**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

ได้รับวัตถุมงคลเรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณครับ
ขออนุโมทนากับอาจารย์และทุกท่านที่ได้ร่วมสร้างบุญครับ

 

ประวัติความเป็นมาของพระหินหยก
จากหนังสือ สันติธมฺโมบูชา [หลวงปู่ฟัก สนฺติธมฺโม]
ตีพิมพ์เพื่อเป็นอนุสรณ์ในงานประชุมเพลิง
๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๓​

​

​

ประวัติการสร้างพระหยกมีบันทึกความเป็นมาไว้ว่า ประมาณเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. ๒๕๔๓ พระอาจารย์ฟัก สันติธัมโมเจ้าอาวาสวัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน) ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ได้รับกิจนิมนต์ไปในงานฉลองอายุวันเกิดท่านพระครูพิพัฒน์ประทุมสรณ์ เจ้าอาวาสวัดหนองบัว ตำบลเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ท่านได้ไปเห็นพระพุทธรูปหินหยกที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดนั้น และได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างพระพุทธรูปหินหยกจากท่านเจ้าอาวาส ซึ่งท่านก็ได้เป็นผู้ติดต่อประสานงานให้รู้จักกับท่านพระครูปัญญาธรรมวัตร เจ้าอาวาสวัดสันป่ายางหลวง จังหวัดลำพูน โดยท่านพระครูปัญญาฯ ก็ช่วยรับการะไปติดต่อประสานกับช่างทำพระพุทธรูปหินหยก ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายให้ หลังจากนั้นอีกประมาณ ๑ เดือนครึ่งถึง ๒ เดือน ท่านพระอาจารย์ฟักก็ได้รับแจ้งข่าวว่าช่างได้พบหินหยกที่จะใช้สร้างพระพุทธรูปแล้ว ขณะนี้ยังอยู่ในแม่นำโขง โผล่อยู่เหนือน้ำประมาณ ๑ ฟุต ซึ่งก่อนหน้านี้คนที่มีอาชีพหาหินมาขายวนเวียนหาหินอยู่ในบริเวณนั้นมา ๑๐ ปีกว่าไม่เคยได้พบเห็นหินหยกนี้มาก่อนเลย และตอนที่พบนี้อยู่ระหว่างเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นฤดูฝน เป็นช่วงน้ำขึ้น เมื่อพบหินแล้วก็ยังไม่สามารถยกเอาหินขึ้นจากน้ำได้ ต้องรอจนถึงเดือนมีนาคมหรือต้นเมษายนของปี ๒๕๔๔ เวลาที่น้ำได้ลดลงแล้วจึงใช้เรือสองลำ คนประมาณ ๕-๖ คน รอกอีกกี่ชุดจำไม่ได้ ใช้เวลาประมาณร่วม ๑ สัปดาห์ พยายามยกขึ้นจากน้ำ แต่ก็ยังยกไม่ขึ้นจึงไปหาคนที่ฝั่งลาวมาทำพิธีจึงยกขึ้นเรือมาขึ้นฝั่งได้ หลังจากนั้นอีก ๒-๓ วัน ท่านพระครูปัญญาฯ แจ้งท่านพระอาจารย์ฟักว่า ถ้าช้าไปอีกสัก ๒-๓ วันก็จะไม่ได้หินมาสร้างพระพุทธรูป เพราะมีการปิดพรมแดน
​

หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม​

เมื่อแกะสลักเป็นองค์พระพุทธรูปเสร็จแล้ว ท่านพระอาจารย์ฟักคิดว่าจะเดินทางไปดูก่อน จึงค่อยอัญเชิญมาด้วยตนเองหรือให้ลูกศิษย์ไปอัญเชิญมา แต่บังเอิญพระและโยมลูกศิษย์มีธุระไปภาคเหนือและรถว่างขากลับ จึงขออัญเชิญพระพุทธรูปไปวัดเขาน้อยสามผานด้วย ท่านพระอาจารย์ฟักจึงได้อนุญาต โดยบอกพระลูกศิษย์ให้พาช่างและญาติโยมทำพิธีขอขมาและบูชาคุณพระรัตนตรัยเสียก่อน แล้วจึงค่อยอาราธนาขึ้นรถยนต์ แต่ปรากฏว่าขณะที่พระลูกศิษย์ (ท่านพระอาจารย์สนิท) กำลังเดินทางไปบ้านช่างเพื่ออัญเชิญพระพุทธรูป ทางช่างก็ยังไม่ทราบเรื่องที่ท่านพระอาจารย์ฟักสั่งให้ทำพิธีขอขมา จึงได้เตรียมการใช้รอกและปั้นจั่นชุดที่เคยใช้ยกพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นจากแท่นรองหลายครั้งในระหว่างที่ดำเนินการแกะสลักองค์พระพุทธรูป และเคยใช้ยกพระพุทธรูปองค์อื่นๆ มาเป็นประจำ ซึ่งบางองค์ใหญ่กว่าองค์นี้ก็ยกขึ้นมาแล้ว คือจะชักรอกยกขึ้นรถได้เลยเมื่อรถมาถึง

ครั้นเมื่อรถไปถึง ท่านพระอาจารย์สนิทเห็นว่าช่างได้เตรียมการไว้หมดแล้ว จึงเกรงใจช่างไม่ได้บอกให้ทำพิธีขอขมา แต่ปรากฏว่าช่างพยายามชักรอกเพื่อจะยกองค์พระพุทธรูปขึ้นรถสักกี่ครั้งก็ยกไม่ขึ้น รอกส่งเสียงดังคลาก ๆ แล้วรูดหลุดหมด ท่านพระอาจารย์สนิทจึงนำญาติโยมและช่างทำพิธีขอขมา

