ผิดมั้ยถ้าคิดจะทิ้งธรรมะ เพราะรู้สึกไม่ได้อะไร ไม่มีกำลังใจไปต่อ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 3 กรกฎาคม 2016.

  1. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อัพยากฤต ที่ จับต้องง่ายๆ อยู่ไม่ไกล ก็ กาย แขน ขา ไส้ พุง ตับ ไต
    เรานี่แหละ

    ถ้า คุณ ยอสตรอยเป็นคนที่ กี่ปี กี่ปี ก็เห็นว่า ตนหล่อ ตนสวย

    ก็ให้ใช้ กาย การพิจารณากาย อสุภะ นวสี ....จนกว่าจะเห็น
    ความเป็น " กุศลก็ไม่ใช่ อกุศลก็ไม่ใช่ "

    แล้วยกขึ้น บริกรรมภาวนา เนืองๆ จนเห็นได้ใน อาการของจิต ที่สำคัญ
    ว่า "งาม" "ไม่งาม"

    แล้ว ตลบอีกที ด้วยการเห็น " ไม่งาม และ งาม "
    นั้นงาม(เพราะเอามาเป็น มรรค ได้) อีกที ก็จะ อ๋อ
     
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,459
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,024
    ค่าพลัง:
    +70,068
    ทุกครั้งที่เรานึกถึงพระด้วยใจเคารพศรัทธา ธาตุขันธ์เราจะได้รับการฟอกด้วย

    ่ต่อจากโพส ก่อนหน้านี้นะครับ คุณนวลปราง..


    ทุกครั้งที่เรานึกถึงพระด้วยใจเคารพศรัทธา ธาตุขันธ์เราจะได้รับการฟอกด้วย

    แม้จะเป็นการนึกน้อม เพื่อขอกำลังท่านช่วยแผ่กำลังบุญถึงใครก็ตาม

    เรานั้น จะเป็นตัวกลางอัตโนมัติ เหมือนสายยางที่เป็นทางผ่านของน้ำที่ถูกส่งไปยังจุดหมาย

    สิ่งอุดตันในท่อสายยาง ย่อมถูกฟอกออกไปด้วย


    ...นี่คือ คุณาปการ ของการน้อมนึกแผ่เมตตา พรหมวิหาร จนชิน ในชีวิตประจำวัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กรกฎาคม 2016
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,459
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,024
    ค่าพลัง:
    +70,068

    ถ้าคุณนวลปราง ได้เพิ่มตรงนี้เข้าไป ทำบ่อยๆ ด้วยใจรัก กตัญญูต่อท่าน

    ด้วยเมตตาอันบริสุทธิ์ ต่อทุกชีวิต ที่เกียวข้อง ทั้งที่เราเห็นได้ สัมผัสได้ หรือ สัมผัสยังไม่ได้ก็ตาม

    ด้วยความรักที่ถูกต้อง ต่อตน

    นอกจากจะเป็นการปลดปล่อยพันธะที่มีต่อเจ้ากรรมนายเวรภายนอกแล้ว

    จะเป็นการปลดปล่อยพันธะ ที่มีต่อเจ้ากรรมนายเวรตัวจริง คือ ขันธ์ห้า รูปนามของเราตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้

    ทีละน้อย ทีละขั้น ทีละตอน...ได้อีกด้วย!!!


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กรกฎาคม 2016
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,459
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,024
    ค่าพลัง:
    +70,068
    ...นำมาฝากเจ้าของกระทู้ครับ



    ประโยชน์การแผ่เมตตาที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้มี 11 ประการได้แก่



    1. หลับก็เป็นสุข



    2. ตื่นก็เป็นสุข



    3. ไม่ฝันร้าย



    4. เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย



    5. เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย



    6. เทวดาทั้งหลายย่อมคุ้มครอง



    7. แคล้วคลาดจากภยันอันตราย



    8. จิตเป็นสมาธิได้ง่าย



    9. สีหน้าย่อมผ่องใส



    10. สิ้นใจอย่างสงบ (สู่สุคติภูมิ)



