ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.

  1. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    เพิ่งจะเข้ามาอ่านค่ะ เสียดายที่อ่านช้าไป 3 ปี เป็นกระทู้ที่ทรงคุณค่ามากๆเลยค่ะ ตอนนี้อ่านถึงหน้า 72 แล้วค่ะ
     
  2. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมากๆค่ะ
     
  3. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    จะขออนุญาติเรียกคุณ modpong ว่าคุณพี่ค่ะ พอดีมีเรื่องจะปรึกษาเกี่ยวกับวิชาหุงปรอท คุณพี่พอมีความรู้ที่จะแนะนำบ้างไหมคะ พอดีตัวเองเพิ่งจะหุงปรอทโดยไม่เข้าธาตุใดๆได้เมื่อวันมาฆะบูชา แล้วเพิ่งจะหุงปรอทดำได้เมื่อเดือนมิถุนายนอีกผอบนึงค่ะ

    ปรอทยังสามารถแปรสภาพเปลี่ยนรูปร่างได้ค่ะ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ก้อนได้ และสามารถปั้นกลับมาเป็นรูปร่างกลมๆเหมือนเดิมได้ ตอนนี้ก็ยังกินทองคำเปลวอยู่ค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2013
  4. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    ปรอทดำที่หุงด้วยน้ำมะนาวเพียงอย่างเดียว ตอนนี้ยังไม่ set ตัวแข็งค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...
    ...ด้วยความยินดีครับ...เรียกผมว่า..พี่..ก็พอไม่ต้อง..คุณ..หรอกครับ..เอาแบบกันเอง..มันดูสนิทใจดี..ผมก็เรียก..ตัวผมเอง..ว่า..พี่..แบบที่ผมใช้..กับ..กำธรน้องรักผม..แต่จะให้เกียรติสตรี..หน่อย..ไม่เรียกชื่อเฉยๆ..เรียกว่า..น้องพรหมมณี..แทน..............
    ......เรื่องนี้..พี่ไม่เคยทำหรอกครับ..และไม่มีความรู้จริงๆ..วิธีทำให้ปรอท..แข็งนี่..น้องพรหมมณี..เก่งมาก..แค่พอรู้ว่า..ส่วนใหญ่เขาจะต้องเข้าธาตุ..กัน..ต้องให้ปรอทเข้าไปกินไอ้โน่นไอ้นี่..งูปลามากๆครับ..
    ....พี่ชอบนะ..แบบนี้ถึงจะเยี่ยม..คือ..อยากรู้ต้องลองทำเองให้เข้าใจ..เป็นสไตล์..เดียวกับพี่..อีกหน่อยพอทำให้แข็งได้..ชำนาญแล้ว..อย่าลืม..ทำแบบหล่อ..เป็นรูปพระ..แบบง่ายๆ..เอามาให้ดูกัน..เป็นวิทยาทาน..
    ...พี่ว่า..คนที่เข้ามาอ่านนี่..คงอยากเป็นลูกศิษย์น้องพรหมณี..หลายคนแน่....ยอดเยี่ยมครับ..เล่นของยาก..ยอดเยี่ยมจริงๆ..
     
  6. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...มีเรื่องเล่า..ที่ให้ความรู้กับ..ปรอทหน่อยว่า..ถ้าทำอย่างถูกต้อง..แล้วเมื่อแข็งตัวแล้ว..และ..ไม่เปลี่ยนรูปอีก...
    ....ปรอทจะไม่มีพิษ..กับผิวหนัง..หรือ..แม้อาจจะ..ซึมเข้าไปทางผิวบ้างครับ..
    .........บุคคล..ตัวอย่าง..นี้ก็คือ..พ่อผมเอง..(ผมเคยเล่าไปบ้างแล้ว..ในตอนเก่าๆ..ก่อนหน้านี้..).....
    ........พ่อผมตั้งแต่..พ่อจำความได้..ที่เอว..ก็จะมี..เชือกด้ายดิบ..มีการถักตรงส่วนกลางต่อกับ..ลูกสะกดปรอท(ทรงคล้ายๆ..ลูกรักบี้..แต่มีรูตรงกลาง..ในรูจะมีตะกรุด
    ๑ ดอกเป็นตัวกั้น..ไม่ให้เชือกร้อย..สัมผัสผิวปรอท..โดยตรง..การถักเชือกนี่มีทั้งด้านหัว..และ..ด้านท้ายของ..ลูกสะกดครับ...(ทำให้เป็นตัวบังคับ..ไม่ให้ลูกสะกดเลื่อนไปมา..)
    ......ย่าเป็นคนใส่ให้พ่อ..และ..บอกว่า..ห้ามถอด....พ่อผมก็ใส่ตั้งแต่นั้นมา..จนเป็นหนุ่ม..ก็ไม่ได้ถอด..ใส่ตลอด..จนมีเมีย..ถึงจะถอดเวลา..เข้านอน..ตื่นเช้าไปทำงาน..ก็ใส่คาดเอว..เหมือนเดิม..จนมาถอด..ไม่ใช้แล้วจริงเอา..ตอนใกล้เกษียณนี่เอง...เรียกว่า..เอวพ่อผม..สัมผัสปรอท..มาไม่น้อยกว่า..๕๐ ปี..โดยไม่มีอาการ..อะไร...แต่ลูกสะกดนี้..จะแปลกกว่าที่ผมเคยเห็นทั่วไปคือ..
    .....ผิวเรียบไม่เป็นเม็ดๆ..และมันวาวมากๆ(เหมือนกับ..ปรอทวิทยาศาตร์เลย)..ลื่น..มากๆเหมือน..เราเอาลูกแก้วไปชุบน้ำมัน..แล้วเอามือไปจับ..แบบนั้นเลยครับ...ส่วนยาวประมาณ ๒ ซม. ส่วนกว้างประมาณ ๑ ซม...ตัวลูกสะกดเองนั้น..ไม่มี
    คราบดำ..หรือ..คราบอะไรติดอยู่เลย
    ..ถ้าเอาหัวแม่มือ..ถูๆหน่อย..หัวแม่มือ..จะติดปรอทออกมาเป็นสีดำ..แต่ที่ตัวลูกสะกด
    ก็วาวเหมือนเดิม......
    ....แต่ผมสังเกตที่เอวพ่อ..ก็แปลก..ไม่เห็นจะดำ....
    ............และยืนยันว่า..พ่อไม่เคยป่วย..หรือ..เวลาตรวจร่างกาย..ตรวจเลือด..ก็ไม่เคยพบ..สารปรอท..อยู่ในร่างกาย...ก็อยู่มาเลย ๘ รอบไปแล้ว...
    .....ผมจึงเชื่อว่า..ถ้าทำถูกต้อง..พิษปรอท..จะถูกฆ่าได้จริงๆ..เรื่องว่า..
    ...จะต้องใช้..มนต์คาถามาประกอบด้วย..รึเปล่า..ก้ไม่ทราบได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2013
  7. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    ขอบคุณพี่ modpong มากๆค่ะที่ให้ความรู้ เมื่อเช้าตื่นมาคิดว่ามาถามในนี้คงไม่เหมาะ เพราะเป็นกระทู้เรื่องเล่าประสบการณ์กะว่าจะมาลบ อิอิ ลบไม่ทันแล้วค่ะ

