ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.

  1. SpringDove

    SpringDove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,488
    ค่าพลัง:
    +4,807
    สวัสดีค่ะคุณลุง ดีใจที่คุณลุงชอบภาพนี้ค่ะ ภาพนี้ชอบเพราะมีความหมายดี
    ห่างหายไปบ้างเพราะ ภาระหน้าที่เพิ่มขึ้นนิดหน่อยค่ะ
    นกเองก็ชอบศิลปะ และ ความเป็นนักรบที่แกร่งสมัยก่อนของ Native American มากเหมือนกัน
    ตนเองมารู้จักวัฒนธรรมของ อเมริกันอินเดียนตอนย้ายมาอยู่ที่นี่ค่ะ

    มีเรื่องเล่านะคะ
    เมื่อสิบปีที่แล้วที่ตนเอง ลงเครื่องที่สนามบิน SF ครั้งแรกที่เท้าแตะพื้นก็นึกภาวนาในใจว่า "เรามาดีนะ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องเราด้วย ขอให้เราทำหากินเจริญรุ่งเรือง เราจะไม่เอาเปรียบเจ้าของถิ่น เราจะแบ่งปันผู้ที่อยู่เก่าและใหม่" (ตนเองไม่ค่อยทราบเรื่องพิธีรีตองอะไรมาก นึกได้ก็คิดไปแค่นี้ ย้ายถิ่นมาก็มีทั้งความตื่นเต้น และ ความกลัวในเวลาเดียวกัน)

    พอมาถึงที่บ้านพ่อแม่ของ สามี ตนเองก็นึกในใจถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกเหมือนเดิม พ่อแม่สามีจัดให้พวกเราพักอยู่อาพาร์ตเมนท์ ซึ่งเป็นคนละหลังกับตัวบ้าน กลางคืนมาก็ฝันว่า มีผู้ชาย ตัวใหญ่ผิวแบบดำแดง มาทักว่า "มาทำไม" ถามแบบดุๆ ห้วนๆ แบบไม่มีอารมณ์ใดๆ แต่ในฝันตนเองก็รู้สึกกลัว ก็ตอบไปว่า "แต่งงาน ย้ายมาอยู่กับสามี" ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ว่าอะไรอีกสักคำ แต่มีผู้หญิงใส่ชุดขาวแบบในรูปนะคะ มาเหมือนตอนรับบอกให้นอนพัก จัดที่นอนให้ และ เอาน้ำมาให้ดื่ม ผู้หญิงคนนี้ก็จัดแจ้งให้นอน ห่มผ้าให้...ก็เป็นความฝันที่แปลกมากค่ะ เล่าให้สามีฟัง เค้าเลยบอกว่า ที่ดินแถวๆ นั้นเป็นที่อยู่คนอเมริกัน อินเดียนมาก่อน
    อยู่ที่อพาร์ทเมนต์นั้นก็จะมีฝันเห็นผู้หญิง หรือ เสียงผู้หญิง มาบอกอะไรแปลกๆ ประจำค่ะ (โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านค่ะ )
    หนึ่งปีผ่านไป ช่วงเทศกาล Thanksgiving ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงมาจากกำแพงด้านตะวันตกของห้องมาบอกว่า "เราอยู่ตรงนี้นะ อยากได้อะไรขอให้ขอพรกับเรานะ"....ก็เอาคำที่ผู้หญิงบอก มาพิจารณา ไม่รู้ว่าจะขอพรอะไร เลยนึกออกว่า สามี ส่งบัตรชิงโชค ที่ได้จากการเติมน้ำมัน จาก Indian Reservation ก็เลยขอท่า่นว่า "งั้นขอให้สามีเราโชคดีจากการชิงโชคนี้ด้วย"...หลังจากวัน Thanksgiving สามีตนเองก็โชคดีจริงๆ ค่ะ ได้รถตามรูปนี้มา และ เงินสดอีกจำนวนหนึ่งรวมแล้วเป็นมูลค่าประมาณ 6-7 ล้านบาทไทย...สิ่งเหล่านี้ที่ได้มาทำให้พวกเราตั้งตัวได้ค่ะ สามีไปเรียนต่อและตั้งหลักชีวิต

    ตนเองไม่แน่ใจนะคะว่าเสียงผู้หญิงเป็นเสียงใคร เพราะกำแพงด้านตะวันตกนั้นวางภาพพระแม่กวนอิมเอาไว้
    หลังจากนั้นก็เริ่มสังเกตเหมือนว่า เทพเทวดาผู้หญิงจะเมตตาตนเองมากๆ มีให้เห็นในฝัน ในรูปแบบต่างๆ บางทีก็ออกทางแขกอินเดีย แต่เทพผู้ชายไม่ค่อยให้เห็น แต่จะมีพลังที่ทำให้แค่รู้สึกว่าแกร่ง หรือ สู้ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องสู้ค่ะ
    ขอโทษค่ะ เล่าซะยาวcatt3
    โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านค่ะ หนังเรื่องนี้ฉายหลายรอบแล้ว อิอิ:cool::cool:
    http://palungjit.org/attachments/a.2601840/
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2013
  2. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..ขอบคุณมากที่มีเรื่องมาเล่าจากแดนไกล..ถึงฉายซ้ำที่อื่นแต่ลุงไม่เคยอ่าน..สนุกดี..วิญญาณ..ชั้นสูงก็มีทุกที่ละนะ..แล้วสูงมากๆก็ไปได้ทุกที่..ในโลก..เรายังโชคดี..ยังได้มีสัมผัส..พวกนี้..ลุงไม่มีเลย..ตั้งแต่เกิดมา..จนจะครบ..๖๐ อีกไม่นานนี้..เคยขอเจอผี..เจอ..วิญญาน..ก็ไม่เจอ..ตอนที่บวชอยู่..ที่วัดบางด้วนนอก..ไอ้ที่ขึ้นชื่อๆ..ขอเจอก็ไม่ได้เจอ..มาเจอเอง..แต่ไม่ใช่สัมผัสที่๖..ที่บ้านแก่ง อำเภอตรอน..อุตรดิตถ์..ก็เฉยๆ..รับรู้ได้..แต่ก็ไม่กลัวอะไร..ไม่เล่ารายละเอียด..เพราะไม่เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สืทธิ์
     
