช้เวลารอบละ 30 นาที พอเข้าปลุกเสกในรอบแรกผ่านไป จนกระทั่งถึงการเข้าปลุกเสกรอบที่สองปรากฏว่า หลวงพ่อยงยุทธ วัดเขาไม้แดง ท่านได้ออก จากสมาธิแล้วปลีกตัวออกมานั่งพักนอกบริเวณมณฑลพิธี ดูท่านอ่อนเพลีย ใบหน้าและจีวรของท่านก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนผิดสังเกต ในขณะที่ หลวงพ่อยงยุทธ นั่งพักอยู่ ท่านกวักมือเรียกให้ พล.ร.อ. วสินธ์ สาริกะภูติ เข้าไปหาแล้วสอบถามว่า
    หลวงพ่อยงยุทธ : "นอกจากพระอาจารย์ทั้ง 9 รูปที่ร่วมปลุกเสกในพิธีแล้ว คุณโยมวสินธ์ได้อัญเชิญท่านผู้ใดมาปลุกเสกวัตถุมงคลนี้อีกหรือไม่ ? เพราะในขณะที่อาตมาเข้าสมาธิปลุกเสกอยู่นั้น ก็สัมผัสได้ถึงม่านพลังบางอย่างที่แผ่ปกคลุมวัตถุมงคลทั้งหมดไว้ พลังงานนี้คล้ายนำเอาครอบแก้วขนาดมหึมา นำมาครอบกองวัตถุมงคลทั้งหมดไว้ และพลังที่ว่านี้มีพลังเหนือกว่าพลังจิตของพระอาจารย์ในพิธีทั้งหมดรวมกัน เป็นพลังที่แรงฤทธ์ด้านมหาอุดและคงกระพันชาตรี
    อาตมาเห็นว่าการส่งกระแสพลังจิตของ พระอาจารย์ในพิธีทั้งหมดที่ส่งไปที่วัตถุมงคล พลังจิตเหล่านั้นทั้งหลายไม่อาจจะทะลุผ่านม่านพลังอันกล้าแข็งนี้ได้ พลังจิตของเหล่าพระอาจารย์ทั้งหมดนั้น ได้แต่หมุนวนอยู่แค่รอบนอกกองวัตถุมงคล โดยตลอดเวลาที่อาตมาเข้าปลุกเสกได้เห็นพลังจิตของอาจารย์ต่างๆ รวมตัว เป็นหมอกปกคลุมอยู่เพียงรอบนอกกองวัตถุมงคล
    โดยไม่มีพลังสมาธิของท่านผู้ใดทะลุผ่านม่านพลังนี้เข้าไปได้เลย รวมทั้งพลังของอาตมาด้วย แม้อาตมาได้พยายามทุกวิถีทางแล้วก็ตาม แต่มันพลังนี้ยังคงปิดครอบวัตถุมงคลอยู่เช่นเดิม ไม่ยอมเปิดทางให้พลังจิตของท่านใดเข้าไปสู่วัตถุมงคลนั้นได้เลย เมื่อเป็นดังนี้อาตมาจึงถอยออกมาพักก่อน และต้องการจะออกมาสอบถามโยมด้วยว่า ได้อัญเชิญท่านผู้ใดมาในพิธีนี้อีกหรือไม่"
    กล่าวจบ หลวงพ่อยงยุทธ ท่านก็หลับตาคล้ายทำสมาธิอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลืมตาขึ้นมาพร้อมกล่าวกับ พล.ร.อ. วสินธ์ สาริกะภูติ ว่า
    หลวงพ่อยงยุทธ : "อาสนะเปล่าที่ โยมวสินธ์ จัดไว้นั้น โยมได้อัญเชิญหลวงปู่ของโยมมาใช่ไหม ก็หลวงปู่ที่โยมเชิญมานี่ล่ะท่านส่งพลังมาครอบวัตถุมงคลไว้ทั้งหมด โยมเป็นคนเชิญท่านมาร่วมปลุกเสกในพิธี จึงมีแต่โยมเท่านั้นที่จะบอกให้ท่านเปิดครอบพลังนี้ได้ ไม่เช่นนั้นพลังจิตของพระคณาจารย์ที่มาปลุกเสกในพิธีนี้ทั้งหมด จะเข้าไปสู่วัตถุมงคลที่โยมจัดสร้างนี้ไม่ได้เลย เพราะพลังของหลวงปู่ที่โยมเชิญมาท่านเสกปิดไว้ทั้งหมดและท่านไม่ยอมเปิดเลย"
    พล.ร.อ. วสินธ์ สาริกะภูติ ทราบคำบอกเล่าของ หลวงพ่อยงยุทธ วัดเขาไม้แดง จึงบอกให้ หลวงพ่อยงยุทธทราบว่าในพิธีครั้งนี้ ท่านได้อัญเชิญบรมมาครูจากโลกทิพย์ เป็นพระสงฆ์โบราณอายุกาลยาวนาน นามว่า หลวงปู่ เดินหน อิเกสาโร

