พบปะ พูดคุย ประสาเพื่อนพ้องน้องพี่ แบบกันเอง

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย tiger-k007, 6 มิถุนายน 2011.

  1. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    [​IMG]ส่งท้ายวันหยุดยาวยาว[​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  2. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    เทพพรหมเหล่านี้จะมี "กิจเฉพาะ" ที่ได้รับจากเบื้องบนลงมากระทำต่อบุคคลนั้นๆ ดังนั้นจึงมีผลให้วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนไปอย่างมากนั่นเอง นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมจู่ๆ วิถีชีวิตเกิดเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายกะทันหันในระยะเวลาสั้นๆ และมักจะถูกทักว่าคนคนนั้น
    "มีองค์ใน"

    เทพพรหมใดๆ ที่ลงมาทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับผู้คนนั้น จะมีกิจเฉพาะหลากหลายมาก ดังที่ได้เกริ่นมาว่าแต่ละองค์มีฤทธิ์และกิจเฉพาะที่รับมาจากเบื้องบนต่างกันไป ในบรรดาเทพพรหมที่ลงมาทำกิจเหล่านี้ สามารถจำแนกได้ออกเป็นสามกลุ่มคือ

    1. กลุ่มสมณเทพ
    คือ กลุ่มที่มีเทพสองประเภทลงมาคุ้มครองดูแลหรือทำภารกิจได้แก่ กลุ่มพระสมณะ เทพที่มีลักษณะเป็นพระตัดภาระทางกามไรเพศและบำเพ็ญหภาวนาทางพุทธะ และกลุ่มเทพพรหม หรือเทพที่มีฤทธิ์ต่างๆแต่ยังไม่ได้ละเพศ ยังมีกามกิเลสปกติ

    กลุ่มคนที่จัดว่ามีองค์ในแบบ "สมณเทพ" นี้จะถือว่ามีทั้งสองแบบดังน้นจะสามารถล่วงรู้ด้วยญาณของตนได้ว่า ผู้ใดมีองค์ในแบบเทพพรหมและผู้ใดมีองค์ในแบบสมณะดูแลอยู่ สามารถบริหารจัดการคนที่มีองค์ได้ทั้งสองแบบ ซึ่งคนกลุ่มนี้มีจำนวน้อยและมีแนวทางในการบำเพ็ญภาวนาที่แตกต่างกัน
     
  3. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    2. กลุ่มพระสมณะ
    คือ กลุ่มที่มีเทพประเภทพระสงฆ์ ผู้ตัดกาม ละเพศ บำเพ็ญภาวนาจิต เพื่อพุทธเพียงอย่างเดียว คอยดูแลคุ้มครองปกป้อง สั่งสอนธรรม หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ กลุ่มนี้หากได้รับการคุ้มครองก็จะพบปาฏิหาริย์บางอย่าง เช่น รอดตายหวุดหวิด หากได้รับการสอนธรรม ก็อาจได้เห็นนิมิตที่แฝงปริศนาธรรม หรือได้ยินเสียงทิพย์

    หากกำลังถูกปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ก็จะถูกบีบเค้นอย่างหนักให้เข้าสู่ทางธรรมอย่างเดียว ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเลย สำหรับคนที่มีองค์ในแบบสมณะเหมือนกัน มักมองกันก็เข้าใจคุยกันง่าย เข้าใจกันง่าย ในกลุ่มนี้ มักเป็นผู้ที่นิยมเข้าวัดประจำๆ และนับถือพระมาก เช่น "องค์ใน" เป็นพระหลวงปู่ทวด เป็นต้น
     