หลังจากทำพิธีขอขมาแล้วกลับชักรอกยกองค์พระพุทธรูปขึ้นจากพื้นและวางลงบนกระบะรถได้อย่างง่ายดายเหมือนเป็นของเบาๆ แต่เจ้าของรถเห็นว่าองค์พระพุทธรูปไม่ได้วางตรงที่อย่างใจนึก จึงพยายามชักรอกองค์พระพุทธรูปให้ลอยสูงขึ้นเพื่อจะได้ขยับมุมวางใหม่ แต่ปรากฏว่ายกไม่ขึ้นและขยับอะไรไม่ได้อีก และเมื่อเอาฐานพระใส่ไว้ในช่องว่างที่เหลืออยู่ก็เหลือช่องว่างเล็กน้อยพอเอาผ้ายัดอุดให้แน่นป้องกันการกระทบหรือเสียดสี และปิดกระบะท้ายรถพอดีเลย

เมื่อปิดกระบะท้ายเรียบร้อยแล้ว ขณะเคลื่อนรถไปที่หน้าบ้านช่าง ปรากฏว่าฟ้าได้ร้องคะนองขึ้นทันที ทั้งที่ระหว่างนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน ช่วงเดือนมิถุนายน ท้องฟ้าสีเขียวใสมีแดดจ้า เมฆฝนก็ไม่มี และเมื่อรถวิ่งออกจากบ้านช่างไปได้ไม่กี่กิโลเมตรฝนก็ตกลงมาอย่างหนักตลอดทางระหว่างเชียงของถึงเชียงคำ พะเยา งาว แพร่ ร้องกวาง จนเข้าเขตลำปาง เป็นระยะทางประมาณ ๒๐๐ กิโลเมตร ฝนจึงได้หยุด และมาถึงวัดเขาน้อยสามผานหกโมงเช้าของวันเสาร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๔๕

เมื่ออัญเชิญพระพุทธรูปลงจากรถมาประดิษฐานไว้บนที่รองรับชั่วคราวเรียบร้อยแล้ว ก็มีเมฆฝนก้อนใหญ่ดำครึ้มปรากฏขึ้นเหนือเศียรพระ แล้วขยายตัวกระจายกว้างออกเรื่อย ๆ จนมืดมัวหมดทั้งวัดตลอดวัน จนถึงวันรุ่งขึ้นของอีกวันหนึ่ง ท้องฟ้าจึงได้สว่างโปร่งใส มีเมฆบ้างเป็นบางแห่ง จนกระทั่งเมื่อถึงช่วงตอนเย็นหลังจากที่พระได้ทำหลังคาที่มุงบังองค์พระพุทธรูปเสร็จเรียบร้อยแล้วฝนจึงตกลงมา ซึ่งก็น่าสงสัยสังเกตอยู่...

ในคืนวันที่รถอัญเชิญองค์พระพุทธรูปมาวัดเขาน้อยสามผานนั้น สุนัขของคนงานก่อสร้างในวัดวิ่งเห่าหอนตลอดคืน เรื่องนี้มีคนที่อ้างว่าสามารถสื่อติดต่อกับพวกเทพหรือกายทิพย์ได้ไม่น้อยกว่า ๘-๙ คน บอกเล่าเป็นทำนองคล้ายคลึงกันทุกคนว่า เป็นเรื่องวาสนาบารมีของท่านพระอาจารย์วัดเขาน้อยสามผานที่ได้สร้างสะสมไว้จากอดีตชาติเป็นพันๆ ปี พญานาคในแม่น้ำโขงดูแลรักษาหินหยกไว้ให้ และเป็นสมบัติของวัดเขาน้อยสามผาน เป็นที่พึ่งของคนภาคตะวันออกหลายจังหวัด โดยใช้คำพูดบอกว่า
​

"บูรพาเปิดโปรดด้วยเมตตาธรรมไว้แล้ว ให้คอยดูกาลต่อๆ ไปว่าจะจริงหรือเปล่า"


พระอาจารย์นิพนธ์ อภิปสันโน
​

คนเหล่านี้ยังบอกอีกว่า หินหยกกลุ่มนี้เป็นของท่านพระอาจารย์วัดเขาน้อยสามผานสองส่วน เป็นของพระเพื่อนอีกหนึ่งส่วน ซึ่งก็ปรากฏว่ามีพระภาคอีสานท่านหนึ่ง ชื่อท่านพระอาจารย์นิพนธ์ อภิปสันโน วัดป่าศาลาน้อย จังหวัดเลย ได้สร้างโบสถ์ไว้แล้วอยากได้หินมาแกะเป็นพระนาคปรกเพื่อเป็นพระประธานในโบสถ์ซึ่งในขณะนั้นก็พอดีกับที่พระลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์ฟัก คือท่านพระอาจารย์บุญช่วย ซึ่งรู้จักกัน กำลังจะเดินทางไปดูการแกะสลักพระพุทธรูปกับท่านพระอาจารย์ฟัก พระอาจารย์นิพนธ์ก็เลยขอตามไปดูด้วย เมื่อไปถึงแล้วก็ปรากฏว่ามีหินหยกเหลืออยู่ซึ่งแต่เดิมท่านพระอาจารย์ฟักเคยคิดไว้ว่าจะเอาไว้สร้างเป็นพระนาคปรกนำไปประดิษฐานไว้ที่โรงพยาบาลสองพี่น้อง แต่ก็ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเกินความจำเป็น ก็เลยไม่เอา ท่านพระอาจารย์นิพนธ์จึงได้ขอให้ช่างแกะสลักเป็นพระนาคปรกให้ท่าน เพื่อที่จะได้อัญเชิญไปเป็นพระประธานในโบสถ์ที่ได้สร้างไว้แล้ว ทั้งๆ ที่ท่านพระอาจารย์ฟักและท่านพระอาจารย์นิพนธ์ก็เพิ่งรู้จักกันมาไม่กี่วันและมาทราบในภายหลังว่า ก่อนหน้านั้นท่านพระอาจารย์ฟักและท่านพระอาจารย์นิพนธ์ได้ทำเรื่องหนึ่งที่เหมือนกัน คือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการต่อต้านเรื่อง พรบ.สงฆ์มาตลอด ต่างองค์ต่างทำคนละท้องที่ ด้วยหวังจะปกป้องศาสนา ชาติ กษัตริย์เหมือน ๆ กัน โดยไม่รู้จักกันมาก่อนเลย