     
  14. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1205. เหรียญหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต "รุ่นสรงน้ำ วัดป่าเลิงจาน ย้อนยุคเหรียญ ป.มาลากุล" #เนื้อตะกั่วนำฤกษ์หลังเรียบ สร้าง200เหรียญ ให้บูชา 650 บาท


    upload_2022-12-15_11-48-50.png

    จัดสร้างโดย "พระครูสุนทรธรรมโฆษิต" หรือ หลวงเตี่ยสุรเสียง เจ้าอาวาสวัดป่าเลิงจาน (ธ) และเจ้าคณะอำเภอกันทรวิชัย (ธ) จ.มหา สารคาม ได้จัดสร้างเหรียญหลวงปู่มั่น เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2553 ที่ผ่านมา
    #เนื้อตะกั่วนำฤกษ์หลังเรียบ สร้าง 200 เหรียญ เนื้อนวโลหะ สร้าง 269 เหรียญ เนื้อทองระฆัง สร้าง 2,000 เหรียญ เนื้ออัลปาก้า สร้าง 400 เหรียญ
    เหรียญรุ่นนี้ ประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ ศาลาปฏิบัติธรรมวัดป่าเลิงจาน วันที่ 8 เมษายน 2553 โดยมี #หลวงปู่คำบุ #วัดกุดชมพู จ.อุบลราชธานี นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว เป็นองค์ปฐมฤกษ์ และวันที่ 11 เมษายน 2553 จัดพิธีพุทธาภิเษกครั้งที่สอง โดยพระมหาเถระผู้ทรงอภิญญาหลายรูปนั่งปรกอธิษฐานจิต อาทิ หลวงพ่อหนูอินทร์ เจ้าอาวาสวัดป่าพุทมงคล จ.กาฬสินธุ์ ฯลฯ

     
  15. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1206.พระดีพระเก่า แห่งเมืองโคราช พระผงพุทธคุณ รุ่นแรก หลวงพ่อเสี่ยง วัดเสมาใหญ่ นครราชสีมา สร้างปี 248 กว่าๆครับ ให้บูชา 1350 บาท


    upload_2022-12-15_12-31-42.png


    พระครูจันทรสรคุณ (หลวงปู่เสี่ยง)
    หลวงปู่เสี่ยง ท่านเกิดในปี พ.ศ.2410 ที่บ้านเสมาใหญ่ ตำบลตะหนิน อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา โยมบิดาชื่อบุญตา ตำแหน่งเสมียน โยมมารดาชื่อจันทร์ เมื่ออายุได้ 8 ขวบ บิดามารดานำไปฝากเรียนหนังสืออยู่ที่วัดเสมาเหนือ (วัดน้อย) กับหลวงพ่อมุ่ง เจ้าอาวาส พอถึงปี พ.ศ.2425 อายุได้ 15 ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดนี้เอง ได้ศึกษาเล่าเรียนหนังสือกับพระอุปัชฌาย์ มีปัญญาแตกฉาน และในปี พ.ศ.2430 อายุครบ 20 ปี จึงได้อุปสมบทที่วัดเสมาใหญ่ โดยมีพระอธิการแก้วเป็นพระอุปัชฌาย์