    11. ถ้ายังไม่บรรลุคุณธรรมพิเศษที่สูงกว่า ย่อมเข้าถึงชั้นพรหม





    การแผ่เมตตามี 2 อย่าง คือ



    1. เจริญเมตตาจิต ด้วยเพียงการฝึกมองโลกในแง่ดี มีความปรารถนาดีต่อทุกสรรพสัตว์ สรรพชีวิตบรรดามีในโลก รักตัวเองเช่นไร ก็รักชีวิตอื่นให้มากเท่ากว่ารักชีวิตตนเองเช่นกัน ทำให้จิตรู้สึกเกิดความสุข เพราะมีแต่ความปรารถนาดี ทำให้ไม่สะดุ้งกลัวและไม่เป็นกังวล จิตเป็นสมาธิเร็ว

    ( ตรงนี้แหละ ครอบคลุมและส่งเสริม ให้วิชาการสั่งจิตใต้สำนึก ในทางโลก ได้ผลดี และปลอดภัยขึ้น )



    2. เจริญเมตตาฌาน ต้องอาศัยกำลังจิต โดยกำหนดจิตจนรวมเป็นเอกได้แล้ว จึงแผ่กระแสจิตนั้นให้เกิดความรัก ความปรารถนาดีต่อตนเองก่อน จากนั้นก็แผ่ให้กันคนที่เรารัก เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย สามี ภรรยา ลูก แล้วแผ่กระแสจิตที่มีความรัก ความปรารถนาดีนั้นไปตลอดโลก ให้เป็นอัปปมัญญา คือ ไม่มีประมาณ






    ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสัมฤทธิ์ผลนั้น เกิดจากกรรม 3 อย่าง คือ มโนกรรม เป็นใหญ่ แล้วค่อยแสดงออกมาทางวจีกรรม หรือกายกรรมที่เป็นรูป การบำเพ็ญสมาธิจิตเป็นกุศลดีกว่า เพราะว่า การแผ่เมตตา 1 ครั้ง ได้กุศลมากกว่าสร้างโบสถ์ 1 หลัง ขณะจิตที่แผ่เมตตานั้น จะเกิดอารมณ์แจ่มใส สรรพสัตว์ไม่มีโทษภัย ตัวท่านก็ไม่มีโทษภัย ฉะนั้น เขาจึงว่านามธรรมมีความสำคัญกว่า



    ผู้ปฏิบัติธรรมนั้น ต้องรู้จักคำว่า แผ่เมตตา คือต้องเข้าใจว่า ความวิเวกวังเวงแห่งการคิดนึกของเราแต่ละบุคคลนั้น มีกระแสแห่งธาตุไฟผสมอยู่ในจิตและวิญญาณกระจายออกไปเมื่อจิตของเรามีเจตนาบริสุทธิ์ เมื่อจิตของเราเป็นมิตรกับทุกคน เมื่อนั้นเขาก็ย่อมเป็นมิตรกับเรา เสมือนหนึ่งเราให้เขากินอาหาร คนที่กินอาหารนั้นย่อมคิดถึงคุณของเรา หรืออีกนัยหนึ่งว่าเราผูกมิตรกับเขาๆก็ย่อมเป็นมิตรกับเรา แม้แต่คนอันธพาล เราแผ่เมตตาจิตให้ทุกๆวัน สักวันหนึ่งเขาก็ต้องเป็นมิตรกับเราจนได้