  3. SpringDove

    SpringDove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,488
    ค่าพลัง:
    +4,807
    ขอบพระคุณค่ะคุณลุงที่ชอบที่นกเขียนไป...ขอเป็นฝ่ายเขียนให้คุณลุงอ่านสักวัน หลังจากคุณลุงเขียนมาเยอะแล้ว
    สิ่งที่เข้ามาบางทีก็น่าจะเป็นจิตปรุงแต่งไปเองของนกบ้างมั่งค่ะคุณลุง
     
  4. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...หวัดดี..พลศิริ..แกงส้ม..โมทนา..และ..Springdove.......
    .................................................
    ....ที่มา..ที่ไป...แล้วทำ(เอง)ยังไงละ...
    ...............................................
    ........................................................................................
    ...หลักการ..มันก็คล้ายกับ..คุณจะหันเนื้อหนาๆ...คุณกดมีดลงไปทีเดียว
    เนื้อไม่ขาด..ออกจากกัน..คุณต้องไถมีดไป..ไถมีดมา..หลายๆครั้ง..มันจะลึก
    ขึ้น..เรื่อยๆ..จนขาด....ไอ้ที่ต่างกันคือ....
    ....นั่นคุณไถมีดไป-มา..แนวตั้ง...แต่นี่คุณใช้ตะไบ..แทนมีด..และไถไป-มา..แนวนอน
    ..โดยคุณ..จะหั่นอคริลิคส่วนที่..ยกสูงขึ้นจากปีก..ให้ขาดออกจากปีก..แทน....
    .............................................................................................
    ....เริ่มต้น..จะเอาตรงไหน..ก็ได้..ถ้า..ทรงกรอบเป็นแบบโค้งมน..หรือ..กลม...
    (ถ้า..เป็น..สามเหลี่ยม..สี่เหลี่ยม..จะบอกทีหลัง..ถ้ามีโค้งผสมตรง..ก็เริ่มที่โค้ง)
    ....กรอบพระ..วางนอนราบ..เอามือไม่ถนัดจับ..ที่ปีกไว้....
    ..เอาตะไบ(ด้านเรียบอยู่ข้างล่าง)..วางทาบ..บนปีก..โดยให้ริมตะไบ..จรดกับ..
    โคนปีก...จากนั้น..ก็เริ่มไถไปมา..โดยออกแรงกดไปในแนวนอน..ให้ตะไบ..
    กินเข้าไป..ในอคริลิค..ส่วนที่ยกสูงขึ้นจากปีก...อย่ารีบร้อนไถ..ค่อยๆทำ...
    ....คอยหมั่นหยุดตรวจสอบ..ว่า..แนวไถลึกเข้าไป...ขนาดไหน...ถ้ามองไม่ชัด
    ก็..ใช้แว่นส่องเอา.....................
    ............ควรหยุดที่...เกือบจะทะลุ...เราจะไม่ไถให้ทะลุ..ต่อให้..เนื้อพระจริงๆ
    อยู่ห่าง..ก็ตาม...เพราะนอกจากใน..กรณีที่เนื้อพระอยู่ชิด..จะเป็นอันตรายแล้ว
    ...การทำให้..ทะลุ..ไปตลอด..จะทำให้..ส่วนที่ยกสูงขึ้นที่ขาดออกจากปีก..ไปแล้ว
    บางส่วนนั้น..จะกระพือ..หรือ..สั่นในแนวราบมากขึ้น..เพราะมันเป็นอิสสระ..
    ....ผลคือ..จะทำให้สั่นมากขึ้น..จะเป็นอันตราย..เพราะจะทำให้พระที่ชำรุด..
    สั่นไปด้วย....นอกจากนี้..จะทำให้การควบคุมของมือ..ในการไถ..ยากขึ้นด้วย...
    .........เมื่อเราในส่วนแรกได้ตามต้องการแล้ว..เราก็ขยับ..ตะไบ..เลื่อนไปตามขอบ
    ทำไปทีละนิดเรื่อยๆ...โดยรักษาหลักการคือ..เอาแค่เกือบทะลุ..ทำจริงๆบางจุดอาจ
    เลยเข้าไปบ้าง..นิดหน่อยไม่เป็นไร...
    .......เมื่อ..ทำจนรอบ..วนกลับมาถึงที่เดิมแล้ว....ก็..เก็บตะไบได้..ต่อไปนี้..ตะไบ
    ไม่ไเกี่ยว..............
    .............ไปหยิบ..ไขขวงปากแบน..มาเตรียมไว้..........
    ...........................................................................................
    .........อย่าลืมข้อสำคัญคือ..อย่ารีบทำ..เมื่อยให้หยุด...ทำไปพักไป....วันนี้..
    ไถตะไบ..พรุ่งนี้..ค่อยมาแกะ..ก็ได้...หรือ..ใช้เวลาไถตะไบสัก ๓ วันก็ได้
    ไม่แปลก...เพราะสิ่งที่ต้องการคือ..คุณภาพของงาน...เราต้องทำตอนที่พร้อม
    ..และมีความอยากที่จะทำ...ถ้าเริ่มเบื่อ..ต้องหยุดทำ.....
    .......อย่าลืมว่า..พระของเรามีความสำคัญ..และชำรุด...ความละเอียด..และ
    รอบคอบ..คือ..สิ่งสำคัญ.....
    ............................................................................................
    .......หยิบกรอบพระ..เอาแว่นมาส่องดู..รอยที่เราไถไว้....คุณจะเห็นว่า..
    ....ความกว้าง..ของร่องบากที่เกิด..ที่ผิวด้านนอก..จะกว้างกว่า..ด้านใน
    เยอะ..เพราะไปไปตามรูปทรงของ..ตะไบ ๘ค่ำ..ที่ส่วนบนโค้งนูน.....
    ........และนั่นทำให้เรา..สามารถสอด..ปากไขขวงเข้าไปได้....
    (..ผมบอกไปแล้ว..ในการเลือกไขขวง..อย่าเอาแบบปากหนา...)
    .....................ต่อตอนหน้าครับ..............................
     