  4. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    3. กลุ่มเทพพรหม
    คือ กลุ่มที่มีเทพประเภทมหาเทพฮินดู เทพพรหม เทพจีน และเป็นผู้ที่ยังมีกาม มีเพศอยู่มาคอยดูแลคุ้มครองปกป้อง หรือช่วยการงาน หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ แต่ปกติจะไม่มีหน้าที่สอนธรรมะ ยกเว้นบางองค์ที่มีปางอวตารเป็นโพธิสัตว์ หากมีองค์ที่มีปางอวตารแบบนี้ จะมีการสอนธรรมได้ แต่หากไม่มีก็จะไม่สามารถสอนธรรมได้ อาจจะบำเพ็ญเพียรช่วยเหลือคนในด้านอื่นๆ เช่น ช่วยในมูลนิธิต่างๆ ที่สร้างกุศลให้กับคนหมู่มาก
    ส่วนใหญ่คนเหล่านี้ มักได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษจาก เทพพรหมก่อน แต่หากไม่มีการทำความดีเลย สุดท้าย เทพพรหมจะถูกเรียกกลับ แล้วปล่อยทิ้งให้ร่างนั้นถูกเจ้ากรรมนายเวรและภูตผีต่ำช้าอื่นๆ รุมทิ้งเอาแทน
     
  5. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    4. กลุ่มนอกรีต
    กลุ่มนอกรีตไม่จัดเรียกเป็นกลุ่มเทพใดๆ เป็นเพียง กลุ่มจิตวิญญาณสุดท้ายที่เข้ามาครอบงำจิตใจของคน หลังจากที่ร่างเปิดรับจิตวิญญาณอื่นแล้วจะปิดได้ยากหรือปิดเองไม่ได้ เมื่อหลงทระนงตนเกิดความเย่อหยิ่งว่าเป็นผู้วิเศษ มีอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ ก็มักจะถูกทอดทิ้งจากเหล่าเทพหรือเทพพรหมองค์ก่อน เพราะพฤติกรรมที่ตกต่ำเป็นเหตุให้เทพชั้นสูงๆ ไม่สามารถช่วยเหลือได้

    เมื่อเหล่าเทพเหล่านั้นจากไปแล้ว บรรดาเจ้ากรรมนายเวร ผีสาง สัมภเวสี เปรต สัตว์นรก ฯลฯ ก็มาเข้าร่างแทน ซึ่งยังผลให้ชีวิตพบกับความวิบัติหายนะและความทุกข์ในที่สุดเหล่านี้ รวมเรียกว่า "จิตวิญญาณนอกรีต" เพราะไม่ได้อยู่ในการดูแลของเทพเบื้องบน แต่เกิดจากการ "ลักลอบ" หนีจากนรกของจิตวิญญาณนอกรีตดังกล่าว แล้วมาสิงสู่อาศัยร่วมกับคนเท่านั้นเอง
     
  6. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    พักก่อนนะคะ น้องพล น้องAUN54 คุณหนู โชว์พระต่อค่ะ

    ขอไปตากผ้าก่อน ปั่นเสร็จแล้ว..[​IMG]
     
  7. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    [​IMG]ส่งท้ายวันหยุดยาวยาว[​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  8. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    [​IMG]ส่งท้ายวันหยุดยาวยาว[​IMG]
    ก่อนขอตัวไปทำงานแป๊ปครับ
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    รวม สมเด็จหลวงพ่อคูณ:cool:
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  9. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    กลุ่มนอกรีตเหล่านี้ได้แก่อะไรบ้าง

    *ผี
    "ผี " ในคติความเชื่อของคนไทยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ
    คือ ผีดีและผีร้าย

    ผีดี คือ บรรพบุรุษที่คอยคุ้มครองดูแล แต่ถ้าไม่เคารพไม่บูชาไม่ทำการเซ่นสรวง ก็อาจให้โทษได้เช่นกัน เช่น ผีบ้านผีเรือน เป็นต้น
    ผีร้าย คือ ผีที่คอยรังควานเป็นเจ้ากรรมนายเวร ไม่มีประโยชน์ใดๆ เช่น ผีปอบ ผีกระสือ เป็นต้น