หลังจากได้พบหินหยกก้อนแรกเป็นต้นมา ก็ได้มีการหาหินหยกแม่น้ำโขงก้อนอื่นๆ อีก โดยหินหยกจากแม่น้ำโขงมีอีกชื่อที่เรียกกันว่าหินเขียวโขง เกิดขึ้นในลำน้ำโขง มีคุณลักษณะพิเศษคือเหนียว เป็นหินที่แผ่อยู่ในน้ำที่ไหลเวียนนับร้อยนับพันปี ตั้งอยู่ผิวดินใต้ลำน้ำ ผ่านการชะล้างของน้ำ การพัดของลม การเผาของแสงอาทิตย์ จนมีคุณลักษณะพิเศษ สีเขียวเหมือนหินหยกและหินเขียวโขงเกี่ยวพันกับท่านพระอาจารย์ฟักด้วยวาสนาบารมีรวมไปถึงอาการเจ็บป่วยของท่านด้วย โดยต้องมีการนำหินมาแกะสลักพระอย่างน้อย ๙ องค์

ในบรรดาหินหยกทั้งหมด มีอยู่ ๒ ก่อนที่ทำให้ท่านทุกข์ใจเนื่องจากประสบปัญหาในการขนย้าย โดยหลวงปู่เคยกล่าวว่า ที่ทุกข์ใจเนื่ืองจากสงสารคนที่เกี่ยวเนื่องทำบาปทำกรรมจะต้องได้รับผลของกรรมที่ตัวเองทำ แต่อุปสรรคต่าง ๆ นั้นก็ได้ลูกศิษย์ท่านหนึ่งมีอาชีพเป็นนักข่าวเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยแก้ไขจนทุกอย่างสำเร็จลงได้ด้วยดีโดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ โดยหินก้อนแรกนำมาแกะสลักเป็นพระนาคปรก อีกก้อนแกะรูปเหมือนท่านพ่อลี ซึ่งท่านบอกด้วยความยินดีว่ามีผู้มาเห็นองค์ท่านพอลีที่แกะจากหินหยก ต่างก็บอกว่าเหมือนองค์จริงท่านพ่อลีมาก ไมเคยเห็นที่ไหนแกะ้ได้สวยอย่างนี้

​

 

"พระหยกนี้ มีพญานาครักษาทุกองค์"
หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม


​

......หลวงปู่ฟัก ท่านบวชเมื่อปี 2500 ในงานฉลอง 25 ศตวรรษ วัดอโศการามโดยมีพ่อท่านลีเป็นองค์ประทาน หลังจากบวชแล้วท่านก็ได้อยู่ปฏิบัติกับท่านพ่อลีอยู่ถึง 4 ปีหลังจากท่านพ่อลีมรณะภาพในปี พ.ศ.2504 ท่านก็ได้ไปจำพรรษากับ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดห้วยทราย(สมัยแรกๆเรียกวัดห้วยทราย) ต่อมาเปลี่ยนเป็นวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดร หลวงตามหาบัว กล่าวชื่อชมหลวงปู่ฟักอยู่เสมอประมาณว่า "ท่านฟักก็ออกจากห้วยทราย กลับบ้านไปเยี่ยมโยมพ่อโยมแม่ แล้วก็ไปเป็นเจ้าอาวาสที่นั้น ภาวนาเก่งมากนะท่านฟักอยู่กับเรานี้โห เอาจริงเอาจังละ...ภาวนาดีท่านฟัก"

......และจะเป็นที่รู้กันในสายบ้านตาดว่า "หลวงตามหาบัวไม่เคยดุด่า ว่ากล่าวหลวงปู่ฟักเลย เนื่องด้วยหลวงปู่ฟัก เคยเกิดเป็นลูก เป็นหลาน หลวงตามาหลายภพชาติ จึงมีความคุ้นเคยเหมือนพ่อกับลูก เหมือนปู่กับหลาน.."

......พระพุทธรูปหินหยกน้ำโขง ด้วยบารมีธรรมอันสูงส่งของหลวงปู่ฟัก ผู้เป็นปุพเพกตปุญญตา พระเถระเจ้าผู้บริบูรณ์ด้วยอริยทรัพย์อันบำเพ็ญมาแต่อดีตจวบจนปัจจุบันชาติ ศาสนาแห่งนี้ท่านได้เมตตาเพียรกิจสถาปนาั้สร้างสรรค์ กอปรกับการได้มาซึ่งหมู่หินหยกสำหรับสลักสร้างพระเป็นมงคลสมบัติคู่กับศาสนสถาน สถิตไว้ในบวรพุทธศาสนาตราบนิรันดร์

ตามกระแสทิพยญาณว่า อันหมู่หินหยกนี้ล้วนเป็นสมบัติแต่ภพอดีตของหลวงปู่มานานนับพันนับหมื่นปี โดยฝากไว้กับมิตรพญานาค ๓๖ องค์ดูแลรักษาไว้ในลำน้ำโขง ในวาระนี้ด้วยบุญญาธิการของท่าน ทิพยสมบัตินี้จึงได้ปรากฏขึ้นมาจากลำน้ำโขงและถูกนำมาแกะสลักสร้างเป็นพระพุทธรูป พระอัครสาวกซ้าย ขวา และหมู่พระอริยสงฆ์อันศักดิ์สิทธิ์ตามพระพรหมลิขิตให้สถานที่แห่งนี้เป็นปูชนียสถานที่สักการะของปวงชนสืบไป