    ตอนนี้ปรอทขาวที่ด้านบนแข็งและไม่เปลี่ยนรูปแล้วค่ะ แต่ถ้ามือบี้ๆปรอทจะแตก เราก็เอาปรอทน้ำเทใส่ ปรอทจะกลับมาเหลวเหมือนเดิม แล้วเริ่มให้กินทองคำเปลว จะค่อยๆ set ตัวเองกลับมาแข็งเหมือนเดิมค่ะ

    ส่วนวิธีการใช้ น้องใช้ใส่มือนั่งสมาธิ ปรอทจะนำเราเข้าสมาธิได้เร็วและลึก สามารถสื่อสารกับปรอทได้ ฟังแล้วดูเหมือนนิยายค่ะ เพราะมีหลายอย่างที่ต้องรอเวลาพิสูจน์ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2013
  8. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ....
    ...อ้าวจะลบ..ทำไม..นี่แหละ..ประสพการณ์เรื่องเล่า..ชัดเจน..ไอ้คนไม่มีประสพการณ์จริง..เอาขี้ปากชาวบ้านมาเล่าในห้องนี้..เยอะแยะ..เขายังไม่เดือดร้อน..มีคนชื่นชม..เยอะแยะ..อย่างของ..น้องณี(..ขอพี่..เรียกสั้นๆแล้วกัน..เวลาเขียนชื่อเต็มมันยาว..แล้วคอยจะเขียนผิด..เรียก..พี่ว่า..พี่มด..ก็พอ..แล้ว..ไม่ต้องเต็มยศ..เอาง่ายๆ..พี่มันคนง่ายๆ)..เรียนรู้จริง..ทำจริง..นี่ซิน่ายกย่อง..อ่านเรื่องพี่ไป..ถึงซักช่วงกลางๆ..พี่ก็เริ่มสอน..
    ทำโน่นทำนี่..เยอะแยะ...นี่แหละ..ของจริง....
    .................................................
    (....กระทู้ของผม..ไม่สนับสนุนคนที่..เอาขี้ปากชาวบ้านมาเล่าเป็นประสพการณ์ตัวเองครับ..
    ......ขอเชิญ..ไปกระทู้อื่น.....)
    .................................................
    ....พี่ว่า..ดีครับ..ทดลองไปเรื่อยๆ..หาข้อบกพร่องของตัวเอง..
    ..แล้วค่อยๆวิเคราะห์..แล้วแก้ไข..ลองใหม่..วนไปวนมา..แบบนี้แหละ
    ....เดี๋ยว..ก็จะได้ผลลัพท์ที่พอใจ..สู้..สู้..(เอ๊ะ..มันออกแนวเกาหลี..ยังไงไม่ทราบ..ไหลไปเอง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2013
  9. โอ ท่าซุง

    โอ ท่าซุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,291
    ค่าพลัง:
    +8,435
    ติดตามอ่านทุกโพสต์ ชอบทุกๆเรื่องราวมากครับ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ที่หาอ่านที่ไหนไม่ได้ ขอบคุณคุณอาและคุณพรหมณี ที่นำมาเล่าให้อ่านครับ ขอให้เล่าต่อๆไปนะครับ...
     