    ผี อาจจะมีมาได้ในหลายลักษณะ แต่ส่วนมากมักจะปรากฎในรูปของอดีตมนุษย์ หรือมีลักษณะบางส่วนที่ค่อนข้างคล้ายกับมนุษย์ หากใครเคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้ มักมีความกลัวที่ฝังใจและเชื่อว่าการที่เจอผีนี้แล้ว จำเป็นที่จะต้องทำพิธีกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อความสบายใจหรือเพื่อความปลอดภัย เช่น การกรวดน้ำ ทำพิธีสะเดาะห์ ทำบุญ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ทำพิธีส่งวิญญาณ ฯลฯ ตามแต่ความเชื่อของแต่ละท้องที่หรือแต่ละบุคคล ซึ่งผีนั้นอาจมาในรูปแบบสิงสู่ในร่างของคนก็ได้ เพื่อสื่อสารกับคนที่ยังอยู่ และเพื่อบอกความต้องการของตนเองให้มนุษย์ได้รับรู้
     
  10. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    [​IMG]ส่งท้ายวันหยุดยาวยาว[​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  11. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    [​IMG]ส่งท้ายวันหยุดยาวยาว[​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  12. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    [​IMG]ส่งท้ายวันหยุดยาวยาว[​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  13. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,358
    ค่าพลัง:
    +19,459

    อย่าหวั่นอย่าไหวเมื่อใครเขาด่า
    อย่าเหนื่อยอย่าล้าเมื่อโลกไม่เ
    <wbr style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 11px; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: normal; letter-spacing: normal; line-height: 14px; orphans: 2; text-align: left; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px; background-color: rgb(255, 255, 255); ">
    ห็น
    อย่าหยุดอย่าพักถ้ารักจะเป็น
    อย่าใจเสาะเต้นแม้เกือบวางวาย

    เราทุกคนมีศักยภาพ
    ปัญญาเปล่งปลาบดั่งตะวันฉาย
    อาจเหนื่อยหนักหนาแทบประดาตาย
    เถอะวันสบายจะต้องมีมา

    พระโพธิสัตว์ก่อนตรัสรู้
    พญามารหมู่มาขัดขวางหนา
    เพียงพระองค์เดียวเด็ดเดี่ยวเอก<wbr>า
    ก็ยังปราบดาพิชิตเอาชัย

    ที่ใดมีทุกข์ที่นั่นมีทาง
    เมื่อเมฆหมอกจางตะวันจะใส
    ขอเพียงมุ่งมั่นบากบั่นสู้ไป
    แล้ววันมีชัยจะเป็นของเธอ

    ว.วชิรเมธี

    กวีนิพนธ์บทนี้ได้รับแรงบันดาลใ<wbr>จจากชีวประวัติของสตีฟ จ๊อบส์
    ผู้ก่อตั้ง Apple Inc.
     
  14. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    *เปรต
    คำว่า เปรต แปลว่า ผู้ละโลกนี้ไปแล้ว ผู้ตายไปแล้ว หากจะสื่อความถึงในทางพุทธศาสนา ก็หมายถึง สัตว์พวกหนึ่งที่เกิดใน "เปตวิสัย" ซึ่งเป็นอบายภูมิหรือภพภูมิที่ต่ำลงมา ด้วยเพราะในอดีตได้ก่อกรรมหนัก ในเวลาและสถานการณ์ต่างๆ ที่ต่างกัน ซึ่งประเภทของเปรตมีหลายประเภท ดังนี้

    *แบ่งตามเปตวัตถุอรรถกถาแบ่งได้ 4 ประเภท คือ
    ปรทัตตุปชีวิกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้จากอาหารที่มีมนุษย์ให้ เช่น การเซ่นไหว้
    ขุปปีปาสิกเปรต คือ เปรตที่อดอยาก มีความทุกข์จากความหิวโหยอยู่เป็นนิจ
    นิชฌาณตัณหิกเปรต คือ เปรตที่ถูกไฟเผาให้เร่าร้อนอยู่เสมอ
    กาลกัญจิกเปรต คือ เปรตจำพวกอสุรกาย