ข้อความด้งกล่าวปรากฏ ณ วิหารพระหยก วัดเขาน้อยสามผานประจักษ์พยานถึงบารมีธรรมของหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม ที่สร้างศาสนสถานสำคัญในภาคตะวันออก เป็นที่จรรโลงพระธรรมคำทรงสอนให้เจริญรุ่งเรืองเป็นที่กราบไหว้ของหมู่เทวดาและมนุษย์ทั้งปวง

 

รายการที่ 287​

.....พระหินหยกหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม เจ้าอาวาสวัดเขาน้อยสามผาน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี พระองค์เล็กนี้แกะจากพระองค์ใหญ่ ที่เป็นหินหยกน้ำโขง เป็นพระประทาน หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ ท่านพ่อลี..

​

หลังจากนำมาแกะสลักพระแล้ว ท่านพระอาจารย์ฟักเมตตาให้นำหินที่กะเทาะออกมาแก้เป็นพระบูชาตั้งโต๊ะ้ขนาดต่าง ๆ รวมถึงพระบูชาห้อยคอแจกจ่ายกับสานุศิษย์ หากใครได้พระบูชาตั้งโต๊ะไป ท่านจะแนะนำให้หาภาชนะเป็นหินอ่อนบ้าง หรือแม้กระทั่งพลาสติกก็ได้ นาพระบูชาวางลงไป และหล่อน้ำเลี้ยงระดับฐานพระ ระวังอย่าให้น้ำำแห้ง ขณะที่ใครได้พระบูชาห้อยคอ ท่านจะสั่งให้ สวดภาวนาคาถาท่านพ่อลี "อะระหัง พุทโธ อิติปิโสภะคะวา นะมามิหัง" เป็นพุทธคุณควบคู่กันไปด้วย โดยท่านกล่าวไว้ว่า คาถานี้ท่านพ่อลีย่นย่อพระธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์เหลือเพียงสั้นๆ ไว้
​

******
​

หมายเหตุ : พระชุดนี้ผู้เขียนได้มาจาก วัดศาลาน้อย(พระอาจารย์นิพนธ์ อภิปสันโน) ในงานฉลองศาลา ซึ่งในงานนี้หลวงปู่ฟักท่านได้มอบพระ "นาคปรกหินหยก" ให้เป็นพระประทานประจำศาลา หน้าตัก 5 เมตร พร้อมพระพุทธรูปหินหยกขนาดเล็ก อีกจำนวนหนึ่งเพื่อนำออกแจกแก่ผู้ที่มาร่วมบุญในงานนี้ ของแท้แน่นอนครับ

เป็นพิมพ์ที่หายากครับ
องค์พระกริ่งจำนวน 2 องค์
บรรจุกริ่งองค์ละ 1350
(ขออนุญาตให้จองท่านละไม่เกิน 1 องค์นะครับ)
(ด้วยพระเป็นงานแกะมือขนาดจึงไม่เสมอกันครับ แต่แกะได้สวยงามและสมบูรณ์ไม่หัก ไม่แตกแน่นอน หลังจากผู้เขียนได้มาก็นำไปเลี่ยมกันน้ำเพื่อรักษาสภาพพระทันที)


องค์พระสีวลีมีจำนวน 2 องค์
องค์ละ 1200

(ขออนุญาตให้จองท่านละไม่เกิน 1 องค์นะครับ)
(ด้วยพระเป็นงานแกะมือขนาดจึงไม่เสมอกันครับ แต่แกะได้สวยงามและสมบูรณ์ไม่หัก ไม่แตกแน่นอน หลังจากผู้เขียนได้มาก็นำไปเลี่ยมกันน้ำเพื่อรักษาสภาพพระทันที)

​

​

 

ขอจองพระกริ่งหยกองค์ที่1 และพระสีวลีหยกองค์ทึ่1 ครับอาจารย์

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

​

....สมัยที่หลวงปู่ลี กุสลธโร แห่งวัดภูผาแดง จ.อุดรธานี ท่านเที่ยวธุดงค์กรรมฐาน ท่านมักจะมีสมุดเล่มเล็กๆติดย่ามท่านไปตลอด โดยในสมุดนั้นท่านจะจดบันทึก เรื่องราวที่ท่านได้เรียนรู้มา ทั้งด้านวิชาคาถาต่างๆ และ ยาสมุนไพรต่างๆ เพื่อนำไปใช้เวลาอยู่ในป่าเขา แม้ว่าท่านจะเป็นพระกรรมฐาน แต่เรื่องคาถาอาคม คุณวิเศษต่างๆ "ครูบาอาจารย์ไม่เคยปฏิเสธว่าไม่มีจริง" เพียงแต่ท่านใช้เพื่อการดำเนินชีวิตสงเคราะห์สัตว์โลกเท่านั้น

......นี้คือลายมือธรรม "หลวงปู่ลี วัดป่าภูผาแดง" ที่ท่านจดบันทึก คาถา และ เกี่ยวกับยาสมุนไพรไว้บางส่วน(ซึ่งทั้งเล่มของท่านจริงๆ ท่านจดไว้เยอะมาก) ซึ่งท่านเริ่มบันทึกตั้งแต่พรรษาได้ 5-6 พรรษามาเรื่อยๆจนท่านได้ถึงพรรษา 50 กว่าท่านก็เลิกบันทึกไป เพราะด้วยความชราภาพ อัตตภาพร่างกายต่างๆไม่เอื้ออำนวย

​

​

 

รายการที่ 288
ด้วยมีสมาชิกหลายท่านจองไม่ทันในชุดแรกที่ออกให้บูชา และได้สอบถามมาจำนวนมากครับ ผู้เขียนจึงได้นำมาแบ่งให้สมาชิกที่ไม่ทันจองในรอบแรก อีกจำนวนอย่างละ 1 องค์
(ซึ่งพระชุดนี้ออกพร้อมกันได้มาพร้อมกันทุกองค์ครับ แค่แบ่งมาจากท่านที่ได้มาในคราวเดียวกันเท่านั้นครับ)
​

.....พระหินหยกหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม เจ้าอาวาสวัดเขาน้อยสามผาน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี พระองค์เล็กนี้แกะจากพระองค์ใหญ่ ที่เป็นหินหยกน้ำโขง เป็นพระประทาน หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ ท่านพ่อลี..