  10. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..................
    .....................
    ..โอ้โห..หายไปนานเลย..โอ..ขอบคุณที่ยังติดตามผลงานของผม....
    .....................................
    ....ต่อจากตอนที่แล้ว......
    ...................................
    ..........................................................................
    .....ใครๆ..ก็ทราบว่าท่านนะ..สนิทกับ..ร.๔ ขนาดไหน..ด้วยการนิมนต์ท่าน..เข้าไปพูดคุย..ถึง
    ในพระราชวัง..อยู่เป็นประจำ..ข้าราชบริพารใกล้ชิด..ก็ยังมาเล่ากันในหมู่..รวมถึง...ข้าราชการ
    ชั้นผู้ใหญ่..ตลอดจนพระสงฆ์ชั้นสมเด็จ..ลงมาถึงพระราชาคณะต่างๆ..ทั้งธรรมยุติฯและ..
    มหานิกาย....ว่า..นอกจากท่านจะไม่เกรงกลัว ร.๔ แล้ว..ท่านก็ยังสามารถเถียงกับ ร.๔ ได้ด้วย
    นอกจาก..ร.๔..จะไม่ว่าอะไร..ก็ยังสำราญพระราชหฤทัย..และพระราชทานของ..ให้กับท่าน..
    และ..ทำนุบำรุง..วัดระฆังอย่างดี..ซึ่งแสดงว่าท่านมีวิธีการและด้วยบารมี..ที่สูงส่งที่จะสนทนา
    กับ ร.๔ ผิดจาก..หลวงปู่รอด วัดโคนอน อาจารย์หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง...ที่ต้องอาญา..โดนถอด
    สมณศักดิ์ด้วย...ซึ่งเป็นเรื่องที่โด่งดัง..ทำให้พระภิกษุชั้นผู้ใหญ่ทุกรูป..เกรงกลัว ร.๔......
    .....แค่นี้..ก็เพียงพอ..สำหรับ..การที่ท่านโด่งดัง..จากระดับบนสุด...และจากสื่อ..ปากต่อปาก..
    ..จากข้าราชบริพาร..ไปสู่ชาวบ้าน..จากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ลงมาผู้น้อย..และไปถึงชาวบ้าน
    ..จากพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ลงมาถึงพระครู..แล้วก็ต่อไป..ชาวบ้าน.....
    ...............สื่อปากต่อปาก...ก็เพียงพอแล้วที่..จะทำให้ท่านดัง..ไปทั่วเขตแดน..อย่าลืมว่าบางกอก
    ..เป็นศูนย์กลางทุกอย่าง..ข้าราชการ..พระสงฆ์..ชาวบ้าน..พ่อค้าคหบดี..ต่างๆเมือง..ที่ต้องเข้ามา
    ติดต่อ..หรือ..ทำธุระ..ในบางกอก..ก้ได้รับทราบจากสื่อ..ปากต่อปากนี้แหละ..แล้วก็เอาไปแพร่
    ในถิ่นของตน...เห็นมั้ยครับว่า...ไม่ต้องใช้สื่อสิ่งพิมพ์..ทีวี..หรือ..เน็ต..ใดๆ..ทั้งสิ้น....
    ...........นี่ผมจึงเรียกว่า..ดังจาก...บน..ลง..ไปสู่ล่าง...(...แล้วจะมีอีกท่าน..ที่เริ่มจาก ล่างขึ้นบน
    ..แล้ว..ต่อมาเป็น..จาก..บนลง..ล่าง..ด้วยสื่อ ปากต่อ..ปากเช่นกัน..)......
    ..................แล้ว..จากล่าง..ขึ้นบน..ละ...ก็ท่านก็..ไม่ใช่แบบดังแล้วหยิ่ง..ท่านเคยทำตัวยังไง
    ...ท่านก้ไม่เคยเปลี่ยน..คือ..เป็นกันเองกับชาวบ้าน..ตั้งแต่ยังไม่เป็น..สมเด็จ..จนเป็น..สมเด็จแล้ว
    ก็เหอะ..แล้วการที่ท่านติดดิน..นี่ท่านก็สามารถ..แสดงคุณวิเศษ..ในตัวเอง..ได้เต็มที่...
    .....ก็คือ..การแจกพระ..ของท่าน...เนื่องจากท่านเป็นพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ที่..ไปบิณฑบาตเอง..
    (...ชั้นสมเด็จบิณฑบาทเองโดยตลอด..ท่านเคยทราบว่า..มีองค์ไหนอื่นใด..ในยุคหลังนี้ที่ทำแบบนี้
    บ้างมั้ย..)...และ..ท่านต้องเข้าพระราชวัง..อยู่บ่อย..หรือ..ต้องไปโน่นมานี่..มากกว่า..สงฆ์ท่านอื่น
    ...เวลาท่านทำพระแจก...ท่านก็ไม่เลือกที่จะแจกหรอกครับ..ผมว่า..ข้าราชบริพาร..ที่รับส่งท่าน
    เข้าวัง..ข้าราชการต่างๆ..เจ้าสัว..คหบดี..ที่มาวัดทำบุญกับท่าน..ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่..ที่ได้พบท่าน
    ในพระราชวัง...ก็..คงได้รับแจก..พระท่านไปด้วย..แต่นี่คือ..ส่วนน้อย..เมื่อเทียบกับ..ชาวบ้าน
    ธรรมดา..ที่..มาหาท่านที่วัด...ชาวบ้านตลอดเสันทางบิณฑบาตของท่าน..ทั้งสองฝั่งเจ้าพระยา
    ..และเลยเข้าไปในคลองโอ่งอ่าง(คลองบางลำภู)....ตลอดเส้นทาง..ที่มีจำนวนมากกว่ามาก....
    (..จะเห็นได้ว่า..การแจกพระ..ของท่าน..สามารถกระจายออกไป..ในพื้นที่ได้กว้างกว่า...
    พระภิกษุองค์ไหนๆ...จึงไม่ต้องแปลกใจว่า..ทำไมท่านจึงโด่งดังทั่วเมือง)
    ......เมื่อติดตัวเอาไปใช้..หรือ..บูชาใช้ที่บ้าน...แล้วเกิด..คุณวิเศษ...การสื่อโดยปากต่อปาก..ก็
    เพียงพอแล้ว..ชาวบ้านเซ็งแซ่ถึงคุณวิเศษท่าน..ข้าราชการปกครองที่อาจแค่เคยได้ยินชื่อเสียงท่าน
    มาบ้าง..แต่ไม่เคยสัมผัสรับรู้..ก็พลอยได้รับทราบเรื่องราวไปด้วย..เมื่อปากต่อปากจากชั้นล่าง
    ..ก็..จะขยับขึ้นบนเองเป็นธรรมชาติ..แต่..คราวนี้..ไม่ใช่แค่รับทราบว่า..ท่านเก่งที่คุย..กับ ร.๔ ได้
    สบายเท่านั้น..คุณวิเศษด้านของขลัง..ท่านก็เข้ามาสู่สมองด้วย.....
    .........แล้วก้เหมือนเดิม..ในบางกอก..มีอะไรเป็นที่โจษจรรย์..มันก็จะกระจายตามหัวเมืองด้วย..
    ............นี่ไงครับ...จากล่าง..ขึ้นบน...เรียกว่า..ดับเบิ้ลแอ็คชั่น...
    .....................ต่อตอนหน้าครับ.............