    เมื่อจิตเรามีเจตนาดีต่อดวงวิญญาณทุกๆดวง ดวงวิญญาณทุกๆดวงย่อมรู้กระแสแห่งจิตของเรา เรียกว่ามนุษย์เรานี้มีกระแสธาตุไฟออกจากสังขาร เพราะเป็นพลังแห่งการนั่งสมาธิจิต วิญญาณจะสงบ ธาตุทั้ง 4 นั้น จะเสมอแล้วจะเปล่งเป็นพลังงานออกไป ฉะนั้น ผู้ที่นั่งสมาธิปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จิตแน่วแน่แล้ว โรคที่เป็นอยู่มันจะหายไป ถ้าสังขารนั้นไม่ใช่จะพังเต็มทีแล้ว คือไม่ถึงวาระสิ้นอายุขัย หรือว่าสังขารนั้นร่วงโรยเกินไปแล้ว ก็จะรักษาให้มันกระชุ่มกระชวยได้หรือจะให้มันสบายหายเป็นปกติดั่งเดิมได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กรกฎาคม 2016
  5. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +470
    แนะนำให้อยู่บ้านก่อน อย่าเพิ่งไปเข้าคอส เดี๋ยวเสียตังเปล่าๆ
    ที่อ่านนี่มันปฏิบัติมาแบบสะสม
    ที่บอกว่าสวดมนต์แล้วระงับ มันไม่อยาก มันสเตจแข็งแรงมาก ว่าง
    พอมาทางโลกก็อยากจะสุข รวย อยากได้กำลังใจ มันเล็งผล
    เลยทุกข์ไปหมด
    เราอยู่บ้าน ตั้งใจปฏิบัติธรรม เอาพ่อแม่เป็นเครื่องชักจูงจิตไปในทางที่ถูก
    บิดามารดานั้นมีคุณมาก เมื่อก่อนพ่อแม่ผมไม่เคยสนใจเรื่องวัดเลย
    เราเป็นลูกก็ปฏิบัติตัวให้ท่านชื่นใจ ไปอยู่วัดคราวหนึ่ง วันนึงท่านไปหา
    โห เราชื่นใจมาก
    แค่ท่านไปวัดนะ เพราะปกติท่านไม่สนใจเลย ธรรมมันดึงดูดกัน
    กตัญญูธรรม ลองปฏิบัติต่อพ่อให้ดี จากที่อ่านเขียนเป็นแนวตำหนิพ่อ
    ลองดู ก็ได้ กราบเท้าล้างเท้าพ่อแม่ แต่ต้องด้วยจริงใจ จะทราบซึ้งมาก
    ปฏิบัติต่อท่านให้ดี สังเกตทิฏฐิความเป็นเรา จะค่อยๆ วาง เบาลง
    ปฏิบัติไปแล้วอย่าหวังว่า พ่อจะไม่โกรธเรา หรือพ่อจะเปลี่ยนใจนะ
    สังเกตใจเราทำไปแบบสละออก วางออก
    ความดีคนชั่วทำได้ยาก คนดีทำได้ง่าย
    มันเป็นสายบุญสายกรรม แล้วธรรมมันจะดึงดูดกัน

    ปล.ขอแนะนำแบบขั้นหยาบๆ เพราะเห็นว่ามี วิธีระลึกรู้ วิปัสนาได้ละเอียดพิสดารในกระทู้ แล้ว
     
  6. hydraxis

    hydraxis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +529
    พระสัทธรรมนั้นเที่ยงตรงเสมอ นะ ปราง
     
  7. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ^_^ สวยสุดคือ นวล ค่ะ คุณยอส
     
  8. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ปรางอยากบอกว่า ไม่ว่าใครจะว่าเรายังไง เราอย่าดูถูกตัวเองซ้ำค่ะ มันเป็นการสะกดจิตตัวเองอีกที ตอกย้ำบ่อยๆ แล้วเราจะแย่มากขึ้น สุขภาพจิตเสียด้วยค่ะ

    นวลขอบอกเลยนะ นวลไม่ใช่โรคจิต แต่นวลอยากฆ่าตัวตายและโดนปล้ำ คือตอกย้ำที่อกหักตลอดงัย มันไม่มีอะไรดีขึ้นค่ะ นอกจากปรางต้องกินยาปรับสารเคมีในสมองแล้ว ปรางต้องพึ่งครูอ้อยให้กลับมารักตัวเอง เพื่อจะได้มีกำลังปฏิบัติธรรมไงคะ

    เพราะฉะนั้นไม่ว่าในบอร์ดนี้ใครจะไม่ถูกกันก้อตาม ขอให้รู้ไว้ว่า คุณทุกคนไม่มีสิทธิ์ดูถูกตัวเอง(แม้จะเป็นการพูดเล่นก้อตาม)
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ผิดหรือไม่ผิดมันเป็นเรื่องที่สติปัญญาของท่านเข้าถึงสภาพความจริงแห่งสัจธรรมมากน้อยแค่ไหน

    ถ้าท่านคิดแบบนี้นั่นแสดงว่า ท่านควรจะทิ้งพระธรรมเพราะท่านปฏิบัติมามากขนาดนี้แต่กลับยังไม่เข้าใจและเข้าถึงความจริง ว่าแท้จริงแล้ว ธรรมะ ให้อะไร แล้วสุขทุกข์ที่เกิดดับ ให้ผลแก่กายใจของท่าน มันมีสภาพความจริงเป็นอย่างไร