  5. dinso

    dinso เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,863
    ค่าพลัง:
    +9,562
    ตามมากิน เอ้ย ตามมาอ่านเช่นกันครับ แหะๆ
     
  6. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    มารับการบ้านครับอ้ายมด
    ร้อนนะครับผม รักษาสุขภาพด้วยนะครับ:cool:
     
  7. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..หวัดดี..ดินสอ..และ..พลศิริ...
    ....มาเรื่องทำพระ..กันต่อ.....
    ..ต่อไปนี้..เป็นส่วนสำคัญ..นั่นคือบทสรุป..และ..การวิเคราะห์กลับไปในอดีต..ถึง..การทำพระในยุคนั้น..ด้วยสติปัญญาของผมเอง..ใช้หลักความเป็นจริง..สภาพแวดล้อม..เครื่องมือ..คน..ในยุคนั้น..เทาที่ผมค้นคว้าได้..มาเป็นองค์ประกอบ.


    ...........ตอนนี้..ก็..มาถึง..การวิเคราะห์..ในการทำพระ..ต้นแบบ........
    ...พระกรุต้นแบบนี้..ผิด..จาก..กรุวัดเกษไชโย..อย่างเห็นได้..หลายอย่าง...
    ..เช่น..ความเรียบร้อย..ซึ่ง..ในภาพรวม..จะเห็น..ความสม่ำเสมอ...
    ในแต่ละพิมพ์..ของวัดเกษฯ..อย่างชัดเจน...ซึ่งยุคโบราณ..วิญญาณของ
    ช่าง...นั้น..ทำอะไร..ต้องให้ดี..และไว้ฝีมือ..แต่มันมีปัจจัย..เข้ามาแทรก....ทำให้
    ความประณีต..ความละเอียดลดลง.......
    ....๑ ปริมาณ..และ..เวลา.....การจัดสร้าง..พระต้นแบบ..ที่มาจากเสมียนตราด้วง..นั้น
    ..นอกจาก..จะไม่ใช่ดำริ..มาจากสมเด็จโต..แต่ขอรับความกรุณา..จากท่าน..ความตั้งใจ
    ที่จะ...บรรจุพระ..ให้ได้ตาม..พระธรรมขันธ์...ทำให้..ผู้สร้างต้องเจอ..งานช้าง...หมายกำ
    หนดการ..ก็..ต้องวางไว้...แต่อาจจะเพราะ..ในยุคนั้น..ไม่เคยมีใคร..ทำพระมากขนาดนี้
    ..การวางแผน..การจัดอัตรากำลังคน..(ก็พวก 5M).....ต่างๆนานา...คงไม่ได้..ตามนั้น...
    ...เมื่อ..ใกล้วัน..ตามกำหนดการ..จำนวนพระ..ยังไม่ได้..ก็คงต้องเร่ง..มือกัน...มันแสดง
    ได้..แจ่มชัด...จาก..การตัดขอบ..หรือ..ความเรียบร้อย..ของพระ..ที่พบ..ซึ่งไม่ใช่วิสัย..ของ
    คนยุคนั้น..ที่พระ..ควรจะเป็น..สี่เหลี่ยมผืนผ้า..กลายมาเป็น..สี่เหลี่ยมคางหมูบ้าง.....
    สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนบ้าง....ซึ่งแทบจะไม่..ปรากฏในกรุวัดเกษฯ...ขอบพระที่ปลิ้นขึ้นมา..
    มากบ้าง..น้อยบ้างไม่เท่ากัน...ซึ่งจะไม่มี..ในวัดเกษฯ(..ซึ่งตามสันนิษฐาน..ของผม..หลังจาก
    ได้ทดลอง..ทำขอบพระต้นแบบ..แล้ว..ก็เข้าใจอะไร..มากขึ้น...จึงประเมินได้..ว่า...พระวัด
    เกษฯ...ที่ขอบออกมาดูดีได้..นั้น..เพราะไม่ต้องตัดขอบ.....(แต่มีตบแต่ง..เพื่อความเรียบ
    ร้อย..บ้าง...)
    ..............ทำไมหรือครับ......ก็เพราะ...กรอบพิมพ์ของ..วัดเกษฯ..เล็กมาก..เมื่อเทียบอัตรา
    ส่วนกับ..ขอบพระ...มีที่ว่างเยอะ..ไม่ชิดอย่างพระต้นแบบ...สามารถ..ทำแม่พิมพ์ด้านข้าง
    ให้มี..ขนาดเท่ากับ..ขนาดพระที่ต้องการได้เลย..เมื่อถอดพิมพ์พระ..ออกมา..ก็..เสร็จ.....
    ไม่ต้องไป..ตบแต่งเพิ่มเติม..ให้..พระอยู่ในรูปทรงที่ดี..จากการที่ตัดขอบไม่พอดี..จนทำให้
    เนื้อปลิ้น..ขึ้นไปด้านบน..ซึ่งเมื่อท่านพิจารณา..พระต้นแบบหลายๆองค์จะเห็นว่า..พระพิมพ์
    เดียวกัน..ระยะห่างจากขอบพระ..จนถึงกรอบพิมพ์..ก็ไม่เท่ากัน..ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัด..ที่เร่งรีบ
    นั่นเอง..).....นักเรียน..ที่อ่านประวัติมาบ้าง..ก็คงจะทราบว่า..จำนวนพระวัดเกษฯ..นั้นน้อย..
    เมื่อเทียบ..กับ..พระต้นแบบ...การทำจึง..คงทำได้สบายๆ..ตามหมายกำหนดการด้วย..ไม่ต้อง
    มาเร่งรีบ..งานก็เลยออกมาดี....
    ....๒ ขั้นตอน..และ..วิธีการสร้าง...(..ก็พูดไปบ้างแล้วใน..ข้อ ๑)
    ....จะเห็นได้ว่า..ไม่ว่า..ขอบ..หรือ..ด้านหลังพระ..จะมีการตบแต่ง..อย่างเรียบร้อย..ผิดกับ..
    พระต้นแบบที่..เรียกได้ว่า..ขั้นตอนนี้...แทบไม่มี..คือ..สันนิษฐาน..ว่า..พระจำนวนแรกๆ..ก็คงมี
    บ้าง..แต่พระจำนวนหลังๆ(เป็นส่วนใหญ่)..ก็คงอย่างที่เห็นกัน..คงรีบทำกัน..จนไม่มีเวลา...
    ....๓ เนื้อพระ..จะเห็นได้ชัดว่า..เนื้อพระวัดเกษ..จะค่อนข้าง..มีความสม่ำเสมอ..และ..เนียนกว่า
    ..จะเห็นได้ชัดว่า..พวกมาวสารใหญ่..อย่างเม็ดปูน..เป็นต้น..นั้น..จะพบน้อย..เมื่อเทียบกับ..พระ
    ต้นแบบ...จึงทำให้..พระออกมาดูดีเรียบร้อยกว่า...
    ..........ผมจะไม่เทียบกับ..พระวัดระฆัง..เพราะนั่น..เป็นการทำ..ออกมาเรื่อยๆ..ไม่ได้ใส่กรุ..
    ..............จากการวิเคราะห์..และ..ประเมิน..จากเหตุผล..ทั้งหลาย..ผมจึงสรุป..ได้ว่า.....
    ...อาจเป็นไปได้..ที่..การที่..เนื้อปลิ้น..ขึ้นมาที่ขอบด้านบน..ของพระ..ต้นแบบ..มาจาก..
    การกระทำที่..ใกล้เคียง..หรือ..เป็นแนวทางเดียว..กับ..ในการเลียนแบบ..ที่ผม..ทำ...
    ...แต่ก่อนจะ..ไปถึง..ตรงนี้..ผมมีข้อสังเกต..อย่างนึง..ที่..ผมว่าไม่น่าเป็นไปได้....
    .....ซึ่งผมพูดไปบ้างแล้ว..ตอนต้นๆ...แต่ก็จะ..มาพูดซ้ำอีก..พร้อมกับ..เหตุผล...
    เพิ่มเติม..เพื่อ..ความสมบูรณ์..ในการวิเคราะห์..ของผม..คือ....
    ..เรื่อง...การตัดขอบ..จาก..ด้านหลังพระ..ไปทางด้านหน้าพระ.................
    ...................ต่อตอนหน้าครับ................................
     