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2013
  11. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    ขอบคุณค่ะพี่มดที่ให้กำลังใจ ตอนนี้อ่านถึงหน้า 88 แล้วค่ะ
     
  12. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ตามเรื่อย ๆ เหมือนกันครับอ้ายมด
    แต่อาจไม่ได้โพสคือเพิ่นครับ
     
  13. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .....พอดี..พี่กลับไปดูภาพปรอทที่มือ..น้องณีอีกที..นึกขึ้นได้..
    .....ปรอท..ที่น้องณีทำนี่..ยังแปรรูปได้อีก..ยังไม่แข็งตัวเป๊ก..ยังกลับไปนิ่ม..ได้อีก..พี่ว่าตามหลักการนี่..แสดงว่า..พิษของมันยังไม่ได้..ถูกฆ่าหมด..ดังนั้น..เมื่อสัมผัสผิว..ที่ฝ่ามือ..หรือ..นิ้ว..ที่มีรูเหงื่ออยู่ด้วย..
    ...มันก็อาจจะแทรกเข้าไปข้างใน..ได้ง่าย..ดังนั้น..เมื่อพิษของมันยังไม่หมดดี..ก็อาจเป็น..อันตรายต่อร่างกายได้..พี่ว่า..น้องณีสวมถูงมือ..แบบหมอผ่าตัด..เวลาสัมผัสปรอท..น่าจะปลอดภัย..กว่านะ..พี่เป็นห่วงจริงๆ
     
  14. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    ขอบคุณค่ะพี่มดที่เตือน งวดหน้าคงต้องใส่ถุงมือแล้วค่ะ ปรกติเวลานั่งสมาธิก็จะเอาวางไว้ที่ฝ่ามือตลอด ไม่ทราบว่าโดนพิษปรอทมั่งหรือเปล่า สงสัยต้องถือทั้งผอบแล้วค่ะ
     