    มันได้แค่กระพี้ก็สมควรแล้วที่จะมีความคิดแค่แบบนี้ ได้แค่นี้

    ผู้ที่เป้นพุทธะ ย่อมเห็นแจ้งในสภาพธรรม อันคือความจริง

    เพราะความจริง เราไม่อาจหลีกหนีความจริงแห่งสัทธรรมได้พ้น

    หากเรากำลังหลีกหนี มันก็แค่กิเลสซ้อนกิเลส มายาที่หลอกลวงกายใจของท่านเองนั่นแหละ

    มันยิ่งกลายจะทำให้ท่านจมดิ่งลงไปพอกหนายิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่าไปมองหาแสงสว่างหรือความหลุดพ้นได้อย่างไร

    ทิ้งท้ายจงใช้สติปัญญา โดยหลักพิจารณาคือการต้องยอมรับความจริงให้ได้ นี่คือสิ่งที่ท่านต้องสร้างให้จิตของท่านยอมรับมันให้ได้จริงๆครับ สาธุ
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    พระพุทธองค์ สอนว่า นักภาวนาไม่ควรตำหนิ "จิต"

    แต่ควรสำรวจว่า ยัง ตำหนิตัวเองได้ด้วยศีล หรือไม่ !?

    ถ้ายังตำหนิตัวเองได้ด้วยศีล แปลว่า จิตยังมีกิเลส มีโลภะ โมหะ โทษะ

    งง ไหม

    จิตมีกิเลส ห้ามตำหนิจิต แต่ให้ ยกขึ้นมาพิจารณา กิเลสมันมีของมันอยู่ที่จิต

    ไปตำหนิจิต ตำหนิไป ก็เท่านั้น ....ไม่เกิดผลดี แถมจะ ย่ำแย่ซ้ำซ้อน

    พระพุทธองค์ ห้ามตำหนิจิต แต่ จงดูจิตนั้น ด้วยจิตตั้งมั่น เป็นกลาง ต่อการเห็น

    พอจิตเป็นกลางต่อ การเห็นจิตมีกิเลสเป็นธรรมดา จะเกิด สภาวะเห็น
    ตามจริงว่า จิตมีธรรมชาติวนเวียนในวัฏฏะ แล้ว ไม่ต้องตรึก นึกคิด ทันที
    ที่เห็นจิตมีกิเลส ด้วยจิตตั้งมั่น เป็นกลาง จะเกิดสภาวะ พ้นจิต ปล่อยจิต
    โดยที่ ไม่เสียจิต ไม่เสียจริต มีสติ สัมปชัญญะบริบูรณ์ ...มรรควิธีชั้นยอด
    ที่ต้องลงมือปฏิบัติ ถึงจะ อ๋อ พระพุทธองค์สอนสิ่งนี้

    ส่วน ครู อื่น ไม่รู้เรื่อง พาไปทำเป็นพิธี เพื่อปั่นกิเลส ใชิจิตวิทยาหมู่ใน
    การเอออวยกันเองในการ จมกองกิเลส ว่าไม่ผิดอย่างนั้น อย่างนี้ เหมือน
    ดำเนินด้วยพิธีรีตรองทางธรรม แต่ห่างไกลการเห็น มรรคผล นิพพาน
     
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==============

    มารย่อมทำหน้าที่ของมันอย่างตรงไปตรงมา

    เราจะเอาชนะมารจึงไม่ใช่เรื่องง่าย และมันต้องเริ่มจากการเห็นกงจักรเป็นกงจักร ไม่ใช่เห็นกงจักรเป็นดอกบัว และต้องอาศัยกำลังใจที่ข้มเข็มมาก ต่อการเอาชนะ

    ในโลกใบนี้จะมีคนบ้าสักกี่คนที่ยอมอดอยาก ยอมตายโดยไม่ยอมทำผิดทำชั่วเบียดเบียนคนอื่น

    ถ้าเราปล่อยกายใจไปตามอำนาจกิเลส ซึ่งมันมาหาเราหลากหลายรูปแบบ สุดท้ายเราก็ไม่ต่างจากหมาที่เคยกินขี้ ที่ยังคงกลับไปกินขี้เหมือนที่เคยทำ