  8. dinso

    dinso เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,863
    ค่าพลัง:
    +9,562
    ขอบคุณสำหรับ บทความดีดีนะครับพี่มด
     
  9. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    มารับการบ้านอีกแล้วครับอ้าย
    แต่ยังบ่ทันมีเวลาทำส่งเลยครับ:cool:
     
  10. SpringDove

    SpringDove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,488
    ค่าพลัง:
    +4,807
    สวัสดีค่ะคุณลุง ขอบพระคุณที่เขียนเรื่องราวดีๆ ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาค่ะ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..ขอบคุณมาก..สำหรับภาพSitting Bull ภาพนี้..เพราะดู..แล้วสงบ..นิ่งมาก..สมกับเป็น หัวหน้าเผ่าผู้ยิ่งใหญ่..แม้จะขมขื่นในใจส่วนลึกๆ...แต่ท่านก็ต้องอยู่เพื่อเป็นสัญญลักษณ์..และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว..ของ..คนในเผ่าทั้งหมด..แทนที่จะซังกะตายกับชีวิตอันชอกช้ำ..ที่เหลืออยู่..ก็ออกไปโลดแล่น..ในโลกให้คนได้ประจักษ์
     
  12. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,523
    ค่าพลัง:
    +30,862
    หวัดดีครับพี่มดพงษ์และสมาชิกทุกๆท่านครับ:cool:
     