​

หลังจากนำมาแกะสลักพระแล้ว ท่านพระอาจารย์ฟักเมตตาให้นำหินที่กะเทาะออกมาแก้เป็นพระบูชาตั้งโต๊ะ้ขนาดต่าง ๆ รวมถึงพระบูชาห้อยคอแจกจ่ายกับสานุศิษย์ หากใครได้พระบูชาตั้งโต๊ะไป ท่านจะแนะนำให้หาภาชนะเป็นหินอ่อนบ้าง หรือแม้กระทั่งพลาสติกก็ได้ นาพระบูชาวางลงไป และหล่อน้ำเลี้ยงระดับฐานพระ ระวังอย่าให้น้ำำแห้ง ขณะที่ใครได้พระบูชาห้อยคอ ท่านจะสั่งให้ สวดภาวนาคาถาท่านพ่อลี "อะระหัง พุทโธ อิติปิโสภะคะวา นะมามิหัง" เป็นพุทธคุณควบคู่กันไปด้วย โดยท่านกล่าวไว้ว่า คาถานี้ท่านพ่อลีย่นย่อพระธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์เหลือเพียงสั้นๆ ไว้
​

******
​

หมายเหตุ : พระชุดนี้ผู้เขียนได้มาจาก วัดศาลาน้อย(พระอาจารย์นิพนธ์ อภิปสันโน) ในงานฉลองศาลา ซึ่งในงานนี้หลวงปู่ฟักท่านได้มอบพระ "นาคปรกหินหยก" ให้เป็นพระประทานประจำศาลา หน้าตัก 5 เมตร พร้อมพระพุทธรูปหินหยกขนาดเล็ก อีกจำนวนหนึ่งเพื่อนำออกแจกแก่ผู้ที่มาร่วมบุญในงานนี้ ของแท้แน่นอนครับ

เป็นพิมพ์ที่หายากครับ
องค์พระกริ่งจำนวน 1 องค์
บรรจุกริ่งองค์ละ 1350


(ด้วยพระเป็นงานแกะมือขนาดจึงไม่เสมอกันครับ แต่แกะได้สวยงามและสมบูรณ์ไม่หัก ไม่แตกแน่นอน หลังจากผู้เขียนได้มาก็นำไปเลี่ยมกันน้ำเพื่อรักษาสภาพพระทันที)
​

 

รายการ 288 ขอจองพระกริ่งหินหยก หลวงปู่ฟักครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

รายการที่ 289
​

.....พระหินหยกหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม เจ้าอาวาสวัดเขาน้อยสามผาน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี พระองค์เล็กนี้แกะจากพระองค์ใหญ่ ที่เป็นหินหยกน้ำโขง เป็นพระประทาน หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ ท่านพ่อลี..

​

หลังจากนำมาแกะสลักพระแล้ว ท่านพระอาจารย์ฟักเมตตาให้นำหินที่กะเทาะออกมาแก้เป็นพระบูชาตั้งโต๊ะ้ขนาดต่าง ๆ รวมถึงพระบูชาห้อยคอแจกจ่ายกับสานุศิษย์ หากใครได้พระบูชาตั้งโต๊ะไป ท่านจะแนะนำให้หาภาชนะเป็นหินอ่อนบ้าง หรือแม้กระทั่งพลาสติกก็ได้ นาพระบูชาวางลงไป และหล่อน้ำเลี้ยงระดับฐานพระ ระวังอย่าให้น้ำำแห้ง ขณะที่ใครได้พระบูชาห้อยคอ ท่านจะสั่งให้ สวดภาวนาคาถาท่านพ่อลี "อะระหัง พุทโธ อิติปิโสภะคะวา นะมามิหัง" เป็นพุทธคุณควบคู่กันไปด้วย โดยท่านกล่าวไว้ว่า คาถานี้ท่านพ่อลีย่นย่อพระธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์เหลือเพียงสั้นๆ ไว้
​

******
​

หมายเหตุ : พระชุดนี้ผู้เขียนได้มาจาก วัดศาลาน้อย(พระอาจารย์นิพนธ์ อภิปสันโน) ในงานฉลองศาลา ซึ่งในงานนี้หลวงปู่ฟักท่านได้มอบพระ "นาคปรกหินหยก" ให้เป็นพระประทานประจำศาลา หน้าตัก 5 เมตร พร้อมพระพุทธรูปหินหยกขนาดเล็ก อีกจำนวนหนึ่งเพื่อนำออกแจกแก่ผู้ที่มาร่วมบุญในงานนี้ ของแท้แน่นอนครับ

เป็นพิมพ์ที่หายากครับ

พระหินหยกแกะพิมพ์ "พระแก้วมรกต"ที่ยังไม่ได้ทรงเครื่องมี 1 องค์
เป็นพิมพ์ที่แกะเลียนพิมพ์พระแก้วองค์จริง
(หลวงปู่ฟัก เมตตาอธิษฐานจิตพร้อมพิมพ์ใบโพธ์หลวงปู่ลี)​

850
จอง
(ด้วยพระเป็นงานแกะมือขนาดจึงไม่เสมอกันครับ แต่แกะได้สวยงามและสมบูรณ์ไม่หัก ไม่แตกแน่นอน )




​

 

รายการที่ 290
​

.....พระหินหยกหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม เจ้าอาวาสวัดเขาน้อยสามผาน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี พระองค์เล็กนี้แกะจากพระองค์ใหญ่ ที่เป็นหินหยกน้ำโขง เป็นพระประทาน หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ ท่านพ่อลี..