    เมื่อท่านได้อุปสมบทแล้วก็ได้อยู่จำพรรษาที่วัดเหนือ เมื่อออกพรรษาไปเรียนหนังสือมูลบทศัพท์แปลที่วัดหนองแขม อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น 1 ปี แล้วไปเรียนต่อที่จังหวัดหนองคาย 8 ปี จนจบหลักสูตรในสำนักนั้น ต่อมาท่านเป็นโรคเหน็บชา จึงได้กราบลาอาจารย์กลับมาพักรักษาตัวที่บ้านใหม่นาเพียงอำเภอพล จนหายดี ด้วยความเพียรพยายาม ยังเห็นว่าความรู้ที่ไปเรียนยังไม่พอ จึงกราบลาพระอุปัชฌาย์เดินทางมาศึกษาพระปริยัติธรรมและมูลกัจจายต่อที่กรุงเก่า อาศัยอยู่ที่วัดพนมยงค์ รวม 8 ปี จนสำเร็จการศึกษาที่วัด

    จากนั้นท่านก็ได้ปฏิบัติธรรมวิปัสสนาธุระ ในฤดูแล้งก็ออกเดินรุกขมูล ไปตามป่า ภูเขาและถ้ำ ประมาณ 7 ปี ในการออกรุกขมูลท่านได้เล่าเรียนวิชาต่างๆ กับพระอาจารย์ต่างๆ จนแก่กล้า หลังจากที่ได้เห็นว่าอยู่ป่าพอแก่ความต้องการแล้ว ท่านจึงได้กลับมาจำพรรษายังวัดเสมาใหญ่และได้รับอาราธนาให้เป็นเจ้าอาวาส กิจกรรมต่างๆ ที่ท่านได้ปฏิบัติเมื่อเป็นเจ้าอาวาสอยู่ได้มีการอบรมศีลธรรมแก่ชาวบ้าน สร้างโรงเรียนให้ลูกหลานชาวบ้านได้ศึกษา

    ต่อมาสมเด็จพระโพธิวงศาจารย์ ในขณะนั้น ได้ออกตรวจราชการและได้แวะที่วัดนี้ ได้เห็นกิจกรรมต่างๆในวัดเจริญรุดหน้าและเรียบร้อยจึงได้แต่งตั้งหลวงปู่เสี่ยงเป็นพระอุปัชฌาย์วิเชียร ต่อมาก็ได้เลื่อนเป็นพระครูกรรมการศึกษาในปี พ.ศ.2479 จนกระทั่งปี พ.ศ.2481 ได้รับตราตั้งเป็นพระครูจันทรสรคุณ เจ้าคณะอำเภอ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2481

    หลวงปู่เสี่ยงท่านเป็นผู้มีทรวดทรงสูงสง่า ขาวโปร่ง นุ่งห่มเรียบร้อย มีญาณแก่กล้า จึงมีลูกศิษย์ มากมาย และมีชื่อเสียงมากในจังหวัดนครราชสีมา วัตถุมงคลที่หลวงปู่เสี่ยงได้สร้างไว้หลายอย่างเหมือนกัน เช่น เหรียญรูปเหมือนท่าน พระผงรูปเหมือน และผ้ายันต์ เป็นต้น วัตถุมงคลต่างๆ มีผู้มาขอไปติดตัว

    มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่าในระหว่างที่หลวงปู่เสี่ยงยังมีชีวิตอยู่นั้น เวลามีงานประจำปีของวัดจะมีผู้คนหลั่งไหลมาทั่วทุกสารทิศ มากราบขอพรและขอเครื่องรางของขลังจากท่าน จนเต็มบริเวณวัดทั้งขณะที่ในสมัยนั้นการเดินทางยากลำบากต้องใช้เกวียนเป็นพาหนะ ดังนั้น ภายในวัดจึงเต็มไปด้วยเกวียนพักแรม

    ตลอดเวลาที่หลวงปู่เสี่ยงเป็นเจ้าอาวาสนั้น ได้พัฒนาวัด สร้างโรงเรียนปริยัติธรรม ศาลาการเปรียญ ต่อเติมกุฏิและซ่อมแซมโบสถ์ ปกครองลูกวัดด้วยความเรียบร้อย