  13. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...หวัดดี..ดินสอ..พลศิริ..และBAT(นี่หายไปนานเลย)..
    ......................................
    ..ที่มา...ที่ไป..แล้วทำ(เอง)ยังไงละ
    .......................................
    .......................................
    ..............................................................................
    ......มาถึงตอนนี้..จะเป็นเครื่องพิสูจน์..ว่าคุณทำได้ดีขนาดไหน..
    นั่นคือ..ถ้าคุณบากเข้าไปเกือบทะลุ..โดยรอบฝา....เมื่อคุณสอด
    ปากไขขวงเข้าไป..แล้วบิดข้อมือ(..แบบไขตะปูควงนั่นแหละครับ)
    ..ไม่ต้องออกแรงนัก..มันจะแยกตัวออก..จากกัน..บางส่วน...คุณก็
    เลื่อนปากไขควง..ไปยังส่วนที่ติดกันอยู่แล้วบิดใหม่...ถ้าทำได้ดี
    ..ไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง..ฝาส่วนที่ยกขึ้นมา..จะแยก..ออกจาก..กรอบ
    ทั้งหมด...แต่ถ้าต้องออกแรงเยอะ..แสดงว่า..ร่องบากยังลึกไม่พอ..
    ...และ..ถ้าต้องออกแรงเยอะ..และอคริลิคที่จุดนั้น..ร้าว..ต้องหยุด
    ทันที...แสดงว่า..มันตื้นไป...ต้องไถเข้าใหม่..ให้ลึกจนเกือบทะลุ
    ..แล้วก็ต้องเอาแว่นส่อง..เช็ค..จุดอื่นๆ....เมื่อคิดว่าได้ที่แล้ว....ให้
    เอาไขขวง...เปลี่ยนตำแหน่ง...ไปสอดที่จุดอื่นแทน...เพื่อกัน...
    มันร้าวมากขึ้น...ซึ่ง..อาจไปกระทบกับตัวองค์พระได้....และอีกอย่าง
    นึงคือ...การส่งผ่านแรงที่จุดนั้น..จะเสียไป..เพราะเมื่อร้าว..อคริลิค
    ที่จุดนั้น..เมื่เกิดแรงขึ้น..มันจะไม่กระจาย..แต่แรงมันจะพุ่งเข้าไปสู่จุดร้าว
    แทน..ทำให้..รอยร้าว..จะขยายไป...มันไม่กระจายไป..ที่ร่องบากที่ติดกัน..
    ....ซึ่งมันเป็นหลักการทางฟิสิกส์....
    ............จะเห็นได้ว่า...วิธีนี้..ถ้าเราละเอียดรอบคอบ..ก็จะกระทบกระเทือนกับ
    องค์พระ..น้อยมาก..........
    ...........สำหรับ..กรณี..กรอบแบบทรง..สี่เหลี่ยม..สามเหลี่ยม..หรือ..แบบที่มี
    แนวตรงยาวๆ..นั้น.....
    ......ตำแหน่ง..ที่เริ่มทำ...คือ..ตำแหน่งที่..เป็นเหลี่ยม..หรือ..มุมแหลม..ตรงไหน
    ก็ได้....ทำให้ร่องบากที่ตรงนั้น..เกือบทะลุในแล้ว...เมื่อขยับที่..ต่อมา...ให้เปลี่ยน
    วิธีไถคือ...แทนที่เราจะใช้กลางๆตะไบ..ที่ได้แรงดี..ให้เราไปใช้ส่วนที่เป็นปลาย
    หรือ..ค่อนไปทางปลายแทน..เพราะไม่งั้น..ตะไบเรา..เมื่อมาเจอแนวตรง....
    เราจะต้องออกแรงเยอะ..กว่าเดิม..เนื่องจาก..คมตะไบ..มันจะขนาน..ไปกับ..
    อคริลิค..ที่เราจะบากร่อง...ตะไบมันจะ..กัดอคริลิคเป็นแนวยาว...จึงต้องใช้แรง
    มาก...และ..นอกเหนือจากนั้น..ทำให้เราควบคุม..ความลึกของ..ร่องบากได้ยาก
    ....มันก็คล้ายกับ..เราหั่นอะไรซักอย่างที่มันแบนๆ...โดยใช้มีดทำครัว...เราก็ใช้
    ส่วนปลาย(ที่มันโค้งๆ)ของมีด..ไล่หั่นมาเรื่อย..จนขาด..ทั้งอัน.......
    ......แบบนี้..จะเมื่อยหน่อย..เพราะออกแรงมากกว่า..แบบกรอบโค้ง...แต่หลักการ
    ยังเหมือนเดิม..คือไล่บาก..มาเรื่อยๆ..ขยับไปจนรอบ..กลับไปที่เดิม....
    .....ในขั้นตอนที่ใช้..ไขควง....เรา..จะทำที่จุดที่เป็นเหลี่ยม..หรือ..มุม..ก่อนเสมอ..
    ...มีกี่เหลี่ยม...ก็ทำ..ตรงนั้นก่อน..ถ้า..สี่เหลี่ยม...ก็ทำก่อน..สี่จุด..แล้วถึงค่อยมา
    ทำที่แนวตรง....เรื่องนี้ก็..เพราะวัสดุใด..ที่ถูกทำให้..มันเป็นเหลี่ยม..หรือ..เป็น
    มุม..มันจะมีความแข็งแรงที่จุดนั้นมากกว่า...เรียบๆธรรมดา...หลักฟิสิกส์เช่นกัน
    ครับ.....
    .......ตอนนี้..เราก็..สามารถเปิดฝา..ได้..ถ้าเลี่ยม..แบบที่ ๑ หรือ ๒..เราก็..แค่ค่อยๆ
    พลิกกรอบกลับ..ลงบนผ้าขนหนูที่..รอง...พระก็จะออกมาได้...หรือแม้แต่..แบบที่๓
    ..ซึ่งในกรณีปกติ...ถ้าถ้าไอ้ช่างเลี่ยม..มันทำใส้กลางค่อนข้างคับ...พระถูกอัดไปติด
    กับ..ช่องในใส้กลางนานไป..เราเคาะเบาๆ..แล้ว..พระก็ยังไม่ออก..ก้ต้องมาว่ากันต่อไป
    ........................ต่อตอนหน้าครับ..........................
     
  14. เขมทัต

    เขมทัต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2007
    โพสต์:
    623
    ค่าพลัง:
    +2,252
    ขอบคุณครับอา ได้ความรู้หลักฟิสิกส์แถมมาด้วย :cool:
     
  15. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...หวัดดี..เขมทัต..ขอบคุณ..ไอ้เรื่องฟิสิกส์..นี่..ยังไงมันหนีไม่พ้นหรอก...ถ้าเราจะวิเคราะห์..หรือจะทำอะไร..ขึ้นมาซักอย่าง.
    .....................................................
    ....ก็มาถึง..ตอนสำคัญ..ที่เถียงกันนัก..กันหนา..มา..๕๐-๖๐ ปี...
    ...ขอให้อ่านช้าๆ..พยามยามทำความเข้าใจไปแต่ละบรรทัด..ไม่เข้าใจอ่านซ้ำ
    ...ถ้าทำความเข้าใจ..มาแต่ต้นเรื่องแล้ว..จะเข้าใจได้ดีขึ้น....
    .....ผมวิเคราะห์นี่จะไม่เหมือนใครที่ไหน..และ..ไม่มีการไปลอกใครทั้งสิ้น..
    ...กลั่นมาจากสมองผมเอง......