​

หลังจากนำมาแกะสลักพระแล้ว ท่านพระอาจารย์ฟักเมตตาให้นำหินที่กะเทาะออกมาแก้เป็นพระบูชาตั้งโต๊ะ้ขนาดต่าง ๆ รวมถึงพระบูชาห้อยคอแจกจ่ายกับสานุศิษย์ หากใครได้พระบูชาตั้งโต๊ะไป ท่านจะแนะนำให้หาภาชนะเป็นหินอ่อนบ้าง หรือแม้กระทั่งพลาสติกก็ได้ นาพระบูชาวางลงไป และหล่อน้ำเลี้ยงระดับฐานพระ ระวังอย่าให้น้ำำแห้ง ขณะที่ใครได้พระบูชาห้อยคอ ท่านจะสั่งให้ สวดภาวนาคาถาท่านพ่อลี "อะระหัง พุทโธ อิติปิโสภะคะวา นะมามิหัง" เป็นพุทธคุณควบคู่กันไปด้วย โดยท่านกล่าวไว้ว่า คาถานี้ท่านพ่อลีย่นย่อพระธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์เหลือเพียงสั้นๆ ไว้
​

******
​

หมายเหตุ : พระชุดนี้ผู้เขียนได้มาจาก วัดศาลาน้อย(พระอาจารย์นิพนธ์ อภิปสันโน) ในงานฉลองศาลา ซึ่งในงานนี้หลวงปู่ฟักท่านได้มอบพระ "นาคปรกหินหยก" ให้เป็นพระประทานประจำศาลา หน้าตัก 5 เมตร พร้อมพระพุทธรูปหินหยกขนาดเล็ก อีกจำนวนหนึ่งเพื่อนำออกแจกแก่ผู้ที่มาร่วมบุญในงานนี้ ของแท้แน่นอนครับ

เป็นพิมพ์ที่หายากครับ

พระพิมพ์นางพญา แกะเลียนพิมพ์ "พระผงนางพญากรุพิษณุโลก"
ทำการหินหยกแกะ
(หลวงปู่ฟัก เมตตาอธิษฐานจิตพร้อมพิมพ์ใบโพธ์หลวงปู่ลี)​

850
จอง
(ด้วยพระเป็นงานแกะมือขนาดจึงไม่เสมอกันครับ แต่แกะได้สวยงามและสมบูรณ์ไม่หัก ไม่แตกแน่นอน )

​

 

จองทั้งสองรายการครับ

 

- รับทราบการจองรายการที่ 289 องค์พระแก้ว ขอบคุณครับ **ข้อมูลเพิ่มเติมจากช่างแกะพระครับว่า "พิมพ์พระแก้วจะสร้างไม่มากเพราะต้องแกะจาก หินอ่อนภายในองค์พระ ครับ จึงทำให้พระมีสีสดเหมือนพระแก้วมรกตองค์จริง(ซึ่งมีการแกะจำลององค์หน้าตัก 2 เมตรอีก 2 องค์ครับ จากดำริองค์หลวงปู่ฟักครับ)"
- ส่วนรายการที่ 290 ต้องขออภัยด้วยครับ มีสมาชิกนอกเว็ป(ไม่ได้สมัครสมาชิก)จองในข้อความ SMS ก่อนหน้านี้ก่อนแล้วครับ ต้องขออภัยด้วยครับ

 

พระเจ้าจักรพรรดิ์เป็นใคร

​

.......หลายท่านอาจจะเคยเห็นพระพุทธรูปแบบหนึ่งครับ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปแบบที่มีเครื่องประดับประดามากมาย ประดับตามองค์พระ ซึ่งบางท่านอาจคิดไปถึงว่า อาจจะคัดหรือแย้งต่อคำสอนในเรื่อง "ไม่ถือเครื่องประดับประดาเพื่อตกแต่งต้น" หรือป่าว??

จริงๆแล้วพระทรงเครื่องแบบนี้มีมานานมากแล้ว คาดว่ามีมาตั้งแต่สมัยขอมเรื่องอำนาจ ในอาณาจักรทวารวดีพันกว่าปีที่แล้ว ซึ่งเป็นความเชื่อระหว่างคติ พราหมณ์และพุทธ ที่มีความเชื่อในเรื่องผู้เป็นใหญ่ที่สุดใน 4 ทวีป ซึ่งเรียกว่า "พระเจ้าจักพรรดิ์" ซึ่งเป็นผู้ปกครองสูงสุดที่ทรงไว้ซึ่งคุณธรรมและฤทธานุภาพ ปกครองทุกแว่นแคว้นในโลก นำมาซึ่งความร่มเย็น เป็นสุข โดยมีความเชื่อว่าผู้ใด ได้เกิดในยุคที่มีพระเจ้าจักพรรดิ์ปกครอง "จะเป็นยุคที่มีแต่ความสุข ไม่มีขโมยขโจร คนในยุคนั้นมักจะไม่ล็อกประตูบ้าน ผู้คนทั้งหลายอยู่ด้วยความโอบอ้อมอารี มีศีลธรรม ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน" ซึ่งในตำราของพราหมณ์ก็ระบุไว้เช่นนี้

...ส่วนในคติพุทธ ระบุไว้มากมายเช่นกันในพระไตรปิฎก ในเรื่องของการมีอยู่ของ "พระเจ้าจักพรรดิ์" เช่นในพระสูตร จักกวัตติสูตร ว่าด้วยความเป็นราชาของพระเจ้าจักรพรรดิและพระพุทธเจ้า ปรากฏในพระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต และอีกมากมายหลายสูตร โดยประมาณความนัยว่า...