    ถ้าการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ แล้วต้องทำบาปกรรมเพื่อส่งตัวเองไปนรก แล้วเราจะเกิดมาทำไมเกิดมาเพื่ออะไร สู้ไม่ต้องมาเกิดจะดีกว่าไหม๊ จะได้ไม่ต้องมาเพื่อสร้างบาปกรรมให้ตนเอง อีกต่อไป ลองตรองดูให้ดีครับ สาธุ
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ทีนี้

    เวลา " กรรมมันมาให้ผล "

    ไม่ใช่ไป ตำหนิจิต ไม่ใช่ไปตำหนิชีวิต เราจะไม่ไป ตำหนิอดีต ในสมัยโน้น
    ที่ จิตนั้นๆ อาจจะไป พลั้งเผลอ กระทำกรรม ที่มี วิบาก มาปรากฏ ให้เห็น
    ร่องรอย เกวียน ในชาตินี้

    ชาติก่อนโน้น เราอาจจะไม่ได้เกิดมาเป้น มนุษย์ พบพระพุทธศาสนา

    อาจจะได้แค่ เจอ ครู ที่สอนให้ปั่น ปิติ เวลา เจอ สาว .....

    เจอ สาว ก็ให้ปั่นปิติ หากไม่กล้า ก็มา รับคำสอน ให้ กล้าที่ จะ ปั่นปิติ
    เพื่อไป กระทำต่อสาวคนนั้น

    ทำไปแล้ว ในทางพุทธศานา คนกระทำกรรมย่อม ตกนรก ....จนกว่า
    จะใช้กรรมหมด ก็จะมาเกิดมาเป็น มนุษย์

    แต่ เศษกรรม ในทางพุทธศสนา จะตกนรกชดใช้มาอย่างไร กรรม
    จะไม่มีวัน ชดใช้หมด จะต้องเหลือ เศษกรรม เกิดเป็น ร่องรอยกงกรรมกงเกวียน

    เคยกระทำเขา ....เกิดเป็น มนุษย์เมื่อไหร่ ก็ต้องถูกเขากระทำ ทุกชาติไป

    ไม่ว่าเกิดชาติไหน ก็ไม่มีวัน ชดใช้หมด จะ เปลี่ยนภพไปกี่หน ก็ต้องไปเจอ
    กรรมแบบเดิมเท่านั้นหน กรรมใหม่ที่เกิดขึ้น คือ การย้ำรอยการครุ่นวิตกใน
    การ คิดอะไรสั้นๆ และ การปรารภว่า ธรรมะ ไม่ให้อะไร


    ธรรมะ ไม่ได้ให้อะไร ในเรื่อง ล้างกรรม กฏแห่งกรรม จะต้องเป็น สัจจ
    เคยทำเขา ก็ต้อง ชดใช้ไป ตราบใดที่เกิดมาเป็น มนุษย์ หรือ ครอง ขันธ์5

    ธรรมะ จะให้ผลอันวิเศษมาก คือ การพ้นขันธ์5 อย่างถูกวิธี กรรมเวรจะมี
    เท่าไหร่ จะไม่มีทางส่งผลถึง ผู้พ้นขันธ์5 อย่างถูกวิธี ด้วย มรรคของพระพุทธองค์
    ที่ไม่ถูก ครู ชั่วๆ !!! เอาไปดัดแปลง ให้ วนเวียนอยู่กับการอยากกระทำ อยากถูกกระทำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2016
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ยกตัวอย่าง " กงกรรม กงเกวียน " ที่ให้ผล เป็น สัจจ แน่นอน ตราบใดที่ ครองขันธ์5

    กรณี พระพุทธองค์ ทรงมีพระชนมายุเพียง 80 พรรษา

    การที่ พระพุทธองค์ เกิดเป็น มนุษย์ ครองขันธ์5 เมื่อไหร่ จะมี อายุเพียง80 พรรษา
    ก็เนื่องมาจาก กรรมใดอดีตไกลโพ้น เคยตัดรอนชีวิต ยักษ์ผู้มีบาปหนา