    ............ ๑ การตัด..จาก..หลัง..ไปข้างหน้า..ก็แสดงว่า..พระต้องคว่ำ..หน้าลง..เอาหลังขึ้น..
    ..ด้านหน้า..พระก็..ต้องยังอยู่กับ..แบบ..เพราะไม่งั้น..เมื่อออกแรงกดตัด..พิมพ์พระ..ก็ยุบ
    แน่..เนื่องจากเนื้อยังไม่แข็งเต็มที่...ดังนั้น..ส่วนด้านหน้าพระ..ทั้งหมด..ต้องมี..แม่พิมพ์รับอยู่
    ....ขอบจะไม่มีทาง..ปลิ้นไปทาง..ด้านหน้า..อย่างที่เห็นได้..เด็ดขาด...ก็จะมีคนสงสัยว่า...
    ..อ้าว..แล้ว..ถ้าตัด..จาก..หลังไป..หน้า..พอเอา..พระออกจากพิมพ์..พลิกพระ..กลับด้านแล้ว
    มา..แล้ว..เอามีดมาดัน.กด..แบบเดียวกัน..ด้านหน้าพระ..ก็ไม่มีอะไร..ค้ำแล้วนี่....
    ....เหตุผล...ที่มันจะไม่เกิดอย่างงั้น..มันอยู่ใน..ข้อ ๒...ครับ....
    ...๒ การที่..ออกรูปแบบของพระ..ต้นแบบ..ที่ให้..กรอบพิมพ์..ชิด..กับ..ขอบพระมากไป...
    (ตรงกันข้าม..กับ..กรุวัดเกษฯ)...ทำให้..แม่พิมพ์..ด้านข้าง..ต้องใหญ่กว่า..ขนาดพระ..เพื่อ
    เป็นการ..เผื่อ..ระยะไว้ตัด..เมื่อ..พระหันหลังขึ้น..คุณจะไม่มีทางเห็น..กรอบพิมพ์..เพราะ
    มันอยู่ด้านหน้า..พระ..ถ้าจะตัดลงไป..ให้ใกล้ขอบ..คุณจะเล็งยังไง..จะรู้ได้ยังไง..ว่าใกล้..
    ถ้าคุณ..กะ..พลาด(ซึ่งโอกาศ..พลาดสูง)..คุณ..อาจจะตัด..กินเข้าไป..ในกรอบพิมพ์...
    ..หรือ..หนัก..กว่านั้น..กินเข้าไปถึง..ซุ้มพระ..ด้วย......ก็เป็นอัน..จบ...ใช้ไม่ได้..ต้องทำใหม่..
    ....หรือ..คุณ..กลัวจะใกล้กรอบพิมพ์..ก็เลยเผื่อ..ซะเยอะ..ออกมา..ห่างไป..ต้องตัดอีกรอบ
    .....พระจำนวน..เกือบ..๙หมื่น..องค์...ถ้า..ทำมา..๔-๕ องค์..เสียที...หรือ..๔-๕ องค์..แล้ว
    ต้องมา..ตัดขอบใหม่..ซ้ำซากแบบนี้...ผมว่า..ผู้ควบคุมงาน..ก็ต้องโดนถ่วงน้ำแน่......
    ....จึง..เป็นข้อที่แสดงเหตุผล..ย้อนไปหา..ที่..ข้อ ๑ ที่ผม..บอกว่า..มันจะไม่เกิดแบบนั้น
    ..นั่นแหละครับ........
    ......................ผมย้อนกลับมา..ที่ว่า..รูปแบบการที่กด..มีดด้านข้าง..ทำให้ขอบปลิ้น..ขึ้น
    มัน..อาจจะเกิด..จริงใน..ยุคนั้นเพราะ....
    .... การเร่งรีบ..ในการสร้าง..หรือ..การเหนื่อยล้า..ทำให้..การตัดขอบเบี้ยว...เมื่อเบี้ยวแล้ว
    ตาม..สัญชาติญาณช่าง..การจะมาตัดเล็มนั้น..ก็จะทำให้..เส้นขอบไม่ตรง..และ..ทำให้งานช้า
    ลงไปอีกมาก..เมื่อเห็นว่า..เนื้อพระยังไม่แข็ง..การเอามีด..ดันกดที่เบี้ยว..ให้เข้าไป..ย่อมทำได้
    ง่ายกว่า..และ..เส้นขอบ..ก็ยังตรง...ผมสังเกตว่า..ตรงนี้เป็นไปได้เยอะ..เพราะจากที่..เห็นมา
    หลายองค์..การปลิ้นของเนื้อ..ที่ใกล้ขอบมุมพระ..มีความสูงกว่า..บริเวณ..กลางๆขอบ....
    .......การที่เนื้อปลิ้นขึ้น.สูง..ใกล้เคียงกัน..ตลอดทั้งด้าน..ก็..แสดงว่า..ตัดห่างไปหน่อย..แต่..
    ขนานกับ..กรอบพิมพ์..เวลากดด้านข้างเข้าไป..ก็กดขนาน..กรอบพิมพ์..เนื้อก็เลยปลิ้น..ขึ้น
    ใกล้เคียงกัน...........
    ....อีกอย่าง...ผมว่า..มันยาก..ที่จะตัดขอบ..ออกมา..ให้ชิดกรอบพิมพ์มากๆ..โดยที่ต้องเร่งทำ
    เพราะ..เสียเวลา..เล็งนาน..สู้ตัดเผื่อออกไปสักนิด...แล้ว..ค่อยกด..กลับมาหน่อย..จะง่ายกว่า
    ...และยังไง..พระก็ไม่เสีย...
    ..........นี่เป็นมุมมอง..และ..เป็นการวิเคราะห์..ด้วยเหตุผล..และ..ความน่าจะเป็นของผมเอง
    ..ไม่ได้อ้างอิงใคร...และไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อนะครับ...นักเรียนอ่านไป..ก็..คิดเอา..แต่ควรจะ
    อ่านช้าๆ..หลายๆรอบ..หน่อย..ก่อนจะตัดสินใจ..........
    ..........ต่อตอนหน้าครับ............
     