- พระเจ้าจักพรรดิ์ ก็คือพระโพธิ์สัตว์ที่มีบารมีมาก ถ้าไม่ออกบวชก็จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ปกครองทุกเหล่าแว่นแคล้นในโลก แต่ถ้าออกบวชก็จะได้เป็นพระพุทธเจ้า(ดังสมัยที่พระพุทธเจ้าประสูติ ที่มีพราหมณ์ทำนายว่า ถ้าเจ้าชายสิทธัตถะไม่ออกบวชก็จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ แต่ถ้าออกบวชก็จะได้เป็นพระพุทธเจ้า สุดท้ายท่านเลือกที่จะออกบวชเป็นพระพุทธเจ้า)

- พระเจ้าจักรพรรดิ์ เป็นผู้ทรงธรรมมาก เคารพในธรรม ถ้ายุคใดมีพระพุทธเจ้า พระเจ้าจักรพรรดิ์จะเป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรื่อง มีเมตตาต่อเหล่าประชาชน ยกย่องธรรม มีธรรมเป็นใหญ่ ทรงจัดการรักษา ป้องกัน และคุ้มครองกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมโดยธรรม

- พระเจ้าจักรพรรดิ์ ทรงไว้ซึ่งฤทธานุภาพ ทรงมีสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการบำเพ็ญบารมีของท่านนับภพ นับชาติไม่ถ้วน ติดตัวคู่บารมีท่านมาด้วยหลังจากเสวยพระชาติเป็นพระจักรพรรดิ์แล้วเรียกว่า "สมบัติจักพรรดิ์" มี 7 ประการคือ 1.จักรแก้ว 2.ช้างแก้ว 3.ม้าแก้ว 4.ขุนพลแก้ว 5.ขุนคลังแก้ว 6.นางแก้ว 7.ลูกแก้วสารพัดนึก ซึ่งใช้ในการปกครองแว่นแค้ลนต่างๆ

​

......ด้วยคติความเชื่อดังกล่าว จึงทำให้มีความเชื่อเรื่องผู้ปกครองที่เป็นใหญ่สูงสุดในโลกเกิดขึ้น นำมาซึ่งคติความเชื่อในการสร้างพระพุทธรูป ที่เป็นตัวแทนในองค์พระเจ้าจักรพรรดิ์ ที่ว่า "เป็นพระโพธิ์สัตว์ที่มีบารมีเต็ม ถ้าออกบวชก็จะได้เป็น "พระพุทธเจ้า" ถ้าไม่ออกบวชก็จะได้เป็น "พระเจ้าจักพรรดิ์"..." โดยเชื่อว่า "พระพุทธเจ้าแม้ทรงออกบวชแล้ว ก็ยังทรงไว้ซึ่งความเป็นจักรพรรดิ์อยู่ในตัว จากบุญบารมีที่ได้บำเพ็ญมา" เห็นได้จากคติความเชื่อเรื่อง "พระพุทธเจ้าปราบทิฐิพระยามหาชมพูบดี" พญาชมพูบดีผู้มีฤทธิ์เดชมาก มีความริษยาพระเจ้าพิมพิสาร เพราะทรงมีปราสาทงดงามกว่าปราสาทของพระองค์ จึงมารุกรานข่มเหง จนพระเจ้าพิมพิสารต้องหนีไปพึ่งพระบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงเนรมิตพระองค์เองเป็นพระเจ้าราชาธิราชที่งดงามดุจท้าวมหาพรหม(ทรงเครื่องจักรพรรดิ์) และรับสั่งให้ท้าวสักกเทวราชแปลงเป็นราชทูตไปทูลเชิญพญาชมพูบดีมา พญาชมพูบดีตกตะลึงในความงดงามและความยิ่งใหญ่แห่งพระนครของพระราชาธิราช พระพุทธองค์ทรงให้โอกาสพญาชมพูบดีแสดงอิทธิฤทธิ์ แต่ก็พ่ายต่อพระพุทธองค์ จึงทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่สภาพเดิมและทรงแสดงธรรมโปรด จนพญาชมพูบดีเบื่อหน่ายในราชสมบัติอันไม่ยั่งยืน ทูลขออุปสมบท พระพุทธองค์ทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาแก่พญาชมพูบดี

 

บอกข่าวบุญ
สร้างกำแพงพญานาคล้อมเจดีย์ "จันทสาโรนุสรณ์"
(รับเหรียญหล่อ เจ้าสัวสมบัติจักรพรรดิ์)
** เนื้อชนวนล้วนๆ สร้างตามจำนวนจอง ไม่เกิน 100 องค์ **
ปัจจัยมากน้อย น้อมถวายร่วมสร้างกำแพง ครั้งนี้ครับ



เหตุแห่งการสร้างครั้งนี้นอกจากปัจจัยที่นำถวายวัดแล้ว ผู้สร้างยังตั้งใจสร้างเพื่อสานต่อพลังพุทธคุณเรื่อง "โชคลาภ" พิมพ์เจ้าสัวหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ชนวนมวลสารและลายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ

***********
กำแพงพญานาคที่กำลังดำเนินการจัดสร้างอยู่ปัจจุบัน
เกือบเสร็จไปแล้วกว่า 60% ครับ


​

 

ชนวนมวลสารบางส่วน
(ที่ผู้สร้างจะนำไปหล่อเป็นก้อนทองชุดที่ 1)
ที่จะนำมาหล่อ "เจ้าสัวสมบัติจักรพรรดิ์"