  15. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..........
    ....ต่อจากตอนที่แล้ว.....
    ..............................
    ..................................................................
    .....เรียกว่า..ตั้งแต่ยุคท่านแล้ว..ที่พระเครื่อง..แพร่หลายไปใน..คนทุกชนชั้น..แม้แต่
    สังคม..ชั้นบน..อย่างข้าราชการชั้นผู้ใหญ่..ถึงชั้นกลางๆ..เจ้านายชั้นรองๆ..เจ้าสัว..คหบดี..
    ..ที่เคยแต่สนใจ..พระพุทธรูป..และสร้างสังคมของผู้นิยมพระพุทธรูป..อย่างที่ผมเคยเล่าไปแล้ว
    ...ก้ยังต้องมาสนใจ..พระเครื่องของท่าน..และด้วยท่านทำออกมาแจกเรื่อยๆ..และมีหลายพิมพ์
    ...จึงเริ่มมีการสะสม..และ..แลกเปลี่ยนกัน..ตั้งแต่ยุคนั้นเลย..เรียกว่า..ต้องออกแรงไปหา..ไป
    แลก..เพื่อจะเอามาอวดกัน..และเผื่อไว้แลกกับ..คนอื่น..ที่เขามีพิมพ์มีตัวเองยังไม่มี....
    ...สังคมพระเครื่อง..ที่มีการเล่นแบบแลกเปลี่ยนกัน..ก็เลยเกิดขึ้นในสังคมชั้นบน..ขึ้นก่อน
    ...............เมื่อท่านดัง..ในด้านนี้..เป็นที่ประจักษ์ไปทั่ว...เมื่อมีคนซักคนนึกอย่างสร้างพระ..
    เพื่อสืบทอดศาสนา..อย่าง..เสมียนตราด้วง..ก็แน่นอน..พระที่อยากจะให้มาปลุกพระเครื่อง
    ของตน..ก็ต้องเป้นผู้มีคุณวิเศษกว่าใคร...ซึ่งมันก็ต้องเป็นไป..ตามเหตุ..ตามผล.....
    ...เพราะ..เป็นที่นับถือ..และ..ประจักษ์ในคุณวิเศษ..ยิ่งกว่า..ใครในตอนนั้น..ก็ไม่พ้นท่าน...
    .....การสร้าง..และ..ปลุกเสก..ก็เป็นอันเอิกเกริก..เสมียนตราด้วง..ก็เป็นข้าราชการ...ผู้ใหญ่
    เพื่อนๆ..ญาติโยม..ก็ต้องมาร่วมงานบุญ..ที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว...อีกทั้งชาวบ้าน..ละแวก..บางขุน
    พรหม..เทเวศม์..บางลำภู..รวมถึง..ที่อื่นที่ได้ทราบข่าวปากต่อปาก..ก็ต้องอยากมาร่วม...
    ..ถ้ามาได้...เพราะเมื่อพระอย่างท่านมาสร้างบุญ..คนที่มาร่วม..ก็คงต้องได้อาณิสงฆ์ไปด้วย
    .....และ..คนที่มาร่วม..และ..รู้ข่าวรุ่นนี้...และอยู่จนถึง...ร.ศ ๑๑๒ หลายคน..ก็จะเป็นคนสร้าง
    ประวัติศาสตร์..ในวงการพระเครื่อง...ในกาลต่อมา..ซึ่งผมจะเล่าถึงภายหลัง.........
    ...............แล้วก็มี..พระสงฆ์อีกรูป...ที่ดัง..จากล่างขึ้นบน..และ..จากบนลงล่าง..อีกรูป.....
    ปรากฎ..ขึ้นมา..แม้จะไม่เท่าสมเด็จโต...แต่ก็..สร้างปรากฏการณ์..ให้คนบางกอก..และ..
    ภาคกลาง..ได้ทราบถึง...คุณวิเศษที่ยอดเยี่ยม..ได้..เรียกว่า..พระบ้านนอกธรรมดาๆ..องค์หนึ่ง
    ...ก็ดังได้..ในยุครัชกาลที่๕ ตอนต้น...........
    .....เราจะคุ้นในรูปแบบที่ว่า.....สถานการณ์..สร้าง..วีรบุรุษ..ฉันใด..ฉันนั้น..............
    ................นั่นคือ.หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ภูเก็ต...ด้วยเหตุการณ์..ปราบกบฏอั่งยี่ปี ๒๔๑๙..
    ...ผมจะไม่เล่าเรื่องนี้..เพราะทุกท่านทราบดี...ตอนนั้น..คนทั่วๆไปในบางกอก..จะไม่ทราบ
    ..มีแต่..ในพระราชวัง..และ..กรมกองทหาร..ในบางกอก...เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ไกลมาก...
    ....การแจ้งข่าว..ก็ส่งมาโดยตรง....ในหลวงรัชกาลที่๕..ที่เพิ่งเข้ามาบริหาร..ประเทศ..ได้
    ไม่กี่ปี..และยังหนุ่มมาก (..ก่อนหน้า สมด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์(ช่วง บุนนาค)..
    ทำหน้าที่เป็น..ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์..จนถึงปี ๒๔๑๖ ร.๕ อายุ ๒๐ บริบูรณ์..จึง
    ถวายราชการกลับคืนให้บริหารต่อไป)..ทรงพอพระราชหฤทัยมาก..และ..พระราชทานของ
    ..และ..สมณศักดิ์..ถวายต่อ..หลวงพ่อแช่ม...เรื่องนี้..จึงเป็นที่โจษจรรย์..จากระดับบนสุด
    ..ปากต่อปาก..ต่อลงมาถึง..คนชั้นล่าง..และชาวบ้าน..พระสงฆ์..ทั่วๆไป..ว่า..หลวงพ่อแช่ม
    ..ท่านเก่งจริง...
    ..............................ต่อตอนหน้าครับ................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2013
  16. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    อ่านบทความของพี่มดเพลิดเพลินเสาร์-อาทิตย์เลยค่ะ คลังความรู้จริงๆ อ่านถึงหน้า 94 เห็นคุณ teera-chang อ้างถึงเราเรื่องแท่งผงหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ด้วยค่ะ...ได้รับมาจริงเท่าหัวก้านไม้ขีด โทรไปขอท่าน ประโยคแรกท่านตอบว่า "ไม่ให้ ไม่ได้ๆ ของมีน้อย" ตอนหลังบอกว่าจะนำไปสร้างพระกริ่งสมปรารถนา ท่านเลยเหลามาให้จิ๊ดนึง ท่านบอกว่าจิ๊ดนึงก็พอแล้ว.....กำชับนักหนาห้ามเอาไปทาตัวผู้ชายเดี๋ยวเขาหลง จะเป็นกรรมกัน...อิอิ

    พอดีอ่านถึงเรื่องพระปิดตาหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ พอดีแฟนคลับให้มาเพราะดูดวงให้เขาประจำค่ะ แต่ไม่เคยปักใจเชื่อว่าจะเป็นของจริงได้...ก็เลยโทรไปถามอาจารย์หมอที่คุณ teera-chang กล่าวถึง ท่านก็เลยซื้อหนังสือพระเครื่องของอาจารย์ประชุม กาญจนวัฒน์ส่งมาให้ 2 เล่ม มาให้ศึกษาไปเรื่อยๆค่ะ ด้วยความมึนงง สงสัยและลังเล เลยตัดสินใจนำพระหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ไปถ่ายภาพออร่า ออกมาสวยงามมากค่ะ...ในใจคิดว่ากล้องเกอร์เลียนแปรผลออกมาแบบนี้คงเป็นของจริง แต่อาจจะเป็นของอาจารย์ท่านอื่นมาทำเลียนแบบทีหลัง แต่ใส่ผงหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ลงไปก็เป็นได้ เลยเอาภาพมาให้พี่มดลองชมดูค่ะ ช่วยออกความเห็นแบบเต็มที่เลยนะพี่ คือน้องยังไร้เดียงสาเรื่องพระมีระดับอยู่ค่ะ พระขี้เหร่แบบสุดๆค่ะ จะทิ้งก็ลังเล ให้ใครก็ไม่ได้ ถ่ายภาพออกมาได้แบบนี้แล้ว[/B]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933