  16. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    สวัสดีครับคุณอา...และสมาชิกทุกท่าน มาติดตามบทความ ความรู้สาระดีๆเหมือนเดิมครับ
     
  17. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ซำบายดียามฮ้อนครับอ้ายมด
    มารับการบ้านต่อครับ หาเ้วลาทำงานส่งยากจริง ๆ ครับผม:cool:
     
  18. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...หวัดดี..เฉียวฟง..และ..พลศิริ...
    .........................................................
    ....ที่มา..ที่ไป...แล้วทำ(เอง)ยังไงละ...
    ...........................................................

    ......................................วิธีแรกนี้...พอช่วยได้บ้าง..กรณีไม่แน่น..หรือ..คับจนเกินไป...
    จริงๆแล้ว..ก่อนที่จะทำต่อไปถ้าไม่ได้ผล..ควรทำแบบนี้ก่อน...อันนี้เป็นพระของเราเอง
    ก็ไม่ต้องห่วงเรื่อง..การลองหลายๆวิธี....ก่อนอื่น...เอาแป้งเด็กธรรมดา...หรือ..ดินสอพอง
    ป่นละเอียด..ก็ได้..เอามาโรย..ส่วนระหว่าง..พระกับ..ใส้กลาง...ส่วนที่คิดว่า..น่าจะติด..
    (เอากล้องส่องดู..จะสังเกตพอได้)..ไม่ต้องห่วงว่า..จะมีผลอะไร..เพราะเมื่อพระออก
    แล้ว..เราก็เอาพู่กันปัดออก...แล้วเอาสำลี..ขัดอีกที....
    ........แป้ง..ที่โรยเนื่องจากอนุภาคมันเล็กมาก..มันจะเข้าไปแทรกตัว..ในช่องเล็กๆตามผิว
    ที่ติด...และจะทำหน้าที่..คล้ายๆกับ..ตัวหล่อลื่น..เนื่องจากความเนียน...ก็คุณลองเทลง
    ฝ่ามือ..แล้วถูไปมา..มือคุณยังเนียนเลย...ไม่ต้องประหยัด..หยอดลงไปเยอะ..
    ....เพราะ..เมื่อพลิดพระกลับ..เพื่อจะเคาะ..อีกที...แป้ง..ที่หล่นไปที่ฝาหน้า..จะกลับลง
    มาแทรกตัว..ระหว่างผิวพระ..กับ..อคริลิคอีกด้าน...เมื่อเราค่อยๆ..เคาะไปเรื่อยๆ...
    แป้ง..ก้จะแทรกตัวไปเรื่อย..ทำหน้าที่..ลดความเสียดทานระหว่างผิว...พระก็จะสามารถ
    หล่นลงมาได้........
    .............แต่ถ้า...ทำอย่างนี้แล้วไม่ออก...ก็ต้องเล่น..บทโหด(..โหด..กับ..กรอบ..นะครับ
    ไม่ใช่..โหดกับ..พระ)...คือ..ต้อง..กระทำการศัลยกรรม..กรอบพระ...ซึ่ง..วิธีนี้...กรอบ
    แบบที่ ๔ ต้องใช้อยู่แล้ว........
    .....สำหรับ..กรณีพวกที่เลี่ยมพระเอง...กับพวกที่ฉลาด...ในกรอบแบบที่ ๔ นั้น....หลายท่าน
    ใช้..ไอ้ฟองน้ำแผ่นสีแดง...ที่เขาแถมมา..กับ..กรอบพระแบบแสตนเลส...หรือ..บางท่าน
    ที่ไม่ใส่เอง..ให้ร้านใส่ให้เลย..เขาก็จะใช้มันเป็นตัวยึดพระกับ..กรอบโดย..สอดไว้..ระ
    หว่าง..ขอบพระกับ..กรอบอยู่แล้ว..เนื่องจากคุณสมบัติที่ยืดหยุ่น..ของมัน...ก็ทำให้...
    ...พระ..สามารถ..ยึดติด..กับกรอบโดยไม่คลอนไปมา..ขณะเดียวกัน..สามารถเอา..พระ
    ออกได้ง่าย..โดยไม่เสียหาย..อะไร...เมื่อมันหลบ..อยู่ในกรอบแสตนเลส..การสังเกต
    จะเป็นไปได้..ยาก..และจะดูกลมกลืนดี..แต่เมื่อเอามาใช้ในกรอบถาวร..อคริลิค...ที่ทำ
    เอง...หรือ..สั่งให้ร้านทำแบบนี้...มันจะดูแล้วขัดๆตาไปหน่อย...ส่วนใหญ่จะไม่ค่อย
    ชอบกัน...เพราะสีมันโดดมาก...
    ......กรณีนี้..ง่ายมาก..แค่เอาฝาหน้า..หรือ..ฝาหลังออก..อย่างใดอย่างหนึ่ง...แล้ว
    เอา...ไม้จิ้มฟันไม้ไผ่..ปลายแหลม..ค่อยๆแงะเอาแผ่นฟองน้ำออก...พระก็หลุดออก
    มาได้โดยง่าย.....
    ......แต่ถ้าเป็นแบบ..ที่ผมเล่าให้ฟังทีแรกๆนั้น..ใช้น้ำยาเชื่อมอคริลิค..ไล้ผิวด้านในใส้
    กลาง..แล้วเอาพระอัดเข้าไป...อันนี้ละ..ต้องออกแรงกันหน่อย....
    ................ต่อตอนหน้าครับ....................
     
  19. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    นักเรียนภาคเช้าครับผม
    ซำบายดีครับอ้ายมด ฮ้อนนะครับประเทศไทยเราเนี่ย ช่วยกันปลูกต้นไม้บ้างนะครับ:cool:
     
  20. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    หวัดดี..พลศิริ....
    ....มาเรื่องพระ..กันต่อ...ตอนนี้..เป็นตอนจบ..ครับ
    ..................................