แผ่นจารยันต์พุทธคุณ​

- แผ่นยันต์ยอดพระกัณไตรปิฏก(หลวงปู่มี วัดมารวิชัย เมตตาอธิษฐานจิต)
- แผ่นยันต์พระคาถาชินบัญชร 3 แผ่น(เจ้าคุณเที่ยง วัดระฆัง เมตตาอธิษฐานจิต)
- แผ่นยันต์จักพรรดิ์ แผ่นยันต์ไตรสรณะคม(หลวงตาม้า ถ้ำเมืองนะ เมตตาอธิษฐานจิต)
- แผ่นยันต์พระสิวลี (หลวงปู่เทือง วัดโพธิ์ชัย เมตตาอธิษฐานจิต)
- ยันต์พระพุทธเจ้าเปิดโลก พระพุทธเจ้าล้อมโลก(เข้าพิธีต่างๆ)
​

***********


แผ่นจารและแผ่นอธิษฐานครูบาอาจารย์​

- แผ่นจารหลวงปู่คง สทฺธาปชฺโชโต
- แผ่นจารย์หลวงปู่เทือง ญาณธโร

- แผ่นจารหลวงพ่อขันตรี ญาณวโร
- แผ่นจารหลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ
- แผ่นจารหลวงตาวิลาศ ปสาทิโก
- แผ่นจารพระอาจารย์พน พุทโธ
- แผ่นจารหลวงพ่อมหาสุพัฒน์ สุวัฒนโน
- แผ่นอธิษฐานหลวงพ่อมัด
- แผ่นอธิษฐานจิตหลวงตาสิริ อินทสิริ
- แผ่นอธิษฐานจิตหลวงปู่ชม โอภาโส
- แผ่นจารหลวงปู่เผย ธัมมัจฉันโท
- แผ่นจารหลวงปู่สำลี สุทธจิตโต
- แผ่นจารหลวงปู่จื่อ พันธมุตโต
​

***********


แผ่นจารยันต์ไตรสรณะคมจักรพรรดิ
(หลวงตาม้า วิริยธโร อธิษฐานจิต)​

1.ตะกรุดเนื้อดีบุก 5 นิ้ว "ชินบัญชร" เจ้าคุณเที่ยง วัดระฆัง เมตตาอธิษฐานจิต(เมื่อปี 2546) 2.ตะกรุดเนื้อดีบุก 5 นิ้ว "ยอดพระกัณไตรปิฏกมหายันต์" หลวงตาม้า หลวงปู่ไพบูลย์ สุมังคโล (2 พระมหาโพธิ์สัตว์ เมตตาอธิษฐานจิต)

​

****จะมีหล่อชนวนชุดธาตุกายสิทธิ์อีกชุดครับ****
​

 

แบบ...ด้านหลังเหรียญหล่อ
(เจ้าสัวสมบัติจักรพรรดิ์)


​

......เหรียญหล่อด้านหลัง จะจารึกประทับยันต์อักขระต่างๆที่เป็นสื่อของพลังงาน พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ซึ่งหมายถึงพระพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้ คือ นะ--พระกกุสันโธพระพุทธเจ้า โม--พระโกนาคมนพุทธเจ้า พุท--พระกัสสโปพุทธเจ้า ธา--พระโคตมพุทธเจ้า และตัว ยะ--พระศรีอริยเมตไตรย(ปัจจุบันท่านยังเป็นพระโพธิ์สัตว์อยู่) ไว้ด้านบนของเหรียญ ซึ่ง จะเน่นตัว ยะ เนื่องจากเป็นสื่อถึงพระมหาโพธิ์สัตว์ที่มีบารมีมาก ทั้งยังจะมาจุติเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตวงษ์ เนื้อพลังงานท่านจึงยังเข้มข้นสามารถหนุนนำท่านผู้บูชาศรัทธาให้เกิดความเป็นสิริมงคลได้เป็นอย่างดี

.....ผนวกกับด้านหน้าเหรียญเป็นรูป "พระพุทธเจ้าทรงเครื่องจักรพรรดิ์" ซึ่งก็คือ พระมหาโพธิ์สัตว์ที่มีสมบัติจักรพรรดิ 7 ประการ จึงถือเป็นการเชื่อมโยงกระแสพลังงานนำมาสื่อถึงเหรียญนี้เป็นอย่างดีและเหมาะสม

......บรรทัดถัดมาเป็นอักขระหัวใจพระสิวลี "นะชาลีติพระสิวลี" ซึ่งเป็นสื่อถึงบารมีธรรมด้านเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุอื่น "ผู้มีลาภสักการะมาก" ไปที่ใดไม่อด อยาก ยากจน มีแต่ความอุดมสมบูรณ์พูนสุข ที่ทุกสถานที่ท่านไปเยียบย่าง ดังเช่นสมัยพุทธกาล แม้พระพุทธองค์ยังทรงถามว่า "พระสีวลี" มาด้วยหรือไม่ ถ้าพระสิวลีมาด้วย การไปในที่ทุรกันดาร หมู่ภิกษุทั้งหลายจะไม่อดอยาก แต่จะมีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ด้วยบุญแห่งพระสิวลีบำเพ็ญทานบารมีมาก มาหลายภพชาตินั้น...

.....หลวงตาม้าท่านเคยกว่าว่า "รูปลักษณ์พระเช่นใด ก็คือสื่อถึงบารมีพระองค์นั้นมาที่พระ แล้วถ้าเป็นรูปลักษณ์จักรพรรดิ์ละ ใครจะรวยสู้จักรพรรดิได้ ถ้าเราสื่อถึงพลังงานพระจักรพรรดิที่อยู่บนโลกนี้ได้ละ เรื่องรวยนี้เด็กๆเลย.."

​