    แม้นจะเป็นการ ช่วยโลก ด้วยการ กำจัด ยักษ์ ที่เค่นฆ่ามนุษย์ แต่ กรรม ก็ย่อม
    ต้องเป้นกรรม และ ตามมาให้ผลกรรม เที่ยงแท้ แน่นอน จะกี่ชาติ ก็ต้องเจอ
    วนเวียนอยู่อย่างนั้น

    แต่ ธรรมะ แม้นจะไม่ช่วยอะไรเรื่อง ล้างกรรม

    แต่ ด้วยการมีพระชนมายุเพียง 80 พรรษา ก็ พอเพียง และ มัธยัศ แก่การ
    ทำประโยชน์ให้กับโลก โดยไม่ต้องมีใคร มาช่วย สร้างจิตวิทยาหมู่ เอออวย
    ในกิเลสว่ามีไปเถิดเยี่ยงเสรีชน น้ำหูน้ำตาไหล กอดคอกันเอออวยไปกับกรรมชั่ว....เฝ้นหาสาระ แท้จริงไม่เจอ
     
  14. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    แต่ปรางกลับเห็นต่างจากคุณนิวรณ์นะ คือถ้าวัตถุประสงค์ของปราง ปรางทำตามครูอ้อยเพราะอยากรวย อันนี้ผิดคำสอนของพระศาสดาแน่ แต่กลับกัน ปรางเป็นโรคทางสุขภาพจิตซึ่งแน่นอนว่าเกิดจากวิบากกรรมในอดีตนับชาติไม่ได้ แต่วัตถุประสงค์ที่ปรางฟังครู เพราะปรางมีกำลังใจจากคำพูดของครู ครูสอนอะไรเยอะมาก ซึ่งเทียบกรรมฐาน40กองไม่ได้ อันนั้นรู้ดี ซึ่งครูเองก้อปฏิบัติธรรมเสมอ ไม่ได้เน้นว่าต้องปั่นปิติ แต่คนที่เค้าสปินน่ะ เค้าต้องมีฐานใจที่ดีเป็นบวก ไม่ใช่ทำเพราะความทะยานอยาก แต่โดยส่วนตัวปรางไม่ถนัดการสปิน แต่ปรางชอบคำพูดที่ครูสอนมากกว่า เหมือนครูมีมุมมองที่ดี เราก้อควรรับฟังไว้ และนำมาปรับใช้
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ยกตัวอย่าง " กงกรรม กงเกวียน " ที่ให้ผล เป็น สัจจ แน่นอน ตราบใดที่ ครองขันธ์5

    กรณี พระโมคคัลลานะ ผู้เลิศทาง อิทธิฤทธิ์


    พระโมคคัลลานะ เคย ย่ำยีบุพการี อกตัญูไม่เชื่อฟังคำสอนบุพการี
    ไปถูก "ภรรยา" ปั่น ปิติ กอดคอน้ำหูน้ำตาไหล เอา คู่ เป็นใหญ่กว่า บุพการี

    ทำให้มีเศษกรรม คือ ถูกกระทำต่อร่างกาย ขยี้ยับป่นปี้ แหลกเหลว

    ต่อให้ เหาะหนีได้ ก็ หนีได้ชั่วคราว กรรมยังตามไปติดๆ ไปรอ ดักขยี้
    ให้ป่นปี้แหลกเหลว

    เดชะบุญ ระลึกได้ว่า ธรรมะ นั้นประเสริฐ การพ้นขันธ์5 อย่างถูกวิธี กิจที่
    ควรทำได้ทำแล้ว จึงได้ อนุโลม เปิดโอกาสให้ พวกมารุมขยี้ ได้มีโอกาส
    พ้นทุกข เลยนั่งรอให้เขา ทุบจนตาย

    พวกที่มาทุบ ครอบครัว เขาก็พ้นเคราะห์ ไม่ถูกขู่ฆ่าให้อาศัญ ยกครัว
    แต่อย่างไรก็ดี สุดท้ายก็ถูก ราชบุรุษ(ตำรวจ)มาจับไป ประหาร ตามกฏหมายของโลก
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไป วิเคราะห์ เอาเอง