    ................................
    ..............จริงๆแล้ว..ผมว่า..ไม่ต้องไป..ย้อนอดีต..หาความจริง..เพราะ..ไม่มีใคร..
    พิสูจน์ได้..จริง..จะพิสูจน์ได้จริง..ต้องมีหลักฐานบันทึกเป็น..ลายลักษณ์อักษร....
    หรือ..เอาผู้ดำเนินการสร้าง..มาเล่า..แล้วจดบันทึก..ซึ่ง..หาไม่ได้..แน่นอน..เพราะ
    ตายกันไปหมด..เกือบร้อยปี..แล้ว......ไอ้ที่นักเรียน..พอทราบมา..ก็มาจากคำบอก
    เล่ามาก่อน...คนเล่าให้..ผู้สนใจ..ก็ไม่ได้สร้าง...ได้ยินเขามาอีกต่อ..ถึงได้มาจดบันทึก
    กัน...การสันนิษฐาน..ก็..มาจากพวกปรมาจารย์..ทั้งหลาย...ซึ่งต้องเคารพ......
    ...............อย่างผม..คือ..ไอ้หมาตัวนึง....ใช้หลักการ..เชิงวิทยาศาสตร์..และ..ความ
    น่าจะเป็น...มาวิเคราะห์...ก็อ่านเล่น..เอาสนุก..แล้วกัน......
    ...............สู้มา..รู้ว่า..เขาปลอมยังไง..ถึงได้ออกมาใกล้เคียงดีกว่า....เพราะนี่คือ..สิ่ง
    ที่คุณ..ต้องเผชิญ..ต้องสู้..กับมัน...และ..คุณจะหยุด..ศึกษา..ไม่ได้..เพราะ..คนปลอม
    พระ..เขาศึกษากันตลอด..เขาพัฒนา..ตลอด..ยิ่งเวลานานขึ้น..ก็ยิ่งใกล้เคียงขึ้น....
    ....ไอ้แบบที่..ผมมาเล่า..มันก็เป็น..แบบโบราณ...ยุคนี้..เป็นไปถึงขั้นไหน..ก็..ไม่ทราบ
    .....อีกอย่าง...ผมก็พยายาม..จะไม่ไปพูด..ถึง..พระที่..สมเด็จโต..ท่านสร้าง..มาแต่ไหน
    แต่ไรแล้ว...เพราะมีแต่ความขัดแย้ง...คน(คิดว่าตัวเอง)เก่ง..เยอะ....เดี๋ยว..ก็จะมาป่วน
    กระทู้ผม...ทำให้ผมหงุดหงิด..เสียเปล่าๆ..พาลไม่เขียนต่อไปเลย..เพราะขี้เกียจทะเลาะ
    กับ..เด็กๆ...............
    ...........ที่ผม..ยอมที่จะมาเขียน..ส่วนนึง..ก็เพราะ..นี่มันเป็น..แค่เรื่องเล็กๆ..ส่วนเดียว..
    ของพระ..ตระกูลสมเด็จ..ที่ยังมีข้อโต้แย้งกันบ้าง...ถ้านักเรียน..ที่นิยม..ชมชอบใน..พระ
    ตระกูลนี้..ลงลึกๆไปมากๆในเชิงกายภาพ...(คล้ายๆผม)..ท่านก็อาจจะไม่อยากเล่น..พระ
    ตระกูลนี้เลย..ก็ได้..เพราะน่ากลัว...ผมเศร้านะ..เวลาที่ได้ทราบว่า..บางคนเอาพระ..ที่ได้
    มรดก..มาจาก..ทวด..เลี่ยมทองมา..แน่นหนา..จะปล่อยพระให้เซียน..พอแกะ..ทองออก
    มา..เซียนส่ายหน้า....กลายเป็น..ของปลอม..มันช็อค..ความรู้สึก..เอาไป..ออกตัวที่
    ไหน..ก็ได้คำตอบ..เหมือนกัน..หมด...เพราะข้อมูลที่ได้รับทราบมา..มันไม่เพียงพอ....
    ...พวกรุ่นโบราณ..ก็ไม่ได้เล่า..อย่างที่ผมเล่า..ทั้งๆที่ก็รู้...เหมือนอย่างเดี๋ยวนี้..ที่มีคน
    เข้าใจกันผิด...ที่..พระผงรุ่นใหม่ๆ...เลี่ยมไว้..อยู่ดีๆ..มีเนื้อขาวๆ...งอกขึ้นมา..กระจาย
    กันทั่วองค์....แล้วไปตีความกันอย่างอัศจรรย์...ผมเห็นมายิ่งในยุคนี้..ยิ่งไปกันใหญ่..
    ...ผมก็อยากจะเขียน..อธิบาย..แต่ความเชื่อมนุษย์..ที่พร้อมจะรับกับเรื่องปาฏิหารย์
    อยู่แล้ว..มากกว่า..ที่จะยอมรับความจริง...มันมาก..กว่ามาก...ถึงผมเล่าไป..ก็คงมีคน
    สาปแช่งในใจ..ซะมากกว่า...ผมก็เลยเฉยๆ...คิดว่ามันเป็นอะไร..ก็คิดไปเถอะ....
    ...เพราะคิดอย่างงั้น..แล้วมีความสุข..ได้รับข้อมูลจาก..ผมแล้ว..อาจจะเขว..แล้วเป็น
    ทุกข์...ก็พลอยทำให้ผม..ไม่สบายใจไปด้วย...
    ..........ทำนองเดียวกัน..ในเรื่องพระสมเด็จฯ....ถ้าคุณมีพระอยู่..แล้วแน่ใจ..มั่นใจ...
    เชื่อมั่น...อย่าเอาไปให้ใครดู..เก็บไว้ดูคนเดียว...ใครถามว่ามีมั้ย...ก็บอกว่า..ไม่มี....
    อย่าไปห้อยโชว์ใคร....แค่นี้..ก็มีความสุขแล้ว.............................
    .........หวังว่า..นักเรียนทั้งหลาย..คงได้อะไรไปบ้าง..ไม่มากก็น้อย..แล้วแต่..บุคคล..
    ...........แล้วพบกันใหม่..ในตอนใหม่..สำหรับตอนพิเศษ..จบแล้วครับ.......
    .............................พบกับ..ตอนใหม่ครั้งหน้าครับ.................................
     

แชร์หน้านี้

Loading...