    การอาพาธ ท่านได้อาพาธก่อนมรณภาพอยู่ 7 วัน คือนับแต่วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2498 ถึงวันพุธ ที่ 14 กันยายน 2498 เป็นวันแตกดับ พระเถรานุเถระ นายแพทย์แผนโบราณและแผนปัจจุบัน ได้ถวายให้การพยาบาลเป็นอย่างดี อาการมีแต่ทรงกับทรุดถึงแม้โรคาพาธมีพิษแรงกล้าเข้าครอบงำเช่นนั้นก็ตาม ท่านไม่ได้ทุรนทุราย คงรักษาความปกติไว้ได้เช่นเดิม พอถึงเวลา 9.12 น.อาการเงียบสนิทหายไปเหมือนคนที่หลับก็ปรากฏขึ้น ท่านจึงได้มรณภาพด้วยอาการสงบ สิริอายุได้ 88 ปี พรรษาที่ 68

    *** ขอแถม เกร็ดความรู้เสริมเรื่องนกหัสดีลิงค์กระพริบตาได้ในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่เสี่ยง ***

    มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่าในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่เสี่ยงนั้น นกหัสดีลิงค์ที่ใช้ประกอบในการพระราชทานเพลิงศพกระพริบตาได้ ???

    ซึ่งคนที่ไม่รู้เรื่องก็จะคุยต่อๆไป จากกระพริบตาจนกลายเป็นนกมีชีวิตจริงๆ เรื่องนี้จากการค้นคว้า แอดมินก็ขอยืนยันว่าจริงครับ นกกระพริบตาจริงๆ

    การทำพิธีศพบุคคลที่มีบุญมาก มักจะทำพิธีศพ โดยจะทำเป็นปราสาทศพรูปนกหัสดีลิงค์ เพราะมีความเชื่อกันว่านกหัสดีลิงค์ สามารถนำดวงวิญญาณของผู้ตายไปสู่สวรรค์ได้

    ซึ่งนกหัสดีลิงค์จะถูกทำให้เหมือนมีชีวิต เช่น กระพริบตากระพือปีก มีเสียงร้อง ทั้งหมดใช้กลไกโดยมีคนบังคับอยู่ภายใน

    ตามประเพณีก่อนการเผาศพก็ต้องมีการฆ่านกเสียก่อน เช่น การยิงด้วยธนู คนในนกก็จะส่งเสียงกู่ร้องเหมือนนกบาดเจ็บ จนสิ้นใจ เมื่อสมมุติว่านกตายแล้วจึงจะทำการเผาศพ
     
  16. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1207.พระเกจิเรืองวิทยาคม ศิษย์สายตรงหลวงพ่อใหญ่ หรือหลวงพ่อห้อง วัดช่องลม เหรียญอายุ 80 ปี หลวงพ่อเปาะ วัดช่องลม จังหวัดราชบุรี ปี 97 ให้บูชา 1550 บาท

    upload_2022-12-15_13-0-48.png

    upload_2022-12-15_13-2-20.png

    หลวงพ่อเปาะ วัดช่องลม หรือ พระราชเขมาจารย์ ท่านมีนามเดิมว่า เปาะ กิมพิทักษ์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๓ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะโรง ณ หมู่บ้านดอนกระต่าย (หรือหมู่บ้านเขาวัง) อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เป็นบุตรของนายด้วง กิมพิทักษ์ และนางพึ่ง กิมพิทักษ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๙ คน โดยท่านเป็นบุตรคนโต