    *แบ่งตามคัมภีร์ โลกบัญญัติติปกรณ์และฉคติทีปนีปกรณ์แบ่งได้ 12 ประเภท คือ
    วันตาสเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกิน้ำลาย เสมหะ อาเจียน เป็นอาหาร
    กุณปาสเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินซากศพคนหรือสัตว์เป็นอาหาร
    คูถขาทกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินอุจจาระต่างๆเป็นอาหาร
    อัคคิชาลมุขเปรต คือ เปรตที่มีเปลวไฟลุกทั่วในปากตลอดเวลา
    สุจิมุขเปรต คือ เปรตที่มีปากเล็กขนาดเท่ารูเข็ม
    ตัณหัฏฏิตเปรต คือ เปรตที่ถูกตัณหาเบียดเบียนจนเกิดทุกข์จากความหิวข้าวหิวน้ำอยู่เสมอ
    สุนิชฒามกเปรต คือ เปรตที่มีตัวดำเหมือนตอไม้ที่ถูกเผา
    สุตตังคเปรต คือ เปรตที่มีเล็บมือเล็บเท้าเยาวและคมราวกับมีด
    ปัพพตังคเปรต คือ เปรตที่ร่างกายสูงใหญ่เท่าขนาดของภูเขา
    อชครังคเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายราวกับงูเหลือม
    เวมานิกเปรต คือ เปรตที่ต้องเสวยทุกข์เฉพาะในเวลากลางวัน แต่ในเวลากลางคืนได้ไปเสวยสุขในวิมาน
    มหิทธิกเปรต คือ เปรตที่มีฤทธิ์มาก

    *แบ่งตามวินัยและลักขณสังยุตตพระบาลีแบ่งได้ 21 ประเภท คือ
    อัฏฐีสังขสิกเปรตคือ เปรตที่มีแต่กระดูกติดกันเป็นท่อนๆ
    มังสเปสิกเปรต คือ เปรตที่มีแต่เนื้อเป็นชิ้นๆ
    มังสปิณฑเปรต คือ เปรตที่เนื้อเป็นก้อน
    นิจฉวิปริสเปรต คือ เปรตที่ไม่มีหนังห่อหุ้ม
    อสิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นพระขรรค์ (ดาบ)
    สัตติโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นหอก
    อุสุโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นธนู
    สูจิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นเข็ม
    ทุติยสูจิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นเข็มชนิดที่ 2
    กุมภัฑเปรต คือ เปรตที่มีอัณฑะใหญ่โตมาก
    คูถกูปนิมุคคเปรต คือ เปรตที่จมอยู่ในอุจจาระ
    คูถขาทกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินอุจจาระ
    นิจฉวิตกิเปรต คือ เปรตหญิงที่ไม่มีหนังห่อหุ้ม
    ทุคคันธเปรต คือ เปรตที่มีกลิ่นเหม็นเน่า
    โอคิลินีเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายเป็นถ่านไฟ
    อลิสเปรต คือ เปรตที่ไม่มีศีรษะ
    ภิกขุเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับพระ
    ภิกขุณีเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับภิกษุณี
    สิกขมานาเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสิกขมานา
    สิกขมานาคือ หมายถึงผู้หญิงที่ต้องการบวชเป็นภิกษุณี ต้องบวชเป็นสิกขมานาเสียก่อน โดยถือศีล 6 อย่างเคร่งครัด)
    สามเณรเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสามเณร
    สามเณรีเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสามเณรี

    *สังเกต ชื่อของเปรต ไพเราะทั้งนั้นเลย....

     
  15. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    [​IMG]ส่งท้ายวันหยุดยาวยาว[​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    อุปัชฌาย์ผมเอง อย่างเหนียว รับประกันครับ:cool:
     
  16. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    [​IMG]ส่งท้ายวันหยุดยาวยาว[​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  17. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    โว้ววว....วันนี้พี่พลศิริ,พี่คนชอบพระ,พี่สุข...จัดหนักรับปีใหม่ได้จุใจมากๆครับ..^__^
     
  18. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    *อสุรกาย
    สภาพของอสุรกาย จะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ

    -แบบที่ 1
    เป็นพวกอสุรกายที่ยังมีกรรมหนัก ร่างกายทรุดโทรมหนักตาซีดเชียวไม่มีความสง่าผ่าเผย ผมผ้ารุงรักน่าเกลียด น่าสะอิดสะเอียน อสุรกายพวกนี้ มีความดีกว่าเหล่าเปรตอยู่อย่างหนึ่ง คือ สามารถหาอาหารกินเองได้ แต่ทว่าจะต้องหากินประเภทของที่เขาทิ้งแล้ว บูดเน่าแล้ว อย่างซากศพ คนตาย สัตว์ตายหรือเศษอาหารที่ทิ้งไว้เน่าๆ เหล่า สัมภเวสีจึงจะกินได้และมีนิสัยคอยหลบหน้าคนอยู่เสมอ มีความไม่กล้าเป็นปกติเพราะอับอายในรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดของตน

    -แบบที่ 2
    อสุรกายอีกพวกหนึ่งนั้น มีความดีมาก ใกล้จะพ้นความเป็นอสุรกายแล้วคือ โทษทัณฑ์ที่เป็นเศษกรรมในภาวะของการเป็นอสุรกายใกล้จะหมดไป มีรูปร่างหน้าตาอ้วนท้วนใหญ่โต แต่ทว่าผิวดำมะเมื่อม อสุรกายพวกนี้มีกำลังมาก มักจะชอบ "รับสินบนจากชาวบ้าน" แล้วก็ปลอมแปลงตัวเป็นเจ้าเข้าทรง บางทีก็ไปหลอกพระ พระที่มีความเข้าใจไม่ถึงก็หลงคิดว่า บรรดาอสุรกายพวกนี้และเป็นผู้วิเศษ ก็จะเข้าไปสอดแทรก ถ้าใครนิยมเทพองค์ใดองค์หนึ่งก็ตาม หรือเทวดาองค์ใดองค์หนึ่งก็ตาม พวกนี้นิยมเข้าไปแทรก บอกว่าเขาเป็นเทพ หรือเทวดาองค์นั้น กลุ่มนี้มีมากในบ้านเรา
     
  19. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    กราบหลวงพ่อทวดรุ่นไม้เท้าลูกแก้ว งามหลายน้องพล..
     
  20. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    *สัมภเวสี
    สัมเวสี คือ คนที่ตายแล้วโดยที่ยังไม่ถึงอายุขัย เรียกว่ามีกรรมที่เรียกกันว่า "อุปฆาตกรรม" เข้ามาตัดรอนเสียตั้งแต่ยังไม่หมดอายุขัยพวกนี้เวลาตายแล้วทางภพภูมิที่ต่ำลงไปอย่างนรกยังไม่ต้องการ ทางสวรรค์เบื้องบนก็ไม่ต้องการ บุญที่ทำไว้ยังไม่ให้ผล หรือ ว่าบาปที่เขาทำยังไม่ให้ผล ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะเรียกเข้าไปสอบสวนและจัดการลงโทษ มีสภาพเหมือนกับคนออกจากบ้านนี้แล้วเข้าบ้านโน้นไม่ได้ จะกลับเข้าบ้านนี้ก็ไม่ได้ เดินไปเดินมาอยู่ตลอด เดินแบบลำบาก หาอะไรกินไม่ได้ ประเภทนี้ เรียกว่า
    สัมภเวสี แปลว่า พวกแสวงหาที่เกิด หมายความว่าแสวงหาที่อยู่แน่นอนให้ตนเอง
    บรรดาคนที่ตายในสภาพนี้ ที่บรรดาหมอผีทั้งหลายชอบเรียกเอาไปเลี้ยงก็เพราะว่า สัมภเวสีเหล่านี้เป็นเหมือนคนหิว ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีอาหารเป็นเครื่องบริโภค ในเมื่อสภาพของเขาเป็นคนหิวแบบนี้แล้วใครชวนไปอยู่ด้วย ก็ไปเพื่อประทังชีวิต ให้มีชีวิตรอด ดังนั้น พวกนี้จึงต้องการเครื่องเซ่นสรวงบูชา

    *บางคนโดนเพื่อนล้อเรียกว่า เป็นสัมภเวสี เพราะใครชวนไปอยู่...ก็ไป "
     

แชร์หน้านี้

Loading...