    ...........
    ....บอกตรงๆว่า..พี่ดูจากภาพไม่ได้..หรอก..แล้วตัวเนื้อนะพี่ก็ดูไม่เป็น...
    ..แต่รักนี่ฟันธงได้..แต่ต้องเห็นของจริง..ดูจากภาพมันมีeFFect..จากนานาประการ..ดูแล้วพลาดได้ก็เลย..ไม่ดูให้ใคร..
    ...แต่จำไว้อย่าง..ถ้าใครผู้สร้าง..จะใส่ผงหลวงพ่อลงไปด้วย..เจตนา..เขาก็คงไม่ทำเลียนแบบ..เขาก็ต้องทำให้มีจุดต่างเพื่อความบริสุทธิ์ใจ...ถ้าของเลียนแบบ..ก็ไม่มีใครเขาใส่กัน..เก็บไว้ใช้กับตัวเองดีกว่า..หายากจะตาย
    ....อีกอย่างคือ..คิดจะทำของเลียนแบบ..เขาไม่คำนึงเรื่องมาจับพลังหรอก
    ......พยายามทำให้เหมือนที่สุดดีกว่า.......
    ....สีออร่า..นี่สวยดีนะ...ขยายเอาไปติดฝาผนัง..เป็นภาพ abstract ได้เลย.....
     
  18. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ............
    ...ต่อจากตอนที่แล้ว....
    ..........................
    ..............................................................
    ...ดังนั้น..ท่านที่เข้าใจผิดว่า...หลวงปู่ทวด..เป็นพระภิกษุปักษ์ใต้ที่..โด่งดัง..ในยุครัตนโกสินทร์
    ..ในส่วนกลาง..มาก่อน..ก็เข้าใจใหม่ซะ..ว่า..ไม่ใช่ครับ..ถ้าที่ภาคใต้นะใช่...แต่ถ้าพระนคร..
    และ..จังหวัดใกล้เคียง..หลวงพ่อแช่มครับ..ดังมาก่อนหน้า..นานมาก...คนพระนคร..และใกล้
    เคียง..มารู้จักหลวงพ่อทวดเอา..เมื่อ..หลัง ๒๔๙๗ แล้ว..ก็เพราะ..ความศักดิ์สิทธิ์..พระเครื่อง
    นำมาก่อน..............
    ........แต่สำหรับ..หลวงพ่อแช่ม..ในตอนนั้น..คนพระนครและใกล้เคียง..ที่ได้รับทราบเรื่อง
    ..จะมีโอกาศ..ไปกราบนั้นยากครับ..เพราะ..ถนนเพชรเกษม..ทางรถไฟ..ยังไม่เกิด..ทั้งสิ้น
    ....คนที่ได้ไปกราบท่าน..และ..ขอของขลังได้..นอกจาก..คนภูเก็ตเอง..ก็มีแต่จังหวัดใกล้เคียง
    ..อย่าง..พังงงา..กระบี่..ตรัง..เป็นต้น..รวมทั้ง..เกาะปีนัง(..เพราะ..มีเรือโดยสารวิ่งเชื่อม..ระหว่าง
    ๒ เกาะ ..ตอนนั้นปีนัง..เป็นของไทย..นะครับ)..ของท่านที่ขึ้นชื่อลือชา..ก็คือ..ผ้าประเจียด..
    ..แต่ผมว่า..ท่านก็คงทำ..พวกตะกรุดด้วย.......
    .............ผมจำได้ว่า..แม่ผมเล่าให้ฟังว่า(..แม่ผมเป็นคนท้ายเหมือง พังงา..ช่วงเด็กๆ..ก็ไปอยู่ทั้ง
    ที่ภูเก็ต..และพังงา..ไปๆมา..ญาติที่ภูเก็ตก็มีมาก..)..ท่านเคยเห็น..ญาติผู้ใหญ่ท่านเอา..ผ้าประเจียด
    ..หลวงพ่อแช่ม..ในยุคปราบกบฎอั่งยี่..มาให้ดู..เป็นผ้าสีขาว....
    .......จากการ..ที่ท่านดังเป็นพลุด้วยเหตุการณ์..เดียว..และอยู่ไกล...เครื่องรางท่านมีโอกาศมาสร้าง
    ชื่อเสียงในเมืองหลวงน้อยมาก..เมื่อเปรียบกับ..สมเด็จโต..แล้วต่างกันชัดเจน...คนเมืองหลวง
    สัมผัส..กับท่านตลอด..และดังต่อเนื่อง..เป็นกล่าวขานถึง..เป็นเวลานานเป็นสิบๆปี.....
    .....เรื่องราว..ความศักดิ์สิทธิ์ท่าน..จึงไม่มีใครลืม..และเล่าขาน..ต่อมาถึงลูกหลาน..รวมถึง...
    พระของท่าน..ก็ตกทอดต่อมา...แม้ท่านจะเสียไป..ในต้นยุครัชกาลที่๕ ก็ตาม...ชื่อเสียง