    หลวงพ่อเปาะ เมื่อมีอายุครบบวช ท่านได้เข้ารับการอุปสมบท เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๓ ตรงกับวันแรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๔ ปีชวด ณ พัทธสีมาวัดช่องลม อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ได้รับฉายาว่า "อินฺทสโร" โดยมี หลวงพ่อห้อง (หลวงพ่อใหญ่) วัดช่องลม เป็นพระอุปัชฌาย์
    มีเรื่องเล่าถึงคุณวิเศษของหลวงพ่อเปาะ บางส่วนว่า ในช่วงฤดูน้ำเหนือหลากจะมีน้ำท่วมขังบริเวณวัดอยู่ประมาณ ๒ เดือน ในระหว่างเดือน ๑๐ ถึงเดือน ๑๑ พื้นที่บริเวณวัดเป็นที่ลุ่ม วิหารที่หลวงพ่อแก่นจันทน์ ประดิษฐานมีน้ำขังอยู่ตลอด ๒ เดือน
    ต่อมาหลวงพ่อแก่นจันทน์ได้มาเข้าฝันหลวงพ่อเปาะ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดช่องลม รูปที่ ๕ บอกว่าท่านเจ็บพระบาท ตอนเช้าหลวงพ่อเปาะได้ให้พระไปตรวจดูหลวงพ่อแก่นจันทน์ในวิหาร ปรากฏว่าพระบาทหลวงพ่อแก่นจันทน์ถูกปลวกกัดกินเสียหายทั้งหมด หลวงปู่เปาะจึงได้บูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่ลงรักปิดทอง ได้อัญเชิญท่านมาประดิษฐานไว้ที่อุโบสถ และเปิดให้ประชาชนปิดทองหลวงพ่อแก่นจันทน์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ซึ่งแสดงให้ถึงว่าท่านมีณาญสมาธิที่สามารถสื่อสารกับหลวงพ่อแก่นจันทน์ได้และวัตถุมงคลของท่าน มักจะมีหลวงพ่อแก่นจันทน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแทบทั้งสิ้น
    นอกจากนี้ตอนเกิดสงคราม พระตามวัดต่างๆ ในเมืองราชบุรี ต่างอพยพหลบหนีภัยสงครามไปอยู่ที่อื่นกันมาก มีอยู่วัดหนึ่งคือวัดช่องลม พระหนีสงครามไปหมดทั้งวัด แต่หลวงพ่อเปาะ เจ้าอาวาสท่านไม่ยอมทิ้งวัด ท่านอยู่เฝ้าวัดรูปเดียวจนสงครามเลิก


     
  17. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1208. ของดีที่น่าบูชา ลูกอมผงพุทธคุณ หลวงพ่อเจ้าคุณสมชาย ฉันทสโร วัดปริวาสราชสงคราม ปลุกเสกนาน 5 พรรษา ให้บูชา 450 บาท


    upload_2022-12-15_16-25-38.png

    upload_2022-12-15_16-26-27.png

    ผงพุทธคุณในลูกอม อาทิเช่น
    เสือเศรษฐีอยู่ 1 ตัว
    ดินขุยหนู
    ดินขุยปู จากผืนนาที่อุดมสมบูรณ์
    ดิน7แม่น้ำ
    ดิน7นคร
    ดิน9บุรี
    ดิน7โปร่ง
    ดินกลางโบสถ์หลังเก่าของวัดปริวาส
    และดินจากชื่ออันเป็นมงคล
    ผงธูปจากกระถางในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
    ดินที่พระธาตุต่างๆ
    จีวรเก่าเจ้าคุณหลวงพ่อ สมชาย ฉันทสโร
     
  18. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1209. เหรียญรุ่น 83 พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จ.สกลนคร สร้างปี 2518 ให้บูชา 999 บาท


    upload_2022-12-15_20-1-33.png

    upload_2022-12-15_20-4-6.png


    สร้างถวายโดย
    คุณประเสริฐ ลิ้มเลิศเจริญวนิช
    สร้างถวาย 22 มี.ค. 2518

    แจกในงานครบรอบ 76 ปี ของท่านอาจารย์ 30 ส.ค. 2518
     
  19. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    1210. สุดยอดเหรียญเหนียวแห่งเมืองกรุง เหรียญรุ่นแรก(ห่วงเชื่อม)เนื้อฝาบาตร หลวงพ่อสรวง วัดแคสามเสน ปี2496 ให้บูชา 1350 บาท จองแล้วครับ