    เราไม่ได้ ปรักปรำ ครู ชื่ออะไร ที่เป็นที่ เคารพ ของใคร

    ครูคนใด สอนให้ คนละวาง กิเลสได้ ครูคนนั้น ไม่มีใครเขาตำหนิ

    แต่คำว่า " ครู " ที่ใช้ ในโพส มันเป็น ภาษา สื่อสาร

    ไม่ใช่ สรรพนามไปย่ำยี หมายเอา ครูชื่อนั้น ชื่อนี้

    ดังนั้น

    ฟังธรรม ก็ ฟังให้เป็นกลางๆ อย่า ลาก ไปเกี่ยวข้อง กับโลก

    อย่าเอา ผลประโยชน์ของคนในโลก มายุ่งกับ การ ไตร่ตรอง รับฟังธรรม
     
  17. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    สำนวนคุณนิวรณ์มันฟ้องค่ะ ฟ้องมานานแล้ว แต่ปรางหมั่นไส้ที่คุณไม่เคยยอมรับอะไรตรงๆเลย

    ปล. ปรางไม่จำเป็นต้องออกรับแทนครูค่ะ เพราะกรรมใครกรรมมัน
     
  18. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    นอกจากวิธีของครูอ.
    วิธีทำบุญกับพระอรหันต์ที่ออกนิโรธสมาบัติ
    ก้อคงต้องพึ่งวิธีของพระพุทธเจ้า คือ อิทธิบาท4

    อิทธิบาท 4


    คำว่า อิทธิบาท แปลว่า บาทฐานแห่งความสำเร็จ หมายถึง สิ่งซึ่งมีคุณธรรม เครื่องให้ลุถึงความสำเร็จตามที่ตนประสงค์ ผู้หวังความสำเร็จในสิ่งใด ต้องทำตนให้สมบูรณ์ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า อิทธิบาท ซึ่งจำแนกไว้เป็น ๔ คือ

    ๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
    ๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น
    ๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
    ๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น

    ธรรม ๔ อย่างนี้ ย่อมเนื่องกัน แต่ละอย่างๆ มีหน้าที่เฉพาะของตน

    ฉันทะ คือความพอใจ ในฐานะเป็นสิ่งที่ ตนถือว่า ดีที่สุด ที่มนุษย์เรา ควรจะได้ ข้อนี้ เป็นกำลังใจ อันแรก ที่ทำให้เกิด คุณธรรม ข้อต่อไป ทุกข้อ

    วิริยะ คือความพากเพียร หมายถึง การการะทำที่ติดต่อ ไม่ขาดตอน เป็นระยะยาว จนประสบ ความสำเร็จ คำนี้ มีความหมายของ ความกล้าหาญ เจืออยู่ด้วย ส่วนหนึ่ง

    จิตตะ หมายถึงความไม่ทอดทิ้ง สิ่งนั้น ไปจากความรู้สึก ของตัว ทำสิ่งซึ่งเป็น วัตถุประสงค์ นั้นให้เด่นชัด อยู่ในใจเสมอ คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า สมาธิ อยู่ด้วยอย่างเต็มที่

    วิมังสา หมายถึงความสอดส่องใน เหตุและผล แห่งความสำเร็จ เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไปตลอดเวลา คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า ปัญญา ไว้อย่างเต็มที่

     
  19. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ไม่ถึงขนาดทิ้งเพชรเม็ดงามค่ะ แค่ย้ายโฟกัสจนกว่าจะสำเร็จเรื่องงาน เพราะปรางทำเต็มที่แต่พ่อเบรกเต็มที่เหมือนกัน ถ้าสำเร็จมีรายได้ต่อเดือนหลักหมื่น ก้อต้องกลับมาปฏิบัติธรรมสิคะ ยังไงบั้นปลายชีวิตจะสงบสุขก้อต้องปฏิบัติค่ะ มากน้อยตามกำลัง
     
  20. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ไม่รุ้ทุกท่านได้เข้าไปอ่านกระทู้คนที่โดนพ่อทำร้ายร่างกายมั้ย เค้ามีความคิดขั้นปิตุฆาตแล้ว ปรางก้อยอมรับว่าปัญหาครอบครัวสะสมมาตลอดเหมือนกัน ปรางกลัวว่าถ้าไม่ระลึกถึงพุทธคุณบ่อยๆ ปรางอาจฆ่าตัวตาย เพราะคิดเรื่องทำร้ายตัวเองบ่อยมาก ถ้าไม่ได้พลังใจจากครูด้วยแล้ว ปรางอาจตายก่อนไปนิพพาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...