    เกียรติคุณ..และของๆท่าน..ก็ยังกล่าวถึง..ต่อมา...แม้จะมีบางท่าน..จะมีชื่อเสียงขึ้นมา..บ้าง
    ..แต่..ก็เทียบกันไม่ได้......แล้วประวัติศาสตร์..วงการพระเครื่อง..เพราะเกิดวิกฤตการณ์....
    ..................นั่นคือ..เมื่อปี ๒๔๓๖...ที่เราเรียกกันว่า..วิกฤต ร.ศ. ๑๑๒ นั่นเอง..
    .......ผมก็ไม่เล่าอีกเหมือนกัน..ไปหาอ่านรายละเอียดเอาเอง....ที่เรือรบฝรั่งเศษ..เข้ามาถึง
    ...พระบรมมหาราชวัง..เอาปืนใหญ่เรือ..ขู่ไทย........กลางเดือน กรกฎาคม
    ..............ผมสอบถาม..คนเก่า..ก็จะพูดเหมือนกันว่า..พ่อแม่..จะเล่าให้ฟังว่า..คนเมืองหลวง
    และ..ใกล้เคียง..ทั้ง.งปากน้ำ..และ...เมืองนนท์..หวดกลัวกันมาก..ตกใจ..เรียกว่า..ตั้งแต่..เรือ
    เริ่มเข้าเจ้าพระมาจากทางปากน้ำ...คนที่นั่นก็..อลหม่าน..สับสนแล้ว....เพราะมีการยิงปืนใหญ่
    จากป้อมพระจุลฯ..หลายนัดเพื่อจะหยุดเรือฝรั่งเศษให้ได้..........ส่วนเรือศัตรูก็ยิงตอบโต้
    ...คิดดูว่า..เสียงมันจะดังก้องไปไกลขนาดไหน..ผู้คนก็นึกว่ามีสงครามแล้วสื่อปากต่อปาก..ก็แพร่
    ไปอย่างรวดเร็ว...โดยไม่ต้องรอว่า..ในหลวงจะว่ายังไง..เนื่องจากเรือลำใหญ่..และแล่นไม่เร็ว
    ..ดังนั้น..คนทั้งฝั่งธนฯ..และ..ฝั่งพระนคร..ที่อยู่ริมเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง..ก็เห็นกันได้ชัดเจน..
    ตลอดเส้นทาง...แล้วเสียงปืนใหญ่ยิงตอบโต้กัน..นี่แม้คนฝํ่งพระนคร..และฝั่งธนฯ..ที่อยู่ใกล้
    แม่น้ำ..เจ้าพระยา..ก็ได้ยินกัน..เพราะ..แม่น้ำกว้าง..เสียงเดินทางโดยไม่ติดอะไร...แล้ว
    คิดดูว่า..ไอ้เรือปืนฝรั่งเศษ ๒ ลำ..มันมาจอดทอดสมอ..ที่ใกล้ๆสถานทูตฝรั่งเศษ...แล้วก็อยู่
    เพื่อขู่ไทย..จนกว่าไทยจะยอมเซ็นสัญญายกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้มัน..เข้าไปถึงต้นเดือน
    ตุลาคม..ระยะเวลาที่..ทำให้คนเมืองหลวงขวัญหนีดีฝ่อ..ตั้งร่วมจะสามเดือน....
    .....เวลาขนาดนี้..ข่าวที่แพร่ไป..อย่าว่า..แต่เมืองหลวงและใกล้เคียง..มันกระจายไปทั่วประเทศ
    ครับ...คนไทยต้องหวาดกลัว..ว่าไอ้พวกฝรั่งเศษ..มันจะเข้ามารบ..และยึดครอง..เมืองไทย...
    ...........ชาวบ้านทั่วๆไป..แน่นอน..กลัวฝรั่งอยู่แล้ว..เพราะรู้ว่าขนาด..พม่าว่าเก่งๆ..ยังโดน
    อังกฤษ..เข้ายึดเมือง.......ความคิดคนทั่วๆไป..อย่างหนึ่งคือ..หาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มครองตัวเอง
    ....ถึงแม้..จะมีของ..แถวบ้านอยู่..แต่ใครๆก็อยากมั่นใจ.....
    ......................ต้องเข้าใจ..ว่าตั้งแต่ต้นยุคธนบุรี..มาต่อ..รัตนโกสินทร์...มันก็มีการขโมยขุดกรุ
    กันแล้ว..แต่..เจตนาโดยหลักคือ..ของมีค่า..เช่น..ทองคำ..แก้วแหวนเงินทอง..เครื่องประดับ
    ..รวมถึง..อะรก็ได้ที่เป็นทอง..อย่างพระพุทธรูปทองคำ..ขัน..ชาม..อะไรทำนองนี้......
    ......................ต่อตอนหน้าครับ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2013
  19. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    ขอบคุณค่ะพี่มด ชัดเจนเลยค่ะ
     