    upload_2022-12-15_20-38-7.png

    หลวงพ่อสรวง ท่านเกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2424 ที่ตำบลทุ่งสามเสน อ.ดุสิต กทม. โยมบิดาชื่ออ่ำ โยมมารดาชื่อนิ่ม เมื่ออายุได้พอสมควรบิดาได้นำไปฝากเรียนกับพระอธิการทับ เจ้าอาวาสวัดดุสิต ต่อมาเมื่ออายุได้ 12 ปี ได้ไปเรียนต่อที่วัดบูรณศิริ ริมคลองหลอด และที่วัดมหรรณพาราม หลังจากนั้นก็ กลับมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ จนกระทั่งอายุได้ 32 ปี พ.ศ.2456 จึงได้อุปสม บทที่วัดหนองบอน อำเภอหนองแค สระบุรี โดยมีพระอธิการยอด วัดหนองปลาเข็ม เป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่กับพระอุปัชฌาย์พอสมควรแล้วจึงได้ย้ายมาอยู่ที่วัดหนองแห้ว ตำบลท่าเรือ อยุธยา ศึกษาพระธรรมวินัยกับพระอาจารย์เจียมอีกหนึ่งพรรษา ก็ได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดโบสถ์ ตำบลจำปา อำเภอท่าเรือ อยุธยา ได้พัฒนาวัดจนเจริญ ต่อมาทางวัดอัมพวา ถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต กทม. ว่างเจ้าอาวาส ชาวบ้านรวมทั้งทายกและคณะสงฆ์เห็นว่า หลวงพ่อสรวงเป็นคนท้องถิ่นนี้และมีความรู้ความสามารถ จึงขึ้นไปอาราธนาท่านกลับมาเป็นเจ้าอาวาส เมื่อท่านได้มาเป็นเจ้าอาวาสแล้วท่านก็ได้จัดระเบียบแบบแผนของวัดให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้ามาโดยลำดับ เป็นที่เลื่อมใสของชาวบ้านทั้งใกล้และไกล ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นที่เคารพเลื่อมใส ไม่ถือชั้นวรรณะ ต่อมาพระครูสังฆรักษ์ (โท้) เจ้าอาวาสวัดสวัสดิ์วารีสีมาราม ได้ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดนครปฐม ตำแหน่งเจ้าอาวาสและเจ้าคณะหมวดถนนนครไชยศรีว่างลง เจ้าคณะแขวงบน พระสุธรรมธีระคุณ (ขวา) พร้อมด้วยทายกทายิกาได้ประชุมเห็นคุณงามความดี ความรู้ ความสามารถ ประกอบกับมีผู้เคารพเลื่อมใสนับถือมาก สมควรเป็นเจ้าอาวาสและรักษาการตำแหน่งเจ้าคณะหมวดแขวงนครไชยศรีได้ดี จึงแต่งตั้งให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดสวัสดิ์วารีสีมาราม ในปีพ.ศ.2465 และรักษาการเจ้าคณะหมวด ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2466 ท่านก็ได้รับแต่งตั้งให้เจ้าคณะหมวดตำบลนครไชยศรี ปีพ.ศ.2473 ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ปีพ.ศ.2475 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรักษาการเจ้าคณะหมวดตำบลบางซื่อ จนในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2509 ท่านก็ถึงมรณภาพด้วยอาการสงบ สิริอายุได้ 84 ปี พรรษาที่ 53
    เหรียญหลวงพ่อสรวง วัดแคสามเสนเป็นเหรียญที่นักเลงรุ่นเก่าหาติดตัวและใช้กันอยู่ แต่ก็หายากสิ้นดี เหรียญของท่านมีพุทธคุณโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์มากในเรื่องมหาอุดหยุดลูกปืน คนเมืองกรุงรุ่นเก่า ต่างเสาะแสวงหากันมาก โดยเหรียญของท่านมี 3 รุ่น คือ
    1. เหรียญรุ่นแรก ปี 2496 จำนวน 1000 เหรียญ เหรียญกลมหูเชื่อม
    2.เหรียญรุ่น 2 ปี 2500 จำนวน 2000 เหรียญ แบบเดียวกันแต่มีหูในตัว
    3.เหรียญรุ่น 3 ปี 2508 จำนวน 3000 เหรียญ ด้านหลังเขียนว่า ที่ระลึกทอดกฐิน

    ด้านหลังเหรียญเป็นยันต์ " อุดคัด อัดทิ ทิอุด คัดอัด " มหาอุตม์ หยุดอันตรายทั้งปวง ที่เวลาแขวนเหรียญของท่านก็ให้ท่องคาถานี่เพื่อปลุกพระขึ้นด้วย สมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้นมีผู้คนมากมายแวะมาหาท่านให้ช่วยรดน้ำมนต์ที่ขึ้นชื่อว่าใครที่ได้รดน้ำมนต์จากท่านเคราะห์ร้ายจะหายไปมีแต่โชคลาภ หรือใครที่ถูกผีเข้าโดนน้ำมนต์ท่านเป็นกระเจิง ดอกบัวเสกของท่านให้คนท้องกินก็จะคลอดลูกง่าย ส่วนผ้ายันต์ ตะกรุดและเหรียญนั้นที่สุดแห่งมหาอุตม์หยุดปืน

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2022
  20. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,678
    ค่าพลัง:
    +466
    แนะนำพระดี ก่อนนอน

    บารมีครูบาอาจารย์พระในดงผู้เรืองฤทธิ์ พระสมเด็จกรุวัดลาดบัวขาว 2485 หลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต ปลุกเสก

    upload_2022-12-15_21-5-48.png

    upload_2022-12-15_21-7-33.png

    พระสมเด็จรุ่นแรกหรือสมเด็จตั้งตัว'
    หลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต ว่ากันว่าท่านได้ศึกษาวิชามาทางสายพระครูเทพโลกอุดร หรือเรียกว่าเป็นศิษย์ในดง ที่เข้าไปเรียนวิชากับพระอาจารย์ในป่าลึกลับ
    พระสมเด็จ ลพ.ชาญณรงค์ อภิชิโต จัดสร้างเมื่อปี 2485 โดยมีส่วนผสมของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ที่ทรงประทานให้ และร่วมพิธีอธิษฐานจิตด้วย ........................
    พระผงรุ่นแรกปี 2485 มีออกมาเผยแพร่น้อยเพราะทำไว้ยุคก่อนแล้วบรรจุกรุเสียแทบทั้งหมด...จะมีส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ท่านแจกศิษย์และคนที่นับถือท่าน .....................
    มีทั้งแบบมีคราบกรุบางๆและแบบไม่มีคราบกรุ สันนิษฐานว่าแบบที่ไม่มีคราบกรุจะเป็นพระที่ท่านแจกเมื่อเสร็จพิธีปลุกเสก ...............ส่วนแบบที่มีคราบกรุบางๆนั้นน่าจะเป็นพระในครั้งหลัง ที่นำมาแจกหลังจากบรรจุกรุไปแล้วระยะเวลาหนึ่งแต่มีศิษย์ที่ต้องการได้ไว้ อีก ..................
    ท่านแสดงปาฏิหารย์โดยการเดินผ่านกรุพระเข้าไปหอบกลับมาโดยไม่ต้องทุบกรุให้ มัวหมองแก่ศาสนสถาน โดยเมื่อออกมาจากกรุนั้นท่านเปื้อนฝุ่นและหยากไย่เต็มตัว(ฟังจากศิษย์รุ่น ใหญ่ของท่านเล่าให้ทราบ) ........................
    พระรุ่นที่หอบออกมาจากกรุนี้สีไม่ขาว แต่จะอมคราบเหลืองปนน้ำตาลมีเอกลักษณ์ เนื้อแห้งสนิท........... ส่วนพระที่แจกก่อนฝังกรุก็ไม่ขาวซีดๆ ..............แต่จะอมสีหม่นๆและเนื้อในก็ไม่ขาวเป็นปูนพลาสเตอร์เช่นกัน เพื่อให้ดูง่ายก็เลือกหาที่มีคราบบนผิวพระ................ พระเนื้อผงสีขาว พุทธคุณ ดีทางส่งเสริมความก้าวหน้า และเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ยังสามารถแก้ไขสิ่งไม่ดีภายในบ้านเรือนได้อีก ป้องกันอันตรายนอนป่าหรือสถานที่ไม่ดี สมเด็จวัดลาดบัวขาวนี้ใครมีนอนหลุ่มศพผีตายโหงได้เลย ผีไม่มีอำนาจทำอะไรได้ ด้วยผงของพระในดงผู้เรืองฤทธิ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...