  20. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .......
    ...ต่อจากตอนที่แล้ว.....
    ................................
    ............................................................
    ...ความจริงผมเคยเล่า..เรื่องสาเหตุของการแตกกรุของพระ..ไปบ้างแล้ว..ในตอนเก่าๆ..
    ....แต่เนื่องจากต้องมาประกอบเรื่อง..ก็เลยต้องมาขอเล่าใหม่..แต่ไม่เหมือนเดิม..แน่ๆ
    ..เพราะรายละเอียดวิธีเล่าจะต่างไป..แต่เนื้อหาก็ทำนองเดิมครับ......
    ......สิ่งนอกเหนือ..จากสมบัติ..ที่อยู่ในกรุ..ก็คือ..พระเครื่อง..บางกรุ..ไม่มีสมบัติ..มีแต่พระ
    ...พวกคนขุดยุคโน้น..ก็เลิกขุดต่อเลย..แต่พระเครื่องนั้น..ก็คงติดมือมาบ้าง..เอาไปไว้
    ในบ้าน..หรืออาจเอาติดตัวไป..แต่ขายใครไม่ได้หรอกครับ..เพราะวัฒนธรรมยุคก่อนนั้น
    เคร่งครัด..สำหรับชาวบ้านธรรมดา..ไม่มีใครไปอยากได้ของในกรุ..เพราะกลัวบาป..
    ..แต่โจร..หรือ..ขโมย...เรื่องบาปไม่อยู่ในสมองอยู่แล้ว......ผมเข้าใจว่า..ถ้าพกติดตัวไป
    แล้วเกิด..ประสพการณ์ดี..ก็อาจแบ่งให้..เพื่อนสนิท..หรือ..ญาติบ้าง..แต่พระเกือบทั้ง
    หมด..ก็อยู่ในกรุ..เพราะไม่รู้จะเอาไปทำอะไร..เก็บไว้ให้รกเปล่าๆ...ส่วนใหญ่..ในภาคกลาง
    จะโดนเยอะ..กว่าเขา..แต่เนื่องจากวัดร้าง..หรือ..เกือบร้างนั้นจะรก....คนไม่สังเกตก็จะไม่รู้
    ว่าโดนขโมยขุดกรุไปบ้างแล้ว..........
    .....................................................................
    ....เมื่อเกือบทุกคน..อยากหาของไว้ป้องกันตัว..ในช่วง ร.ศ. ๑๑๒ นั้น..ที่ผมเล่ามาแล้ว...
    ....สำหรับใกล้พระนคร..วัดเก่าๆ..สมัยอยุธยา..มีเยอะ..บางวัดก็ร้าง...ชาวบ้านก็เลยเริ่ม..
    หาพระเครื่อง..โดยการขุดกรุกัน...ก็อย่างว่า..ก็คงเอาไป..เท่าที่จำเป็น..ญาติสนิท..มิตรสหาย
    ยังไม่มีใคร..คิดเรื่องอื่น..เอาไว้ป้องกันตัวเป็นหลัก..พระที่ถูกขุดไปบ้าง..แต่ส่วนใหย่ก็ยังเหลือ
    ..อยู่ในกรุ..ส่วนใหญ่..ที่ได้กัน..ก็จะเป็นพระโคนสมอ..ซะมาก..เพราะเป็นคตินิยม..ในสมัยอยุธยา
    ..ที่จะทำบรรจุในกรุ..........
    .....สำหรับต่างจังหวัด..ห่างออกไปนี่แหละ..ไม่ว่าอยุธยา..สุพรรณ ชัยนาท..นครสวรรค์..กำแพงเพชร
    สุโขทัย..พิจิตร..พิษณุโลก..ลำพูน..หรือ..เชียงใหม่เอง..รวมทั้ง..ลพบุรี..ราชบุรี...ชาวบ้านก็เริ่มขุด..
    พระที่อยู่ในกรุตามเจดีย์เก่ากันออกมา...แต่อย่างว่า..ครับ..ก็แค่เพียงเล็กน้อย...เท่าที่จำเป็น..
    ...แต่มันก็เป็นจุดเริ่ม..ที่..พระกรุหลักๆที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน..เริ่มปรากฎโฉม..ให่คนรู้จักกัน
    ..ถึงแม้..จะท้องถิ่นใคร..ท้องถิ่นมันก็เหอะ...แม้เหตุการณ์จบไปแล้ว..คนที่พกพระกรุเหล่านี้
    เมื่อพระกรุไหน..มีประสพการณ์ดี..มันก็เริ่มปากต่อปาก..กันไปอีก..เกิดความนิยม..อยากได้กัน
    ไว้ใช้บ้าง....
    ....อย่าว่าแต่..ชาวบ้านพวกข้าราชการหัวเมือง..หรือ..คหบดี..ต่างๆ..ก็เป็นคนช่วยหนุนด้วย
    ..เพราะกลัวตายเหมือนกัน..คนรุ่นเก่าเล่ากันมาว่า..เมื่อพวกนี้..ทราบข่าว..ว่ามีการขุดกรุ..
    หาพระไว้คุ้มครอง..ก็ไปสืบข่าวกันว่า..พระกรุไหน..ที่เขาลือกันว่าดี..ก็ให้ลูกน้องไปหามา
    ให้..บางที..ก็ต้องมีสินน้ำใจแก่..เจ้าของพระ..และให้กับลูกน้องด้วย..ธุรกิจ..ก็..เริ่มต้นขึ้น..
    ...........และเรื่องแบบนี้..มันจะเกิดแค่..หัวเมืองที่ไหนละ...มันเป็นกลไก..ที่มาเกิดที่..เมืองหลวง
    เช่นกัน..เพราะที่เมืองหลวงก็มี..พระกรุ..แล้วกรุนี้..ก็มีคนรู้จักไม่น้อย..แถมมั่นใจได้ว่า....
    ศักดิ์สิทธิ์แน่...เพราะรู้จักว่า..ผู้ปลุกเสกเก่งขนาดไหน.....
    .....กลับมาใน..เขตพระนคร..และ..ฝั่งธนฯ..อย่างที่ผมเล่าไปก่อนหน้า...คนที่อยากได้พระไว้
    คุ้มครอง..ก็ต้องคิดว่าเอาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดไว้ก่อน...แล้วเขาจะนึกถึง..ใครถ้าไม่ใช่..สมเด็จโต
    แต่ท่านก็เสียไปประมาณ ๒๐ ปีแล้ว...พระของท่าน..ทุกคนก็หวง..เพราะไม่มีอีกแล้ว..ก็ต้อง
    เอาไว้ใช้เอง...คราวนี้..พวกที่อยากได้จะทำยังไง....อย่าลืม..ว่า..เหตุการณ์การบรรจุกรุ..
    ของพระของท่าน..ที่วัดบางขุนพรหม..นั้นไม่นานมาก..ก็ก่อนท่านเสียแค่..ปี..สองปีเอง...
    ผู้ที่ทราบเรื่อง..และอยู่ในวันนั้น...ส่วนใหญ่..ก็คงยังอยู่กัน..(อย่างพวกที่หนุ่มๆ..หรือ..แค่
    วัยกลางคน...เพราะเวลาผ่านไปแค่ประมาณเกือบ ๒๐ ปีเอง )
    ....ดังนั้น...วัดบางขุนพรหม..จึงเป็นที่หมายสำคัญ....
    ......แล้วมันมี..ข้อสังเกต..สำคัญอย่างนึง...ผมจะเล่าในตอนหน้า.........
    .....................ต่อตอนหน้าครับ.......................
     

แชร์หน้านี้

Loading...